ผู้เขียน หัวข้อ: เรื่องจริงอิงนิทานที่เขียนโดยหลวงพ่อพระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ)  (อ่าน 7732 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ ธรรมะรักโข

  • มีสติ...กำหนดรู้...อยู่ที่จิต
  • อัฏฐมะ
  • ***
  • กระทู้: 749
  • เพศ: ชาย
  • ผู้รักษาธรรม
    • ดูรายละเอียด
ขอเตือนว่าข้อความที่ท่านจะได้อ่านต่อไปนี้ เป็นเรื่องจริงอิงนิทานที่เขียนโดยหลวงพ่อพระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) วัดท่าซุง อ.เมือง จ.อุทัยธานี หากท่านบังเอิญได้มาอ่านข้อความนี้แล้วไม่เห็นด้วย ก็ขอให้ท่านทำใจเป็นกลาง ๆ อย่าเพิ่งเชื่อ และอย่าเพิ่งไม่เชื่อ เพื่อความปลอดภัยของท่านเอง เพราะทุกวันนี้ในนรก ได้ข่าวว่าไม่มีที่จะให้อยู่แล้ว แน่นเอียด เพราะมนุษย์ทำแต่บาป หนึ่งในสาเหตุที่ทำให้ตกนรกโดยไม่รู้ตัวก็คือการด่าว่าหรือดูถูกปรามาสพระอริยเจ้านั่นเอง เพราะฉะนั้นจึงขอเตือนท่านไว้ล่วงหน้าว่า อย่าได้ปรามาสดูถูกหลวงพ่อฤาษีลิงดำโดยเด็ดขาด!
เริ่มเรื่อง
เนื่องจากหลวงพ่อฯ ได้นิมิตเห็นพระพุทธเจ้าอยู่เสมอ จึงได้ฟังพุทธพยากรณ์จากพระพุทธเจ้าโดยตรง
มีคนเล่าว่าในอดีตชาติหลวงพ่อท่านเคยเกิดเป็นลูกของพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันมาหลายชาติ ดังนั้นพระพุทธเจ้าท่านจึงทรงเมตตาหลวงพ่อฯมากเป็นพิเศษถึงขั้นมาสนทนาด้วยได้ แม้แต่ในประวัติของหลวงปู่มั่นก็ยังมีตอนหนึ่งกล่าวว่าพระพุทธเจ้าหลายพระองค์ได้เสด็จมาอนุโมทนาที่หลวงปู่มั่นท่านสำเร็จเป็นพระอรหันต์ ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่หลวงพ่อฤาษีลิงดำท่านจะสามารถติดต่อกับพระพุทธเจ้าได้
จากข้อความบางตอน ....
" พุทธพยากรณ์ วันที่ 20 สิงหาคม 2531

พระที่จบ ป.4 มี 4 องค์
พระที่จบ ป.3 กำลังเรียน ป.4 มี 17 องค์
พระจบ ป.3 ยังไม่เข้าเรียน ป.4 มี 13 องค์
ป.2 ที่เป็นพระจบ 1 องค์ ที่เป็นฆราวาสจบ 32 คน
ป.1 พระ 13 องค์ ฆราวาส 137 คน
"อีก 10 ปี พระจบ ป.4 อีก 7 องค์ นอกนั้นจบเมื่อใกล้ตาย ฆราวาสจะจบ ป.4
เมื่อใกล้ตายจากนี้ไปอีก 50 ปี อีกนับแสนคน..."
(ป.1=พระโสดาบัน, ป.2=พระสกิทาคามี, ป.3=พระอนาคามี, ป.4=พระอรหันต์)
หมายความว่า ณ วันที่ 20 สิงหาคม 2531 ในประเทศไทยมีพระอรหันต์ 4 องค์
พระอนาคามี 17+13 = 30 องค์
พระสกิทาคามี 1 องค์ (ที่กำลังบวชเป็นพระอยู่ ณ เวลานั้น) + 32 องค์ (ที่ยังเป็นฆารวาสอยู่) = 33 องค์
พระโสดาบัน 13 องค์ (ที่กำลังบวชเป็นพระอยู่ ณ เวลานั้น) + 137 องค์ (ที่ยังเป็นฆารวาสอยู่) = 150 องค์
รวม ณ วันที่ 20 สิงหาคม 2531 ในประเทศไทยมีพระอริยเจ้าทั้งสิ้น 4+30+33+150 = 217 องค์
เมื่อเทียบกับจำนวนประชากรของประเทศไทยในเวลานั้นซึ่งมี 50 กว่าล้านคน จะเห็นได้ว่าในประเทศไทยมีพระอริยเจ้าเป็นสัดส่วนที่น้อยมาก ๆ เพราะกว่าจะเป็นพระอริยเจ้าได้นั้น ต้องสั่งสมบารมีมานับชาติไม่ถ้วน ซึ่งเรา ๆ ท่าน ๆ ก็เป็นได้เช่นกัน ถ้าหมั่นสร้างความดี ให้ทาน รักษาศีล และปฏิบัติธรรม นั่งสมาธิ แต่โดยมากแล้วคนเราบุญบารมียังไม่ถึง แม้แต่เพียงจะมีศรัทธามานับถือศาสนาพุทธก็นับว่ายากแล้ว แต่บุคคลที่มีศรัทธาอยู่แล้ว ถ้าฝึกปฏิบัติสมาธิก็จะพบกับความจริงเข้าสักวัน หมดความสงสัยในบุญบาป นรกสวรรค์ ไม่ต้องไปคอยถามใครอีกต่อไป เพราะรู้ประจักษ์เห็นแจ้งด้วยใจของตัวเองอยู่แล้ว

พุทธพยากรณ์ที่ตึกกองทุน "สมเด็จองค์ปัจจุบันท่านพูดว่า
ดีแล้ว...เรื่องเบื้องต้นไม่ต้องห่วง....เรื่องฌานโลกีย์พวกแกนะไม่มีหรอก
ไม่ต้องห่วงสั้น ตียาวเลย พวกแกไม่มีใครเหลือหรอก" ถามว่าเมื่อก่อนนี้ละ
ท่านบอกว่า
"เมื่อก่อนนี้ยังไม่ถึงเวลา ท่านสอนยากมาเรื่อย เพราะยังไม่ถึงเวลา
ถามว่าถ้าเขามาใหม่ล่ะ ตอบว่ามาใหม่ก็เหมือนกันมันเต็ม
การฟักตัวแม้จะอยู่ที่อื่นก็ตาม มันก็เต็ม เวลานี้
เทปและหนังสือสั่งมาซื้อกันตั้งเยอะ เทปนี่มีประโยชน์มาก"
สมเด็จท่านทรงตรัสต่อไปว่า "อีก 20 ปีข้างหน้า จะมีพระอรหันต์นับแสน" ไม่ใช่เราผู้เดียวเป็นผู้สอน คือว่าทั่วๆไป กลุ่มเรานี่จะมาก คำว่า
"กลุ่มเรา" นี่อาจไม่มีตัวมาอยู่นะ เขาอาจมีหนังสือมีเทป"
แล้วท่านตรัสต่อไปว่า
"ที่ฉันให้บันทึกเสียงใหม่ ทำเป็นตำราใหม่ เพราะว่าถึงเวลา
เวลานี้คนที่จะถึงเวลาเข้าถึงมุมง่ายแล้ว นี่เป็นเวลานะ คำว่า "เวลา" หมายถึง
กำลังใจมันตีขึ้นมา มีแรงขึ้นๆ"
ก็เลยถามท่านว่า ตอนก่อนทำไมไม่ให้สอนแบบนี้ ท่านบอกว่าสอนไม่ได้หรอกคุณ...!
คนมันหาว่าง่ายเกินไป เลยไม่เอาเลย ต้องยากๆ.."

พุทธพยากรณ์ วันที่ 26 ตุลาคม 2535 (บ้านสายลม กรุงเทพฯ)
...สัญญาต่ออายุหมดไปเมื่อวันที่ 18 แล้วก็ต่อมาวันที่ 26
เสมหะก้อนใหญ่มันออกทุกอย่างหายหมด แล้วท่านก็บอกว่า
"นับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปให้สอนเฉพาะสังโยชน์"
ท่านบอกต่อไปว่า "ขอให้อยู่ต่อไปสักหน่อยหนึ่ง ถามท่านว่า
ถ้าอยู่แล้วจะมีประโยชน์อะไร ท่านบอกว่า "นับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
(ท่านไม่ได้บอกกำหนด) จะมีคนบรรลุอรหันต์ถึง 700,000 คนเศษ"


ขอขอบคุณที่มา : พระรัตนตรัย.com
http://www.praruttanatri.com/