ผู้เขียน หัวข้อ: ทางแห่งความสุข  (อ่าน 957 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ ศึกษาธรรม

  • ปัญจมะ
  • *****
  • กระทู้: 27
  • เพศ: ชาย
  • อนุรักษ์ความเป็นไทย ใช้ภาษาไทยให้ถูกต้อง
    • ดูรายละเอียด
ทางแห่งความสุข
« เมื่อ: 17 มี.ค. 2554, 01:52:42 »
    ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข เป็นสิ่งที่มนุษย์ทุกคนปรารถนา เรามักมีความรู้สึกว่ามีชีวิตเราจะมีความสุขเมื่อได้ในสิ่งนั้น
สิ่งนี้สมความปรารถนา แต่ความจริงแล้ว ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข ก็เปรียบเหมือนมีดคมๆถ้าเราขาดสติ หรือมีจิตใจที่ถูกครอบงำด้วยกิเลส
ตัณหาแล้ว คมมีดนี้ก็จะทำร้ายเราและเป็นอันตรายแก่ผู้อื่นได้ ความมียศ มีศักดิ์ มีอำนาจมาก สำหรับผู้ที่จิตใจไม่เข้มแข็งแล้ว ก็หลงได้ง่าย
เป็นโอกาสให้ทำความชั่วได้มากเหมือนกัน
    สำหรับปุถุชน ความปรารถนาในลาภ ยศ สรรเสริญ สุข ความปรารถนาในอำนาจวาสนาก็เป็นเรื่องธรรมดา อย่างไรก็ตาม
เราต้องมีสติ ปัญญา รู้จักตัวเอง รู้จักสันโดษ พอใจในสิ่งที่ได้ ที่มี ที่เป็น ตามกำลังความสามารถของเรา หากต้องประสบกับความเสื่อมลาภ
เสื่อมยศ นินทา ทุกข์ ก็ให้มีสติปัญญาที่จะเข้าใจว่า โลกธรรมแปด คือได้ลาภ เสื่อมลาภ ได้ยศ เสื่อมยศ สรรเสริญ นินทา ทุกข์ สุข เป็นอนิจจัง
ไม่แน่นอนได้มาก็ไม่หลงเพลิดเพลิน เสียไปก็ไม่เป็นไรทำใจได้
    ผู้มีปัญญาจึงไม่แสวงหาความสุขในทางโลกที่ไม่ยั่งยืน ไม่แน่นอน แต่กลับมองเห็นโทษของโลกียสุข และแสวงหาความสุขที่แท้จริง
ดังตัวอย่างในสมัยพระพุทธเจ้าบำเพ็ญบารมีเป็ยพระโพธิสัตว์เสวยพระชาติเป็นพระเตมีย์
    พระเตมีย์ราชกุมาร เมื่อมีพระชนมายุได้ 1 เดือน ทรงระลึกชาติได้ ขณะบรรทมอยู่บนตักของพระบิดาซึ่งกำลังพิพากษาความผิดของโจร 4 คน
พระเจ้ากาสีทรงพิพากษาด้วยพระสุรเสียงดุดัน โจรคนแรกมีความผิดน้อย ทรงตัดสินให้เฆี่ยนด้วยหวาย โจรคนที่ 2 มีความผิดมากกว่่าคนแรก
ทรงตัดสินให้คุมขัง โจรคนที่ 3 มีความผิดมากกว่าคนที่ 2 ทรงตัดสินให้ประหารชีวิต โจรคนที่ 4 มีความผิดมากกว่าใครและทำทารุณกรรมไว้มาก ทรงตัดสินให้เสียบหลาวทั้งเป็นแล้วปักประจานไว้หน้าประตูเมือง พระกุมารระลึกชาติได้ว่า ชาติหนึ่งในอดีต พระองค์เคยเกิดเป็นกษัตริย์
ครองเมืองนี้อยู่ 20 ปี ตัดสินประหารชีวิตของผู้คนมาไม่น้อย ตายแล้วบาปกรรมส่งผลให้ไปเกิดในนรกนานถึง 80,000 ปี พ้นจากนรก
