ผู้เขียน หัวข้อ: .........กุศลกรรมและอกุศกรรม......  (อ่าน 1632 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ ทรงกลด

  • ผู้อาวุโส
  • *****
  • กระทู้: 2199
  • เพศ: ชาย
  • ศิษย์หลวงโด่ง.....
    • ดูรายละเอียด
.........กุศลกรรมและอกุศกรรม......
« เมื่อ: 07 พ.ค. 2554, 11:17:44 »

กุศลกรรมและอกุศกรรม (หรือกรรมดีกรรมชั่ว, กรรมบริสุทธิ์ และกรรมไม่บริสุทธิ์)

"กุศลกรรม" หมายถึง กรรมดีหรือกรรมบริสุทธิ์
"อกุศลกรรม" หมายถึง กรรมชั่วหรือกรรมไม่บริสุทธิ์

ฉะนั้น กรรมดีจะให้ผลที่ดี และกรรมชั่วจะให้ผลตอบแทนที่ไม่ดี
เหมือนดัง
เมล็ดพันธุ์ที่ดี .............ย่อมให้ผลที่ดี
เมล็ดพันธุ์ที่เลว...........ย่อมให้ผลที่เลว

พระอรหันต์จี้กงได้กล่าวไว้ว่า "คนที่มีโชคดี คือ คนที่ได้สะสมกรรมดีไว้ทุกวัน
ปากพูดแต่คำที่ดีงาม
ตามองแต่สิ่งที่ดีงาม
กายก็กระทำแต่สิ่งที่ดีงามไปด้วย
3 ปีที่สะสมแต่ความดี เบื้องบนก็จะประทานอนาคตที่ดีแก่เขา

หากคนที่สะสมแต่ความชั่ว 3 อย่างไว้ตลอดเวลา
ปากพูดแต่คำที่ไม่ดี
ตามองหาแต่สิ่งที่ไม่ดี
กายก็กระทำชั่วอยู่เสมอๆ
3 ปีต่อมาโชคร้ายทั้งหลายก็จะมาถึงเขา"

เราสามารถรู้ได้ว่า กรรมใดเป็นกรรมดี กรรมใดเป็นกรรมเลว ก็อาศัย "จิต" ที่มองไม่เห็น คนที่ไม่สามารถแยกแยะระหว่างความถูก-ความผิด ความดี-ความชั่ว ทำทุกอย่างโดยไม่รู้จักแบ่งแยก คือ คนที่ทำตามกิเลสตัณหาความอยากของเขา ไม่ใช่ทำตามจิตที่มีมโนธรรมสำนึก

กรรมชั่ว หรือ อกุศลกรรม จะเกิดกับผู้ที่กระทำทุกอย่างโดยยึดความต้องการของตัวเองเป็นส่วนใหญ่

ทุกวันนี้ที่ทุกคน ทั้งหลายทำทุกอย่างตามที่เขาพอใจอยากจะทำ แม้ว่าสิ่งนั้นจะเป็นเรื่องเลวร้ายสร้างความเดือดร้อนให้แก่ผู้อื่น ก็เพราะเขาไม่เชื่อว่าชีวิตหลังความตายมีจริง โลกหน้ามีจริง นรก-สวรรค์ มีจริง และคิดว่าไม่มีใครจะมาพิพากษาตัดสินการกระทำของเขาได้ คนที่คิดอย่างนี้เป็นอันตรายทั้งต่อตนเองและคนรอบข้างเรพาะความเชื่อที่ผิดๆ การไม่รู้ความจริงอันถูกต้องจะก่อให้เกิดความพินาศแก่ตัวเขาเอง เป็นเรื่องที่น่าสังเวชจริงๆ ยกตัวอย่างเช่น คนที่อกตัญญูต่อพ่อแม่ ไม่รู้จักสำนึกในพระคุณของพ่อแม่ ผลที่ได้รับก็คือ เขาจะถูกคนทั้งหลายรังเกียจและมีลูกหลายที่อกตัญญูต่อเขาดังเช่นที่เขาเคย ปฏิบัติมา สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นเรื่องของ "เหตุต้นและผลกรรม" ทั้งสิ้น


ขอบคุณที่มา
http://www.96rangjai.com/kod/
เว ทา สา กุ กุ สา ทา เว....ทา ยะ สา ตะ ตะ สา ยะ ทา...สา สา ทิ กุ กุ ทิ สา สา...กุ ตะ กุ ภู ภู กุ ตะ กุ

ออฟไลน์ ทรงกลด

  • ผู้อาวุโส
  • *****
  • กระทู้: 2199
  • เพศ: ชาย
  • ศิษย์หลวงโด่ง.....
    • ดูรายละเอียด
ตอบ: .........กุศลกรรมและอกุศกรรม......
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: 07 พ.ค. 2554, 11:23:15 »

เพื่อให้เกิดความกระจ่างแจ้งในเรื่องของ "กรรม" ยิ่งขึ้น ข้าพเจ้าอยากจะเล่าเรื่องราว เรื่องหนึ่งให้ท่านฟัง

ยังมีนายพรานคน หนึ่งอาศัยอยู่ชายป่า ตลอดชีวิตนายพรานผุ้นี้ได้ฆ่านกและสัตคว์ต่างๆ มากมายนับไม่ถ้วน เมื่อตายไปผลกรรมที่เขาฆ่าสัตว์ผู้บริสุทธิ์ทั้งหลาย เขาจึงถูกพิพากษาให้เกิดมาชดใช้กรรม 3 ชาติ

ในชาติแรก เขาต้องได้ไปเกิดเป็นคนยากจนเข้นแค้นและถูกฟ้าผ่าตาย เมื่อเข้าสู่วัยกลางคน
เหตุผล...... ก็เพราะเขาทำให้สัตว์ต้องตายอย่างเจ็บปวดทุกข์ทรมาน

ในชาติที่ 2 เขาต้องไปเกิดเป็นคนพิการตาบอล ใช้ชีวิตอย่างทุกข์ยากลำบาก
เหตุผล...... ก็เพราะเขาไม่เคยนึกถึงผลที่เกิดตามมาว่าอะไรจะเกิดขึ้นหลังจากที่สัตว์ ทั้งหลายถูกเขาฆ่าตาย ลูกๆ ของสัตว์เหล่านั้นจะต้องอดตายหรือถูกศัตรูจับไปกิน

ในชาติที่ 3 เขาต้องเกิดมาโดยไม่มีแขน
เหตุผล...... ก็เพราะเขาได้ใช้แขนไปในทางที่ผิล สร้างแต่ความเดือนร้อน แทนที่จะใช้ทำในสิ่งที่ดีและมีประโยชน์ต่อผู้อื่น

หลังจากที่ยมบาลได้พิพากษาโทษเขาแล้ว นายพร้านผู้นั้นก็ไปเกิดชดใช้กรรมของเขา

ในชาติแรกที่เขา เกิดมา แม่ของเขาต้องตายไปในทันที พออายุได้ 3 ขวบ พ่อก็ป่วยตาย ทิ้งให้ลุงของเขาเป็นผู้เลี้ยงดู จนกระทั่งอายุได้ 6 ขวบเขาก็ถูกส่งไปทำงานเป็นคนเลี้ยงสัตว์อยู่ในบ้านของเศรษฐีผู้หนึ่ง

นับแต่นั้นมาเขา ต้องทำงานดูแลฝูงวัว ได้รับความทุกข์ยากลำบากตั้งแต่วัยเด็กไม่ว่าอากาศจะร้อนสักเพียงไรหรือหนาว เย็นแค่ไหน เขาก็ต้องออกไปเลี้ยงสัตว์ทุกวัน จนบางครั้งเขาอยากจะฆ่าตัวตายเพราะความน้อยเนื้อต่ำใจ เขามักจะนึกถามตัวเองว่า "ทำไมฟ้าจึงไม่ยุตธรรมกับฉันเลย?"

มีใครบ้างที่สงสาร เขา วันเดือนปีที่ผ่านไปแม้เขาจะต้องทำงานหนักทั้งๆ ที่อายุยังน้อย แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังรู้จักรับผิดชอบและประหยัดอดออมจึงเป็นที่ชื่นชอบ ของนายจ้าง เขามักจะได้รับคำชมบ่อยๆ

หมู่บ้านที่บรรดาคน เลี้ยงสัตว์อาศัยอยู่นั้นไม่ไกลจากเมืองเล็กๆ เมืองหนึ่ง แต่การที่จะไปถึงตัวเมืองชาวบ้านทั้งหลายก็จะต้องข้ามแม่น้ำที่กั้นอยู่ ในช่วงฤดูฝนน้ำจะท่วมสูงทำให้ชาวบ้านต้องเสียชีวิตถูกน้ำพัดพาไปในระหว่าง ข้ามฟาก เหตุการณือันน่าเศร้าสลดเกิดขึ้นเป็นประจำทุกปี สร้างความสลดหดหู่ใจให้แก่เด้กเลี้ยงวัวผู้นี้เป็นอันมาก แต่ก็สุดวิสัยที่จะช่วยอะไรได้เพราะเขาอายุยังน้อยเกินไป

เมื่อเขาเริ่มเติม โตขึ้นจึงหัดว่ายน้ำในแม่น้ำ จนกายเป็นนักว่ายน้ำที่เก่งกาจด้วยความสามารถเขาได้ช่วยชีวิตผู้คนหลายสิบคน ให้รอดตายจากการจมน้ำ ชาวบ้านทั้งหลายต่างมอบความรักและซาบซึ้งใจในความดีของเขา

เวลาผ่านไปเมื่อเขา อายุได้ 18 ปี วันหนึ่งชายหนุ่มผู้นี้ได้เข้าไปพบนายของเขา และแนะนำชักชวนให้ท่านสร้างสะพานข้ามแม่น้ำนั้น เขาให้เหตุผลว่า ไไม่เพียงแต่จะช่วยให้ชีวิตผู้คนปลอดภัยเท่านั้น แต่ยังจะช่วยรักษาทรัพย์สินที่ต้องสูญเสียไปอย่างมากมาย กระผมคิดว่า เจ้านายเป็นผู้ที่เหมาะสมอย่างยิ่งที่จะริเริ่มการสร้างสะพานในครั้งนี้ เพราะท่านร่ำรวยมากและมีน้ำใจที่สุดในหมู่บ้านนี้"

นายของเขาหยุดคิดอยู่ชั่วครู่หนึ่งและพูดขึ้นว่า "นี่เป็นความคิดที่ดีทีเดียว แต่ก็ต้องใช้เงินไม่น้อยเลย"

"ไม่มีปัญหา" ชายหนุ่มรีบตอบ "กระผมยินดีที่จะเอาเงินทั้งหมดที่ได้สะสมไว้มาร่วมสมทบด้วยขอรับ"

ด้วยความจริใจแระ ปรารถนาจะทำสิ่งที่เกิดคุณประโยชน์ต่อสาธารณะชน เจ้านายอขงเขาจึงตกลงใจโดยมีเงื่อนไขให้ชายหนุ่มผู้นี้วางแผนควบคุมดูแลการ ก่อสร้างสะพานทั้งหมด

จากนั้นมาเขาก็ เริ่มดำเนินการสร้างสะพานอย่างไม่ต้องรีรอ ขระที่งานสร้างสะพานดำเนินไปได้ 1 ใน 3 ส่วน ระหว่างที่เขาช่วยคนงานทุบหิน เศษหินได้กระเด็นเข้าแทงนัยน์ตาทั้งสองข้าง ทำให้เขาต้องตาบอดสนิท แต่ถึงกระนั้นเขาก็ไม่ยอมหยุดสร้างสะพาน

เมื่องานแล้วเสร็จ ไปได้ 2 ใน 3 ส่วน ขณะที่เขากำลังทำงาน ก็เกิดอุบัติเหตุตกจากสะพาน แขนทั้งสองแลกเหลว จนหมอไม่มีทางรักษาจำต้องตัดทิ้ง ชายหนุ่มผู้มีน้ำใจงามจึงกาลายเป้นคนตาบอดไม่มีแขน แม้ว่าเขาจะได้รับเคราะห์กรรมอย่างหนัก แต่ก็ไม่เคยย่อท้องต่ออุปสรรคที่เกิดขึ้น เขายังคงมุ่งมั่นที่จะควบคุมการสร้างสะพานให้ถึงที่สุด

ต่อมาไม่นานสะพานก็สร้างเสร็จสมบูรณ์ ชาวบ้านทั้งหมดจึงได้เชื้อเชิญให้นายจ้างเศรษฐีมาเป้นประะานทำพธีเปิดใช้ สะพานนี้

แต่ท่านเศรษฐีกลับ ยิ้มและตอบว่า "การสร้างสะพานข้ามแม่น้ำนี้เป็นความคิดริเริ่มของชายหนุ่มลูกจ้าง และค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่ได้มาจากเงินที่เขาได้สะสมไว้ ฉะนั้นลูกจ้างหนุ่มผู้นี้จึงสมควรได้รับเกียรติให้เป็นผุ้ทำพิธีเปิดสะพาน นี้"

ชาวบ้านทั้งหลายได้ยินเช่นนั้นแล้วจึงเห็นพ้องต้องกันเชื้อเชิญชายหนุ่มผู้พิการให้เป็นประธานในพิธี

ขณะนั้นมีท่าน เสนาบดีจากราชสำนักมาร่วมเป็นสักขีพยานในงานเปิดสะพานด้วย ทุกคนพากันเดินไปยังสะพาน ฝูงชนต่างโห่ร้องฉลองชัยด้วยความยินดี

แต่ครั้งไปถึงสะพาน ท้องฟ้าที่สว่างไสวอยู่เมื่อสักสครู่ กลับมืดครื้มเป็นสีดำอย่างน่ากลัว ทันใดนั้นได้เกิดฟ้าผ่าลงมาถูกชายหนุ่มผู้มาเป็นประธานในพิธีอย่างฉับพลัน เขาถูกเผาไหม้จนเกรียมทั้งๆ ที่ร่างยังคงยืนตระหง่านอยู่

ทุกคนต่างตกตะลึงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เมื่อทุกอย่างสงบลงชาวบ้านก็เกิดความฉุนเฉียวและเกรี้ยวกราดขึ้นว่า

"ทำไมถึงได้เกิดฟ้าผ่ากลางวันแสกๆ อย่างนี้?"
"ชายผู้นี้ไม่เคยทำผิดคิดร้ายอะไร แต่ทำไมต้องกลับมาถูกฟ้าผ่าตาย?"
"คนทำดีมาตลอดกลับไม่ได้ดี ต้องตายอ่างน่าอนาถ เรื่องเช่นนี้ "ฟ้า" ยังไม่รู้จักแยกแยะดีเลว"

ท่ามกลางเสียงวิพาก วิจารณ์ด่าทอกันไปต่างๆ นานา ท่านเสนาบดีผู้อาวุโส ได้เดินไปยังร่างที่ไหม้เกรียมของชายผุ้น่าสงสารแล้วท่านจึงก้มลงเขียนข้อ ความลงบนข้อมือของร่างที่ไร้วิญญาณนั้ว่า
"คนดีที่ถูกฟ้าพิฆาต"

และแล้วร่างกายของ ชายหนุ่มผู้สร้างแต่ความดีมาตลอดก็ล้มลง พร้อมกับทิ้งปริศนาที่น่าฉงนสงสัยในเรื่องของกรรมดีกรรมชั่วและการเกิดใหม่ ภายในสมองของผู้คนเต็มไปด้วยความคิดที่ว่าจะเป้นคนดีไปทำไม? ในเมื่อสวรรค์ยังไม่รู้จักแบ่งแยกดีชั่ว"

อีกไม่กี่วันต่อ เมื่อท่านเสนาบดีผู้อาวุโสกลับมาถึงราชสำนึก ก้ได้รับแจ้งข่างว่าพระราชโอรสของพระองค์จักรพรรดิ์ประสูติแล้ว แต่ทรงร้องไห้ไม่ยอมหยุด ท่านเสนาบดีจึงได้ขอพระราชานุญาตเข้าเฝ้าพระโอรส

ครั้นเจ้าชายองค์ น้อยได้พบท่านเสนาบดีก็ทรงหยุดร้องทันที เมื่อท่านเสนาบดีผู้ชราเข้าชมพระบารมีราชโอรสอย่างใกล้ชิด ก็ต้องตกใจมากที่ได้เห็นบนข้อพระหัตถ์ปรากฎมีอักษรเขียนไว้ว่า
"คนดีที่ถูกฟ้าพิฆาต"

ท่านจึงทราบทันทีว่ พระราชโอรสขององค์จักรพรรดิ์คือ ชายหนุ่มผู้สร้างสะพานซึ่งบัดนี้เขาได้กลับมาเกิดใหม่แล้ว

ข่าวที่น่าอัศจรรย์ ได้แพร่ขยายไปทั่วแผ่นดินอย่างรวดเร็ว ชาวบ้านในหมู่คนเลี้ยงสัตว์ และราษฎรทั้งหลายจึงเกิดความกระจ่างและหมดสิ้นความสงสัยในเรื่องของ "กฎแห่งกรรมและการกลับชาติมาเกิด"

จากเรื่องราวที่ กล่าวมาทั้งหมด คงช่วยชี้ให้เราได้เห็นว่า วิบากกรรมทั้งหลายที่เราได้รับล้วนเป็นผลจากการกระทำของเราเองทั้งสิ้น ฉะนั้นเราต้องมีสติระลึกอยู่เสมอว่า "ขณะนี้เรากำลังทำอะไรอยู่?"


ขอบคุณที่มา
http://www.96rangjai.com/kod/

ออฟไลน์ ทรงกลด

  • ผู้อาวุโส
  • *****
  • กระทู้: 2199
  • เพศ: ชาย
  • ศิษย์หลวงโด่ง.....
    • ดูรายละเอียด
ตอบ: .........กุศลกรรมและอกุศกรรม......
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: 07 พ.ค. 2554, 11:25:04 »

พระพุทธองค์ตรัสว่า "หว่านพืชเช่นไร ก็ได้รับผลเช่นนั้น"

เพราะฉะนั้นต่อไป ภายภายหน้าหากเราเกิดโมโหเพราะมีคนดูถูกเรา ก็จงย้อนระลึกนึกถามตัวเองก่อนว่า "เราเคยดูถูกคนอื่นบ้างไหม?" และควรจะบอกกับตัวเองว่า "สิ่งที่เราได้รับอยู่นี้เป็นผลจากการกระทำที่ไม่ดีของเราในอดีต เราควรยอมรับเคราะห์กรรมนี้โดยไม่เคืองแค้นใครๆ เมื่อมันผ่านพ้นไปก็คือ เราได้ชดใช้หนี้กรรมของเราให้หมดไปครั้งหนึ่ง"

แท้จริงแล้วการที่ เราทำอย่างนี้ ไม่เพียงแต่ชดใช้หนี้กรรมเท่านั้น แต่เรายังได้พิจารณาอุปนิสัย มีความอดกลั้นแลฝึกหัดระงับอารมณ์ของเราด้วย

อะไรคือการกลับชาติมาเกิด ?
"อะไรเกิดขึ้นกับ เรา หลังจากที่เราตายแล้ว?" ตามหลักของพุทธศาสนาการเกิดใหม่ จะมีขึ้นหลังจากเราจบสิ้นชีวิตในโลกนี้แล้ว คนเราแต่ละคนล้วนมีชีวิตมาในอดีตมากมายหลายชีวิตแล้ว และยังคงต้องมีชีวิตต่อไปอีกหลายชีวิตในอนาคตข้างหน้า เป้นวัฏฏะจักรที่หมุนเวียนไปไม่สิ้นสุด

การกลับชาติมาเกิด หมายถึง การเกิดใหม่ในชีวิตหน้าหลังจากที่เราจบสิ้นชีวิตในชาตินี้แล้ว

กรรมในอดีต (1) คือ เหตุปัจจัยของการเกิดในปัจจุบัน
กรรมในอดีต (1) + กรรมปัจจุบัน (2) คือเหตุปัจจัยของการเกิดในอนาคต

อดีต ------------> ปัจจุบัน -------------> อนาคต --------------> - - - - - - - - - - -
.........กรรม 1..................กรรม 1 + กรรม 2


ขอบคุณที่มา
http://www.96rangjai.com/kod/