บุญจึงส่งผลให้มาเกิดในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ จากนั้นจึงเกิดมาเป็นมนุษย์ในราชตระกูลเดิมอีกครั้งหนึ่ง
    พระราชกุมารคิดได้ว่า หากเป็นฆราวาสต่อไปก็ต้องทำบาปอย่างเก่าอีก เพราะตำแหนงหน้าที่บังคับให้ทำ แล้วผลจากบาปก็จะส่งให้ตกนรกอีก พระองค์ระลึกได้ว่าไม่มีทุกข์ทรมารใดจะร้าายกว่าทุกข์ทรมารในนรก จึงใครครวญหาทางพ้นไปจากตำแหน่งกษัตริย์นับตั้งแต่เวลานั้น
    พระเตมีย์ราชกุมารตัดสินพระทัยว่าจะไม่เสด็จขึ้นคลองราชสมบัติเป็นพระมหากษัตริย์อีก จึงทรงใช้วิธีแสร้งทำเป็นง่อยเปลี้ย หูหนวก เป็นใบ้ไม่พูดจากับใคร แม้จะถูกทดสอบต่างๆ ก็อดกลั้นไว้ ไม่ยอมแสดงอาการพิรุธให้ปรากฎ พระราชาปรึกษาพวกพราหมณ์ ก็ได้รับคำแนะนำให้นำ
ราชกุมารไปฝังเสีย พระราชมารดาทรงคัดค้านไม่สำเร็จ ก็ทูลขอให้พระราชกุมารครองราชย์็สัก 7 วัน แต่พระราชกุมารก็ไม่ยอมพู ต่อเมื่อ 7 วันแล้ว สารถีนำราชกุมารขึ้นสู่รถเพื่อจะฝังตามรับสั่งพระราชา ขณะที่นายสารถีขุดหลุมอยู่พระราชกุมารก็เสด็จลงจากรถเดินไปหานายสารถีและตรัสแจ้งความจริงให้ทราบว่า มีพระประสงค์จะออกบวชอยู่ในป่าตามลำพัง นายสารถีกราบทูลว่า อยู่ในป่าอาจมีอันตรายได้ จึงขอให้ราชกุมารเสด็จกลับไปหาพระบิดา พระมารดา พระราชกุมารตรัสตอบว่า
    "ไม่มีอันตรายหรอก คนที่บวชแล้วย่อมปลอดภัย ไม่มีใครทำอันตรายหรอก คนที่บวชแล้วย่อมเสียสละทุกอย่าง ไม่แสวงหาผลประโยชน์
เมื่อไม่แสวงหาผลประโยชน์ก็ไม่มีการกระทบกระทั่ง และไม่มีศัตรูจะมาทำร้าย"
    เมื่อแน่ใจว่าพระราชกุมารไม่เสด็จกลับแน่ และไม่ทรงห่วงใยราชสมบัติแม้แต่น้อย นายสารถีเกิดศรัทธาและขอออกบวชด้วย
ราชกุมารจึงตรัสให้นำรถกลับไปคืนก่อน สารถีนำความไปเล่าถวายพระราชบิดา พระราชมารดา ให้ทรงทราบ
    ทั้งสองพระองค์พร้อมด้วยอำมาตย์ราชบริพารจึงได้เสด็จออกไปหา เชิญให้พระราชกุมารเสด็จกลับไปครองราชสมบัติ แต่พระราชกุมารกลับถวายหลักธรรมให้ยินดีในเนกขัมมะ คือการออกจากกาม พระราชบิดา พระราชมารดา พร้อมด้วยบริวารทรงเลื่อมใสในคำสอน ก็เสด็จออกผนวชและบวชตามและได้มีพระราชาอื่นอีกเป็นอันมากสดับพระราโชวาทขอออกผนวชตาม


                                                                        บทความจาก  หนังสือ เราเกิดมาทำไม
                                                                            พระอาจารย์มิตซูโอะ  คเวสโก 
                                                                    วัดสุนันทวนาราม ต.ไทรโยค อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี