แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - ปุญฺญานุสฺสติ(สิบทัศน์)

หน้า: [1] 2 3 4 5 6 7
1
:090: เสื้อที่ระลึกเว็บไซต์วัดบางพระรุ่น ๑๑ :090:


เสื้อที่ระลึกเว็บไซต์วัดบางพระรุ่น ๑๑ ออกแบบโดยคุณต้น (...ปราณจิต...)

ทางทีมงานผู้ดูแลเว็บไซต์วัดบางพระได้จัดทำเพื่อเพื่อนสมาชิกได้ใส่ร่วมพิธีไหว้ครู

ปีนี้เป็นปีที่ ๑๒ ขณะนี้ทางทีมงานได้เริ่มดำเนินการจัดทำเสื้อที่ระลึกรุ่นที่ ๑๑ แล้ว

เพื่อความสะดวกรวดเร็วในการบันทึกข้อมูล ทางทีมงานจึงเปิด Pre-Order ให้สั่งจองเสื้อที่ระลึก รุ่น ๑๑

ได้ที่แฟนเพจเฟสบุ๊ก วัดบางพระ จ.นครปฐม (หลวงพ่อเปิ่น) เพียงที่เดียวเท่านั้น 

คลิกไปอ่านรายละเอียด และสั่งจองตามขั้นตอนที่แจ้งไว้ได้ที่ลิ้งค์..

https://web.facebook.com/Bp.or.Th/posts/2810995705627415

**เปิดสั่งจองรอบ Pre-Order ได้ ตั้งแต่ วันนี้ - ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓

***จัดส่งได้ ประมาณ ต้นเดือน มีนาคม ก่อนงานไหว้ครู


ตัวละ ๓๕๐ บาท ( ฟรีค่าจัดส่ง เฉพาะช่วง Pre-Oeder นี้เท่านั้น )

**** ทั้งนี้ ทางทีมงานอาจจะทำเสื้อเพิ่มไว้จำนวนหนึ่งนอกเหนือจากที่เปิดให้สั่งจองรอบ Pre-Order ซึ่งจะเปิดให้บูชาได้ในวันงานไหว้ครูประจำปี วันเสาร์ที่ ๗ มีนาคม ๒๕๖๓ ณ อาคารสำนักงานวัดบางพระ หน้ากุฏิใหญ่


ขนาดเสื้อชาย
รอบอก และ Size ของเสื้อ (นิ้ว)
40" - S
42" - M
44" - L
46" - XL
48" - XXL
52" - XXXL

ขนาดเสื้อหญิง
รอบอก และ Size ของเสื้อ (นิ้ว)
30" - SS
32" - S
34" - M
36" - L
38" - XL
40" - XXL


จึงแจ้งมาเพื่อทราบ...
ทีมงานผู้ดูแลเว็บไซต์วัดบางพระ :001:

9




































หมายเหตุ: ข้อมูลภาพทั้งหมดนี้ ห้ามคัดลอก,ตัดต่อ เพื่อใช้ในการซื้อขาย,แลกเปลี่ยน หรือประโยชน์อื่นใด โดยไม่ได้รับอนุญาต
หากมีความประสงค์จะนำภาพเหล่านี้ไปเผยแพร่ต่อ กรุณาให้เครดิต-วางลิ้งค์ที่มาของภาพ กำกับไว้ด้วยเสมอ เพื่อประโยชน์ในการใช้สืบค้นอ้างอิงที่มาของแหล่งข้อมูลฯ

10




































หมายเหตุ: ข้อมูลภาพทั้งหมดนี้ ห้ามคัดลอก,ตัดต่อ เพื่อใช้ในการซื้อขาย,แลกเปลี่ยน หรือประโยชน์อื่นใด โดยไม่ได้รับอนุญาต
หากมีความประสงค์จะนำภาพเหล่านี้ไปเผยแพร่ต่อ กรุณาให้เครดิต-วางลิ้งค์ที่มาของภาพ กำกับไว้ด้วยเสมอ เพื่อประโยชน์ในการใช้สืบค้นอ้างอิงที่มาของแหล่งข้อมูลฯ

11






































หมายเหตุ: ข้อมูลภาพทั้งหมดนี้ ห้ามคัดลอก,ตัดต่อ เพื่อใช้ในการซื้อขาย,แลกเปลี่ยน หรือประโยชน์อื่นใด โดยไม่ได้รับอนุญาต
หากมีความประสงค์จะนำภาพเหล่านี้ไปเผยแพร่ต่อ กรุณาให้เครดิต-วางลิ้งค์ที่มาของภาพ กำกับไว้ด้วยเสมอ เพื่อประโยชน์ในการใช้สืบค้นอ้างอิงที่มาของแหล่งข้อมูลฯ

12






















หมายเหตุ: ข้อมูลภาพทั้งหมดนี้ ห้ามคัดลอก,ตัดต่อ เพื่อใช้ในการซื้อขาย,แลกเปลี่ยน หรือประโยชน์อื่นใด โดยไม่ได้รับอนุญาต
หากมีความประสงค์จะนำภาพเหล่านี้ไปเผยแพร่ต่อ กรุณาให้เครดิต-วางลิ้งค์ที่มาของภาพ กำกับไว้ด้วยเสมอ เพื่อประโยชน์ในการใช้สืบค้นอ้างอิงที่มาของแหล่งข้อมูลฯ

13






















หมายเหตุ: ข้อมูลภาพทั้งหมดนี้ ห้ามคัดลอก,ตัดต่อ เพื่อใช้ในการซื้อขาย,แลกเปลี่ยน หรือประโยชน์อื่นใด โดยไม่ได้รับอนุญาต
หากมีความประสงค์จะนำภาพเหล่านี้ไปเผยแพร่ต่อ กรุณาให้เครดิต-วางลิ้งค์ที่มาของภาพ กำกับไว้ด้วยเสมอ เพื่อประโยชน์ในการใช้สืบค้นอ้างอิงที่มาของแหล่งข้อมูลฯ

14





































หมายเหตุ: ข้อมูลภาพทั้งหมดนี้ ห้ามคัดลอก,ตัดต่อ เพื่อใช้ในการซื้อขาย,แลกเปลี่ยน หรือประโยชน์อื่นใด โดยไม่ได้รับอนุญาต
หากมีความประสงค์จะนำภาพเหล่านี้ไปเผยแพร่ต่อ กรุณาให้เครดิต-วางลิ้งค์ที่มาของภาพ กำกับไว้ด้วยเสมอ เพื่อประโยชน์ในการใช้สืบค้นอ้างอิงที่มาของแหล่งข้อมูลฯ

15






























หมายเหตุ: ข้อมูลภาพทั้งหมดนี้ ห้ามคัดลอก,ตัดต่อ เพื่อใช้ในการซื้อขาย,แลกเปลี่ยน หรือประโยชน์อื่นใด โดยไม่ได้รับอนุญาต
หากมีความประสงค์จะนำภาพเหล่านี้ไปเผยแพร่ต่อ กรุณาให้เครดิต-วางลิ้งค์ที่มาของภาพ กำกับไว้ด้วยเสมอ เพื่อประโยชน์ในการใช้สืบค้นอ้างอิงที่มาของแหล่งข้อมูลฯ

16


















หมายเหตุ: ข้อมูลภาพทั้งหมดนี้ ห้ามคัดลอก,ตัดต่อ เพื่อใช้ในการซื้อขาย,แลกเปลี่ยน หรือประโยชน์อื่นใด โดยไม่ได้รับอนุญาต
หากมีความประสงค์จะนำภาพเหล่านี้ไปเผยแพร่ต่อ กรุณาให้เครดิต-วางลิ้งค์ที่มาของภาพ กำกับไว้ด้วยเสมอ เพื่อประโยชน์ในการใช้สืบค้นอ้างอิงที่มาของแหล่งข้อมูลฯ

17
:090:เสื้อที่ระลึกเว็บไซต์วัดบางพระรุ่น ๑๐ :090:


เสื้อที่ระลึกเว็บไซต์วัดบางพระรุ่น ๑๐ ออกแบบโดยคุณต้น (...ปราณจิต...)

ทางทีมงานผู้ดูแลเว็บไซต์วัดบางพระได้จัดทำเพื่อเพื่อนสมาชิกได้ใส่ร่วมพิธีไหว้ครู

ปีนี้เป็นปีที่ ๑๑ ขณะนี้ทางทีมงานได้เริ่มดำเนินการจัดทำเสื้อที่ระลึกรุ่นที่ ๑๐ แล้ว

และในปีนี้จะไม่มีการเปิดจองเสื้อผ่านหน้าเว็บบอร์ดเหมือนปีที่ผ่านมา

เนื่องจากทีมงานแต่ละท่านติดภาระกิจไม่สามารถดูแลได้อย่างทั่วถึง

จึงปรึกษากันว่า เปิดให้บูชาที่วัดบางพระเพียงอย่างเดียวเท่านั้น


ราคา 350 บาท

*** บูชาได้ในวันงานไหว้ครูประจำปี วันเสาร์ที่ ๑๖ มีนาคม ๒๕๖๒ ณ อาคารสำนักงานวัดบางพระ หน้ากุฏิใหญ่

*** สำหรับจำนวนการผลิตเสื้อในปีนี้ ทางทีมงานจะดูจากสถิติการสั่งจองเสื้อย้อนหลัง ๔ ปี

ขนาดเสื้อชาย
รอบอก และ Size ของเสื้อ (นิ้ว)
40" - S
42" - M
44" - L
46" - XL
48" - XXL
52" - XXXL

ขนาดเสื้อหญิง
รอบอก และ Size ของเสื้อ (นิ้ว)
30" - SS
32" - S
34" - M
36" - L
38" - XL
40" - XXL

*** สำหรับท่านหญิงหรือชายที่มีขนาดเหนือมาตรฐาน กรุณาแจ้งทางทีมงาน ( แจ้งตอบในกระทู้นี้ ) เราจะดูแลท่านเป็นกรณีพิเศษ

จึงแจ้งมาเพื่อทราบ...

ทีมงานผู้ดูแลเว็บไซต์วัดบางพระ
:001:

18



































ยอดเงินปัจจัยบริวารกฐินรวม ๑,๔๗๗,๘๑๒ บาท
( หนึ่งล้านสี่แสนเจ็ดหมื่นเจ็ดพันแปดร้อยสิบสองบาทถ้วน )
 :089: :089: :089: อนุโมทนา :089: :089: :089:

19

       ขอเจริญพรอนุโมทนาแด่ทุกท่านที่มาร่วมพิธีทอดกฐินในวันนี้ ก็มีด้วยกันหลายๆ ท่านด้วยกัน ทั้งญาติโยมทั้งหลายที่อยู่บริเวณวัดบางพระและใกล้เคียง มาจากต่างจังหวัด สถานที่ห่างไกล ได้ร่วมกันมาทำบุญกฐินวัดบางพระในวันนี้ ก็เพราะท่านทั้งหลายยังระลึกถึงความดี คุณงามความดีของพระเดชพระคุณท่านเจ้าคุณพระอุดมประชานาถ หรือหลวงพ่อเปิ่นของเรา ที่ท่านได้อุปการคุณตอนท่านยังมีชีวิตอยู่ ในตำบลเขตวัดบางพระ และเขตใกล้เคียง ทั้งต่างจังหวัดมาอยู่ตลอดจวบจนมาถึงทุกวันนี้ ท่านทั้งหลาย ยังระลึกถึงความดีของท่าน ก็เลยนำกันมาร่วมทอดกฐินในวันนี้

   การทอดกฐินนี้มีอานิสงส์มาก ปีนึงมีทอดกันครั้งเดียว และมีเวลาแค่เดือนเดียวเท่านั้นเอง อานิสงส์กฐินดังที่ท่านโฆษกได้ประกาศไปแล้วว่ามีอะไรบ้าง อาตมาก็จะไม่ขอกล่าวซ้ำอีก

   ดังนั้นก็ ขออำนวยอวยพรท่านทั้งหลายที่มาร่วมทอดกฐินในวันนี้ จงมีแต่ความสุขความเจริญ คิดอะไรให้สมความปรารถนา เป็นนักลงทุนผู้ที่เกี่ยวกับการค้า ก็ขอให้การค้าทั้งหลายเจริญรุ่งเรือง และผู้ที่เกี่ยวข้องทำงานราชการขอให้เจริญรุ่งเรืองในหน้าที่การงาน ยศถาบรรดาศักดิ์ และท่านทั้งหลายที่เกี่ยวข้องกับการงานเกษตรกร ขอให้กิจการทำไร่ ทำนา เกิดมรรคผล ให้เจริญงอกงามยิ่งขึ้นไป

   ก็ขอให้ท่านทั้งหลายจงเจริญด้วยอายุ วรรณะ สุขะ พละ ปฏิภาณ ธนสารสมบัติ คิดประสงค์จำนงหมายสิ่งใดอันเป็นที่ชอบที่ถูกที่ควรแล้วไซร้ ขอให้สิ่งนั้นๆ จงพลันสำเร็จ โดยทั่วกันทุกท่านทุกคนเทอญ ขอเจริญพร.


:114: :114: :114: :114: :114: :114: :114: :114: :114: :114: :114: :114: :114: :114: :114:

พระครูอนุกูลพิศาลกิจ ( หลวงพ่อสำอางค์ ปภสฺสโร )
เจ้าอาวาสวัดบางพระ ต.บางแก้วฟ้า อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม
กล่าวสัมโมทนียกถา อนุโมทนาบุญ พิธีทอดกฐินวัดบางพระ
วันอาทิตย์ที่ ๔ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ ( แรม ๑๑ ค่ำ เดือน ๑๑ )

22








































หมายเหตุ: ข้อมูลภาพทั้งหมดนี้ ห้ามคัดลอก,ตัดต่อ เพื่อใช้ในการซื้อขาย,แลกเปลี่ยน หรือประโยชน์อื่นใด โดยไม่ได้รับอนุญาต
หากมีความประสงค์จะนำภาพเหล่านี้ไปเผยแพร่ต่อ กรุณาให้เครดิต-วางลิ้งค์ที่มาของภาพ กำกับไว้ด้วยเสมอ เพื่อประโยชน์ในการใช้สืบค้นอ้างอิงที่มาของแหล่งข้อมูลฯ

23
































































หมายเหตุ: ข้อมูลภาพทั้งหมดนี้ ห้ามคัดลอก,ตัดต่อ เพื่อใช้ในการซื้อขาย,แลกเปลี่ยน หรือประโยชน์อื่นใด โดยไม่ได้รับอนุญาต
หากมีความประสงค์จะนำภาพเหล่านี้ไปเผยแพร่ต่อ กรุณาให้เครดิต-วางลิ้งค์ที่มาของภาพ กำกับไว้ด้วยเสมอ เพื่อประโยชน์ในการใช้สืบค้นอ้างอิงที่มาของแหล่งข้อมูลฯ

24




































































หมายเหตุ: ข้อมูลภาพทั้งหมดนี้ ห้ามคัดลอก,ตัดต่อ เพื่อใช้ในการซื้อขาย,แลกเปลี่ยน หรือประโยชน์อื่นใด โดยไม่ได้รับอนุญาต
หากมีความประสงค์จะนำภาพเหล่านี้ไปเผยแพร่ต่อ กรุณาให้เครดิต-วางลิ้งค์ที่มาของภาพ กำกับไว้ด้วยเสมอ เพื่อประโยชน์ในการใช้สืบค้นอ้างอิงที่มาของแหล่งข้อมูลฯ

25




























































































หมายเหตุ: ข้อมูลภาพทั้งหมดนี้ ห้ามคัดลอก,ตัดต่อ เพื่อใช้ในการซื้อขาย,แลกเปลี่ยน หรือประโยชน์อื่นใด โดยไม่ได้รับอนุญาต
หากมีความประสงค์จะนำภาพเหล่านี้ไปเผยแพร่ต่อ กรุณาให้เครดิต-วางลิ้งค์ที่มาของภาพ กำกับไว้ด้วยเสมอ เพื่อประโยชน์ในการใช้สืบค้นอ้างอิงที่มาของแหล่งข้อมูลฯ


26






























































































หมายเหตุ: ข้อมูลภาพทั้งหมดนี้ ห้ามคัดลอก,ตัดต่อ เพื่อใช้ในการซื้อขาย,แลกเปลี่ยน หรือประโยชน์อื่นใด โดยไม่ได้รับอนุญาต
หากมีความประสงค์จะนำภาพเหล่านี้ไปเผยแพร่ต่อ กรุณาให้เครดิต-วางลิ้งค์ที่มาของภาพ กำกับไว้ด้วยเสมอ เพื่อประโยชน์ในการใช้สืบค้นอ้างอิงที่มาของแหล่งข้อมูลฯ

27




































































































หมายเหตุ: ข้อมูลภาพทั้งหมดนี้ ห้ามคัดลอก,ตัดต่อ เพื่อใช้ในการซื้อขาย,แลกเปลี่ยน หรือประโยชน์อื่นใด โดยไม่ได้รับอนุญาต
หากมีความประสงค์จะนำภาพเหล่านี้ไปเผยแพร่ต่อ กรุณาให้เครดิต-วางลิ้งค์ที่มาของภาพ กำกับไว้ด้วยเสมอ เพื่อประโยชน์ในการใช้สืบค้นอ้างอิงที่มาของแหล่งข้อมูลฯ

28


















































































หมายเหตุ: ข้อมูลภาพทั้งหมดนี้ ห้ามคัดลอก,ตัดต่อ เพื่อใช้ในการซื้อขาย,แลกเปลี่ยน หรือประโยชน์อื่นใด โดยไม่ได้รับอนุญาต
หากมีความประสงค์จะนำภาพเหล่านี้ไปเผยแพร่ต่อ กรุณาให้เครดิต-วางลิ้งค์ที่มาของภาพ กำกับไว้ด้วยเสมอ เพื่อประโยชน์ในการใช้สืบค้นอ้างอิงที่มาของแหล่งข้อมูลฯ

29
























































หมายเหตุ: ข้อมูลภาพทั้งหมดนี้ ห้ามคัดลอก,ตัดต่อ เพื่อใช้ในการซื้อขาย,แลกเปลี่ยน หรือประโยชน์อื่นใด โดยไม่ได้รับอนุญาต
หากมีความประสงค์จะนำภาพเหล่านี้ไปเผยแพร่ต่อ กรุณาให้เครดิต-วางลิ้งค์ที่มาของภาพ กำกับไว้ด้วยเสมอ เพื่อประโยชน์ในการใช้สืบค้นอ้างอิงที่มาของแหล่งข้อมูลฯ

30








































หมายเหตุ: ข้อมูลภาพทั้งหมดนี้ ห้ามคัดลอก,ตัดต่อ เพื่อใช้ในการซื้อขาย,แลกเปลี่ยน หรือประโยชน์อื่นใด โดยไม่ได้รับอนุญาต
หากมีความประสงค์จะนำภาพเหล่านี้ไปเผยแพร่ต่อ กรุณาให้เครดิต-วางลิ้งค์ที่มาของภาพ กำกับไว้ด้วยเสมอ เพื่อประโยชน์ในการใช้สืบค้นอ้างอิงที่มาของแหล่งข้อมูลฯ

31








































หมายเหตุ: ข้อมูลภาพทั้งหมดนี้ ห้ามคัดลอก,ตัดต่อ เพื่อใช้ในการซื้อขาย,แลกเปลี่ยน หรือประโยชน์อื่นใด โดยไม่ได้รับอนุญาต
หากมีความประสงค์จะนำภาพเหล่านี้ไปเผยแพร่ต่อ กรุณาให้เครดิต-วางลิ้งค์ที่มาของภาพ กำกับไว้ด้วยเสมอ เพื่อประโยชน์ในการใช้สืบค้นอ้างอิงที่มาของแหล่งข้อมูลฯ

32








































หมายเหตุ: ข้อมูลภาพทั้งหมดนี้ ห้ามคัดลอก,ตัดต่อ เพื่อใช้ในการซื้อขาย,แลกเปลี่ยน หรือประโยชน์อื่นใด โดยไม่ได้รับอนุญาต
หากมีความประสงค์จะนำภาพเหล่านี้ไปเผยแพร่ต่อ กรุณาให้เครดิต-วางลิ้งค์ที่มาของภาพ กำกับไว้ด้วยเสมอ เพื่อประโยชน์ในการใช้สืบค้นอ้างอิงที่มาของแหล่งข้อมูลฯ

33










































หมายเหตุ: ข้อมูลภาพทั้งหมดนี้ ห้ามคัดลอก,ตัดต่อ เพื่อใช้ในการซื้อขาย,แลกเปลี่ยน หรือประโยชน์อื่นใด โดยไม่ได้รับอนุญาต
หากมีความประสงค์จะนำภาพเหล่านี้ไปเผยแพร่ต่อ กรุณาให้เครดิต-วางลิ้งค์ที่มาของภาพ กำกับไว้ด้วยเสมอ เพื่อประโยชน์ในการใช้สืบค้นอ้างอิงที่มาของแหล่งข้อมูลฯ

34
































หมายเหตุ: ข้อมูลภาพทั้งหมดนี้ ห้ามคัดลอก,ตัดต่อ เพื่อใช้ในการซื้อขาย,แลกเปลี่ยน หรือประโยชน์อื่นใด โดยไม่ได้รับอนุญาต
หากมีความประสงค์จะนำภาพเหล่านี้ไปเผยแพร่ต่อ กรุณาให้เครดิต-วางลิ้งค์ที่มาของภาพ กำกับไว้ด้วยเสมอ เพื่อประโยชน์ในการใช้สืบค้นอ้างอิงที่มาของแหล่งข้อมูลฯ

35
ปีนี้ทีมงานติดภาระกิจหลายด้าน เลยไม่ได้จัดทำเสื้อที่ระลึกงานพิธีไหว้ครูประจำปีครับ.

39
ผมทำผิดครูและข้อห้าม ของการสักยันต์
มีบทไหว้เพื่อขอขมา หรือ ต้องทำไงดีครับ ผมกังวลมากครับตอนนี้

http://www.bp.or.th/webboard/index.php?topic=30917

40










































































หมายเหตุ: ข้อมูลภาพทั้งหมดนี้ ห้ามคัดลอก,ตัดต่อ เพื่อใช้ในการซื้อขาย,แลกเปลี่ยน หรือประโยชน์อื่นใด โดยไม่ได้รับอนุญาต
หากมีความประสงค์จะนำภาพเหล่านี้ไปเผยแพร่ต่อ กรุณาให้เครดิต-วางลิ้งค์ที่มาของภาพ กำกับไว้ด้วยเสมอ เพื่อประโยชน์ในการใช้สืบค้นอ้างอิงที่มาของแหล่งข้อมูลฯ

41


































































































หมายเหตุ: ข้อมูลภาพทั้งหมดนี้ ห้ามคัดลอก,ตัดต่อ เพื่อใช้ในการซื้อขาย,แลกเปลี่ยน หรือประโยชน์อื่นใด โดยไม่ได้รับอนุญาต
หากมีความประสงค์จะนำภาพเหล่านี้ไปเผยแพร่ต่อ กรุณาให้เครดิต-วางลิ้งค์ที่มาของภาพ กำกับไว้ด้วยเสมอ เพื่อประโยชน์ในการใช้สืบค้นอ้างอิงที่มาของแหล่งข้อมูลฯ

42
วันเสาร์ที่ ๑๑ มีนาคม ๒๕๖๐















































































หมายเหตุ: ข้อมูลภาพทั้งหมดนี้ ห้ามคัดลอก,ตัดต่อ เพื่อใช้ในการซื้อขาย,แลกเปลี่ยน หรือประโยชน์อื่นใด โดยไม่ได้รับอนุญาต
หากมีความประสงค์จะนำภาพเหล่านี้ไปเผยแพร่ต่อ กรุณาให้เครดิต-วางลิ้งค์ที่มาของภาพ กำกับไว้ด้วยเสมอ เพื่อประโยชน์ในการใช้สืบค้นอ้างอิงที่มาของแหล่งข้อมูลฯ

43
วันศุกร์ที่ ๑๐ มีนาคม ๒๕๖๐ เวลา ๑๖.๓๙ น.







































หมายเหตุ: ข้อมูลภาพทั้งหมดนี้ ห้ามคัดลอก,ตัดต่อ เพื่อใช้ในการซื้อขาย,แลกเปลี่ยน หรือประโยชน์อื่นใด โดยไม่ได้รับอนุญาต
หากมีความประสงค์จะนำภาพเหล่านี้ไปเผยแพร่ต่อ กรุณาให้เครดิต-วางลิ้งค์ที่มาของภาพ กำกับไว้ด้วยเสมอ เพื่อประโยชน์ในการใช้สืบค้นอ้างอิงที่มาของแหล่งข้อมูลฯ

44
ท่านย้ายไปอยู่ที่วัดสวนหมาก จ.ชัยภูมิ ครับ

วันนี้ (๑๑ มี.ค. ๖๐) ท่านเดินทางมาโปรดลูกศิษย์ในงานพิธีไหว้ครู ณ วัดบางพระ จ.นครปฐม

45
































































หมายเหตุ: ข้อมูลภาพทั้งหมดนี้ ห้ามคัดลอก,ตัดต่อ เพื่อใช้ในการซื้อขาย,แลกเปลี่ยน หรือประโยชน์อื่นใด โดยไม่ได้รับอนุญาต
หากมีความประสงค์จะนำภาพเหล่านี้ไปเผยแพร่ต่อ กรุณาให้เครดิต-วางลิ้งค์ที่มาของภาพ กำกับไว้ด้วยเสมอ เพื่อประโยชน์ในการใช้สืบค้นอ้างอิงที่มาของแหล่งข้อมูลฯ

46


































































































หมายเหตุ: ข้อมูลภาพทั้งหมดนี้ ห้ามคัดลอก,ตัดต่อ เพื่อใช้ในการซื้อขาย,แลกเปลี่ยน หรือประโยชน์อื่นใด โดยไม่ได้รับอนุญาต
หากมีความประสงค์จะนำภาพเหล่านี้ไปเผยแพร่ต่อ กรุณาให้เครดิต-วางลิ้งค์ที่มาของภาพ กำกับไว้ด้วยเสมอ เพื่อประโยชน์ในการใช้สืบค้นอ้างอิงที่มาของแหล่งข้อมูลฯ

47
















































































หมายเหตุ: ข้อมูลภาพทั้งหมดนี้ ห้ามคัดลอก,ตัดต่อ เพื่อใช้ในการซื้อขาย,แลกเปลี่ยน หรือประโยชน์อื่นใด โดยไม่ได้รับอนุญาต
หากมีความประสงค์จะนำภาพเหล่านี้ไปเผยแพร่ต่อ กรุณาให้เครดิต-วางลิ้งค์ที่มาของภาพ กำกับไว้ด้วยเสมอ เพื่อประโยชน์ในการใช้สืบค้นอ้างอิงที่มาของแหล่งข้อมูลฯ

48
เปิดจำหน่ายแล้วที่สำนักงานวัดบางพระ หน้ากุฏิใหญ่
จำหน่ายราคาตัวละ ๓๕๐ บาท ครับ.

50
[shake]ปิดกิจกรรมแล้วครับ..[/shake]

สรุปรายชื่อผู้ได้รับจากกิจกรรมแจกวัตถุมงคลทั้ง ๑๒ ท่าน ดังนี้

ลำดับที่ ๑ PANUWIT
(ER368213925TH)
ลำดับที่ ๒ pomodoro (ER368449612TH)
ลำดับที่ ๓ punpon
ลำดับที่ ๔ Suthanon (ER368213316TH)
ลำดับที่ ๕ at (ER368213302TH)
ลำดับที่ ๖ liverpoolfanclub (ER368213320TH)
ลำดับที่ ๗ jnkkhg (ER368213917TH)
ลำดับที่ ๘ Charoenpetnak (ER368213333TH)
ลำดับที่ ๙ somchaiVR
ลำดับที่ ๑๐ Kekeiza (ER368449626TH)
ลำดับที่ ๑๑ JAYZA (ER368213347TH)
ลำดับที่ ๑๒ koyza (ER450564915TH)

ทั้ง ๑๒ ท่าน ที่ได้รับรางวัล กรุณาแจ้งหลักฐานการโอนเงินชำระค่าส่ง ๖๐ บาท พร้อมชื่อที่อยู่สำหรับจัดส่งกลับมาทาง pm หรือทางเฟสบุ๊คส่วนตัวของผม (ที่แจ้งไปให้ทาง pm ในระบบยืนยันสิทธิ์รับรางวัล) ด้วยนะครับ


แล้วพบกันใหม่ในกิจกรรมแจกมงคลวัตถุในครั้งต่อๆ ไป
 :054: ขอบพระคุณทุกท่านที่ร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ครับ  :054:

51
[shake]ปิดกิจกรรมแล้ว..
ขอล็อคกระทู้ (ปิดการตอบในกระทู้) ครับ.
[/shake]

รายละเอียดของรางวัลที่นำมาแจก



กระดาษยันต์มงคล ๘๔ ปี พระร่วงโรจนฤทธิ์ฯ
วัดพระปฐมเจดีย์ราชวรมหาวิหาร จ.นครปฐม พ.ศ.๒๕๔๑
หลวงพ่อเปิ่น วัดบางพระ ร่วมอธิษฐานจิตฯ




ภาพเพิ่มเติม จากงานพิธีมหาพุทธาภิเษก ณ วิหารพระร่วงโรจนฤทธิ์ฯ เมื่อปี พ.ศ.๒๕๔๑
รายละเอียดเพิ่มเติมคลิกอ่านได้ที่.. http://www.bp.or.th/webboard/index.php?topic=30990.0

:114: :114: :114: :114: :114: :114: :114: :114: :114:




พระไตรรัตน์ปิดตาสังกัจจายน์
กราบขอบพระคุณพระครูสรพาจน์โฆษิต (มนตรี ฐิตโสภโณ) วัดบางแวก กทม.
ที่เมตตามอบมาให้แจกแก่สมาชิกกระดานสนทนาวัดบางพระ มา ณ โอกาสนี้ ด้วยครับ.

:114: :114: :114: :114: :114: :114: :114: :114: :114:


สติ๊กเกอร์งานไหว้ครูประจำปีหลวงพ่อเปิ่น วัดบางพระ ปี ๒๕๖๐ (ได้รับการอธิษฐานจิตแล้ว)
หลวงพ่อสำอางค์ ท่านฝากเน้นย้ำมาว่า หากไม่นำไปติดรถฯ ก็ควรเก็บไว้ในที่อันควร เพราะมีรูปหลวงพ่อเปิ่นอยู่

:114: :114: :114: :114: :114: :114: :114: :114: :114:


เหรียญหลวงพ่อสำอางค์ วัดบางพระ ที่ระลึกจากงานพิธีฉลองสมณศักดิ์ เมื่อวันพุธที่ ๒๕ มกราคม ที่ผ่านมา

:114: :114: :114: :114: :114: :114: :114: :114: :114:


:001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:

รายละเอียดและกติกาการร่วมลงชื่อรับรางวัล

- สงวนสิทธิ์ในการแจกรางวัลครั้งนี้ให้กับสมาชิกกระดานสนทนาวัดบางพระเท่านั้น

- สิทธิ์ในการได้รับรางวัลได้แก่ ผู้ที่ลงชื่อรับรางวัล ๑๒ ท่านแรก โดยโพสขอรับรางวัลได้ในกระทู้นี้เท่านั้น (นับจากลำดับการโพสตอบกระทู้)

- ผู้ที่ลงชื่อรับรางวัล ๑๒ ท่านแรก จะได้รับ กระดาษยันต์มงคล ๘๔ ปี พระร่วงโรจนฤทธิ์ฯ จำนวน ๑ ใบ, พระไตรรัตน์ปิดตาสังกัจจายน์ จำนวน ๑ องค์, สติ๊กเกอร์งานไหว้ครูประจำปีหลวงพ่อเปิ่น วัดบางพระ ปี ๒๕๖๐ จำนวน ๑ ใบ และเหรียญหลวงพ่อสำอางค์ วัดบางพระ จำนวน ๑ เหรียญ (รวม ๔ ชิ้น / ๑ ท่าน)

- สำหรับผู้ที่ลงชื่อรับรางวัลทั้ง ๑๒ ท่าน กรุณารอการยืนยันสิทธิ์รับรางวัล และรับรายละเอียดชำระค่าจัดส่ง (มีค่าจัดส่ง ๖๐ บาท) ซึ่งจะตอบกลับให้ทางระบบข้อความส่วนตัว (pm)


:001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:

52






































































หมายเหตุ: ข้อมูลภาพทั้งหมดนี้ ห้ามคัดลอก,ตัดต่อ เพื่อใช้ในการซื้อขาย,แลกเปลี่ยน หรือประโยชน์อื่นใด โดยไม่ได้รับอนุญาต
หากมีความประสงค์จะนำภาพเหล่านี้ไปเผยแพร่ต่อ กรุณาให้เครดิต-วางลิ้งค์ที่มาของภาพ กำกับไว้ด้วยเสมอ เพื่อประโยชน์ในการใช้สืบค้นอ้างอิงที่มาของแหล่งข้อมูลฯ

53
















































































หมายเหตุ: ข้อมูลภาพทั้งหมดนี้ ห้ามคัดลอก,ตัดต่อ เพื่อใช้ในการซื้อขาย,แลกเปลี่ยน หรือประโยชน์อื่นใด โดยไม่ได้รับอนุญาต
หากมีความประสงค์จะนำภาพเหล่านี้ไปเผยแพร่ต่อ กรุณาให้เครดิต-วางลิ้งค์ที่มาของภาพ กำกับไว้ด้วยเสมอ เพื่อประโยชน์ในการใช้สืบค้นอ้างอิงที่มาของแหล่งข้อมูลฯ

54














































































หมายเหตุ: ข้อมูลภาพทั้งหมดนี้ ห้ามคัดลอก,ตัดต่อ เพื่อใช้ในการซื้อขาย,แลกเปลี่ยน หรือประโยชน์อื่นใด โดยไม่ได้รับอนุญาต
หากมีความประสงค์จะนำภาพเหล่านี้ไปเผยแพร่ต่อ กรุณาให้เครดิต-วางลิ้งค์ที่มาของภาพ กำกับไว้ด้วยเสมอ เพื่อประโยชน์ในการใช้สืบค้นอ้างอิงที่มาของแหล่งข้อมูลฯ

55
พิธีฉลองสมณศักดิ์ แสดงมุทิตาสักการะ ในโอกาสที่ พระครูอนุกูลพิศาลกิจ (สำอางค์ ปภสฺสโร) เจ้าอาวาสวัดบางพระ ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์ที่ พระครูสัญญาบัตรเทียบผู้ช่วยเจ้าอาวาสพระอารามหลวง ชั้นพิเศษ วันพุธที่ ๒๕ มกราคม ๒๕๖๐ เวลา ๑๗.๐๐ น.



























































หมายเหตุ: ข้อมูลภาพทั้งหมดนี้ ห้ามคัดลอก,ตัดต่อ เพื่อใช้ในการซื้อขาย,แลกเปลี่ยน หรือประโยชน์อื่นใด โดยไม่ได้รับอนุญาต
หากมีความประสงค์จะนำภาพเหล่านี้ไปเผยแพร่ต่อ กรุณาให้เครดิต-วางลิ้งค์ที่มาของภาพ กำกับไว้ด้วยเสมอ เพื่อประโยชน์ในการใช้สืบค้นอ้างอิงที่มาของแหล่งข้อมูลฯ

59

ประวัติพระปลัดประสิทธิ์ ธมฺมโชโต (คงประจักษ์)

        พระปลัดประสิทธิ์ ธมฺมโชโต หรือนามที่ลูกศิษย์และผู้ใกล้ชิดมักเรียกว่า “หลวงพี่ต้อย” ตามเอกสารทะเบียนราษฎรเกิดเมื่อวันที่ ๑๒ พฤษภาคม พ.ศ.๒๔๙๗ (แจ้งเกิดล่าช้าประมาณ ๒ ปี) ที่บ้านตำบลบางแก้วฟ้า อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม โยมบิดาชื่อนายยม คงประจักษ์ โยมมารดาชื่อนางถนอม มามะเริง มีพี่น้องร่วม ๘ คน คือ

        ๑.   นายสนั่น
        ๒.     พระปลัดประสิทธิ์ ธมฺมโชโต
        ๓.   นางสาวเจนจิรา
        ๔.   นายสุนันท์ (ถึงแก่กรรม)
        ๕.   นายจำลอง
        ๖.   นายปฐพี
        ๗.   นางสาวมัทนิน
        ๘.   นางสาววันเพ็ญ
        และมีน้องสาวต่างมารดา ๒ คน คือ
        ๑.   นางสาวพเยาว์
        ๒.   นางสาวประทุมทิพย์



        ในวัยเด็ก หลวงพี่ต้อยมีสุขภาพที่ไม่แข็งแรงนัก โยมแม่จึงพาไปหาพระอาจารย์เปลี่ยน ปัดรังควานเพื่อเป็นสิริมงคลให้ และยกหลวงพี่ต้อยเป็นบุตรบุญธรรมของเตี่ยยุง แม่หนู นุชจำเริญ

   หลวงพี่ต้อยได้รับความรักและการดูแลอย่างดีจากเตี่ยยุง แม่หนู รวมทั้งญาติๆ ที่ใกล้ชิด โดยเฉพาะอางานและอาตุ๊ ส่งผลให้หลวงพี่ต้อยเป็นคนมีอัธยาศัยดี ยิ้มแย้มแจ่มใส ใจเย็น เป็นมิตรกับทุกๆ คน

   เมื่อเรียนจบชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ จากโรงเรียนวัดบางพระ ได้บรรพชาเป็นสามเณร เมื่อปี พ.ศ.๒๕๑๓ ที่วัดโคกเขมา โดยมีพระอธิการเปิ่น ฐิตคุโณ เป็นเจ้าอาวาส





   ปี พ.ศ.๒๕๑๗ ได้อุปสมบทที่วัดบางพระ จำพรรษาได้ครบ ๑ พรรษา จึงลาสิกขาเพื่อไปช่วยเหลือครอบครัวประกอบอาชีพ

   หลวงพี่ต้อยช่วยงานในครอบครัวเท่าที่สุขภาพร่างกายจะพอรับได้ ไม่เคยวางเฉย ทั้งๆ ที่ตัวเล็กนิดเดียว หลวงพี่ต้อยไม่เคยท้อที่จะต้องช่วยเตี่ยยุงใช้ระหัดชกมวยวิดน้ำเข้าสวน

   หลวงพี่ต้อยหารายได้ช่วยครอบครัวด้วยการเป็นกระเป๋ารถเมล์สายบางพระ-นครปฐม ผู้โดยสารโดยเฉพาะนักเรียนที่ต้องใช้บริการรถเมล์ทุกวัน เห็นกระเป๋ารถเมล์ผู้มีใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส พูดคุยกับผู้โดยสารด้วยถ้อยคำสุภาพ สนุกสนานอยู่เป็นนิจ หลวงพี่ต้อยจึงเป็นกระเป๋ารถเมล์ที่เป็นขวัญใจของผู้โดยสารในยุคนั้นอย่างแท้จริง





   ยามว่างในช่วงชีวิตของความเป็นวัยรุ่น หลวงพี่ต้อยร่วมเป็นสมาชิกชมรมพัฒนาวัดบางพระ ที่มีสมาชิกเป็นวัยรุ่นทั้งชายและหญิงหลายสิบคน โดยมีคุณครูเทพ ปิ่นเวหา เป็นหัวหน้าชมรม รวมพลังกันสร้างความดี ทำงานเพื่อส่วนรวม กิจกรรมใดๆ ที่ต้องการกำลังงานจากชมรม หลวงพี่ต้อยและสมาชิกทุกคนจะพร้อมใจกัน ไม่เห็นแก่เหน็ดแก่เหนื่อย ช่วยกันดายหญ้าหน้าวัด หน้าโรงเรียน ขายทองงานประจำปีของวัด ขนทราย เทปูนในวัด และหลวงพี่ต้อยก็มักทำตัวเป็นชูรสของกลุ่มทำงานอยู่เสมอ เพราะขณะทำงานเหนื่อยๆ ก็หาเรื่องราวมาเล่าให้สนุกสนานไปกับการทำงานได้เป็นอย่างดี

   การใช้ชีวิตในความเป็นฆราวาสช่วงนี้ เป็นสิ่งที่หลวงพี่ต้อยต้องทบทวนเพื่อหาคำตอบให้กับตัวเอง และสิ่งที่เป็นคำตอบคือ
“ขอบวชอีกครั้ง”

   ปี พ.ศ.๒๕๒๒ หลวงพี่ต้อย อุปสมบทครั้งที่ ๒ เมื่ออายุได้ ๒๖ ปี ณ พัทธสีมาวัดบางพระ โดยมีพระครูปัญญาประยุต (หลวงพ่อมาก ปญฺญายุตฺโต) วัดสุขวัฒนาราม (บางระกำ) เป็นพระอุปัชฌาย์ พระครูสุนทรวุฒิคุณ (หลวงพ่อพุฒ สุนฺทโร) วัดกลางบางพระ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระใบฎีกาเปิ่น ฐิตคุโณ เป็นพระอนุสาวนาจารย์






   เมื่อบวชเป็นพระ สิ่งที่หลวงพี่ต้อยมุ่งมั่นด้วยใจที่แน่วแน่คือการศึกษาพระธรรมวินัย จนสอบได้นักธรรมชั้นตรี ในปี พ.ศ.๒๕๒๔ และสอบนักธรรมชั้นโทได้ในปี พ.ศ.๒๕๒๕

   นอกจากศึกษาพระธรรมวินัยแล้ว หลวงพี่ต้อยยังได้ศึกษาวิชาความรู้และศาสตร์ต่างๆ จากพระอุดมประชานาถ (หลวงพ่อเปิ่น ฐิตคุโณ) ซึ่งเป็นปู่แท้ๆ ของหลวงพี่ต้อย และได้ยึดถือเป็นต้นแบบทั้งการทำหน้าที่ของสงฆ์ การวางตัว ความมีเมตตา และสิ่งสำคัญที่หลวงพี่ต้อยปฏิบัติมาโดยตลอดคือ
“การเป็นผู้ให้”

   ปี พ.ศ.๒๕๓๘ หลวงพี่ต้อยได้รับสมณศักดิ์เป็น “พระปลัด” ฐานานุกรมในพระอุดมประชานาถ (หลวงพ่อเปิ่น ฐิตคุโณ) เจ้าอาวาสวัดบางพระ ต.บางแก้วฟ้า อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม






   หลวงพี่ต้อยเป็นพระที่มีเมตตาสูง จึงทำให้มีลูกศิษย์มากมาย และด้วยแรงศรัทธาเหล่านั้น ทั้งเงินและสิ่งของที่ลูกศิษย์นำมาถวาย หลวงพี่ต้อยจะเก็บรวบรวม และให้กับบุคคลหรือสถานที่ต่างๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมทั้งสิ้น หลวงพี่ต้อยยิ่งให้ หลวงพี่ต้อยยิ่งได้รับ เป็นความจริงในข้อนี้ เพราะหลวงพี่ต้อยไม่มีเงินเดือน ไม่มีรายได้ประจำ แต่หลวงพี่ต้อยได้รับศรัทธา และส่งแรงศรัทธาเหล่านั้นให้เกิดประโยชน์ต่อส่วนรวม ดังจะเห็นได้ว่าหลวงพี่ต้อยร่วมสร้างถาวรวัตถุร่วมกับพระเดชพระคุณพระอุดมประชานาถ (หลวงพ่อเปิ่น ฐิตคุโณ) เช่น สร้างอุโบสถวัดหนองกรับ จ.สุพรรณบุรี สร้างอุโบสถวัดหนองผักไร จ.นครราชสีมา บูรณะศาลาการเปรียญวัดหลักร้อย จ.นครราชสีมา บูรณะศาลาการเปรียญวัดสายโทรเลข จ.ตาก สร้างศาลาการเปรียญวัดอมราวดี จ.ตาก สร้างฌาปนสถาน ณ สำนักสงฆ์หนองกิ่งฟ้า จ.ตาก ทอดกฐินสามัคคี วัดเวียงแก้ว จ.เชียงราย สร้างอุโบสถวัดมาตานุสรณ์ จ.ตาก สร้างอาคารเรียน ห้องคอมพิวเตอร์ โรงเรียนวัดบางพระ สร้างสะพานข้ามคลองเข้าวัดเกษตราราม สร้างห้องคอมพิวเตอร์ โรงเรียนวัดเกษตราราม อ.บางเลน จ.นครปฐม เป็นต้น และสิ่งสุดท้ายที่หลวงพี่ต้อยหมดห่วงคือ จัดหารถพยาบาลสำหรับรับ-ส่ง ผู้ป่วย มอบให้กับโรงพยาบาลหลวงพ่อเปิ่น เป็นที่เรียบร้อย

   ด้วยแรงศรัทธาของลูกศิษย์ และด้วยหัวใจอันเปี่ยมล้นของความเป็นผู้ให้ หลวงพี่ต้อยต้องเดินทางไม่ว่าใกล้หรือไกล หลวงพี่ต้อยไปประเทศจีน ทั้งเมืองคุณหมิง ปักกิ่ง และฮ่องกง กิจนิมนต์บ้านลูกศิษย์ที่ประเทศสิงคโปร์ ประเทศมาเลเซีย หลวงพี่ต้อยก็ไปเพื่อเป็นการฉลองศรัทธาของลูกศิษย์ที่มีต่อหลวงพี่ต้อย นับเป็นการปฏิบัติหน้าที่อันสมบูรณ์ยิ่ง ตลอด ๓๘ พรรษา ของหลวงพี่ต้อย







   ปี พ.ศ.๒๕๕๓ หลวงพี่ต้อยเริ่มมีอาการอาพาธหายใจไม่ออก ได้รับการรักษาจนอาการดีขึ้น แต่สิ่งที่ทำให้ญาติ และบรรดาลูกศิษย์ที่ทราบข่าวอาการอาพาธของหลวงพี่ต้อยพากันวิตกกังวล ด้วยผลการตรวจของแพทย์ทางโรงพยาบาลทรวงอกที่แจ้งว่า ตรวจพบมะเร็งปอดระยะสุดท้ายถึง ๕ ก้อน ซึ่งอยู่ในบริเวณอวัยวะสำคัญ ผ่าตัดได้ไม่หมด ทำให้เชื้อมะเร็งลุกลามอย่างรวดเร็ว

   ปี พ.ศ.๒๕๕๗ เชื้อมะเร็งลามขึ้นสมอง แพทย์รักษาด้วยวิธีการฉายแสงถึง ๑๓ ครั้ง ที่สถาบันมะเร็งแห่งชาติ ทุกๆ คนที่อยู่ใกล้ชิดจะทราบดีว่า ขณะที่หลวงพี่ต้อยอาพาธเจ็บปวดเพียงใด หลวงพี่ต้อยจะเก็บซ่อนความรู้สึกไม่ให้ใครเป็นทุกข์ไปด้วย แม้ขณะนอนอยู่ในโรงพยาบาล ทุกๆ คนที่ไปเยี่ยมจะพบกับใบหน้ายิ้มแย้ม และท่านจะเล่าเหตุการณ์ในการรักษาของแพทย์เป็นเรื่องตลกขบขันให้ฟังเป็นส่วนใหญ่

   ปี พ.ศ.๒๕๕๘ เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลศิริราช แพทย์ลงความเห็นว่า เชื้อมะเร็งลามมาที่กระดูกสันหลัง ทำให้กระดูกผุลงมาทับเส้นประสาท ส่งผลให้เดินไม่ได้

   ท้ายสุดแห่งชีวิต หลวงพี่ต้อยขอกลับมารักษาตัวอยู่ที่วัด บรรดาลูกศิษย์และญาติพี่น้องพากันแวะเวียนมาเยี่ยมมิได้ขาด สิ่งที่ทุกๆ คนได้เห็นคือ สายตาที่เปี่ยมด้วยความเมตตา และพยายามพูดคุยกับทุกคนให้คลายกังวลกับอาการอาพาธของหลวงพี่ต้อย ซึ่งเป็นสิ่งสุดท้ายที่หลวงพี่ต้อยจะให้กับทุกคนได้


   หลวงพี่ต้อยมรณภาพอย่างสงบ ท่ามกลางความรักความอาลัยของแพทย์ พยาบาล ญาติพี่น้อง และลูกศิษย์ ในวันพฤหัสบดีที่ ๒๗ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๕๙ เวลา ๑๖.๔๓ น. สิริอายุได้ ๖๒ ปี (นับอายุจริง ๖๔ ปี) ๕ เดือน ๑๒ วัน








   
แสงตะวัน ลาลับ ดับขอบฟ้า   เหลือเพียงแต่ หยดน้ำตา ที่รินไหล
พระประสิทธิ์ ผู้เป็น ดั่งร่มไทร      มาจากลา อาลัย ไม่กลับมา
   ต่อไปนี้ จะไม่มี ท่านอีกแล้ว   ร่มโพธิ์แก้ว ต้นใหญ่ ใบดกหนา
ให้ร่มเงา ดับร้อน ด้วยเมตตา      ต้องร้างลา จากไป ให้จาบัลย์
   อานิสงส์ ผลบุญ ที่ท่านสร้าง   คุณความดี ทุกอย่าง ที่สร้างสรรค์
จะสถิต ในใจคน จนนิรันดร์       ศรัทธานั้น จะคงอยู่ ตลอดกาล
   ยี่สิบเจ็ด ตุลา ปีห้าเก้า         คือวันที่ แสนโศกเศร้า มหาศาล
ยกมือไหว้ ด้วยใจ อันร้าวราน      กราบนมัสการ ด้วยศรัทธา และอาลัย

ประพันธ์โดยเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลหลวงพ่อเปิ่น

:089: :089: :089: :089: :089: :089: :089: :089: :089:

60
หมดหรือยังครับ ยังจองทันมั้ยครับ. :090: :054:

ตอนนี้บูชาได้เลยครับ ไม่ต้องสั่งจอง (แต่เหลือจำนวนน้อยแล้ว)

รายละเอียดเพิ่มเติมสอบถามได้ที่กุฏิใหญ่วัดบางพระ โทรศัพท์ : ๐ ๓ 4 สาม ๘ 9 สาม ๓ 3

61
กราบพระอาจารย์ และหวัดดีศิษย์ พี่น้องทุกท่านคับ ผมมีเรื่องรบกวนถามเรื่องให้หลวงพ่อสำอางค์ ท่านเจิมรถต้องเตรียม อะไรบ้างและ ควรไปเวลากี่โมงคับ :086: :086:
ขอบพระคุณมากคับ

ของที่ต้องใช้ทางวัดเตรียมไว้ให้แล้ว ร่วมบุญบูชาชุดพานเจิมรถ ๑๐๐ บาท
เปิดให้เจิมรถทุกวันเป็นปกติ (แต่วันหยุด และวันเสาร์-อาทิตย์ คนจะเยอะ ต้องรอนาน) ตั้งแต่เวลา ๐๗.๐๐ น. - ๑๖.๓๐ น.
หากประสงค์จะใส่ซองถวายท่านต่างหาก ก็ใส่ได้ตามกำลังศรัทธา.

64
วันอาทิตย์ที่ ๒๘ สิงหาคม ๒๕๕๙




































































































68
1.ผมยังไม่เคยสักต้องสัก 9 ยอดก่อนใช่ไหมครับ

2.ผมสามารถเลือกยันต์ที่จะสักได้ไหมครับ

(สักน้ำมันนะครับ)


ควรศึกษาก่อน ค่อยๆ อ่าน คำตอบมีอยู่ในลิ้งก์.. http://www.bp.or.th/webboard/index.php?topic=29616

71
ไม่ทราบว่าวันพรุง่นี้ 19 กรกฎาคม 2559 ที่วัดบางพระสักหรือเปล่าครับใครทราบรบกวนตอบให้ด้วยนะครับขอบคุณครับ

อาจจะเข้ามาตอบ (มาเห็น) ช้าไปหน่อย..

"วัดบางพระเปิดให้สักยันต์ ทุกวัน เป็นปกติ ไม่มีวันหยุด"

72
































































หมายเหตุ: ข้อมูลภาพทั้งหมดนี้ ห้ามคัดลอก,ตัดต่อ เพื่อใช้ในการซื้อขาย,แลกเปลี่ยน หรือประโยชน์อื่นใด โดยไม่ได้รับอนุญาต
หากมีความประสงค์จะนำภาพเหล่านี้ไปเผยแพร่ต่อ กรุณาให้เครดิต-วางลิ้งค์ที่มาของภาพ กำกับไว้ด้วยเสมอ เพื่อประโยชน์ในการใช้สืบค้นอ้างอิงที่มาของแหล่งข้อมูลฯ

73














































































หมายเหตุ: ข้อมูลภาพทั้งหมดนี้ ห้ามคัดลอก,ตัดต่อ เพื่อใช้ในการซื้อขาย,แลกเปลี่ยน หรือประโยชน์อื่นใด โดยไม่ได้รับอนุญาต
หากมีความประสงค์จะนำภาพเหล่านี้ไปเผยแพร่ต่อ กรุณาให้เครดิต-วางลิ้งค์ที่มาของภาพ กำกับไว้ด้วยเสมอ เพื่อประโยชน์ในการใช้สืบค้นอ้างอิงที่มาของแหล่งข้อมูลฯ

74




































































































หมายเหตุ: ข้อมูลภาพทั้งหมดนี้ ห้ามคัดลอก,ตัดต่อ เพื่อใช้ในการซื้อขาย,แลกเปลี่ยน หรือประโยชน์อื่นใด โดยไม่ได้รับอนุญาต
หากมีความประสงค์จะนำภาพเหล่านี้ไปเผยแพร่ต่อ กรุณาให้เครดิต-วางลิ้งค์ที่มาของภาพ กำกับไว้ด้วยเสมอ เพื่อประโยชน์ในการใช้สืบค้นอ้างอิงที่มาของแหล่งข้อมูลฯ

75




































































































หมายเหตุ: ข้อมูลภาพทั้งหมดนี้ ห้ามคัดลอก,ตัดต่อ เพื่อใช้ในการซื้อขาย,แลกเปลี่ยน หรือประโยชน์อื่นใด โดยไม่ได้รับอนุญาต
หากมีความประสงค์จะนำภาพเหล่านี้ไปเผยแพร่ต่อ กรุณาให้เครดิต-วางลิ้งค์ที่มาของภาพ กำกับไว้ด้วยเสมอ เพื่อประโยชน์ในการใช้สืบค้นอ้างอิงที่มาของแหล่งข้อมูลฯ

76
สรุปผลกิจกรรม

วันพฤหัสบดีที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๙ เริ่มเปิดให้ลงชื่อยืนยันตัวตน-รับพระฯ เวลา ๑๓.๐๐ น. ณ สำนักงานวัดบางพระ

มีผู้มาลงชื่อยืนยันตัวตน-รับพระฯ เต็มจำนวน (๕๐ ท่าน) รายชื่อดังนี้..




"ที่เหลือจาก ๕๐ ท่าน หลวงพี่แอดมินสูงสุดแฟนเพจวัดบางพระ จ.นครปฐม (หลวงพ่อเปิ่น) www.facebook.com/bp.or.th ท่านได้นำรูปหลวงพ่อเปิ่นมาแจกให้ทุกท่านเป็นที่ระลึก"

โดยทุกท่านได้รับพระจากมือคุณครูปทุม โพธิ์สวรรค์ (ป๋าทุม) ปราชญ์อาวุโส, ประชาสัมพันธ์วัดบางพระ

โดยป๋าทุมได้ประสิทธิเพื่อความเป็นสิริมงคลให้ทุกท่านว่า..
"พุทธังประสิทธิ คิดดี ทำดี พูดดี รับรองว่าได้ดีแน่นอน"



:001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:



ประมวลภาพบรรยากาศ..














:001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:



[shake]แล้วพบกันใหม่ในกิจกรรมครั้งต่อๆ ไปครับ.[/shake]

77
น้ำมันทับน้ำมันไม่เป็นไรครับ..

78
ขออนุญาตรับหนึ่งองค์ครับ

ไม่อนุญาตครับ. เนื้อแดงไว้แจกสมาชิกกระดานสนทนาวัดบางพระ+แฟนเพจเฟสบุ๊ควัดบางพระ จ.นครปฐม (หลวงพ่อเปิ่น) เท่านั้น!!


เนื้อดำกรรมการหลังตะกรุดเงิน เนื้อมวลสารล้วน (รักทองเก่า+เนื้อปูนจากองค์หลวงพ่อโต) สำหรับกรรมการ-ที่ปรึกษา ครับ.

79
[shake]..ปิดกิจกรรมแล้วครับ..[/shake]

แจกพระพิมพ์ขุนแผนนะเสน่หา มวลสารรักทองเก่า+เนื้อปูน จากองค์หลวงพ่อโต วัดโคกเขมา (วัดเก่าหลวงพ่อเปิ่น) จำนวน ๕๐ องค์



:001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:



ประมวลภาพช่วงบูรณะองค์หลวงพ่อโต วัดโคกเขมา (วัดเก่าหลวงพ่อเปิ่น) จ.นครปฐม








:001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:



พระสังกัจจายนะ (หลวงพ่อโต) หน้าตักกว้าง ๗๕ นิ้ว สร้างเมื่อปี พ.ศ.๒๕๑๖
หลวงพ่อเปิ่นได้สร้างไว้ในช่วงที่ท่านเป็นเจ้าอาวาสวัดโคกเขมา อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม



มวลสารเนื้อปูนเก่าจากองค์หลวงพ่อโต ที่กระเทาะออกช่วงบูรณะเมื่อต้นปีที่ผ่านมา

จากการสัมภาษณ์พระครูโกวิทสุตการ (หลวงพ่อกำไร) เจ้าอาวาสวัดโคกเขมารูปปัจจุบัน และพระสมุห์ไพรวัน คุณวนฺโต อดีตเจ้าอาวาสวัดโคกเขมา ต่างให้ข้อมูลยืนยันตรงกันว่า ทางวัดไม่เคยมีการลอกรักทองออกจากองค์หลวงพ่อโตเลยนับตั้งแต่หลวงพ่อเปิ่นท่านได้สร้างหลวงพ่อโตไว้เมื่อปี พ.ศ.๒๕๑๖ แต่มีการลงรักเคลือบองค์หลวงพ่อโตใหม่ประมาณ ๒ ครั้ง โดยทาเคลือบรักทองเดิมไว้ไม่ได้มีการลอกรักทองเก่าออก

และเมื่อต้นปี พ.ศ.๒๕๕๙ ทางวัดโคกเขมา ได้ดำเนินการยกฐานหลวงพ่อโตขึ้นใหม่ พร้อมกับบูรณะองค์หลวงพ่อโต โดยลอกรักทองเก่าออกเพื่อทำผิวปูนใหม่ ทางวัดโคกเขมา จึงได้นำรักทองเก่าและเนื้อปูนจากองค์หลวงพ่อโตที่กระเทาะออกช่วงบูรณะมาเป็นมวลสารจัดสร้างพระพิมพ์ขุนแผนนะเสน่หา ซึ่งได้ถอดพิมพ์พระขุนแผนที่หลวงพ่อเปิ่นสร้างไว้ที่วัดโคกเขมาเมื่อปี พ.ศ.๒๕๐๘ มาเป็นองค์ต้นแบบ เพื่อไว้แจกจ่ายญาติโยมไว้เป็นที่ระลึกในงานประจำปีปิดทองสมโภชหลวงพ่อโต-หลวงพ่อเปิ่น วัดโคกเขมา ๒๕๕๙ ฯ


พระพิมพ์ขุนแผนนะเสน่หา เนื้อสีแดง ผสมมวลสารรักทองเก่า+เนื้อปูน จากองค์หลวงพ่อโต วัดโคกเขมา



:001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:



พระครูโกวิทสุตการ (หลวงพ่อกำไร) รองเจ้าคณะอำเภอนครชัยศรี เจ้าอาวาสวัดโคกเขมารูปปัจจุบัน ท่านเมตตาให้นำมาแจกให้เพื่อนสมาชิกกระดานสนทนาวัดบางพระ (www.bp.or.th) และแฟนเพจเฟสบุ๊ควัดบางพระ จ.นครปฐม (หลวงพ่อเปิ่น) (www.facebook.com/bp.or.th) จำนวน ๕๐ องค์



:001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:



รายนามพระคณาจารย์นั่งปรกอธิษฐานจิต พิธีพุทธาภิเษกพระพิมพ์ขุนแผนนะเสน่หา (พร้อมวัตถุมงคลอื่นๆ ในงานประจำปีฯ วัดโคกเขมา ๒๕๕๙) เมื่อวันเสาร์ที่ ๒๖ มีนาคม ๒๕๕๙ (แรม ๔ ค่ำ เดือน ๔ ปีมะแม)

๑.พระครูอนุกูลพิศาลกิจ (หลวงพ่อสำอางค์) เจ้าอาวาสวัดบางพระ อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม จุดเทียนชัย
๒.พระครูวิบูลสิริธรรม (หลวงพ่อเพี้ยน) เจ้าอาวาสวัดตุ๊กตา อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ดับเทียนชัย
๓.พระครูโกวิทสุตการ (หลวงพ่อกำไร) รองเจ้าคณะอำเภอนครชัยศรี เจ้าอาวาสวัดโคกเขมา อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม
๔.พระครูศรีสุตากร (หลวงพ่อทั่ง) เจ้าอาวาสวัดกลางบางพระ อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม
๕.พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก) เจ้าอาวาสวัดท่าขนุน อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี
๖.พระครูพิศาลสาธุวัฒน์ (หลวงพ่อทองคำ) เจ้าอาวาสวัดพะเนียงแตก อ.เมือง จ.นครปฐม
๗.พระครูสถิตบุญเขต (หลวงพ่อบุญช่วย) เจ้าอาวาสวัดกลางบางแก้ว อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม
๘.พระครูปฐมวราจารย์ (หลวงพ่ออวยพร) รองเจ้าอาวาสวัดดอนยายหอม อ.เมือง จ.นครปฐม
๙.พระครูพิจิตรสรคุณ (หลวงพ่อพร) เจ้าอาวาสวัดบางแก้ว อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม
๑๐.พระครูยติธรรมานุยุต (หลวงพ่อแป๊ะ) เจ้าอาวาสวัดสว่างอารมณ์ อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม




:001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:



ประมวลภาพพิธีพุทธาภิเษก วัตถุมงคลที่ระลึกในงานประจำปีปิดทองสมโภชหลวงพ่อโต-หลวงพ่อเปิ่น วัดโคกเขมา ๒๕๕๙


พระครูอนุกูลพิศาลกิจ (หลวงพ่อสำอางค์) เจ้าอาวาสวัดบางพระ อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม จุดเทียนชัย


พระครูวิบูลสิริธรรม (หลวงพ่อเพี้ยน) เจ้าอาวาสวัดตุ๊กตา อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม


พระครูโกวิทสุตการ (หลวงพ่อกำไร) รองเจ้าคณะอำเภอนครชัยศรี เจ้าอาวาสวัดโคกเขมา อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม


พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก) เจ้าอาวาสวัดท่าขนุน อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี


พระครูปฐมวราจารย์ (หลวงพ่ออวยพร) รองเจ้าอาวาสวัดดอนยายหอม อ.เมือง จ.นครปฐม


พระครูยติธรรมานุยุต (หลวงพ่อแป๊ะ) เจ้าอาวาสวัดสว่างอารมณ์ อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม




:001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:



รายละเอียดการแจกพระพิมพ์ขุนแผนนะเสน่หา เนื้อสีแดง มวลสารรักทองเก่า+เนื้อปูน จากองค์หลวงพ่อโต วัดโคกเขมา จำนวน ๕๐ องค์


แจกให้เพื่อนสมาชิกกระดานสนทนาวัดบางพระ และแฟนเพจเฟสบุ๊ควัดบางพระ จ.นครปฐม (หลวงพ่อเปิ่น) ที่มาร่วมงานทำบุญวันคล้ายวันมรณภาพหลวงพ่อเปิ่น ครอบรอบ ๑๔ ปี วันพฤหัสบดีที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๙

เปิดให้ลงชื่อยืนยันตัวตน-รับพระฯ ได้ตั้งแต่เวลา ๑๓.๐๐ น. - ๑๔.๐๐ น. ณ สำนักงานวัดบางพระ (หน้ากุฏิใหญ่)

จำกัดสิทธิ์แจกเฉพาะสมาชิกกระดานสนทนาวัดบางพระ และแฟนเพจเฟสบุ๊ควัดบางพระ จ.นครปฐม (หลวงพ่อเปิ่น) เท่านั้น (๑ ชื่อผู้ใช้งาน/๑ องค์)

หากยังมีพระเหลือจากการแจก จะนำมาแจกที่หน้าแฟนเพจวัดเฟสบุ๊คบางพระ จ.นครปฐม (หลวงพ่อเปิ่น) ต่อไป.




:001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:

80
เรียนสอบถามท่านอาจารย์และพี่ๆครับ
1. ยันต์เสือตีนโต กับยันต์เสือเผ่น พุทธคุณต่างกันหรือไม่ครับ ผมไปที่วัดจะมีรูปภาพเสือตีนโตเต็มไปทั่ววัด สรุปว่ายันต์เสือตี่นโตเป็นยันต์ครูของวัดใช่ไหมครับ 
2. เมื่อสักยันต์มาแล้ว ที่ได้รับทราบกันจะมีแต่ข้อห้ามที่ต้องถือปฏิบัติตน  เรี่ยนถามว่าต้องมีคาถาพร่ำบ่น กำกับยันต์แต่ละยันต์หรือไม่ครับนอกจากปฏิบัติตนตามข้อห้าม
3. ยันต์เสือตีนโต ของวัดบางพระ มีคาถากำกับยันต์ไหมครับ 
 ค้นในกระทู้เก่า จะคาถานี้มา ไม่ทราบจะใช่ไหมครับ
[bgcolor=#ff0000]นะโมพุทธายะ กุรุสุกุ กุกุรุสุ สุกุกุรุ รุสุกุกุ นะมะพะทะ จะพะกะสะ มะอะอุ [/bgcolor] [bgcolor=#ffffff][/bgcolor]

๑. ไม่ขอลงรายละเอียดเรื่องอิทธิคุณฯ, แต่ให้รายละเอียดว่ายันต์เสือ ไม่ว่าในรูปลักษณะใดก็ตาม ล้วนไม่ใช่ยันต์ครูของทางวัดบางพระ

ส่วนข้อ ๒ และข้อ ๓ ตอบรวบยอดว่า จากที่เคยสัมภาษณ์หลวงพ่อสำอางค์ เจ้าอาวาสวัดบางพระ มา ท่านให้ข้อมูลว่าตั้งแต่สมัยหลวงพ่อเปิ่น เวลามีคนขึ้นไปขอคาถาสำหรับปลุกอักขระรอยสักบ้างอะไรบ้าง !!ท่านก็จะไม่ให้!!

เรื่องของคาถากำกับยันต์เป็นเรื่องของครูบาอาจารย์ผู้ที่สักยันต์ที่จะประสิทธิกำกับลงในรอยสัก ไม่ใช่เรื่องของผู้ที่ได้รับการสักยันต์แต่อย่างใด

เรื่องที่ผู้ที่ได้รับการสักยันต์ควรยึดถือและปฏิบัติตามมีเพียงเท่านี้.. http://www.bp.or.th/webboard/index.php?topic=30917

81
เรื่องธรรมเนียมการเป่าครอบที่ปฏิบัติมาตั้งแต่สมัยหลวงพ่อเปิ่นเรื่อยมาถึงสมัยปัจจุบัน

หลวงพ่อสำอางค์ เจ้าอาวาสวัดบางพระรูปปัจจุบัน ท่านเคยเปรยให้ฟังว่า..

"หลังจากสักยันต์เสร็จ พระอาจารย์ผู้สัก, อาจารย์สัก ท่านจะเป่าดับพิษไฟดับพิษเหล็กให้

เมื่อเสร็จจากตรงนั้นแล้ว ต้องมาให้ท่านเป่าครอบให้ทุกครั้งหลังจากสักยันต์มา".

82


ยังไม่อัพเดท (แต่ก็เปลี่ยนแปลงไม่มาก)

83































































































หมายเหตุ: ข้อมูลภาพทั้งหมดนี้ ห้ามคัดลอก,ตัดต่อ เพื่อใช้ในการซื้อขาย,แลกเปลี่ยน หรือประโยชน์อื่นใด โดยไม่ได้รับอนุญาต
หากมีความประสงค์จะนำภาพเหล่านี้ไปเผยแพร่ต่อ กรุณาให้เครดิต-วางลิ้งค์ที่มาของภาพ กำกับไว้ด้วยเสมอ เพื่อประโยชน์ในการใช้สืบค้นอ้างอิงที่มาของแหล่งข้อมูลฯ

84
สมาชิกใหม่ค่ะ รบกวนพี่ๆ ให้ความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ พุทธคุณของ ยันต์หัวใจบารมีพระพุทธเจ้า

ควรถามกับพระอาจารย์ผู้สักด้วยตนเอง แล้วจะได้คำตอบที่ชัดเจนที่สุด

ศึกษารายละเอียดการสักยันต์ของทางวัดบางพระก่อนที่.. http://www.bp.or.th/webboard/index.php?topic=29616.0

"เมื่อยกพานครูพร้อมเงินค่าครูถวายพระอาจารย์ผู้สักแล้ว พระอาจารย์ท่านก็จะพิจารณาสักให้ตามความเหมาะสมของแต่ละบุคคลเอง โดยที่ไม่ต้องขอว่าจะเอารูปนี้ลายนั้นฯ ซึ่งถือว่าเป็นธรรมเนียมปฏิบัติข้อสำคัญอีกประการหนึ่งที่ยึดถือปฏิบัติสืบทอดกันมาตั้งแต่สมัยที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อเปิ่นยังดำรงสังขารอยู่ (การขอยันต์ว่าต้องการยันต์นั้นยันต์นี้ เหมือนเป็นการสู่รู้เกินครูบาอาจารย์ดังนั้นจึงไม่นิยมขอกัน แล้วแต่พระอาจารย์ผู้สักท่านจะเมตตาให้เองเป็นการดีที่สุด)"

85
ภุมโม ๕ เมษายน ๒๕๕๙ ณ วัดละมุด อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม






พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) เจ้าอาวาสวัดท่าขนุน อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี



พรครูสมบูรณ์จริยธรรม (หลวงพ่อแม้น อาจารสมฺปนฺโน) เจ้าอาวาสวัดหน้าต่างนอก อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา


พระครูโกวิทสุตการ (พระมหาระพิน อภิชาโน "หลวงพ่อกำไร") รองเจ้าคณะอำเภอนครชัยศรี เจ้าอาวาสวัดโคกเขมา อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม


พระครูอนุกูลพิศาลกิจ (หลวงพ่อสำอางค์ ปภสฺสโร) เจ้าอาวาสวัดบางพระ อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม








พระสมุห์ไพรวัน คุณวนฺโต วัดโคกเขมา กับ พระครูยติธรรมานุยุต (หลวงพ่อแป๊ะ ธมฺมทินฺโน) เจ้าอาวาสวัดสว่างอารมณ์ จ.นครปฐม




พระอาจารย์สนธ์ วัดใหม่สุคนธาราม พระอาจารย์วัน วัดโคกเขมา หลวงพ่อสำอางค์ วัดบางพระ


พระครูธรรมธรชะออม ขนฺติโก ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดบางพระ อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม


พระครูปฐมวราจารย์ (หลวงพ่ออวยพร ฐิติญาโณ) เจ้าคณะตำบลดอนยายหอม วัดดอนยายหอม จ.นครปฐม


หลวงพ่ออวยพร วัดดอนยายหอม กับหลวงพ่อแม้น วัดหน้าต่างนอก




















พระครูสิริปุญญาภิวัฒน์ (หลวงพ่อบุญสม ผลญาโณ) เจ้าคณะอำเภอนครชัยศรี เจ้าอาวาสวัดสำโรง จ.นครปฐม


หลวงพ่อสำอางค์ วัดบางพระ กับ หลวงพ่อบุญสม วัดสำโรง























 :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:

หมายเหตุ: ข้อมูลภาพทั้งหมดนี้ ห้ามคัดลอก,ตัดต่อ เพื่อใช้ในการซื้อขาย,แลกเปลี่ยน หรือประโยชน์อื่นใด โดยไม่ได้รับอนุญาต
หากมีความประสงค์จะนำภาพเหล่านี้ไปเผยแพร่ต่อ กรุณาให้เครดิต-วางลิ้งค์ที่มาของภาพ กำกับไว้ด้วยเสมอ เพื่อประโยชน์ในการใช้สืบค้นอ้างอิงที่มาของแหล่งข้อมูลฯ

86
พิธีเททองหล่อพระอัญญาโกณฑัญญะ วันปิดงานประจำปีวัดโคกเขมา ๒๕๕๙ วันศุกร์ที่ ๑ เมษายน ๒๕๕๙
พระครูอนุกูลพิศาลกิจ (หลวงพ่อสำอางค์ ปภสฺสโร) เจ้าอาวาสวัดบางพระ จ.นครปฐม ประธานเททอง





พระครูธรรมธรชออม ขนฺติโก ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดบางพระ ร่วมบุญก้อนทองเหลืองสำหรับหล่อพระ










หลวงพ่อสำอางค์ เจ้าอาวาสวัดบางพระ กับหลวงพ่อกำไร เจ้าอาวาสวัดโคกเขมา









พระครูสิริปุญญาภิวัฒน์ (หลวงพ่อบุญสม ผลญาโณ) เจ้าคณะอำเภอนครชัยศรี เจ้าอาวาสวัดสำโรง จ.นครปฐม




พระครูโกวิทสุตการ (พระมหาระพิน อภิชาโน "หลวงพ่อกำไร") รองเจ้าคณะอำเภอนครชัยศรี เจ้าอาวาสวัดโคกเขมา จ.นครปฐม


พระครูโสภณคีรีวงศ์ เจ้าอาวาสวัดยางชุม อ.กุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์


พระอาจารย์สุรสีห์ วัดเกตุมดีศรีวราราม จ.สมุทรสาคร




















หมายเหตุ: ข้อมูลภาพทั้งหมดนี้ ห้ามคัดลอก,ตัดต่อ เพื่อใช้ในการซื้อขาย,แลกเปลี่ยน หรือประโยชน์อื่นใด โดยไม่ได้รับอนุญาต
หากมีความประสงค์จะนำภาพเหล่านี้ไปเผยแพร่ต่อ กรุณาให้เครดิต-วางลิ้งค์ที่มาของภาพ กำกับไว้ด้วยเสมอ เพื่อประโยชน์ในการใช้สืบค้นอ้างอิงที่มาของแหล่งข้อมูลฯ

87
ลงประวัติไว้ เผื่อนำของมาแจก

พิธีมหาพุทธาภิเษกวัตถุมงคลที่ระลึกงานประจำปีสมโภชปิดทองหลวงพ่อโต-หลวงพ่อเปิ่น วัดโคกเขมา ๒๕๕๙
วันเสาร์ที่ ๒๖ มีนาคม ๒๕๕๙ พระครูอนุกูลพิศาลกิจ (หลวงพ่อสำอางค์ ปภสฺสโร) เจ้าอาวาสวัดบางพระ จุดเทียนชัย
พระครูวิบูลสิริธรรม (หลวงพ่อเพี้ยน สมจิตโต) เจ้าอาวาสวัดตุ๊กตา อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ดับเทียนชัย



พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) เจ้าอาวาสวัดท่าขนุน อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี
กราบสักการะพระครูอนุกูลพิศาลกิจ (หลวงพ่อสำอางค์ ปภสฺสโร) เจ้าอาวาสวัดบางพระ อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม




พระครูอนุกูลพิศาลกิจ (หลวงพ่อสำอางค์ ปภสฺสโร) เจ้าอาวาสวัดบางพระ จ.นครปฐม
กับพระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) เจ้าอาวาสวัดท่าขนุน จ.กาญจนบุรี








หลวงพ่อสำอางค์ จุดเทียนชัย





พระครูอนุกูลพิศาลกิจ (หลวงพ่อสำอางค์ ปภสฺสโร) เจ้าอาวาสวัดบางพระ จ.นครปฐม





พระครูปฐมวราจารย์ (หลวงพ่ออวยพร ฐิติญาโณ) เจ้าคณะตำบลดอนยายหอม รองเจ้าอาวาสวัดดอนยายหอม จ.นครปฐม



พระครูโกวิทสุตการ (พระมหาระพิน อภิชาโน "หลวงพ่อกำไร") รองเจ้าคณะอำเภอนครชัยศรี เจ้าอาวาสวัดโคกเขมา จ.นครปฐม



พระครูวิบูลสิริธรรม (หลวงพ่อเพี้ยน สมจิตโต) เจ้าอาวาสวัดตุ๊กตา อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม




พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) เจ้าอาวาสวัดท่าขนุน อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี


พระครูยติธรรมานุยุต (หลวงพ่อแป๊ะ ธมฺมทินฺโน) เจ้าอาวาสวัดสว่างอารมณ์ อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม


พระครูพิศาลสาธุวัฒน์ (หลวงพ่อทองคำ จารุโภ) เจ้าคณะอำเภอเมือง เจ้าอาวาสวัดพะเนียงแตก จ.นครปฐม


พระครูสถิตบุญเขต (หลวงพ่อบุญช่วย อาทโร) เจ้าอาวาสวัดกลางบางแก้ว อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม


พระครูพิจิตรสรคุณ (หลวงพ่อพร ปภากโร) เจ้าอาวาสวัดบางแก้ว อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม






















พบพระอาจารย์กรรมฐานครั้งแรกในชีวิต

หมายเหตุ: ข้อมูลภาพทั้งหมดนี้ ห้ามคัดลอก,ตัดต่อ เพื่อใช้ในการซื้อขาย,แลกเปลี่ยน หรือประโยชน์อื่นใด โดยไม่ได้รับอนุญาต
หากมีความประสงค์จะนำภาพเหล่านี้ไปเผยแพร่ต่อ กรุณาให้เครดิต-วางลิ้งค์ที่มาของภาพ กำกับไว้ด้วยเสมอ เพื่อประโยชน์ในการใช้สืบค้นอ้างอิงที่มาของแหล่งข้อมูลฯ

88
วันเปิดงานประจำปีปิดทองสมโภชหลวงพ่อโต-หลวงพ่อเปิ่น วัดโคกเขมา วันเสาร์ที่ ๒๖ มีนาคม ๒๕๕๙
พระครูอนุกูลพิศาลกิจ (หลวงพ่อสำอางค์ ปภสฺสโร) เจ้าอาวาสวัดบางพระ ประธานเปิดงาน



พระครูโกวิทสุตการ (พระมหาระพิน อภิชาโน "หลวงพ่อกำไร")
รองเจ้าคณะอำเภอนครชัยศรี เจ้าอาวาสวัดโคกเขมา (วัดเก่าหลวงพ่อเปิ่น) จ.นครปฐม













พระเทพมหาเจติยาจารย์ (ชัยวัฒน์ ปญฺญาสิริ ป.ธ.๙)
เจ้าคณะจังหวัดนครปฐม รองเจ้าอาวาสวัดพระปฐมเจดีย์ราชวรมหาวิหาร












หลวงพ่อสำอางค์ มอบทุนการศึกษา


















พระครูธรรมธรชออม ขนฺติโก ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดบางพระ รับทักษิณานุปทาน


พระอาจารย์ติ่ง สนฺตจิตฺโต แวะมาภายในงานประจำปีวัดโคกเขมา ๒๕๕๙

หมายเหตุ: ข้อมูลภาพทั้งหมดนี้ ห้ามคัดลอก,ตัดต่อ เพื่อใช้ในการซื้อขาย,แลกเปลี่ยน หรือประโยชน์อื่นใด โดยไม่ได้รับอนุญาต
หากมีความประสงค์จะนำภาพเหล่านี้ไปเผยแพร่ต่อ กรุณาให้เครดิต-วางลิ้งค์ที่มาของภาพ กำกับไว้ด้วยเสมอ เพื่อประโยชน์ในการใช้สืบค้นอ้างอิงที่มาของแหล่งข้อมูลฯ

89
เก็บตกจากกล้อง ipad (ต่อ)






































































หมายเหตุ: ข้อมูลภาพทั้งหมดนี้ ห้ามคัดลอก,ตัดต่อ เพื่อใช้ในการซื้อขาย,แลกเปลี่ยน หรือประโยชน์อื่นใด โดยไม่ได้รับอนุญาต
หากมีความประสงค์จะนำภาพเหล่านี้ไปเผยแพร่ต่อ กรุณาให้เครดิต-วางลิ้งค์ที่มาของภาพ กำกับไว้ด้วยเสมอ เพื่อประโยชน์ในการใช้สืบค้นอ้างอิงที่มาของแหล่งข้อมูลฯ


90
เก็บตกจากกล้อง ipad














































































หมายเหตุ: ข้อมูลภาพทั้งหมดนี้ ห้ามคัดลอก,ตัดต่อ เพื่อใช้ในการซื้อขาย,แลกเปลี่ยน หรือประโยชน์อื่นใด โดยไม่ได้รับอนุญาต
หากมีความประสงค์จะนำภาพเหล่านี้ไปเผยแพร่ต่อ กรุณาให้เครดิต-วางลิ้งค์ที่มาของภาพ กำกับไว้ด้วยเสมอ เพื่อประโยชน์ในการใช้สืบค้นอ้างอิงที่มาของแหล่งข้อมูลฯ


91
ขอบพระคุณทุกมิตรภาพไมตรีที่มีให้กันเสมอมา (ตลอดปี)..


พระพิมพ์ขุนแผน หลวงพ่อเปิ่น วัดโคกเขมา เนื้อขาว


นางกวักลอยองค์เนื้อผงน้ำมัน หลวงพ่อเปิ่น วัดโคกเขมา


เหรียญที่ระลึกพิธีไหว้ครูวัดบางพระ ๕๙ เนื้อเงินลงยาสีแดง


เหรียญเสมาติ่งเสือหลวงพ่อเปิ่น เนื้อทองแดงรมดำ ๒๕๒๕


ลอคเกตหลวงพ่อเปิ่น รุ่น โคตรเศรษฐี ๕๙ ฉากทอง สร้าง ๙ องค์


ลอคเกตหลวงพ่อเปิ่น รุ่น เลื่อนยศ ปลดหนี้


ลอคเกตลูกอมเสือ บูชาครู ๕๙


เหรียญหน้าเสือ (เสือสมิง) หลวงพ่อเปิ่น


เหรียญหลวงปู่ทวด-หลวงพ่อเปิ่น ๒๕๕๕


สาริกาคู่ จากอาจารย์หนวด


รูปหล่อพระมหากัจจายนะ หลวงพ่อเปิ่น รุ่น ทิพย์เจ้าคุณ


รูปหล่อสมเด็จองค์ปฐม วัดศาลพันท้ายนรสิงห์


พระผงพิมพ์เจ้าสัว หลวงพ่อมี วัดมารวิชัย พระนครศรีอยุธยา


พระพิมพ์ขุนแผนสะดุ้งกลับ หลวงพ่อเปิ่น ๒๕๕๓


ผ้ายันต์ที่ระลึกผูกพัทธสีมา วัดนก กทม.


เหรียญพระพรหมมหาลาภ วัดนก กทม. ๒๕๕๓


ไหม ๗ สี หลวงพ่อหยอด วัดแก้วเจริญ (เสกจนลอยได้)


รูปคุณพ่อปรมาจารย์ฟ้อน ดีสว่าง


หวีสายพระเวทย์วิเศษสุด (คุณพ่อปรมาจารย์ฟ้อน ดีสว่าง) "หวี ๓ ที ได้เมีย ๑ คน..."

:001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:

หมายเหตุ: ข้อมูลภาพทั้งหมดนี้ ห้ามคัดลอก,ตัดต่อ เพื่อใช้ในการซื้อขาย,แลกเปลี่ยน หรือประโยชน์อื่นใด โดยไม่ได้รับอนุญาต
หากมีความประสงค์จะนำภาพเหล่านี้ไปเผยแพร่ต่อ กรุณาให้เครดิต-วางลิ้งค์ที่มาของภาพ กำกับไว้ด้วยเสมอ เพื่อประโยชน์ในการใช้สืบค้นอ้างอิงที่มาของแหล่งข้อมูลฯ


92
(ต่อ)


































































หมายเหตุ: ข้อมูลภาพทั้งหมดนี้ ห้ามคัดลอก,ตัดต่อ เพื่อใช้ในการซื้อขาย,แลกเปลี่ยน หรือประโยชน์อื่นใด โดยไม่ได้รับอนุญาต
หากมีความประสงค์จะนำภาพเหล่านี้ไปเผยแพร่ต่อ กรุณาให้เครดิต-วางลิ้งค์ที่มาของภาพ กำกับไว้ด้วยเสมอ เพื่อประโยชน์ในการใช้สืบค้นอ้างอิงที่มาของแหล่งข้อมูลฯ


93
(ต่อ)












































































หมายเหตุ: ข้อมูลภาพทั้งหมดนี้ ห้ามคัดลอก,ตัดต่อ เพื่อใช้ในการซื้อขาย,แลกเปลี่ยน หรือประโยชน์อื่นใด โดยไม่ได้รับอนุญาต
หากมีความประสงค์จะนำภาพเหล่านี้ไปเผยแพร่ต่อ กรุณาให้เครดิต-วางลิ้งค์ที่มาของภาพ กำกับไว้ด้วยเสมอ เพื่อประโยชน์ในการใช้สืบค้นอ้างอิงที่มาของแหล่งข้อมูลฯ


94
วันเสาร์ที่ ๑๙ มีนาคม ๒๕๕๙


























































































หมายเหตุ: ข้อมูลภาพทั้งหมดนี้ ห้ามคัดลอก,ตัดต่อ เพื่อใช้ในการซื้อขาย,แลกเปลี่ยน หรือประโยชน์อื่นใด โดยไม่ได้รับอนุญาต
หากมีความประสงค์จะนำภาพเหล่านี้ไปเผยแพร่ต่อ กรุณาให้เครดิต-วางลิ้งค์ที่มาของภาพ กำกับไว้ด้วยเสมอ เพื่อประโยชน์ในการใช้สืบค้นอ้างอิงที่มาของแหล่งข้อมูลฯ


95
วันศุกร์ที่ ๑๘ มีนาคม ๒๕๕๙










































































หมายเหตุ: ข้อมูลภาพทั้งหมดนี้ ห้ามคัดลอก,ตัดต่อ เพื่อใช้ในการซื้อขาย,แลกเปลี่ยน หรือประโยชน์อื่นใด โดยไม่ได้รับอนุญาต
หากมีความประสงค์จะนำภาพเหล่านี้ไปเผยแพร่ต่อ กรุณาให้เครดิต-วางลิ้งค์ที่มาของภาพ กำกับไว้ด้วยเสมอ เพื่อประโยชน์ในการใช้สืบค้นอ้างอิงที่มาของแหล่งข้อมูลฯ

96
วิดีโอ ประชาสัมพันธ์งานพิธีไหว้ครูหลวงพ่อเปิ่น ประจำปี ๒๕๕๙ ครับ

ขอบพระคุณครับพี่ตู่ :015:


97
- วิธีลงรูปในบอร์ดกระดานสนทนา ตามลิ้งค์นี้..
http://www.bp.or.th/webboard/index.php?topic=2148

- ส่วนประเด็นเรื่องรูปยันต์นั้น แนะนำว่าควรสอบถามกับพระอาจารย์-อาจารย์ ผู้สักด้วยตนเอง จะได้คำตอบที่ชัดเจนที่สุดครับ.

102
เปิดให้บูชาแล้วที่สำนักงานวัดบางพระครับ


103


เปิดให้ร่วมบุญบูชาแล้วบนกุฏิใหญ่วัดบางพระ
เนื้อทองแดงรมดำ ร่วมบุญบูชาเหรียญละ ๑๕๐ บาท

!!!เฉพาะวันเสาร์ที่ ๑๙ มีนาคม ๒๕๕๙ บูชาพานครู ๑๐๐ บาท
จะได้รับเหรียญไหว้ครู ๕๙ เนื้อทองแดงรมดำ ๑ เหรียญ!!!



104
วันจันทร์ที่ ๒๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ เวลา ๑๖.๓๐ น. @กุฏิใหญ่ วัดบางพระ






























































































:001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:

105
เปิดจองหรือเปล่าครับ คุณ เก่ง

ช่วงนี้ผู้ดูแลติดภารกิจลงพื้นที่วิจัยกันหลายท่าน

ความเป็นไปได้ คือน่าจะเปิดให้บูชาที่สำนักงานวัดบางพระ เหมือนปีที่แล้วครับ.

106











:001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:

ลอคเกตลูกอมเสือ บูชาครู ๒๕๕๙ (หลวงพี่ต้อยจัดสร้าง)
รายได้สมทบทุนซื้อรถพยาบาลฉุกเฉิน
มอบให้โรงพยาบาลหลวงพ่อเปิ่น

รายละเอียดการจัดสร้าง

๑. ลอคเกตลูกอมเสือ บูชาครู ๒๕๕๙ ฉากสีดำ จำนวนสร้าง ๒๐๐ อัน
    ร่วมบุญสั่งจองบูชาอันละ ๓๐๐ บาท


๒. ลอคเกตลูกอมเสือ บูชาครู ๒๕๕๙ ฉากสีแดง  จำนวนสร้าง ๒๐๐ อัน
    ร่วมบุญสั่งจองบูชาอันละ ๓๐๐ บาท


[shake]**หมายเหตุ** ด้านหลังลอคเกตลูกอมเสือ บูชาครู ๒๕๕๙ ทุกอัน อุดผงเก่าของหลวงพ่อเปิ่น + จีวรหลวงพ่อเปิ่น + ตะกรุด ๑ ดอก + สิงห์ (แกะจากกระดูกช้าง) ๑ ตัว[/shake]

เปิดให้ร่วมบุญสั่งจองได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปที่กุฏิหลวงพี่ปาด (ข้างกุฏิหลวงพี่ต้อย)

กำหนดรับลอคเกตลูกอมเสือ บูชาครู ๒๕๕๙ ได้หลังวันเสาร์ที่ ๒๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ เป็นต้นไป


:001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:

อนุโมทนาบุญกับทุกท่านที่ได้ร่วมบุญในครั้งนี้
..สาธุ สาธุ อนุโมทามิ..

107
ขอถามท่านผู้รู้ หน่อยครับ
1.ผมเป็นพระอยู่จะไปสักที่วัดบางพระ จะขอจำวัดที่นั่นหลายวันได้รึปล่าวครับ
2.พระอาจารย์ท่านสักให้พระรึปล่าวครับ
3.ฆราวาสที่เป็นอาจารย์สัก ท่านสักให้พระรึปล่าวครับ

๑. ได้ แต่ท่านต้องมาขออนุญาตพักจำวัดกับพระครูอนุกูลพิศาลกิจ (หลวงพ่อสำอางค์ ปภสฺสโร) เจ้าอาวาสวัดบางพระรูปปัจจุบัน ด้วยตัวของท่านเอง (ควรนำหนังสือสุทธิสำหรับพระภิกษุสามเณรติดตัวมาด้วย)

๒. ระเบียบของวัดบางพระ พระภิกษุสามเณรสามารถมาสักยันต์ที่วัดบางพระได้ เว้นเฉพาะช่วงเข้าพรรษาเท่านั้นที่ห้ามสักให้พระภิกษุสามเณรทุกกรณี

๓. อาจารย์สักบางท่านพิจารณาว่าฆราวาสสักให้พระภิกษุสามเณรเป็นการไม่เหมาะสม ท่านก็จะไม่สักให้

109
มีสร้างครับ..เพิ่งส่งแบบไปเมื่อวานเย็น

110

แจ้งข่าวสารประชาสัมพันธ์ ร่วมทำบุญกับหลวงพี่ต้อย เพื่อสมทบทุนสร้างพระมหาธาตุเจดีย์ ณ วัดเวียงแก้ว จ.เชียงราย และสมทบทุนซื้อรถพยาบาล โดยสามารถร่วมบุญบูชาวัตถุมงคลเพื่อสมทบทุนโครงการงานบุญดังกล่าวได้ดังนี้

:089: :089: :089: :089: :089: :089: :089: :089: :089:

๑. เหรียญหลวงพ่อเปิ่น ปี ๒๕๓๗ เนื้อนวะโลหะ (กล่องเดิม) เปิดให้ร่วมบุญบูชาได้เลย เหรียญละ ๕,๐๐๐ บาท



:089: :089: :089: :089: :089: :089: :089: :089: :089:

๒. ลอคเกตหลวงพ่อเปิ่น รุ่นเลื่อนยศ ปลดหนี้ ปี ๕๘ พิมพ์พิเศษ (หลังอุดผงยาจินดามณีเก่าของหลวงพ่อเปิ่น+ตะกรุดเงิน ๑ ดอก+เหรียญเม็ดกระดุมหลวงพ่อเปิ่น ปี ๒๕๔๓ จำนวน ๑ องค์+เหรียญเม็ดกระดุมหลวงพ่อเปิ่น ปี ๒๕๔๔ จำนวน ๑ องค์) เปิดให้ร่วมบุญบูชาได้เลย องค์ละ ๑,๐๐๐ บาท


:089: :089: :089: :089: :089: :089: :089: :089: :089:

๓. พระบูชาหลวงพ่อเปิ่น ฐานเสือคู่ หน้าตัก ๓ นิ้ว หลวงพี่ต้อยจัดสร้างจำนวน ๓๐๐ องค์ ร่วมบุญสั่งจององค์ละ ๑,๓๐๐ บาท รับพระได้ก่อนงานไหว้ครู ๑๙ มีนาคม ๒๕๕๙ (ยอดสั่งจองใกล้เต็มแล้ว)



:089: :089: :089: :089: :089: :089: :089: :089: :089:

รายการวัตถุมงคลทั้งหมดนี้ ร่วมบุญบูชา และสั่งจองได้ที่หลวงพี่ปาด ข้างกุฏิหลวงพี่ต้อย วัดบางพระ ที่เดียวเท่านั้น (ไม่มีจัดส่งทางไปรษณีย์)

:001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:

อนุโมทนากับทุกท่านที่ได้ร่วมบุญในครั้งนี้ สาธุ สาธุ อนุโมทามิ

111
สอบถามครับ  ไหว้ครูปี 59 เสื้อเว็บ  วัดบางพระ มีสั่งจองไหมครับ  ปีที่ แล้ว สวยมาก ปี 59 ยังมีไหมครับ

มีครับ (ส่งแบบไปเมื่อเย็น; รอประกาศแจ้งเร็วๆ นี้)

112
สำรองพื้นที่ (ไว้สรุปผล แสดงรายชื่อผู้ได้รับรูปหลวงพ่อเปิ่น-พระร่วงโรจนฤทธิ์)

ลำดับที่ ๑        Mafueng
ลำดับที่ ๒        นันท์นภัส
ลำดับที่ ๓        MameawZii
ลำดับที่ ๔        wirat_dx
ลำดับที่ ๕        Asuke
ลำดับที่ ๖        pisut22
ลำดับที่ ๗        thunyarat.cj
ลำดับที่ ๘        watana...wit
ลำดับที่ ๙        jindong59
ลำดับที่ ๑๐      aody2k
ลำดับที่ ๑๑      Sasiya
ลำดับที่ ๑๒      apinan
ลำดับที่ ๑๓      watchara29tor
ลำดับที่ ๑๔      koyza
ลำดับที่ ๑๕      chintaroe
ลำดับที่ ๑๖      whatchara3408
ลำดับที่ ๑๗      santisantisampan
ลำดับที่ ๑๘      seata
ลำดับที่ ๑๙      tum72
ลำดับที่ ๒๐      wave125x
ลำดับที่ ๒๑      PANYACHITA
ลำดับที่ ๒๒      kraivit
ลำดับที่ ๒๓      cofficolazz
ลำดับที่ ๒๔      toomeras
ลำดับที่ ๒๕      tong_fifa
ลำดับที่ ๒๖      d.weerapong
ลำดับที่ ๒๗      nantarat
ลำดับที่ ๒๘      birdbird
ลำดับที่ ๒๙      PANUWIT
ลำดับที่ ๓๐      sompob
ลำดับที่ ๓๑      AoF_zA
ลำดับที่ ๓๒      jookku
ลำดับที่ ๓๓      k-tech
ลำดับที่ ๓๔      Br2518
ลำดับที่ ๓๕      pichaissi
ลำดับที่ ๓๖      hilo
ลำดับที่ ๓๗      siriporn_preaw
ลำดับที่ ๓๘      chinjungz

113

แจกรูปหลวงพ่อเปิ่น-พระร่วงโรจนฤทธิ์
แก่สมาชิกกระดานสนทนาวัดบางพระ จำนวน ๑๕๐ ใบ

:001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:

รายละเอียด-พิธีกรรมอธิษฐานจิตปลุกเสก

จำนวนสร้างรูปใบเล็กรวม ๓,๐๐๐ ใบ โดยถวายหลวงพี่ติ่งไว้ ๒,๐๐๐ ใบ (รูปที่ถวายหลวงพี่ติ่งไว้ จะตัดภาพพื้นหลังออกบางส่วน)

อีก ๑,๐๐๐ ใบ (ภาพเดิมตามฟิล์มต้นฉบับ) แยกถวายแล้วบางส่วน เช่น ถวายหลวงพ่อสำอางค์, ถวายหลวงพี่ต้อย, ถวายหลวงพี่สุธี, นำไปแจกที่ประเทศจีน ฯ


รูปหลวงพ่อเปิ่น-พระร่วงโรจนฤทธิ์นี้ ได้นำเข้าพิธีพุทธาภิเษก-มหาพุทธาภิเศก ๒ พิธี ดังนี้

วันพุธที่ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๕๘ เวลา ๑๙.๓๙ น. มหัทธโนฤกษ์ ณ อุโบสถวัดโคกเขมา (วัดเก่าหลวงพ่อเปิ่น) อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม

รายนามพระคณาจารย์นั่งปรกอธิษฐานจิต
๑. พระครูวิบูลสิริธรรม (หลวงพ่อเพี้ยน) เจ้าอาวาสวัดตุ๊กตา จ.นครปฐม (ประธานจุดเทียนชัย)
๒. พระครูสิริปุญญาภิวัฒน์ (หลวงพ่อบุญสม) เจ้าคณะอำเภอนครชัยศรี เจ้าอาวาสวัดสำโรง จ.นครปฐม (ประธานดับเทียนชัย)
๓. พระครูพิศาลสาธุวัฒน์ (หลวงพ่อทองคำ) เจ้าคณะอำเภอเมืองนครปฐม เจ้าอาวาสวัดพะเนียงแตก จ.นครปฐม
๔. พระครูสิโรตม์สุวรรณารักษ์ (หลวงพ่อมานิตย์) รองเจ้าคณะอำเภอนครชัยศรี เจ้าอาวาสวัดศรีษะทอง จ.นครปฐม
๕. พระครูอนุกูลพิศาลกิจ (หลวงพ่อสำอางค์) เจ้าอาวาสวัดบางพระ จ.นครปฐม
๖. พระครูสถิตบุญเขต (หลวงพ่อบุญช่วย) เจ้าอาวาสวัดกลางบางแก้ว จ.นครปฐม
๗. พระครูพิจิตรสรคุณ (หลวงพ่อพร) เจ้าอาวาสวัดบางแก้ว จ.นครปฐม
๘. พระครูโกวิทสุตการ (หลวงพ่อกำไร) เจ้าคณะตำบลศรีมหาโพธิ์ เจ้าอาวาสวัดโคกเขมา จ.นครปฐม


ภาพบรรยากาศพิธีพุทธาภิเษก ณ วัดโคกเขมา (วัดเก่าหลวงพ่อเปิ่น) อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม



































:001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:


วันพฤหัสบดีที่ ๑๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ ณ พระวิหารพระร่วงฯ วัดพระปฐมเจดีย์ราชวรมหาวิหาร จ.นครปฐม (พิธี ๑๐๐ ปี พระร่วงโรจนฤทธิ์ฯ)

รายนามพระคณาจารย์นั่งปรกแผ่เมตตาจิต พิธีมหาพุทธาภิเศก ชุดแรก เวลา ๑๖.๐๐ น.
๑. พระครูเกษมปัญญาคม (หลวงพ่อยิ้ม) วัดโกสินารายณ์ จ.ราชบุรี
๒. พระครูวรพรตธาดา (หลวงพ่อทองสุข) วัดหนองปลาดุก จ.ราชบุรี
๓. พระครูสิริโพธิรักษ์ (หลวงพ่อยวง) วัดโพธิ์ศรี จ.ราชบุรี
๔. พระครูปัญญาวิภูษิต (หลวงปู่หนู) วัดไผ่สามเกาะ จ.ราชบุรี
๕. พระครูถาวรวิริยคุณ (หลวงพ่อคง) วัดเขากลิ้ง จ.เพชรบุรี
๖. พระครูวิมลชัยสิทธิ์ (หลวงพ่อล้อม) วัดไผ่รื่นรมย์ จ.นครปฐม
๗. พระครูสิริวรธรรมาภินันท์ (หลวงพ่อชูชาติ) วัดมะนาว จ.สุพรรณบุรี
๘. พระครูอดุลพิริยานุวัฒน์ (หลวงพ่อชุบ) วัดวังกระแจะ จ.กาญจนบุรี
๙. พระครูประพัฒน์วรกิจ (หลวงปู่ซ่วน) วัดเขาแดง จ.ประจวบคีรีขันธ์
๑๐. พระครูสังฆรักษ์กิติศักดิ์ วัดหุบตาโคตร จ.ประจวบคีรีขันธ์

รายนามพระคณาจารย์นั่งปรกแผ่เมตตาจิต พิธีมหาพุทธาภิเศก ชุดที่สอง เวลา ๑๘.๐๐ น.
๑. พระเทพญาณมงคล (หลวงป๋า) วัดหลวงพ่อสดธรรมกายาราม จ.ราชบุรี
๒. พระมงคลวรสิทธิ (หลวงพ่อยิ้ม) วัดลาดปลาเค้า จ.นครปฐม
๓. พระสิทธิญาณมุนี (หลวงพ่อสุรินทร์) วัดคูหาสวรรค์ กรุงเทพมหานคร
๔. พระโสภณพัฒนากร (หลวงพ่อจรัล) วัดใหญ่บางพลีใน จ.สมุทรปราการ
๕. พระครูสุวรรณสีลาธิคุณ (หลวงพ่อพูน) วัดบางแพน จ.พระนครศรีอยุธยา
๖. พระครูธรรมสารรักษา (หลวงพ่อป่วน) วัดบรรหารแจ่มใส จ.สุพรรณบุรี
๗. พระครูปภัสสรวรพินิจ (หลวงพ่อไพโรจน์) วัดห้วยมงคล จ.ประจวบคีรีขันธ์
๘. พระครูภาวนาโสภณ (หลวงพ่อพร) วัดป่าธรรมโสภณ จ.ลพบุรี
๙. พระครูประยุตนวการ (หลวงปู่แย้ม) วัดสามง่าม จ.นครปฐม
๑๐. พระครูฌานวัชราภรณ์ (หลวงพ่อห่วย) วัดห้วยทรายใต้ จ.เพชรบุรี
๑๑. พระครูภาวนาวัชราภรณ์ (หลวงพ่อพฤหัส) วัดไร่มะม่วงราชดำริ จ.เพชรบุรี
๑๒. พระครูโสภิตวิริยาภรณ์ (หลวงพ่ออิฏฐ์) วัดจุฬามณี จ.สมุทรสงคราม
๑๓. พระครูปราโมทย์ปัญญาวัฒน์ (หลวงพ่อบุญเลิศ) วัดปราโมทย์ จ.สมุทรสงคราม
๑๔. พระครูเกษมสาธุวัฒน์ (หลวงพ่อสมชาย) วัดปรีดาราม จ.นครปฐม
๑๕. พระครูปฐมวราจารย์ (หลวงพ่ออวยพร) วัดดอนยายหอม จ.นครปฐม
๑๖. พระครูสมุห์อุเทน สิริสาโร วัดท่าไม้ จ.สมุทรสาคร


ภาพบรรยากาศพิธีมหาพุทธาภิเศก ณ วัดพระปฐมเจดีย์ราชวรมหาวิหาร อ.เมืองนครปฐม จ.นครปฐม


















































:001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:

หมายเหตุ: ข้อมูล และภาพทั้งหมดนี้ ห้ามคัดลอกนำไปเผยแพร่ต่อ
เพื่อนำไปใช้อ้างอิงในการซื้อขาย,แลกเปลี่ยน หรือประโยชน์อื่นใด โดยไม่ได้รับอนุญาต

:001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:

รายละเอียดและกติกาการร่วมลงชื่อรับรูปหลวงพ่อเปิ่น-พระร่วงโรจนฤทธิ์ฯ

- สงวนสิทธิ์ในการแจกรางวัลครั้งนี้ให้กับสมาชิกกระดานสนทนาวัดบางพระเท่านั้น

- เปิดให้ร่วมลงชื่อเพื่อรับรูปหลวงพ่อเปิ่น-พระร่วงโรจนฤทธิ์ฯ ตั้งแต่ตอนนี้ เป็นต้นไป (โดยโพสตอบในกระทู้นี้เท่านั้น)

- สิทธิ์ในการได้รับรูปหลวงพ่อเปิ่น-พระร่วงโรจนฤทธิ์ฯ ได้แก่ ผู้ที่ลงชื่อ ๗๕ ท่านแรก (นับจากลำดับการโพสตอบกระทู้)

- ผู้ที่ลงชื่อ ๗๕ ท่านแรก จะได้รับ รูปหลวงพ่อเปิ่น-พระร่วงโรจนฤทธิ์ฯ จำนวน ๒ ใบ (รวม ๒ ใบ/ ๑ ชื่อสมาชิกผู้ใช้งาน)

- สำหรับผู้ที่ลงชื่อรับรูปหลวงพ่อเปิ่น-พระร่วงโรจนฤทธิ์ฯ ทั้ง ๗๕ ท่าน กรุณารอการยืนยันสิทธิ์รับรางวัล ซึ่งจะตอบกลับให้ทางระบบข้อความส่วนตัว (pm)

- ผู้ที่ลงชื่อรับรูปหลวงพ่อเปิ่น-พระร่วงโรจนฤทธิ์ฯ ทั้ง ๗๕ ท่าน เมื่อได้รับการยืนยันสิทธิ์รับรางวัลแล้ว กรุณาส่งซองเปล่า (ซองจดหมายธรรมดา) ติดแสตมป์ ๓๗ บาท จ่าหน้าซองถึงตัวท่านเอง มายังที่อยู่ที่ได้รับจากการยืนยันสิทธิ์รับรางวัลในระบบข้อความส่วนตัว (pm)


หมายเหตุ: หากปฏิบัติตามกติกาไม่ได้ กรุณาอย่าลงชื่อตอบกระทู้ เพื่อเป็นการรักษาสิทธิ์แก่สมาชิกท่านอื่นที่สามารถปฏิบัติตามกติกาได้

:001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:

114
[shake]ปิดการจอง (ยอดจองเต็มแล้วทุกรายการ)
อนุโมทนาบุญกับทุกท่านครับ : ๑๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๘
[/shake]




ลอคเกตหลวงพ่อเปิ่น รุ่น เลื่อนยศ ปลดหนี้ (หลวงพี่ต้อยจัดสร้าง)
วัตถุประสงค์เพื่อสมทบทุนก่อสร้างพระมหาธาตุเจดีย์
ณ วัดเวียงแก้ว ต.เมืองชุม อ.เวียงชัย จ.เชียงราย
จัดสร้าง ๒ สี คือ
๑.ฉากสีขาวดำ ๒.ฉากสีน้ำตาล






มวลสารหลักที่ใช้อุดหลังลอคเกตหลวงพ่อเปิ่น รุ่น เลื่อนยศ ปลดหนี้ ประกอบด้วย เม็ดยาจินดามณีเก่าของหลวงพ่อเปิ่น ปี ๓๖, พระผงหลวงปู่ทวดเนื้อผงยาจินดามณีวัดบางพระ ปี ๔๐, พระผงเก่าของหลวงพ่อเปิ่น ฯลฯ



:001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:



***รายละเอียดการจัดสร้าง***


๑. ลอคเกตหลวงพ่อเปิ่น รุ่นเลื่อนยศ ปลดหนี้ รันนัมเบอร์ ๙๙๙ (หลังอุดผงยาจินดามณี+ตะกรุดทองคำจารมือ ๒ ดอก+เหรียญหล่อพิมพ์ปรกโพธิ์สะดุ้งกลับวัดบางพระเนื้อเงิน ปี ๓๕ จำนวน ๑ องค์+เกศาหลวงพ่อเปิ่น) เปิดให้ร่วมบุญสั่งจองสีละ ๓ องค์ (เต็มแล้ว)



:001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:




๒. ลอคเกตหลวงพ่อเปิ่น รุ่นเลื่อนยศ ปลดหนี้ รันนัมเบอร์ ๑-๙ (หลังอุดผงยาจินดามณี+ตะกรุดทองคำจารมือ ๑ ดอก+เหรียญหล่อพิมพ์ปรกโพธิ์สะดุ้งกลับวัดบางพระเนื้อเงิน ปี ๓๕ จำนวน ๑ องค์+เกศาหลวงพ่อเปิ่น) เปิดให้ร่วมบุญสั่งจอง "สีละ ๙ องค์" ร่วมบุญบูชาองค์ละ ๓,๕๐๐ บาท (เต็มแล้ว)



:001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:





๓. ลอคเกตหลวงพ่อเปิ่น รุ่นเลื่อนยศ ปลดหนี้ (หลังอุดผงยาจินดามณี+ตะกรุดเงินแท้จารมือ ๑ ดอก+เหรียญเม็ดกระดุมหัวเสือ ๑ องค์+เหรียญเศียรหนุมานจิ๋ว ๑ องค์) เปิดให้ร่วมบุญสั่งจอง "สีละ ๑๕๙ องค์" ร่วมบุญบูชาองค์ละ ๕๐๐ บาท (เต็มแล้ว)


:001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:


***ลอคเกตหลวงพ่อเปิ่น รุ่น เลื่อนยศ ปลดหนี้ มีโค้ดกำกับทุกองค์***

เปิดให้ร่วมบุญสั่งจอง
ที่กุฏิหลวงพี่ปาด (ข้างกุฏิหลวงพี่ต้อย) ที่เดียวเท่านั้น (ยอดจองเต็มทุกรายการ ปิดรายการจอง : ๑๐ พ.ย. ๕๘)

กำหนดรับลอคเกตได้ที่กุฏิหลวงพี่ปาด (ข้างกุฏิหลวงพี่ต้อย) ตั้งแต่วันพุธที่ ๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ เป็นต้นไป

อนุโมทนากับผู้ที่ได้ร่วมบุญทุกท่าน สาธุ สาธุ อนุโมทามิ

118
แนะนำว่าควรเข้ามาขออนุญาตกับหลวงพ่อเจ้าอาวาสที่วัดบางพระด้วยตัวเองครับ.

119
เฉลยคำตอบ

๑) วันไหว้ครู ลพ.เปิ่น ปี ๕๙ ตรงกับวันอะไร? วันที่เท่าไร? เดือนอะไร?
ตอบ : วันไหว้ครู ลพ.เปิ่น ปี ๕๙ ตรงกับ วันเสาร์ที่ ๑๙ มีนาคม ๒๕๕๙ “เวลา ๙.๓๙ น. (บวงสรวง อ่านโองการชุมนุมเทวดา กุฎิ ลพ.ญา ๐๔.๓๐ น.) - วันพฤหัสบดีที่ ๑๗ มีนาคม ๒๕๕๙ ครอบเศียรครูฤาษี กุฎิ ลพ.ติ่ง (เช้าตรู่-ทั้งวัน)”

๒)   พิธีไหว้ครู ลพ.เปิ่น จัดขึ้นครั้งแรกที่วัดบางพระ พ.ศ. อะไร?
ตอบ : พิธีไหว้ครู ลพ.เปิ่น จัดขึ้นครั้งแรกที่วัดบางพระเมื่อปี พ.ศ.๒๕๑๘ (http://www.bp.or.th/webboard/index.php?topic=30717.0)

๓)   วันไหว้ครู ลพ.เปิ่น ครั้งเดียวในประวัติศาสตร์ที่มีการปลุกเสกวัตถุมงคลไปด้วย พ.ศ. อะไร?
ตอบ : วันไหว้ครู ลพ.เปิ่น ครั้งเดียวในประวัติศาสตร์ที่มีการปลุกเสกวัตถุมงคลไปด้วย จัดขึ้นในปี พ.ศ.๒๕๓๗ (ในบรรดาวัตถุมงคลทั้งหลายมี “เหรียญเสื้อเกราะ” (ไหว้ครู ปี ๓๓)-เข้าพิธีเสาร์ห้า ปี ๓๗) นำมาปลุกเสกในวันไหว้ครูปี ๓๗ นี้ด้วย (ผู้การเสืออนุเคราะห์ข้อมูล)


:001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:


สรุปผลกิจกรรม

DeathWalkers ตอบคำถามถูกจำนวน ๐ ข้อ ได้รับรางวัลปลอบใจ

Sasiya ตอบคำถามถูกจำนวน ๐ ข้อ ได้รับรางวัลปลอบใจ

weerawut67 ตอบคำถามถูกจำนวน ๐ ข้อ ได้รับรางวัลปลอบใจ

นันท์นภัส ตอบคำถามถูกจำนวน ๐ ข้อ ได้รับรางวัลปลอบใจ


โยคี ตอบคำถามถูกจำนวน ๑ ข้อ ได้รับรางวัลพระผง ลพ.เปิ่น (“ผู้การเสือ” สร้างถวาย) จำนวน ๑ องค์

galong ตอบคำถามถูกจำนวน ๒ ข้อ ได้รับรางวัลพระผง ลพ.เปิ่น (“ผู้การเสือ” สร้างถวาย) จำนวน ๑ องค์

whatchara3408 ตอบคำถามถูกจำนวน ๑ ข้อ ได้รับรางวัลพระผง ลพ.เปิ่น (“ผู้การเสือ” สร้างถวาย) จำนวน ๑ องค์

love2588 ตอบคำถามถูกจำนวน ๑ ข้อ ได้รับรางวัลพระผง ลพ.เปิ่น (“ผู้การเสือ” สร้างถวาย) จำนวน ๑ องค์

konrakot sinmakerd ตอบคำถามถูกจำนวน ๓ ข้อ ได้รับรางวัลพระผง ลพ.เปิ่น (“ผู้การเสือ” สร้างถวาย) จำนวน ๑ องค์ และผ้ายันต์ เก้ายอด ลพ.เปิ่น (“ผู้การเสือ” สร้างถวาย) จำนวน ๑ ผืน

Arnut ตอบคำถามถูกจำนวน ๓ ข้อ ได้รับรางวัลพระผง ลพ.เปิ่น (“ผู้การเสือ” สร้างถวาย) จำนวน ๑ องค์ และผ้ายันต์ เก้ายอด ลพ.เปิ่น (“ผู้การเสือ” สร้างถวาย) จำนวน ๑ ผืน


wannonbin ตอบคำถามถูกจำนวน ๒ ข้อ ได้รับรางวัลพระผง ลพ.เปิ่น (“ผู้การเสือ” สร้างถวาย) จำนวน ๑ องค์


:001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:


หมายเหตุ

- ผู้ที่ร่วมกิจกรรมทุกท่านให้มารับรางวัลกับ “ผู้การเสือ” ในวันเสาร์ที่ ๑๐ ต.ค. ๕๘ เวลา ๑๓.๐๐ น. - ๑๔.๐๐ น. ณ "ศาลาชาติ ศาสน์ กษัตริย์" วัดบางพระ (รับรางวัลแทนกันไม่ได้)

- ผู้ใดทายถูกไม่ว่ากิจกรรม “สิบทัศน์” ครั้งที่เท่าใด (มาไม่พบ หรือมาไม่ได้) ก็จะให้สิทธิ์แสดงตนมารับรางวัลได้ครับ



:001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:


แล้วพบกันใหม่ในกิจกรรมครั้งต่อๆ ไป ครับ

120
คำถาม

๑)   วันไหว้ครู ลพ.เปิ่น ปี ๕๙ ตรงกับวันอะไร? วันที่เท่าไร? เดือนอะไร?
๒)   พิธีไหว้ครู ลพ.เปิ่น จัดขึ้นครั้งแรกที่วัดบางพระ พ.ศ. อะไร?
๓)   วันไหว้ครู ลพ.เปิ่น ครั้งเดียวในประวัติศาสตร์ที่มีการปลุกเสกวัตถุมงคลไปด้วย พ.ศ. อะไร?



:001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:


ของรางวัล

๑) พระผง ลพ.เปิ่น (“ผู้การเสือ” สร้างถวาย)


๒) ผ้ายันต์ เก้ายอด ลพ.เปิ่น (“ผู้การเสือ” สร้างถวาย)



:001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:


รายละเอียดและกติกาการร่วมกิจกรรม

- กรุณาปฏิบัติตามกติกาอย่างเคร่งครัด (หากทำผิดกติกาถือว่าสละสิทธิ์)

- สงวนสิทธิ์ในการร่วมกิจกรรมครั้งนี้ให้กับสมาชิกกระดานสนทนาวัดบางพระเท่านั้น

- เปิดให้ร่วมตอบคำถามได้ตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไป, ปิดรับคำตอบและประกาศผลรายชื่อผู้โชคดี ในวันพฤหัสบดีที่ ๘ ต.ค. ๕๘ เวลา ๑๓.๐๐ น.

- โพสตอบคำถามได้ในกระทู้นี้กระทู้เดียวเท่านั้น

- สามารถโพสตอบคำถามได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น (๑ ชื่อผู้ใช้งาน/ ๑ โพสคำตอบ) หากโพสตอบซ้ำ จะถือว่าทำผิดกติกา

- ผู้ที่ตอบคำถามถูกครบทั้ง ๓ ข้อ จะได้รับทั้ง ๒ รางวัล (พระผง ลพ.เปิ่น (“ผู้การเสือ” สร้างถวาย) จำนวน ๑ องค์ และ ผ้ายันต์ เก้ายอด ลพ.เปิ่น (“ผู้การเสือ” สร้างถวาย) จำนวน ๑ ผืน)  

- ผู้ที่ตอบคำถามถูก ๑ - ๒ ข้อ จะได้รับ พระผง ลพ.เปิ่น (“ผู้การเสือ” สร้างถวาย) จำนวน ๑ องค์

- ให้มารับรางวัลกับ “ผู้การเสือ” ในวันเสาร์ที่ ๑๐ ต.ค. ๕๘ เวลา ๑๓.๐๐ น. - ๑๔.๐๐ น. ณ "ศาลาชาติ ศาสน์ กษัตริย์" วัดบางพระ (รับรางวัลแทนกันไม่ได้)



:001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:


หมายเหตุ

ผู้ใดทายถูกไม่ว่ากิจกรรม “สิบทัศน์” ครั้งที่เท่าใด (มาไม่พบ หรือมาไม่ได้) ก็จะให้สิทธิ์แสดงตนมารับรางวัลได้ครับ


:001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:



พิพิธภัณฑ์ “ผู้การเสือ” รูปที่ ๑๒
(แผ่นจาร (นิรนาม) พี่ผอม (กุฎิ ลพ.ต้อย) มอบให้ ๑๐ กว่าปีมาแล้ว)

พิพิธภัณฑ์ “ผู้การเสือ” รูปที่ ๑๓ (ภายในพิพิธภัณฑ์ฯ)


พิพิธภัณฑ์ “ผู้การเสือ” รูปที่ ๑๔ (ชาติ ศาสน์ กษัตริย์)


:001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:

123
วันเสาร์ที่ ๒๙ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๕๘ ณ กุฏิใหญ่ วัดบางพระ
























129
งานบุญวันแม่แห่งชาติช่วงเช้า ณ ที่ว่าการอำเภอนครชัยศรี

























:001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:




กิจกรรมงานบุญวันคล้ายวันเกิดหลวงพ่อเปิ่น อายุครบ ๙๒ ปี




























































































:001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:




ของฝาก เก็บภาพมาให้ชม..


สรรพตำราของหลวงปู่หิ่ม อินฺทโชโต อดีตเจ้าอาวาสวัดบางพระ อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม


หนังเสือ กราบขอบพระคุณหลวงพ่อสำอางค์ที่เมตตา


ตะกรุดใบลาน ๓ ห่วง ผ้าขาวห่อศพ กราบขอบพระคุณหลวงตา..


เหรียญหลวงพี่ติ่ง รุ่น ๑ ที่ระลึกร่วมบุญกับท่าน




พระปรกโพธิ์สะดุ้งกลับเนื้อดิน,เหรียญกษาปณ์ตอกโค้ด,แหวนหัวเสือเนื้อเงิน (หลวงพ่อเปิ่นอธิษฐานจิต)
กราบขอบพระคุณหลวงพี่..





ลอคเกตหลวงพ่อเปิ่น ที่ระลึก ๑๒ สิงหาคม ๒๕๕๘ ขอบคุณพี่เอที่เป็นธุระให้ครับ





สมเด็จหลวงพ่อเปิ่นตะกรุดทองคำ,หลวงปู่ทวดเนื้อผงยาจินดามณี,เหรียญหลวงพ่อสำอางค์รุ่นแรก,เจ้าสัว ๓
ขอบคุณทุกๆ มิตรภาพที่มีให้กันเสมอมา..




:001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:





กิจกรรมรับรางวัลจากผู้การเสือ (ภาพโดยคุณ PANUWIT)



:001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:



อนุโมทนาบุญกับทุกๆ ท่าน สาธุ สาธุ อนุโมทามิ
(ภาพเพิ่มเติมไว้ลงให้ชมอีกครั้ง)

130
เฉลยคำตอบจากผู้การเสือ


๑) วันที่ ๑๒ ส.ค. ๕๘ ถ้า ลพ.เปิ่นยังมีชีวิตอยู่จะมีอายุเท่าไร?

คำตอบ : วันที่ ๑๒ ส.ค. ๕๘ ถ้า ลพ.เปิ่นยังมีชีวิตอยู่จะมีอายุ
๙๒ ปี

ตามประวัติกำหนดวันเกิดหลวงพ่อเปิ่นไว้ในวันที่ ๑๒ สิงหาคม พ.ศ.๒๔๖๖

วีธีคำนวณอายุดังนี้






๒) พระประธานที่ประดิษฐานอยู่ในอุโบสถหลังเก่าของวัดบางพระ จ.นครปฐม มีนามว่าอะไร?

คำตอบ : พระประธานที่ประดิษฐานอยู่ในอุโบสถหลังเก่าของวัดบางพระ จ.นครปฐม มีนามว่า
หลวงพ่อสิทธิชัยมงคล (หลวงพ่อสิทธิมงคล)








๓) พระประธานที่ประดิษฐานอยู่ในอุโบสถหลังใหม่ของวัดบางพระ จ.นครปฐม มีนามว่าอะไร?
คำตอบ : พระประธานที่ประดิษฐานอยู่ในอุโบสถหลังใหม่ของวัดบางพระ จ.นครปฐม มีนามว่า
หลวงพ่อโต




๔) เหตุใด ลพ.เปิ่น จึงหยุดสักให้ลูกศิษย์? และท่านหยุดสักให้ลูกศิษย์เมื่อ พ.ศ. ใด?

คำตอบ : เหตุที่ ลพ.เปิ่น จึงหยุดสักให้ลูกศิษย์ คือ
หลวงพ่อท่านได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ เป็น พระครูสัญญาบัตรที่ “พระครูฐาปนกิจสุนทร” เมื่อวันที่ ๒ ธ.ค. พ.ศ.๒๕๒๓ ดังนั้นจากคำถามที่ว่าท่านหยุดสักให้ลูกศิษย์เมื่อใด จึงตอบว่า พ.ศ.๒๕๒๓ (ผู้การเสืออนุเคราะห์ข้อมูล)



:001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:



รายชื่อผู้ร่วมกิจกรรมที่ได้รับรางวัล




หมายเหตุ : ผู้ที่ได้รับรางวัลทุกท่าน กรุณามารับรางวัลกับ “ผู้การเสือ” ในวันพุธที่ ๑๒ ส.ค. ๕๘ (วันคล้ายวันเกิด ลพ.เปิ่น) เวลา ๑๒.๐๐ น. - ๑๓.๐๐ น. ณ "ศาลาชาติ ศาสน์ กษัตริย์" วัดบางพระ (รับรางวัลแทนกันไม่ได้)



:001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:

ขอบคุณทุกท่านที่ร่วมกิจกรรมครั้งนี้
แล้วพบกันใหม่ในกิจกรรมครั้งต่อๆ ไป

131
[shake]!!!ปิดกิจกรรมแล้วครับ!!![/shake]



ด้วยวันที่ ๑๒ ส.ค. ๕๘ เป็นวันสำคัญของเหล่าลูกศิษย์ ลพ.เปิ่น จะมาร่วมชุมนุมแสดงความกตัญญูต่อพระอาจารย์ทั้งหลายนั้นคือ “วันเกิดลพ.เปิ่น”


คำถาม
๑) วันที่ ๑๒ ส.ค. ๕๘ ถ้า ลพ.เปิ่นยังมีชีวิตอยู่จะมีอายุเท่าไร?

๒) พระประธานที่ประดิษฐานอยู่ในอุโบสถหลังเก่าของวัดบางพระ จ.นครปฐม มีนามว่าอะไร?

๓) พระประธานที่ประดิษฐานอยู่ในอุโบสถหลังใหม่ของวัดบางพระ จ.นครปฐม มีนามว่าอะไร?

๔) เหตุใด ลพ.เปิ่น จึงหยุดสักให้ลูกศิษย์? และท่านหยุดสักให้ลูกศิษย์เมื่อ พ.ศ. ใด?



ของรางวัล
๑) พระผง ลพ.เปิ่น รุ่น “ผู้การเสือ ๗๐”


๒) วัตถุมงคลหลายอย่างที่ “สิบทัศน์” มอบมาให้ (ของรางวัลจากกระทู้นี้.. http://www.bp.or.th/webboard/index.php?topic=31247 )



:001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:


รายละเอียดและกติกาการร่วมกิจกรรม

- กรุณาปฏิบัติตามกติกาอย่างเคร่งครัด (หากทำผิดกติกาถือว่าสละสิทธิ์)

- สงวนสิทธิ์ในการร่วมกิจกรรมครั้งนี้ให้กับสมาชิกกระดานสนทนาวัดบางพระเท่านั้น

- เปิดให้ร่วมตอบคำถามได้ตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไป, ปิดรับคำตอบและประกาศผลรายชื่อผู้โชคดี ในวันจันทร์ที่ ๑๐ ส.ค. ๕๘ เวลา ๑๒.๐๐ น.

- โพสตอบคำถามได้ในกระทู้นี้กระทู้เดียวเท่านั้น

- สามารถโพสตอบคำถามได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น (๑ ชื่อผู้ใช้งาน/ ๑ โพสคำตอบ) หากโพสตอบซ้ำ จะถือว่าทำผิดกติกา

- ผู้ใดรู้ตัวเองว่าทายถูกกี่ข้อก็จะได้รับรางวัลเท่านั้นชิ้น (มีสิทธิ์เลือกรับรางวัลใดก็ได้ ตามจำนวนข้อที่ท่านตอบคำถามถูก)

- ให้มารับรางวัลกับ “ผู้การเสือ” ในวันพุธที่ ๑๒ ส.ค. ๕๘ (วันคล้ายวันเกิด ลพ.เปิ่น) เวลา ๑๒.๐๐ น. - ๑๓.๐๐ น. ณ "ศาลาชาติ ศาสน์ กษัตริย์" วัดบางพระ (รับรางวัลแทนกันไม่ได้)



หมายเหตุ
ผู้ใดทายถูกไม่ว่ากิจกรรม “สิบทัศน์” ครั้งที่เท่าใด (มาไม่พบ หรือมาไม่ได้) ก็จะให้สิทธิ์แสดงตนมารับรางวัลได้ครับ


:001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:



พิพิธภัณฑ์ “ผู้การเสือ” รูปที่ ๙


พิพิธภัณฑ์ “ผู้การเสือ” รูปที่ ๑๐ (ลพ.ญา มอบให้เมื่อ ๑๐ กว่าปีมาแล้ว)


พิพิธภัณฑ์ “ผู้การเสือ” รูปที่ ๑๑ (ลายมือ ลพ.นัน ที่งดงามมาก)

:001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:

132
วันพุธ (วุโธ) ที่ ๒๒ กรกฎาคม ๒๕๕๘ เดินทางออกจากวัดบางพระ เวลา ๘.๐๐ น.



ถึงวัดสวนหมาก อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ เวลาประมาณ ๑๔.๐๐ น.







เมื่อเดินทางไปถึงวัดสวนหมากแล้ว หลวงพี่แป๊วท่านก็ได้พาไปกราบหลวงพ่อเจ้าคณะอำเภอคอนสาร ณ วัดป่าเรไร










เมื่อกราบคาราวะหลวงพ่อเจ้าคณะอำเภอคอนสารแล้ว ก็เดินทางกลับมายังวัดสวนหมาก

จากนั้นหลวงพี่สุธี ตัวแทนคณะสงฆ์วัดบางพระ ได้ทำการถวายเทียนจำนำพรรษาพร้อมเครื่องบริวารทั้งหลายแด่หลวงพ่อเจ้าอาวาสวัดสวนหมาก และหลวงพี่แป๊ว ตามลำดับ















บรรยากาศภายในวัดสวนหมาก อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ





































ผ้ายันต์หลวงพ่อเปิ่น วัดบางพระ ที่บ้านโยมของหลวงพี่แป๊ว (เขตจังหวัดขอนแก่น)

พักค้างที่วัดสวนหมาก ๑ คืน แล้วเดินทางกลับในวันรุ่งขึ้น
กลับถึงวัดบางพระเวลา ๑๙.๓๐ น. โดยสวัสดิภาพ


:001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:

134
วันเสาร์ที่ ๑๘ กรกฎาคม ๒๕๕๘ เวลา ๑๖.๓๙ น. (ราชาฤกษ์) ณ กุฏิพระอุดมประชานาถ (หลวงพ่อเปิ่น)

(สืบเนื่องจากกระทู้.. http://www.bp.or.th/webboard/index.php?topic=31270 )






































































135
เกริ่นนำ

        ด้วย “ผู้การเสือ” จะมีอายุครบ ๗๐ ปี ใน ๓ ปีข้างหน้านี้ จึงดำริที่จะสร้างบุญอันยิ่งใหญ่เป็นพุทธบูชาถวายแด่ ลพ.เปิ่น ที่เหล่าลูกศิษย์ทั้งหลายเคารพบูชา จึงสร้าง

        ๑. พระผงหลวงพ่อเปิ่น (รุ่นผู้การเสือ ๗๐) จำนวน ๘๔,๐๐๐ องค์ (สร้างในครั้งแรกนี้ ๖๐,๐๐๐ องค์) โดยได้รับความเมตตาจากหลวงรวย (วัดเขาวงษ์หนองม่วง จ.ลพบุรี) ซึ่งเป็นศิษย์สายตรงของ ลพ.เปิ่น ได้ดำเนินการจัดสร้าง (“ผู้การเสือ” ออกแบบ) โดยมีมวลสาร    
            ๑) ว่าน ๑๐๘
            ๒) ผงอิทธิเจ
            ๓) ดอกบัว ๘๔,๐๐๐ ดอก (จาก จ.นครปฐม)

        ๒. ผ้ายันต์ ๙ ยอด ลพ.เปิ่น จำนวน ๑,๐๐๐ ผืน โดยได้นำจีวรของท่านเจ้าคุณราชญาณกวี วัดพระราม ๙ มอบให้เพื่อใช้ในการจัดสร้าง (พระอาจารย์สมัครกำลังดำเนินการให้อยู่) คาดว่าแล้วเสร็จ ๑๒ ส.ค ๕๘ นี้

        ๓. วันเสาร์ ที่ ๑๘ ก.ค. ๕๘ นี้ (เวลา ๑๖.๑๙ น. "ราชาฤกษ์") จะทำพิธีปลุกเสกเดี่ยวโดย ลพ.เปิ่น ณ กุฎิใหญ่ (ได้ขออนุญาตจากท่านเจ้าอาวาส, ลพ.ญา, ลพ.นัน เป็นที่เรียบร้อยแล้ว)

        ๔. หลังเสร็จพิธี จะแจกให้ทุกๆคน คนละ ๑ องค์ (นำฤกษ์)

        ๕. ขออนุโมทนาบุญ ให้ลูกศิษย์ ลพ.เปิ่น ทุกท่านได้บุญกุศลในกาลครั้งนี้ ทุกท่าน...เทอญ



:001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:

 
“ผู้การเสือ” ออกแบบองค์พระ


        ๑. ลพ.เปิ่น นั่งสมาธิอยู่บนหน้าเสือ และนั่งอยู่บนก้อนเมฆ (อันเกิดจากนิมิตขณะปฏิบัติสมถกรรมฐาน ในโบสถ์เก่า เมื่อ ๑๐ กว่าปีมาแล้ว)

        ๒. เขียนว่า "หลวงพ่อเปิ่น" มีตัว "นะ" อยู่ซ้ายขวา

        ๓. ด้านหลัง เป็นยันต์แม่ทัพ อันลือชื่อของวัดบางพระ ลพ.เปิ่น จะสักให้เฉพาะเป็น ตำรวจ-ทหารเท่านั้น เขียนว่า “ผู้การเสือ ๗๐ ถวาย”

        ๔. ทุกองค์พระไม่เหมือนกันเลยทุกองค์ ขึ้นอยู่กับ กลีบดอกบัวที่บังเกิดขึ้น และมีกลิ่นหอมของดอกมะลิ 

        ๕. แกะ Block ด้วย Laser ตัวนูน คมชัดมาก ใช้โรงงาน (นครสวรรค์) มือ Pro ปั๊มโดยคัดไม่สวยออกทั้งหมด ใช้เวลาเตรียมการนี้ ประมาณ ๓ เดือน (ใช้เวลาขึ้นล่อง ลพบุรี/นครสวรรค์/วัดบางพระ) อยู่หลายเที่ยว จนสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี ไม่มีอุปสรรคใดๆ ทั้งสิ้น สมเจตนารมณ์ ของทุกๆพระอาจารย์ที่ให้คำปรึกษา ตลอดมา

        ๖. ไม่มีจำหน่าย (แจกฟรี) เฉพาะลูกศิษย์ ลพ.เปิ่น ในโอกาสต่างๆ ต่อไป




:001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:




รูปที่ ๑ “ผู้การเสือ” วันไหว้ครู หลวงรวย วัดเขาวงษ์หนองม่วง จ.ลพบุรี (๒๑ มิ.ย. ๕๘)




รูปที่ ๒ พระผงหลวงพ่อเปิ่น (รุ่นผู้การเสือ ๗๐)




รูปที่ ๓ ผ้ายันต์ ๙ ยอด ลพ.เปิ่น (รุ่นผู้การเสือ ๗๐)



:001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:

136
"ดัดแปลงเอามาไว้รวมกัน บนนะฤาชา ล่างดาวล้อมเดือน"
สัมภาษณ์พระอาจารย์อนันต์ อภินนฺโท เมื่อวันจันทร์ที่ ๒๙ มิถุนายน ๒๕๕๘
เวลา ๑๖.๒๐ น. ณ กุฏิพระอุดมประชานาถ (หลวงพ่อเปิ่น) "กุฏิใหญ่".
ขอบคุณมากๆค่ะ ไม่ทราบว่าพุทธคุณทางด้านใดบ้างคะ

รายละเอียดเพิ่มเติมจากนี้ ควรสอบถามกับพระอาจารย์ท่านด้วยตนเอง.

145
เริ่มจากกุฏิหลวงพี่ต้อย

จัดกิจกรรมแจกไข่+น้ำมัน แก่ผู้สูงอายุที่มีอายุ ๗๐ ปีขึ้นไป ที่เข้าร่วมชมรมผู้สูงอายุ จำนวน ๓๐๐ ชุด







ภาพเพิ่มเติมจากหลวงพี่ตี๋




















ออกร้านอาหารใต้ศาลาการเปรียญ









146
"ดัดแปลงเอามาไว้รวมกัน บนนะฤาชา ล่างดาวล้อมเดือน"
สัมภาษณ์พระอาจารย์อนันต์ อภินนฺโท เมื่อวันจันทร์ที่ ๒๙ มิถุนายน ๒๕๕๘
เวลา ๑๖.๒๐ น. ณ กุฏิพระอุดมประชานาถ (หลวงพ่อเปิ่น) "กุฏิใหญ่".

147
สรุปผลกิจกรรม


เฉลยคำตอบของคำถามชุดที่ ๑


ยันต์ที่ ๑ เป็นลายมือของ พระอาจารย์อนันต์
ยันต์ที่ ๒ เป็นลายมือของ พระอาจารย์แป๊ว
ยันต์ที่ ๓ เป็นลายมือของ พระอาจารย์ต้อย
ยันต์ที่ ๔ เป็นลายมือของ พระอาจารย์ญา
ยันต์ที่ ๕ เป็นลายมือของ พระอาจารย์อนันต์
ยันต์ที่ ๖ เป็นลายมือของ พระอาจารย์ติ่ง
ยันต์ที่ ๗ เป็นลายมือของ พระอาจารย์โบว์
ยันต์ที่ ๘ เป็นลายมือของ พระอาจารย์สมัคร



สำหรับคำถามชุดที่ ๑ นี้ ไม่มีผู้ตอบคำถามถูกครบทั้ง ๘ ข้อ แม้แต่คนเดียว โดยมีผู้ร่วมกิจกรรมตอบคำถามทั้งหมด ๑๒ ท่าน ซึ่งตอบคำถามถูกเพียงบางข้อ ดังนั้น จึงมอบรางวัลปลอบใจให้กับผู้ร่วมตอบคำถามทั้ง ๑๒ ท่าน ดังนี้


"gregrory" ตอบถูก ๑ ข้อ (ภาพยันต์ที่ ๔)
"โยคี" ตอบถูก ๒ ข้อ (ภาพยันต์ที่ ๓, ภาพยันต์ที่ ๖)
"Captainthailand" ตอบถูก ๑ ข้อ (ภาพยันต์ที่ ๖)
"sompob" ตอบถูก ๒ ข้อ (ภาพยันต์ที่ ๓, ภาพยันต์ที่ ๖)
"dawvan" ตอบถูก ๒ ข้อ (ภาพยันต์ที่ ๓, ภาพยันต์ที่ ๖)
"nicorobin" ตอบถูก ๑ ข้อ (ภาพยันต์ที่ ๖)
"sunantar" ตอบถูก ๑ ข้อ (ภาพยันต์ที่ ๖)
"bangphralism" ตอบถูก ๓ ข้อ (ภาพยันต์ที่ ๑, ภาพยันต์ที่ ๔, ภาพยันต์ที่ ๕)
"Dajojojat" ตอบถูก ๒ ข้อ (ภาพยันต์ที่ ๓, ภาพยันต์ที่ ๖)
"birdkung" ตอบถูก ๑ ข้อ (ภาพยันต์ที่ ๖)
"whatchara3408" ตอบถูก ๒ ข้อ (ภาพยันต์ที่ ๓, ภาพยันต์ที่ ๖)
"aody2k" ตอบถูก ๓ ข้อ (ภาพยันต์ที่ ๑, ภาพยันต์ที่ ๔, ภาพยันต์ที่ ๕)



:001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:



เฉลยคำถามพิเศษ (โบนัส)

ใครที่กราบ ลพ.คูณ และขอให้ ลพ.คูณทำอะไรให้ ลพ.คูณ ท่านก็จะช่วยสงเคราะห์ทำให้ทุกอย่าง แต่มีอยู่เรื่องหนึ่งที่ ลพ.คูณ ท่านจะไม่ทำให้อย่างเด็ดขาด
คำถาม? สิ่งที่ ลพ.คูณ จะปฏิเสธไม่ทำให้อย่างเด็ดขาดนั้น คืออะไร?


คำตอบ : ลพ.คูณ จะไม่เขียน อักขระลงบนธนบัตร (โดยบอกว่าเป็นของสูงให้วางไว้บนหัวเตียง)

หากติดตามกิจกรรมในกระดานสนทนาวัดบางพระ จะทราบคำตอบได้จากกระทู้นี้.. http://www.bp.or.th/webboard/index.php?topic=30928.0;

ผู้ที่ตอบคำถามพิเศษ (โบนัส) ถูกต้อง มีท่านเดียว คือ dawvan



:001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:



ผู้โชคดีได้รับรางวัลทั้ง ๑๒ ท่าน กรุณามารับรางวัลกับ “ผู้การเสือ”
ในวันอังคาร ที่ ๓๐ มิ.ย. ๕๘
(วันคล้ายวันมรณภาพ ลพ.เปิ่น ปีที่ ๑๓) เวลา ๑๒.๓๐ น.
ที่ศาลาชาติ ศาสน์ กษัตริย์ (รับรางวัลแทนกันไม่ได้)



:001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:



แล้วพบกันใหม่ในกิจกรรมครั้งต่อไป..
๑๒ สิงหาคม วันคล้ายวันเกิดพระอุดมประชานาถ (หลวงพ่อเปิ่น ฐิตคุโณ)

:001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:

148
[shake]!!!ปิดกิจกรรมแล้วครับ!!![/shake]



เมื่อวันที่ ๑ ม.ค. ๕๗ “ผู้การเสือ” ได้รับเมตตาจากพระอาจารย์ที่ได้รับความศรัทธาจากลูกศิษย์วัดบางพระ ได้เขียนยันต์ลงไว้ในสไบ (เพื่อใช้ในโอกาสสำคัญ)


คำถามชุดที่ ๑ :
ภาพยันต์ที่ ๑ เป็นลายมือของพระอาจารย์ท่านใด?
ภาพยันต์ที่ ๒ เป็นลายมือของพระอาจารย์ท่านใด?
ภาพยันต์ที่ ๓ เป็นลายมือของพระอาจารย์ท่านใด?
ภาพยันต์ที่ ๔ เป็นลายมือของพระอาจารย์ท่านใด?
ภาพยันต์ที่ ๕ เป็นลายมือของพระอาจารย์ท่านใด?
ภาพยันต์ที่ ๖ เป็นลายมือของพระอาจารย์ท่านใด?
ภาพยันต์ที่ ๗ เป็นลายมือของพระอาจารย์ท่านใด?
ภาพยันต์ที่ ๘ เป็นลายมือของพระอาจารย์ท่านใด?



















:001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:




อริยะสงฆ์ ผู้เปี่ยมไปด้วยความเมตตา อย่างสูงมากมาก
(กราบที่วัด ๒ ครั้งและที่ศิริราชอีก ๒ ครั้ง)


คำถามพิเศษ (โบนัส) : ใครที่กราบ ลพ.คูณ และขอให้ ลพ.คูณทำอะไรให้ ลพ.คูณ ท่านก็จะช่วยสงเคราะห์ทำให้ทุกอย่าง แต่มีอยู่เรื่องหนึ่งที่ ลพ.คูณ ท่านจะไม่ทำให้อย่างเด็ดขาด

คำถาม? สิ่งที่ ลพ.คูณ จะปฏิเสธไม่ทำให้อย่างเด็ดขาดนั้น คืออะไร?

รางวัลของคำถามพิเศษ (โบนัส) : ๑๐ ท่านแรกที่ตอบคำถามพิเศษได้ถูกต้อง จะได้รับ ผ้ายันต์ ลพ.เปิ่น (“ผู้การเสือ”ทำถวาย แจกเมื่ออายุ ๖๐) จำนวน ๑ ผืน / ๑ ท่าน



รายการของรางวัล


เหรียญหลวงพ่อเปิ่น ย้อนยุครุ่น ๑ วัดโคกเขมา (วัดเก่าหลวงพ่อเปิ่น) เนื้อทองฝาบาตร จำนวน ๓ เหรียญ




เหรียญพรหมวิหารหลวงพ่อเปิ่น ปี ๕๗ เนื้อนวะโลหะ จำนวน ๓ เหรียญ




ผ้ายันต์หลวงพ่อเปิ่น วัดบางพระ จำนวน ๓ ผืน




เหรียญหลวงพ่อโต วัดโคกเขมา (วัดเก่าหลวงพ่อเปิ่น) รุ่น "ยกฐานะ" เนื้อทองฝาบาตร ด้านหลังลายมือหลวงพ่อเปิ่น จำนวน ๓ เหรียญ




ผ้ายันต์ราหู บูชาครู ๕๘ วัดบางพระ จำนวน ๓ ผืน




ยันต์จีวรหลวงพ่อสำอางค์ พรรษา ๕๗ จำนวน ๓ แผ่น




ลูกสะกดถักเชือกผูกข้อมือ หลวงพ่อเอนก วัดปรีดาราม จ.นครปฐม จำนวน ๓ เส้น




รูปหลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม จ.นครปฐม (หลวงพ่ออวยพรสร้าง) จำนวน ๓ รูป




รูปหล่อพระอุปคุต วัดโคกเขมา (วัดเก่าหลวงพ่อเปิ่น) จำนวน ๓ องค์




รููปหลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง จ.อุทัยธานี เสาร์ ๕ พ.ศ.๒๕๒๘ จำนวน ๓ รูป




ผ้ายันต์เกราะเพชร บูชาครู ปี ๕๖ วัดโพธิ์ บางระมาด ตลิ่งชัน กทม. จำนวน ๓ ผืน


ลอคเกต (รูปกระดาษเคลือบ) หลวงพ่อโต วัดโคกเขมา (วัดเก่าหลวงพ่อเปิ่น) จำนวน ๓ องค์




เหรียญเสมาหลวงปู่นาค-หลวงปู่เสงี่ยม ฉลองอายุ ๙๐ ปี วัดห้วยจระเข้ จ.นครปฐม จำนวน ๔ เหรียญ



ของรางวัลจากผู้การเสือ..


ลพ.ทันใจ (ฝังข้าวสารหิน) หลวงพ่อรวย วัดเขาวงษ์หนองม่วง จ.ลพบุรี จำนวน ๑๐ องค์
และพระผงฤาษี (ไหว้ครู ลพ.เปิ่น ๕๘) หลวงพ่อรวย สร้างถวายวัดบางพระ จำนวน ๑๐ องค์



รวมของรางวัลทั้งหมด ๖๐ ชิ้น



:001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:


รายละเอียดและกติกาการร่วมกิจกรรม

- กรุณาปฏิบัติตามกติกาอย่างเคร่งครัด (หากทำผิดกติกาถือว่าสละสิทธิ์)

- สงวนสิทธิ์ในการร่วมกิจกรรมครั้งนี้ให้กับสมาชิกกระดานสนทนาวัดบางพระเท่านั้น

- เปิดให้ร่วมตอบคำถามได้ตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไป, ปิดรับคำตอบและประกาศผลรายชื่อผู้โชคดี ในวันอาทิตย์ที่ ๒๘ มิถุนายน ๒๕๕๘ เวลา ๑๒.๐๐ น.

- โพสตอบคำถามได้ในกระทู้นี้กระทู้เดียวเท่านั้น

- สามารถโพสตอบคำถามได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น (๑ ชื่อผู้ใช้งาน/ ๑ โพสคำตอบ) หากโพสตอบซ้ำ จะถือว่าทำผิดกติกา

- ๒๐ ท่านแรก ที่ตอบคำถามชุดที่ ๑ ถูกทั้งหมด มีสิทธิ์เลือกรับรางวัลใดก็ได้ (ท่านละ ๒ รางวัล)

- ผู้ที่ตอบคำถามชุดที่ ๑ ถูกแต่ไม่ครบทุกข้อ (ตอบถูกจำนวนข้อลดหลั่นลงมา) มีสิทธิ์เลือกรับรางวัลใดก็ได้ จำนวน ๑ รางวัล (ผู้ที่จะได้รับสิทธิ์นี้คือ ๒๐ ท่านแรก ต่อจากผู้ที่ตอบคำถามชุดที่ ๑ ถูกครบทุกข้อ)

- ให้มารับรางวัลกับ “ผู้การเสือ” ในวันอังคาร ที่ ๓๐ มิ.ย. ๕๘ (วันคล้ายวันมรณภาพ ลพ.เปิ่น ปีที่ ๑๓) เวลา ๑๒.๓๐ น. ที่ศาลาชาติ ศาสน์ กษัตริย์ (รับรางวัลแทนกันไม่ได้) อุปเท่ห์ ต้องการให้มาร่วมกันทำบุญและ พี่น้องจะได้เจอะเจอกันในวันสำคัญนี้



:001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:



พิพิธภัณฑ์ “ผู้การเสือ” รูปที่ ๗
ขนาด ๑.๖๐ ม. x ๑ ม. เขียนมือโดย ลพ.สมัคร



พิพิธภัณฑ์ “ผู้การเสือ” รูปที่ ๘
จีวรชุดใหญ่ ลพ.เปิ่น (ลพ.นัน มอบให้เมื่อกว่า ๑๐ ปีมาแล้ว)


:001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:

149
1. รบกวนสอบถามว่า วันที่ 1 มิ.ย. 58 เป็นวัดพระใหญ่ ไม่ทราบว่าทางวัดเปิดให้ทำการ ลงนะหน้าทองกับสาริกาลิ้นทองไหมครับ
2. นะหน้าทองกับสาริกาลิ้นทอง สามารถ ลงพร้อมกันได้รึป่าวครับ
3. อาจาร์ยท่านใดที่ ลงนะหน้าทองและสาริการลิ้นทอง ครับ
4. เปิดเวลาไหนถึงเวลาไหนครับ

ขอบคุณครับ

ทางวัดบางพระเปิดให้ลงนะหน้าทอง-สาริกาลิ้นทอง "ทุกวัน" เป็นปกติ

บนกุฏิใหญ่เปิดให้ลงตั้งแต่เวลา ๐๗.๐๐ น. - ๑๖. ๓๐ น.

ของที่ต้องใช้ทางวัดจัดเตรียมไว้ให้แล้ว บูชาพานลงนะหน้าทองชุดละ ๔๐ บาท

สำหรับผู้หญิงหลวงพ่อท่านจะลงให้ทั้งนะหน้าทองและสาริกาลิ้นทอง

สำหรับผู้ชายหลวงพ่อท่านจัดให้ลงเฉพาะนะหน้าทองอย่างเดียว.

150

























































หลวงพี่ต้อยได้มอบให้แก่คณะผู้บริหาร ตัวแทนแพทย์ พยาบาล โรงพยาบาลหลวงพ่อเปิ่น
"ยอดรวมผ้าป่าสามัคคีสมทบทุนสร้างอาคารโรงพยาบาลหลวงพ่อเปิ่น
ณ เวลา ๑๒.๐๙ น. ของวันที่ ๑๔ พฤษภาคม ๒๕๕๘
๑,๐๓๙,๔๙๑.๕๐ บาท (หนึ่งล้านสามหมื่นเก้าพันสี่ร้อยเก้าสิบเอ็ดบาทห้าสิบสตางค์)"
อนุโมทนา สาธุ











ท้ายสุด..ส่งมอบวัตถุมงคล (กว่า ๓๐ ชิ้น) ให้พี่หนึ่ง "ผู้การเสือ"
เพื่อนำไปแจกเป็นรางวัลในกิจกรรมครั้งต่อไป เร็วๆ นี้
"๓๐ มิถุนายน วันคล้ายวันมรณภาพหลวงพ่อเปิ่น"

:001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:

151
นิตยสารผาสุก
ปีที่ ๓๗ ฉบับที่ ๑๘๒
มกราคม - เมษายน ๒๕๕๗
ISSN 0125 - 0796



คอลัมน์คุยแบบไทย (น.๒๐ - ๒๓)
เรื่อง : “ปั้นหยา” ภาพ : “พีพี”




อาจารย์ทอง สนธิรอด “สักยันต์” สักศรัทธาแห่งความดี



   “สักยันต์” พิธีกรรมความเชื่อทางไสยศาสตร์อีกรูปแบบหนึ่งที่อยู่คู่สังคมไทยมาช้านาน การใช้เข็มเหล็กแหลมจุ่มน้ำมันแทงสักลงอักขระลายเส้นบนร่างกายกำกับคาถาอาคมเสกเป่า ด้วยความเชื่อในคุณอำนาจลายสักยันต์แต่ละประเภทที่ให้ผลแตกต่างกันไป เช่น เมตตามหานิยม แคล้วคลาดหนังเหนียว นับเป็นพิธีกรรมที่มีมาแต่โบร่ำโบราณย้อนกลับไปถึงสมัยสุโขทัย จนถึงปัจจุบัน การสักยันต์ก็ยังคงเป็นศาสตร์ที่ได้รับความนิยมศรัทธาอย่างมากในหมู่คนไทยที่มีความเชื่อ เพื่อเป็นการเปิดสมองทางความเชื่อเกี่ยวกับการสักยันต์ นิตยสารผาสุกจึงขออนุญาตพูดคุยกับ “อาจารย์สัก” ที่ถือว่าเป็น “รุ่นใหญ่” ของวงการ มีลูกศิษย์ลูกหามากมาย เป็นที่รู้จักในวงกว้าง นั่นคือ อาจารย์ทอง สนธิรอด หรือที่เรียกกันในหมู่ผู้นิยมสักยันต์ว่า “อาจารย์ทอง ตลาดพลู”



ผาสุก – ก่อนอื่นต้องถามเกี่ยวกับชีวิตของอาจารย์ว่ามาเป็นอาจารย์สักยันต์ได้อย่างไร
อ.ทอง – “ผมเริ่มสนใจการสักยันต์ตั้งแต่สมัยเด็กๆ พอดีแถวบ้านมีอาจารย์สักยันต์ มีลูกศิษย์ลูกหาเข้าออกสักยันต์อยู่เป็นประจำจนรู้สึกสนใจ ก็เข้าไปดู ก็ชอบ จากนั้นจึงเฝ้าดูการสักมาตลอด เรียกว่าติดตามเลยดีกว่า เพราะเวลาที่รู้ข่าวว่ามีอาจารย์สักคนไหนเก่งๆ ก็มักจะไปเฝ้าดูการสักยันต์ของอาจารย์ท่านนั้น พอสบโอกาสก็เข้าไปพูดคุยกับท่าน ขอวิชาอะไรต่างๆ นานา
   กระทั่งหลังบวช ผมตั้งใจร่ำเรียนวิชาสักยันต์ อักขรวิธีต่างๆ ตลอดจนวิชาคาถาอาคมอย่างเป็นจริงเป็นจัง อาจารย์ที่ได้ประสิทธิ์ประสาทวิชาให้กับผมมีมากมาย ยกตัวอย่างเช่น อาจารย์ฮะ วัดใหญ่ศรีสุพรรณ อาจารย์เที่ยง น่วมมานา วัดสุวรรณาราม ก็อาศัยเป็นลูกศิษย์ท่าน เก็บวิชาความรู้ไปเรื่อยๆ หลังๆ อาจารย์ท่านก็ไว้วางใจให้เราสักยันต์ไปด้วย ตอนนั้นก็ทำงานหาเลี้ยงตัวเองไปด้วย กระทั่งปี พ.ศ.๒๕๒๐ ผมเปิดสำนักสักยันต์ขึ้นที่บ้านตัวเอง เพราะคนที่อยากสักกับเรามีเยอะ การที่เราทำงานไปด้วย สักยันต์ไปด้วย ทำให้ไม่สามารถสงเคราะห์พวกเขาได้อย่างเต็มที่ จึงตัดสินใจเปิดสำนักมาจนถึงปัจจุบัน”




ผาสุก – การสักยันต์ในมุมมองของอาจารย์คืออะไร
อ.ทอง – “เป็นไสยศาสตร์แขนงหนึ่ง เป็นวิชาการที่ต้องใช้เรื่องพลังจิต คาถาอาคม การเสกเลขยันต์ต่างๆ ต้องใช้ความตั้งมั่นในจิต การสักยันต์จะสำเร็จสมบูรณ์ได้ต้องประกอบด้วยจิตและคาถาของผู้ลงเข็มส่วนหนึ่ง อีกส่วนหนึ่งอยู่ที่คนถูกสักที่ต้องมีจิตศรัทธาพ้องกัน คือมีความเชื่อในเรื่องนี้ อาจต้องการความเป็นสิริมงคล หรือต้องการอาคมขลังติดตัวไว้เพื่อช่วยป้องกันภยันตรายต่างๆ ซึ่งเลขยันต์แต่ละแบบที่สักลงไปจะให้คุณที่แตกต่างกัน เช่น สักยันต์ ๘ ทิศเพื่อต้องการคุณด้านหนังเหนียว อยู่ยงคงกระพัน หรือสักยันต์ ๕ แถวเพื่อเป็นการเสริมดวง”



ผาสุก – การสักยันต์สามารถให้ผลเช่นนั้นกับผู้สักได้จริงหรือ อย่างสักยันต์ ๕ แถวไปแล้วจะช่วยส่งเสริมดวงให้ดีขึ้นได้ มีข้อพิสูจน์อะไรหรือเปล่า
อ.ทอง – “จริงๆ แล้วตรงนี้ก็ไม่อยากพูดอะไรมาก พูดตามตรง พิสูจน์ไม่ได้หรอก ขึ้นชื่อว่าไสยศาสตร์แล้ว การพิสูจน์เป็นเรื่องยาก เป็นความเชื่อความศรัทธา ได้ผลจริงหรือไม่อยู่ที่คนมาสักเองว่าเขามีความเชื่อแค่ไหน คนที่จะมานั่งให้สักตรงนี้คือต้องมาด้วยความศรัทธา ถามว่าได้ผลแค่ไหน สักแล้วจะเป็นยังไง ป้องกันอะไรได้ขนาดไหน ตรงนี้ตัวผู้สักต้องปฏิบัติเองถึงจะรู้ มองด้วยตาเปล่ามันยาก อยู่ที่การปฏิบัติหลังจากที่สักไปแล้ว เหมือนกับการห้อยพระ ๒ องค์เหมือนกัน องค์หนึ่งยังไม่ได้ปลุกเสก แต่อีกองค์ปลุกเสกแล้ว คุณจะเอาองค์ไหน ก็ต้องเอาที่ปลุกเสกแล้วเพราะความเชื่อในเรื่องพุทธคุณ การสักก็เช่นเดียวกัน พิสูจน์ไม่ได้หรอกว่ามีผลอะไรแค่ไหน เป็นเรื่องของความเชื่อแต่ละบุคคล ผมเองเป็นอาจารย์สักมาเกือบ ๔๐ ปีแล้ว แต่ก็ไม่กล้าคุยมากว่าสักไปแล้วจะเป็นยังไง หนังเหนียวขนาดไหน คงพูดไม่ได้”



ผาสุก – ถ้าพูดถึงความนิยมในการสักยันต์ เปรียบเทียบระหว่างสมัยก่อนที่เริ่มเป็นอาจารย์สักใหม่ๆ กับสมัยนี้ความนิยมในช่วงไหนดีกว่ากัน
อ.ทอง – “สมัยนี้คนมาสักเยอะขึ้น อาจด้วยกระแสตามสื่อต่างๆ ทำให้คนรู้สึกสนใจมากขึ้น โดยเฉพาะเด็กรุ่นใหม่เดี๋ยวนี้นิยมสักกันเยอะ ต่างจากสมัยก่อนซึ่งคนที่มาสักส่วนใหญ่เป็นผู้ใหญ่ เพราะเขาจะเข้าใจเรื่องนี้มากพอสมควรถึงเข้ามาสัก แต่เดี๋ยวนี้มีหมดทั้งผู้ชาย ผู้หญิง วัยรุ่น เพราะกระแสนี่แหละ บางอาจารย์อาจมีดาราไปสัก คนก็ตามเข้าไป ดังนั้น สมัยนี้คนที่มาหาเราจึงไม่ใช่คนที่มาสักเพื่อพุทธคุณ ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์ บางคนสักตามเพื่อน สักตามดารา หรือสักเพราะอยากสวยงามก็มี เจออยู่บ่อยๆ ประเภทจู้จี้จุกจิก เอานู่นเอานี่ เอาสวยๆ อย่างว่าบางคนอาจสักไปเพื่อโชว์ความสวยงาม อาจคิดว่าเป็นงานศิลปะบนร่างกาย แต่จุดประสงค์ที่แท้จริงของเราไม่ใช่แบบนั้น เราอยากสักให้คนที่มาสักเพราะความศรัทธา เพราะผลของพุทธคุณ ขึ้นอยู่กับความศรัทธาและการปฏิบัติตัวหลังสักด้วย”



ผาสุก – แสดงว่าการสักยันต์ไม่ใช่แค่การลงเข็มให้เป็นอักขระเท่านั้น แต่ยังต้องประกอบด้วยการปฏิบัติตนของผู้สักหลังจากนั้นด้วย
อ.ทอง – “ใช่ คือสักเสร็จแล้วไม่ใช่ว่าคุณจะไปทำตัวยังไงก็ได้ ไปตีรันฟันแทง ข่มเหงรังแกใครก็ได้ แบบนั้นพุทธคุณไม่ปกป้องหรอกครับ มีข้อห้ามข้อพึงระวังหลายอย่างเกี่ยวกับการสัก เช่น สักแล้วต้องประพฤติตนเป็นคนดีอยู่ในศีลในธรรม ห้ามเสพของมึนเมา หรือห้ามผู้หญิงข้ามตัว ห้ามลอดราวตากผ้า อย่างนี้เป็นต้น แล้วข้อพึงระวังทั้งหลายเหล่านี้เป็นสิ่งที่ผู้สักต้องปฏิบัติตลอดชีวิต
   ข้อห้ามเหล่านี้เหมือนเป็นกุศโลบายที่จะคุมประพฤติคนไว้ก่อน เพราะคนเราถ้าสักไปแล้วโดยที่ไม่มีข้อห้ามเลย ก็ไม่รู้จะทำอะไรต่อไป ไม่รู้อะไรผิดอะไรถูก บางทีไปทำผิดข้อห้าม เช่น ไปด่าพ่อล่อแม่คนอื่น ก็จะเกิดปัญหา ซึ่งถ้าเรามีของแล้วเราต้องระวังตัวมากขึ้น อย่าด่าแม่เขา อย่าเป็นชู้กับเมียเขา ต้องอยู่ในศีลในธรรม ดังนั้น สิ่งสำคัญคือเมื่อสักแล้วเราต้องเป็นคนดี ปฏิบัติดี อย่าไปยึดมั่นถือมั่นว่าอาจารย์เก่ง จะทำอะไรก็ได้ ไม่ได้ครับ ผมจึงคิดว่าข้อห้ามเหล่านี้สำคัญ ถ้าไม่มีข้อห้ามเลยก็ไม่รู้จะสักเพื่ออะไร เราต้องเชื่อและปฏิบัติตามข้อพึงระวังที่อาจารย์ท่านบอกเอาไว้ ถ้าไม่เชื่อก็อย่าสักเลย เจ็บตัวเปล่าๆ ไม่มีประโยชน์ สักแล้วต้องได้ประโยชน์ ต้องเข้าใจในสิ่งที่ทำว่ามีประโยชน์อย่างไร ดีอย่างไร เสียอย่างไร ไม่ใช่สักตามเขาว่า แบบนั้นไม่ได้อะไรหรอก ได้แค่ความพอใจชั่วขณะหนึ่ง พอนานไปก็เบื่อ
   บางคนที่มาสักด้วยความศรัทธา เขามีความภูมิใจเหมือนมีของมงคลอยู่ในตัว จะไปไหน ทำอะไรก็รู้สึกแคล้วคลาดปลอดภัย เพราะหลังจากที่สัก เขาประพฤติตนในกรอบที่วางเอาไว้ อยู่ในศีลในธรรม ห้อยพระผมว่ามันเป็นวัตถุมงคลที่เคลื่อนย้าย สามารถถอดได้ เปลี่ยนได้ เดี๋ยวเบื่อองค์นี้ องค์นี้กำลังเป็นกระแสนิยม ฮิตมาก ก็เอามาห้อยตามไป แต่การสักเราเลือกแล้ว เอาออกไม่ได้ มันอยู่กับเราตลอดชีวิต ดังนั้น คนที่มาสักต้องมีความมั่นใจ สักด้วยความมั่นใจ เชื่อมั่นจริง ศรัทธาจริง ถ้าจะมาคิดว่าเป็นเรื่องตลก เป็นของสวยของงาม ผมว่ากลับไปก่อนดีกว่า”


ผาสุก – ตอนนี้เรียกง่ายๆ ว่าอาจารย์สักยันต์เป็นอาชีพ และเป็นอาชีพที่อยู่คู่กับความเชื่อ ความศรัทธา อาชีพนี้หล่อเลี้ยงเราได้แค่ไหน และเป้าหมายในวิชาชีพของอาจารย์คืออะไร
อ.ทอง – “เป็นอีกอาชีพหนึ่งที่ผมยอมรับว่าทำภายใต้ความเชื่อความศรัทธาของผู้คน แต่พูดตามตรงนะ ผมไม่ค่อยได้เงินได้ทองเท่าไหร่หรอก ถ้าสักแล้วรวย ผมจะมาอยู่ในสำนักบ้านไม้แบบนี้เหรอ แล้วการสักไม่ใช่สบายนะ เหนื่อย แต่ลูกศิษย์ลูกหาที่เข้ามา เขาอยากให้เราสักให้เพราะความศรัทธา ดังนั้น ทุกครั้งผมจึงมีความตั้งใจอย่างแรงกล้า ไม่ใช่ว่าเอาเงินอย่างเดียวแล้วสักไปเรื่อยเฉื่อย จริงๆ อายุการทำงาน ๓๘ ปี ก็เป็นเครื่องพิสูจน์ได้แล้ว ถ้าคนไม่ศรัทธา หรือเราไม่มีดีอะไรเลย อยู่ไม่ได้ถึงป่านนี้หรอกครับ มีอาจารย์ที่เก่งกว่านี้อีกเยอะ ส่วนตัวคิดว่าเป็นคนที่ตั้งใจคนหนึ่งในการทำงานให้กับลูกศิษย์ลูกหา มอบความปรารถนาดีให้ ไม่ใช่ว่าทำแบบมีเบื้องหน้าเบื้องหลัง หรือทำเพราะอยากร่ำรวย ถ้ารวยผมรวยไปนานแล้ว
   ผมทำตามอุดมการณ์ครับ ทำตามแนวทางเดิมของครู ครูสอนอะไรมา เราก็ทำ อย่าไปทำเพื่อหวังร่ำหวังรวย อย่าไปกอบไปโกย อย่าไปเรียกร้อง เอาแค่ค่าครูพออยู่ได้ ไม่ปฏิเสธหรอกครับว่าต้องมีค่าครู เพราะผมก็คน ต้องกินข้าว ต้องใช้ชีวิต เงินค่าครูที่ได้มาคือเพื่อยังชีพเรา เลี้ยงครอบครัว แต่เขาก็ได้ความสุขความสบายใจจากตรงนี้ไป ถือเป็นเรื่องธรรมดา เป็นเรื่องที่ทำตามประเพณีที่ครูบาอาจารย์ทำสืบต่อกันมา เขาจะใส่ค่าครูเท่าไหร่ก็ใส่มาตามศรัทธา ไปเรียกร้องไม่ได้
   ทุกวันนี้ก็พยายามตั้งใจทำอย่างดีที่สุด เพราะอาจารย์สักไม่ได้มีผมคนเดียว ทุกวันนี้รุ่นน้อง รุ่นลูก รุ่นหลาน ขึ้นมาเป็นอาจารย์เยอะแยะ ผมตอนนี้ต้องบอกว่าเป็นรุ่นใหญ่ในวงการ ดังนั้นต้องทำให้ดี ให้เขาเห็นเป็นตัวอย่าง สะท้อนสิ่งดีๆ ออกไปให้มากที่สุด เพื่อคนรุ่นหลัง อยากอนุรักษ์การสักตรงนี้ไว้ให้ตรงตามจุดประสงค์ของครูบาอาจารย์ สักเพื่อศรัทธา เพื่อความดีงาม และเป็นมรดกทางวัฒนธรรม”




ผาสุก – ทุกวันนี้ ความเชื่อเรื่องการสักไม่ได้ครอบคลุมเฉพาะคนไทย หรือคนในประเทศเพื่อนบ้านเท่านั้น แต่ยังแพร่ขยายความนิยมไปยังชาวต่างชาติอื่นๆ อีกด้วย เช่น คนจีนหรือฝรั่ง ทุกวันนี้ก็เห็นพวกเขามาสักยันต์ที่เมืองไทยกันเยอะ
อ.ทอง – “คนต่างชาติที่เข้ามาช่วงนี้ ที่เยอะก็จะเป็นคนจีน คนฮ่องกง ไต้หวัน พวกนี้ชอบสักกันเยอะ บางทีมาเป็นทัวร์เลยก็มี จุดประสงค์ก็หลายๆ อย่างกันไป อาจจะตามกระแส ตามความนิยม หรืออะไรก็ว่ากันไป ตามความศรัทธาก็มีบ้าง แต่เสียตรงที่เราคุยกับเขาไม่รู้เรื่อง หมายความว่าเราอยากสอนเขาให้มากกว่านี้ แต่สื่อสารไม่ได้ จริงๆ ถ้าสื่อสารกับเขาได้ เขาจะเข้าใจสิ่งพวกนี้มากขึ้น ได้ประโยชน์มากขึ้น ถึงจะคุยผ่านล่าม แต่บางคนก็แปลผิดๆ ถูกๆ ไม่เข้าใจหลักการปฏิบัติหลังจากการสัก การสวดมนต์ไหว้พระ ข้อควรระวัง ต้องปฏิบัติตัวอย่างไร อยากให้เขาได้รับรู้สิ่งเหล่านี้มากกว่า เพราะขนาดคนไทยที่พูดกันง่ายยังไม่ค่อยทำกันเลย”

ผาสุก – สุดท้ายนี้ อยากให้อาจารย์ฝากคำแนะนำเกี่ยวกับการสักยันต์ให้กับผู้อ่านสักหน่อย
อ.ทอง – “ที่ผมอยากเน้น ไม่ใช่เรื่องการสักหรือเรื่องการลงยันต์อักขระอะไร เพราะนั่นไม่สำคัญเท่ากับตัวบุคคลผู้สัก ของจะดีหรือไม่ดี ไม่ได้อยู่ที่การสักเลขยันต์เพียงเท่านั้น ต้องประกอบกับการประพฤติตนของบุคคลนั้นด้วย ถ้าปฏิบัติตัวดี อยู่ในศีลในธรรม ไม่ละเมิดข้อห้าม ความขลังก็จะอยู่ติดตัวไปตลอดชีวิต แต่ถ้าไม่สามารถปฏิบัติตัวให้ดีตามข้อกำหนดได้ ก็เหมือนไปเจ็บตัวเปล่าๆ มันเป็นเรื่องของการปฏิบัติของแต่ละคน
   คนเรามีรักตัวกลัวตาย มีหนาวมีร้อน มีกิเลสตัณหาเหมือนกันหมด อยู่ที่ว่าจะควบคุมตัวเองได้แค่ไหน นี่คือสิ่งที่ผมสอนเน้นลูกศิษย์เสมอ ว่าสักไปแล้วต้องเป็นคนดีมีศีลธรรม เพราะการสักยันต์คือพุทธคุณ ซึ่งพุทธคุณจะอยู่ได้ด้วยความดี ผมไม่สอนหรอก ว่าถ้าภาวนาคาถาบทนี้จะกันปืน คาถานี้กันมีด สักยันต์นี้ไม่ต้องกลัวใคร เข้าไปลุยเลย แบบนั้นมันสอนตาย ผมสอนเป็นครับ สอนให้เป็นคนดี ทำความดี รู้จักทำมาหากิน ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ละเว้นจากการทำชั่ว แล้วการสักยันต์จะเป็นมงคลแน่นอน ของแบบนี้ต้องรู้ด้วยตัวเอง”


:001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:

152
สรุปรายชื่อผู้ที่ได้รับรางวัลทั้ง ๙ ท่าน ดังนี้
๑. rakorakod
๒. at
๓. Rejesiver
๔. gregrory
๕. Sasiya
๖. dawvan
๗. banghei
๘. Disciple
๙. RK


:001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:

ขอบคุณทุกท่านที่ร่วมกิจกรรม

แล้วพบกันใหม่ในกิจกรรมแจกรางวัลครั้งต่อไป

153
[shake]!!!ปิดกิจกรรมแล้วครับ!!![/shake]


รับมอบจากหลวงพี่หนุ่ม วัดบางแวก มาแจกเพื่อนสมาชิกกระดานสนทนาวัดบางพระ รายละเอียดดังนี้..

รายละเอียดและกติกาการร่วมกิจกรรม

- กรุณาปฏิบัติตามกติกาอย่างเคร่งครัด (หากทำผิดกติกาถือว่าสละสิทธิ์)

- สงวนสิทธิ์ในการร่วมกิจกรรมครั้งนี้ให้กับสมาชิกกระดานสนทนาวัดบางพระเท่านั้น

- เปิดให้ร่วมตอบกระทู้เพื่อขอรับสิทธิ์รับรางวัลได้ตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไป

- โพสตอบกระทู้เพื่อขอรับสิทธิ์รับรางวัลได้ในกระทู้นี้กระทู้เดียวเท่านั้น

- สามารถโพสเพื่อขอรับสิทธิ์รับรางวัลได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น (๑ ชื่อผู้ใช้งาน/ ๑ โพส) หากโพสตอบซ้ำ จะถือว่าทำผิดกติกา

- สิทธิ์ในการได้รับรางวัลได้แก่ "๙ ท่านแรก ที่โพสกระทู้เพื่อขอรับสิทธิ์รับรางวัล"

- ๙ ท่านแรก (นับจากลำดับการโพสตอบกระทู้และไม่ทำผิดกติกา)!! จะได้รับ "ผ้ายันต์เมตตา+เสน่ห์รามัญ ของหลวงพี่หนุ่ม วัดบางแวก ๑ ผืน" (๑ ผืน/ ๑ ท่าน)

- สำหรับทั้ง ๙ ท่านแรก ที่โพสขอรับสิทธิ์รับรางวัล (และไม่ทำผิดกติกา) กรุณารอการยืนยันสิทธิ์รับรางวัล ซึ่งจะตอบกลับให้ทางระบบข้อความส่วนตัว (pm)

- ๙ ท่านแรก ที่โพสตอบกระทู้เพื่อขอรับสิทธิ์รับรางวัล และได้รับการยืนยันสิทธิ์รับรางวัลแล้ว กรุณาส่งซองเปล่า (ซองจดหมาย) ติดแสตมป์ ๓๗ บาท จ่าหน้าซองถึงตัวท่านเอง มายังที่อยู่ที่ได้รับจากการยืนยันสิทธิ์รับรางวัลในระบบข้อความส่วนตัว (pm)


:001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:

154
วันศุกร์ที่ ๑๗ เมษายน ๒๕๕๘ เวลา ๑๓.๑๐ น.




























































































































:001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:

155
user นี้ "หายไปนาน" กลับมาแล้วก็ขอให้ "หายไวๆ" ครับ. :002:

156
สรุปรายชื่อผู้ที่ได้รับสิทธิ์รับรางวัลทั้ง ๙ ท่าน ดังนี้

slimz
whatchara3408
sudfish2499
at
shagath
pla8809
vvwvv
Ampzaa
rakorakod


ทั้ง ๙ ท่านนี้ กรุณารอการยืนยันสิทธิ์รับรางวัล ซึ่งจะตอบกลับให้ทางระบบข้อความส่วนตัว (pm)

สำหรับท่านใดที่มาร่วมกิจกรรมไม่ทันก็อย่าเพิ่งเสียใจ แล้วพบกันใหม่ในกิจกรรมแจกรางวัลครั้งต่อไป เร็วๆ นี้



ภาพของรางวัลที่เตรียมไว้แจกในกิจกรรมครั้งต่อๆ ไป เร็วๆ นี้

:001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:

157
[shake]!!!ปิดกิจกรรมแล้วครับ!!![/shake]


เมื่อวานนี้ (วันพฤหัสบดีที่ ๑๙ มีนาคม ๒๕๕๘) เป็นวันคล้ายวันเกิดของ พระครูอนุกูลพิศาลกิจ (หลวงพ่อสำอางค์ ปภสฺสโร) เจ้าอาวาสวัดบางพระ อายุครบ ๖๒ ปี

หลวงพ่อสำอางค์ท่านก็ได้เมตตามอบ "เหรียญไหว้ครูหลวงพ่อเปิ่น ปี ๕๘ พิมพ์เล็ก" ให้กับทุกคนที่ไปร่วมแสดงมุทิตาสักการะ ไว้เป็นที่ระลึก



เหรียญไหว้ครูหลวงพ่อเปิ่น ปี ๕๘ พิมพ์เล็ก ที่หลวงพ่อสำอางค์มอบให้เป็นที่ระลึก

ทั้งนี้ หลวงพ่อสำอางค์ ท่านเมตตามอบเหรียญไหว้ครูหลวงพ่อเปิ่น ปี ๕๘ พิมพ์เล็ก มาแจกให้เพื่อนสมาชิกกระดานสนทนาวัดบางพระ จำนวน ๙ เหรียญ

ท่านใดที่ประสงค์จะรับเหรียญไว้บูชา กรุณาลงชื่อเพื่อขอรับได้ตามรายละเอียดกติกาตามนี้เลยครับ..


รายละเอียดและกติกาการร่วมกิจกรรม

- กรุณาปฏิบัติตามกติกาอย่างเคร่งครัด (หากทำผิดกติกาถือว่าสละสิทธิ์)

- สงวนสิทธิ์ในการร่วมกิจกรรมครั้งนี้ให้กับสมาชิกกระดานสนทนาวัดบางพระเท่านั้น

- เปิดให้ร่วมตอบกระทู้เพื่อขอรับสิทธิ์รับรางวัลได้ตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไป

- โพสตอบกระทู้เพื่อขอรับสิทธิ์รับรางวัลได้ในกระทู้นี้กระทู้เดียวเท่านั้น

- สามารถโพสเพื่อขอรับสิทธิ์รับรางวัลได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น (๑ ชื่อผู้ใช้งาน/ ๑ โพส) หากโพสตอบซ้ำ จะถือว่าทำผิดกติกา

- สิทธิ์ในการได้รับรางวัลได้แก่ "๙ ท่านแรก ที่โพสกระทู้เพื่อขอรับสิทธิ์รับรางวัล"

- ๙ ท่านแรก (นับจากลำดับการโพสตอบกระทู้และไม่ทำผิดกติกา)!! จะได้รับ "เหรียญไหว้ครูหลวงพ่อเปิ่น ปี ๕๘ พิมพ์เล็ก" (๑ เหรียญ / ๑ ท่าน)

- สำหรับทั้ง ๙ ท่านแรก ที่โพสขอรับสิทธิ์รับรางวัล (และไม่ทำผิดกติกา) กรุณารอการยืนยันสิทธิ์รับรางวัล ซึ่งจะตอบกลับให้ทางระบบข้อความส่วนตัว (pm)

- ๙ ท่านแรก ที่โพสตอบกระทู้เพื่อขอรับสิทธิ์รับรางวัล และได้รับการยืนยันสิทธิ์รับรางวัลแล้ว กรุณาส่งซองเปล่า (ซองจดหมาย) ติดแสตมป์ ๓๗ บาท จ่าหน้าซองถึงตัวท่านเอง มายังที่อยู่ที่ได้รับจากการยืนยันสิทธิ์รับรางวัลในระบบข้อความส่วนตัว (pm)


:001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:

159
ช่วงเย็น พิธีมหาพุทธาภิเษกวัตถุมงคลเหรียญหลวงพ่อเปิ่นย้อนยุครุ่น ๑ วัดโคกเขมา, เหรียญหลวงพ่อโต รุ่น ยกฐานะ, กำไลหลวงพ่อเปิ่น มหากำไร, เรือสำเภาทอง มหากำไร, รูปหล่อพระอุปคุต ฯลฯ

พระมหานาคจากวัดพระปฐมเจดีย์ราชวรมหาวิหาร จ.นครปฐม


รายนามพระคณาจารย์ที่ร่วมอธิษฐานจิตปลุกเสก

พระครูอนุกูลพิศาลกิจ (หลวงพ่อสำอางค์ ปภสฺสโร) เจ้าอาวาสวัดบางพระ จุดเทียนชัย

พระครูปฐมวราจารย์ (หลวงพ่ออวยพร ฐิติญาโณ) วัดดอนยายหอม ดับเทียนชัย

พระครูโกวิทสุตการ (พระมหาระพิน อภิชาโน) หลวงพ่อกำไร เจ้าอาวาสวัดโคกเขมา

พระอาจารย์ติ่ง สนฺตจิตฺโต วัดบางพระ

พระครูวิบูลสิริธรรม (หลวงพ่อเพี้ยน) วัดตุ๊กตา

พระครูโสภิตวิริยาภรณ์ (หลวงพ่ออิฏฐ์ ภทฺทจาโร) วัดจุฬามณี

พระครูยติธรรมานุยุต (หลวงพ่อแป๊ะ) วัดสว่างอารมณ์

พระครูพิจิตรสรคุณ (หลวงพ่อพร ปภากโร) วัดบางแก้ว

หลวงพ่อทองคำ วัดพะเนียงแตก ฯลฯ









































































เหรียญหลวงพ่อเปิ่นย้อนยุครุ่น ๑ วัดโคกเขมา


กำไลลวงพ่อเปิ่น มหากำไร

160
วันอังคารที่ ๑๐ มีนาคม ๒๕๕๘

พระครูอนุกูลพิศาลกิจ (หลวงพ่อสำอางค์ ปภสฺสโร) เจ้าอาวาสวัดบางพระ เมตตาเป็นประธานเปิดงานประจำปีปิดทองหลวงพ่อโต-หลวงพ่อเปิ่น วัดโคกเขมา ๒๕๕๘








พระเทพมหาเจติยาจารย์ (ชัยวัฒน์ ปญฺญาสิริ ป.ธ.๙) วัดพระปฐมเจดีย์ จ.นครปฐม เจ้าคณะจังหวัดนครปฐม




พระครูสิริปุญญาภิวัฒน์ (หลวงพ่อบุญสม ผลญาโณ) เจ้าคณะอำเภอนครชัยศรี เจ้าอาวาสวัดสำโรง จ.นครปฐม


(รูปขวาสุด) พระศรีวิสุทธิวงศ์ (พระมหาสุวิทย์ ปวิชฺชญฺญู) เลขานุการเจ้าคณะภาค ๑๕
ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระปฐมเจดีย์ราชวรมหาวิหาร จ.นครปฐม เจ้าคณะอำเภอบางเลน























หลวงพ่อสำอางค์มอบเงินทำบุญแก่พระครูโกวิทสุตการ (พระมหาระพิน อภิชาโน) หลวงพ่อกำไร
เจ้าคณะตำบลศรีมหาโพธิ์ เจ้าอาวาสวัดโคกเขมา จ.นครปฐม





























ทักษิณานุปทาน




พระครูสังฆรักษ์ชออม ขนฺติโก ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดบางพระ


พระอาจารย์ปลิ๋ว เจ้าอาวาสวัดท่าใน


พระอาจารย์พระมหาไพศาล วัดกกตาล


พระปลัดรัชวุฒิ รชวฺฒโฑ วัดพระปฐมเจดีย์ราชวรมหาวิหาร


หลวงพ่อพระครูมงคลสุทธิกิจ เจ้าอาวาสวัดห้วยพลู


พระครูปลัดเอกราช ชยวุฒฺโฑ วัดห้วยพลู




พระอาจารย์ประดิษฐ์ อนุตฺตโร วัดบางพระ






161
ของที่ระลึกที่ได้รับจากวันไหว้ครู ๕๘ ขอบคุณมิตรไมตรีที่มีให้กันเสมอมา..


รูปหล่อพ่อปู่ทองสุข เนื้อเงิน ๑ ใน ๙๙ องค์


ที่ระลึกจากพี่หนึ่ง "ผู้การเสือ"


ที่ระลึกจากอาจารย์ประพนธ์


เหรียญไหว้ครูหลวงพ่อเปิ่น ๒๕๕๘ เนื้อเงินลงยาสีน้ำเงิน เบอร์ ๖ (๑ ใน ๑๙ เหรียญ)
"สำหรับตัวผมเอง ปีนี้ศุกร์ (๖) สีน้ำเงินฟ้าคราม จรมาเป็นศรีสิริมงคล พอดิบพอดี"



น้ำเต้าดูดทรัพย์ เนื้อเงิน (๑ ใน ๑๐๐ ลูก), เนื้อทองเหลือง (๑ ใน ๑,๐๐๐ ลูก)


ชุดพระเครื่องของหลวงปู่หิ่ม อินฺทโชโต (พระอุปัชฌาย์ของหลวงพ่อเปิ่น)


เหรียญหลวงพ่อเปิ่นรุ่น ๑ วัดโคกเขมา


พระนางพญาเนื้อดินเผา กรุใต้กุฏิหลังเก่าหลวงพ่อเปิ่น วัดโคกเขมา


เหรียญพิฆเนศ หลวงพ่อเปิ่น ไหว้ครูปี ๓๖


กะลาตาเดียวแกะราหู








162
วันเสาร์ที่ ๗ มีนาคม ๒๕๕๘ (๒)














































































163
วันเสาร์ที่ ๗ มีนาคม ๒๕๕๘ (๑)























































































164
เย็นวันศุกร์ที่ ๖ มีนาคม ๒๕๕๘







































หลวงพ่อสำอางค์ทำน้ำมนต์สำหรับใช้ในพิธีไหว้ครู






























165
เรียนสอบถามกับหลวงพ่อสำอางค์ท่านเมตตาบอกว่า
ให้จุดธูป ๙ ดอก ที่หิ้งพระ อธิษฐานจิตบอกเล่าหลวงพ่อเปิ่น

166



ผ้ายันต์นี้ ได้ใช้บล็อคแม่พิมพ์สักเก่ารูปหงษ์มาปั๊ม (เป็นบล็อคสักไม้หลวงพ่อเปิ่นแกะเอง และใช้สักให้กับลูกศิษย์ในสมัยก่อน)

โดยนำหมึกสำหรับใช้สักยันต์เก่าที่หลวงพ่อเปิ่นใช้ มาปั๊มลงบนผ้า ซึ่งหมึกสักนี้ได้รับการอธิษฐานจิตจากพระคณาจารย์หลายรูปหลายวาระ

อาทิเช่น หลวงปู่อั๊บ วัดท้องไทร, หลวงปู่แย้ม วัดสามง่าม, นำเข้าพิธีครอบเศียรที่กุฏิหลวงพี่ติ่ง เมื่อวันที่ ๕ มีนาคม ที่ผ่านมา เป็นต้น

ทั้งนี้อาจารย์ประพนธ์ได้มอบผ้ายันต์หงษ์นี้มาให้ผมไว้จำนวนหนึ่ง จึงนำมาแจกให้กับสมาชิกกระดานสนทนาวัดบางพระต่อไป


รายละเอียดการแจก

*ส่วนหนึ่งได้มอบให้พี่หนึ่ง "ผู้การเสือ" เป็นของรางวัลสำหรับผู้โชคดีจากกิจกรรมตอบปัญหาชิงรางวัลครั้งที่ ๔ รายละเอียดตามลิ้งก์ http://www.bp.or.th/webboard/index.php?topic=31132

**อีกส่วนหนึ่งเก็บไว้แจกเพื่อนสมาชิกกระดานสนทนาวัดบางพระในวันไหว้ครู เสาร์ที่ ๗ มีนาคม ๒๕๕๘

สำหรับเพื่อนสมาชิกกระดานสนทนาวัดบางพระท่านใดที่พบผมในวันไหว้ครู ก็สามารถเข้ามาขอรับผ้ายันต์ได้เลย (ถ้าไม่หมดเสียก่อน)..

167
ภาพเพิ่มเติมจากอาจารย์หนวด อยู่คง






















168

น้องๆ โรงเรียนวัดบางพระ มากราบหลวงพ่อเปิ่น


เริ่มพิธีครอบครูที่กุฏิหลวงพี่ติ่งช่วงเช้า














ด้านในกุฏิหลวงพี่ต้อย


พิธีกลางแจ้ง




































































วัตถุมงคลที่ระลึก (ทันหลวงพ่อเปิ่น)






คุณสุวรรณฉัตร พรหมชาติ โชเฟอร์แท็กซี่ใจบุญ ก็มาร่วมพิธี


คณะของอาจารย์สักยันต์ฆราวาสจากอีสานมาช่วยสักยันต์ที่วัดบางพระ
ก่อนมาช่วยสักจึงมากราบหลวงพ่อสำอางค์ เพื่อบอกกล่าวขออนุญาต และทำพิธีครอบครู













































คณะศิษย์จากมาเลเซียมาเจิมหน้าผากที่กุฏิ




ช่วงเย็นที่กุฏิหลวงพี่ติ่ง








หลวงพี่ต้อยฝากบอกบุญสมทบทุนสร้างอาคารโรงพยาบาลหลวงพ่อเปิ่น
"สร้อยกำไลข้อมือหินมงคล ติดเม็ดกระดุมหลวงพ่อเปิ่น (ศิษย์ชาวจีนสร้างถวาย)
จำนวนสร้าง ๒๐ เส้น ร่วมบุญบูชาได้ที่กุฏิหลวงพี่ปาด เส้นละ ๑,๐๐๐ บาท



เสื้อที่ระลึกเว็บไซต์วัดบางพระ รุ่น ๗ บูชาได้ที่สำนักงานวัดบางพระ ตัวละ ๓๕๐ บาท
รายละเอียดคลิกดูได้ที่ http://www.bp.or.th/webboard/index.php?topic=31133
ภาพพิธีปลุกเสกอธิษฐานจิตคลิกดูได้ที่ http://www.bp.or.th/webboard/index.php?topic=31178



หลวงพ่อสำอางค์เดินสำรวจตรวจตราวัดช่วงเย็น


ครูเทพปรึกษาเตรียมงานกับหลวงพ่อ


แวะเยียมคณะแม่ครัววัดบางพระ














เตรียมงานไหว้ครู วันเสาร์ที่ ๗ มีนาคม ๒๕๕๘




บรรยากาศงานประจำปี ปิดทองรอยพระพุทธบาทจำลอง วัดบางพระ ระหว่างวันที่ ๔-๖ มีนาคม ๒๕๕๘
พรุ่งนี้คืนสุดท้าย








































:001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:

[shake]แล้วพบกันอีกครั้งในวันไหว้ครูประจำปีวัดบางพระ
วันเสาร์ที่ ๗ มีนาคม ๒๕๕๘
[/shake]

:001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:


ปุญฺญานุสฺสติ(สิบทัศน์)
วันศุกร์ที่ ๖ มีนาคม ๒๕๕๘
เวลา ๐๒.๓๑ น.

169









รายละเอียดลอคเกตหลวงพ่อเปิ่น บูชาครู ๒๕๕๘ (หลวงพี่ต้อยจัดสร้าง)

รูปทรงสี่เหลี่ยมข้าวหลามตัด (ซึ่งลอคเกตชุดนี้ได้นำเข้าในพิธีปลุกเสกวัตถุมงคล ณ วัดนก กทม. เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๒๑ กันยายน ๒๕๕๗ ด้วย ภาพบรรยากาศพิธีปลุกเสก ณ วัดนก คลิกชมได้ที่.. www.facebook.com/media/set/?set=a.760983947295278.1073741837.123218131071866&type=3)

ด้านหลังอุดผงเก่าหลวงพ่อเปิ่น, จีวรหลวงพ่อเปิ่น และ "ตะกรุดเก่า (ที่หลวงพ่อเปิ่นอธิษฐานจิตปลุกเสกไว้) จำนวน ๙ ดอก"

จำนวนสร้างทั้งหมด ๑๐๐ องค์ (แยกเป็นลอคเกตฉากสีน้ำตาล จำนวน ๕๐ องค์ และลอคเกตฉากสีเขียวอีกจำนวน ๕๐ องค์)

โดยหลวงพี่ต้อยเมตตาอธิษฐานจิตปลุกเสกให้อีกครั้ง เพื่อมอบเป็นที่ระลึกแก่ผู้ร่วมบุญกับหลวงพี่ต้อยเนื่องในงานพิธีไหว้ครูวัดบางพระ ๒๕๕๘

ร่วมบุญบูชาองค์ละ ๓๐๐ บาท ติดต่อร่วมบุญบูชาได้ที่กุฏิหลวงพี่ปาด (ข้างกุฏิหลวงพี่ต้อย) ที่เดียว ไม่มีจัดส่งทางไปรษณีย์

อนุโมทนาบุญล่วงหน้ากับผู้ร่วมบุญในครั้งนี้ทุกๆ ท่าน

สาธุ สาธุ อนุโมทามิ.


170
พระครูอนุกูลพิศาลกิจ (หลวงพ่อสำอางค์ ปภสฺสโร) เจ้าอาวาสวัดบางพระ

เมตตาอธิษฐานจิตปลุกเสกเสื้อที่ระลึกเว็บไซต์วัดบางพระ รุ่น ๗

วันอาทิตย์ที่ ๑ มีนาคม ๒๕๕๘ (ขึ้น ๑๒ ค่ำ เดือน ๔ ปีมะเมีย จ.ศ.๑๓๗๖)

เวลา ๘.๓๙ น. บนกุฏิใหญ่ วัดบางพระ จ.นครปฐม
































ด้านหน้า


ด้านหลัง


ยันต์ลายมือหลวงพ่อเปิ่น ที่กระเป๋าเสื้อ


ลายมือพระอาจารย์อภิญญาเขียนว่า "วัดบางพระ" ที่แขนเสื้อด้านซ้าย


สัญลักษณ์เสื้อเว็บบอร์ดรุ่น ๗ ที่แขนเสื้อด้านขวา


ยันต์หงส์คู่ ด้านหลังเสื้อ


เปิดให้บูชาแล้วที่สำนักงานวัดบางพระ ติดต่อพระสุธี (หลวงพี่เก่ง)


:001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:


***บทความที่เกี่ยวข้อง***

เสื้อที่ระลึกเว็บไซต์วัดบางพระรุ่น ๗
คลิกอ่านได้ที่..
http://www.bp.or.th/webboard/index.php?topic=31133

จากพิมพ์สักเก่าของหลวงพ่อเปิ่น..สู่เสื้อที่ระลึกเว็บไซต์วัดบางพระ รุ่น ๗
คลิกอ่านได้ที่..
http://www.bp.or.th/webboard/index.php?topic=31166


:001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:

ปุญฺญานุสฺสติ(สิบทัศน์)
วันอาทิตย์ที่ ๑ มีนาคม ๒๕๕๘
เวลา ๒๓.๓๑ น.

171
สรุปผลกิจกรรม

จากคำถามที่ว่า..

"ด้วยจะมีวันไหว้ครู ลพ.เปิ่น ในวันเสาร์ที่ ๗ มี.ค.๕๘ นี้ เราเหล่าศิษยานุศิษย์ อยากได้ Comment ของท่าน (ส่วนดีอยู่แล้ว ไม่ต้อง) เพื่อทางวัดจะได้ปรับปรุง แก้ไขต่อไปให้ดีขึ้น"

ตลอดระยะเวลา ๒ เดือนที่ผ่านมา มีเพื่อนสมาชิกเข้ามาร่วมเสนอความคิดเห็นเกี่ยวกับปัญหาอุปสรรคเกี่ยวกับงานไหว้ครู เพื่อให้ทางวัดได้นำไปปรับปรุงแก้ไขกันจำนวนมาก

โดยคณะกรรมการได้พิจารณาตัดสิน ผลเป็นดังนี้


๕ ท่านที่ได้รับรางวัลตะกรุดผู้การเสือรุ่น ๑ ได้แก่
- gregrory
- ชาญ
- alone
- Captainthailand
- chaveng


๕ ท่านที่ได้รับรางวัลเหรียญพญาเต่าเรือน ได้แก่
- pla8808
- sompob
- somchatsudjit
- C01239
- devilbug


๑๐ ท่านที่ได้รับรางวัลพิเศษปลอบใจจากผู้การเสือ+สิบทัศน์ ได้แก่
- kangplatwo
- Ae Lumhin
- weerawut66
- นันท์นภัส
- berth1997
- ilolicon
- shagath
- san53772
- โยคี
- kungfu


ทุกรางวัลให้มารับกับมือผู้การเสือ ที่ศาลาชาติ ศาสน์ กษัตริย์ กุฏิหลวงพี่ญา เวลา ๑๓.๐๐ น. วันใหว้ครู (๗ มี.ค.๕๘)

ขอบคุณทุกท่านที่ร่วมกิจกรรม แล้วพบกันในกิจกรรมครั้งต่อๆ ไปครับ.

172



ปฏิสันถารกับพระครูพิทักษ์วีรธรรม (หลวงพ่อสืบ ปริมุตโต) เจ้าอาวาสวัดสิงห์




















































แจกเหรียญ (หลวงพ่อท่านเรียกเหรียญนินจา)




174
ขอสอบถามครับนอกจากเหรียญบูชาครูปี2558 ที่ปลุกเศกวันนี้รวมเสื้อไหว้ครูด้วยหรือเปล่าครับ

มีเสื้อไหว้ครูของกุฏิใหญ่ (บางส่วน) ด้วยครับ.


175
รายการ 1 - 6  ตอนนี้ยังเหลือให้จองป่าวครับ

บางรายการ (๑-๖) "อาจจะ" ยังพอมีอยู่บ้าง

อย่างไรพรุ่งนี้ลองเข้าไปดูที่กุฏิใหญ่วัดบางพระ

[เปิดให้บูชา และรับพระ(สำหรับผู้สั่งจองไว้) วันแรกพรุ่งนี้ ๑๘/๒/๕๘]

176
ภาพพิธีอธิษฐานจิตปลุกเสกเหรียญที่ระลึกไหว้ครูหลวงพ่อเปิ่น ๒๕๕๘ ครั้งสุดท้ายก่อนนำออกให้บูชา

วันอังคาร (ภุมโม) ที่ ๑๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ เวลา ๑๖.๓๙ น. ณ กุฏิพระอุดมประชานาถฯ (กุฏิใหญ่) วัดบางพระ


อธิษฐานจิตปลุกเสกโดย

หลวงพ่อคง เจ้าอาวาสวัดเขากลิ้ง จ.เพชรบุรี

หลวงพ่อสมเจตน์ เจ้าอาวาสวัดนก กรุงเทพมหานคร

หลวงพ่อสำอางค์ เจ้าอาวาสวัดบางพระ จ.นครปฐม


เปิดให้บูชา และรับพระ (สำหรับผู้ที่สั่งจองไว้) ตั้งแต่วันพรุ่งนี้ (๑๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘) เป็นต้นไป ที่กุฏิใหญ่ วัดบางพระ

รายละเอียดราคาร่วมบุญบูชาเหรียญที่ระลึกไหว้ครู ปี ๕๘ คลิกดูได้ที่.. http://www.bp.or.th/webboard/index.php?topic=31163



:001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:


































































































:001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:

177
ที่มาของยันต์หงส์คู่ที่ใช้ปักหลังเสื้อที่ระลึกเว็บไซต์วัดบางพระ รุ่น ๗



แม่พิมพ์บล็อคสักเก่าที่หลวงพ่อเปิ่นใช้สักให้กับลูกศิษย์


ย้อนกลับไปในสมัยก่อน ที่หลวงพ่อเปิ่นเริ่มสักยันต์ให้กับลูกศิษย์ลูกหา แม่พิมพ์หรือบล็อคพิมพ์สำหรับใช้ในการสักยันต์นั้น หลวงพ่อเปิ่นท่านจะนำไม้มาแกะบล็อคแม่พิมพ์สำหรับใช้สักยันต์ด้วยตัวของท่านเอง เมื่อจะทำการสัก ท่านก็จะใช้บล็อคไม้ที่แกะพิมพ์ไว้นั้นมารมเขม่าควันไฟ แล้วกดปั๊มไปที่ผิวหนังของผู้สัก แล้วจึงเริ่มสักตามรอยเขม่าควันไฟที่ติดผิวหนังนั้น



แม่พิมพ์บล็อคสักรูปหงส์ ที่หลวงพ่อเปิ่นแกะ และใช้สักให้กับลูกศิษย์


ยันต์หงส์ที่หลวงพ่อเปิ่นสักให้หลวงพ่อสำอางค์ (ใช้แม่พิมพ์บล็อคไม้ตามภาพด้านบน)


ยันต์ที่ใช้ปักหลังเสื้อที่ระลึกเว็บไซต์วัดบางพระในปีนี้ (พ.ศ.๒๕๕๘) ได้รับความเมตตาจากพระครูอนุกูลพิศาลกิจ (หลวงพ่อสำอางค์ ปภสฺสโร) เจ้าอาวาสวัดบางพระรูปปัจจุบัน ในการเลือกยันต์เพื่อใช้ปักบนหลังเสื้อที่ระลึก โดยยันต์นั้นคือ "ยันต์หงส์คู่" (ประยุกต์ตามแบบฉบับจากแม่พิมพ์บล็อคสักเก่ารูปหงส์ของหลวงพ่อเปิ่น) ซึ่งหลวงพ่อสำอางค์ท่านเมตตาเล่าให้ฟังถึงอิทธิคุณของยันต์หงส์ตามที่หลวงพ่อเปิ่นท่านได้เคยกล่าวให้ฟังไว้ว่า "ยันต์หงส์คู่นี้ให้ผลทางเมตตาค้าขาย" โดยในสมัยก่อนตอนที่กำลังเรียนวิชากับหลวงพ่อเปิ่นใหม่ๆ หลวงพ่อเปิ่นได้อธิบายเคล็ดลับสำหรับยันต์หงส์ให้หลวงพ่อสำอางค์ไว้ว่า.. "อิติพุทโธ ตัวหนึ่งอยู่ ตัวหนึ่งไป" ซึ่งหลวงพ่อสำอางค์ท่านก็สามารถเข้าใจความหมายนัยสำคัญนั้นได้ทันที



ยันต์หงส์คู่ที่ใช้ปักหลังเสื้อที่ระลึกเว็บไซต์วัดบางพระรุ่น ๗
ประยุกต์ตามแบบฉบับจากแม่พิมพ์บล็อคสักเก่ารูปหงส์ของหลวงพ่อเปิ่น


สำหรับเพื่อนสมาชิกกระดานสนทนาวัดบางพระที่ประสงค์จะร่วมบุญบูชารับเสื้อที่ระลึกเว็บไซต์วัดบางพระ รุ่น ๗ ไว้เป็นที่ระลึก (หลังจากตัดเย็บเสร็จแล้วจะนำไปขอความเมตตาจากหลวงพ่อสำอางค์ เจ้าอาวาสวัดบางพระ อธิษฐานจิตปลุกเสก เพื่อความเป็นศิริมงคล เช่นทุกปี) สามารถคลิกดูรายละเอียดได้ที่: http://www.bp.or.th/webboard/index.php?topic=31133


แบบเสื้อที่ระลึกเว็บไซต์วัดบางพระ รุ่น ๗ เปิดให้บูชาเร็วๆ นี้


:001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:


ปุญฺญานุสฺสติ(สิบทัศน์)
วันศุกร์ที่ ๑๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘
เวลา ๑๗.๕๐ น.

178

รายละเอียดการสร้าง

๑.เหรียญเนื้อเงินหน้าทองคำ จำนวนสร้าง ๑๙ เหรียญ ร่วมบุญบูชาเหรียญละ ๔,๐๐๐ บาท
๒. เหรียญเนื้อนวะโลหะหน้าทองคำ จำนวนสร้าง ๑๙ เหรียญ ร่วมบุญบูชาเหรียญละ ๓,๕๐๐ บาท
๓. เหรียญเนื้อเงินลงยา (มี ๓ สี น้ำเงิน, เขียว และแดง) จำนวนสร้างสีละ ๑๙ เหรียญ ร่วมบุญบูชาเหรียญละ ๒,๕๐๐ บาท
๔. เหรียญเนื้อเงินบริสุทธิ์ จำนวนสร้าง ๑๙ เหรียญ ร่วมบุญบูชาเหรียญละ ๑,๕๐๐ บาท
๕. เหรียญเนื้อนวะโลหะ จำนวนสร้าง ๑๙ เหรียญ ร่วมบุญบูชาเหรียญละ ๑,๐๐๐ บาท
๖. เหรียญเนื้อตะกั่ว จำนวนสร้าง ๑๙ เหรียญ ร่วมบุญบูชาเหรียญละ ๑,๐๐๐ บาท
๗. เหรียญเนื้อโลหะสามกษัตริย์ จำนวนสร้าง ๓,๐๐๐ เหรียญ ร่วมบุญบูชาเหรียญละ ๓๐๐ บาท
๘. เหรียญเนื้อทองแดงรมดำ จำนวนสร้าง ๒๕,๐๐๐ เหรียญ มอบเป็นที่ระลึกแก่ผู้ร่วมบูชาพานครูในวันไหว้ครูประจำปี วันเสาร์ที่ ๗ มีนาคม ๒๕๕๘ ร่วมบุญบูชาพานครู ๑๐๐ บาท, ร่วมบุญบูชาบนกุฏิใหญ่เหรียญละ ๑๕๐ บาท


***หมายเหตุ***

- รายการที่ ๑-๖ "เปิดให้สั่งจอง" บนกุฏิใหญ่วัดบางพระ (ติดต่อรับพระได้ตั้งแต่วันพุธที่ ๑๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ เป็นต้นไป ที่กุฏิใหญ่วัดบางพระ)
- รายการที่ ๗-๘ เปิดให้บูชาตั้งแต่วันพุธที่ ๑๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ เป็นต้นไป (ไม่ต้องสั่งจอง)
- กำหนดพิธีอธิษฐานจิตปลุกเสกในวันอังคารที่ ๑๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ โดยหลวงพ่อคง วัดเขากลิ้ง จ.เพชรบุรี, หลวงพ่อสมเจตน์ วัดนก กทม. และหลวงพ่อสำอางค์ วัดบางพระ บนกุฏิใหญ่ วัดบางพระ



ภาพพิธีอธิษฐานจิตปลุกเสกครั้งสุดท้ายก่อนออกให้ร่วมบุญบูชา คลิกดูได้ที่.. http://www.bp.or.th/webboard/index.php?topic=31168




ด้านหน้าเทียบขนาดกับเหรียญบาท


ด้านหลังเทียบขนาดกับเหรียญบาท

179
เกริ่นนำ..

"ไอ้เก่ง..มึงรวบรวมประวัติวัดโคกเขมาให้หลวงพ่อที" เสียงหลวงพ่อสมภารดังขึ้น

พอสิ้นเสียงสั่งงาน ก็มีเสียงคำขานตอบรับอย่างฉับพลันดังขึ้นว่า "ครับหลวงพ่อ"

หลังจากเร่งสะสางงานวิจัยจนเริ่มเข้าที่เข้าทางแล้ว ผมจึงได้โอกาสเริ่มสืบค้นข้อมูลเพื่อสนองงานหลวงพ่อที่รับคำท่านไว้

หากกล่าวถึง "วัดโคกเขมา" หลายท่าน โดยเฉพาะผู้ที่เคยศึกษาประวัติของพระเดชพระคุณพระอุดมประชานาถ (หลวงพ่อเปิ่น ฐิตคุโณ) ก็คงจะพอทราบคร่าวๆ ว่า วัดนี้เคยเป็นวัดเก่าที่หลวงพ่อเปิ่นเคยเป็นเจ้าอาวาสอยู่ก่อนที่จะมาเป็นเจ้าอาวาสที่วัดบางพระ แต่รายละเอียดประวัติความเป็นมาของวัด หรือประวัติของหลวงพ่อเปิ่นในช่วงสมัยที่ท่านเป็นเจ้าอาวาสวัดโคกเขมานั้น ก็ไม่ค่อยมีการรวบรวมนำมาเผยแพร่มากเสียเท่าไหร่

ภาพกระบวนการเสาะแสวงหาความจริงที่มีอยู่ในหัว ณ ขณะนั้น คือ "การสัมภาษณ์บุคคลที่อยู่ร่วมสมัย และหรือเกี่ยวข้องกับหลวงพ่อเปิ่น ณ ช่วงเวลานั้น" อาทิเช่น พระสมุห์ไพรวัน คุณวนฺโต อดีตเจ้าอาวาสวัดโคกเขมา อาจารย์หวั่น อดีตเจ้าอาวาสวัดโคกเขมาซึ่งปัจจุบันท่านพักอาศัยอยู่ห้วยพลู และอีกทางเลือกที่ยังพอเป็นไปได้คือ การหาข้อมูลที่มีผู้รวบรวมไว้แล้ว

และจะด้วยเหตุผลกลใดก็ตาม แสงสว่างแห่งความโชคดีก็เริ่มฉายแสงสาดส่องมาให้ผมได้เห็นภาพคำตอบได้ชัดเจนยิ่งขึ้น โดยช่วงกลางปีที่ผ่านมา เย็นวันหนึ่ง หลังจากอยู่ช่วยงานหลวงพ่อบนกุฏิใหญ่แล้ว ก็มาหาหนังสืออ่านเล่นที่สำนักงานวัดบางพระ จังหวะบังเอิญไปเจอหนังสือเข้าเล่มนึง ชื่อว่า "ประวัติวัดในจังหวัดนครปฐม" จึงเปิดดูเนื้อหาพบว่า "มีรวบรวมประวัติวัดโคกเขมาไว้ด้วยเช่นกัน!!" (โชคดีที่ได้บันทึกภาพ และยังเก็บภาพรายละเอียดไว้ครบถ้วน) ดังนั้นเพื่อเป็นการสนองงานหลวงพ่อ และเผยแพร่ประวัติวัดโคกเขมา (อันเป็นวัดเก่าที่หลวงพ่อเปิ่นเคยเป็นเจ้าอาวาส) ให้เพื่อนสมาชิกกระดานสนทนาวัดบางพระ และผู้สนใจทั่วไปได้ศึกษา ผมจึงนำเนื้อหาและภาพประกอบมาลงไว้ รายละเอียดดังนี้...



ประวัติวัดโคกเขมา ต.แหลมบัว อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม

ชื่อวัด

   วัดโคกเขมา ตั้งอยู่เลขที่ ๖ หมู่ที่ ๕ ตำบลแหลมบัว อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม รหัสไปรษณีย์ ๗๓๑๒๐
   สังกัดมหานิกาย อยู่ในเขตปกครองคณะสงฆ์ ภาค ๑๔






พระสังกัจจายนะ (หลวงพ่อโต) ที่หลวงพ่อเปิ่นสร้างไว้เมื่อปี พ.ศ.๒๕๑๖


วัดและที่ธรณีสงฆ์

   ที่วัดมีเนื้อที่จำนวน ๑๙ ไร่ ๓ งาน – ตารางวา
   มีอาณาเขตดังนี้   ทิศเหนือ จรดถนนสาธารณะ
         ทิศใต้ จรดที่ดินของนายจิต พุ่มดียิ่ง
         ทิศตะวันออก จรดถนนสาธารณะ
         ทิศตะวันตก จรดคลองสาธารณะ



ประวัติวัดโคกเขมา ตำบลแหลมบัว อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม (ตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๔๔๐ จนถึงปัจจุบัน)

   วัดโคกเขมาเดิมมีชื่อว่า “วัดสร้อยนกเขา” ซึ่งเป็นที่รกร้างว่างเปล่าจน พ.ศ.๒๔๔๐ มีพระภิกษุชื่อ พระพัด ได้มีการบุกเบิกโดยได้รับมอบที่ดินจาก ปู่นุ้ย ย่าเชื่อม สนสาขา จำนวน ๑๕ ไร่ ๑ งาน ๘๖ ตารางวา ตลอดจนชาวบ้านได้รวมกันบริจาคทรัพย์เป็นจำนวน ๒ หาบด้วยกัน จึงได้สร้างโบสถ์ด้วยจากขึ้นมาเป็นหลังแรก แต่ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อปี พ.ศ.๒๔๙๓ และยังได้กุฏิสงฆ์ จำนวนหนึ่ง ต่อมาพระพัดได้ย้ายไปอยู่ที่วัดท้องไทร ทางวัดได้ให้พระเปลื้องรักษาการอยู่พักหนึ่งจึงได้แต่งตั้งให้หลวงพ่อเผือก มาดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าอาวาสเรื่อยมาจนถึงพระอธิการสุนทร (ฮะ) สุนฺทโร เป็นเจ้าอาวาสประมาณ พ.ศ.๒๔๗๖ ท่านเห็นว่าโบสถ์หลังเก่าทรุดโทรม จึงได้เรียกประชุมชาวบ้านเพื่อทำโบสถ์หลังใหม่แทนหลังเก่าในปี พ.ศ.๒๔๘๖ ทำเสร็จเมื่อปี พ.ศ.๒๔๙๓ เรื่อยมาจนถึงพระอธิการสาย ปิยวนฺโน เป็นเจ้าอาวาสได้มีการสร้างโรงเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑-๔ ขึ้นในบริเวณวัด เพื่อเป็นที่ศึกษาของเยาวชนในหมู่บ้าน พร้อมตั้งโรงเรียนสอนพระปริยัติธรรม สอนพระภิกษุสามเณร ที่บวชเรียนขึ้นในวัดและปฏิสังขรณ์ สิ่งปลูกสร้างที่ทรุดโทรมเรื่อยมาจนอาจารย์ลาสิกขา ทางวัดได้ตั้งพระเส็ง รักษาการแทนอยู่ ๑ พรรษา ทางวัดจึงได้นิมนต์พระอธิการเปิ่น ฐิตคุโณ มาจากวัดทุ่งนานางหรอก จังหวัดกาญจนบุรี ท่านยังได้สร้างพระรูปหล่อพระสังกัจจายนะ (หลวงพ่อโต) ขึ้นในปี พ.ศ.๒๕๑๖ เพื่อเป็นที่สักการบูชาของประชาชน ในปี พ.ศ.๒๕๑๗ พระอธิการเปิ่นได้ย้ายไปเป็นเจ้าอาวาสวัดบางพระ ทางวัดได้ตั้งพระอธิการหวั่น ปญฺญาวุโธ เป็นเจ้าอาวาสแทนเรื่อยมาจนถึงพระอธิการไพรวัน คุณวนฺโต  และพระครูโกวิทสุตการ (พระมหาระพิน อภิชาโน) เป็นเจ้าอาวาสรูปปัจจุบัน


ภาพหลวงพ่อเปิ่น ช่วงที่เป็นเจ้าอาวาสวัดโคกเขมา

งานด้านการปกครอง

   ลำดับรายนามเจ้าอาวาส

   ๑. พระพัด เป็นเจ้าอาวาสตั้งแต่ พ.ศ.๒๔๔๐ – พ.ศ.ใดไม่ทราบ
   ๒. หลวงพ่อเผือก เป็นเจ้าอาวาสตั้งแต่ พ.ศ.๒๔๕๕ – ๒๔๗๐
   ๓. พระอธิการสุนทร (ฮะ) สุนฺทโร เป็นเจ้าอาวาสตั้งแต่ พ.ศ.๒๔๗๐ – ๒๔๙๓
   ๔. พระอธิการสาย ปิยวนฺโน เป็นเจ้าอาวาสตั้งแต่ พ.ศ.๒๔๙๓ – ๒๕๐๗
   ๕. พระอธิการเปิ่น ฐิตคุโณ เป็นเจ้าอาวาสตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๐๗ – ๒๕๑๘
   ๖. พระอธิการหวั่น ปญฺญาวุโธ เป็นเจ้าอาวาสตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๑๘ – ๒๕๒๙
   ๗. พระอธิการไพรวัน คุณวนฺโต เป็นเจ้าอาวาสตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๒๙ – ๒๕๓๘
   ๘. พระอุดมประชานาถ (หลวงพ่อเปิ่น) รักษาการเจ้าอาวาสตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๓๘ – ๒๕๔๖
   ๙. พระครูโกวิทสุตการ (พระมหาระพิน อภิชาโน) เป็นเจ้าอาวาสตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๔๖ – ปัจจุบัน



ภาพเขียนพระอุดมประชานาถ (หลวงพ่อเปิ่น ฐิตคุโณ) บนกุฏิวัดโคกเขมา

 งานการศึกษา

   ๑. เปิดให้มีการเรียนการสอนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑ – ๔ เมื่อประมาณ พ.ศ.๒๔๙๖ – ปัจจุบัน
   ๒. ปัจจุบันเปิดให้มีการเรียนการสอนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑ – ๖ และ มีโรงเรียนในสังกัดวัดโคกเขมา เพิ่มอีก ๒ โรงเรียน คือ
   ๒.๑ โรงเรียนบ้านห้วยกรด เปิดให้มีการเรียนการสอนถึงระดับประถมศึกษาปีที่ ๑ – ๖
   ๒.๒ โรงเรียนแหลมบัววิทยา เปิดให้มีการเรียนการสอนในระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ – ๖
   ๓. เปิดโรงเรียนสอนพระปริยัติธรรม เมื่อปี พ.ศ.๒๔๙๖ – ปัจจุบัน
   ๔. เปิดให้มีการเรียนการสอน นักธรรมชั้นตรี และธรรมศึกษาตรี เมื่อ พ.ศ.๒๔๙๖ – ปัจจุบัน
   ๕. ปัจจุบันเปิดให้มีการเรียนการสอน นักธรรมชั้นตรี และธรรมศึกษาชั้นตรี ชั้นโท และชั้นเอก
   ๖. เปิดให้มีการเรียนการสอน ในรายวิชาสังคมศึกษากับพระพุทธศาสนา ให้กับนักเรียนซึ่งสังกัดวัดโคกเขมา จำนวน ๓ โรงเรียน คือ
   ๖.๑ โรงเรียนวัดโคกเขมา
   ๖.๒ โรงเรียนบ้านห้วยกรด
   ๖.๓ โรงเรียนแหลมบัววิทยา



ลานวัดโคกเขมา ในอดีตเป็นสถานที่ที่หลวงพ่อเปิ่นใช้ประกอบพิธีไหว้ครูสักยันต์ครั้งแรก เมื่อ พ.ศ.๒๕๐๘

งานการเผยแผ่

   ๑. จัดให้มีการแสดงธรรม และบรรยายธรรม ในระยะพรรษาและวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา พร้อมทั้งกิจกรรมต่างๆ เรื่อยมา
   ๒. พ.ศ.๒๕๓๕ ได้ทำการก่อสร้างหอกระจายข่าวเสียงตามสายขึ้น เพื่อกระจายข่าวและธรรมะสู่ประชาชน



อุโบสถวัดโคกเขมา
[/size]

งานสาธารณูปการ

   พ.ศ.๒๔๔๐ พระพัด ได้ร่วมมือกับชาวบ้านก่อสร้างโบสถ์ มุงหลังคาด้วยจาก
   พ.ศ.๒๔๗๖ หลวงพ่อเผือก ได้สร้างหอสวดมนต์เพื่อทำพิธีทางพระพุทธศาสนา กว้าง ๑๐ เมตร ยาว ๒๖ เมตร เป็นอาคารทรงไทยยอดแหลมหลังคาสองชั้น มีหน้าบันเป็นไม้สัก และสลักลวดลายประดับทั้งสองด้าน
   พ.ศ.๒๔๘๖ พระอธิการสุนทร (ฮะ) สุนฺทโร ได้สร้างอุโบสถ ก่ออิฐก่อปูนขึ้น กว้าง ๑๐ เมตร ยาว ๒๐ เมตร มีลักษณะแบบไทย เป็นลวดลายประดิษฐ์ ที่หน้าชั้นทั้ง ๒ ด้าน ได้ทำการยกช่อฟ้า และผูกพัทธสีมา และได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาเมื่อวันที่ ๓ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๔๙๓
   พ.ศ.๒๕๑๖ พระอธิการเปิ่น ฐิตคุโณ ได้สร้างรูปหล่อ พระสังกัจจายนะ (หลวงพ่อโต) หน้าตักกว้าง ๗๕ นิ้ว
   พ.ศ.๒๕๑๗ พระอธิการเปิ่น ฐิตคุโณ ได้วางศิลาฤกษ์ ศาลาการเปรียญจนได้มาแล้วเสร็จในปี พ.ศ.๒๕๓๘
   พ.ศ.๒๕๓๔ พระอธิการไพรวัน คุณวนฺโต โดยการนำของ ส.จ.ลำยอง พูนลำเภา ได้ทำการก่อสร้างเมรุขึ้น เพราะเดิมการที่เผาศพจะใช้เชิงตะกอนกลางแจ้ง ทำให้ดูไม่เหมาะสม
   พ.ศ.๒๕๓๗ พระอธิการไพรวัน คุณวันฺโต ได้สร้างกุฏิสงฆ์จำนวน ๑๒ ห้อง เพื่อให้เป็นแนวเดียวกันสวยงามและเป็นระเบียบ โดยก่อสร้างเป็นแบบสองชั้น ชั้นละ ๖ ห้อง
   พ.ศ.๒๕๔๐ พระอุดมประชานาถ (หลวงพ่อเปิ่น) รักษาการแทนเจ้าอาวาสเห็นว่าเมรุหลังเก่ามีความทรุดโทรม จึงได้ทำการก่อสร้างเมรุใหม่ขึ้นมาแทนหลังเก่าจนถึงปัจจุบันนี้
   พ.ศ.๒๕๔๕ ดำเนินการสร้างศาลาธรรมสังเวช แต่ยังไม่แล้วเสร็จ และในวันที่ ๑ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๔๖ พระมหาระพิน อภิชาโน ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาส
   พ.ศ.๒๕๔๖ พระมหาระพิน อภิชาโน ดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าอาวาส ได้ก่อสร้างศาลาธรรมสังเวชต่อมาจนแล้วเสร็จ และได้สร้างห้องน้ำจำนวน ๑๐ ห้องหลังกุฏิสงฆ์ ๑๒ ห้อง แทนห้องน้ำเดิมซึ่งเก่าและผุพัง แล้วเสร็จในเดือนธันวาคม ปี พ.ศ.๒๕๔๗
   พ.ศ.๒๕๔๗ พระมหาระพิน อภิชาโน เจ้าอาวาสวัดโคกเขมา ได้ทำการบูรณะหอสวดมนต์ให้มีสภาพดีขึ้น พร้อมสร้างกุฏิสงฆ์จำนวน ๙ ห้อง จนแล้วเสร็จในเดือนพฤษภาคม ปี พ.ศ.๒๕๔๘
   พ.ศ.๒๕๔๘ พระมหาระพิน อภิชาโน ได้ทำการบูรณะอุโบสถ ซึ่งมีสภาพทรุดโทรมผุพัง ให้มีสภาพดีขึ้น พร้อมบูรณะศาลาการเปรียญ แล้วเสร็จในปลายปี พ.ศ.๒๕๔๘
   พ.ศ.๒๕๔๙ พระมหาระพิน อภิชาโน ได้ทำการก่อสร้างศาลากำไรบุญ แทนศาลาหลังเก่า ซึ่งใช้จำหน่ายธูป เทียน ทอง และเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปให้ประชาชนกราบไหว้บูชา จากนั้นได้ทำการถมที่จนได้ระดับพร้อมเทพื้นคอนกรีต และได้ทำการก่อสร้างกุฏิศาลาหอสวดมนต์จำนวน ๖ ห้อง ซึ่งเกิดอัคคีภัยขึ้นแทนกุฏิหลังเก่า แล้วเสร็จในปี พ.ศ.๒๕๕๐
   พ.ศ.๒๕๕๐ พระมหาระพิน อภิชาโน ติดตั้งหอกระจายเสียง เพื่อใช้ประชาสัมพันธ์เรื่องราวต่างๆ ให้ชาวชุมชนได้รับทราบ พร้อมก่อสร้างกุฏิสงฆ์จำนวน ๓ ห้องหลังกุฏิ ๑๒ ห้อง แล้วเสร็จ จากนั้นได้ทำการก่อสร้างกำแพงล้อมรอบวัด พร้อมช่องบรรจุอัฐิ แล้วเสร็จบางส่วน
   พ.ศ.๒๕๕๑ พระมหาระพิน อภิชาโน ได้เริ่มทำการบูรณะกุฏิไม้หลังเก่า โดยยกระดับให้สูงขึ้น และก่อสร้างกุฏิด้านล่างใหม่จำนวน ๓ ห้อง แล้วเสร็จในเดือนตุลาคม ๒๕๕๑
   พ.ศ.๒๕๕๑ พระมหาระพิน อภิชาโน ได้สร้างกำแพงล้อมรอบวัดต่อ พร้อมสร้างช่องบรรจุอัฐิ แล้วเสร็จเมษายน ๒๕๕๒
   พ.ศ.๒๕๕๑ พระมหาระพิน อภิชาโน ได้ทำการสร้างกุฏิสงฆ์หลังใหม่ ข้างกุฏิสงฆ์ ๑๒ ห้องแล้วเสร็จพฤษภาคม ๒๕๕๒
   พ.ศ.๒๕๕๒ พระมหาระพิน อภิชาโน ได้ทำการปรับที่ดินบริเวณโกศบรรจุอัฐิ ให้มีสภาพดีขึ้น โดยจะทำการเกลี่ยพื้นดินบริเวณที่ตั้งโกศบรรจุอัฐิกระดูกให้เสมอกัน ปัจจุบันยังไม่แล้วเสร็จ




บรรยากาศภายในหอสวดมนต์


อีกมุมของอุโบสถ


ศาลาการเปรียญ



ฌาปนสถาน








กุฏิสงฆ์

งานการศึกษาสงเคราะห์

   ๑. พ.ศ.๒๕๒๕ ร่วมจัดตั้งกองทุนในการศึกษา ให้แก่โรงเรียนวัดโคกเขมา เพื่อเป็นทุนการศึกษาให้กับเยาวชนที่ยากไร้ เป็นประจำทุกปี ปีละ ๕ ทุน ทุนละ ๕๐๐ บาท
   ๒. พ.ศ.๒๕๔๗ จัดตั้งกองทุนการศึกษา ให้แก่นักเรียนโรงเรียนแหลมบัววิทยา เพื่อเป็นทุนการศึกษาให้กับเยาวชนที่ยากไร้ จำนวน ๑ ทุน ทุนละ ๑,๐๐๐ บาท เป็นต้นมา
   ๓. พ.ศ.๒๕๔๗ จัดตั้งกองทุนในการศึกษา ให้แก่เด็กนักเรียน โรงเรียนบ้านห้วยกรด เพื่อเป็นทุนการศึกษาให้กับเยาวชนที่ยากไร้ จำนวน ๓ ทุน ทุนละ ๕๐๐ บาท
   ๔. พ.ศ.๒๕๕๐ มอบทุนการศึกษาให้แก่พระภิกษุ ผู้ศึกษาในระดับปริญญาตรี เพื่อเป็นทุนการศึกษาให้กับพระภิกษุผู้กำลังศึกษาอยู่ ภายในวัดโคกเขมา จำนวน ๒ ทุน ทุนละ ๑,๐๐๐ บาท
   ๕. พ.ศ.๒๕๕๑ มอบทุนการศึกษาให้แก่พระภิกษุ ผู้ศึกษาในระดับปริญญาตรี เพื่อเป็นทุนการศึกษา จำนวน ๒ ทุน ทุนละ ๑,๕๐๐ บาท
   ๖. มอบทุนการศึกษาให้แก่เด็กนักเรียน เนื่องในงานประจำปีปิดทองวัดโคกเขมา วันที่ ๑๘ มีนาคม ๒๕๕๒ จำนวน ๕ โรงเรียน รวม ๖๑ ทุน ทุนละ ๑,๐๐๐ บาท เป็นเงินทั้งสิ้น ๖๑,๐๐๐ บาท พร้อมมอบเงินรางวัลแก่เด็กนักเรียนเป็นค่าอุปกรณ์การศึกษา จำนวน ๑๔๓ คน คนละ ๑๐๐ บาท เป็นเงินทั้งสิ้น ๑๔,๓๐๐ บาท ตามรายการ ดังนี้
   โรงเรียนวัดโคกเขมา จำนวน ๒๑ ทุน ทุนละ ๑,๐๐๐ บาท
   โรงเรียนบ้านห้วยกรด จำนวน ๑๐ ทุน ทุนละ ๑,๐๐๐ บาท
   โรงเรียนบ้านลานแหลม จำนวน ๑๐ ทุน ทุนละ ๑,๐๐๐ บาท
   โรงเรียนวัดท้องไทร จำนวน ๑๐ ทุน ทุนละ ๑,๐๐๐ บาท
   โรงเรียนแหลมบัววิทยา จำนวน ๑๐ ทุน ทุนละ ๑,๐๐๐ บาท
   มอบเงินรางวัลแก่นักเรียนเป็นค่าอุปกรณ์การศึกษา จำนวน ๗๕๓ คน คนละ ๑๐๐ บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น ๗๕,๓๐๐ บาท



หอระฆัง



หอกระจายเสียง


ศาลากำไรบุญ


หน้าศาลาการเปรียญ

งานด้านสาธารณะสงเคราะห์

   ๑. พ.ศ.๒๕๐๓ ใช้ที่ดินส่วนหนึ่งของวัด ทำการก่อสร้างโรงเรียนวัดโคกเขมาขึ้นมาจำนวน ๑ หลัง เปิดการเรียนการสอนตั้งแต่ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑ – ๔
   ๒. พ.ศ.๒๕๓๕ เปิดใช้เมรุเผาศพครั้งแรก
   ๓. พ.ศ.๒๕๔๒ เมรุหลังใหม่ ได้สร้างเสร็จเรียบร้อย จึงได้เปิดทำการใช้แทนหลังเก่ามาถึงปัจจุบัน
   ๔. บริจาคปัจจัยตามโครงการในแต่ละปี เพื่อช่วยผู้ยากไร้ตามสถานที่ต่างๆ อาทิ เช่น บ้านพักคนชรา โรงพยาบาลสงฆ์ เป็นต้น
   ๕. เปิดใช้ศาลาธรรมสังเวชเป็นที่เลือกตั้งของชาวชุมชน ซึ่งสะดวกในการเดินทางมาลงคะแนนเสียง






บรรยากาศริมคลองหลังวัด



ศาลาโรงครัว


ภายในศาลากำไรบุญ


กำแพงพร้อมช่องบรรจุอัฐิหลังวัด

โบราณวัตถุ

   โบราณวัตถุของวัดโคกเขมาที่สำคัญดังนี้

   ๑. พระพุทธรูปนิรันตราย จากประวัติที่เล่าสืบต่อกันมาทราบว่า เป็นพระพุทธรูปอัญเชิญมาจากวัดสระสี่เหลี่ยม (แต่ไม่ปรากฏว่าอัญเชิญสมัยใด ใครเป็นผู้อัญเชิญมา) องค์พระประทับหน้าตัก ๓ ศอก ลงรักปิดทองทั้งองค์ ประดิษฐานอยู่ในอุโบสถ
   ๒. พระสังกัจจายนะ (หลวงพ่อโต) เป็นพระพุทธรูปปั้นลอยองค์ สร้างโดยหลวงพ่อเปิ่น เมื่อ พ.ศ.๒๕๑๖ ประดิษฐานอยู่ลานวัดเพื่อประชาชนจะได้เคารพและเป็นที่สักการบูชา
   ๓. พระอุดมประชานาถ (หลวงพ่อเปิ่น ฐิตคุโณ) เกจิอาจารย์ที่มีชื่อเสียงของวัดโคกเขมา ได้ทำพิธีเททองหล่อเมื่อวันที่ ๒๕ มีนาคม พ.ศ.๒๕๔๖ ประดิษฐานอยู่ ณ วิหารใกล้พระสังกัจจายนะ (หลวงพ่อโต) เพื่อเป็นที่กราบไหว้บูชาของประชาชนทั่วไป
   ๔. นางกวัก ได้ทำพิธีเททองหล่อเมื่อวันที่ ๔ เมษายน พ.ศ.๒๕๔๘ ประดิษฐานอยู่ ณ วิหารใกล้พระสังกัจจายนะ (หลวงพ่อโต) เพื่อเป็นที่กราบไหว้บูชาของประชาชนทั่วไป
   ๕. พระพิฆเนศวร ปางลีลาเสวยสุข ท่ายืน ได้ทำพิธีเททองหล่อเมื่อวันที่ ๒๑ มีนาคม พ.ศ.๒๕๔๙ ประดิษฐานอยู่ ณ บริเวณหน้ากุฏิสงฆ์ ๑๒ ห้อง เพื่อเป็นที่กราบไหว้บูชาของประชาชนทั่วไป
   ๖. พระพุทธมหาจักรพรรดิราช ปางเชียงแสน สมัยอยุธยา ได้ทำพิธีเททองหล่อเมื่อวันที่ ๑๒ มีนาคม พ.ศ.๒๕๕๐ ประดิษฐานอยู่ ณ วิหารใกล้พระสังกัจจายนะ (หลวงพ่อโต) เพื่อเป็นที่กราบไหว้บูชาของประชาชนทั่วไป



อุโบสถวัดโคกเขมา จารึกชื่อพระครูอนุกูลพิศาลกิจ (หลวงพ่อสำอางค์ ปภสฺสโร) ผู้อุปถัมภ์สมทบทุนบูรณะอุโบสถ


ภายในอุโบสถวัดโคกเขมา


รูปหล่อพระอุดมประชานาถ (หลวงพ่อเปิ่น ฐิตคุโณ)


ซุ้มสักการะบูชา

ถาวรวัตถุภายในวัด

   ๑. ศาลาเมรุเริ่มเดือนมิถุนายน พ.ศ.๒๕๔๕ สำเร็จเมื่อเดือน ธันวาคม พ.ศ.๒๕๔๗ เงินบริจาคสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล คุณปิยภัสร์ ปานทอง บริจาคสีทา และประชาชนเป็นผู้สร้าง
   ๒. บูรณะหอสวดมนต์เริ่ม เดือน กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๔๗ แล้วเสร็จเมื่อเดือน พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๔๘ คุณปิยภัสร์ ปานทอง บริจาคสี กระเบื้องปูพื้น และศรัทธาจากประชาชน สร้างพร้อมกุฏิสงฆ์ใหม่
   ๓. บูรณะโบสถ์ใหม่ เดือนเมษายน พ.ศ.๒๕๔๘ โดยพระครูอนุกูลพิศาลกิจ (สำอางค์ ปภสฺสโร) เจ้าอาวาสวัดบางพระ คุณอนุชา สะสมทรัพย์ คุณฑัมพร นิพนธ์วิทยา ประธานร่วมบริจาคทรัพย์จ้างช่างสร้าง
   ๔. บูรณะศาลาการเปรียญ เมื่อเดือนกรกฎาคม พ.ศ.๒๕๔๘ แล้วเสร็จในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๔๘
   ๕. ศาลาจำหน่าย ธูป เทียน ทอง เมื่อเดือนธันวาคม พ.ศ.๒๕๔๘ แล้วเสร็จปลาย พ.ศ.๒๕๔๘ เพื่อทดแทนศาลาหลังเก่า
   ๖. สร้างกุฏิสงฆ์ จำนวน ๖ ห้อง เริ่มเดือนมกราคม พ.ศ.๒๕๕๑
   ๗. สร้างกำแพงล้อมรอบวัด พร้อมช่องบรรจุอัฐิ เริ่มเดือนมกราคม พ.ศ.๒๕๕๑


[พระเทพมหาเจติยาจารย์ (ชัยวัฒน์ ปญฺญาสิริ ปธ.๙) และพระครูสุธีเจติยานุกูล (รุ่ง กตปุญฺโญ ปธ.๖), ประวัติวัดในจังหวัดนครปฐม (กรุงเทพฯ: บริษัท ออนป้า จำกัด, ๒๕๕๖), น.๒๙๓-๒๙๘.]


ป้ายอาคารกุฏิเก่าหลวงพ่อเปิ่นหลังได้รับการบูรณะแล้ว

หลวงพ่อเปิ่นเมื่อครั้งอยู่วัดโคกเขมา

ในส่วนของประวัติหลวงพ่อเปิ่นช่วงที่เป็นเจ้าอาวาสวัดโคกเขมาจากการสัมภาษณ์พระสมุห์ไพรวัน คุณวนฺโต อดีตเจ้าอาวาสวัดโคกเขมา นั้น ได้ข้อมูลคร่าวๆ ว่า หลวงพ่อเปิ่นท่านย้ายมาจำพรรษาพร้อมกับได้รับตำแหน่งเป็นเจ้าอาวาสที่วัดโคกเขมา เมื่อปลายพรรษา พ.ศ.๒๕๐๗ และที่วัดโคกเขมานี้เอง คือสถานที่ที่เป็นจุดเริ่มต้นการสักยันต์ และพิธีไหว้ครูที่จัดขึ้นเป็นครั้งแรกกลางลานวัดเมื่อปี พ.ศ.๒๕๐๘

นอกจากการสักยันต์ของหลวงพ่อเปิ่นที่เกิดขึ้นเป็นครั้งแรกที่วัดโคกเขมาแล้ว "วัตถุมงคล" ก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่หลวงพ่อเปิ่นเริ่มสร้างไว้ครั้งแรกที่วัดโคกเขมาเช่นกัน อาทิเช่น เหรียญเสมารุ่นแรกของหลวงพ่อเปิ่น (เหรียญพระอธิการเปิ่น) ที่บางท่านเข้าใจว่าสร้างในปี ๒๕๐๖ ความจริงแล้วเหรียญรุ่นแรกนี้สร้างเมื่อปี "พ.ศ.๒๕๐๘" โดยสังเกตได้จากประวัติหลวงพ่อเปิ่นที่ท่านย้ายมาเป็นเจ้าอาวาสวัดโคกเขมาเมื่อปี ๒๕๐๗ ประกอบกับตำแหน่ง "พระอธิการ" ที่มีระบุในเหรียญ จะใช้สำหรับเรียกเจ้าอาวาสวัดทั่วไปที่ไม่มีสมณศักดิ์อยู่แล้ว ดังนั้นที่กล่าวกันว่าเหรียญพระอธิการรุ่นแรกหลวงพ่อเปิ่น สร้างเมื่อปี ๒๕๐๖ จึงเป็นไปไม่ได้ ทั้งนี้พยานบุคคลอีก ๒ ท่าน คือทิดเลี้ยง (อดีตเคยอุปสมบทอยู่กับหลวงพ่อเปิ่นที่วัดโคกเขมา) และอาจารย์หวั่น (อดีตเจ้าอาวาสวัดโคกเขมาต่อจากหลวงพ่อเปิ่น) ก็ต่างให้รายละเอียดตรงกันว่า เหรียญรุ่นแรกสร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ.๒๕๐๘ ส่วนเหรียญพิมพ์เหรียญรุ่นแรกเนื้อเงินยวงและเนื้อตะกั่ว ทิดเลี้ยงเป็นผู้เทตะกั่วหล่อเหรียญด้วยตนเอง โดยโลหะที่นำมาเทหล่อเหรียญนั้น ที่เรียกว่าเป็นเงินยวงความจริงเป็นโลหะจากกรุบางขโมย ที่หลวงพ่อเปิ่นท่านได้รับถวายมา ส่วนเนื้อตะกั่วก็ได้มาจากพระแก้บนเนื้อตะกั่วในอุโบสถ (กรรมวิธีการสร้างไม่ขออธิบาย ณ ที่นี้) ส่วนปี พ.ศ. ที่ทำออกมานั้นอยู่ในราว พ.ศ.๒๕๐๘ - พ.ศ.๒๕๑๗ เพราะมีการสร้างเรื่อยมาตลอด แต่ก็ได้รับการอธิษฐานจิตปลุกเสกจากหลวงพ่อเปิ่นเหมือนกันหมด สมัยนั้นหลวงพ่อเปิ่นท่านสั่งให้ทำแจกญาติโยมที่มาร่วมทำบุญที่วัดเสียส่วนใหญ่



พระพุทธรูปและรูปเคารพต่างๆ ที่มีอยู่เป็นจำนวนมาก
ปัจจุบันประดิษฐานภายในเต๊นท์ชั่วคราวบริเวณด้านหลังหอสวดมนต์




วิหารสำหรับประดิษฐานพระพุทธรูปที่ดำเนินการก่อสร้างอยู่

ประชาสัมพันธ์งานบุญ

สำหรับโครงการในปัจจุบันที่ทางวัดกำลังดำเนินการก่อสร้างอยู่นั่นคือ การสร้างวิหารเพื่อใช้เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปและรูปหล่อรูปสักการะต่างๆ ซึ่งมีจำนวนมาก (ปัจจุบันได้ตั้งเต๊นท์เพื่อให้สาธุชนได้สักการะบูชาชั่วคราวบริเวณด้านหลังหอสวดมนต์) โดยการก่อสร้างยังขาดปัจจัยอีกจำนวนมาก ดังนั้นทางวัดโคกเขมาจึงได้สร้างวัตถุมงคล "เหรียญย้อนยุคหลวงพ่อเปิ่น รุ่น ๑" และ "กำไล รุ่น ๑" (ชนวนมวลสารเก่าของหลวงพ่อเปิ่น และอื่นๆ) เพื่อมอบเป็นที่ระลึกให้กับผู้ที่ร่วมบุญสมทบทุนสร้างวิหารวัดโคกเขมา (สามารถเข้ามาร่วมบุญด้วยตนเองได้ทุกวันที่วัดโคกเขมา) กำหนดอธิษฐานจิตช่วงระหว่างงานประจำปีของวัดโคกเขมา ๒๕๕๘ (๑๐-๑๕ มีนาคม ๒๕๕๘) โดยพระคณาจารย์สายวัดบางพระ รายละเอียดดังนี้




เหรียญหลวงพ่อเปิ่นย้อนยุครุ่น ๑


กำไลรุ่น ๑


ป้ายประชาสัมพันธ์งานประจำปีวัดโคกเขมา ๒๕๕๘ ระหว่างวันที่ ๑๐ - ๑๕ มีนาคม ๒๕๕๘

:001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:

เสร็จสิ้นไปอีก ๑ งาน กราบขอบพระคุณพระอาจารย์ทุกๆ รูปที่อนุเคราะห์ข้อมูล
และขออนุโมทนากับทุกท่านที่ได้ร่วมบุญสมทบทุนสร้างวิหารวัดโคกเขมา มา ณ โอกาสนี้ ด้วย
.........สาธุ สาธุ อนุโมทามิ.........

:001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:

ปุญฺญานุสฺสติ(สิบทัศน์)
วันพุธที่ ๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘
เวลา ๐๒.๕๔ น.

181
งานถึงวันไหนครับ

เมื่อวาน (๔ มกราคม ๒๕๕๘) วันสุดท้ายครับ..



ภาพบรรยากาศงานคืนสุดท้าย (๔ มกราคม ๒๕๕๘)


















182
งานประจำปีปิดทองรูปเหมือนบุรพาจารย์วัดบางพระ ๕๘ (วันแรก)





























































:001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:

ต่อด้วยงานประจำปีพ่อปู่ทองสุข (หลวงปู่หิ่ม วัดบางพระ เป็นผู้บุกเบิก)

ประวัติความเป็นมาศึกษาได้ที่.. http://www.bp.or.th/webboard/index.php?topic=31069























:001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:

183
[shake]!!!ปิดกิจกรรมแล้วครับ!!![/shake]

Happy New Year ครับ

:001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:

คำถาม

           ด้วยจะมีวันไหว้ครู ลพ.เปิ่น ในวันเสาร์ที่ ๗ มี.ค.๕๘ นี้ เราเหล่าศิษยานุศิษย์ อยากได้ Comment ของท่าน (ส่วนดีอยู่แล้ว ไม่ต้อง) เพื่อทางวัดจะได้ปรับปรุง แก้ไขต่อไปให้ดีขึ้น

:001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:

รายละเอียดและกติกาการร่วมกิจกรรม

๑.    ๕ ท่านแรก ที่ Comment ได้โดนใจคณะกรรมการ จะได้รับตะกรุดผู้การเสือ ๕ ดอก (สุดท้าย)

๒.    ๕ ท่านต่อมา (ที่ Comment ได้โดนใจคณะกรรมการ) จะได้รับ พญาเต่าเรือน (ลพ.ญา ให้มาเป็นรางวัล)

๓.    ที่เหลือ (๑๐ ท่าน ที่ Comment ได้โดนใจคณะกรรมการ) จะมีรางวัลพิเศษปลอบใจจากผู้การเสือ + สิบทัศน์

๔.    ทุกรางวัลให้มารับกับมือผู้การเสือ + สิบทัศน์ เวลา ๑๓.๐๐ น. วันใหว้ครู (๗ มี.ค.๕๘)

๕.    ประกาศผู้โชคดี เวลา ๑๓.๐๐ น. (๑ มี.ค.๕๘)


:001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:

ของรางวัล

ตะกรุดผู้การเสือ รุ่น ๑ รายละเอียดประวัติความเป็นมาที่..
http://www.bp.or.th/webboard/index.php?topic=30928

พญาเต่าเรือน (ลพ.ญา มอบให้ – ทองแดงองค์เล็ก)

:001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:

พิพิธภัณฑ์ผู้การเสือรูปที่ ๕


ผ้ายันต์ ลพ.เปิ่น ผืนแรก ได้รับจาก ลพ.ติ่ง (๑๕-๑๖ ปีมาแล้ว)

พิพิธภัณฑ์ผู้การเสือรูปที่ ๖


สุดล้ำค่า ลพ.ต้อย มอบให้ ๑๕ ก.ค. ๔๕

:001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:

184

เตรียมงานก่อนวันงาน




๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๗ ณ วัดโคกเขมา (วัดเก่าหลวงพ่อเปิ่น) จ.นครปฐม


















พระครูโกวิทสุตการ (พระมหาระพิน อภิชาโน) เจ้าคณะตำบลศรีมหาโพธิ์ เจ้าอาวาสวัดโคกเขมา จ.นครปฐม


พระอาจารย์พระสมุห์ไพรวัน คุณวนฺโต วัดโคกเขมา




อาจารย์หวั่น อดีตเจ้าอาวาสวัดโคกเขมา
(เป็นเจ้าอาวาสวัดโคกเขมาหลังจากที่หลวงพ่อเปิ่นย้ายมาเป็นเจ้าอาวาสวัดบางพระ)


















ลูกหลานชาวนครปฐม "เมสซี่เจ" ชนาธิป สรงกระสินธ์





ต่อด้วยพิธีสวดมนต์ข้ามปีของทางวัดบางพระ




พระครูอนุกูลพิศาลกิจ (หลวงพ่อสำอางค์ ปภสฺสโร) เจ้าอาวาสวัดบางพระ เมตตานั่งปรกแผ่บารมีแก่ผู้เข้าร่วมพิธี




















































แจกวัตถุที่ระลึกรับปีใหม่




:001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:


งานต่อไป "งานประจำปี ปิดทองรูปเหมือนบุรพาจารย์วัดบางพระ"

หลวงพ่อหิ่ม หลวงพ่อทองอยู่ หลวงพ่อเปลี่ยน หลวงพ่อเปิ่น

ระหว่างวันที่ ๒ - ๔ มกราคม ๒๕๕๘

:001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:

185
สรุปผลกิจกรรม

จากคำถามที่ถามว่า..

เนื่องในวโรกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๘๗ พรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ในวันที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๕๗ ที่กำลังจะถึงนี้

"ท่านได้ทำความดี และหรือประสงค์ว่าจะทำความดีอย่างไร เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ บ้าง?"


มีผู้ร่วมตอบคำถาม โดยแสดงความคิดเห็นว่าจะทำความดี เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว กันเข้ามาอย่างมากมาย

ขออนุโมทนาในความดีของทุกท่านมา ณ โอกาสนี้ด้วยครับ สาธุ สาธุ อนุโมทามิ.


:001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:

สรุปผู้ที่ร่วมตอบคำถามและได้รับรางวัล "จีวรหลวงพ่อสำอางค์ ที่ระลึกไตรมาส ๕๗" ๕๐ ท่านแรก มีดังต่อไปนี้

๑. shagath
๒. ManOChi
๓. whatchara3408
๔. noppanut
๕. mpteez
๖. pamza2000
๗. pla8809
๘. Phimdana
๙. LittleTiger
๑๐. นันท์นภัส
๑๑. pomodoro
๑๒. jakkrit02
๑๓. blackberets2002
๑๔. Mo2103
๑๕. kim sung r
๑๖. santa
๑๗. varanyu
๑๘. chaveng
๑๙. AoF_zA
๒๐. dawvan
๒๑. โยคี
๒๒. Mafueng
๒๓. rakorakod
๒๔. tinamas
๒๕. Rattapol
๒๖. manopice
๒๗. ศิษย์อาศรม
๒๘. kwanok
๒๙. sleeper1
๓๐. ludacris
๓๑. bombom bombam
๓๒. 13o55z
๓๓. Goodluv
๓๔. weerapong01
๓๕.nongaom
๓๖. wave125x
๓๗. Rujiraporn
๓๘. juice
๓๙. somchatsudjit
๔๐. galong
๔๑. weerawut67
๔๒. สตีฟ ชุมพร
๔๓. blood
๔๔. kemm37
๔๕. kekei
๔๖. mosrobot
๔๗. koyza
๔๘. Ae Lumhin
๔๙. Ome
๕๐. Ampzaa


รางวัลกรณีพิเศษ (๑)

ขอมอบรางวัล "จีวรหลวงพ่อสำอางค์ ที่ระลึกไตรมาส ๕๗" ให้กับผู้ที่ร่วมตอบคำถามทุกท่านที่เหลือ (เกินจาก ๕๐ ท่านแรกไปแล้ว)

ไว้เป็นที่ระลึก สำหรับการ "ตั้งใจทำความดีเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว" ด้วย ดังนี้

๕๑. xoza262
๕๒. vichoopun
๕๓. Captainthailand
๕๔. ปีระกา
๕๕. !!!โบ เด็กป่า!!!
๕๖. aehjomthong
๕๗. KaMiKaZe84
๕๘. Tanaphatc
๕๙. san53774
๖๐. vvwvv
๖๑. birdbird


ทั้ง ๖๑ ท่านนี้ กรุณารอแจ้งระบบยืนยันสิทธิ์รับรางวัลทาง ระบบข้อความส่วนตัว (pm)

:001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:

รางวัลกรณีพิเศษ (๒)

ขอมอบตะปูสังฆวานร จากอุโบสถหลังเก่าวัดบางพระ เป็นที่ระลึกให้กับทั้ง ๓ ท่าน (ดังภาพที่แนบมา) ที่คลิก "ขอบคุณ" เพื่อนสมาชิกที่เข้ามาร่วมตอบคำถามในกิจกรรมครั้งนี้ไว้ด้วยครับ




อุโบสถหลังเก่าวัดบางพระ อายุกว่า ๓๐๐ ปี

:001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:

ขอบคุณทุกท่านที่ร่วมกิจกรรมครับ

186
[shake]..ปิดกิจกรรมแล้วครับ..[/shake]

ลายมือพระครูอนุกูลพิศาลกิจ (หลวงพ่อสำอางค์ ปภสฺสโร) เจ้าอาวาสวัดบางพระ
ลงนามถวายพระพรแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ

คำถาม

เนื่องในวโรกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๘๗ พรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ในวันที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๕๗ ที่กำลังจะถึงนี้

"ท่านได้ทำความดี และหรือประสงค์ว่าจะทำความดีอย่างไร เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ บ้าง?"

:001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:

ของรางวัล

"จีวรหลวงพ่อสำอางค์ (หลวงพ่อสำอางค์อธิษฐานจิตตลอดพรรษา ปี ๕๗)"

จีวรของหลวงพ่อสำอางค์ เจ้าอาวาสวัดบางพระรูปปัจจุบัน


ผมเองได้กราบขออนุญาต และกราบขอความเมตตาจากหลวงพ่อสำอางค์
ให้ท่านอธิษฐานจิตปลุกเสกตลอดกาลเข้าพรรษา ๑ ไตรมาส
เพื่อนำมาแจกให้กับเพื่อนสมาชิกกระดานสนทนาวัดบางพระในโอกาสนี้

ห้องพระบนกุฏิหลวงพ่อสำอางค์
(หลวงพ่อท่านใช้เป็นที่เจริญสมาธิ, อธิษฐานจิตปลุกเสกวัตถุมงคล ฯลฯ)

ภาพนี้บันทึกไว้ช่วงหลังจากออกพรรษา
เมื่อเข้าไปรับจีวรจากหลวงพ่อสำอางค์แล้ว
จึงได้แวะเข้าไปกราบนมัสการพระอาจารย์ติ่งและพระอาจารย์ต้อย
(ส่วนประเด็นที่ท่านทั้งสองทักบอกผม เกี่ยวกับจีวรที่เพิ่งไปรับมา
เป็นเรื่องที่ต้องใช้วิจารณญาณอย่างมาก จึงขออนุญาตไม่นำมาเล่าสู่กันฟังในที่นี้)

:001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:

รายละเอียดและกติกาการร่วมกิจกรรม

- กรุณาปฏิบัติตามกติกาอย่างเคร่งครัด (หากทำผิดกติกาถือว่าสละสิทธิ์)

- สงวนสิทธิ์ในการร่วมกิจกรรมครั้งนี้ให้กับสมาชิกกระดานสนทนาวัดบางพระเท่านั้น

- เปิดให้ร่วมตอบคำถามได้ตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไป, ปิดรับคำตอบในวันพุธที่ ๑๐ ธันวาคม ๒๕๕๗ เวลา ๑๘.๐๐ น.

- โพสตอบคำถามได้ในกระทู้นี้กระทู้เดียวเท่านั้น

- สามารถโพสตอบคำถามได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น (๑ ชื่อผู้ใช้งาน/ ๑ โพสคำตอบ) หากโพสตอบซ้ำ จะถือว่าทำผิดกติกา

- สิทธิ์ในการได้รับรางวัลได้แก่ "๕๐ ท่านแรกที่ร่วมตอบคำถาม"

- ๕๐ ท่านแรก (นับจากลำดับการโพสตอบกระทู้) ที่ร่วมตอบคำถาม(และไม่ทำผิดกติกา)!! จะได้รับ "จีวรหลวงพ่อสำอางค์ ที่ระลึกไตรมาส ๕๗  จำนวน ๑ ชิ้น"

- สำหรับผู้ที่ตอบคำถามทั้ง ๕๐ ท่านแรก (และไม่ทำผิดกติกา) กรุณารอการยืนยันสิทธิ์รับรางวัล ซึ่งจะตอบกลับให้ทางระบบข้อความส่วนตัว (pm)

- ๕๐ ท่านแรกที่ตอบคำถาม และได้รับการยืนยันสิทธิ์รับรางวัลแล้ว กรุณาส่งซองเปล่า (ซองจดหมายธรรมดา) ติดแสตมป์ ๓๗ บาท จ่าหน้าซองถึงตัวท่านเอง มายังที่อยู่ที่ได้รับจากการยืนยันสิทธิ์รับรางวัลในระบบข้อความส่วนตัว (pm)

188





ล็อคเกตหลวงพ่อเปิ่น ๒๕๕๗ หลังฝังเหรียญเม็ดกระดุมปี ๔๓

แบบที่ ๑ และ ๒ จัดสร้างประมาณอย่างละ ๒๐๐ องค์

ส่วนแบบที่ ๓ จัดสร้างประมาณ ๕-๑๐ องค์

ร่วมบุญองค์ละ ๓๐๐ บาท

บูชาได้ที่กุฏิใหญ่วัดบางพระที่เดียว (ไม่มีจัดส่งทางไปรษณีย์ครับ)

189
หลวงพ่อสำอางค์ สมถะมาก รถประจำตัว เก่ามากๆ จากภาพ

ในภาพเป็นรถคันเก่าของหลวงพ่อเปิ่นครับ

สรุปผลผู้ได้รับรางวัล "ผ้ายันต์ ๙๙ ปี พระร่วง โรจนฤทธิ์" (๙ ท่านแรกที่โพสชื่อ)

๑. ekkarach
๒. kemm37
๓. slimz
๔. wave125x
๕. sleeper1
๖. mpteez
๗. whatchara3408
๘. blackknight
๙. JAWSUN


:001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:


คำบูชาระร่วงโรจนฤทธิ์ฯ

อิมินา สักกาเรนะ พุทธัง อะภิปูชะยามิ

อิมินา สักกาเรนะ ธัมมัง อะภิปูชะยามิ

อิมินา สักกาเรนะ สังฆัง อะภิปูชะยามิ

อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ ภะคะวา พุทธัง ภะคะวันตัง อภิวาเทมิ

สวากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม ธัมมัง นะมัสสามิ

สุปะฏิปปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ สังฆัง นะมามิ

นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ

นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ

นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ

ยํ วรํ พุทฺธรูปมฺปิ   อิทฺธิโรจนนามิกํ

อเนกาภินิหารญฺจ   สนฺนิอาภาสโมสรํ

วนฺทามิ สิรสา เอตํ   ปุญฺญากรํ นมสฺสโต

ยํ ตํติฏฐานภูตมฺปิ   มหาปฐมเจติยํ

อเนกปาฏิหารญฺจ   รตฺโต จนฺทาภโสภณํ

สนฺทามิ สิรสา เอตํ   ปุญฺญาหรํ สุทสฺสิโน

อิจฺเจวมจฺจนฺตนมสฺสเนยฺยํ

เอตํ สุนฺวา ยมลตฺถมตฺถํ

ตสฺสานุภาเวน สุขี อเวโร

ธมฺเม ปวฑฺฒามิ หตนฺตราโย ฯ


คำบูชาพระร่วงโรจนฤทธิ์ แปล

พระพุทธรูปพระองค์ใด ซึ่งมีอภินิหารไม่น้อย มีพระพุทธลักษณะอันงดงามผุดผ่อง พระบาทสมเด็จพระรามาธิบดีสุนทร มหาวชิราวุธ พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงถวายพระนามว่า "พระร่วงโรจนฤทธิ์ ศรีอินทราทิตย์ธรรมโมภาส มหาวชิราวุธราชปูชนียบพิตร" เพื่อเป็นการถวายพระเกียรติ แด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้เสด็จประทับอยู่ ณ วิหารมณฑล ด้านทิศเหนือ แห่งองค์พระปฐมเจดีย์ ตั้งแต่เมื่อวันที่ ๒ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๔๕๘ นับมาจนบัดนี้เป็นเวลา ๙๙ ปี ได้แผ่พระบารมีปกเกล้าไปยังพุทธศาสนิกชน ทั่วทุกทิศ ปานประหนึ่งว่า พระพุทธองค์ทรงสถิตประทับยืนอยู่ ณ นิโครธาราม ริมฝั่งแม่น้ำโรหินี ใกล้เมืองกบิลพัสดุ์ ทรงโปรดพระยูรญาติทั้งสองฝ่ายให้คลายจาก มานะทิฏฐิ อยู่ร่วมกันด้วยความร่มเย็นเป็นสุข

ข้าพระพุทธเจ้า ขอน้อมเกล้าวันทา พระร่วงโรจนฤทธิ์พระองค์นี้ ซึ่งเป็นที่นำบุญมาให้แก่ข้าพระพุทธเจ้า ผู้นมัสการอยู่ แม้พระปฐมเจดีย์ใหญ่โต ซึ่งเป็นที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ และเป็นที่ประดิษฐานองค์พระร่วงโรจนฤทธิ์ ซึ่งมีปาฏิหาริย์ไม่น้อย งดงามดุจรัศมีแห่งพระจันทร์ในยามราตรี ข้าพระพุทธเจ้า ขอน้อมวันทาพระปฐมเจดีย์นี้ ซึ่งเป็นที่นำบุญมาให้แก่ผู้ทัศนาอยู่เสมอ

ข้าพระพุทธเจ้า ขอนมัสการ พระร่วงโรจนฤทธิ์ พระบรมสารีริกธาตุ และองค์พระปฐมเจดีย์ที่ศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งควรนมัสการโดยส่วนเดียว ด้วยเครื่องสักการะพิเศษตั้งอยู่แล้วนี้ ได้แล้วซึ่งบุญอันใด ด้วยอานุภาพแห่งบุญนั้น ขอให้ข้าพเจ้าจงมีความสุข เป็นผู้ไม่มีเวร ปราศจากอันตราย เจริญงอกงามไพบูลย์ในธรรมเป็นนิตย์เทอญ.

พระธรรมปริยัติเวที ผู้เรียบเรียง


คาถาขอพรพระร่วง

พุทธัง อาราธะนัง กะโรมิ

ธัมมัง อาราธะนัง กะโรมิ

สังฆัง อาราธะนัง กะโรมิ

ติณณัง ระตะนานัง อานุภาเวนะ

อิมัง สัจจะวาจัง อะธิฎฐามิ

สัพพะสิทธิ ภะวันตุเม ฯ

(สิทธิการิยะท่านว่า ผู้ใดบริกรรมทุกวัน ประสิทธิดีนักแล)


:001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:

190

พระครูอนุกูลพิศาลกิจ (สำอางค์ ปภสฺสโร) วัดบางพระ จ.นครปฐม
ทำพิธีลงแป้งเจิมหน้าผากแก่ผู้ที่มาร่วมบุญกับทางแผนกทุนนิธิองค์พระปฐมเจดีย์
บริเวณลานด้านหน้าฝั่งพระร่วงโรจนฤทธิ์ฯ วันพุธที่ ๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๗
(ภาพจากหลวงพี่เบียร์ วัดพระปฐมเจดีย์ฯ)




























:001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:


ทั้งนี้ พระปลัดรัชวุฒิ รชวฺฒโฑ (หลวงพี่เบียร์) วัดพระปฐมเจดีย์ฯ
ท่านได้มอบ "ผ้ายันต์ ๙๙ ปี พระร่วงโรจนฤทธิ์ฯ" มาให้จำนวนหนึ่ง
จึงขอนำมาแจกให้กับเพื่อนสมาชิกกระดานสนทนาวัดบางพระ จำนวน ๙ ผืน

รายละเอียดและกติกาการขอรับ "ผ้ายันต์ ๙๙ ปี พระร่วงโรจนฤทธิ์ฯ"

- กรุณาปฏิบัติตามกติกาอย่างเคร่งครัด (หากทำผิดกติกาถือว่าสละสิทธิ์)

- สงวนสิทธิ์ในการร่วมกิจกรรมครั้งนี้ให้กับสมาชิกกระดานสนทนาวัดบางพระเท่านั้น

- เปิดให้ร่วมลงชื่อรับ "ผ้ายันต์ ๙๙ ปี พระร่วงโรจนฤทธิ์ฯ" ได้ตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไป

- ลงชื่อโพสเพื่อขอรับรางวัลได้ในกระทู้นี้กระทู้เดียวเท่านั้น

- สามารถลงชื่อโพสเพื่อขอรับรางวัลได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น (๑ ชื่อผู้ใช้งาน/ ๑ โพส) หากลงชื่อโพสซ้ำ จะถือว่าทำผิดกติกา

- สิทธิ์ในการได้รับรางวัลได้แก่ "ผู้ที่ลงชื่อโพสในกระทู้นี้ ๙ ท่านแรก"

- ผู้ที่ลงชื่อโพสเพื่อขอรับรางวัล ๙ ท่านแรก (นับจากลำดับการโพสตอบกระทู้ และไม่ทำผิดกติกา)!! จะได้รับ "ผ้ายันต์ ๙๙ ปี พระร่วงโรจนฤทธิ์ฯ" จำนวน ๑ ผืน (๑ ท่าน / ๑ ผืน)

- สำหรับผู้ที่ลงชื่อโพสเพื่อขอรับรางวัล ๙ ท่านแรก (นับจากลำดับการโพสตอบกระทู้ และไม่ทำผิดกติกา) "ทุกท่าน" กรุณารอการยืนยันสิทธิ์รับรางวัล ซึ่งจะตอบกลับให้ทางระบบข้อความส่วนตัว (pm)

- ผู้ที่ลงชื่อโพสเพื่อขอรับรางวัล ๙ ท่านแรก และได้รับการยืนยันสิทธิ์รับรางวัลแล้ว กรุณาส่งซองเปล่า ติดแสตมป์ ๓๗ บาท จ่าหน้าซองถึงตัวท่านเอง มายังที่อยู่ที่ได้รับจากการยืนยันสิทธิ์รับรางวัลในระบบข้อความส่วนตัว (pm)


:001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:

191
มาสรุปผลกิจกรรมช้าไปนิด (ติดภารกิจลงพื้นที่วิจัย @หัวหิน) ขออภัยไว้ด้วยครับ

เฉลยคำตอบ

ภาพปริศนาสำหรับคำถามข้อที่ ๑

ข้อที่ ๑ "ชื่อวัดอย่างเป็นทางการ" (ตามฐานข้อมูล สำนักพุทธฯ) ที่รูปหล่อหลวงพ่อเปิ่น (ในภาพปริศนา) ประดิษฐานอยู่ มีชื่อว่าวัดอะไร? (ย้ำว่าให้ตอบเป็นชื่อที่เป็นทางการเท่านั้น!!!)

คำตอบ: ชื่ออย่างเป็นทางการของวัดที่ประดิษฐานรูปหล่อหลวงพ่อเปิ่นตามภาพปริศนาคือ "วัดราษฎร์บำรุงวราราม" (ชื่อเดิมคือ วัดทุ่งนานางหรอก)




ข้อที่ ๒ วันเกิดของพระร่วงโรจนฤทธิ์ฯ วัดพระปฐมเจดีย์ราชวรมหาวิหาร จ.นครปฐม ตรงกับวันที่เท่าไหร่? เดือนอะไร? ของทุกปี

คำตอบ: วันเกิดของพระร่วงโรจนฤทธิ์ฯ วัดพระปฐมเจดีย์ราชวรมหาวิหาร จ.นครปฐม ตรงกับวันที่ "๒ พฤศจิกายน ของทุกปี"

*พระร่วงโรจนฤทธิ์ได้อัญเชิญมาประดิษฐานไว้ในซุ้มเรือนแก้วพระวิหารด้านทิศเหนือองค์พระปฐมเจดีย์จนเสร็จสมบูรณ์ เมื่อวันอังคารที่ ๒ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๔๕๘ โดยทางวัดพระปฐมเจดีย์ฯ ได้จัดงานฉลองพระร่วงโรจนฤทธิ์ฯ ครบ ๘๐ ปี ในปี พ.ศ.๒๕๓๘ (ซึ่งถือได้ว่าเป็นการจัดงานวันเกิดพระร่วงโรจนฤทธิ์ฯ เป็นปีแรก) จากนั้นมาจึงได้จัดงานวันเกิดพระร่วงโรจนฤทธิ์ฯ เป็นประจำเรื่อยมา โดยกำหนดเอาวันที่ ๒ พฤศจิกายน ของทุกปี เป็นวันคล้ายวันเกิดพระร่วงโรจนฤทธิ์ฯ

ข้อที่ ๓ เหรียญองค์พระปฐมเจดีย์รุ่นแรก (เหรียญที่มีรูปองค์พระปฐมเจดีย์ ที่จัดสร้างขึ้นเป็นครั้งแรก) สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. ใด?

คำตอบ: เหรียญองค์พระปฐมเจดีย์รุ่นแรก (เหรียญที่มีรูปองค์พระปฐมเจดีย์ ที่จัดสร้างขึ้นเป็นครั้งแรก) สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. ๒๔๖๓

*เดิมมีความเข้าใจกันว่าเหรียญรุ่นแรกองค์พระปฐมเจดีย์ คือเหรียญรูปองค์พระปฐมเจดีย์ทรงเสมาที่ด้านหลังระบุปี พ.ศ.๒๔๖๕ แต่เมื่อมีการค้นพบเอกสารประวัติการสร้างเหรียญวิวรูปองค์พระปฐมเจดีย์ (เดิมเข้าใจกันว่าเหรียญวิวสร้างปี พ.ศ.๒๔๖๘) ที่ลงรายละเอียดไว้อย่างชัดเจนว่าสร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ.๒๔๖๓ จึงยอมรับได้ว่า "เหรียญวิวองค์พระปฐมเจดีย์" เป็นเหรียญรูปองค์พระปฐมเจดีย์รุ่นแรกที่มีการจัดสร้างขึ้น (ตามเอกสารประวัติการสร้างระบุไว้ว่ามีสร้างเพียง ๒ เนื้อ คือ เนื้อเงินกับเนื้อทองแดง โดยเหรียญเนื้อเงินสร้างจำนวน ๑๐๐ เหรียญ และเหรียญทองแดงสร้างจำนวน ๕๐๐ เหรียญ)



ที่มาของภาพ: สุธี สูงกิจบูลย์. (๒๕๕๗). ประวัติ-วัตถุมงคล พระธรรมวโรดม (โชติ ธมฺมปฺปโชติกเถระ) (อนุสรณ์ ๖๐ ปี วันมรณภาพ). นครปฐม: เพชรเกษมการพิมพ์. (น.๑๐๖-๑๐๘).

เหรียญวิวองค์พระปฐมเจดีย์ รุ่นแรก เนื้อเงิน "๑ ใน ๑๐๐ เหรียญ" พ.ศ.๒๔๖๓ (ของผมเอง)


สรุปผลกิจกรรม

ไม่มีผู้ตอบคำถามถูกทุกข้อเลยแม้แต่คนเดียว

รางวัลปลอบใจ


ขอมอบกระดาษยันต์มงคล ๘๔ ปี พระร่วงโรจนฤทธิ์ฯ ปี ๒๕๔๑ (หลวงพ่อเปิ่นร่วมอธิษฐานจิตปลุกเสก) ประทับยันต์ลายมือพระคณาจารย์จังหวัดนครปฐม ๔ รูป ประกอบด้วย หลวงพ่อเปิ่น วัดบางพระ, หลวงพ่อพูล วัดไผ่ล้อม, หลวงปู่แย้ม วัดสามง่าม และหลวงพ่อรอด วัดวังน้ำเขียว ให้ผู้ที่ร่วมตอบคำถามในกิจกรรมครั้งนี้ "ทุกท่าน" ท่านละ ๑ ใบ มีรายชื่อดังต่อไปนี้

wave125x
at
rakorakod
leonidaz-
chaveng
Ome
bombom bombam
l3al3y
weerapong01
kemm37
weerawut67
somchatsudjit
thepaysz
mpteez
ekkarach
promchai


ขอบคุณทุกท่านที่ร่วมกิจกรรม แล้วพบกันในกิจกรรมครั้งต่อๆ ไปครับ

:001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:

192
[shake]..ปิดกิจกรรมแล้วครับ..[/shake]

เกริ่นนำ

"งานเทศกาลนมัสการองค์พระปฐมเจดีย์" ถือได้ว่าเป็นงานประจำปีที่สำคัญมากที่สุดงานหนึ่งของจังหวัดนครปฐม ทุกๆ ปี ที่จัดงานก็จะมีวัตถุมงคลของที่ระลึกแจกให้กับผู้ที่มาร่วมบุญในงานเสมอมา แต่ละปีทางวัดก็จะอาราธนานิมนต์พระคณาจารย์ที่มีชื่อเสียงจากทั่วประเทศไทยมาร่วมนั่งปรกอธิษฐานจิตอย่างมากมาย ซึ่งในช่วงที่หลวงพ่อเปิ่นยังดำรงขันธ์อยู่ท่านก็ได้รับอาราธนามาร่วมในพิธีพุทธาภิเษกอธิษฐานจิตวัตถุมงคลของทางวัดพระปฐมเจดีย์อยู่บ่อยครั้ง

ภาพหลวงพ่อเปิ่นกับพระร่วงโรจนฤทธิ์ฯ พระคู่บ้านคู่เมืองของชาวจังหวัดนครปฐม บันทึกไว้เมื่อปี พ.ศ.๒๕๔๐
(ส่วนวันที่และเดือนที่แน่นอนไว้จะสืบค้นมาลงให้อีกครั้ง)
ขอบคุณพี่นุ้ยเจ้าหน้าที่วัดพระปฐมเจดีย์ ที่แบ่งปันภาพมา ณ โอกาสนี้ด้วยครับ

ปีนี้ (พ.ศ.๒๕๕๗) มีความพิเศษตรงที่ "เป็นปีที่พระร่วงโรจนฤทธิ์ฯ พระคู่บ้านคู่เมืองของชาวจังหวัดนครปฐม มีอายุครบ ๙๙ ปี" ทางวัดพระปฐมเจดีย์ฯ จึงได้เตรียมจัดงานฉลององค์หลวงพ่อพระร่วงโรจนฤทธิ์อย่างยิ่งใหญ่ ซึ่งในพิธีพุทธาภิเษกวัตถุมงคลของทางวัดพระปฐมเจดีย์ฯ ปีนี้ "พระครูประยุตนวการ (แย้ม ฐานยุตฺโต)" วัดสามง่าม จ.นครปฐม ได้เมตตาเดินทางมาร่วมพิธีอธิษฐานจิตปลุกเสกวัตถุมงคลด้วย ซึ่งถือได้ว่าเป็นโอกาสพิเศษอย่างยิ่ง เพราะในปัจจุบันนี้หลวงปู่แย้มท่านไม่รับกิจนิมนต์นอกวัดมานานแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นหากลองสังเกตเทียบประวัติของหลวงปู่แย้มดูก็จะพบว่า "ปีนี้หลวงปู่แย้มท่านมีอายุครบ ๙๙ ปี เท่ากับอายุของหลวงพ่อพระร่วงโรจนฤทธิ์ฯ ด้วยอีกประการหนึ่ง" (หลวงปู่แย้มท่านเกิดเมื่อวันพุธที่ ๕ มกราคม พ.ศ.๒๔๕๘) ผมเองได้มีโอกาสไปร่วมในพิธีพุทธาภิเษกวัตถุมงคลของทางวัดพระปฐมเจดีย์ฯ มาเมื่อวันจันทร์ที่ ๒๗ ตุลาคม ๒๕๕๗ จึงเก็บภาพบรรยากาศบางส่วนมาให้เพื่อนสมาชิกกระดานสนทนาวัดบางพระได้รับชมกัน









พระครูประยุตนวการ (แย้ม ฐานยุตฺโต) วัดสามง่าม จ.นครปฐม อายุ ๙๙ ปี
เมตตาเดินทางมาร่วมอธิษฐานจิตปลุกเสกวัตถุมงคลที่ระลึกครบรอบ ๙๙ ปี พระร่วงโรจนฤทธิ์ฯ

มงคลวัตถุที่ระลึกที่ได้รับมาในวันงานพุทธาภิเษกของวัดพระปฐมเจดีย์ ๒๗ ตุลาคม ๒๕๕๗
"เหล็กจาร ที่หลวงพ่อเปิ่น (และพระคณาจารย์อีกหลายรูป) เคยใช้จารแผ่นยันต์ที่วัดพระปฐมเจดีย์ฯ"

คำถาม

ภาพปริศนาสำหรับคำถามข้อที่ ๑

ข้อที่ ๑ "ชื่อวัดอย่างเป็นทางการ" (ตามฐานข้อมูล สำนักพุทธฯ) ที่รูปหล่อหลวงพ่อเปิ่น (ในภาพปริศนา) ประดิษฐานอยู่ มีชื่อว่าวัดอะไร? (ย้ำว่าให้ตอบเป็นชื่อที่เป็นทางการเท่านั้น!!!)

ข้อที่ ๒ วันเกิดของพระร่วงโรจนฤทธิ์ฯ วัดพระปฐมเจดีย์ราชวรมหาวิหาร จ.นครปฐม ตรงกับวันที่เท่าไหร่? เดือนอะไร? ของทุกปี

ข้อที่ ๓ เหรียญองค์พระปฐมเจดีย์รุ่นแรก (เหรียญที่มีรูปองค์พระปฐมเจดีย์ ที่จัดสร้างขึ้นเป็นครั้งแรก) สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. ใด?


ของรางวัล

๑. ตะกรุดผู้การเสือ รุ่น ๑ จำนวน ๓ ดอก (สุดท้าย)


ประวัติความเป็นมา คลิกอ่านได้ที่.. http://www.bp.or.th/webboard/index.php?topic=30928.msg227079#msg227079

๒. กระดาษยันต์มงคล ๘๔ ปี พระร่วงโรจนฤทธิ์ฯ ปี ๒๕๔๑ (หลวงพ่อเปิ่นร่วมอธิษฐานจิตปลุกเสก)
 ประทับยันต์ลายมือพระคณาจารย์จังหวัดนครปฐม ๔ รูป ประกอบด้วย หลวงพ่อเปิ่น วัดบางพระ, หลวงพ่อพูล วัดไผ่ล้อม, หลวงปู่แย้ม วัดสามง่าม และหลวงพ่อรอด วัดวังน้ำเขียว



รายละเอียดประวัติความเป็นมา คลิกอ่านได้ที่... http://www.bp.or.th/webboard/index.php?topic=30990

รายละเอียดและกติกาการร่วมกิจกรรม

- กรุณาปฏิบัติตามกติกาอย่างเคร่งครัด (หากทำผิดกติกาถือว่าสละสิทธิ์)

- สงวนสิทธิ์ในการร่วมกิจกรรมครั้งนี้ให้กับสมาชิกกระดานสนทนาวัดบางพระเท่านั้น

- เปิดให้ร่วมตอบคำถามได้ตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไป, ปิดรับคำตอบในวันอาทิตย์ที่ ๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ เวลา ๑๘.๐๐ น.

- โพสตอบคำถามได้ในกระทู้นี้กระทู้เดียวเท่านั้น

- สามารถโพสตอบคำถามได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น (๑ ชื่อผู้ใช้งาน/ ๑ โพสคำตอบ) หากโพสตอบซ้ำ จะถือว่าทำผิดกติกา

- สิทธิ์ในการได้รับรางวัลได้แก่ "ทุกท่านที่ตอบคำถามได้ถูกต้องครบทั้ง ๓ ข้อ"

- ๓ ท่านแรก (นับจากลำดับการโพสตอบกระทู้) ที่โพสตอบคำถามทั้ง ๓ ข้อ ได้ถูกต้องทั้งหมด (และไม่ทำผิดกติกา)!! จะได้รับ "ตะกรุดผู้การเสือ รุ่น ๑" จำนวน ๑ ดอก + กระดาษยันต์มงคล ๘๔ ปี พระร่วงโรจนฤทธิ์ฯ จำนวน ๑ แผ่น (ตะกรุดผู้การเสือ ๑ ดอก + กระดาษยันต์มงคล ๘๔ ปี พระร่วงโรจนฤทธิ์ฯ จำนวน ๑ แผ่น "รวม ๒ ชิ้น" / ๑ ท่าน)

-สำหรับผู้ที่ตอบคำถามได้ถูกต้องครบทั้ง ๓ ข้อ (และไม่ทำผิดกติกา) ตั้งแต่ลำดับที่ ๔ เป็นต้นไป จะได้รับ "กระดาษยันต์มงคล ๘๔ ปี พระร่วงโรจนฤทธิ์ฯ จำนวน ๑ แผ่น (กระดาษยันต์มงคล ๘๔ ปี พระร่วงโรจนฤทธิ์ฯ จำนวน ๑ แผ่น "รวม ๑ ชิ้น" / ๑ ท่าน)

- สำหรับผู้ที่ตอบคำถามทั้ง ๓ ข้อได้ถูกต้องทั้งหมด (และไม่ทำผิดกติกา) "ทุกท่าน" กรุณารอการยืนยันสิทธิ์รับรางวัล ซึ่งจะตอบกลับให้ทางระบบข้อความส่วนตัว (pm)

- ทุกท่านที่ตอบคำถามทั้ง ๓ ข้อได้ถูกต้องทั้งหมด และได้รับการยืนยันสิทธิ์รับรางวัลแล้ว กรุณาส่งซองเปล่า (ซองเอกสาร) ติดแสตมป์ ๓๗ บาท จ่าหน้าซองถึงตัวท่านเอง มายังที่อยู่ที่ได้รับจากการยืนยันสิทธิ์รับรางวัลในระบบข้อความส่วนตัว (pm)


:001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:

ปีนี้ พระครูอนุกูลพิศาลกิจ (สำอางค์ ปภสฺสโร) วัดบางพระ จ.นครปฐม
ได้รับอาราธนานิมนต์ไปทำพิธีลงแป้งเจิมหน้าผาก
แก่ผู้ที่มาร่วมบุญกับทางแผนกทุนนิธิองค์พระปฐมเจดีย์
บริเวณลานด้านหน้าฝั่งพระร่วงโรจนฤทธิ์ฯ
ในวันพุธที่ ๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ ตั้งแต่เวลา ๑๙.๐๐ น. เป็นต้นไป
(ภาพจากหลวงพี่เบียร์ วัดพระปฐมเจดีย์ฯ)

:001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:

193
วันศุกร์ที่ ๑๙ กันยายน ๒๕๕๗

ระหว่างทำภารกิจลงพื้นที่เก็บข้อมูลงานวิจัยในจังหวัดกาญจนบุรีแล้ว จึงได้หาโอกาสแวะไปเยี่ยมเยือน "วัดทุ่งนานางหรอก" อันเป็นวัดเก่าที่หลวงพ่อเปิ่นเคยจำพรรษาอยู่ก่อนที่จะย้ายมาที่วัดโคกเขมา และวัดบางพระตามลำดับ เลยนำภาพบรรยากาศมาฝากเพื่อนสมาชิกกระดานสนทนาวัดบางพระได้รับชมกันครับ



ตัวช่วยสำหรับการเดินทางครั้งนี้ (แต่หากค้นหาคำว่า "วัดทุ่งนานางหรอก" ก็จะไม่เจอในแผนที่??)



บรรยากาศการเดินทาง


หลังจากหลงวนเวียนไปมาได้ซักพัก ก็มาเจอป้ายทางเข้า "วัดทุ่งนานางหรอก" จนได้




เข้ามาถึงบริเวณหน้าวัดก็จะเจอ "อนุสาวรีย์นางหรอก" ตั้งอยู่





โรงเรียนบ้านทุ่งนานางหรอก (อยู่ติดกับวัด)




เมื่อเข้าวัดมา สิ่งแรกที่ได้พบคือ "ศาลนางหรอก" ตั้งอยู่ด้านซ้ายติดกับประตูทางเข้าวัด








ด้านบนศาลามีพื้นที่ปฏิบัติธรรมอยู่ตรงกลาง ด้านหลังเป็นกุฏิที่พักสงฆ์



ศาลาภายในประดิษฐานรูปหล่อหลวงพ่อเปิ่นนั่งหัวเสือ (สะดุ้งกลับ) ตั้งอยู่ด้านหน้ากุฏิเจ้าอาวาส




รูปหล่อหลวงพ่อเปิ่นนั่งหัวเสือ (สะดุ้งกลับ)




อุโบสถวัดทุ่งนานางหรอก




ศาลาการเปรียญ (ศาลา ๗๐ ปี หลวงพ่อลำใย)




กุฏิเจ้าอาวาส




คล้ายจะเป็นศาลาปฏิบัติธรรมอีกหลัง ตั้งอยู่ด้านหลังวัด








บรรยากาศทั่วไป (เห็นแล้วอดนึกถึงวัดทุ่งเว้า จ.มุกดาหาร ไม่ได้)



รูปเหมือนพระครูถาวรกาญจนนิมิต วัดอินทาราม (หนองขาว) จ.กาญจนบุรี


หลังวัดจะมีทางลงไปยังธารน้ำ








เข้าวัดมาได้สักพักใหญ่ก็ไม่พบใครเลย จึงเดินออกมาหน้าวัด และได้มาพบกับคุณป้าที่เปิดร้านขายน้ำอยู่ จึงได้สอบถามประวัติวัดคร่าวๆ ได้ความว่า... ชื่อ "ทุ่งนานางหรอก" มีความเป็นมาจาก "คุณยายหรอก" ซึ่งเชื่อกันว่าได้อพยพหนีมาจากสงครามเก้าทัพ (หนึ่งในนั้นมีสมรภูมิทุ่งลาดหญ้าอยู่ด้วย) คุณยายหรอกได้ต่อสู้กับข้าศึกและอพยพหนีจากสงครามมาตั้งรกราก (เป็นคนแรก) บริเวณกลางทุ่งนาแห่งหนึ่ง ซึ่งก็คือ "ทุ่งนานางหรอก" ในปัจจุบัน ภายในวัดก็ได้สร้าง "ศาลรูปปั้นยายหรอก" ไว้ให้บูชาเพื่อเป็นอนุสรณ์รำลึกถึงคุณยายหรอกที่ได้มาตั้งรกรากสร้างบ้านแปลงเมืองที่บริเวณนี้เป็นคนแรก คนในพื้นที่นี้ต่างก็ยกย่องบูชาคุณยายหรอกไว้เป็นเสมือนกับบรรพบุรุษต้นตระกูล เมื่อสอบถามถึงประวัติหลวงพ่อเปิ่นเมื่อครั้งที่หลวงพ่อเปิ่นได้มาจำพรรษาอยู่ที่วัดทุ่งนานางหรอกนี้ ก็ได้รับคำแนะนำให้ไปสอบถามกับคุณป้าอีกคนหนึ่งที่เปิดร้านค้าขายของชำอยู่ก่อนถึงวัด


สอบถามชาวบ้านตามทางมาเรื่อยๆ จึงได้มาถึงร้านขายของชำดังกล่าว และได้มีโอกาสมาพบกับ "คุณป้าสุภาพ" ผู้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับประวัติหลวงพ่อเปิ่นเมื่อครั้งที่ท่านจำพรรษาอยู่ที่วัดทุ่งนานางหรอก




คุณป้าสุภาพ (เสื้อขาว) ผู้ให้ข้อมูล


สอบถามประวัติความเป็นมาของ "ยายหรอก" คุณป้าสุภาพให้ข้อมูลตรงกันว่า จากที่เล่าสืบต่อกันมา ยายหรอกแกได้ต่อสู้กับข้าศึกในสงครามเก้าทัพที่ทุ่งลาดหญ้า และได้อพยพหนีมาตั้งรกรากกลางทุ่งนาแห่งนี้ พื้นที่ตรงนี้จึงได้ชื่อว่า "ทุ่งนานางหรอก" แต่เดิมมีรูปปั้นยายหรอกอยู่ในวัดที่เดียว พอมีคนมาบนบานสานกล่าวแล้วประสบผลสำเร็จตามที่ขอมากๆ เข้า จึงได้มีการสร้างอนุสาวรีย์รูปปั้นยายหรอก (รูปปั้นยืน) ไว้ที่หน้าวัดอีกที่หนึ่ง


ส่วนประวัติของหลวงพ่อเปิ่นเมื่อครั้งที่มาจำพรรษาอยู่ที่วัดทุ่งนานางหรอกนี้ คุณป้าสุภาพเล่าให้ฟังว่า หลวงพ่อเปิ่นท่านได้มาจำพรรษาอยู่ที่วัดทุ่งนานางหรอกตอนที่คุณป้าเรียนอยู่ประมาณชั้น ป.๒ ซึ่งก็จำปี พ.ศ. ที่แน่นอนไม่ได้เช่นกัน จำได้แต่ว่าคุณป้าเกิดปี ๙๐ ตอนหลวงพ่อเปิ่นมาอยู่ที่นี่ตอนนั้นอายุก็น่าจะราวๆ ๑๐ กว่าขวบ ลักษณะของท่านตอนนั้นเป็นภิกษุรูปร่างเล็กผิวค่อนข้างคล้ำ โดยหน้าที่ที่คุณป้าต้องรับใช้หลวงพ่อเปิ่นอยู่เป็นประจำก็คือ "ไปซื้อยาเส้นให้หลวงพ่อ" หลวงพ่อท่านเรียกใช้ก็ไปซื้อให้ท่านเป็นประจำ ครอบครัวที่บ้านก็จะสนิทชิดเชื้อกับหลวงพ่อเปิ่นท่านเป็นอย่างดี และตอนที่หลวงพ่อเปิ่นท่านอยู่ที่วัดนี้ท่านก็ไม่ได้มีการสักยันต์ และไม่มีการสร้างวัตถุมงคลแต่อย่างใด ส่วนกุฏิที่หลวงพ่อเปิ่นเคยจำพรรษาอยู่ที่วัดทุ่งนานางหรอกนั้นในปัจจุบันไม่มีให้เห็นแล้ว (ถูกรื้อไปนานแล้ว)


พอหลวงพ่อเปิ่นย้ายออกไปจากวัดทุ่งนานางหรอกแล้ว ก็ไม่ได้ทราบข่าวคราวของท่านอีกเลย จนกระทั่งคุณป้าแต่งงานมีลูกมีครอบครัวแล้วจึงได้ยินข่าวคราวของหลวงพ่อเปิ่นอีกครั้ง โดยคุณพ่อของคุณป้าได้ยินชื่อเสียงของพระสักยันต์รูปหนึ่งในจังหวัดนครปฐมจึงเดินทางไปหาที่วัดโคกเขมา พอเห็นหน้าตาก็จำได้ว่าท่านคือหลวงพ่อเปิ่นที่เคยมาจำพรรษาอยู่ที่วัดทุ่งนานางหรอก ต่างฝ่ายก็ต่างถามสารทุกข์สุกดิบของกันและกัน พอคุณพ่อของคุณป้ากลับมาบ้านก็มาเล่าให้คุณป้าฟังว่าไปเจอกับหลวงพ่อเปิ่นมา ตอนนี้อยู่ที่วัดโคกเขมา หลวงพ่อเปิ่นท่านยังฝากถามถึงคุณป้าสุภาพกลับมาด้วยว่า ไอ้หนูมันเป็นยังไงบ้าง แต่งงานมีลูกเต้ามีครอบครัวหรือยัง ฯลฯ หลังจากนั้นมานานพอสมควร คุณป้าสุภาพจึงได้มีโอกาสเดินทางมากราบนมัสการหลวงพ่อเปิ่นตอนที่ท่านย้ายมาที่วัดบางพระแล้ว (ส่วนรูปหล่อหลวงพ่อเปิ่นนั่งหัวเสือ (สะดุ้งกลับ) ที่ตั้งอยู่ในวัด คุณป้าสุภาพให้ข้อมูลว่า หลวงพี่ต้อย วัดบางพระ ท่านมอบให้กับทางวัดทุ่งนานางหรอกไว้หลังจากที่หลวงพ่อเปิ่นมรณภาพแล้ว)




รูปหล่อหลวงพ่อเปิ่นนั่งหัวเสือ (สะดุ้งกลับ)




ผ้ายันต์หลวงพ่อเปิ่นภายในร้านค้าของคุณป้าสุภาพ

:001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:

ส่งท้ายด้วยบรรยากาศลำธารหลังวัดทุ่งนานางหรอก (วัดเก่าหลวงพ่อเปิ่น)
บันทึกภาพ-เก็บข้อมูลมาให้เพื่อนสมาชิกกระดานสนทนาวัดบางพระได้รับชม
ความตั้งใจสำเร็จเสร็จสิ้นไปอีก ๑ งาน

:001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:

ปุญฺญานุสฺสติ(สิบทัศน์)
วันพฤหัสบดีที่ ๒๓ ตุลาคม ๒๕๕๗
เวลา ๒๐.๔๒ น.

194
ภาพพิธีหล่อพระมหาพิชัยสงคราม และอธิษฐานจิตปลุกเสกมงคลวัตถุ "พ่อปู่ทองสุข" (อีกวาระ)

วันเสาร์ที่ ๑๑ ตุลาคม ๒๕๕๗ เวลา ๙.๓๐ น. - ๑๑.๐๐ น. ณ วัดกลางบางพระ













รูปเหมือนพระครูสุนทรวุฒิคุณ (หลวงพ่อพุฒ สุนฺทโร) อดีตเจ้าอาวาสวัดกลางบางพระ





รูปหล่อบูชาพ่อปู่ทองสุข


หลวงพ่อสมหวัง


อุโบสถ






เริ่มบวงสรวง












พระครูสิริปุญญาภิวัฒน์ (หลวงพ่อบุญสม ผลญาโณ) เจ้าคณะอำเภอนครชัยศรี เจ้าอาวาสวัดสำโรง เมตตานั่งปรกอธิษฐานจิต




พระครูโกวิทสุตการ (หลวงพ่อพระมหากำไร อภิชาโน) เจ้าคณะตำบลศรีมหาโพธิ์ เจ้าอาวาสวัดโคกเขมา (วัดเก่าหลวงพ่อเปิ่น) เมตตานั่งปรกอธิษฐานจิต










พระครูอนุกูลพิศาลกิจ (หลวงพ่อสำอางค์ ปภสฺสโร) เจ้าอาวาสวัดบางพระ เมตตานั่งปรกอธิษฐานจิต





พระครูยติธรรมานุยุต (หลวงพ่อแป๊ะ ธมฺมทินฺโน) เจ้าอาวาสวัดสว่างอารมณ์ เมตตานั่งปรกอธิษฐานจิต






พระครูศรีสุตากร (อภิชาติ อภิญาโณ) เจ้าคณะตำบลวัดละมุด เจ้าอาวาสวัดกลางบางพระ


พระครูสังฆรักษ์ชออม ขนฺติโก ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดบางพระ


พระครูปลัดเอกราช ชยวุฑฺโฒ วัดห้วยพลู


พระครูสังฆรักษ์เสวก โชติธมฺโม เจ้าอาวาสวัดละมุด


พระอาจารย์สมัคร วัดบางพระ


พระปลัดประพจน์ สุปภาโต วัดสำโรง



ฤกษ์เททอง


หลวงพ่อสำอางค์ชี้ให้ดูทางเข้า "ศาลพ่อปู่ทองสุข" ก่อนกลับวัดบางพระ

195

รายละเอียดเพิ่มเติมจากพระอาจารย์ (เพื่อป้องกันความสับสน)

"เชือกข้อมือเบี้ยแก้อุดผงเก่าหลวงพ่อเปิ่น" รุ่นนี้จัดสร้างเพียง ๑๐๐ เส้น (ซึ่งส่วนหนึ่งเปิดให้ร่วมบุญบูชาไปบ้างแล้ว)

ซึ่งมีการเข้าใจผิดกันว่าเชือกข้อมือเบี้ยแก้รุ่นนี้มีผู้ร่วมบุญบูชาหมดไปแล้วนั้น

ต้องขอชี้แจงทำความเข้าใจว่า "ขณะนี้เบี้ยแก้รุ่นนี้ยังไม่หมด" แต่ยังไม่นำออกมาให้บูชา!!!

เพราะต้องรอการนำไปเลี่ยมและถักเป็นเชือกผูกข้อมือ

ซึ่งเป็นงานฝีมือที่ต้องใช้ความละเอียดและเวลาค่อนข้างมาก (กำหนดเวลาแน่นอนไม่ได้)

โดยเมื่อทางช่างได้เลี่ยมและถักเป็นเชือกสำหรับผูกข้อมือเสร็จจำนวนหนึ่ง

จึงจะทยอยนำออกมาให้ร่วมบุญบูชาที่ "กุฏิหลวงพี่ปาด" อีกทีครับ.

196

หลายสัปดาห์ก่อนเกิดนึกเอะใจอย่างไรขึ้นมาก็ไม่ทราบ จึงได้ไปค้น "เหรียญหลวงพ่อเปิ่น ด้านหลังหลวงปู่ทองสุข" ที่มีเก็บไว้ออกมาดู (เป็นเหรียญที่อากงของผมเก็บไว้ ซึ่งอากงเสียไปเมื่อปี ๒๕๓๙)

เมื่อพิจารณาไปได้สักพักก็เกิดความสงสัยขึ้นมาว่า หลวงปู่ทองสุขท่านเป็นใคร? มีความสำคัญอย่างไร? และหลวงพ่อเปิ่นกับหลวงปู่ทองสุขมีความเกี่ยวข้องกันอย่างไรถึงได้สร้างเหรียญนี้ออกมา?

ความสงสัยทั้งหมดนี้จึงนำมาสู่การแสวงหาข้อมูลประวัติหลวงปู่ทองสุขและการสร้างเหรียญรุ่นนี้ในที่สุด

หลายวันต่อมาระหว่างที่ช่วยงานหลวงพ่อสำอางค์บนกุฏิใหญ่ ช่วงจังหวะที่หลวงพ่อท่านว่างจากการรับแขกจึงได้ถือโอกาสสอบถามประวัติความเป็นมาของหลวงปู่ทองสุขกับท่าน

หลวงพ่อสำอางค์ท่านเมตตาเล่าให้ฟังว่า ความจริงหลวงปู่ทองสุขไม่ใช่พระ คือเป็นเพียงรูปปั้นรูปสักการะลักษณะคล้ายคนทั่วไป ตั้งอยู่ภายในศาล นิยมเรียกกว่า "ศาลพ่อปู่ทองสุข" ศาลนี้ก็อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากวัดบางพระมากนัก โดยตั้งอยู่ระหว่างวัดบางพระกับวัดกลางบางพระ ถ้าจะมาวัดบางพระก็ลองสังเกตทางซ้ายมือก่อนถึงวัดจะเห็นป้ายศาลพ่อปู่ทองสุขอยู่ทางซ้ายมือข้างทาง ประวัติความเป็นมาของพ่อปู่ทองสุขหลวงพ่อก็ไม่ทราบเช่นกัน โดยตั้งแต่เกิดมาหลวงพ่อก็เห็นมีศาลนี้อยู่แล้ว รู้แต่เพียงว่าชาวบ้านในตำบลบางพระและละแวกใกล้เคียงที่สัญจรผ่านไปมานิยมมาไหว้มาขอพรที่ศาลพ่อปู่ทองสุขแห่งนี้กันเป็นประจำ

ส่วนเรื่อง "เหรียญหลวงพ่อเปิ่น-หลวงปู่ทองสุข" นี้ คาดว่าน่าจะสร้างในสมัยของ "กำนันเทียน" ราวๆ ปี ๒๕๓๐ กว่าๆ สอดคล้องกับข้อมูลที่ได้จากการสอบถามกับผู้ใหญ่ในวัดบางพระที่ต่างยืนยันตรงกันว่า เหรียญรุ่นนี้น่าจะสร้างโดย "กำนันเทียน" (ปัจจุบันเสียชีวิตแล้ว) ซึ่งทันหลวงพ่อเปิ่นอธิษฐานจิตปลุกเสกอย่างแน่นอน

หลังจากที่ได้ข้อมูลคร่าวๆ มาแล้ว ผมจึงเดินทางมายัง "ศาลพ่อปู่ทองสุข" ตามคำบอกเส้นทางจากหลวงพ่อท่าน เพื่อหาข้อมูลเพิ่มเติม



แผนที่จาก google แสดงเส้นทางระหว่างวัดบางพระ-ศาลพ่อปู่ทองสุข


หากเลี้ยวซ้ายออกจากวัดบางพระแล้วตรงมาเรื่อยๆ จะเห็นทางเข้าศาลพ่อปู่ทองสุขด้านขวามือ


มองจากด้านขวาของทางเข้า "ศาลพ่อปู่ทองสุข" จะเห็นซุ้มประตูทางเข้าวัดกลางบางพระ


หากวิ่งตามถนนด้านซ้ายของทางเข้า "ศาลพ่อปู่ทองสุข" จะตรงไปวัดบางพระ


ป้าย "ศาลพ่อปู่ทองสุข" ริมถนน

เมื่อมาถึง "ศาลพ่อปู่ทองสุข" แล้ว จึงได้ลงไปสำรวจพื้นที่โดยรอบ โดยจะสังเกตเห็นตัวอาคารที่ตั้งศาล ๑ หลัง และด้านข้างมีศาลาเล็กๆ ด้านในมีโต๊ะม้าหินวางไว้สำหรับเป็นที่นั่ง อีก ๑ หลัง ตรงบันไดทางขึ้นศาลทั้ง ๒ ฝั่ง จะสังเกตเห็นรูปปั้นกระบือสีดำฝั่งละตัว ภายในอาคารที่ตั้งศาล จะมีประดิษฐานพระพุทธรูป ๒ องค์ (ตรงกลางด้านซ้าย ๑ องค์ และด้านหลังทางซ้ายอีก ๑ องค์) และรูปปั้น (เข้าใจว่าเป็นรูปจำลองพ่อปู่ทองสุข) ไว้ให้บูชาจำนวน ๒ องค์ รูปร่างลักษณะทั้ง ๒ องค์จะมีรายละเอียดแตกต่างกัน แต่สิ่งที่เหมือนกันคือในมือขวาของรูปปั้นทั้ง ๒ องค์ จะถือพระขรรค์ รอบๆ จะเต็มไปด้วยดอกไม้พวงมาลัยเครื่องสักการะบูชาต่างๆ อาทิเช่น หุ่นละครรำ รูปปั้นสัตว์ชนิดต่างๆ ฯลฯ ด้านขวามือบนศาลจะมีป้ายเขียนว่า "พ่อปู่ทองสุข (ศาลตาขุน)" เมื่อลงมาด้านล่างบริเวณด้านหลังศาลจะสังเกตเห็นสวนหย่อมเล็กๆ ไว้ปลูกต้นไม้




บริเวณหน้าศาลพ่อปู่ทองสุข






รูปปั้นที่เข้าใจว่าเป็นรูปจำลองของพ่อปู่ทองสุขทั้ง ๒ องค์ ในมือขวาถือพระขรรค์


ป้ายชื่อศาลติดไว้ทางขวามือ




มุมมองทางด้านหลังรูปปั้น


มองจากด้านหลังศาลพ่อปู่ทองสุข


สวนหย่อมด้านหลังศาล



จั่วบนศาลาเล็กด้านข้างศาลทั้ง ๒ ฝั่ง เป็นลายไม้แกะสลัก

เมื่อสำรวจพื้นที่โดยรอบแล้ว จึงได้ไปสอบถามกับชาวบ้านในละแวกนั้นถึงประวัติความเป็นมาของ "ศาลพ่อปู่ทองสุข" ต่อ ซึ่งทุกคนต่างให้ข้อมูลตรงกันว่าไม่มีใครรู้ประวัติที่แท้จริงของพ่อปู่ทองสุขว่าท่านเป็นใคร ตั้งแต่เกิดมาก็เห็นมีศาลนี้อยู่ก่อนแล้ว ที่เห็นอยู่เป็นประจำก็คือจะมีคนนิยมมากราบไหว้ขอพร บ้างก็มาบนบานสานกล่าว เมื่อสำเร็จตามความประสงค์ก็จะนำของมาแก้บนเป็นปกติ โดยเฉพาะในช่วงวันขึ้นปีใหม่ทางศาลจะจัดพิธี "ส่งกะบาล" ผู้คนทั่วทุกสารทิศก็จะมาทำกระทงใบตองใส่อาหารคาวหวานกับรูปปั้นคนและสัตว์แทนคนและสัตว์ในบ้านมาเข้าพิธีกันอย่างล้นหลามจนเต็มลานหน้าศาล ส่วน "เหรียญหลวงพ่อเปิ่น-หลวงปู่ทองสุข" นั้น ไม่มีใครรู้ประวัติการสร้างที่แน่นอนเช่นกัน แต่สันนิษฐานว่าจะสร้างในสมัยที่ "กำนันเทียน" เป็นผู้ดูแล "ศาลพ่อปู่ทองสุข" อยู่ ซึ่งกำนันเทียนเคยสร้างเหรียญพ่อปู่ทองสุขเพื่อหารายได้มาบูรณะศาลด้วยเช่นกัน โดยเหรียญพ่อปู่ทองสุขรุ่นแรกที่แกสร้างจะมีเขียนว่า "ท 1" กำกับไว้อยู่

พร้อมกันนี้ชาวบ้านได้แนะนำให้ผมเข้าไปหาข้อมูลเพิ่มเติมที่วัดกลางบางพระ ซึ่งมีทางลัดจากศาลพ่อปู่ทองสุขไปถึงวัดกลางบางพระได้ (ในใจผมเองก็กะว่าจะไปหาข้อมูลเพิ่มเติมที่วัดกลางบางพระอยู่แล้วเช่นกัน เพราะสังเกตเห็นป้ายประชาสัมพันธ์มงคลวัตถุรูปจำลองของพ่อปู่ทองสุขของวัดกลางบางพระติดอยู่ที่หน้าศาลพ่อปู่ทองสุข)



ป้ายประชาสัมพันธ์มงคลวัตถุรูปจำลองพ่อปู่ทองสุข ของทางวัดกลางบางพระ ติดไว้หน้าศาล

เมื่อเข้ามาถึงวัดกลางบางพระ ก็พอดีจังหวะได้มาเจอกับ "พี่ทิดมาร์ค" ที่แวะมาทำบุญที่วัดกลางบางพระพอดี จึงได้สอบถามถึงประวัติของ "เหรียญหลวงพ่อเปิ่น-หลวงปู่ทองสุข" ได้ความว่า น่าจะสร้างโดย "กำนันเทียน" ราวๆ ปี ๒๕๓๐ กว่าๆ ซึ่งทันหลวงพ่อเปิ่นอธิษฐานจิตปลุกเสกแน่นอน หลังจากพูดคุยกันได้สักพัก ผมจึงได้เข้าไปกราบเรียนถามประวัติของพ่อปู่ทองสุขกับท่านพระครูศรีสุตากร (อภิชาติ อภิญาโณ) เจ้าอาวาสวัดกลางบางพระ โดยหลวงพ่อท่านเมตตาเล่าประวัติให้ฟังคร่าวๆ และได้นำเอกสารประชาสัมพันธ์มงคลวัตถุรูปจำลองพ่อปู่ทองสุขที่ทางวัดกลางบางพระกำลังจัดสร้างเพื่อหารายได้มาบูรณะปฏิสังขรณ์ถาวรวัตถุในวัดกลางบางพระ และซ่อมแซมบูรณะปฏิสังขรณ์ศาลพ่อปู่ทองสุข มาให้ไว้ชุดนึง โดยท่านบอกว่าในนี้มีประวัติความเป็นมาของพ่อปู่ทองสุขที่รวบรวมไว้แล้วพอสมควรลองไปอ่านดู


พระครูศรีสุตากร (อภิชาติ อภิญาโณ) เจ้าอาวาสวัดกลางบางพระ รูปปัจจุบัน



จากเอกสารประชาสัมพันธ์มงคลวัตถุรูปจำลองพ่อปู่ทองสุขของวัดกลางบางพระ มีการกล่าวถึงประวัติความเป็นมาและรายละเอียดต่างๆ ของ "พ่อปู่ทองสุข" ไว้ดังนี้

ประวัติความเป็นมาพ่อปู่ทองสุข

จากตำนาน และหลักฐานที่ปรากฏ ไม่พบว่าศาลพ่อปู่ทองสุขสร้างขึ้นมาในสมัยใด จากรุ่นสู่รุ่นที่เล่าต่อกันมา ก็เห็นศาลพ่อปู่ทองสุขมาตั้งแต่จำความได้ ทุกคนต่างมีความเคารพความศรัทธากันมาโดยตลอด ไม่เฉพาะแค่ชาวตำบลบางพระเท่านั้น เพราะการสัญจรไปมา จะต้องผ่านศาลพ่อปู่ทองสุขตั้งแต่สมัยอดีตมาจนถึงปัจจุบัน

การดูแลศาลพ่อปู่ทองสุขที่ส่งต่อกันมาโดยลำดับ

จากอดีตที่ผ่านมา การดูแลศาลพ่อปู่ทองสุข ได้ส่งต่อผ่านกันมาคือ

๑. หลวงพ่อหิ่ม อินฺทโชโต อดีตเจ้าอาวาสวัดบางพระ



หลวงปู่หิ่ม อดีตเจ้าอาวาสวัดบางพระ (ผู้ถ่ายทอดวิชาสักยันต์ให้แก่หลวงพ่อเปิ่น)

๒. พระอาจารย์เปลี่ยน ฐิตธมฺโม อดีตพระอนุสาวนาจารย์ วัดบางพระ


หลวงพ่อเปลี่ยน ฐิตธมฺโม พระอนุสาวนาจารย์ของหลวงพ่อเปิ่น

๓. กำนันสด แจ้งหงษ์วงษ์ อดีตกำนันตำบลบางพระ

๔. กำนันเทียน ปลื้มละมัย อดีตกำนันตำบลบางพระ

๕. กำนันสมควร รอดท่าไม้ กำนันตำบลบางพระ

๖. วัดกลางบางพระ โดย เจ้าอาวาสวัดกลางบางพระ

จากคำบอกเล่า หลวงพ่อหิ่ม วัดบางพระ ท่านเป็นผู้ดูแลรับผิดชอบมาโดยตลอด เมื่อท่านถึงแก่มรณภาพลง พระอาจารย์เปลี่ยน วัดบางพระ ได้มาดูแล และดำเนินการต่อ ต่อมาพระอาจารย์เปลี่ยนจึงได้ยกมอบหน้าที่ให้กำนันสด แจ้งหงษ์วงษ์ เป็นผู้ดูแล เมื่อกำนันสดได้เกษียณอายุราชการ กำนันเทียน ปลื้มละมัย จึงเข้ามาดูแลรับผิดชอบพร้อมกับเป็นผู้บุกเบิกศาลพ่อปู่ทองสุขขึ้นมาใหม่ โดยการจัดสร้างศาลขึ้นใหม่ ปั้นรูปเหมือนองค์ใหม่ ปรับปรุงสถานที่พร้อมกับจัดงานประจำปี ให้มีความสมบูรณ์ยิ่งขึ้น ต่อมาเมื่อกำนันเทียนเกษียณอายุราชการ กำนันสมควร จึงเข้ามาดูแลรับผิดชอบ และพัฒนาต่อมาโดยลำดับ ต่อมาคณะกรรมการเห็นสมควรให้วัดกลางบางพระเป็นผู้ดูแลรับผิดชอบตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๔๖ และทางวัดได้มอบหมายให้ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ ๓ ตำบลบางพระ เป็นผู้ดูแลโดยอยู่ในความรับผิดชอบของวัดกลางบางพระจนถึงปัจจุบัน

รูปเหมือนพ่อปู่ทองสุข

รูปเหมือนพ่อปู่ทองสุขที่ศาลนั้น ปัจจุบันมีอยู่ ๒ รูปเหมือน คือ รูปเหมือนเดิมที่นายแตง ทับเมฆา ได้ปั้นถวายไว้ ซึ่งสร้างแทนองค์เดิมที่ถูกคนวิกลจริตทำลายไป ต่อมาในสมัยของกำนันเทียนเป็นผู้ดูแล เห็นว่าองค์ที่นายแตงปั้นถวายไว้มีสภาพไม่ค่อยสมบูรณ์ จึงให้นายเกล้า สุกสีใส ซึ่งเป็นช่างปั้น จัดปั้นขึ้นมาใหม่อีก ๑ องค์ คือ องค์ที่กราบบูชาอยู่ปัจจุบันนี้



รูปปั้นพ่อปู่ทองสุของค์เก่า ที่นายแตง ทับเมฆา ปั้นถวายไว้


รูปปั้นพ่อปู่ทองสุของค์ใหม่ ที่นายเกล้า สุกสีใส ปั้นถวายไว้

ความเป็นมาเรื่องการทำบุญประจำปี

ในอดีต สมัยหลวงพ่อหิ่ม อินฺทโชโต เป็นผู้ดูแลศาลพ่อปู่ทองสุข เมื่อใกล้งานทำบุญประจำปีศาลพ่อปู่ทองสุข (ขึ้น ๘ ค่ำ เดือน ๖) หลวงพ่อหิ่มจะให้คณะกรรมการล่องเรือตีหมุ่ย (ฆ้อง) ไปตามลำแม่น้ำท่าจีน และคลองต่างๆ เพื่อขอบริจาคสิ่งของมาเข้าโรงครัวในการจัดงานทำบุญประจำปีศาลพ่อปู่ทองสุข และมีประเพณีถวายสลากภัตต์มะม่วงสุกแด่พ่อปู่ทองสุข ซึ่งเป็นที่ทราบกันว่าเมื่อถึงข้างขึ้นเดือน ๖ มะม่วงตามบ้านจะสุกเหลืองเต็มต้น ชาวบ้านจึงนิยมเก็บมาถวายพ่อปู่ทองสุขในงานทำบุญประจำปี จึงถือเป็นประเพณีปฏิบัติสืบต่อกันมา ปัจจุบันการจัดงานทำบุญประจำปีศาลพ่อปู่ทองสุข เลื่อนมาจัดในช่วงเทศกาลปีใหม่สากลของทุกปี คือในวันที่ ๑ มกราคม จะประกอบพิธีสวดมนต์เย็น และในวันที่ ๒ มกราคม จะประกอบพิธีทำบุญเลี้ยงพระในช่วงเช้า และถือปฏิบัติมาจนทุกวันนี้

ประเพณีส่งกะบาลพ่อปู่ทองสุข

ประเพณีส่งกะบาลในสมัยอดีตนั้นมีมาตั้งแต่สมัยสุโขทัย ชาวบ้านมีความเชื่อว่าคนที่เจ็บไข้ได้ป่วยเป็นเพราะภูติผีปีศาจจะมาเอาชีวิต จึงได้ให้ผู้ที่มีความรู้มาทำพิธีส่งกะบาล โดยการนำเอาใบตองมาทำเป็นกระทงใส่ของคาวหวานเครื่องเซ่นไหว้ และปั้นหุ่นคนเจ็บใส่ลงไปด้วย เพื่อเป็นตัวแทนไม่ให้ภูติผีปีศาจเอาชีวิตไป จึงเป็นเหตุให้มีประเพณีนิยม ในการทำบุญประจำปีศาลพ่อปู่ทองสุข จะมีการปั้นหุ่นจำนวนคนในบ้าน จำนวนสัตว์ในบ้าน ใส่กระทง (โดยการแต่งอย่างวิจิตรสวยงาม) นำไปถวายพ่อปู่ทองสุขเพื่อให้ท่านได้ปกป้อง คุ้มครองรักษา ไม่ให้เจ็บไข้ได้ป่วย มีความปลอดภัยในการใช้ชีวิต และการทำมาหากิน มีความร่มเย็นเป็นสุข จึงเป็นประเพณีนิยมของชาวบ้านผู้มีความศรัทธาถือปฏิบัติกันมาจนถึงทุกวันนี้



ข้อสังเกตของพิธีส่งกะบาลพ่อปู่ทองสุข จะคล้ายกับพิธีหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค
ที่ให้ปั้นหุ่นเป็นรูปคนและสัตว์ตามจำนวนคนในบ้าน เพื่อให้ได้รับการคุ้มครองให้ปลอดภัย
บันทึกภาพจากหนังสือประวัติหลวงพ่อปาน โสนันโท (พระครูวิหารกิจจานุการ)
ฉบับปรับปรุง พ.ศ.๒๕๔๘ หน้า ๒๕๑ (ISBN: ๙๗๘-๖๑๖-๙๐๗๖๓-๕-๓)

การบนบานสานกล่าวพ่อปู่ทองสุข

เล่ากันมาตั้งแต่ครั้งอดีต พ่อปู่ทองสุข เป็นที่พึ่งของชาวบ้านทั้งหลายทั้งใกล้ไกลที่สัญจรผ่านไปมา เมื่อเวลาที่เกิดทุกข์ภัย เกิดเจ็บไข้ได้ป่วย ก็จะพากันมาบนบานสานกล่าว ให้พ่อปู่ทองสุขช่วย ไม่ว่าจะเป็นของหาย ควายหาย คนในบ้านเจ็บป่วย สัตว์เลี้ยงเจ็บป่วย ซึ่งการบนบานสานกล่าวนั้น ก็สมประสงค์ตามที่ขอ จึงมีการบอกต่อปากต่อปากจนเป็นที่รู้จักของประชาชนทั่วไป ต่างก็มาบนบานสานกล่าวกันเป็นจำนวนมาก ของที่นำมาแก้บน อาทิเช่น สำรับคาวหวาน เหล้า เบียร์ หัวหมู บายศรี ปลัดขิก พวงมาลัย ละครรำ เป็นต้น มีเรื่องกล่าวกันว่าบางคนเมื่อสมความประสงค์แล้ว ไม่ยอมมาแก้บนหรือลืม จะต้องมีเหตุต่างๆ ไปบ่งบอกให้รู้ว่าจะต้องมาทำการแก้บน ซึ่งต่อมาชาวบ้านผู้มีความศรัทธาจึงให้ความสำคัญในเรื่องการบนบานสานกล่าวนี้เป็นพิเศษ



คำบูชาพ่อปู่ทองสุข

กล่าวโดยสรุป ไม่มีใครทราบประวัติของ "พ่อปู่ทองสุข" ว่ามีประวัติความเป็นมาอย่างไร สร้างสมัยไหน และใครเป็นผู้สร้าง แต่ถึงอย่างไร "ศาลพ่อปู่ทองสุข" ก็เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์และเป็นที่พึ่งทางจิตใจของชาวบ้านในตำบลบางพระและละแวกใกล้เคียงมาตั้งแต่อดีตจนกระทั่งถึงปัจจุบันนี้

และถึงแม้ว่าจะยังไม่ทราบประวัติที่ชัดเจนของ "เหรียญหลวงพ่อเปิ่น-หลวงปู่ทองสุข" แต่จากประวัติในอดีตของ "ศาลพ่อปู่ทองสุข" ที่สืบค้นได้ว่าเคยอยู่ในความดูแลของหลวงปู่หิ่ม อินฺทโชโต อดีตเจ้าอาวาสวัดบางพระ และหลวงพ่อเปลี่ยน ฐิตธมฺโม พระอนุสาวนาจารย์ของหลวงพ่อเปิ่น ก็พอจะอนุมานได้ว่า "พ่อปู่ทองสุขกับวัดบางพระ" มีความเชื่อมโยงผูกพันธ์กันมาก่อน

โดยในขณะนี้ทางวัดกลางบางพระได้จัดสร้าง "มงคลวัตถุรูปจำลองพ่อปู่ทองสุข รุ่น อยู่เย็นเป็นสุข" เพื่อหารายได้มาบูรณะปฏิสังขรณ์ถาวรวัตถุในวัดกลางบางพระ และซ่อมแซมบูรณะปฏิสังขรณ์ศาลพ่อพ่อทองสุข ท่านใดที่มีความประสงค์จะร่วมบุญในครั้งนี้ก็เรียนเชิญได้ที่วัดกลางบางพระ อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม (อยู่ก่อนถึงวัดบางพระประมาณ ๑ กิโลเมตร)




:001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:

ทุกอย่างล้วนมีเหตุปัจจัยสัมพันธ์ที่ทำให้ต้องแวะเวียนมาพบกัน
จากข้อสงสัยเรื่องประวัติ "เหรียญหลวงพ่อเปิ่น-หลวงปู่ทองสุข" ที่ผุดขึ้นมาอย่างไม่มีต้นสายปลายเหตุ
นำมาสู่การแสวงหาข้อเท็จจริง ซึ่งพอดีกับช่วงจังหวะที่ทางวัดกำลังจัดสร้างรูปจำลองพ่อปู่ทองสุข
ไม่มีความบังเอิญ ทุกสรรพสิ่งล้วนเกี่ยวข้องสัมพันธ์กัน (มาก่อน)

:001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:

ปุญฺญานุสฺสติ(สิบทัศน์)
วันพฤหัสบดีที่ ๙ ตุลาคม ๒๕๕๗
เวลา ๒๐.๑๕ น.

197
เฉลยคำตอบ

ข้อที่ ๑. พิธี “อาจาริยปูชา” เป็นพิธีอะไร ? มีความหมายอย่างไร ? ของหน่วยงานใด ?
ตอบ: พิธี “อาจาริยปูชา” เป็นพิธีขอขมาอาจารย์ใหญ่ (ผู้อุทิศร่างกายเพื่อการศึกษา) ทำบุญตักบาตร อุทิศส่วนกุศล ของคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย



ภาพจาก: คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

“ผู้การเสือ” ได้บริจาคดวงตา,อวัยวะสำคัญ ๖ อย่าง,ร่างกาย เป็นที่เรียบร้อย นานมามากแล้ว ตั้งแต่เป็น พ.ต.ท. จึงไม่มีงานศพ(ก่อนอายุ ๖๐ ปี ก็ได้บริจาคเลือดอยู่เป็นประจำ) เชิญชวนครับ เป็นทานขั้นสุดยอดของทาน(หลังอายุ ๖๐ ปี กินเจมา ๖ ปีแล้วครับ)

ข้อที่ ๒. ในหลวงองค์ปัจจุบัน เคยแช่งใครไหม ? แช่งว่าอย่างไร ?
ตอบ: ในหลวงองค์ปัจจุบัน เคยแช่งไว้ว่า "ถ้าทุจริต แม้แต่นิดเดียว ก็ขอแช่ง ให้มีอันเป็นไป แต่ถ้าสุจริต ก็ขอให้อายุยืนถึง ๑๐๐ ปี ถ้าอายุมากแล้วก็ขอให้แข็งแรง"....... พระราชดำรัส ของในหลวง เมื่อ ๘ ต.ค. ๒๕๔๖


รายชื่อผู้ตอบคำถามถูกทั้ง ๒ ข้อ มีดังนี้
- beer3515
- ลิเวอร์บอย
- at
- kekei
- aehjomthong
- Ome
- galong
- jookku
- weerawut67
- chaveng
- tm20


การติดต่อขอรับรางวัล

ผู้ที่ตอบคำถามได้ถูกต้องทั้งหมดสามารถเดินทางมารับรางวัลกับ "ผู้การเสือ" ได้ที่กุฏิ ลพ.ญา วัดบางพระ ในวันพุธที่ ๘ ตุลาคม ๒๕๕๗ (วันพรุ่งนี้) ตั้งแต่เวลา ๐๗.๐๐ น. เป็นต้นไป

โดย ๕ ท่านแรกที่มาติดต่อขอรับรางวัลกับ "ผู้การเสือ" จะได้รับ "พระสมเด็จ วัดเกศไชโย" ท่านละ ๑ องค์ (ลพ.เล็ก มอบให้ "ผู้การเสือ" มาเมื่อ ๑๐ ปีที่แล้ว ที่วัดให้เช่าบูชาองค์ละ ๑,๒๐๐ บาท)



พระสมเด็จวัดเกศไชโย

หลังจาก ๕ คนแล้ว ที่เหลือจะได้รับ "พระ ลพ. ทันใจ เนื้อผสมเหล็กไหล ด้านหลังฝังข้าวสารหิน (อายุ ๒,๕๐๐ ปี)" ผู้การเสือได้รับจากท่านรวย วัดหนองม่วง จ.ลพบุรี


พระ ลพ. ทันใจ เนื้อผสมเหล็กไหล ด้านหลังฝังข้าวสารหิน (อายุ ๒,๕๐๐ ปี)

:001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:

ขอบคุณทุกท่านที่ร่วมกิจกรรมครั้งนี้
แล้วพบกันในกิจกรรมครั้งต่อๆ ไปครับ.

198

เบี้ยแก้อุดผงเก่าหลวงพ่อเปิ่น


ด้านหน้า


ด้านหลัง


ผงพระเก่าหลวงพ่อเปิ่นตั้งแต่รุ่นแรกเรื่อยมา

เชิญร่วมบูชาเบี้ยแก้อุดผงเก่าหลวงพ่อเปิ่น (ผงพระเก่าหลวงพ่อเปิ่นตั้งแต่รุ่นแรกเรื่อยมา)

เลี่ยมพลาสติกถักเชือกเทียนสำหรับผูกข้อมือ หลวงพี่ต้อยอธิษฐานจิตปลุกเสก

ร่วมบุญบูชาเส้นละ ๖๐๐ บาท (มีจำนวนจำกัด) รายได้สมทบทุนกฐินกับหลวงพี่ต้อย

บูชาได้ที่กุฏิหลวงพี่ปาด (ข้างกุฏิหลวงพี่ต้อย) ที่เดียวไม่มีจัดส่งไปรษณีย์

:001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:

*หมายเหตุ

ที่กุฏิหลวงพี่ปาดมีธนบัตรขวัญธุง (แบงค์ ๑๐ บาท) หลวงพ่อเปิ่นอธิษฐานจิตไว้เมื่อปี ๒๕๓๘ ไว้ให้บูชาด้วยเช่นกัน

ร่วมบุญบูชาใบละ ๑๐๐ บาท (มีจำนวนจำกัดเห็นเหลืออยู่แค่ ๑๐ กว่าใบ) รายได้สมทบทุนกฐินกับหลวงพี่ต้อย



ธนบัตรขวัญถุง หลวงพ่อเปิ่นอธิษฐานจิตไว้เมื่อปี พ.ศ.๒๕๓๘


หลวงพี่ต้อยฝากมาประชาสัมพันธ์บอกบุญมายังศิษยานุศิษย์
บันทึกภาพไว้เมื่อวันศุกร์ที่ ๓ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๕๗ ณ กุฏิหลวงพี่ต้อย
สาธุ สาธุ อนุโมทามิ

199
[shake]!!!ปิดกิจกรรมแล้วครับ!!![/shake][/size]

คำถาม

ข้อที่ ๑. พิธี “อาจาริยปูชา” เป็นพิธีอะไร ? มีความหมายอย่างไร ? ของหน่วยงานใด ?

ข้อที่ ๒. ในหลวงองค์ปัจจุบัน เคยแช่งใครไหม ? แช่งว่าอย่างไร ?

รายละเอียดและกติกาการร่วมกิจกรรม


- กรุณาปฏิบัติตามกติกาอย่างเคร่งครัด (หากทำผิดกติกาถือว่าสละสิทธิ์)

- สงวนสิทธิ์ในการร่วมกิจกรรมครั้งนี้ให้กับสมาชิกกระดานสนทนาวัดบางพระเท่านั้น

- เปิดให้ร่วมตอบคำถามได้ตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไป, ปิดรับคำตอบในวันอังคารที่ ๗ ตุลาคม ๒๕๕๗ เวลา ๑๘.๐๐ น.

- โพสตอบคำถามได้ในกระทู้นี้กระทู้เดียวเท่านั้น

- สามารถโพสตอบคำถามได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น (๑ ชื่อผู้ใช้งาน/ ๑ โพสคำตอบ) หากโพสตอบซ้ำ จะถือว่าทำผิดกติกา

- สิทธิ์ในการได้รับรางวัลได้แก่ทุกท่านที่ตอบคำถามได้ถูกต้องทั้งหมด โดยสามารถเดินทางมารับรางวัลกับ "ผู้การเสือ" ได้ที่กุฏิ ลพ.ญา วัดบางพระ ในวันพุธที่ ๘ ตุลาคม ๒๕๕๗ ตั้งแต่เวลา ๐๗.๐๐ น. เป็นต้นไป

- ผู้ที่ตอบคำถามได้ถูกต้องทั้งหมดสามารถเดินทางมารับรางวัลกับ "ผู้การเสือ" ได้ที่กุฏิ ลพ.ญา วัดบางพระ ในวันพุธที่ ๘ ตุลาคม ๒๕๕๗ ตั้งแต่เวลา ๐๗.๐๐ น. เป็นต้นไป
โดย ๕ ท่านแรกที่มาติดต่อขอรับรางวัลกับ "ผู้การเสือ" จะได้รับ "พระสมเด็จ วัดเกศไชโย" ท่านละ ๑ องค์ (ลพ.เล็ก มอบให้ "ผู้การเสือ" มาเมื่อ ๑๐ ปีที่แล้ว ที่วัดให้เช่าบูชาองค์ละ ๑,๒๐๐ บาท) หลังจาก ๕ คนแล้ว ที่เหลือจะได้รับ "พระ ลพ. ทันใจ เนื้อผสมเหล็กไหล ด้านหลังฝังข้าวสารหิน (อายุ ๒,๕๐๐ ปี)" ผู้การเสือได้รับจากท่านรวย วัดหนองม่วง จ.ลพบุรี



พระสมเด็จ วัดเกศไชโย


พระ ลพ. ทันใจ เนื้อผสมเหล็กไหล ด้านหลังฝังข้าวสารหิน (อายุ ๒,๕๐๐ ปี)

*หมายเหตุ (พิเศษ)

ผู้ที่ตอบปัญหาข้อ ๒ ได้ถูกต้อง และมีวันเกิดตรงกับวันที่ ๘ ตุลาคม พ.ศ. ใดก็ได้ ให้มารับรางวัล ลพ.เปิ่น(รุ่นอาเสี่ยเล็ก) ลพ.ญาให้ "ผู้การเสือ" มามอบเป็นรางวัล



ลพ.เปิ่น(รุ่นอาเสี่ยเล็ก)

:001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:

"พิพิธภัณฑ์ผู้การเสือ"


รูปที่ ๓
ผ้ายันต์ (ผ้าห่อศพ) ขนาด ๑ ม. x ๒ ม. คนวาดเป็นคนเดียวกันกับปั้นปูนหน้าบรรณกุฎิใหญ่
/ลพ.สำอางค์ เป็นผู้เขียนยันต์-อักขระกำกับด้วยตนเอง
(น้องชายเจ้าอาวาส เป็นผู้มอบให้ จำนวนสร้างไม่เกิน ๑๐ ผืน)




รูปที่ ๔
พบในกุฏิ ลพ.เปิ่น(ปัจจุบันรื้อไปแล้ว) อจ.วัน(วัดโคกเขมา) มอบให้  
 
   

:001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:  
       

200
        เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (๑๙ สิงหาคม ๒๕๕๗) จะด้วยความบังเอิญหรือจังหวะของกระแสแห่งเหตุปัจจัยที่พัดพามาบรรจบกันก็ตามที ทำให้ผมได้เจอ “ตะกรุดใบลาน ๓ ห่วง” ที่หลวงพ่อท่านสร้างไว้ เป็นครั้งแรก และเพื่อยืนยันว่าตะกรุดที่เจอมานี้ใช่ของที่หลวงพ่อท่านสร้างไว้จริงๆ ผมจึงนำตะกรุดดอกนี้ไปขอความเมตตาหลวงพ่อให้ท่านช่วยพิจารณาให้อีกทีว่าใช่หรือไม่


ตะกรุดใบลาน ๓ ห่วง

        เมื่อส่งตะกรุดให้หลวงพ่อท่านดู ปรากฏว่าท่านจับดูพลิกไปพลิกมาสักครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดขึ้นมาว่า.. “ของที่กูทำไว้ตั้งแต่อยู่ใต้ศาลานี่หว่า มึงไปหามาจากไหนวะ” สิ้นเสียงของหลวงพ่อผมก็ได้แต่ยิ้ม นึกดีใจว่าใช่ตะกรุดที่หลวงพ่อท่านเคยสร้างไว้อย่างแน่นอน

        หลังจากนั้นอีกประมาณสองสามวัน ระหว่างที่แวะมาช่วยงานท่าน ผมก็ได้โอกาสกราบเรียนสอบถามท่านถึงประวัติการสร้าง หลวงพ่อท่านก็เมตตาเล่าให้ฟัง จึงได้นำรายละเอียดมาเล่าสู่กันฟังดังนี้..

        ตะกรุดชุดนี้ท่านทำไว้ตอนที่ท่านยังอยู่กุฏิใต้ศาลาการเปรียญ (ประมาณ ปี พ.ศ.๒๕๒๓) สมัยนั้นหลวงพ่อเปิ่นท่านยังอยู่ที่กุฏิริมน้ำ ส่วนตัวท่านเองมีหน้าที่ตรวจตราข้าวของเครื่องใช้ของวัดที่ห้องเก็บของ (ใต้ศาลาการเปรียญในปัจจุบัน) ใครจะมายืมของวัดเพื่อไปใช้ในงานต่างๆ ท่านก็จะคอยอำนวยความสะดวกให้ ทั้งการยืม-คืน ทำความสะอาด ตรวจนับสิ่งของว่าครบถ้วนหรือไม่ เป็นต้น



ภาพหลวงพ่อตอนที่อยู่กุฏิใต้ศาลาการเปรียญวัดบางพระ

        ใบลานที่นำมาทำตะกรุดนี้ หลวงพ่อท่านเล่าว่าเป็นใบลานเก่าที่เก็บไว้ตั้งแต่สมัยหลวงปู่หิ่ม ในใบลานมีอักษรขอมจารึกไว้ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง (ใบลานบางใบท่านลองอ่านดูปรากฏว่าจารึกพระปาฏิโมกข์ไว้) ท่านจึงนำใบลานนั้นมาตัดแบ่ง จากนั้นจึงหาผ้ามาตัดให้ขนาดพอดีกับใบลานที่ตัดไว้ โดยท่านเองได้เขียนบนผ้าด้วย “ยันต์ลงตะกรุดโทน” ตามตำราที่ท่านเรียนกับหลวงพ่อเปิ่นมา เมื่อเขียนยันต์ลงบนผ้าเรียบร้อยแล้ว ก็นำใบลานมาม้วนคู่กับผ้ายันต์ จากนั้นก็หาเชือกมามัดใบลานกับผ้ายันต์ไว้เพื่อรอถักเชือกต่อไป (เชือกที่นำมาใช้ถักมี ๒ สี คือสีเขียวและสีเทา ซึ่งหลวงพ่อท่านถักตะกรุดด้วยตัวของท่านเอง โดยถักเป็นลักษณะตะกรุด ๓ ห่วง เอกลักษณ์จุดสังเกตของตะกรุดชุดนี้คือแทบทุกดอกจะต้องมีรอยต่อเชือก และขนาดของตะกรุดจะไม่เสมอกันทั้งดอกจะใหญ่ข้างหนึ่งเล็กข้างหนึ่ง ซึ่งเกิดจากการม้วนใบลานและผ้ายันต์ที่ไม่เสมอกันทำให้เล็กข้างใหญ่ข้าง) หลังจากที่ถักเชือกตะกรุดเสร็จเรียบร้อยแล้ว ท่านก็ได้นำตะกรุดมาใส่ถาดเตรียมปลุกเสก (ซึ่งตะกรุดชุดนี้ท่านได้ปลุกเสกเดี่ยวด้วยตัวท่านเองภายในกุฏิ เป็นเวลา ๑ พรรษา)


ยันต์ลงตะกรุดโทนที่หลวงพ่อท่านใช้เขียนทำตะกรุดใบลาน ๓ ห่วง

*ผ้าที่ท่านนำมาใช้เขียนยันต์นั้น ท่านให้รายละเอียดเพิ่มเติมไว้ว่ามีผ้า ๓ สี ๓ ชนิดคละกันไป ดังนี้

๑.ผ้าสีขาว เป็นผ้าห่อศพบ้าง เป็นผ้าคลุมโลงศพบ้าง (ผ้าขาวบางผืนที่ได้มายังมีคราบน้ำเหลืองน้ำเลือดจากศพติดอยู่เป็นดวง)

๒. ผ้าสีเหลือง คือผ้าที่ตัดจากสบงบ้าง ผ้าอาบบ้าง ส่วนหนึ่งก็เป็นผ้าจีวรที่ญาติโยมถวายกับท่านไว้บ้าง

๓. ผ้าสีแดง เป็นเศษผ้าที่เหลือจากผ้าที่หลวงพ่อเปิ่นท่านใช้ทำเสื้อยันต์ยุคแรก (ที่ใช้แม่พิมพ์สักยันต์มาปั๊มยันต์ลงบนเสื้อ)



ผ้าแดงที่นำมาเขียนยันต์ได้มาจากเศษผ้าที่ตัดทำเสื้อยันต์หลวงพ่อเปิ่นยุคแรก


ตะกรุดดอกที่ได้มานี้ ด้านในเป็นผ้ายันต์สีแดง

        จำนวนการสร้าง ท่านบอกว่าท่านทำตามจำนวนใบลานที่ตัดแบ่งไว้ ใบลานมีเท่าไหร่ก็ทำตะกรุดไว้เท่านั้น รวมจำนวนที่สร้างไว้ทั้งหมดประมาณ ๕๐๐ ดอก

        เกี่ยวกับขั้นตอนการปลุกเสก ท่านใช้ “โองการยันนะรังสี” เป็นองค์ภาวนา ในตอนแรกยังมีสะดุดติดขัดอยู่บ้าง พอภาวนาไปได้สักพักก็เริ่มคล่องตัว คาถาที่ว่ายาวๆ ก็สามารถภาวนาไปได้อย่างราบรื่นเรื่อยไป พอจบก็ขึ้นใหม่ไปเรื่อยๆ ท่านปลุกเสกอยู่ ๑ พรรษา จึงได้นำออกมาแจกจ่าย



        พอปลุกเสกครบพรรษา ท่านก็ได้นำออกมาแจก โดยไม่ได้คิดราคาค่างวดอะไรแจกอย่างเดียว มีอยู่ครั้งหนึ่งหลวงพ่อท่านจำได้ว่า มีนายทหารชื่อจ่าปรีชา แกนำขบวนผ้าป่ามาทอดที่วัดบางพระ ท่านก็นำตะกรุด ๓ ห่วง นี้มาแจกให้ไป หลังจากนั้นมาสักพักใหญ่ๆ (เป็นตอนที่หลวงพ่อเปิ่นท่านย้ายกุฏิจากกุฏิชายน้ำมาอยู่กุฏิด้านใน “กุฏิหลวงพี่ญาในปัจจุบัน” แล้ว) จ่าปรีชาก็กลับมาขอตะกรุด ๓ ห่วงกับหลวงพ่อเปิ่น โดยบอกว่าตนเองแขวนตะกรุดดอกนี้แล้วไปเจอประสบการณ์มา หลวงพ่อเปิ่นท่านหัวเราะแล้วชี้มาที่ท่านพร้อมกับบอกว่า ไปขอกับหลวงพี่อางค์ท่านนู่น ท่านเป็นคนทำฉันไม่ได้ทำ วันนั้นท่านบอกว่าได้นำตะกรุด ๓ ห่วงนี้ออกมาแจกไปอีกพอสมควร ไม่ช้าไม่นานก็แจกจนหมด พอท่านเล่าประวัติความเป็นมาจบ ท่านก็หยิบตะกรุดมาเป่าด้วย "โองการยันนะรังสี" ให้อีกรอบ


พอเล่าประวัติจบท่านก็เมตตาใช้ “โองการยันนะรังสี” เป่าตะกรุดให้อีกรอบ

ขอยุติกระทู้สุดท้ายแต่เพียงเท่านี้..ขอบคุณครับ

:001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:

ปุญฺญานุสฺสติ(สิบทัศน์)
วันอาทิตย์ที่ ๒๔ สิงหาคม ๒๕๕๗
เวลา ๒๒.๑๕ น.

201


ประวัติหลวงพ่อนวล
           พระครูโพธิสารคุณ (นวล ธมฺมธโร) นามสกุล สุดใจแจ่ม เกิดวัน ๖ฯ๘ ค่ำ ปีฉลู วันที่ ๒๖ กรกฎาคม ๒๔๓๒ ที่ตำบลบางขันแตก อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสงคราม เป็นบุตรนายพลู นางทรัพย์ สุดใจแจ่ม มีพี่น้องร่วมบิดา-มารดา ๑๐ คน หลวงพ่อนวลเป็นบุตรคนที่ ๘


การศึกษาและรับราชการ
           เมื่อเยาว์วัยได้ศึกษาหนังสือไทยสำเร็จชั้นมัธยมศึกษา จากโรงเรียนวัดสุทัศน์เทพวราราม กรุงเทพฯ และรับราชการมียศเป็นนายดาบ ผู้บังคับหมวดทหารปืนใหญ่ที่ ๑ รักษาพระองค์


การศึกษาพุทธาคม
           ปฐมเหตุที่หลวงพ่อนวลมีความสนใจศึกษาพุทธาคม สืบเนื่องมาจาก เมื่อ พ.ศ.๒๔๗๑ ขณะรับราชการ หลวงพ่อนวลได้ล้มป่วยลง ได้ทราบกิตติศัพท์ความเก่งกล้าสามารถของหลวงพ่อปาน จึงไปยังวัดบางนมโค และขอให้หลวงพ่อปานรักษาโรคให้จนหายขาด หลวงพ่อนวลมีความเลื่อมใสศรัทธาในหลวงพ่อปาน จึงฝากตัวเป็นศิษย์ ขอร่ำเรียนวิชาเวชศาสตร์แพทย์แผนโบราณ จนสามารถนำมาช่วยเหลือรักษาผู้เจ็บป่วยได้มากมาย เมื่อมาบวชอยู่ที่วัดโพธิ์ นอกจากนี้หลวงพ่อนวลยังได้ขอเป็นศิษย์ศึกษาพุทธาคมทุกแขนงจากหลวงพ่อปาน ได้เรียนทางด้านเจริญกรรมฐาน วิชาลบผงทำผงวิเศษตามตำรับของหลวงพ่อปาน วิธีทำของขลัง การลงยันต์ทอและยันต์เกราะเพชร อันเข้มขลังศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อปาน หลวงพ่อนวลศึกษาอยู่กับหลวงพ่อปานจนถึงปี พ.ศ.๒๔๗๔ เป็นเวลา ๕ ปีเต็ม จึงลาออกจากราชการมาอุปสมบทที่วัดโพธิ์ บางระมาด กรุงเทพมหานคร เมื่ออยู่ที่วัดโพธิ์ก็ศึกษาพุทธาคมกับหลวงพ่อนิ่ม ที่วัดโพธิ์ ส่วนหลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก อยุธยานั้น หลวงพ่อนวลได้รับการประสิทธิประสาทวิชาอาคม เมื่อ พ.ศ.๒๔๘๐





           ฉะนั้น จากลำดับการศึกษาพุทธาคมของหลวงพ่อนวล จากพระคณาจารย์ที่สูงด้วยวิทยาคมดังกล่าวมาแล้ว จึงไม่มีข้อสงสัยเคลือบแคลงใดๆ เลยว่า หลวงพ่อนวลจะสูงด้วยวิทยาคมเพียงใด อนึ่ง พระอาจารย์ผู้ได้รับการถ่ายทอดวิทยาคมสืบต่อจากหลวงพ่อนวล และได้ร่วมสร้างวัตถุมงคลกับหลวงพ่อนวลมาโดยตลอด คือ พระอาจารย์บุญมาก สัญญโม พระอาจารย์บุญมาก ท่านนี้ มีส่วนสำคัญในการสร้างวัตถุมงคลรุ่น พ.ศ.๒๕๓๕ ของวัดโพธิ์ เพื่อนำรายได้สร้างอุโบสถด้วย

อุปสมบท
           เมื่อลาออกจากราชการแล้ว อุปสมบทที่วัดโพธิ์ ตำบลบางระมาด อำเภอตลิ่งชัน จังหวัดธนบุรี เมื่อวันที่ ๑ กรกฎาคม ๒๔๗๔

           พระครูภาวนาภิรมย์ (พลอย) เจ้าอาวาสวัดรัชฏาธิฐาน ธนบุรี เป็นพระอุปัชฌาย์

           พระอาจารย์นิ่ม พุทฺธสโร วัดโพธิ์ และพระอธิการผาด ธมฺมชโต เจ้าอาวาสวัดทอง เป็นพระกรรมวาจาอนุสาวนาจารย์ มีนามฉายาว่า “ธมฺมธโร”

           หลวงพ่อนวล ได้บำเพ็ญอุปัชฌาย์วัตรและอาจริยวัตรตามหน้าที่พระนวกะ บำเพ็ญสมณกิจตามระเบียบของสำนักศึกษาคันถธุระและวิปัสสนาธุระ เอาใจใส่ต่อการศึกษาด้วยความวิริยะอุตสาหะ สอบประโยคนักธรรมชั้นตรี-โท-เอก ได้ในสนามหลวง สำนักเรียนวัดกาญจนสิงหาสน์ในปี พ.ศ.๒๔๘๑-๒๔๘๓ และ ๒๔๘๗ ตามลำดับ

           หลวงพ่อนวลเป็นผู้ตั้งอยู่ในพรหมวิหารธรรม เมตตากรุณาสงเคราะห์แก่ญาติมิตรศิษยานุศิษย์ทั้งใกล้ชิดและห่างไกล ด้วยอัธยาศัยสุภาพอ่อนโยน สงเคราะห์ศิษย์ด้วยอามิสและธรรม ตั้งอยู่ในสังคมธรรมและสาราณียธรรมเป็นประจำ เนื่องจากหลวงพ่อนวลได้รับการศึกษาวิชาแพทย์แผนโบราณจากหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค ฉะนั้น เมื่อพระภิกษุ สามเณร ในวัดอาพาธ ท่านได้ปรุงยารักษาช่วยทำการปฐมพยาบาลอุบาสกอุบาสิกาที่มาฟังธรรม รักษาศีลในวัด ป่วยไข้ไปขอยาแก้โรค ท่านก็จัดให้โดยฐานเมตตานุเคราะห์ จนได้จัดสร้างอนามัย ๒ ชั้นขึ้นในวัด ด้วยทุนส่วนตัวและบอบุญเรี่ยไร การงานที่ท่านได้ปฏิบัติมาตั้งแต่เป็นพระอันดับจนได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาส


งานปกครอง
           พ.ศ.๒๔๗๘ เป็นผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดโพธิ์ พ.ศ.๒๔๘๒ ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาส ปกครองบริหารกิจการของวัดตามพระธรรมวินัย พ.ร.บ.คณะสงฆ์ตามอำนาจหน้าที่เรียบร้อยตลอดมา


งานศึกษา
           พ.ศ.๒๔๘๒ ตั้งสำนักศาสนศึกษาทั้งธรรมทั้งบาลีขึ้นในวัด สงเคราะห์พระภิกษุสามเณรปกครองและวัดที่ใกล้เคียงให้ได้รับความสะดวกในการศึกษาปริยัติธรรม หลวงพ่อนวลท่านเป็นครูสอนปริยัติธรรมด้วยตนเอง พ.ศ.๒๔๘๔ เปิดสอนบาลีโดยขอครูสอนบาลีจากท่านเจ้าคุณพระมหาโพธิวงศาจารย์ วัดอนงคาราม ครั้งดำรงสมณศักดิ์เป็นพระมงคลเทพมุนี เจ้าคณะอำเภอตลิ่งชันสมัยนั้น ท่านเจ้าคุณฯ ได้จัดส่งพระเปรียญมาเป็นครูสอนบาลีประจำสำนักวัดโพธิ์ หลวงพ่อนวลได้จัดส่งนักเรียนธรรมเข้าสอบในสนามหลวงประจำปี สังกัดสำนักเรียน วัดกาญจนสิงหาสน์ ธนบุรี สอบไล่ได้ทุกปีเสมอมา พระภิกษุสามเณรสำเร็จการศึกษาตามหลักสูตรนักธรรมของสนามหลวง สอบไล่ได้เป็นเปรียญ ๓ รูป การศาสนศึกษาซึ่งไม่เคยมีแต่เก่าก่อน หลวงพ่อนวลได้จัดให้มีขึ้นทั้งธรรมทั้งบาลี ทำให้วัดนี้เจริญก้าวหน้าทั้งฝ่ายปริยัติทั้งฝ่ายบริหาร พระภิกษุสามเณรในวัดผู้สมัครเรียนธรรมและบาลีได้สร้างหลักสูตรอุปกรณ์การศึกษาแจกพระภิกษุสามเณรอำนวยความสะดวกแก่นักศึกษา ส่วนในด้านการศึกษาวิทยาการทางโลก ท่านเป็นผู้อุปการะโรงเรียนประชาบาล ซึ่งตั้งอยู่ในวัดด้วยอุปกรณ์การศึกษา อำนวยความสะดวกแก่โรงเรียน พ.ศ.๒๔๘๓ ได้รับแต่งตั้งเป็นกรรมการศึกษา พ.ศ.๒๔๙๙ จัดหาที่ดินสร้างโรงเรียนมัธยมวิสามัญศึกษา มีผู้ศรัทธาบริจาคที่นาจำนวน ๔ ไร่ ๒ งาน ซึ่งอยู่ติดกับที่ดินของวัด เจ้าของที่ดินถวายเป็นศาสนสมบัติของวัดโพธิ์ สำหรับสร้างโรงเรียน พ.ศ.๒๔๘๘ ได้รับแต่งตั้งเป็นกรรมการตรวจข้อสอบธรรมสนามหลวง


งานเผยแผ่
           ท่านได้ทำการเผยแผ่พระศาสนาด้วยวิธีการแสดงธรรมประจำวันธรรมสวนะและอบรมพระภิกษุสามเณรในปกครองสั่งสอนศีลธรรมจรรยา แก่นักเรียนโรงเรียนประชาบาล โรงเรียนมัธยมศึกษาวิสามัญ ที่ตั้งอยู่ในวัดเป็นประจำ มีอุบาสก อุบาสิกา รักษาศีล ฟังธรรม ประจำวันธรรมสวนะ พระครูโพธิสารคุณเทศนาสั่งสอนเรื่องศีลและวัฒนธรรม บางคราวท่านได้ใช้วิธีสั่งสอนให้เส้นสิ่งที่ควรเว้น ทำสิ่งที่ควรทำแนะนำในทางสุปฏิบัติมีผู้เลื่อมใสยอมรับนับถือปฏิบัตินับว่าได้ผลในด้านเผยแผ่พระพุทธศาสนาเป็นอันมาก




พระประธานในอุโบสถหลังเก่า วัดโพธิ์ บางระมาด กทม.


งานสาธารณูปการ
           วัดโพธิ์เป็นวัดโบราณ เสนาสนะถาวรวัตถุมีอุโบสถเป็นต้น ชำรุดทรุดโทรมมาก เพราะสร้างมานานปีโดยภัยธรรมชาติ นับแต่หลวงพ่อนวลดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาส ท่านได้บูรณปฏิสังขรณ์ของเก่าและสร้างขึ้นใหม่ ปรากฏตามบัญชีก่อสร้างปฏิสังขรณ์ดังนี้

           พ.ศ.๒๔๗๔ สร้างถนนคอนกรีตเสริมเหล็ก ๑ สาย กว้าง ๑.๐๐ เมตร ยาว ๒๐.๐๐ เมตร สิ้นเงิน ๙๐.๐๐ บาท

           พ.ศ.๒๔๗๕ สร้างวิหารคอมกรีต ๒ ชั้น จัตุรมุขหลังคาสร้างเป็นยอดเจดีย์ กว้าง ๖.๐๐ เมตร ยาว ๑๐.๐๐ เมตร ๑ หลัง ตั้งอยู่ที่กำแพงหน้าอุโบสถ สิ้นเงิน ๕,๐๐๐ บาทเศษ

           พ.ศ.๒๔๗๖ สร้างพระพุทธบาทจำลอง กว้าง ๕๐ ซม. ยาว ๑.๕๐ ซม. สิ้นเงิน ๒,๕๐๐.๐๐ บาทเศษ มีงานนักขัตฤกษ์เปิดให้ประชาชนนมัสการประจำปี

           พ.ศ.๒๔๗๗ สร้างกุฏิ ๒ หลัง กว้าง ๖.๐๐ เมตร ยาว ๒๐.๐๐ เมตร กว้างยาวเท่ากัน สิ้นเงิน ๗,๓๐๐.๐๐ บาท

           พ.ศ.๒๔๘๐ สร้างหอสวดมนต์ ๑ หลัง กว้าง ๑๖.๐๐ เมตร ยาว ๔๒.๐๐ เมตร สิ้นเงิน ๒๐,๗๖๕.๙๕ บาท

           พ.ศ.๒๔๘๒ สร้างส้วมคอนกรีตเสริมเหล็ก ๑ หลัง ๔ ห้อง กว้าง ๓.๐๐ เมตร ยาว ๘.๐๐ เมตร สิ้นเงิน ๑๐,๐๙๐.๕๘ บาท

           พ.ศ.๒๔๘๙ ปฏิสังขรณ์อุโบสถขึ้นใหม่ทั้งหลัง โดยกะเทาะปูนออกโบกปูนทำหลังคาใหม่ด้วยเงินต่างเจ้าของ มีช่อฟ้า ใบระกา หางหงส์ ทำด้วยปูน สิ้นเงิน ๕๙,๔๐๙.๔๕ บาท

           พ.ศ.๒๔๙๐ สร้างกำแพงแก้วรอบอุโบสถ ซุ้มประตู ๓ ซุ้ม เทพื้นคอนกรีตภายในกำแพงแก้วรอบอุโบสถ เป็นเงิน ๙๓,๔๐๐.๖๕ บาท
   พ.ศ.๒๔๙๓ สร้างกุฏิเจ้าอาวาส ๔ มุข ๑ หลัง ชั้นล่างเสาหล่อคอนกรีตเสริมเหล็ก พื้นคอนกรีตเสริมเหล็ก ชั้นบนเครื่องไม้ กว้าง ๑๐.๐๐ เมตร ยาว ๒๕.๐๐ เมตร สิ้นเงิน ๒๘๔,๓๙๐.๓๕ บาท

           พ.ศ.๒๔๙๙ สร้างโรงเรียนมัธยมวิสามัญศึกษา ๑ หลัง ๒ ชั้น กว้าง ๑๐.๐๐ เมตร ยาว ๔๕.๐๐ เมตร เสาคอนกรีตเสริมเหล็ก ตัวอาคารไม้ หลังคามุงกระเบื้อง สิ้นเงิน ๒๑๘,๒๙๒.๐๐ บาท ด้วยทุนกระทรวงศึกษาธิการและมีผู้บริจาคสมทบ

           พ.ศ.๒๕๐๒ สร้างถนนคอนกรีตเสริมเหล็ก ทางเดินไปโรงเรียนมัธยมวิสามัญศึกษา ๑ สาย กว้าง ๑.๒๕ เมตร ยาว ๔๒.๐๐ เมตร สิ้นเงิน ๑,๖๖๘.๐๐ บาท

           พ.ศ.๒๕๐๓ สร้างศาลาท่าน้ำตรีมุขหน้าวัด หล่อคอนกรีตเสริมเหล็กทั้งหลัง หลังคาคอนกรีตมุงกระเบื้องเคลือบ แบบไทยแกมสมัย กว้าง ๕.๕๐ เมตร ยาว ๗.๐๐ เมตร สิ้นเงิน ๕,๗๙๘.๘๕ บาท

           พ.ศ.๒๕๐๔ สร้างศาลาท่าน้ำหน้าวัด เสาปูน พื้นไม้ ช่อฟ้าคอนกรีตเสริมเหล็ก ๒ หลัง หลังหนึ่งกว้าง ๕.๐๐ เมตร ยาว ๘.๐๐ เมตร หลังหนึ่งกว้าง ๔.๕๐ เมตร ยาว ๗.๕๐ เมตร เป็นเงิน ๘,๕๗๕.๓๕ บาท

           พ.ศ.๒๕๐๕ สร้างสถานีอนามัยชั้นสอง เสาคอนกรีต ตัวอาคารไม้ กว้าง ๑๒.๐๐ เมตร ยาว ๒๘.๐๐ เมตร พร้อมทั้งเครื่องอุปกรณ์ห้องน้ำห้องส้วม ๑ หลัง ด้วยเงินต่างเจ้าของ รวม ๕๓,๘๐๗.๓๕ บาท มีแพทย์เจ้าหน้าที่อยู่ประจำ พระเณรในวัด นักเรียนและประชาชนตำบลนั้นเจ็บไข้ได้ป่วยได้อาศัยอนามัยแห่งนี้

           พ.ศ.๒๕๐๖-๒๕๐๗ สร้างเขื่อนริมคลองหน้าวัด หล่อคอนกรีตเสริมเหล็ก ยาว ๑๗๕.๐๐ เมตร สิ้นเงิน ๖๑,๐๗๕.๕๐ บาท สร้างถนนคอนกรีตเสริมเหล็กจากอุโบสถถึงศาลาท่าน้ำ กว้าง ๒.๐๐ เมตร ยาว ๔๐.๐๐ เมตร พร้อมทั้งสะพานท่าน้ำ บันไดสองข้างมีลูกกรงรอบเป็นเงิน ๙,๕๐๕.๗๕ บาท




สมณศักดิ์
           พ.ศ.๒๔๘๒ เป็นพระครูสมุห์ ฐานานุกรมในท่านเจ้าคุณพระครูมหาโพธิวงศาจารย์ วัดอนงคาราม ครั้งเป็นพระมงคลเทพมุนี เจ้าคณะอำเภอตลิ่งชัน ธนบุรี

           พ.ศ.๒๔๘๓ เป็นพระครูสังฆรักษ์ ฐานานุกรมในท่านเจ้าคุณพระมหาโพธิวงศาจารย์ วัดอนงคาราม ครั้งเป็นพระมงคลเทพมุนีเช่นกัน

           พ.ศ.๒๔๙๖ ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นตรี เจ้าอาวาสวัดราษฎร์ (วัดโพธิ์) ที่ “ พระครูโพธิสารคุณ”

           พ.ศ.๒๕๐๗ ได้รับเลื่อนสมณศักดิเป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นโท เจ้าอาวาสวัดราษฎร์ ในราชทินนามเดิม





วัตถุมงคลของหลวงพ่อนวล
        พอเอ่ยอ้างชื่อหลวงพ่อนวล ในแวดวงสังคมนักอนุรักษ์พระเครื่องคงอาจยังไม่รู้จักกว้างขวาง ทั้งที่หลวงพ่อนวลได้รับการศึกษาวิทยาคมมาจากพระอาจารย์ที่โด่งดังในอดีตถึง ๓ รูป คือ หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค อยุธยา หลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก อยุธยา และหลวงพ่อนิ่ม วัดโพธิ์ บางระมาด กรุงเทพฯ ชื่อเสียงที่เลื่องลือของหลวงพ่อนวล เมื่อ ปี พ.ศ.๒๔๘๒ คือการรักษาโรคตามหลักวิชาเวชศาสตร์แพทย์แผนโบราณ ที่ได้ศึกษามาจากหลวงพ่อปาน โดยเฉพาะผู้ที่ถูกคุณไสย์ คนบ้า ต้มยารักษาโรคนานาชนิด และต่อกระดูก หลวงพ่อนวลได้สร้างวัตถุมงคลเป็นครั้งแรก ในปี พ.ศ.๒๔๘๒ โดยนิมนต์หลวงพ่อจงจากวัดหน้าต่างนอกซึ่งเป็นอาจารย์มาร่วมปลุกเสกแจกแก่ลูกศิษย์ลูกหาและชาวบ้านบางระมาดจนหมดในปีนั้น พอปีต่อมาก็เกิดสงครามโลก วัตถุมงคลชุดนั้นได้ปรากฏคุณวิเศษเป็นที่ต้องการแสวงหากันมาก แต่เนื่องจากสร้างน้อยจึงไม่เป็นที่แพร่หลายทั่วไป ค่านิยมนับถืออยู่ในวงแคบเพราะบรรดาศิษย์และชาวบ้านบางระมาดที่ได้รับแจกเท่านั้น

หลวงพ่อนวลสร้างวัตถุมงคลต่อมาอีก ๒ ครั้ง กล่าวคือ
           เดือนเมษายน ๒๔๙๓ สร้างพระทั้งหมดพิมพ์เป็นพระในชุดประทับสัตว์ ๖ ชนิด แบบหลวงพ่อปาน (นก, ไก่, เม่น, ปลา, ครุฑ, และหนุมาน) กับพระสมเด็จ ๓ ชั้น และ ๗ ชั้น โดยสร้างด้วยผงที่ทำขึ้นจากยันต์เกราะเพชร ผสมเข้ากับผงเก่าของหลวงพ่อปานและหลวงพ่อจง พระชุดนี้หลวงพ่อนวลให้ชื่อว่า “พระหมอ” เพราะมีความประสงค์ต้องการให้ผู้ใช้นำไปทำอาราธนาทำน้ำมนต์รักษาโรคภัยไข้เจ็บทุกชนิดดุจเดียวกับพระหลวงพ่อปานซึ่งปรากฏผลว่ามีพระพุทธคุณใช้ได้ผลเช่นเดียวกัน พระชุดนี้ หลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก อยุธยา ได้มาร่วมปลุกเสกด้วย

           เดือนกุมภาพันธ์ – มีนาคม ๒๕๐๒ เป็นการสร้างวัตถุมงคลครั้งสุดท้ายของหลวงพ่อนวล มีทั้งพระเครื่องซึ่งผสมด้วยผงเก่าคราวสร้างพระเมื่อ พ.ศ.๒๔๙๓ กับผงที่หลวงพ่อนวลทำขึ้นจากยันต์เกราะเพชรและผงของหลวงพ่อจง ตะกรุด และลูกอม ซึ่งใช้ผงสร้างพระมาปั้นเป็นลูกอม มีขนาดกะทัดรัด วัตถุมงคลชุดนี้ หลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก อยุธยา ได้มาร่วมปลุกเสกกับหลวงพ่อนวล เช่นเดียวกับเมื่อปี พ.ศ.๒๔๙๓

           อนึ่ง มีข้อที่น่าสังเกตว่า การสร้างพระของหลวงพ่อนวลนั้นแม้จะเป็นไปตามตำรับวิทยาคมที่ได้รับการสืบทอดมาจากหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค โดยตรงก็ตาม แต่หลวงพ่อนวลก็หาได้ใช้เนื้อดินเผาสร้างพระเหมือนหลวงพ่อปานไม่ แต่จะเน้นการสร้างด้วยเนื้อผงแบบพระสมเด็จ ผสมด้วยผงวิเศษมากกว่า และยังมีบางพิมพ์ที่ผสมด้วยผงใบลานเผา เช่นพิมพ์พระขุนแผนกุมารทอง

           นอกจากนั้นพระรุ่น พ.ศ.๒๕๐๒ นี้ หลวงพ่อนวลกับพระอาจารย์บุญมาก สัญญโม ศิษย์ที่ได้รับการถ่ายทอดวิทยาคมจากหลวงพ่อนวลจะร่วมกันจารอักขระยันต์ที่ได้รับการสืบทอดมาจากหลวงพ่อปานและหลวงพ่อจงทุกองค์ ซึ่งบางองค์ก็จารด้วยยันต์เกราะเพชร ลายมือการจารอักขระนั้นงดงาม และต้องใช้ความอุตสาหะวิริยะ ในการจารมาก ส่วนแม่พิมพ์พระนั้นพระอาจารย์บุญมาก เป็นผู้แกะแม่พิมพ์ทั้งหมด ซึ่งถ้าเป็นพิมพ์ในรูปแบบพระสมเด็จ จะเป็นแบบทรงปรกโพธิ์ ทั้งนี้โดยถือเคล็ดว่า พระดังกล่าวสร้างขึ้นที่วัดโพธิ์และหลวงพ่อนวลก็เป็นเจ้าอาวาสวัดโพธิ์ ฉะนั้นการสร้างพระแบบสมเด็จพิมพ์ปรกโพธิ์ ย่อมยังผลให้บังเกิดความร่มเย็นเป็นสุขแก่ผู้มีไว้บูชานั่นเอง





อวสานแห่งชีวิต
           หลวงพ่อนวลท่านปรารภจะไปพักผ่อนที่จังหวัดจันทบุรี นมัสการปูชนียวัตถุมงคลและชมโบราณสถาน แต่หาโอกาสไปไม่ได้ เพราะมีภารกิจมาก ทิ้งไปก็จะเสียการ จน พ.ศ.๒๕๐๙ ท่านได้เดินทางโดยรถยนต์ แต่ก่อนจะไปได้ปรารภกับพระในวัดว่า “อายุมากแล้วตั้งใจจะไปให้ถึงบ่อพลอย เพื่อได้เห็นด้วยตาตนเอง” มีสามเณรผู้เป็นศิษย์ติดตามไป ๑ รูป ครั้นไปถึงจังหวัดจันทบุรีแล้ว ได้พักอยู่ที่บ้านศิษย์คนหนึ่งของท่าน ซึ่งได้ไปตั้งภูมิลำเนาประกอบอาชีพ อยู่ที่ตำบลบางกะจะ อำเภอเมือง จังหวัดจันทบุรี ท่านได้ถึงมรณภาพ ที่บ้านศิษย์ของท่าน เมื่อวันที่ ๙ เมษายน ๒๕๐๙ ด้วยโรคลมปัจจุบันทันด่วน (หัวใจวาย) สิริอายุ ๗๘ ปี ๓๖ พรรษา เป็นเจ้าอาวาสปกครองวัดโพธิ์ ๓๑ ปี.




:001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:



กราบขอบพระคุณ พระครูปลัดปราโมทย์ (หลวงพ่อช้าง ปโมทิโต) วัดโพธิ์ ตลิ่งชัน กรุงเทพฯ
ที่อนุเคราะห์ข้อมูลประวัติพระครูโพธิสารคุณ (หลวงพ่อนวล) อดีตเจ้าอาวาสวัดโพธิ์
เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๑๗ สิงหาคม ๒๕๕๗ กราบขอบพระคุณไว้ ณ โอกาสนี้ด้วยครับ

:001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:

ปุญฺญานุสฺสติ(สิบทัศน์)
วันพฤหัสบดีที่ ๒๑ สิงหาคม ๒๕๕๗
เวลา ๑๕.๑๕ น.

202
ภาพเพิ่มเติมจากพี่กอล์ฟ เสน่ห์มอญ






































203
ก่อนวันงาน








เช้าวันงาน
















บวงสรวงท้าวมหาราชทั้ง ๔










อ.เอกใหญ่


พี่กอล์ฟ เสน่ห์มอญ


บูชาพานครู ชำระหนี้สงฆ์


พระพุทธพักตร์
































ทอดผ้าป่าไหว้ครูบูรพาจารย์




















โปรยทาน


เตรียมครอบเศียร




เตรียมเริ่มพิธีภาคบ่าย (ปลุกอักขระ ปลุกมนต์ เป่ายันต์เกราะเพชร ประสะตัว หนุนดวง เสริมสิริมงคล)




พระครูปลัดปราโมทย์ ปโมทิโต (หลวงพ่อช้าง) วัดโพธิ์ ตลิ่งชัน กรุงเทพฯ




พระครูประกาศโพธิกิตต์ (หลวงพ่อแดง) วัดโพธิ์ ตลิ่งชัน กรุงเทพฯ










ประพรมน้ำพระพุทธมนต์


พระครูวิชัยพลากร (หลวงพ่อไม้) วัดมารวิชัย จ.พระนครศรีอยุธยา




อ.เอกใหญ่ ทำลูกอม (เทียนชัย) แจกผู้ร่วมพิธี








พระครูธีรวุฒิคุณ (หลวงพ่อเบี้ยว) วัดระฆังโฆสิตาราม กรุงเทพฯ


ของที่ระลึก


ชุดที่ระลึกบูชาพานครู


น้ำพระพุทธมนต์


ผ้ายันต์เกราะเพชร


สีผึ้งสัจจะบารมี (๓ สี)


เหรียญโปรยทาน


ผ้ายันต์หลวงพ่อปาน - ธงมหาพิชัยสงคราม หลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง จ.อุทัยธานี


ยันต์หลวงพ่อนวล วัดโพธิ์ บางระมาด ตลิ่งชัน กทม.



สมเด็จปรกโพธิ์ หลังจารยันต์ลายมือหลวงพ่อนวล วัดโพธิ์ บางระมาด ตลิ่งชัน กทม.


กรรมฐาน


สมเด็จพระพุทธพักตร์

 
:001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:

204
รายละเอียดเพิ่มเติม

เหรียญเมตตาหลวงพ่อเปิ่นรุ่นนี้ อาจารย์หวั่น อดีตเจ้าอาวาสวัดโคกเขมา (ปัจจุบันลาสิกขามาอยู่แถวห้วยพลู)

เป็นผู้สร้างถวายหลวงพ่อเปิ่นไว้จำนวน ๕,๐๐๐ เหรียญ มีเนื้อทองแดงเนื้อเดียวครับ.


อาจารย์หวั่นในพิธีบวงสรวงที่วัดโคกเขมา

205
รวมสมาชิก (มิตรไมตรี) / แบ่งปัน
« เมื่อ: 14 ส.ค. 2557, 05:17:44 »
เกริ่นนำสักเล็กน้อย..

หลายวันก่อนได้ไปอ่านหนังสือ "มโนมยิทธิและประวัติของฉัน" ของพระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) วัดท่าซุง จ.อุทัยธานี อ่านไปถึงตอนที่หลวงพ่อท่านเล่าถึงประสบการณ์ของผู้ที่บูชาเหรียญหลวงพ่อปานที่ท่าน (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) สร้าง ก็มาสะดุดอยู่ตรงประโยคที่ว่า..

"ประการที่ ๒ ผมเองคล้องเหรียญนี้ไปให้หมอฉีดยา หมอแทงไม่เข้า ต้องเอาเหรียญออกจากตัว จึงแทงเข้า"


ภาพจากหนังสือ "มโนมยิทธิและประวัติของฉัน"
ของพระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) วัดท่าซุง จ.อุทัยธานี

สัญญาความจำเก่าๆ ในอดีต ก็หวนมาให้ระลึกถึงอีกครั้งว่า..

ในช่วงที่ผมเรียนอยู่ที่โรงเรียนสิรินธรราชวิทยาลัย ตอนนั้นจำได้ว่ากำลังศึกษาอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๓ ตรงกับปี พ.ศ.๒๕๔๕ ตรงกับปีที่หลวงพ่อเปิ่นมรณภาพพอดี (จำได้ว่าเคยไปร่วมกับทางโรงเรียนสิรินธรฯ ในการเป็นเจ้าภาพสวดพระอภิธรรม ๑๐๐ วันหลวงพ่อเปิ่นที่วัดบางพระด้วย) ซึ่งเป็นช่วงแรกๆ ที่ผมเองเริ่มสนใจเกี่ยวกับพระเครื่องวัตถุมงคลต่างๆ และคนที่ให้ความรู้เกี่ยวกับการศึกษาพระเครื่องคนแรกของผมก็ไม่ใช่คนอื่นไกล นั่นคือ "น้ายาม" ประจำโรงเรียนนั่นเอง

ทุกเย็นหลังเลิกเรียนระหว่างรอรถกลับบ้าน ก็จะมานั่งคุยเรื่องพระเครื่องเรื่องวัตถุมงคลเครื่องรางของขลังต่างๆ กับน้ายามที่หน้าโรงเรียนเป็นประจำ เย็นวันหนึ่งน้ายามให้พระเครื่องผมมา ๑ องค์ แถมเล่าประสบการณ์ที่สัมผัสมากับตนเองว่า..

"น้าแขวนพระองค์นี้ แล้วตอนไปให้หมอฉีดยาที่โรงพยาบาล หมอฉีดยาให้ปรากฎว่า
เข็มฉีดยาแทงไม่เข้า ต้องอาราธนาพระออกจากคอก่อนถึงจะฉีดยาให้น้าได้"

พระที่น้ายามให้มาคือ
พระสมเด็จพระร่วง ๘๔ ปี (พ.ศ.๒๕๔๑) ของวัดพระปฐมเจดีย์ จ.นครปฐม ซึ่งในตอนนั้นก็ถือว่าเป็นพระใหม่ที่เพิ่งสร้างได้ไม่กี่ปี



พระสมเด็จพระร่ววง ๘๔ ปี ที่น้ายามให้ไว้เป็นที่ระลึก

น้ายามบอกว่า "เก็บไว้ดีๆ นะ" ผมก็รับมาด้วยความรู้สึกขอบคุณปลาบปลื้มใจ และยังเก็บรักษาพระองค์นั้นไว้ตลอดจนถึงทุกวันนี้แม้น้ายามจะจากไปแล้วก็ตาม (ขอบคุณและระลึกถึงน้ายามชัชวาล ใจเพชร เสมอมา)


ที่หน้ากล่องใส่พระผมเห็นมีรูป "ธูป ๓ ดอก" ในใจผมสิ่งแรกที่คิดคือ พระรุ่นนี้น่าจะสร้างในปีที่มีเหตุการณ์ "ธูปยักษ์ถล่ม" แน่นอน

บันทึกไว้เล็กน้อยเกี่ยวกับความทรงจำเรื่องธูปยักษ์ พ.ศ.๒๕๔๑


ย้อนรำลึกถึงอดีตตอนที่มีข่าวธูปยักษ์ถล่ม ผมจำได้ว่าวันนั้นเป็นวันคล้ายวันเกิดพระร่วงโรจนฤทธิ์ ซึ่งทางวัดพระปฐมเจดีย์จะจัดงานเป็นประจำขึ้นทุกปีในวันที่ ๒ พฤศจิกายน แต่ในปีนี้มีความพิเศษกว่าทุกๆ ปีที่ผ่านมา เนื่องด้วยทางวัดได้เปิดให้สาธุชนได้ร่วมบุญบูชาธูป (ดอกเล็กๆ ที่ใช้บูชาพระทั่วไป) เพื่อนำไปประกอบเข้าเป็น "ธูปยักษ์" จำนวน ๓ ดอก เพื่อไว้จุดถวายเป็นพุทธบูชาที่ด้านหน้าองค์พระปฐมเจดีย์ ด้านทิศเหนือ

เช้าวันนั้นก่อนออกจากบ้าน ผมเห็นคุณแม่ตระเตรียมสิ่งของเครื่องบูชา ดอกไม้ธูปเทียน ของไหว้ และไข่ต้มย้อมสีชมพูไว้ในตะกร้าเพื่อเตรียมนำไปบูชาในงานวันเกิดพระร่วงฯ ที่วัดพระปฐมเจดีย์เช่นทุกปี เมื่อคุณแม่มาส่งผมที่โรงเรียนอนุบาลสุธีธรแล้ว (ตอนนั้นรู้สึกว่ากำลังเรียนอยู่ชั้น ป.๕ เป็นรุ่นแรกที่ได้ใช้อาคารสีเขียวหลังใหม่) คุณแม่ก็นั่งรถไปวัดพระปฐมเจดีย์ต่อเพื่อไปร่วมงาน

สายๆ คุณครูในโรงเรียนก็เข้ามาแจ้งข่าวว่า "ธูปยักษ์ถล่ม" วันนั้นไม่เป็นอันเรียน ห่วงว่าคุณแม่จะเป็นยังไงบ้าง พอท่านมารับหลังเลิกเรียนจึงค่อยโล่งใจว่าคุณแม่ปลอดภัยไม่ได้รับอันตรายอะไร


พิธีปลุกเสกวัตถุมงคลในโอกาส ๘๔ ปี พระร่วงโรจนฤทธิ์ที่วัดพระปฐมเจดีย์ พ.ศ.๒๕๔๑

หลายอาทิตย์ก่อนในระหว่างพักผ่อนหลังจากอยู่ช่วยงานหลวงพ่อสำอางค์บนกุฏิใหญ่แล้ว ผมก็แวะเข้าไปหาหนังสือในสำนักงานวัดบางพระมาอ่านเล่น ซึ่งก็ไปเจอ "หนังสือที่ระลึกงานเทศกาลนมัสการองค์พระปฐมเจดีย์ ปี พ.ศ.๒๕๔๑" เข้าเล่มหนึ่ง ด้านในมีรายละเอียดบางส่วนเกี่ยวกับประวัติวัตถุมงคลและภาพพิธีปลุกเสก จากภาพก็จะเห็นพระคณาจารย์ที่มาร่วมอธิษฐานจิตปลุกเสกวัตถุมงคลชุด ๘๔ ปี พระร่วงโรจนฤทธิ์ อาทิเช่น หลวงพ่อพูล วัดไผ่ล้อม, หลวงพ่ออุตมะ วัดวังวิเวการาม, หลวงพ่อลำใย วัดทุ่งลาดหญ้า, หลวงปู่แย้ม วัดสามง่าม, หลวงพ่อพุฒ วัดกลางบางพระ, หลวงพ่อไสว วัดปรีดาราม และที่สำคัญคือมีหลวงพ่อเปิ่น วัดบางพระ พระผู้เป็นที่รักและเคารพยิ่งของพวกเรารวมอยู่ด้วย จึงเก็บภาพมาฝากเพื่อนๆ สมาชิกกระดานสนทนาวัดบางพระให้ได้รับชมกันดังนี้






วัตถุมงคลรุ่น ๘๔ ปี พระร่วงโรจนฤทธิ์ พ.ศ.๒๕๔๑ ที่สร้างออกมานั้น นอกจากพระสมเด็จพระร่วงแล้ว ก็ยังมีกระดาษยันต์มงคล ๘๔ ปี ด้วยเช่นกัน (ปลุกเสกในพิธีเดียวกัน) โดยในกระดาษยันต์มงคล ๘๔ ปีชุดนี้ จะมียันต์ที่เขียนด้วยลายมือพระคณาจารย์ของจังหวัดนครปฐม ๔ รูป เขียนไว้ด้วย มีรายนามดังนี้

๑.หลวงพ่อเปิ่น วัดบางพระ จ.นครปฐม
๒.หลวงพ่อแย้ม วัดสามง่าม จ.นครปฐม
๓.หลวงพ่อพูล วัดไผ่ล้อม จ.นครปฐม
๔.หลวงพ่อรอด วัดวังน้ำเขียว จ.นครปฐม



แบ่งปัน

เมื่อเร็วๆ นี้ ทางวัดพระปฐมเจดีย์ได้ค้นเจอกระดาษยันต์มงคล ๘๔ ปี พระร่วงโรจนฤทธิ์ที่เก็บไว้จำนวนหนึ่ง ทางวัดก็ได้นำออกให้บูชาเพื่อสมทบทุนงานบุญต่างๆ บ้าง แจกให้เป็นที่ระลึกกับผู้ที่ร่วมบุญบูชาวัตถุมงคลของทางวัดบ้าง (ที่วิหารฝั่งทิศเหนือขององค์พระปฐมเจดีย์ยังมีให้ร่วมบุญบูชาอยู่อีกเล็กน้อย)

ทั้งนี้ ทาง "พี่นุ้ย" เจ้าหน้าที่ของทางวัดพระปฐมเจดีย์ก็ได้แบ่งมาให้ผมไว้จำนวนหนึ่ง ต้องขอขอบคุณพี่นุ้ยไว้ ณ โอกาสนี้ด้วยครับ




ปล.คงได้นำมาแจกแบ่งปันกับเพื่อนสมาชิกกระดานสนทนาวัดบางพระในโอกาสต่อๆ ไป

206
งานหลวงภาคเช้า














ภาคสายในงานคล้ายวันเกิดหลวงพ่อเปิ่นครบรอบ ๙๑ ปี ที่วัดบางพระ
























































ภาคค่ำในงานพิธีหล่อเทวดาประจำวันเกิด - บูชาพระเคราะห์ต่อชะตา ที่วัดละมุด อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม


















พระครูสังฆรักษ์อวยพร ฐิติญาโณ เจ้าคณะตำบลดอนยายหอม รองเจ้าอาวาสวัดดอนยายหอม จ.นครปฐม


พระครูยติธรรมานุยุต (หลวงพ่อแป๊ะ ธมฺมทินฺโน) เจ้าอาวาสวัดสว่างอารมณ์ (แคแถว) จ.นครปฐม








พระครูสังฆรักษ์เสวก โชติธมฺโม เจ้าอาวาสวัดละมุด จ.นครปฐม


พระครูโกวิทสุตการ (หลวงพ่อกำไร อภิชาโน) เจ้าคณะตำบลศรีมหาโพธิ์ เจ้าอาวาสวัดโคกเขมา (วัดเก่าหลวงพ่อเปิ่น) จ.นครปฐม




พระครูอนุกูลพิศาลกิจ (หลวงพ่อสำอางค์ ปภสฺสโร) เจ้าอาวาสวัดบางพระ จ.นครปฐม




















































ขุนช้าง วัดละมุด

:001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:

เกร็ดความรู้เกี่ยวกับดวงและวันเกิด
(ตามตำราของวัดโคกเขมา "วัดเก่าหลวงพ่อเปิ่น")

๑ = ๖
๒ = ๑๕
๓ = ๘
๔ = ๑๗
๕ = ๑๙
๖ = ๒๑
๗ = ๑๐
๘ = ๑๒
๙ = ๙

๑ คู่มิตรกับ ๕
๒ คู่มิตรกับ ๔
๖ คู่มิตรกับ ๓
๘ คู่มิตรกับ ๗

๑ เป็นกาลกิณีของ ๒
๒ เป็นกาลกิณีของ ๓
๓ เป็นกาลกิณีของ ๔
๔ เป็นกาลกิณีของ ๗
๗ เป็นกาลกิณีของ ๕
๕ เป็นกาลกิณีของ ๘
๘ เป็นกาลกิณีของ ๖
๖ เป็นกาลกิณีของ ๑

ฯลฯ

:001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:

ของที่ระลึก


กราบขอบพระคุณหลวงพ่อ


กราบขอบพระคุณหลวงพี่ปาด


ยันต์ธงเขียนมือ ติดไว้ทั้ง ๔ ทิศ ในพิธีหล่อเทวดาประจำวันเกิดที่วัดละมุด


ชนวนโลหะ


เสื้อสามารถจากพี่หนึ่งและพี่สอง ขอบพระคุณครับ

:001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:

อนุโมทนาบุญกับทุกท่านด้วยนะครับ
สาธุ สาธุ อนุโมทามิ

:001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:

ปุญฺญานุสฺสติ(สิบทัศน์)
วันพุธที่ ๑๓ สิงหาคม ๒๕๕๗
เวลา ๐๑.๒๐ น.

207
พอดีว่าพรุ่งนี่ถ้าไม่ติดขัดอะไรอยากไปทำบุญที่วัดน่ะครับ ไม่ทราบว่ามีกิจกรรมพิเศษวันแม่ที่วัดรึเปล่า


208
เฉลยคำตอบ

"การปิดทองหลังพระนั้น เมื่อถึงคราวจำเป็นก็ต้องปิด ว่าที่จริงแล้วคนโดยมากไม่ค่อยชอบปิดทองหลังพระกันนัก เพราะนึกว่า ไม่มีใครเห็น แต่ถ้าทุกคนพากันปิดทองแต่ข้างหน้า ไม่มีใครปิดทองหลังพระเลย พระจะเป็นพระที่งาม บริบูรณ์ ไม่ได้"

พระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวข้างต้นนี้ พระองค์ทรงพระราชทานไว้ในพิธีใด? เมื่อวันที่ เดือน พ.ศ.?

คำตอบ : พระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวข้างต้นนี้ พระองค์ทรงพระราชทานไว้ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย  เมื่อวันที่ ๒๕ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๐๖

สรุปผลกิจกรรม

มีผู้ตอบคำถามถูกต้องทั้งหมด ๒๕ ท่าน ดังนี้

๑. นันท์นภัส
๒. !!!โบ เด็กป่า!!!
๓. gregrory
๔. Sit_Ongdum
๕. Kae-Kae
๖. mpteez
๗. at
๘. Toey.at
๙. bombom bombam
๑๐. l3al3y
๑๑. C_92
๑๒. jeeratach
๑๓. ลิเวอร์บอย
๑๔. boy083
๑๕. punthush_45
๑๖. aehjomthong
๑๗. jindong59
๑๘. oilmobile-e23xvx
๑๙. dawvan
๒๐. kekei
๒๑. shagath
๒๒. galong
๒๓. Ampzaa
๒๔. โยคี
๒๕. rakorakod


หมายเหตุ

ผู้ที่ตอบคำถามถูกต้องทั้ง ๒๕ ท่าน สามารถเดินทางมารับรางวัล “พระผงทรงระฆัง ลป.ไดโนเสาร์ จ.กาฬสินธิ์” ได้ที่ “ผู้การเสือ” ในวันอังคารที่ ๑๒ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๕๗ ณ กุฏิหลวงพี่อภิญญา วัดบางพระ (ตามที่แจ้งไว้ในกติกาการร่วมกิจกรรม หากไม่มารับรางวัลด้วยตนเองในวันดังกล่าวถือว่าสละสิทธิ์)

:001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:

ขอบคุณทุกท่านที่ร่วมกิจกรรมครั้งนี้
แล้วพบกันในกิจกรรมครั้งต่อๆ ไปครับ


:001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:

209
[shake]!!..ปิดกิจกรรมแล้วครับ..!![/shake]


"การปิดทองหลังพระนั้น เมื่อถึงคราวจำเป็นก็ต้องปิด ว่าที่จริงแล้วคนโดยมากไม่ค่อยชอบปิดทองหลังพระกันนัก เพราะนึกว่า ไม่มีใครเห็น แต่ถ้าทุกคนพากันปิดทองแต่ข้างหน้า ไม่มีใครปิดทองหลังพระเลย พระจะเป็นพระที่งาม บริบูรณ์ ไม่ได้"


คำถาม

พระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวข้างต้นนี้ พระองค์ทรงพระราชทานไว้ในพิธีใด? เมื่อวันที่ เดือน พ.ศ.?


ของรางวัล

พระผง ลป.ไดโนเสาร์ ทรงระฆัง (รับมาจากมือท่าน) ลป.ไดโนเสาร์ จ.กาฬสินธิ์
(ปัจจุบันอายุ 90 ปี พรรษา 67)
เป็นพระป่า (ฉันในบาตร) เวลามากรุงเทพจะพำนักอยู่กับ ลป.วิริยังค์ วัดธรรมมงคล
ขอขอบพระคุณ “พระหนึ่ง” ลูกชายเศรษฐีแห่งหมู่บ้านปัญญา
ที่ได้บอกบุญและมีโอกาสใกล้ชิด ลป. ในวาระนี้ด้วย
"ผู้การเสือ"


กติกา

1. กรุณาปฏิบัติตามกติกาอย่างเคร่งครัด (หากทำผิดกติกาถือว่าสละสิทธิ์)

2. สงวนสิทธิ์ในการร่วมกิจกรรมครั้งนี้ให้กับสมาชิกกระดานสนทนาวัดบางพระเท่านั้น

3. เปิดให้ร่วมตอบคำถามได้ตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไป, ปิดรับคำตอบในวันอาทิตย์ที่ 10 สิงหาคม 2557 เวลา 18.00 น.

4. โพสตอบคำถามได้ในกระทู้นี้กระทู้เดียวเท่านั้น

5. สามารถโพสตอบคำถามได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น (1 ชื่อผู้ใช้งาน/ 1 โพสคำตอบ) หากโพสตอบซ้ำ จะถือว่าทำผิดกติกา

6. สมาชิกผู้ใดรู้ว่าคำตอบของตัวเองถูกต้อง (ใช้ระบบเกียรติศักดิ์ Honors system) ให้มารับรางวัล (รับแทนกันไม่ได้) เป็นพระผงทรงระฆัง ลป.ไดโนเสาร์ จ.กาฬสินธิ์ (1 ท่าน ต่อ 1 องค์)

7. มารับรางวัลกับมือ “ผู้การเสือ” (12 ส.ค. 2557) ที่กุฏิ ลพ.ญา (ลูกศิษย์ ลพ.ญา ร่วมออกร้านอาหาร เชิญครับ Free)


 :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:


***หมายเหตุ***

“พิพิธภัณฑ์ผู้การเสือ” รูปที่ 1
ปีที่1 ฉบับที่ 1  1ม.ค.35


 :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:


“พิพิธภัณฑ์ผู้การเสือ” รูปที่ 2
กัลยาณมิตร มอบให้ “ผู้การเสือ” นานมากแล้ว


 :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:


“พี่2” ประธาน TNN มอบเสื้อสามารถผ่าน “พี่1” มามอบให้ “สิบทัศน์” ด้วยความปรารถนาดี


 :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:


ขอบคุณ "พี่1" และ "พี่2" มา ณ โอกาสนี้ด้วยครับ

ปุญฺญานุสฺสติ(สิบทัศน์)


 :054::001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :054:

210
หลวงพี่ปาดท่านแจ้งมาว่า

ขณะนี้ยังมีลอคเกตหลวงพ่อเปิ่นให้ร่วมบุญบูชาอยู่อีก ๑๒๐ องค์

เหลือเพียงสีแดงสีเดียวครับ (สีอื่นๆ หมดแล้ว)


212

ทั้งนี้ หลวงพี่ต้อยท่านได้ทำลอคเกตหลวงพ่อเปิ่นเพื่อมอบให้แก่ผู้ที่ร่วมบุญในครั้งนี้ด้วย




รายละเอียดลอคเกตหลวงพ่อเปิ่น

- ด้านหน้าเป็นรูปหลวงพ่อเปิ่นครึ่งองค์ ฉากสี (มี ๔ สี) ด้านหลังอุดเหรียญหัวโตหลวงปู่ทวด และจีวรหลวงพ่อเปิ่นทุกองค์

- จำนวนสร้างรวมทั้งหมด ๒๐๐ องค์

- มอบให้เป็นที่ระลึกแก่ผู้ที่ร่วมบุญสมทบทุนกฐิน ณ วัดเวียงแก้ว ร่วมบุญบูชาองค์ละ ๓๐๐ บาท

- เปิดให้บูชาวันนี้เป็นวันแรก (วันอาทิตย์ที่ ๒๗ กรกฎาคม ๒๕๕๗)

- ร่วมบุญบูชาได้ที่กุฏิหลวงพี่ปาด (ข้างกุฏิหลวงพี่ต้อย) ได้ที่เดียว ไม่มีจัดส่งไปรษณีย์



อนุโมทนาบุญกับทุกท่านล่วงหน้าครับ
..สาธุ สาธุ อนุโมทามิ..

213
ประกาศผลผู้ได้รับรางวัลจากกิจกรรม "ตอบปัญหา..ชิงรางวัล" ทั้ง ๓ ครั้ง

สรุปรวมรายชื่อผู้ที่ร่วมกิจกรรม "ตอบคำถาม..ชิงรางวัล" ครั้งที่ ๑ (ที่ไม่ทำผิดกติกา)
http://www.bp.or.th/webboard/index.php?topic=30928


:001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:

สรุปรวมรายชื่อผู้ที่ร่วมกิจกรรม "ตอบคำถาม..ชิงรางวัล" ครั้งที่ ๒ (ที่ไม่ทำผิดกติกา)
http://www.bp.or.th/webboard/index.php?topic=30933

:001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:

สรุปรวมรายชื่อผู้ที่ร่วมกิจกรรม "ตอบคำถาม..ชิงรางวัล" ครั้งที่ ๓ (ในกระทู้นี้+ไม่ทำผิดกติกา)

:001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:

เมื่อเย็นได้เข้าไปขอความเมตตาจากหลวงพ่อสำอางค์ เจ้าอาวาสวัดบางพระ จับสลากรายชื่อ




:001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:

ผู้โชคดีที่ได้รับรางวัลทั้ง ๑๐ ท่าน มีดังนี้

ลำดับที่ ๑-๕ ได้รับ "เหรียญบูชาครูหลวงพ่อเปิ่น" ๑ เหรียญ + "ตะกรุดผู้การเสือ รุ่น ๑" จำนวน ๑ ดอก + สติ๊กเกอร์หลวงปู่โต๊ะ ๑ แผ่น (เหรียญหลวงพ่อเปิ่น ๑ เหรียญ + ตะกรุดผู้การเสือ ๑ ดอก + สติ๊กเกอร์หลวงปู่โต๊ะ ๑ แผ่น "รวม ๓ ชิ้น" / ๑ ท่าน)


ลำดับที่ ๑ whatchara3408 (จากกิจกรรมครั้งที่ ๓) ได้รับแล้ว และดำเนินการจัดส่งกลับไปให้แล้วครับ

ลำดับที่ ๒    ืnote8 (จากกิจกรรมครั้งที่ ๑) ได้รับแล้ว และดำเนินการจัดส่งกลับไปให้แล้วครับ

ลำดับที่ ๓ ปีระกา (จากกิจกรรมครั้งที่ ๒)

ลำดับที่ ๔ birdkung (จากกิจกรรมครั้งที่ ๑) ได้รับแล้ว และดำเนินการจัดส่งกลับไปให้แล้วครับ

ลำดับที่ ๕ galong (จากกิจกรรมครั้งที่ ๑) ได้รับแล้ว และดำเนินการจัดส่งกลับไปให้แล้วครับ

:001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:

ลำดับที่ ๖-๑๐ ได้รับ "เหรียญบูชาครูหลวงพ่อเปิ่น" ๑ เหรียญ (รวม ๑ ชิ้น / ๑ ท่าน)


ลำดับที่ ๖ joywinwin (จากกิจกรรมครั้งที่ ๒) ได้รับแล้ว และดำเนินการจัดส่งกลับไปให้แล้วครับ

ลำดับที่ ๗ !!!โบ เด็กป่า!!! (จากกิจกรรมครั้งที่ ๑) ได้รับแล้ว และดำเนินการจัดส่งกลับไปให้แล้วครับ

ลำดับที่ ๘ chainkubpom (จากกิจกรรมครั้งที่ ๓) ได้รับแล้ว และดำเนินการจัดส่งกลับไปให้แล้วครับ

ลำดับที่ ๙ hangman69 (จากกิจกรรมครั้งที่ ๒) ได้รับแล้ว และดำเนินการจัดส่งกลับไปให้แล้วครับ

ลำดับที่ ๑๐ jookku (จากกิจกรรมครั้งที่ ๓)

:001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:

ผู้โชคดีทั้ง ๑๐ ท่าน กรุณารอการยืนยันสิทธิ์รับรางวัล ซึ่งจะตอบกลับให้ทางระบบข้อความส่วนตัว (pm) โดยจะแจ้งที่อยู่และกติกาสำหรับรับรางวัลต่อให้ทราบต่อไป

:001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:

แล้วพบกันใหม่ในกิจกรรมครั้งต่อไปครับ


:001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:

214
เฉลยคำตอบ

๑. โครงการหมู่บ้านศีล ๕ “ที่เริ่มดำเนินการกันทุกจังหวัดในประเทศไทยแล้วนั้น” เป็นโครงการของใคร (หน่วยงานใด)?
คำตอบ : โครงการหมู่บ้านศีล ๕ “ที่เริ่มดำเนินการกันทุกจังหวัดในประเทศไทยแล้วนั้น” เป็นโครงการของ
มหาเถรสมาคม (มส.)


ที่มาของภาพ: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ออนไลน์ วันที่ ๒๖ มิถุนายน ๒๕๕๗


๒. “๑๐๐ ปี หลวงพ่อเปิ่น” (หากหลวงพ่อเปิ่นยังมีชีวิตอยู่) จะตรงกับวันที่เท่าไหร่? เดือนอะไร? ปี พ.ศ. อะไร?   
คำตอบ : “๑๐๐ ปี หลวงพ่อเปิ่น” (หากหลวงพ่อเปิ่นยังมีชีวิตอยู่) จะตรงกับ
วันที่ ๑๒ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๖๖

หมายเหตุ - ตามประวัติหลวงพ่อเปิ่นท่านเกิดเมื่อวันที่ ๑๒ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๖๖ ดังนั้นจึงสามารถคำนวณวันเดือนปีที่หลวงพ่อเปิ่นจะมีอายุครบ ๑๐๐ ปี ได้ดังนี้






๓. ฉายาของหลวงพ่อเปิ่น “ฐิตคุโณ” เขียนคำอ่านได้ว่าอย่างไร? (เขียนตัวสะกดให้ถูกต้อง)
คำตอบ : ฉายาของหลวงพ่อเปิ่น “ฐิตคุโณ” เขียนคำอ่านได้ว่า
ถิ – ตะ – คุ – โน

หมายเหตุ (๓.๑) - "ฐิต" (ถิ- ตะ) แปลว่า ตั้งมั่น, ตั้งอยู่. "คุณ" (คุ - นะ) แปลว่า คุณงามความดี. รวมได้ว่า "ฐิตคุโณ" แปลว่า ผู้มีคุณงามความดีอันตั้งมั่นแล้ว

หมายเหตุ (๓.๒) - หลักการเขียนบาลีที่ถูกต้อง "ฐ" จะไม่มีฐานด้านล่าง ดังนั้นฉายาหลวงพ่อเปิ่น "ฐิตคุโณ" หากเขียนให้ถูกต้องตามหลักบาลี จะต้องเขียนดังภาพนี้




๔. วัดโคกเขมา อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม (วัดเก่าหลวงพ่อเปิ่น) เดิมมีชื่อวัดว่าอะไร?
คำตอบ : วัดโคกเขมา อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม (วัดเก่าหลวงพ่อเปิ่น) เดิมมีชื่อ
วัดสร้อยนกเขา

หมายเหตุ - อ้างอิงจาก: พระเทพมหาเจติยาจารย์ (ชัยวัฒน์ ปญฺญาสิริ ปธ.๙) และพระครูสุธีเจติยานุกูล (รุ่ง กตปุญฺโญ ปธ.๖), ประวัติวัดในจังหวัดนครปฐม (กรุงเทพฯ: บริษัท ออนป้า จำกัด, ๒๕๕๖), ๒๙๓.









๕. “ลำดับสมาชิกของท่าน” คือหมายเลขอะไร? (ให้ตอบเป็นเลขไทย)
คำตอบ :
ลำดับสมาชิกของแต่ละท่านดูได้จากข้อมูลส่วนตัวของแต่ละท่าน

ตัวอย่างเช่น

:001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:


สรุปผลกิจกรรม

ไม่มีผู้ตอบคำถามถูกครบทุกข้อแม้แต่ท่านเดียว

ดังนั้น จะขอความเมตตาจากหลวงพ่อสำอางค์ เจ้าอาวาสวัดบางพระ ได้จับสลากรายชื่อผู้ที่จะได้รับรางวัลต่อไป

หมายเหตุ - รายชื่อที่นำมาจับสลากมาจากรายชื่อของผู้ร่วมกิจกรรมตอบคำถามทุกท่าน (รายชื่อผู้ร่วมกิจกรรมทั้ง ๓ ครั้งที่ไม่ทำผิดกติกา)

แล้วจะประกาศผลให้ทราบต่อไปเร็วๆ นี้

ขอบคุณทุกท่านที่ร่วมกิจกรรมครับ


:001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:

215
[shake]ปิดกิจกรรมแล้วครับ[/shake]

คำถาม

๑. โครงการหมู่บ้านศีล ๕ “ที่เริ่มดำเนินการกันทุกจังหวัดในประเทศไทยแล้วนั้น” เป็นโครงการของใคร (หน่วยงานใด)?

๒. “๑๐๐ ปี หลวงพ่อเปิ่น” (หากหลวงพ่อเปิ่นยังมีชีวิตอยู่) จะตรงกับวันที่เท่าไหร่? เดือนอะไร? ปี พ.ศ. อะไร?   

๓. ฉายาของหลวงพ่อเปิ่น “ฐิตคุโณ” เขียนคำอ่านได้ว่าอย่างไร? (เขียนตัวสะกดให้ถูกต้อง)

ตัวอย่างเช่น: “ปภสฺสโร” อ่านว่า ปะ – พัด – สะ – โร,
“คมฺภีโร” อ่านว่า คำ – พี – โร. เป็นต้น

๔. วัดโคกเขมา อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม (วัดเก่าหลวงพ่อเปิ่น) เดิมมีชื่อวัดว่าอะไร?

๕. “ลำดับสมาชิกของท่าน” คือหมายเลขอะไร? (ให้ตอบเป็นเลขไทย)


:001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:

ของรางวัล

๑. เหรียญบูชาคุณหลวงพ่อเปิ่น หลังองค์พิฆเณศวร "เนื้อโลหะกะไหล่ทองลงยา ๔ สี (แดง, ขาว, เขียว, น้ำเงิน)" จำนวน ๑๐ เหรียญ


รายละเอียดข้อมูลของเหรียญดูได้ที่.. http://www.bp.or.th/webboard/index.php?topic=30933

๒. ตะกรุดผู้การเสือ รุ่น ๑ จำนวน ๕ ดอก


ประวัติความเป็นมา คลิกอ่านได้ที่.. http://www.bp.or.th/webboard/index.php?topic=30928.msg227079#msg227079

๓. สติ๊กเกอร์รูปหลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี (ผ่านการอธิษฐานจิตปลุกเสกแล้ว) จำนวน ๕ แผ่น



ภาพในอดีต: หลวงพ่อเปิ่นร่วมอธิษฐานจิตปลุกเสกวัตถุมงคลหลวงปู่โต๊ะที่วัดประดู่ฉิมพลี

:001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:

รายละเอียดและกติกาการร่วมกิจกรรม

- กรุณาปฏิบัติตามกติกาอย่างเคร่งครัด (หากทำผิดกติกาถือว่าสละสิทธิ์)

- สงวนสิทธิ์ในการร่วมกิจกรรมครั้งนี้ให้กับสมาชิกกระดานสนทนาวัดบางพระเท่านั้น

- เปิดให้ร่วมตอบคำถามได้ตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไป, ปิดรับคำตอบในวันศุกร์ที่ ๑๑ กรกฎาคม ๒๕๕๗ เวลา ๑๘.๐๐ น.

- โพสตอบคำถามได้ในกระทู้นี้กระทู้เดียวเท่านั้น

- สามารถโพสตอบคำถามได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น (๑ ชื่อผู้ใช้งาน/ ๑ โพสคำตอบ) หากโพสตอบซ้ำ จะถือว่าทำผิดกติกา

- สิทธิ์ในการได้รับรางวัลได้แก่ ๑๐ ท่านแรก ที่โพสตอบคำถามทั้ง ๕ ข้อ ได้ถูกต้องทั้งหมด (นับจากลำดับการโพสตอบกระทู้)

- ๑๐ ท่านแรก ที่โพสตอบคำถามทั้ง ๕ ข้อ ได้ถูกต้องทั้ง ๕ ข้อ!!

ลำดับที่ ๑-๕ จะได้รับ "เหรียญบูชาครูหลวงพ่อเปิ่น" ๑ เหรียญ + "ตะกรุดผู้การเสือ รุ่น ๑" จำนวน ๑ ดอก + สติ๊กเกอร์หลวงปู่โต๊ะ ๑ แผ่น (เหรียญหลวงพ่อเปิ่น ๑ เหรียญ + ตะกรุดผู้การเสือ ๑ ดอก + สติ๊กเกอร์หลวงปู่โต๊ะ ๑ แผ่น "รวม ๓ ชิ้น" / ๑ ท่าน)

ลำดับที่ ๖-๑๐ จะได้รับ "เหรียญบูชาครูหลวงพ่อเปิ่น" ๑ เหรียญ (รวม ๓ ชิ้น / ๑ ท่าน)

- สำหรับผู้ที่ตอบคำถามถูกต้องทั้งหมด ๑๐ ท่านแรก กรุณารอการยืนยันสิทธิ์รับรางวัล ซึ่งจะตอบกลับให้ทางระบบข้อความส่วนตัว (pm)

- ในกรณีที่มีผู้ตอบคำถามถูกทุกข้อ แต่ไม่ครบ ๑๐ ท่าน รวมถึงในกรณีที่ไม่มีผู้ตอบคำถามถูกทุกข้อแม้แต่คนเดียว จะขอความเมตตาจากหลวงพ่อสำอางค์ เจ้าอาวาสวัดบางพระ จับสลากจากรายชื่อผู้ที่ร่วมกิจกรรมตอบคำถามชิงรางวัลทั้ง ๓ ครั้ง ทุกท่าน (ที่ไม่ทำผิดกติกา) จำนวน ๑๐ รายชื่อ เพื่อรับรางวัลดังกล่าวแทนทั้งหมด


หมายเหตุ - ผู้ที่ร่วมกิจกรรมตอบคำถามชิงรางวัลทั้งสองครั้งที่ผ่านมา ก็จะได้สิทธิ์ตามจำนวนครั้งที่เข้าร่วมกิจกรรมด้วย เช่น เข้าร่วมกิจกรรมทั้ง ๒ ครั้งที่ผ่านมา ก็จะได้ ๒ สิทธิ์ (๒ สิทธิ์ คือ มีรายชื่อ ๒ สลาก) หากร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ด้วย ก็จะได้เพิ่มอีก ๑ สิทธิ์ รวมเป็น ๓ สิทธิ์ หรือ เพิ่งเข้าร่วมกิจกรรมตอบคำถามครั้งนี้เป็นครั้งแรก ก็จะได้รับเพียง ๑ สิทธิ์ (สลาก ๑ รายชื่อ) เป็นต้น.

- ผู้ที่ได้รับการยืนยันสิทธิ์รับรางวัลแล้ว กรุณาส่งซองเปล่า (ซองเอกสาร) ติดแสตมป์ ๓๗ บาท จ่าหน้าซองถึงตัวท่านเอง มายังที่อยู่ที่ได้รับจากการยืนยันสิทธิ์รับรางวัลในระบบข้อความส่วนตัว (pm)

:001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:

ปุญฺญานุสฺสติ(สิบทัศน์)
วันพุธที่ ๙ กรกฎาคม ๒๕๕๗
เวลา ๑๓.๒๒ น.

216

ภาพปริศนา

เฉลยคำตอบ

๑. รอยสักยันต์จากภาพปริศนา เป็นรอยสักรูป "สัตว์ชนิดใด" ?

คำตอบ: รอยสักยันต์จากภาพปริศนา เป็นรอยสักรูป
“เสือ”


รอยสักจากภาพปริศนา

เปรียบเทียบ

๒. รอยสักยันต์จากภาพปริศนานี้ พระอาจารย์รูปใดเป็นผู้สัก? (ฝีเข็มของพระอาจารย์รูปใด)

คำตอบ: รอยสักยันต์จากภาพปริศนานี้ สักโดย
“พระครูอนุกูลพิศาลกิจ (หลวงพ่อสำอางค์ ปภสฺสโร)” เจ้าอาวาสวัดบางพระรูปปัจจุบัน


พระครูอนุกูลพิศาลกิจ (หลวงพ่อสำอางค์ ปภสฺสโร) เจ้าอาวาสวัดบางพระรูปปัจจุบัน

หมายเหตุ - รอยสักจากภาพปริศนานั้น หลวงพ่อสำอางค์ท่านสักให้ลูกศิษย์เมื่อปี พ.ศ.๒๕๒๓ ปัจจุบันท่านเลิกสักยันต์ให้ลูกศิษย์แล้ว (ท่านเลิกสักประมาณปี พ.ศ.๒๕๒๘)


สรุปผลกิจกรรม

ไม่มีผู้ตอบคำถามถูกทุกข้อเลยแม้แต่คนเดียว

ดังนั้นจึงขอยกรางวัลทั้งหมดไว้แจกในกิจกรรมครั้งต่อไป เร็วๆ นี้.


:001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:

:001: :001: :001:ขอบคุณทุกท่านที่ร่วมกิจกรรมครั้งนี้ครับ :001: :001: :001:

217
ทายคำตอบกันเข้ามาได้เรื่อยๆ จนถึงวันจันทร์ที่ ๗ กรกฎาคม ๒๕๕๗ เวลา ๑๘.๐๐ น. นะครับ

ในกรณีที่มีผู้ตอบถูกมากกว่า ๕ ท่าน...อาจจะมีรางวัลปลอบใจ  :002:

218
[shake]ปิดกิจกรรมแล้วครับ[/shake]

[shake]? ? ? ภาพปริศนา รอยสักยันต์วัดบางพระ ? ? ?[/shake]

คำถาม

๑. รอยสักยันต์จากภาพปริศนา เป็นรอยสักรูป "สัตว์ชนิดใด" ?

๒. รอยสักยันต์จากภาพปริศนานี้ พระอาจารย์รูปใดเป็นผู้สัก? (ฝีเข็มของพระอาจารย์รูปใด)


:001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:

ของรางวัล

๑. เหรียญบูชาคุณหลวงพ่อเปิ่น หลังองค์พิฆเณศวร "เนื้อโลหะกะไหล่ทองลงยา ๔ สี (แดง, ขาว, เขียว, น้ำเงิน)" จำนวน ๕ เหรียญ

หลวงพ่อสำอางค์ เจ้าอาวาสวัดบางพระ เมตตาอธิษฐานจิตปลุกเสกให้อีกวาระหนึ่ง (เหรียญนี้เข้าพิธีพุทธาภิเษกมาหลายวาระแล้ว) เมื่อวันพฤหัสบดีที่ ๑๒ มิถุนายน ๒๕๕๗ ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๗ ปีมะเมีย เวลา ๑๔.๕๙ น. "เทวีฤกษ์"

(เทวีฤกษ์ คือ ฤกษ์ที่มุ่งให้เกิดโชคลาภ ความมีเสน่ห์ และการสมความปรารถนา ตามความเชื่อ)

*หมายเหตุ* - เหรียญรุ่นนี้ที่มีจารอักขระ "พุท โธ" ที่ด้านหลังเหรียญ มีเพียง ๑๐๐ องค์เท่านั้น (ทั้ง ๕ เหรียญที่นำมาแจกในกิจกรรมครั้งนี้ อยู่ในชุดเดียวกันกับที่มีจารอักขระ "พุท โธ" ที่ด้านหลังเหรียญเช่นกัน)






๒. ตะกรุดผู้การเสือ รุ่น ๑ จำนวน ๕ ดอก


ประวัติความเป็นมา คลิกอ่านได้ที่.. http://www.bp.or.th/webboard/index.php?topic=30928.msg227079#msg227079

:001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:

รายละเอียดและกติกาการร่วมกิจกรรม

- กรุณาปฏิบัติตามกติกาอย่างเคร่งครัด (หากทำผิดกติกาถือว่าสละสิทธิ์)

- สงวนสิทธิ์ในการร่วมกิจกรรมครั้งนี้ให้กับสมาชิกกระดานสนทนาวัดบางพระเท่านั้น

- เปิดให้ร่วมตอบคำถามได้ตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไป, ปิดรับคำตอบในวันจันทร์ที่ ๗ กรกฎาคม ๒๕๕๗ เวลา ๑๘.๐๐ น.

- โพสตอบคำถามได้ในกระทู้นี้กระทู้เดียวเท่านั้น

- สามารถโพสตอบคำถามได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น (๑ ชื่อผู้ใช้งาน/ ๑ โพสคำตอบ) หากโพสตอบซ้ำ จะถือว่าทำผิดกติกา

- สิทธิ์ในการได้รับรางวัลได้แก่ ๕ ท่านแรก ที่โพสตอบคำถามทั้ง ๒ ข้อ ได้ถูกต้องทั้งหมด (นับจากลำดับการโพสตอบกระทู้)

- ๕ ท่านแรก ที่โพสตอบคำถามทั้ง ๒ ข้อ ได้ถูกต้องทั้ง ๒ ข้อ!! จะได้รับ "เหรียญบูชาครูหลวงพ่อเปิ่น" ๑ เหรียญ + "ตะกรุดผู้การเสือ รุ่น ๑" จำนวน ๑ ดอก (เหรียญหลวงพ่อเปิ่น ๑ เหรียญ +ตะกรุดผู้การเสือ ๑ ดอก "รวม ๒ ชิ้น" / ๑ ท่าน)

- สำหรับผู้ที่ตอบคำถามถูกต้องทั้งหมด ๕ ท่านแรก กรุณารอการยืนยันสิทธิ์รับรางวัล ซึ่งจะตอบกลับให้ทางระบบข้อความส่วนตัว (pm)

- ผู้ที่ตอบคำถามถูกต้องทั้งหมด (๕ ท่านแรก) และได้รับการยืนยันสิทธิ์รับรางวัลแล้ว กรุณาส่งซองเปล่า (ซองเอกสาร) ติดแสตมป์ ๓๗ บาท จ่าหน้าซองถึงตัวท่านเอง มายังที่อยู่ที่ได้รับจากการยืนยันสิทธิ์รับรางวัลในระบบข้อความส่วนตัว (pm)


:001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:

คำถามคงไม่ยากจนเกินไปนะครับ
ปุญฺญานุสฺสติ(สิบทัศน์)
วันเสาร์ที่ ๕ กรกฎาคม ๒๕๕๗
เวลา ๐๘.๑๗ น.

219
เฉลยคำตอบ

๑. บรรดาศักดิ์ "ท่านขุน" คนสุดท้ายที่มีชีวิตของประเทศไทย คือใคร?
    *ตอบให้ครบทั้งยศ - ราชทินนาม  และเขียนให้ถูกต้องทุกตัวสะกด


คำตอบ : บรรดาศักดิ์ "ท่านขุน" คนสุดท้ายที่มีชีวิตของประเทศไทย คือ
พล.ต.ต.ขุนพันธรักษ์ราชเดช (ท่านขุนพันธ์)


๒. "อัศวินแหวนเพชร" คนแรกของประเทศไทย คือใคร?
    *ตอบให้ครบทั้งยศ - ชื่อ - นามสกุล และเขียนให้ถูกต้องทุกตัวสะกด


คำตอบ : "อัศวินแหวนเพชร" คนแรกของประเทศไทย คือ
พ.ต.อ. (พิเศษ) สุมิตร จารุมิลินท (คุณพ่อผู้การเสือ)

ที่มา - พ.ต.อ. (พิเศษ) สุมิตร จารุมิลินท สมัยเป็นสารวัตรอยู่ สน.ปทุมวัน (ผู้การเสืออายุ ๖ เดือน) ได้ยิงปะทะกับเสือผ่อง คุณพ่อถูกยิงเข้าที่ศีรษะ...ส่วนเสือผ่องถูกยิงเข้าที่น่องขวา (วันรุ่งขึ้น เสือผ่องถูกวิสามัญตาย) ท่านอธิบดีเผ่า และคุณหญิงอุดมลักษณ์ (ภรรยาท่าน) ได้เข้าไปเยี่ยมที่โรงพยาบาลกลาง และบอกให้คุณหญิงนำแหวนที่ใส่อยู่ ให้ไปฝังเพชรให้ และประกาศเกียรติคุณ พร้อมจอมพล ป. ทำหนังสือชมเชยการปฏิบัติหน้าที่ในครั้งนี้ด้วย

หมายเหตุ (๒.๑) – สมัยอธิบดีเผ่า มีอัศวินข้างกายอยู่ ๑๓ คน (คุณพ่อเป็น ๑ ใน ๑๓) มีท่านพันศักดิ์, ท่านอรรณพ, ท่านพุฒ เป็นตำรวจรุ่นเดียวกับคุณพ่อผม ต่อมาจึงได้ประดับเพชรกันเป็นที่แพร่หลาย ผมเห็นท่านขุนพันธ์ก็ใส่แหวนอัศวินด้วย แต่ไม่ได้ฝังเพชร (ที่มา: คุณแม่ไพฑูรย์ จารุมิลินท คุณแม่ผู้การเสือ)

หมายเหตุ (๒.๒) – รายละเอียดเพิ่มเติมเรื่อง “แหวนอัศวิน” อ่านได้จากหนังสือเรื่อง “โปลิศเก่า” โดย พล.ต.ท.ชัยยงค์ ปฏิพิมพาคม หน้า ๒๒๑ – ๒๓๑ สำนักพิมพ์สุภา









หมายเหตุ (๒.๓) - ปัจจุบันผู้การเสือเป็นผู้ครอบครองแหวนวงนี้ และจะเก็บเข้าในพิพิธภัณฑ์ส่วนตัวด้วย
ท่านใดที่ติดตามบทความของผู้การเสือ ก็จะเห็นคำตอบของคำถามนี้ในกระทู้..
http://www.bp.or.th/webboard/index.php?topic=10800.msg103899#msg103899

๓. ชาญ, ตาล และผม ไปกราบ ลพ.คูณ และขอให้ ลพ.คูณ เขียนยันต์ลงในธนบัตร, ลพ.คูณ ปฏิเสธ และสอนว่า ธนบัตรมีรูปในหลวงอยู่ ไม่ควรขีดเขียนอะไรลงไป ซ้ำยังสอนว่าให้ไว้หัวนอนบูชา คำถามคือ ในกรณีเขียนยันต์ลงในธนบัตร ตาม พ.ร.บ. ของธนาคารแห่งประเทศไทย ได้กำหนดโทษไว้หรือไม่ อย่างไร?

คำตอบ : กรณีเขียนยันต์ลงในธนบัตร ตาม พ.ร.บ. ของธนาคารแห่งประเทศไทย
ไม่ได้กำหนดโทษไว้ โดยระบุเพียงว่าเป็นการใช้ธนบัตรที่ไม่ถูกวิธี และทำให้ต้องพิมพ์ธนบัตรใหม่มาทดแทนก่อนที่จะหมดอายุการใช้งาน


๔. มีลายสักยันต์ของวัดบางพระ (ยันต์เดียว) ที่ไม่สักให้ผู้หญิง คือยันต์อะไร?

คำตอบ : ลายสักยันต์เพียงยันต์เดียวของวัดบางพระที่ไม่สักให้ผู้หญิงคือ
ยันต์ขอมเชียง (ยันต์หอมเชียง)

หมายเหตุ – ตามตำราดั้งเดิมระบุชื่อยันต์นี้ไว้ว่า “ขอมเชียง” แต่มาในสมัยหลังได้เรียกเพี้ยนไปเป็น “หอมเชียง”



ภาพตำราดั้งเดิม

๕. "ผู้การเสือ" พ.ค. ๕๗ นี้ อายุครบเท่าไร?

คำตอบ : พ.ค. ๕๗ นี้ ผู้การเสือจะมีอายุครบ
๖๕ ปี (อีก ๕ ปี ครบ ๗๐ ปี – จะแจกพระให้สมาชิกครั้งใหญ่...รอคอยนะครับ)


:001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:

สรุปผลกิจกรรมทายปัญหา..ชิงรางวัล ตะกรุดผู้การเสือ รุ่น ๑

ไม่มีตอบคำถามถูกครบทั้ง ๕ ข้อเลยแม้แต่ท่านเดียว

ดังนั้น จะยกยอดของรางวัลไว้แจกในกิจกรรมครั้งต่อไป วันพรุ่งนี้!! (วันเสาร์ที่ ๕ กรกฎาคม ๒๕๕๗)


 :001: ขอบคุณทุกท่านที่ร่วมกิจกรรมครั้งนี้ครับ  :001:

220
ยังส่งคำตอบเข้ามากันได้เรื่อยๆ นะครับ

(เท่าที่ดูคำตอบตอนนี้ บอกได้เพียงว่า..ยังมีรางวัลไว้แจกอีก "หลายรางวัล")

221
[shake]ปิดกิจกรรมแล้วครับ[/shake]


เกริ่นนำ..ประวัติความเป็นมาของ "ตะกรุดผู้การเสือ รุ่น ๑"

๑. สร้างขึ้นเพื่อรวบรวมปัจจัยถวาย ลพ.ต้อย (อาพาธครั้งแรก) ดอกละ ๒๐๐ บาท

๒. จารในโบสถ์เก่าวัดบางพระ (ช่วงจารนกร้องเสียงเซ็งแซ่ตลอดเวลา - พระอาทิตย์ส่องแสงแรงกล้า)

๓. จารพระพุทธเจ้า ๑๖ พระองค์ (ตัวผู้ และตัวเมีย)

๔. ปลุกเสกในบาตร (ท่านเจ้าคุณ "พระราชญาณกวี" มอบให้ - บาตรแรกของการเป็นพระ)

๕. ลพ.ต้อย + ลพ.ญา + ลพ.นัน จารอักขระรอบฝาบาตร + บนฝาบาตร + ใต้ฝาบาตร

    อนุโมทนาบุญในกาลนี้, ลพ.ญา + ลพ.นัน มอบวัตถุมงคลร่วมด้วย (เพื่อรวบรวมปัจจัยถวาย ลพ.ต้อย)

๖. จำนวนสร้าง ๙๙ ดอก (ส่วนมากอยู่ที่ตำรวจทั่วประเทศ ซึ่งร่วมทำบุญเหมาไปเกินครึ่ง)

๗. ผู้การเสือได้มอบไว้ให้กระผมจำนวน ๙ ดอก (จารในวาระแรก แต่ยังไม่ได้ตัดจากแผ่นเงิน) สุดท้ายแล้ว

๘. นำมาแจกในกิจกรรมทายปัญหาชิงรางวัลครั้งนี้ จำนวน ๕ ดอก (ที่เหลือไว้แจกในกิจกรรมครั้งต่อๆ ไป)


๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑

ประมวลภาพ ขณะที่ผู้การเสือจารตะกรุดรุ่น ๑ ภายในอุโบสถเก่าวัดบางพระ (ภาพโดยพี่จ๊อบ "ข้าวหลามตัด")
ที่มาของภาพ:
http://www.bp.or.th/webboard/index.php?topic=29087.0













๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒

เกร็ดความรู้จาก..ผู้การเสือ

พระพุทธเจ้า ๑๖ พระองค์ เป็นหัวใจพระอรหันต์

นะ มะ นะ อะ

นอ กอ นะ กะ

กอ ออ นอ อะ

นะ อะ กะ อัง

แก้ สรรพทุกข์, สรรพโศก, สรรพโรค, สรรพภัย แก้คุณไสย มีอิทธิฤทธิ์เหนือความคาดหมาย.

สมัยก่อน วันไหว้ครู (ลพ.เปิ่นยังมีชีวิตอยู่) พวกเราจะนอนที่กุฏิ ลพ.ต้อย เด็กหนุ่มคนใต้เป็นผู้ให้คาถานี้แก่ผม บอกว่าถ้าท่องผิดจะเป็นบ้า แต่ท่องถูก และท่องอยู่ ๓ ปี จะอยู่ยงคงกระพัน สำนักทางใต้จะใช้คาถานี้ทั้งนั้น แม้แต่กระทั่งท่านขุนพันธ์ฯ

ผมจึงพยายามท่องไม่ให้ผิด..ต่อมาทราบว่ามี "ตัวผู้ - ตัวเมีย" ด้วย จึงหัดท่องได้ทั้งคู่..ละครับ.

ผมท่องคาถานี้ไม่เว้น..แม้แต่วันเดียว..ขอให้น้องๆ หัดหมั่นท่องไว้นะครับ...ดีแน่!


(๑๒ ปี ลพ.เปิ่นมรณภาพ)
"ผู้การเสือ"
(๓๐ มิ.ย ๕๗)


๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓

คำถามจาก..ผู้การเสือ

๑. บรรดาศักดิ์ "ท่านขุน" คนสุดท้ายที่มีชีวิตของประเทศไทย คือใคร?
    *ตอบให้ครบทั้งยศ - ราชทินนาม  และเขียนให้ถูกต้องทุกตัวสะกด

๒. "อัศวินแหวนเพชร" คนแรกของประเทศไทย คือใคร?
    *ตอบให้ครบทั้งยศ - ชื่อ - นามสกุล และเขียนให้ถูกต้องทุกตัวสะกด

๓. ชาญ, ตาล และผม ไปกราบ ลพ.คูณ และขอให้ ลพ.คูณ เขียนยันต์ลงในธนบัตร, ลพ.คูณ ปฏิเสธ และสอนว่า ธนบัตรมีรูปในหลวงอยู่ ไม่ควรขีดเขียนอะไรลงไป ซ้ำยังสอนว่าให้ไว้หัวนอนบูชา คำถามคือ ในกรณีเขียนยันต์ลงในธนบัตร ตาม พ.ร.บ. ของธนาคารแห่งประเทศไทย ได้กำหนดโทษไว้หรือไม่ อย่างไร?

๔. มีลายสักยันต์ของวัดบางพระ (ยันต์เดียว) ที่ไม่สักให้ผู้หญิง คือยันต์อะไร?

๕. "ผู้การเสือ" พ.ค. ๕๗ นี้ อายุครบเท่าไร?



๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔

รายละเอียดและกติกาการร่วมกิจกรรม "ทายปัญหา..ชิงรางวัล ตะกรุดผู้การเสือ รุ่น ๑"

- กรุณาปฏิบัติตามกติกาอย่างเคร่งครัด

- สงวนสิทธิ์ในการร่วมกิจกรรมครั้งนี้ให้กับสมาชิกกระดานสนทนาวัดบางพระเท่านั้น

- เปิดให้ร่วมตอบคำถามได้ตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไป, ปิดรับคำตอบในวันศุกร์ที่ ๔ กรกฎาคม ๒๕๕๗ เวลา ๑๘.๐๐ น.

- โพสตอบคำถามได้ในกระทู้นี้กระทู้เดียวเท่านั้น

- สามารถโพสตอบคำถามได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น (๑ ชื่อผู้ใช้งาน/ ๑ โพสคำตอบ) หากโพสตอบซ้ำ จะถือว่าทำผิดกติกา

- สิทธิ์ในการได้รับรางวัลได้แก่ ๕ ท่านแรก ที่โพสตอบคำถามทั้ง ๕ ข้อ ได้ถูกต้องทั้งหมดทุกข้อ (นับจากลำดับการโพสตอบกระทู้)

- ๕ ท่านแรก ที่โพสตอบคำถามทั้ง ๕ ข้อ ได้ถูกต้องทั้งหมดทุกข้อ!! จะได้รับ "ตะกรุดผู้การเสือ รุ่น ๑" (จำนวน ๑ ดอก / ๑ ท่าน)

- สำหรับผู้ที่ตอบคำถามถูกต้องทั้งหมด ๕ (ท่านแรก) กรุณารอการยืนยันสิทธิ์รับรางวัล ซึ่งจะตอบกลับให้ทางระบบข้อความส่วนตัว (pm)

- ผู้ที่ตอบคำถามถูกต้องทั้งหมด (๕ ท่านแรก) และได้รับการยืนยันสิทธิ์รับรางวัลแล้ว กรุณาส่งซองเปล่า (ซองจดหมาย) ติดแสตมป์ ๓๗ บาท จ่าหน้าซองถึงตัวท่านเอง มายังที่อยู่ที่ได้รับจากการยืนยันสิทธิ์รับรางวัลในระบบข้อความส่วนตัว (pm)


๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕

ปุญฺญานุสฺสติ(สิบทัศน์)
วันพุธที่ ๒ กรกฎาคม ๒๕๕๗
เวลา ๑๕.๒๑ น.

222
เหมื่อนหลวงพ่อสืบ วัดสิงห์



รับรองสำเนาถูกต้องครับ

ในภาพคือ ท่านพระครูพิทักษ์วีรธรรม (หลวงพ่อสืบ ปริมุตโต)

ที่ปรึกษาเจ้าคณะตำบลท่าพญา เจ้าอาวาสวัดสิงห์ ต.ท่าพญา อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ครับ.

224
เหรียญวิวองค์พระปฐมเจดีย์รุ่นแรก เนื้อเงิน หลังแบบ



เหรียญเสมาหลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม รุ่น ๒ ผิวไฟ



เหรียญเสมาหลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม รุ่น ๖ รอบ



เหรียญโก๋ใหญ่หลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม ๐๖



พระสมเด็จหลวงพ่อวัดไร่ขิง พิมพ์กลาง ปี ๑๔



ลอคเก็ตหลวงพ่อเปิ่น เลี่ยมทองเดิม (ได้มาอีกองค์)


225

       ข้อห้ามและข้อปฏิบัติ (สำหรับผู้สักยันต์) จะมีความแตกต่างกันไปในแต่ละสำนัก

        วันนี้จึงขอนำเสนอข้อห้ามและข้อควรปฏิบัติสำหรับผู้สักยันต์ของทางวัดบางพระ (ในปัจจุบัน) ที่ได้เรียนสอบถามกับท่านพระครูอนุกูลพิศาลกิจ (หลวงพ่อสำอางค์ ปภสฺสโร) เจ้าอาวาสวัดบางพระรูปปัจจุบัน ซึ่งท่านได้กล่าวไว้ดังนี้

        ๑. ห้ามด่าพ่อแม่บุพการี (ทั้งของตนเองและผู้อื่น)
        ๒. ห้ามผิดลูกผิดเมียผู้อื่น (ผิดลูก หมายถึง ไปล่วงเกินลูกของผู้อื่น กล่าวคือผู้ที่ยังมีผู้ปกครองดูแลอยู่, ผิดเมีย หมายถึง ไปล่วงเกินภรรยา รวมถึงสามีของผู้อื่น และคนที่มีคู่ครองอยู่แล้ว ด้วยเช่นกัน)
        ๓. ห้ามลอดไม้ค้ำต้นกล้วย
        ๔. ห้ามลอดสะพานหัวเดียว (สะพานหัวเดียว มีลักษณะเป็นสะพานริมตลิ่งที่ยื่นลงไปในแม่น้ำ)
        ๕. ห้ามลอดราวตากผ้า (ราวแขวนเสื้อผ้าขายแบบในตลาดทั่วไปไม่ได้ห้าม)
        ๖. หมั่นรักษาศีล ๕ อย่างเคร่งครัด

        ในสมัยก่อนจะมีห้ามกินมะเฟือง น้ำเต้า ฯลฯ แต่ปัจจุบันไม่ได้ห้ามแล้ว โดยหลวงพ่อท่านบอกว่า "ขืนห้ามกินมีหวังอดตาย!!" (ประหนึ่งว่าท่านให้พิจารณาว่าคุณค่าแท้ของการกินอาหารเป็นไปเพื่อยังอัตภาพร่างกายให้ดำรงอยู่ได้เพียงเท่านั้น)

        สำหรับผู้ที่ประพฤติผิดข้อห้ามและข้อปฏิบัติ ก็จะมีผลทำให้อิทธิคุณของรอยสักพร่องไปไม่สมบูรณ์ หรือที่เรียกกันว่า "ของเสื่อม"

        วิธีแก้ไขสำหรับผู้ที่ประพฤติผิดข้อห้ามและข้อปฏิบัติมี ๒ วิธี (อย่างใดอย่างหนึ่งก็ได้) คือ

        ๑. ขอขมาลาโทษสำนึกต่อสิ่งที่ได้เผลอทำพลาดพลั้งไป แล้วมาให้หลวงพ่อสำอางค์ท่านเป่าครอบให้ใหม่อีกครั้ง (ทำผิดอีกก็ต้องมาเป่าครอบใหม่อีกเรื่อยไป)
        ๒. เข้าพิธีไหว้ครูใหญ่ของทางวัดบางพระ (ไหว้ครูประจำปี) ในพิธีไหว้ครูก็จะจัดให้มีมีการกล่าวบูชาครู การขอขมาลาโทษครูบาอาจารย์ต่อสิ่งที่ได้กระทำผิดสัจจะคำครู เป็นต้น

        ส่วนที่เข้าใจกันว่าเมื่อเข้าพิธีไหว้ครูเพียงครั้งเดียวแล้วจะทำให้รอยสักไม่เสื่อมตลอดไป อันนี้ก็เป็นความเข้าใจที่ผิด เพราะเมื่อเข้าพิธีไหว้ครูแล้วไปทำผิดข้อห้ามข้อปฏิบัติอีก อิทธิคุณของรอยสักก็จะพร่องไม่สมบูรณ์เหมือนเดิมอีกเช่นกัน

        ดังนั้น ทางที่ดีคือควรพยายามรักษาสัจจะไม่ให้ผิดข้อห้ามคำครูเป็นการดีที่สุด

        สำหรับผู้ที่ต้องการสักยันต์ที่วัดบางพระ ก็ควรพิจารณาไตร่ตรองให้รอบคอบถี่ถ้วนก่อนตัดสินใจสักยันต์ หากมั่นใจว่าตนเองสามารถรักษาข้อห้าม ทำตามข้อควรปฏิบัติตามสัจจะคำครูดังนี้ได้ ก็ค่อยมาฝากตัวเป็นศิษย์เพื่อเข้ารับการสักยันต์ ไม่เช่นนั้นรอยสักที่แผ่นหลังก็จะไม่ต่างไปกับผิวหนังเปื้อนหมึก (ในกรณีที่ไปประพฤติตัวไม่ดี สัญลักษณ์ร่องรอยการสักบนผิวหนังก็จะเป็นเครื่องฟ้องว่า "เป็นศิษย์จากสำนักใด").

        ย้ำอีกครั้งว่า แต่ละสำนักก็จะมีข้อห้ามข้อปฏิบัติที่แตกต่างกันออกไป สำหรับข้อมูลที่นำมาลงไว้นี้เป็นข้อห้ามและข้อควรปฏิบัติสำหรับผู้ที่สักยันต์ของสำนักวัดบางพระเท่านั้น!!

        (สำหรับคนที่บอกว่า "ถือมากไปก็หนัก" พระอาจารย์รูปหนึ่งท่านฝากถามกลับว่า "แล้วจะสักไปเพื่ออะไร?")


:001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:

เนื้อหาเกี่ยวกับข้อห้าม และข้อควรปฏิบัติ สำหรับผู้ที่สักยันต์ของวัดบางพระ
เรียบเรียงจากการสัมภาษณ์ท่านพระครูอนุกูลพิศาลกิจ (หลวงพ่อสำอางค์ ปภสฺสโร) เจ้าอาวาสวัดบางพระรูปปัจจุบัน
เมื่อวันศุกร์ที่ ๒๐ มิถุนายน ๒๕๕๗ ณ กุฏิใหญ่ (กุฏิพระอุดมประชานาถ (หลวงพ่อเปิ่น)) วัดบางพระ จ.นครปฐม

:001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:

ปุญฺญานุสฺสติ(สิบทัศน์)

226
สำหรับผู้สั่งจองเสื้อฯ ที่ให้จัดส่งไปรษณีย์
สามารถตรวจสอบหมายเลขพัศดุ (ems) ได้ที่
http://track.thailandpost.co.th/trackinternet/Default.aspx

*****************************

คุณปิยะภรณ์ – รามอินทรา – EL255033785TH
คุณณัฐธิดา – ภาษีเจริญ – EL255033794TH
คุณยอดลักษณ์ – อุทัย EL255033803TH
คุณณัฐนันต์ – กำแพงแสน – EL255033817TH
คุณสุนันทา – หนองหญ้าไซ – EL255033825TH
คุณหว่อง – จอมทอง – EL255033834TH
คุณพิศณุ – อ่อนนุช – EL2550338488TH
คุณประเสริฐ – กระทุ่มแบน – EL255033851TH
คุณยงยุทธ – คลองจั่น – EL255033865TH
คุณภาณุมาศ – ระยอง – EL255033879TH
คุณสุวัฒน์ชัย – ยานนาวา – EL255033882TH
คุณนิภาภรณ์ – ภาษีเจริญ – EL255033896TH
คุณศิริวรรณ – มีนบุรี – EL255033905TH
คุณบัณฑิต – คลองหลวง – EL255033919TH
คุณพิเชษฐ์ – สบตุ๋ย – EL255033922TH
คุณชัยนรินทร์ – สามเสนใน – EL255033936TH
คุณนรเสฏฐ์ – ลาดกระบัง – EL255033940TH
คุณวศันต์ – อ่าวอุดม – EL255033953TH
คุณชญาภา – ภูเก็ต – EL255033967TH
คุณอรรถศักดิ์ – คลองหลวง – EL255033975TH
คุณธานุวัฒน์ – จตุจักร – EL255033984TH
คุณเฟื่องฟ้า – เกาะช้าง – EL255033998TH
คุณพัลลภ – ลาดพร้าว – EL255034004TH
คุณพรพิมล – อ้อมน้อย – EL255034018TH
คุณบดินทร์ – แม่สอด – EL255034021TK
คุณณัฐชานันท์ – บางขุนเทียน – EL255034035TH
คุณวีรศักดิ์ – เถิน – EL255034049TH
คุณทิพาวรรณ – วิทยาลัยขอนแก่น – EL255034052TH
คุณปฐมศักดิ์ – นครปฐม – EL255034066TH
คุณสวรินทร์ – สามเสนใน – EL255034070TH
คุณนิพล – ศรีราชา – EL255034083TH
คุณภัทร – ลาดพร้าว – EL255034097TH
คุณอนุภัทร – ลพบุรี – EL255034106TH
คุณชัยวัฒน์ – สงขลา – EL255034110TH
คุณพสิษฐ์ – บางขุนเทียน – EL255034123TH
คุณราเมศร์ – ดุสิต – EL255034137TH
คุณรจนา – รังสิต – EL255034145TH
คุณชยุต – ลาดกระบัง – EL255034154TH
คุณชรินทร์ – จรเข้บัว – EL255034168TH
*****************************

(หากรายชื่อตกหล่น กรุณาแจ้งโดยโพสผ่านแฟนเพจวัดบางพระ (www.facebook.com/bp.or.th )อีกครั้ง เพื่อดำเนินการแก้ไขให้ครับ)

*****************************
สำหรับผู้สั่งจองเสื้อฯ ที่มารับเองที่วัด
สามารถมารับเสื้อได้ที่ "สำนักงานวัดบางพระ"
ติดต่อรับเสื้อที่: พระสุธี (หลวงพี่เก่ง).

227

ขอเชิญร่วมทำบุญ วันคล้ายวันมรณภาพพระอุดมประชานาถ (เปิ่น ฐิตคุโณ) ครบรอบ ๑๒ ปี

ในวันจันทร์ที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๗ ณ วัดบางพระ ต.บางแก้วฟ้า อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม

เวลา ๑๐.๐๐ น. พระสงฆ์ทรงสมณศักดิ์ ๑๐ รูป สวดพระพุทธมนต์

เวลา ๑๑.๐๐ น. ถวายภัตตาหารเพลแด่พระภิกษุสงฆ์ ๑๐๐ รูป

เวลา ๑๒.๐๐ น. ทักษิณานุประทาน

 
:089: :089: :089: :089: :089: :089: :089: :089: :089: :089: :089: :089: :089: :089: :089:

228


        "ในตอนแรกๆ นั้น อาตมาคิดว่าได้เรียนวิชาเอกไว้มากมายแล้ว และได้เรียนรู้ในข้อธรรมทั้งหลายลึกซึ้งดีแล้ว แต่ที่ไหนได้ พอได้พบได้สนทนากับผู้ที่มีความรู้และภูมิธรรมสูงกว่า และเป็นผู้ที่ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ดำริตนให้พ้นจากอาสวะกิเลสทั้งปวงแล้วนั้น ทำให้อาตมารู้สึกว่า อาตมาเองเหมือนกบอยู่ในกะลาครอบจะต้องเรียนรู้จะต้องศึกษาอีกมากมาย และยังต้องบำเพ็ญเพียรทางจิตอีกมากจึงจะเทียบเท่าท่านผู้รู้เหล่านั้นได้ เพราะขณะนั้นอาตมายังไม่ได้ปฏิบัติตน ไม่เคยเห็นโลกกว้างเหมือนผู้รู้ผู้แสวงหา ไม่ได้ถึงธรรมอย่างแท้จริง และปฏิบัติกันอยู่แค่วิชาความรู้ทางไสยศาสตร์เพียงอย่างเดียว ไม่อาจนำพาตัวเองรอดจากเวียนว่ายตายเกิดได้ เลยต้องศึกษา ปฏิบัติควบคู่ไปเป็นพลังเสริมความมั่นคงอันเกิดความก้าวหน้าทางจิต จนกระทั่งได้พบกับแสงสว่างทางธรรมอันสมควรอีกด้วย และถ้าอาตมาไม่แสวงหาวิชาความรู้ต่างๆ ที่กระจัดกระจายอยู่ทั่วแผ่นดินแล้ว ก็อยู่เพียงเท่านี้ไม่ก้าวหน้า ต่อไปวิชาก็ไม่แน่นอน ไม่ได้เห็นแสงสว่างทางธรรม และยังไม่ได้เข้าถึงคุณวิชาที่เข้าศึกษาจึงจำเป็นต้องไป เพื่อกาลข้างหน้าจะได้เป็นผู้รู้ได้บ้าง แต่จะได้มากน้อยแค่ไหนก็แล้วแต่บุญกุศลเถิด ว่าจะสนองตอบเราได้เพียงไหน"

:001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:

ที่มา: คณะกรรมการวัดบางพระ-วิทยาลัยการอาชีพบางแก้วฟ้า (หลวงพ่อเปิ่นอุปถัมภ์). ประวัติพระอุดมประชานาถ (หลวงพ่อเปิ่น)
เทพเจ้าแห่งลุ่มแม่น้ำนครชัยศรี วัดบางพระ นครปฐม. (น.๑). นครปฐม: ทองบุญการพิมพ์.

:001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:

ปุญฺญานุสฺสติ(สิบทัศน์)

229
สรุปรายชื่อผู้ที่ได้รับรางวัลทั้ง ๖ ท่านแรก มีดังนี้

๑. Jamesveerawat
๒. aody2k
๓. muangsavan7
๔. tuekidyo1412
๕. tum72
๖. achita

ขอบคุณทุกท่านที่ร่วมกิจกรรมครั้งนี้

โอกาสหน้าแล้วพบกันในกิจกรรมครั้งต่อไป

ขออนุญาตปิดกระทู้ครับ.

230


สวัสดีครับ ผม "เก่ง" นายวีรวัชร์ ไชยาศรี

ยินดีที่ได้รู้จักทุกท่านอีกครั้งครับ  :077:

231
[shake]ปิดกิจกรรมแล้ว..[/shake]



ตะกรุดเมตตา เนื้อเงิน จารมือ ถักด้วยสายสิญจน์ในพิธีไหว้ครูหลวงพ่อเปิ่นปี ๕๗
ลงรักปิดทองคำเปลว
(ที่หลวงพ่ออธิษฐานจิตไว้ใช้สำหรับลงนะหน้าทอง-สาริกาลิ้นทอง)
ปลุกเสกในพิธีเสาร์ ๕ (๑๙ เม.ย. ๕๗) จำนวนสร้าง ๘ ดอก
หลวงพ่อสำอางค์เมตตาให้นำมาแจกสมาชิกกระดานสนทนาวัดบางพระ ๖ ดอก
(มอบให้พี่หนึ่งผู้การเสือ ๑ ดอก และลุงจำนงค์ มือขวาหลวงพ่ออีก ๑ ดอก)










รายละเอียดและกติกาการร่วมลงชื่อรับรางวัล (กรุณาปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด)

- สงวนสิทธิ์ในการแจกรางวัลครั้งนี้ให้กับสมาชิกกระดานสนทนาวัดบางพระเท่านั้น

- เนื่องจากมงคลวัตถุมีจำนวนจำกัดและเพื่อความเท่าเทียมกันของเพื่อนสมาชิก ดังนั้นจึงขอเปิดให้ร่วมลงชื่อเพื่อรับรางวัลในวันอังคารที่ ๒๙ เมษายน ๒๕๕๗ ตั้งแต่เวลา ๑๘.๐๐ น. เป็นต้นไป (โดยโพสตอบในกระทู้นี้เท่านั้น, ๑ ท่าน ต่อ ๑ โพส)

- สิทธิ์ในการได้รับรางวัลได้แก่ ผู้ที่ลงชื่อรับรางวัล ๖ ท่านแรก (นับจากลำดับการโพสตอบกระทู้)

- ก่อนโพสตอบกระทู้ ให้ผู้ที่จะร่วมลงชื่อรับรางวัลอาราธนาสมาทานศีล ๕ ก่อน โดยกล่าวตามดังนี้ (ให้กล่าวคำสมาทานศีลด้วยตนเองก่อนโพสลงชื่อ ไม่ต้องโพสคำสมาทานศีลมาในการตอบกระทู้)..

   "นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
   นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
   นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
   มะยัง ภันเต วิสุง วิสุง รักขะนัตถายะ
   ติสะระเณนะสะหะ ปัญจะ สีลานิยาจามะ
   ทุติยัมปิ มะยังภันเต วิสุง วิสุง รักขะนัตถายะ
   ติสะระเณนะสะหะ ปัญจะ สีลานิยาจามะ
   ตะติยัมปิ มะยังภันเต วิสุง วิสุง รักขะนัตถายะ
   ติสะระเณนะสะหะ ปัญจะ สีลานิยาจามะ
   พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
   ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
   สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ
   ทุติยัมปิ พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
   ทุติยัมปิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
   ทุติยัมปิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ
   ตะติยัมปิ พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
   ตะติยัมปิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
   ตะติยัมปิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ
   ปาณาติปาตา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
   อะทินนาทานา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
   กาเมสุ มิจฉาจารา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
   มุสาวาทา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
   สุราเมระยะมัชชะปะมาทัฎฐานา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
   อิมินา ปัญจะสิกขา สมาธิยามิ
   อิมินา ปัญจะสิกขา สมาธิยามิ
   อิมินา ปัญจะสิกขา สมาธิยามิ".

- ผู้ที่ลงชื่อรับรางวัล ๖ ท่านแรก จะได้รับ ตะกรุดเมตตา พิธีเสาร์ ๕ (ตะกรุด ๑ ดอก/ ๑ ท่าน)

- สำหรับผู้ที่ลงชื่อรับรางวัล ๖ ท่านแรก กรุณารอการยืนยันสิทธิ์รับรางวัล ซึ่งจะตอบกลับให้ทางระบบข้อความส่วนตัว (pm)

- ผู้ที่ลงชื่อรับรางวัล ๖ ท่านแรกและได้รับการยืนยันสิทธิ์รับรางวัลแล้ว กรุณาส่งซองเปล่า (ซองเอกสาร) ติดแสตมป์ ๓๗ บาท จ่าหน้าซองถึงตัวท่านเอง มายังที่อยู่ที่ได้รับจากการยืนยันสิทธิ์รับรางวัลในระบบข้อความส่วนตัว (pm)



:001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:


[shake]
ย้ำอีกครั้ง!! จะเปิดให้ลงชื่อรับรางวัลในกระทู้นี้ ในวันอังคารที่ ๒๙ เมษายน ๒๕๕๗
เวลา ๑๘.๐๐ น. เป็นต้นไป

:001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:

***ผู้การเสือฝากข่าวเตรียมนำตะกรุดผู้การเสือมาแจกให้กับเพื่อนสมาชิกเว็บไซต์วัดบางพระเร็วๆ นี้***

:001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:

ปุญฺญานุสฺสติ(สิบทัศน์)
๒๖ เมษายน ๒๕๕๗

232

รายชื่อสมาชิกที่สั่งจองเสื้อผ่านทางกระดานสนทนา

หากมีรายชื่อสมาชิกที่ตกหล่น จำนวนที่สั่ง ขนาดเสื้อ เพศ ที่ไม่ถูกต้องกรุณาแจ้งเพื่อแก้ไขภายในวันที่ 2 พฤษภาคม 2557


1      nok2009       XXL      1   รับที่วัด

2      ศิษย์วัดโคกเขมา       XXXL      1   รับที่วัด
2      ศิษย์วัดโคกเขมา       L      1   รับที่วัด

3      เว็บมาสเตอร์       L      1   รับที่วัด
3      เว็บมาสเตอร์       XL      1   รับที่วัด

4      toomeras       M      1   

****************************************

จากเฟสบุ๊ควัดบางพระ จ.นครปฐม (หลวงพ่อเปิ่น)
https://www.facebook.com/Bp.or.Th/posts/688580677868939

*** ผู้จองที่โอนเงินแล้ว *** (สรุป ณ 02/05/57 เวลา 24.00 น.) ***

1. นายบดินทร์ หมู่เขียว___ชาย XL---1 ตัว
2. คุณนิภาภรณ์ อุ่นจันทร์____ชาย L---1 ตัว
3. น.ส.เฟื่องฟ้า อภิบาลศรี____หญิง M---2 ตัว
4. น.ส.ณัฐชานันท์ นาคเวช___หญิง S---1 ตัว
5. คุณธานุวัฒน์ พรมจันทร์___ชาย L---1 ตัว
6. น.ต.พิศณุ คูมีชัย___ชาย S---1 ตัว / ชาย M---1 ตัว
7. คุณสวรินทร์___ชาย M---1 ตัว
8. คุณพรพิมล สมนอก___ชาย L---1 ตัว
9. นายนิพล สนธิ์จันทร์___ชาย M---1 ตัว
10. น.ส.ชญาภา ประเสริฐ___ชาย XXL---1 ตัว / หญิง L---1 ตัว
11. นายประเสริฐ บุญเชื้อ___ชาย XXXL---1 ตัว
12. นายภัทร ศรีใหม่___ชาย M---1 ตัว
13. คุณชรินทร์ ศิระวงษ์ธรรม___ชาย XXXL---1 ตัว
14. นายวีรศักดิ์ ทิพย์แก้ว___ชาย L---1 ตัว / หญิง M---1 ตัว
15. คุณทิพาวรรณ จันทะรี___ชาย L---1 ตัว
16. ว่าที่ ร.ต.อนุภัทร ขันศิริ___ชาย L---1 ตัว

17. นายพัลลภ สนธิ___ชาย S ---1 ตัว
18. นายนรเสฏฐ์ โรจน์ธนชัยกุล___ชาย XL ---1 ตัว / หญิง S ---1 ตัว
19. คุณณัฐธิดา ฤกษ์ชัยโสภณ___ชาย L ---1 ตัว / หญิง L ---1ตัว / หญิง M ---1 ตัว
20. คุณปฐมศักดิ์ ผลิเจริญสุข___ชาย 4XL ---1 ตัว
21. นายยอดลักษณ์ สิงห์นันท์___ชาย L ---2 ตัว / หญิง M ---2 ตัว
22. คุณวสันต์ โสภา___M---1 ตัว
23. คุณวิชิต เรียงสันเทียะ___ชาย M ---2 ตัว / ชาย L ---2 ตัว / ชาย XL --- 1 ตัว
24. นายภาณุมาศ เกิดชูชื่น___ชาย XL --- 1 ตัว
25. คุณหว่อง หอฉัน___ชาย L ---1 ตัว
26. คุณชัยนรินท์ ธนานันต์สุวรรณ___ชาย M ---2 ตัว

27. นายสมบัติ ดอกไม้ศรีจันทร์___ชาย XL ---1 ตัว
28. วีรวัชร ไชยาศรี___หญิง M ---1 ตัว

29. คุณอรรถศักดิ์ ตันตรัตนพงษ์___ชาย XL ---1 ตัว / หญิง L ---1 ตัว
30. จ.ส.อ.ราเมศร์ บุญพึ่ง___ชาย M ---1 ตัว / หญิง M ---1 ตัว
31. นายยงยุทธ หงส์ศา___ชาย XL---1 ตัว
32. คุณสุนันทา สีบานเย็น___ชาย XL---1 ตัว / ชาย L---2 ตัว / หญิง L---1 ตัว
33. นายสุวัฒน์ชัย บุญธรรม___ชาย XXXL ---1 ตัว
34. นายณัฐนันต์ คงบางพระ___ชาย XL ---1 ตัว / หญิง XL ---2 ตัว
35. คุณปิยะภรณ์ ผดุงพิทักษ์ชน___หญิง L ---1 ตัว / หญิง M ---1 ตัว / ชาย XXL ---1 ตัว
36. นายพสิษฐ์ จันทร์สุคนธ์___ชาย XXL ---1 ตัว
37. นายบัณฑิต เชิญขวัญ___ชาย XXL ---1 ตัว

233
[shake]ปิดจองแล้วครับ[/shake]

สวัสดีเพื่อนร่วมสมาชิกทุกท่านครับ

เนื่องจากเสื้อที่ระลึกของ เว็บไซต์วัดบางพระ รุ่นที่ 6 (ที่ได้เปิดจำหน่ายในวันไหว้ครูที่ผ่านมา) ที่ได้หมดลงไปแล้วนั้น
ได้มีผู้สนใจ (รวมทั้งผู้ที่ไม่สามารถมาร่วมงานไหว้ครูได้จำนวนหนึ่ง) ขอร้องให้ทำเพิ่มเติม

ทางแฟนเพจเฟสบุ๊ควัดบางพระ จ.นครปฐม (หลวงพ่อเปิ่น) จึงได้ทำการสำรวจความคิดเห็นของเพื่อนสมาชิก
(ตามลิ้งค์นี้ .. https://www.facebook.com/Bp.or.Th/posts/672035206190153 )
ซึ่งผลปรากฏออกมาว่ามีผู้แสดงความจำนง และต้องการที่จะให้ทำเสื้อเพิ่มเติม มาเป็นจำนวนมาก

ดังนั้น ทางทีมงานเว็บไซต์วัดบางพระจึงได้ตัดสินใจเปิดให้สั่งจองเสื้อที่ระลึก เว็บไซต์วัดบางพระ รุ่นที่ 6 (รอบ 2)

ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปจนถึง วันศุกร์ที่ 2 พฤษภาคม 2557


หลังจากตัดเย็บเสร็จแล้วจะนำไปขอบารมีจากหลวงพ่อเปิ่นและขอความเมตตาจากหลวงพ่อสำอางค์ เจ้าอาวาสวัดบางพระ
อธิษฐานจิตปลุกเสก เพื่อความเป็นศิริมงคลกับสมาชิกทุกๆ ท่าน

เสื้อชาย
รอบอกของเสื้อ (นิ้ว) Size  
40" - S
42" - M
44" - L
46" - XL
48" - XXL
52" - XXXL

เสื้อหญิง
รอบอกของเสื้อ (นิ้ว) Size  
30" - SS
32" - S
34" - M
36" - L
38" - XL
40" - XXL

*** สำหรับท่านหญิงหรือชายที่มีขนาดเหนือมาตรฐาน กรุณาแจ้งขนาดรอบอกด้วย เราจะดูแลท่านเป็นกรณีพิเศษ

ราคา 350 บาท ราคาดังกล่าวรวมค่าจัดส่งแล้ว ครับ

การสั่งจอง : มี 3 ช่องทาง
1. ผ่านกระดานสนทนา (โพสสั่งจองในกระทู้นี้ แล้วโอนเงินตามจำนวนที่จองตามรายละเอียดบัญชีด้านล่าง)
2. ผ่านแฟนเพจเฟสบุ๊ค "วัดบางพระ จ.นครปฐม (หลวงพ่อเปิ่น)" https://www.facebook.com/Bp.or.Th/posts/674018029325204?stream_ref=10
3. ที่วัดบางพระ (สั่งจองกับพระสุธี สุเมโธ "หลวงพี่เก่ง" ที่กุฏิทรงไทยชายน้ำ, สำนักงานวัดบางพระ)

การโอนเงิน :
ธนาคารกสิกรไทย สาขาห้วยพลู อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม
ชื่อบัญชี พระสุธี สุเมโธ
บัญชีออมทรัพย์ เลขที่บัญชี 368-2-46922-5


**เพื่อง่ายต่อการตรวจสอบ กรุณาโอนมีเศษสตางค์ด้วยครับ เช่น 350.72 หรือโอนให้เป็นจำนวนเต็มเพื่อร่วมทำบุญตามกำลังศรัทธา โดยรายได้หลังหักค่าใช้จ่ายจะนำไปบูรณกุฏิริมน้ำ วัดบางพระ

กำหนดการโอนเงิน :
ภายในวันศุกร์ที่ 2 พ.ค. 57

การสั่งจองผ่านกระดานสนทนาวัดบางพระ
เมื่อโอนเรียบร้อยแล้วกรุณาแจ้งรายการการจอง และแนบภาพหลักฐานการโอนเงิน/ใบสลิป มาตามรายละเอียดข้างต้น มาทางข้อความ (pm)

การสั่งจองผ่านแฟนเพจเฟสบุ๊ค "วัดบางพระ จ.นครปฐม (หลวงพ่อเปิ่น)"
เมื่อโอนเรียบร้อยแล้วกรุณาแจ้งรายการการจอง และแนบภาพหลักฐานการโอนเงิน/ใบสลิป มาตามรายละเอียดข้างต้น มาทางข้อความ (inbox) ของแฟนเพจเฟสบุ๊ค "วัดบางพระ จ.นครปฐม (หลวงพ่อเปิ่น)"

=== ถ้าไม่โอน จะไม่ทำเสื้อให้นะครับ ===

กำหนดการจัดทำเสื้อ :
เมื่อปิดรับจองแล้วจะสั่งการผลิต คาดว่าใช้เวลาในการผลิตประมาณ 2 สัปดาห์

การรับเสื้อ :
มีสองทางเลือก คือ
1. จัดส่งตามที่อยู่ที่ระบุไว้  ทางไปรษณีย์

สำหรับผู้ที่สั่งจองผ่านกระดานสนทนาวัดบางพระ
- กรุณาแจ้ง ชื่อ นามสกุล (เบอร์โทรศัพท์) ที่อยู่ ให้ชัดเจนที่สุด รวมถึง ถนน, หมู่ , ตรอก, ซอย, รหัสไปรษณีย์  มาทางข้อความส่วนตัว (pm)

สำหรับผู้ที่สั่งจองผ่านแฟนเพจเฟสบุ๊ค "วัดบางพระ จ.นครปฐม (หลวงพ่อเปิ่น)"
- กรุณาแจ้ง ชื่อ นามสกุล (เบอร์โทรศัพท์) ที่อยู่ ให้ชัดเจนที่สุด รวมถึง ถนน, หมู่ , ตรอก, ซอย, รหัสไปรษณีย์  มาทางข้อความ (inbox)

2. รับเองที่สำนักงานวัดบางพระ

สำหรับผู้ที่จะมารับเองที่สำนักงานวัดบางพระ เมื่อดำเนินการผลิตเสื้อเสร็จเรียบร้อยแล้ว จะแจ้งวันเวลามารับเสื้อให้ทราบต่อไป

:001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:

เกิดปัญหาหรือติดขัดประการใดติดต่อได้ที่แฟนเพจเฟสบุ๊ค วัดบางพระ จ.นครปฐม (หลวงพ่อเปิ่น)
: www.facebook.com/bp.or.th

:001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:

234
ความเมตตาจากหลวงพ่อสำอางค์













ตะกรุดเงินจารมือ ถักด้วยสายสิญจน์ในพิธีไหว้ครูหลวงพ่อเปิ่นปี ๕๗ ลงรักปิดทอง
ปลุกเสกในพิธีเสาร์ ๕ (๑๙ เม.ย. ๕๗) จำนวนสร้าง ๘ ดอก
หลวงพ่อสำอางค์เมตตาให้นำมาแจกสมาชิกกระดานสนทนาวัดบางพระ ๖ ดอก
(มอบให้พี่หนึ่งผู้การเสือ ๑ ดอก และลุงจำนงค์ มือขวาหลวงพ่ออีก ๑ ดอก)
ติดตามกิจกรรมได้เร็วๆ นี้


รูปหลวงพ่อเปิ่น จากวัดโคกเขมา (วัดเก่าหลวงพ่อเปิ่น) จำนวนสร้าง ๒๐๐ รูป



หลวงพี่ปาดเมตตา..





จากอาจารย์หนวด


จากพี่เอ




235
๗ ฯ ๕
 ๕
วันที่ ๑๙ เมษายน พ.ศ.๒๕๕๗
วันเสาร์ แรม ๕ ค่ำ เดือน ๕ ปีมะเมีย จ.ศ.๑๓๗๖
เวลา ๐๗.๐๙ น. ลัคนาราศีเมษ
ประกอบด้วย มหัทธโนฤกษ์

กุฏิใหญ่ยามเช้า


ก่อนเริ่มพิธี






เตรียมสถานที่
















ผู้การเสืออาราธนาพระปริตร






เวลา ๐๗.๐๙ น. พระครูอนุกูลพิศาลกิจ (หลวงพ่อสำอางค์ ปภสฺสโร) เจ้าอาวาสวัดบางพระ จุดเทียนชัย


































เวลา ๐๗.๔๙ น. หลวงพ่อสำอางค์ดับเทียนชัย


























ติดต่อรับพระ (สำหรับผู้ที่สั่งจองไว้) และร่วมบุญบูชาได้แล้วที่หลวงพี่ปาด ข้างกุฏิหลวงพี่ต้อย.



:001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:

ปุญฺญานุสฺสติ(สิบทัศน์)
วันอาทิตย์ที่ ๒๐ เมษายน ๒๕๕๗
เวลา ๐๒.๐๙ น.

236
กิจกรรมการละเล่นฯ






ประเดิม


วันเกิด


ถวายปัจจัยผ้าป่าสามัคคี ยอดรวม ๑๐๖,๖๘๐ บาท




แจกของที่ระลึก


ก่อพระเจดีย์ทราย






บรรยากาศรอบๆ














รดน้ำดำหัวผู้สูงอายุในตำบลบางแก้วฟ้า


































เวลาประมาณ ๑๓.๑๕ น.






































































๑๓.๕๕ น. เสร็จพิธี กลับกุฏิ..


:001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:

237


จากที่มีการกล่าวถึงพระผงหลวงพ่อเปิ่นนั่งเสือหลังหนุมาน ปี ๔๑ กันอย่างแพร่หลายว่า

หากด้านหลังเป็นพิมพ์หนุมานถือดอกบัว แสดงว่าเป็นของปลอมของเลียนแบบนั้น

วันนี้จึงนำข้อมูลที่เป็นข้อเท็จจริงจากผู้สร้างพระผงรุ่นนี้มาเล่าสู่กันฟัง ดังนี้..

พระผงรุ่นนี้สร้างขึ้นเมื่อปี ๒๕๔๑ โดยพระมหาสมชาย สทฺธาธิโก จำแนกได้ ๒ พิมพ์ทรง คือ

พิมพ์ทรงที่ ๑ ด้านหน้าตรงเข่าหลวงพ่อเปิ่นด้านขวา จะมีเส้นลายน้ำพาดลงมา ๒ เส้น ส่วนด้านหลังจะเป็นรูปหนุมานถือดอกบัวและห้อยตรีศูล

พิมพ์ทรงที่ ๒ ด้านหน้าตรงเข่าหลวงพ่อเปิ่นด้านขวาจะไม่มีลายน้ำพาดลงมา ส่วนด้านหลังจะเป็นรูปหนุมานไม่ถือดอกบัวและห้อยพระขรรค์

โดยทั้ง ๒ พิมพ์ทรงนี้ จำแนกออกเป็นพิมพ์ใหญ่ (ขนาดใหญ่) และพิมพ์เล็ก (ขนาดเล็ก) อีกด้วยเช่นกัน

(*รายละเอียดเท่าที่หลวงพ่อพระมหาสมชายจำได้มีเพียงเท่านี้)

ดังนั้นหากพบเห็นพระรุ่นนี้ที่ด้านหลังเป็นรูปหนุมานถือดอกบัว ก็อย่าเพิ่งด่วนสรุปว่าเป็นของปลอมไปซะทีเดียว

(ของปลอมก็มีทำออกมาแล้วเช่นกัน แต่เนื้อหายังทำได้ไม่ใกล้เคียงกับของแท้)


:001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:

ข้อมูลประวัติพระผงหลวงพ่อเปิ่นนั่งเสือหลังหนุมาน ปี ๔๑
เรียบเรียงจากการสัมภาษณ์พระมหาสมชาย สทฺธาธิโก (ผู้สร้างพระผงรุ่นนี้)
เมื่อวันอังคารที่ ๑๕ เมษายน ๒๕๕๗ เวลา ๑๗.๐๙ น.
ณ กุฏิพระมหาสมชาย วัดบางพระ จ.นครปฐม


 :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:


ปุญฺญานุสฺสติ(สิบทัศน์)
วันพุธที่ ๑๖ เมษายน ๒๕๕๗
เวลา ๒๓.๔๘ น.

238
มีให้สั่งจองบูชาทางเว็บหรือเปล่าค่ะ พอดีว่าไม่ได้เข้าไปที่วัดน่ะค่ะ

เรียนสอบถามกับหลวงพี่ปาดแล้ว ท่านบอกว่าเปิดให้จองที่วัดอย่างเดียวครับ.

239



ขอเชิญร่วมสั่งจองวัตถุมงคล "องค์พิฆเนศ รุ่น มงคลจักรวาล" และ "มีดหมอ (หลวงพี่ต้อยจารมือทุกเล่ม)" เพื่อสมทบทุนจัดซื้อรถพยาบาลและอุปกรณ์ช่วยชีวิตเพื่อมอบให้กับโรงพยาบาลหลวงพ่อเปิ่น จัดสร้างโดยพระประสิทธิ์ ธมฺมโชโต (หลวงพี่ต้อย)

รายการวัตถุมงคลที่เปิดให้ร่วมบุญสั่งจองมีดังนี้



"องค์พิฆเนศ รุ่น มงคลจักรวาล"

๑.ลูกอมพระพิฆเนศ องค์บูชา หล่อโบราณนำฤกษ์ พร้อมฐานและครอบแก้ว
   จำนวนสร้าง ๑๙ องค์ ร่วมบุญองค์ละ ๔,๙๙๙ บาท

๒.ลูกอมพระพิฆเนศ เนื้อโลหะรมมันปู องค์บูชา ขนาดประมาณ ๓ นิ้ว (สูงประมาณ ๕ นิ้ว)
   จำนวนสร้าง ๑๙๙ องค์ ร่วมบุญองค์ละ ๒,๕๐๐ บาท

๓.ลูกอมพระพิฆเนศ เนื้อเงิน ก้นอุดผงมวลสารเก่า, เกศาหลวงพ่อเปิ่น, ตะกรุดทองคำจารมือ
   จำนวนสร้าง ๑๙๙ องค์ ร่วมบุญองค์ละ ๒,๕๐๐ บาท

๔.ลูกอมพระพิฆเนศ เนื้อนวะโลหะ ก้นอุดผงมวลสารเก่าหลวงพ่อเปิ่น, ตะกรุดเงินจารมือ
   จำนวนสร้าง ๒๙๙ องค์ ร่วมบุญองค์ละ ๑,๐๐๐ บาท

๕.ลูกอมพระพิฆเนศ เนื้อสำริด ก้นอุดกริ่ง
   จำนวนสร้าง ๑,๙๙๙ องค์ ร่วมบุญองค์ละ ๒๙๙ บาท


***วัตถุมงคล มีโค้ด และหมายเลขกำกับทุกรายการ





"มีดหมอ (หลวงพี่ต้อยจารมือทุกเล่ม)"

๑.มีดหมอทำจากกระดูกช้าง (หัวแกะท้าวเวสสุวรรณ)
   จำนวนสร้าง ๓๐ เล่ม ร่วมบุญเล่มละ ๑,๕๐๐ บาท

๒.มีดหมอทำจากไม้มะเกลือ (หัวแกะท้าวเวสสุวรรณ)
   จำนวนสร้าง ๔ เล่ม ร่วมบุญเล่มละ ๑,๕๐๐ บาท

๓.มีดหมอทำจากไม้มะเกลือ (หัวแกะพระพิฆเนศ)
   จำนวนสร้าง ๑๐ เล่ม ร่วมบุญเล่มละ ๑,๕๐๐ บาท

๔.มีดหมอทำจากกระดูกช้าง (ธรรมดา)
   จำนวนสร้าง ๑๐ เล่ม ร่วมบุญเล่มละ ๑,๐๐๐ บาท

๕.มีดหมอทำจากไม้มะเกลือ (ธรรมดา)
   จำนวนสร้าง ๑๐ เล่ม ร่วมบุญเล่มละ ๑,๐๐๐ บาท



:001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:

  
พิธีปลุกเสก ณ อุโบสถวัดบางพระ ในวันเสาร์ที่ ๑๙ เมษายน ๒๕๕๗
เสาร์ ๕ (วันเสาร์ แรม ๕ ค่ำ เดือน ๕)

ติดต่อร่วมบุญสั่งจองวัตถุมงคลได้ที่หลวงพี่ปาด (ข้างกุฏิหลวงพี่ต้อย)

รับวัตถุมงคลได้ตั้งแต่วันที่ ๒๕ เมษายน ๒๕๕๗ เป็นต้นไป.

240
วันอังคารที่ ๒๕ มีนาคม ๒๕๕๗ ณ วัดโคกเขมา (วัดเก่าหลวงพ่อเปิ่น)

พระครูอนุกูลพิศาลกิจ (หลวงพ่อสำอางค์ ปภสฺสโร) เป็นประธานหล่อรูปเหมือนพระครูสุพจน์วราภรณ์ (หลวงพ่อหยุด วัดละมุด พระอุปัชฌาย์ของหลวงพ่อสำอางค์)
























พระครูสิริปุญญาภิวัฒน์ (บุญสม ผลญาโณ) เจ้าคณะอำเภอนครชัยศรี เจ้าอาวาสวัดสำโรง จ.นครปฐม



พระครูพิจิตรสรคุณ (หลวงพ่อพร ปภากโร) เจ้าอาวาสวัดบางแก้ว จ.นครปฐม










นายห้างทวีชัย จริยะเอี่ยมอุดม บริษัทท๊อปไลน์ ไดมอนด์ ประธานเททองฝ่ายฆราวาส


พระครูอนุกูลพิศาลกิจ (หลวงพ่อสำอางค์ ปภสฺสโร) เจ้าอาวาสวัดบางพระ ประธานเททองฝ่ายสงฆ์










:001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:

ปุญฺญานุสฺสติ(สิบทัศน์)
วันศุกร์ที่ ๒๘ มีนาคม ๒๕๕๗
เวลา ๑๙.๒๒ น.

241
"เป่าดับพิษไฟ, ดับพิษเหล็ก" กับ "เป่าครอบ" รายละเอียดแตกต่างกัน

แต่เมื่อสักยันต์เสร็จ ก็ควรขึ้นมาบนกุฏิใหญ่ให้หลวงพ่อสำอางค์ท่าน "เป่าครอบ" ทุกครั้งไป

หลวงพ่อสำอางค์ท่านเคยเล่าให้ฟัง ประมาณนี้ครับ.


ภาพหลวงพ่อสำอางค์กำลังเป่าครอบให้กับผู้ที่สักยันต์เสร็จแล้ว.

242
เฉลย ปัจจุบันหลวงพ่อฟู วัดบางสมัคร อายุ ๙๑ ปี

ผู้ที่ตอบถูก ๙ ท่านแรก มีดังนี้

๑. C_92

๒. itthipong

๓. โยคี

๔. at

๕. AoF_zA

๖. weerawut67

๗. dawvan

๘. zoombeam

๙. vittaya99

ทั้ง ๙ ท่านที่ได้รับรางวัล กรุณาปฏิบัติตามกติกาที่แจ้งในระบบยืนยันสิทธิ์การรับรางวัลอย่างเคร่งครัด

ขอบคุณทุกท่านที่ร่วมกิจกรรมครั้งนี้ .. ขอบคุณครับ

243
คำถาม ปัจจุบันหลวงพ่อฟู วัดบางสมัคร อายุเท่าไหร่?


เนื่องในโอกาสครบรอบอายุวัฒนมงคล ๙๐ ปี ของคุณแม่ไพฑูรย์ จารุมิลินท (คุณแม่ผู้การเสือ)

ผู้การเสือจึงได้นำพระสมเด็จหลวงพ่อฟู วัดบางสมัคร มาแจกแก่เพื่อนสมาชิกกระดานสนทนาวัดบางพระที่ตอบ
คำถามได้ถูกต้อง จำนวน ๙ องค์

โดยผู้การเสือได้ขยายความให้รายละเอียดเพิ่มเติมไว้ว่า..

พระสมเด็จนี้ได้เข้าพิธีปลุกเสกอธิษฐานจิตถึง ๒ ครั้ง ที่สำคัญคือใช้คาถา "อิติปิโสถอยหลัง" เสก ๑๐๘ จบ และเป็นพระเก็บเก่าที่ผู้การเสือรับมากับมือหลวงพ่อฟูเองโดยตรง


 
:001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:

รายละเอียดและกติกาการร่วมกิจกรรม

- สงวนสิทธิ์ในการร่วมกิจกรรมครั้งนี้ให้กับสมาชิกกระดานสนทนาวัดบางพระเท่านั้น

- สามารถโพสตอบ
คำถามได้ในกระทู้นี้เท่านั้น

- สามารถตอบ
คำถามได้ท่านละ ๑ ครั้งเท่านั้น (๑ ท่าน ต่อ ๑ คำตอบ)

- ผู้ที่ตอบ
คำถามได้ถูกต้อง ๙ ท่านแรก จะได้รับพระสมเด็จหลวงพ่อฟู วัดบางสมัคร ๑ ท่าน ต่อ ๑ องค์

- สำหรับ ๙ ท่านแรกที่ตอบ
คำถามได้ถูกต้อง กรุณารอการยืนยันสิทธิ์รับรางวัล ซึ่งจะตอบกลับให้ทางระบบข้อความส่วนตัว (pm)

- ผู้ที่ตอบคำถามถูก ๙ ท่านแรก เมื่อได้รับการยืนยันสิทธิ์รับรางวัลแล้ว กรุณาส่งซองเปล่า ติดแสตมป์ ๓๗ บาท จ่าหน้าซองถึงตัวท่านเอง มายังที่อยู่ที่ได้รับจากการยืนยันสิทธิ์รับรางวัลในระบบข้อความส่วนตัว (pm)

244
คุณสิบทัศครับนั้นเหรียญหลวงพ่อสำอางค์ใช้ใหมครับ ไม่มีขอบก็สวยไปอีกแบบนะครับขอบคุณมากครับที่นำภาพมาให้ชมครับ  :054: :054: :054:

ใช่ครับ มีสร้าง ๒ ขนาด เป็นแบบเหรียญโล่ห์ไว้ติดฝาผนังบูชา และแบบเหรียญเล็กไว้บูชาติดตัวครับ.

245
พระครูอนุกูลพิศาลกิจ (หลวงพ่อสำอางค์ ปภสฺสโร) และคณะสงฆ์วัดบางพระ
ร่วมเป็นเจ้าภาพสวดพระอภิธรรมศพโยมมารดาหลวงพี่ต้อย
ในคืนวันศุกร์ที่ ๒๑ มีนาคม ๒๕๕๗
ณ วัดหลักร้อย อ.เมือง จ.นครราชสีมา


กำหนดฌาปนกิจในวันอาทิตย์ที่ ๒๓ มีนาคม ๒๕๕๗ เวลาประมาณ ๑๗.๐๐ น.
ณ ฌาปนสถานวัดหลักร้อย อ.เมือง จ.นครราชสีมา


ลูกศิษย์ท่านใดที่ประสงค์ไปร่วมงานที่วัดหลักร้อย สามารถดูแผนที่ได้ตามลิ้งค์นี้..
https://www.google.co.th/maps/place/%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%A2/@14.9677284,102.0954443,14z/data=!4m2!3m1!1s0x311eb347a3b66de5:0xa5244760cacbc18f

247


หลวงพ่อสำอางค์ เมตตามอบพระผงสมเด็จวัดเกศไชโย ปี ๒๑ และของอีก ๑ ชิ้นในกล่อง



ท่าน nok2009 มอบวัตถุมงคลหลวงพ่อเปิ่นให้ไว้เป็นที่ระลึก ขอบพระคุณครับ




ตะกรุดจารมือหลวงพี่ต้อย พร้อมรูปถ่ายหลวงพ่อเปิ่น กับเหรียญหน้าเสือบูชาครูปี ๕๗ จากหลวงพี่ปาด



พระขุนแผนหลวงพ่อเปิ่น วัดโคกเขมา จากหลวงพี่ตี๋



เหรียญบูชาครูปี ๕๗ เนื้อเงินลงยา จากหลวงพี่....


พี่หนึ่ง ผู้การเสือ ให้ไว้เป็นที่ระลึก ขอบพระคุณครับ


สุดท้ายเกศาหลวงพ่อ ขอบคุณสำหรับมิตรภาพที่มีให้กันเสมอมาครับ

248
พิธีไหว้ครูวัดบางพร มีคำกล่าว "ขอขมากรรม" และคำกล่าว "ไหว้ครู"(ผมจำได้แค่ "..... ยันตัง ....")

หากใครมีรบกวนช่วยกรุณาโพสต์แบ่งปันได้หรือไม่ครับ

นำไปลงไว้ให้ที่แฟนเพจเฟสบุ๊ควัดบางพระ ( www.facebook.com/bp.or.th ) แล้วครับ

https://www.facebook.com/photo.php?v=664821903578150&set=vb.123218131071866&type=2&theater

249


เจริญพรท่านทั้งหลายที่มาในงานในพิธีวันนี้ ขอให้มีความสุขความเจริญ คิดอะไรขอให้สมดังปรารถนาทุกสิ่งทุกอย่างไป นึกเงินให้ได้เงิน นึกทองให้ได้ทอง เวลานอนหลับขอให้ฝันที่ดี ขอให้ตื่นขึ้นมาขอให้มีโชคมีลาภ ให้อยู่เย็นเป็นสุข ปราศจากโรคาพยาธิทั้งหลาย ขอให้มีจะไปแห่งหนตำบลใดขอให้มีโชคลาภเรื่อยๆ ไป เราเกิดมาในภพนี้เราเป็นมนุษย์ก็มี เป็นสัตว์ที่ประเสริฐกว่าสัตว์ทั้งหลาย เราจะพูดจะจาจะทำอะไรสิ่งหนึ่งสิ่งใดก็ให้ตรึกตรองให้ ให้ดีให้เป็นหลักฐาน จะสร้างข่าวให้เกรียวกราวดังที่เค้าเป็นไปทุกปัจจุบัน เอ่อ ขอให้มีความสุขความเจริญ นึกสิ่งใดขอให้สมมาดปรารถนาทุกสิ่งทุกประการ เทอญ.

 :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:

พรหลวงพ่อเปิ่น จากการถอดเทปเสียงหลวงพ่อเปิ่นที่กล่าวไว้ในวันไหว้ครู

 :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:

ปุญฺญานุสฺสติ(สิบทัศน์)
วันเสาร์ที่ ๑๕ มีนาคม ๒๕๕๗
ณ กุฏิทรงไทยชายน้ำ วัดบางพระ

250


พระลูกชายของหลวงพ่อ เข้ามากราบนมัสการ


หลวงพ่อสำอางค์ทำมนต์ไว้ใช้ในพิธีไหว้ครู














ภาคกลางคืน
































หลวงพี่แป๊ว












หลวงพี่ติ่ง






ท้ายสุด ตะกรุดโทนบูชาครู หลวงพี่ต้อยจารมือทุกดอก จำนวนสร้าง ๑๐๐ ดอก บูชาดอกละ ๓๐๐ บาท

ผู้ที่บูชาตะกรุด หลวงพี่ต้อยได้มอบรูปหลวงพ่อเปิ่นไว้ให้เป็นที่ระลึกไว้ด้วยทุกคน

บูชาได้ที่กุฏิหลวงพี่ปาด ข้างกุฏิหลวงพี่ต้อย (ที่เดียว ไม่มีจัดส่งไปรษณีย์)

251


รอยพระพุทธบาทจำลองของวัดบางพระนี้ สร้างโดยหลวงปู่หิ่ม อินฺทโชโต อดีตเจ้าอาวาสวัดบางพระ (ผู้ซึ่งถ่ายทอดวิชาอาคมและการสักยันต์ให้แก่หลวงพ่อเปิ่น) เมื่อปี พ.ศ.๒๔๖๙ มีขนาดกว้าง ๑ เมตร ๑๐ เซนติเมตร และยาว ๔ เมตร ๒๐ เซนติเมตร ซึ่งหลวงปู่หิ่มท่านได้สร้างขึ้นไว้เพื่อฉลองศรัทธาสาธุชนให้ได้มากราบไว้ให้สักการะบูชาได้โดยสะดวก โดยไม่ต้องเดินทางไปสักการะบูชาไกลถึงจังหวัดสระบุรี


เมื่อปี พ.ศ.๒๕๓๘ พระเดชพระคุณพระอุดมประชานาถ (หลวงพ่อเปิ่น ฐิตคุโณ) ได้ดำเนินการก่อสร้างมณฑปเพื่อไว้ประดิษฐานรอยพระพุทธบาทจำลองนี้จนแล้วเสร็จ ตัวมณฑปมีขนาดกว้าง ๑๒ เมตร ยาว ๑๒ เมตร สิ้นงบประมาณในการก่อสร้างเป็นเงิน ๖,๕๐๐,๐๐๐ บาท (หกล้านห้าแสนบาทถ้วน)


ทางวัดบางพระจะจัดงานประจำปีปิดทองรอยพระพุทธบาทจำลองเป็นประจำเรื่อยมาทุกปี โดยจัดประมาณกลางเดือน ๔ ซึ่งในปีนี้ ตรงกับวันที่ ๑๔-๑๖ มีนาคม ๒๕๕๗


เพื่อนสมาชิกท่านใดที่มีโอกาสมาที่วัดบางพระในช่วงวันดังกล่าว อย่าลืมแวะมากราบบูชาสักการะรอยพระพุทธบาทจำลอง อันเป็นสื่อสัญลักษณ์แสดงถึงประจักษ์พยานการเกิดขึ้นของเอกมหาบุรุษผู้เลิศในโลก อันจะนำมาซึ่งความเป็นมงคลแก่ท่านทั้งหลายสืบไป

ภาพพระครูอนุกูลพิศาลกิจ (หลวงพ่อสำอางค์ ปภสฺสโร) เจ้าอาวาสวัดบางพระรูปปัจจุบัน กราบสักการะบูชารอยพระพุทธบาทจำลอง ในวันเปิดงาน ๑๔ มีนาคม ๒๕๕๗







:001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:

ปุญฺญานุสฺสติ(สิบทัศน์)
วันพุธที่ ๑๔ มีนาคม ๒๕๕๗
เวลา ๒๓.๓๙ น.

252


เพิ่มเติม ตะกรุดโทนบูชาครู หลวงพี่ต้อยจารมือทุกดอก ความยาวประมาณ ๓ นิ้ว

จำนวนสร้าง ๑๐๐ ดอก ร่วมบุญบูชาดอกละ ๓๐๐ บาท

โดยหลวงพี่ต้อยท่านได้เมตตามอบรูปหลวงพ่อเปิ่นให้กับผู้ที่บูชาตะกรุดทุกคนด้วย

บูชาได้ที่กุฏิหลวงพี่ปาด ข้างกุฏิหลวงพี่ต้อยที่เดียวเท่านั้น ไม่มีจัดส่งไปรษณีย์



253
พระครูอนุกูลพิศาลกิจ (หลวงพ่อสำอางค์ ปภสฺสโร) เจ้าอาวาสวัดบางพระ

เมตตาอธิษฐานจิตปลุกเสกเสื้อที่ระลึกเว็บไวต์วัดบางพระ รุ่น ๖

เมื่อวันศุกร์ที่ ๑๔ มีนาคม ๒๕๕๗ เวลา ๑๘.๑๙.๒๐ น.


















นายแบบโดย เว็บมาสเตอร์








เปิดให้บูชาอย่างเป็นทางการในวันพรุ่งนี้ (๑๕ มีนาคม ๒๕๕๗) ที่กองอำนวยการ

ราคาตัวละ ๓๕๐ บาท (มีจำนวนจำกัด)

254


ถวายหลวงพ่อสำอางค์เพิ่มเติมอีก ๑ กล่อง (๒,๐๐๐ องค์)

ไว้ให้ท่านแจกในวันเกิด (วันที่ ๑๙ มีนาคม ๒๕๕๗).

255
“ครู” มีที่มาจากคำว่า “ครุ” มีความหมายว่า หนัก ซึ่งหากเทียบเคียงกับความหมายในราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.๒๕๔๒ ที่ให้ความหมายของคำว่าครูว่าคือ ผู้สั่งสอนศิษย์, ผู้ถ่ายทอดความรู้ให้แก่ศิษย์ ดังนั้นจึงพอสรุปได้ว่า ครู คือ ผู้มีภาระอันหนักในการถ่ายทอดวิชาความรู้ และอบรมสั่งสอนศิษย์ที่อยู่ในปกครอง


   ในทางพระพุทธศาสนา ได้มีการกล่าวถึง “ครู” ว่าเป็นบุคคลสำคัญอีกท่านหนึ่งในชีวิต ดังที่ปรากฏในสิงคาโลวาทสูตร เนื้อหาของพระสูตรนี้กล่าวถึง ทิศ ๖ ที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงแก่สิงคาลมาณพ โดยทิศ ๖ นี้หมายถึง บุคคลที่ปรากฏเกี่ยวข้องสัมพันธ์กับตัวเราอยู่รอบด้าน พระพุทธองค์ทรงแนะนำว่าหากจะไหว้ทิศให้เกิดผล ไหว้ให้ถูกทิศนั้น เราก็จักต้องรู้ความหมายและวิธีการปฏิบัติตนต่อทิศนั้นๆ เสียก่อน

   ใน “ทักขิณทิส” หรือ ทิศเบื้องขวา ท่านได้กำหนดไว้ว่าคือ ครูอาจารย์ ผู้สอนให้ศิษย์เป็นผู้ถนัดชำนาญในศิลปวิทยาแขนงต่างๆ อันจะได้นำไปเป็นเครื่องมือในการทำมาหาเลี้ยงชีพ และดำรงตนได้อย่างปกติสุข ครูอาจารย์ จึงเป็นบุคคลที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในการหล่อหลอมศิษย์ให้เป็นคนดี

   หน้าที่ของครูอาจารย์ที่พึงมีแก่ศิษย์ จำแนกได้ดังนี้คือ

   ๑. แนะนำในสิ่งที่ดีที่ถูกต้อง

   ๒. สอนศิษย์ให้เข้าใจในเนื้อหาอย่างถูกต้อง

   ๓. ถ่ายทอดวิชาความรู้อย่างเปิดเผยไม่ปิดบัง

   ๔. ยกย่องความดีของศิษย์ให้ปรากฏในหมู่ชน

   ๕. ทำความป้องกันไม่ให้ทำความเสื่อมเสียในทิศทั้งหลาย

   สำหรับหน้าที่อันศิษย์พึงสมควรปฏิบัติต่อครูอาจารย์ก็ประกอบด้วย

   ๑. ให้การต้อนรับ พบเห็นท่านที่ใดก็แสดงความเคารพ

   ๒. น้อมนบเสนอตัวรับใช้ เป็นการแสดงน้ำใจให้ท่านเห็น

   ๓. เชื่อฟังคำสั่งสอน และนำมาปฏิบัติตามวาระกิจจำเป็น
   
   ๔. คอยปรนนิบัติ ช่วยทำกิจอันลำเค็ญของท่านโดยไม่ต้องรอให้ท่านใช้

   ๕. ใส่ใจในการเรียน เรียนกับด้วยความเคารพ ตั้งใจฟังด้วยความสนใจ ไม่สร้างปัญหาในเวลาเรียน


   พระเดชพระคุณพระอุดมประชานาถ (หลวงพ่อเปิ่น ฐิตคุโณ) ผู้อยู่ในฐานะ “ครู” ของเราท่านทั้งหลาย ท่านก็ได้ปฏิบัติหน้าที่ไว้เป็นแบบอย่างทั้งในฐานะ “ศิษย์” และ “ครู” ไปพร้อมกันอย่างเพียบพร้อมบริบูรณ์เฉกเช่นเดียวกัน


   จากประวัติความเป็นมาของหลวงพ่อเปิ่น ได้มีการกล่าวถึงครูบาอาจารย์ของท่านไว้หลายรูป อาทิเช่น หลวงพ่อโอภาสี (พระมหาชวน) วัดบางมด, หลวงพ่อแดง วัดทุ่งคอก และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง หลวงปู่หิ่ม อินฺทโชโต ผู้เป็นพระอุปัชฌาย์ ซึ่งท่านก็ได้ถ่ายทอดวิชาการสักยันต์ให้แก่หลวงพ่อเปิ่นได้สืบสานต่อมาจนปรากฏชื่อเสียงสืบมาจนถึงปัจจุบัน

   ในช่วงที่หลวงพ่อเปิ่นได้พากเพียรศึกษาวิชาอาคมจากหลวงปู่หิ่มนั้น ท่านก็ได้ปรนนิบัติรับใช้ในกิจต่างๆ ของหลวงปู่หิ่มผู้เป็นครูอาจารย์ได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่องแต่ประการใด ซึ่งก็ถือได้ว่าหลวงพ่อเปิ่นเป็นศิษย์รูปสุดท้ายที่ได้อยู่ปรนนิบัติรับใช้หลวงปู่หิ่มจนถึงกาลที่หลวงปู่หิ่มละสังขาร นับได้ว่าหลวงพ่อเปิ่นท่านได้ทำหน้าที่ของท่านในฐานะ “ศิษย์” ได้อย่างบริบูรณ์



   จนกระทั่งช่วงเข้าพรรษาใน ปี พ.ศ.๒๕๐๗ หลวงพ่อเปิ่นท่านได้ย้ายจากวัดทุ่งนางหรอก มาจำพรรษาที่วัดโคกเขมา และที่วัดโคกเขมานี้เองที่เป็นจุดเริ่มต้นของการจัดพิธีไหว้ครูบูรพาจารย์เป็นครั้งแรก กล่าวคือ เมื่อหลวงพ่อเปิ่นท่านย้ายมาจำพรรษาอยู่ที่วัดโคกเขมา ท่านได้นำวิชาความรู้ทางการสักยันต์มาถ่ายทอดโดยการสักให้กับลูกศิษย์ขึ้นครั้งแรกอย่างเป็นทางการ

   และเพื่อเป็นการระลึกถึงคุณครูบาอาจารย์ผู้ประสิทธิ์ประสาทวิชาอาคมและการสักยันต์ที่ได้รับถ่ายทอดมา ในปีถัดมา คือ ปี พ.ศ. ๒๕๐๘ หลวงพ่อเปิ่นท่านจึงได้จัดให้มีพิธีไหว้ครูขึ้นเป็นครั้งแรก โดยจัดพิธีบริเวณลานดินกลางลานวัดอย่างเรียบง่าย ลูกศิษย์ผู้ที่ได้รับการสักยันต์ก็จะตระเตรียมดอกไม้ธูปเทียน และเงินค่าครู มาเข้าร่วมพิธี



   นับตั้งแต่นั้นมา หลวงพ่อเปิ่นท่านก็จะจัดให้มีพิธีไหว้ครูเป็นประจำทุกปีมิได้ขาด เมื่อหลวงพ่อเปิ่นท่านย้ายมาอยู่ที่วัดบางพระ ท่านก็ได้สืบสานประเพณีไหว้ครูไว้อย่างต่อเนื่อง โดยจัดพิธีไหว้ครูครั้งแรกที่วัดบางพระ เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๑๘  ในช่วงแรกนี้จะจัดพิธีไหว้ครูในวันพฤหัสบดี ต่อมาในภายหลังจึงเปลี่ยนมาจัดพิธีในวันเสาร์ ซึ่งถือว่าเป็นวันแข็งที่สุด และได้ถือปฏิบัติสืบเนื่องมาถึงปัจจุบัน


   ลูกศิษย์ลูกหาที่ได้รับการสักยันต์จากหลวงพ่อเปิ่นผู้เป็นครูอาจารย์ไปแล้ว ส่วนมากต่างก็มาร่วมพิธีไหว้ครูเป็นประจำทุกปี ทั้งนี้ก็เพื่อเป็นการบูชาคุณของครูผู้ประสิทธิ์ประสาทวิชาเป็นสำคัญ บางคนก็มีวัตถุประสงค์ที่แตกต่างกันออกไป เช่น เพื่อมาขอขมาในสิ่งที่ตนได้ประพฤติผิดจากสัจจะคำครู หรือเพื่อมารับการสักยันต์ในวันไหว้ครู โดยเชื่อว่าเป็นวันที่แข็งและดีที่สุดสำหรับการสักยันต์เพื่อให้เกิดความเข้มขลังตามความเชื่อ ถึงขนาดกลายมาเป็นธรรมเนียมปฏิบัติไปโดยปริยาย


   แม้ในปัจจุบันพระเดชพระคุณหลวงพ่อเปิ่นท่านจะมรณภาพไปแล้วก็ตาม การสืบสานประเพณีไหว้ครูวัดบางพระก็ได้จัดสืบทอดต่อเนื่องมาเป็นประจำทุกปีมิได้ขาด โดยในปีนี้ (พ.ศ. ๒๕๕๗) จะจัดพิธีไหว้ครูตรงกับวันเสาร์ ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๔ ปีมะเส็ง วันที่ ๑๕ มีนาคม ลูกศิษย์ลูกหาและผู้ที่มีความสนใจในพิธีกรรมโบราณนี้ สามารถมาร่วมพิธีได้ โดยเริ่มพิธีเวลา ๐๙.๓๙ น. (มหัทธโนฤกษ์) เป็นต้นไป


   ทั้งนี้เพื่อเป็นการระลึกถึงคุณของครูบาอาจารย์ตามหน้าที่อันพึงมีของ “ศิษย์” และน้อมนำเอาคำสอนของครูอาจารย์กลับไปประพฤติปฏิบัติ อันจะนำมาซึ่งความสุขความเจริญในชีวิต ในธุรกิจหน้าที่การงานทั้งหลายตามสมควรแก่การปฏิบัติของแต่ละบุคคล และเหนือสิ่งอื่นใดคือ การได้พบปะสานสายใยสัมพันธ์กันระหว่างพี่น้อง “ศิษย์” ที่มี “ครู” คนเดียวกัน

[shake]   เพราะพวกเราคือศิษย์มีครูที่ได้ชื่อว่า ... “ศิษย์หลวงพ่อเปิ่น วัดบางพระ”[/shake]


:001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:

เนื้อหารายละเอียดประวัติพิธีไหว้ครู เรียบเรียงจากการสัมภาษณ์
พระครูอนุกูลพิศาลกิจ (หลวงพ่อสำอางค์ ปภสฺสโร) เจ้าอาวาสวัดบางพระรูปปัจจุบัน
พระสมุห์ไพรวัน คุณวนฺโต วัดโคกเขมา จ.นครปฐม
พระอาจารย์อนันต์ อภินนฺโท (หวานชะเอม) พระภิกษุวัดบางพระ จ.นครปฐม


 :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:

ปุญฺญานุสฺสติ(สิบทัศน์)
วันศุกร์ที่ ๑๔ มีนาคม พ.ศ.๒๕๕๗
เวลา ๐๑.๓๙ น.

256
สำนักงานวัดบางพระ อยู่ตรงไหนครับ หายากใหม ไม่ทราบจริง ๆ ครับ

สำนักงานวัดบางพระ อยู่หน้ากุฏิใหญ่ครับ

257
ถ้าให้อ.สักยันต์นี้ให้ท่านจะสักให้ไหมคะ
อ่านแล้วอยากมีติดตัว (สักน้ำมันนะ)

เห็นหลวงพี่นันท์ท่านให้ยันต์นี้บ่อยเหมือนกันนะครับ


ขอสอบถามพี่เก่งด้วยครับ ถ้าเปิดให้เช่าบูชาหลังเที่ยง จนถึงเวลากี่โมงครับ ทั้งคืนถึงเช้าเลยรึป่าวครับพี่...ขอบคุณครับ
กำหนดเวลายังไม่แน่นอนครับ แต่คงมีพักบ้างไม่ได้เปิดบูชาทั้งคืนครับ.

258









































:001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:

ปุญฺญานุสฺสติ(สิบทัศน์)
วันพฤหัสบดีที่ ๑๓ มีนาคม ๒๕๕๗
เวลา ๐๑.๕๒ น.

259
พรุ่งนี้จะมีให้บูชาหรือยังคะ เพราะปีนี้ก็คงเป็นอีกปีที่ไปวันงานไหว้ครูไม่ได้  :070:

อาจจะเปิดให้บูชาวันศุกร์หลังเที่ยงไปแล้ว ที่สำนักงานวัดบางพระครับ

260


จากที่มีเพื่อนสมาชิกได้สอบถามประวัติของพระสมเด็จพิมพ์นี้เข้ามา เมื่อสักครู่ผมได้มีโอกาสได้เรียนสอบถามสัมภาษณ์ท่านพระสมุห์ไพรวัน คุณวนฺโต ที่วัดโคกเขมา จึงนำมาเล่าเผยแพร่ให้เพื่อนสมาชิกกระดานสนทนาวัดบางพระได้ศึกษาประวัติความเป็นมากันดังนี้

เริ่มที่ตัวยันต์เงิน เป็นของเก่าที่หลวงพ่อเปิ่นท่านได้สร้างเอาไว้ตั้งแต่ตอนที่ท่านยังเป็นเจ้าอาวาสวัดโคกเขมาอยู่ โดยหลวงพ่อเปิ่นท่านได้สั่งทำ (ราคาสั่งทำในสมัยนั้นตัวละ ๑ บาท) ประมาณปี พ.ศ.๒๕๑๖-๒๕๑๗ สั่งทำไว้ประมาณ ๕๐๐ ตัว (ไม่เกิน ๕๐๐ ตัว)

พอหลวงพ่อเปิ่นท่านได้ย้ายไปเป็นเจ้าอาวาสวัดบางพระ ท่านก็ไม่ได้นำตัวนะเงินที่สั่งทำไว้ไปที่วัดบางพระด้วย โดยหลวงพ่อท่านลืมทิ้งไว้ที่วัดโคกเขมา

ช่วงปี พ.ศ.๒๕๓๖ ทางวัดโคกเขมาได้ไปพบยันต์เงินนี้ในกุฏิเก่าของหลวงพ่อเปิ่น ที่วัดโคกเขมาโดยบังเอิญ จึงได้นำกลับไปถวายคืนหลวงพ่อเปิ่นที่วัดบางพระ

โดยหลวงพ่อเปิ่นท่านได้สร้างพระพิมพ์สมเด็จขึ้นมาใหม่ และได้นำตัวยันต์เงินนี้ติดไว้ที่หลังพระสมเด็จด้วย

ในช่วงเริ่มแรกที่สร้าง ทางวัดได้ลองนำยันต์เงินฝังเข้าไปในเนื้อพระสมเด็จปรากฏว่าเมื่อกดพิมพ์ออกมาแล้ว พระที่ได้เกิดแตกชำรุด ดังนั้นจึงได้เปลี่ยนพิมพ์ด้านหลัง ให้สามารถนำยันต์เงินวางลงไปได้ ดังรูปข้างต้น

จำนวนการสร้างพระสมเด็จมีทั้งหมด ๑,๐๐๐ องค์ แบ่งเป็นพระสมเด็จที่ด้านหลังติดยันต์เงินประมาณ ๕๐๐ องค์ อีกประมาณ ๕๐๐ องค์ที่เหลือ ด้านหลังจะว่าง โดยไม่มียันต์เงินติดไว้

ยันต์เงินนี้มีจำนวนหนึ่งที่ได้นำไปกะไหล่ทองไว้ด้วย ซึ่งพระสมุห์ไพรวัน ท่านก็ได้กล่าวว่าไม่แตกต่างกันกันแต่อย่างใด จะสีเงินหรือสีทองก็เป็นยันต์ที่หลวงพ่อเปิ่นท่านสร้างไว้ตั้งแต่อยู่วัดโคกเขมาเหมือนกัน ซึ่งท่านยังได้เล่าเพิ่มเติมอีกว่า ยันต์เงินตัวนี้หลวงพ่อเปิ่นท่านนำแบบมาจากยันต์ที่ปรากฏอยู่ด้านหลังพระสมเด็จยุคแรกๆ ของวัดโคกเขมา

โดยสรุป พระสมเด็จหลังยันต์เงินนี้ สร้างในปี พ.ศ.๒๕๓๖ จำนวนการสร้าง ๑,๐๐๐ องค์ จำแนกเป็นพระสมเด็จที่มียันต์เงินด้านหลัง ๕๐๐ องค์ และที่ไม่มียันต์เงินด้านหลังอีก ๕๐๐ องค์

 :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:

ข้อมูลประวัติการสร้างพระสมเด็จหลังยันต์เงิน เรียบเรียงจากการสัมภาษณ์พระสมุห์ไพรวัน คุณวนฺโต
เมื่อวันพุธที่ ๑๒ มีนาคม  พ.ศ.๒๕๕๗ ณ กุฏิเก่าหลวงพ่อเปิ่น วัดโคกเขมา  จ.นครปฐม
ปุญฺญานุสฺสติ(สิบทัศน์)

261
เดินออกทางฝั่งทิศเหนือขององค์พระปฐมเจดีย์ (ฝั่งพระร่วงโรจนฤทธิ์) ผ่านซอยกลาง ข้ามสะพานยักษ์จะเจอท่ารถ ให้เดินเลี้ยวขวาไปเรื่อยๆ จะเจอท่ารถไปนครชัยศรี (รถเมล์คันสีส้ม ป้ายหน้ารถเขียน "บางพระ"  ครับ

262

อธิบายความหมาย
 
           “นะ” ตรงกลางชื่อว่า “นะมหาเสน่ห์” ด้านข้างลงขนาบด้วย “มะอะอุ” และ “พุทโธ” อันเป็นองค์ภาวนาที่หลวงพ่อเปิ่นท่านใช้ประจำ ด้านล่างกำกับด้วยหัวใจยอดศีล “พุทธะสังมิ” ซึ่งท่านพระครูอนุกูลพิศาลกิจ (หลวงพ่อสำอางค์ ปภสฺสโร) ได้เมตตาให้นำมากำกับยันต์นะมหาเสน่ห์บนหลังเสื้อที่ระลึกเว็บไซต์วัดบางพระรุ่น ๖ ในครั้งนี้


นะมหาเสน่ห์

             กล่าวถึง “เสน่ห์” ที่ใครๆ ก็อยากให้เกิดมีขึ้นในตนนี้ ทางราชบัณฑิตยสถานได้ให้ความหมายไว้ว่าหมายถึง “ลักษณะที่ชวนให้รัก” สอดคล้องกับบทวิทยุรายการ “รู้ รัก ภาษาไทย” ออกอากาศทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ ๑๔ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๕๓ เวลา ๗.๐๐-๗.๓๐ น. ที่ได้กล่าวไว้ว่า “คำว่า เสน่ห์ ยืมมาจากภาษาสันสกฤตว่า เสฺนห (อ่านว่า เสฺน -หะ) แปลว่า สิ่งที่ติดแน่น หมายถึง ความรัก, ความชอบพอ.

             คำว่า เสน่ห์ ในภาษาไทยมี ๒ ความหมาย ทั้งสองความหมายล้วนแต่เกี่ยวกับความรัก ความชอบพอ ทั้งสิ้น. ความหมายแรกหมายถึง ลักษณะที่ชวนให้รักชวนให้หลงใหล เช่น เธอเป็นคนมีเสน่ห์ ใคร ๆ ก็ชอบเธอทั้งนั้น. คำว่า เสน่ห์ ตามความหมายนี้ ทำให้เกิดสำนวน เสน่ห์ปลายจวัก หมายถึง เสน่ห์ของผู้หญิงที่เกิดจากฝีมือปรุงอาหาร ทำให้สามีรักและหลง เช่น สมัยก่อนผู้ใหญ่ต้องอบรมให้ลูกหลานมีฝีมือในการทำอาหาร เพื่อให้เป็นเสน่ห์ปลายจวัก.

             เสน่ห์ ความหมายที่สองคือ คุณไสยที่ทำให้ผู้อื่นหลงรัก เช่น ภรรยาของเขา ทั้งสวย ทั้งแสนดี การบ้านการเรือนก็เก่ง แต่สามีกลับไปหลงแต่ภรรยาน้อย สงสัยว่าคงจะถูกเสน่ห์. คำว่า เสน่ห์ ตามความหมายนี้ ยังพบในคำว่า เสน่ห์ยาแฝด หมายถึง คุณไสยที่ผู้หญิงทำให้ชายหลงรักโดยใช้วิธีให้ผู้ชายกินยาหรือสิ่งใดสิ่งหนึ่งที่กำกับด้วยคาถาทางไสยศาสตร์”

             สำหรับในทางพระพุทธศาสนานั้น “เสน่ห์” เป็นผลมาจาก “กรรม” หรือ “การกระทำ” ของแต่ละบุคคล โดยเสน่ห์นั้นสามารถสร้างให้เกิดมีขึ้นได้ด้วยการเจริญธรรม ๔ ประการคือ

             ๑.ทาน คือการให้ (การแบ่งปัน) ตามกำลังความสามารถ

             ๒.ปิยวาจา คือการพูดจาด้วยถ้อยคำไพเราะอ่อนหวาน ไม่ใช้วาจาหักหาญน้ำใจผู้อื่น

             ๓.อัตถจริยา คือการสงเคราะห์ประพฤติสิ่งที่เป็นประโยชน์แก่ผู้อื่นอย่างไม่นิ่งดูดาย

             ๔.สมานัตตตา คือการเป็นผู้มีความประพฤติเสมอต้นเสมอปลาย มีความเสมอภาครู้จักวางตนให้เหมาะสมกับกาละเทศะ

             ทั้ง ๔ ประการนี้ คือ “สังคหวัตถุธรรม” หมายถึงธรรมเครื่องสงเคราะห์ต่อกัน เป็นธรรมสำหรับยึดเหนี่ยวน้ำใจของกันและกัน ดังนั้นหากเราต้องการสร้างเสน่ห์ให้ตนเองเป็นที่รักแก่บุคคลรอบข้าง ก็ควรเจริญสังคหวัตถุธรรมนี้ให้บังเกิดมีขึ้นในตนเอง


พุทโธ

             ตามความหมาย “พุทโธ” แปลว่า “ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน” (ในที่นี้หมายเอาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้เป็นบรมครูของเหล่าพุทธศาสนิกชนทั้งหลาย) เป็น ๑ ในคุณของพระพุทธเจ้า หรือที่เรียกกันโดยทั่วไปว่า “พุทธคุณ” ที่จัดอยู่ใน “พระปัญญาคุณ”
   
             พระคณาจารย์หลายๆ ท่าน ได้นำคำว่า “พุทโธ” นี้ มาเป็นองค์บริกรรมในการทำสมาธิภาวนา ซึ่งรวมถึงพระเดชพระคุณพระอุดมประชานาถ (หลวงพ่อเปิ่น ฐิตคุโณ) อดีตเจ้าอาวาสวัดบางพระด้วยเช่นกัน

             การบริกรรมคำภาวนาว่า “พุทโธ” จัดเป็น ๑ ในอนุสติ ๑๐ ประการ ซึ่ง “อนุสติ” หมายถึง อารมณ์ดีงามที่ควรระลึกถึงเนืองๆ โดยคำภาวนา “พุทโธ” จัดอยู่ในอนุสติข้อ “พุทธานุสติ” คือ การระลึกถึงพระพุทธเจ้า หมายเอาการน้อมจิตระลึกถึง และพิจารณาคุณของพระพุทธองค์ ผู้ที่หมั่นเจริญภาวนา “พุทโธ” อยู่เนืองๆ นอกจากจะได้รับความสงบทางใจเป็นเบื้องต้นแล้ว ก็ยังจะเป็นบาทในการรองรับประโยชน์ทั้ง ๓ กาลคือ “ทิฎฐธัมมิกัตถะ”, “สัมปรายิกัตถะ” และปรมัตถะ ในเบื้องปลายที่สุด


หัวใจยอดศีล

             “พุทธะสังมิ” คือ หัวใจยอดศีล มีที่มาจากบทไตรสรณคมน์ จำแนกได้ดังนี้คือ

             “พุท” = พุทธัง, “ธะ” = ธัมมัง, “สัง” = สังฆัง, “มิ” = สรณัง คัจฉามิ

             รวมได้ว่า “พุทธังฯ ธัมมังฯ สังฆังฯ สรณัง คัจฉามิ” แปลว่า ข้าพเจ้าขอถึงซึ่งพระพุทธเจ้า พระธรรม และพระสงฆ์ ว่าเป็นที่พึ่งที่ระลึกอันสูงสุดของข้าพเจ้า หรือข้าพเจ้าของถึงซึ่งพระรัตนตรัยว่าเป็นที่พึ่งที่ระลึกอันสูงสุดของข้าพเจ้าก็ได้เฉกเช่นเดียวกัน ซึ่งท่านพระครูอนุกูลพิศาลกิจ (หลวงพ่อสำอางค์ ปภสฺสโร) ได้เมตตาให้นำมากำกับยันต์นะมหาเสน่ห์บนหลังเสื้อที่ระลึกเว็บไซต์วัดบางพระรุ่น ๖ ในครั้งนี้ โดยนัยเป็นการตอกย้ำศรัทธาความเชื่อมั่นของพุทธศาสนิกชนที่มีต่อพระรัตนตรัยให้มั่นคงนั่นเอง


                  ดังนั้น ยันต์นะมหาเสน่ห์ ที่ปรากฏอยู่ด้านหลังเสื้อที่ระลึกเว็บไซต์วัดบางพระรุ่นที่ ๖ นี้ จึงเป็นสัญลักษณ์สื่อให้ลูกศิษย์ผู้บูชาได้ระลึกนึกถึง และน้อมนำพระธรรมคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า มาประพฤติปฏิบัติ อันจะนำมาซึ่งความสุขความเจริญตามควรแก่การปฏิบัติของแต่ละบุคคล ด้วยประการฉะนี้.

:001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:

ปุญฺญานุสฺสติ(สิบทัศน์)
วันพุธที่ ๑๒ มีนาคม ๒๕๕๗
เวลา ๑๑.๔๒ น.

263
เริ่มเปิดบูชาวันไหนค่ะและหมดรึยังค่ะ

เปิดให้บูชามาสักพักนึงแล้วครับ

ข่าวล่าสุด แจ้งมาว่าหมดไปแล้วหลายรายการ

264
เดี่ยวพี่เข้าไปวันพฤหัสนี้ เสื้อมีให้ซื้อหรือยังครับ

น่าจะเป็นวันศุกร์ หรือไม่ก็วันเสาร์ทีเดียวเลยครับ

265
ตอนนี้ยังมีให้บูชาอยู่ไหมครับ
พระผงหลวงพ่อเปิ่นที่นำมาแจกนี้ ที่วัดบางพระไม่มีให้บูชาครับ

ขอบคุณท่านเก่งมากครับ ที่นำของดีๆมาให้พี่น้องอีกแล้ว
พระมีน้อยแค่ 500 องค์ แจกพร้อมเสื้อไปแล้ว 300
เหลือแจก 200 องค์
ลูกศิษย์หลวงพ่อเปิ่นในวันงานมีมากมายจริงๆ
ใครโชคดีหาตัวท่านเก่งเจอ ก็รับไป อิ อิ
ของดีๆแบบนี้ใครก็อยากได้ แถมแจกฟรีอีกต่างหาก

ผมคงอยู่ที่กองอำนวยการเหมือนเดิมเช่นทุกปีครับพี่บางแก้วฟ้า  :002:


266

อธิษฐานจิตปลุกเสก ๒ วาระ

วาระที่ ๑ อธิษฐานจิตปลุกเสกเดี่ยวโดย ท่านพระครูอนุกูลพิศาลกิจ (หลวงพ่อสำอางค์ ปภสฺสโร) เจ้าอาวาสวัดบางพระ

วาระที่ ๒ อธิษฐานจิตปลุกเสกในพิธีพุทธาภิเษก เมื่อวันจันทร์ที่ ๑๐ มีนาคม ๒๕๕๗ โดยมีรายนามพระคณาจารย์ดังนี้

๑.พระครูอนุกูลพิศาลกิจ (หลวงพ่อสำอางค์) วัดบางพระ จ.นครปฐม

๒.พระครูสังฆรักษ์อวยพร ฐิติญาโณ (หลวงพ่ออวยพร) วัดดอนยายหอม จ.นครปฐม

๓.พระครูวิบูลสิริธรรม (หลวงพ่อเพี้ยน) วัดตุ๊กตา จ.นครปฐม

๔.พระครูยติธรรมานุยุต (หลวงพ่อแป๊ะ) วัดสว่างอารมณ์ จ.นครปฐม

๕.พระครูพิพัฒน์นพกิจ (หลวงพ่อย้อน) วัดโตนดหลวง จ.เพชรบุรี

๖.พระครูสังฆรักษ์อุทัย ปภงฺกโร (หลวงพ่อตาทิพย์) วัดศรีมฤคทายวัน จ.ราชบุรี

๗.พระครูจินดากิจจานุรักษ์ (หลวงพ่อทวี) วัดจินดาราม จ.นครปฐม

๘.พระครูเกษมจริยาภิรม (หลวงพ่อสนอง) วัดราษฎร์ศรัทธาธรรม จ.นครปฐม

๙.พระครูปฐมคุณากร (หลวงพ่อคำรณ) วัดดอนขนาก จ.นครปฐม





รายละเอียดการแจก

- แจกให้กับผู้ที่บูชาเสื้อที่ระลึกเว็บไซต์วัดบางพระ รุ่น ๖ จำนวน ๓๐๐ องค์ (พระ ๑ องค์ / เสื้อ ๑ ตัว)

- อีก ๒๐๐ องค์ จะนำไปแจกในวันงานพิธีไหว้ครูวัดบางพระ (เสาร์ที่ ๑๕ มีนาคม ๒๕๕๗) พบเจอผมในวันงานก็เข้ามาขอรับพระได้เลย


:001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:

ปุญฺญานุสฺสติ(สิบทัศน์)
วันอังคารที่ ๑๑ มีนาคม ๒๕๕๗
เวลา ๐๑.๓๗ น.

267
พิธีครอบครู กุฏิหลวงพี่ติ่ง วันพฤหัสบดีที่ ๑๓ มีนาคม ๒๕๕๗

พิธีเริ่มเวลา ๐๘.๐๐ น.

ค่าครู ๑๕๙ บาท

ดอกไม้, หมากพลูฯ ๖๐ บาท

รวม ๒๑๙ บาท

แจกเหรียญพระสังกัจจายน์เป็นที่ระลึกแก่ผู้มาร่วมพิธีทุกคน


268








วัตถุมคงคลที่ระลึกบูชาครู ๕๗ ที่หลวงพี่ต้อยจัดสร้าง มีดังนี้

๑.หน้าเสือใหญ่ เนื้อทองแดงรมดำ จำนวนสร้าง ๗ องค์ บูชาองค์ละ ๔๐๐ บาท

๒.หน้าเสือใหญ่ เนื้อทองแดงชุบโทนสีเงิน จำนวนสร้าง ๗ องค์ บูชาองค์ละ ๕๐๐ บาท

๓.ลอคเกตหลวงพ่อเปิ่น หลังจารมือ (มี ๔ สี คือ เขียว, น้ำตาล, เหลือง, ฟ้า) จำนวนสร้างรวม ๑๐๐ องค์ บูชาองค์ละ ๓๐๐ บาท

๔.หน้าเสือเนื้อกะลาตาเดียว จำนวนสร้าง ๑๐๐ องค์ บูชาองค์ละ ๓๐๐ บาท

๕.มีดหมอ จำนวนสร้าง ๓๐ เล่ม (หลวงพี่ต้อยจารมือทุกเล่ม) บูชาเล่มละ ๘๐๐ บาท

ติดต่อร่วมบุญบูชาได้ที่กุฏิหลวงพี่ปาด ข้างกุฏิหลวงพี่ต้อย

(บูชาได้ที่วัดที่เดียว ไม่มีจัดส่งไปรษณีย์)


:001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:

269
รบกวนสอบถามค่ะ พอจะมีพี่ๆๆ ท่านไหนพอรู้ขนาดของเสื้อปีนี้ไหมค่ะ รบกวนด้วยค่ะ ขอบคุณค่ะ  

ประมาณนี้ครับ


270
แจ้งข่าวล่าสุด..

เสื้อที่ระลึกเว็บไซต์วัดบางพระรุ่น ๖ จัดสร้างจำนวน ๓๐๐ ตัว ราคาตัวละ ๓๕๐ บาท

(มีทุกไซต์ทุกขนาด โดยดูจากสถิติการสั่งจองเสื้อ ๓ ปีย้อนหลัง)

*หลวงพ่อสำอางค์เมตตาให้นำยันต์ "นะมหาเสน่ห์" มาปักไว้ที่ปกเสื้อด้านหลัง

**ส่วนกำหนดวันเวลาที่เปิดให้บูชาที่แน่นอน จะแจ้งให้ทราบอีกครั้งครับ.

271
เชื่อว่าท่านที่ขับรถยนต์ส่วนตัวมาวัดบางพระคงเคยใช้เส้นทางหลักที่ต้องผ่านสี่แยกไฟแดงวัดละมุด มาบ้างแล้ว

วันนี้จึงขอนำเสนอทางไปวัดบางพระอีกหนึ่งเส้นทาง เผื่อไว้สำหรับตัดสินใจเดินทางในวันที่รถติด


ขอเริ่มที่แยกไฟแดงตลาดท่านา มาถึงแล้วให้เลี้ยวซ้าย แล้ววิ่งตรงไปตามทางหลักเรื่อยๆ





ใกล้ถึงแยกเข้าตลาดห้วยพลู พอถึงแยกให้เลี้ยวซ้ายตามลูกศร









ตรงมาสักเล็กน้อย ให้เตรียมเลี้ยวขวาตรงทางแยกไป "วัดห้วยพลู"









ขับตรงมาเรื่อยๆ จะสังเกตเห็นอาคารโรงพยาบาลห้วยพลู ให้เลี้ยวซ้ายไปทางหลังโรงพยาบาล





ตรงมาเล็กน้อย สังเกตทางซ้ายมือจะมีทางแยก ให้เลี้ยวซ้ายตามลูกศร แล้ววิ่งตามทางหลักไปเรื่อยๆ











เข้าเขตตำบลบางแก้วฟ้า



เริ่มมองเห็นวัดบางพระอยู่ไกลๆ







ถึงประตูทางเข้าออกหลังวัดบางพระ จะหาที่จอดแล้วเดินเข้าทางด้านหลังนี้ก็ได้ หรือไม่ก็ขับรถตามทางหลักต่อไปเพื่อจะไปเข้าทางหน้าวัด



ในกรณีที่จะไปเข้าทางหน้าวัด ให้ขับรถตามถนนเส้นหลังวัดต่อไปเรื่อยๆ



พอถึงทางแยก ให้เลี้ยวขวา



เริ่มเข้าเส้นทางที่คุ้นเคย







ถึงวัดบางพระ



:001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:

เส้นทางนี้สัญญาเก่าจำได้ว่า..
เด็กตลาดห้วยพลูเคยขับจักรยานไปสักยันต์ครั้งแรกกับ"ท่าน สนฺตจิตฺโต"

:001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:

ปุญฺญานุสฺสติ(สิบทัศน์)
วันพฤหัสบดีที่ ๖ มีนาคม ๒๕๕๗
เวลา ๐๑.๔๘ น.

274
เปิดให้บูชารึยัง ประมาณกี่บาทหรอครับแบบธรรมดาอะครับ(งบน้อย)

เปิดให้บูชาแล้วตั้งแต่วันที่ ๑๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗

รายละเอียดราคาบูชาดูได้ตามลิ้งค์นี้ http://www.bp.or.th/webboard/index.php?topic=30639

ขณะนี้เหลือแค่เหรียญเนื้อทองแดงชุบสามกษัตริย์ และเหรียญเนื้อทองแดงรมดำ (เนื้ออื่นๆ หมดแล้ว)


275
พอดีจะเอารถไปให้หลวงพ่อสำอางค์เจิมครับ ไม่ทราบทราบว่าต้องเตรียมอะไรไปบ้างครับ  ขอบคุณครับ

หลวงพ่อสำอางค์ท่านจะเจิมรถเฉพาะวันธรรมดา (จันทร์-ศุกร์) เท่านั้น ส่วนวันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดไม่รับเจิม

สิ่งของที่จะต้องใช้ ทางวัดจัดเตรียมไว้ให้แล้ว ร่วมบุญชุดละ ๑๐๐ บาท

มาถึงวัดแล้วขับรถไปจอดที่หน้ากุฏิใหญ่ได้เลยครับ.

277
คุณปุญฺญานุสฺสติ(สิบทัศน์) ครับรบกวนอีกครั้งนึงครับของผมสมเด็จเหมือนกันไม่มียันต์เงินด้านหลังและพระสมเด็จด้านหน้าก็ไม่มีผ้าพาดสังคาติด้วยแต่มีกล่องกำมะหยี่แดงวัดบางพระครับอยากทราบรุ่นนะครับว่าทันหลวงพ่อหรือเปล่า 15;  05; 05; 05;

มีพระสมเด็จอีกพิมพ์ ที่ด้านหลังมีคำว่า "ฐิตคุโณ" เหมือนกัน แต่ไม่มียันต์เงิน

อันนี้ไม่ทราบประวัติการสร้างครับ (ทราบแค่ว่านำมาแจกในงานสวดพระอภิธรรม ๑๐๐ วัน หลวงพ่อเปิ่น พ.ศ.๒๕๔๕).

278
ไม่ทราบว่าปีนี้มีเปิดเสียงหลวงพ่อนี้มั้ยคับ เมื่อปีที่แล้วไม่ได้เปิดคับ รบกวนผู้รู้ด้วยคับ

คงต้องขึ้นอยู่กับแผนกเครื่องเสียง ตรงบริเวณประชาสัมพันธ์ในพิธีไหว้ครู นะครับ.  :001:

279
กล่องเดิมมาอย่างนี้ครับ..







โดยปกติด้านหลังของพระสมเด็จพิมพ์นี้ จะมียันต์เงินตัวนะติดไว้ด้วย

(องค์ของพี่ thongkam12 ยันต์เงินตัวนะ อาจจะหลุดไป หรืออีกในกรณีคือ ไม่ได้ติดยันต์เงินตัวนะ มาตั้งแต่แรกก็เป็นไปได้เช่นเดียวกัน)

จากที่เคยได้ไปเรียนสัมภาษณ์กับพระอาจารย์ไพรวัน ที่วัดโคกเขมา คร่าวๆ (ที่พอจำได้) ท่านให้รายละเอียดไว้ว่า

องค์พระสมเด็จได้สร้างขึ้นมาใหม่ ตอนหลวงพ่อเปิ่นมาเป็นเจ้าอาวาสที่วัดบางพระแล้ว (ประมาณปี ๒๕๓.. กว่าๆ ปี พ.ศ. สร้างผมเองจำ พ.ศ ที่แน่นอนไม่ได้ แต่ที่แ่น่นอนคือ ทันหลวงพ่อเปิ่นอธิษฐานจิตปลุกเสก)

ส่วน "ยันต์เงินตัวนะ" ด้านหลัง เป็นของเก่าที่หลวงพ่อเปิ่นท่านสั่งให้ช่างทำไว้ตั้งแต่หลวงพ่อท่านยังเป็นเจ้าอาวาสอยู่ที่วัดโคกเขมา

สมัยนั้นสั่งทำตัวละ ๑ บาท ซึ่งพอตอนที่หลวงพ่อเปิ่นท่านย้ายมาเป็นเจ้าอาวาสวัดบางพระ ท่านก็ไม่ได้นำ "ยันต์เงินตัวนะ" นี้มาที่วัดบางพระด้วยฯ

โดยสรุป พระสมเด็จพิมพ์นี้ ทันหลวงพ่อเปิ่นอธิษฐานจิตแน่นอนครับ

ส่วนรายละเอียดเพิ่มเติมเรื่อง ปี พ.ศ. ที่แน่นอน ว่างๆ ต้องเข้าไปสอบถามกับพระอาจารย์ไพรวัน ที่วัดโคกเขมาอีกที


พระสมุห์ไพรวัน คุณวนฺโต วัดโคกเขมา (วัดเก่าหลวงพ่อเปิ่น) จ.นครปฐม

280









หลวงพ่อเปิ่นให้ไว้เป็นที่ระลึกเมื่อครั้งอดีตที่ไปร่วมบุญกับหลวงพ่อ

282


หลวงพ่อเปิ่น:   "มันชอบ ไปเรื่อยๆ ชอบพัฒนาไปเรื่อยๆ สร้างโน่นสร้างนี่มันเห็นขึ้นหน้าขึ้นตาดี ไอ้นี่ก็สร้างได้ไอ้โน่นก็สร้างได้ โน่นก็สร้างได้ ก็พัฒนามาเรื่อยๆ ก็อาศัยลูกศิษย์เนี่ย ช่วยกันเออ คนละเล็กละน้อย คนละ ๙ บาท ๑๐ บาท อะไร เรื่อยๆ ขึ้นมันก็สะสมมันก็มากเอง มันมากคน มันก็ได้มากเข้า"

ผู้สัมภาษณ์:   "ที่หลวงพ่อไปสร้างสาธารณประโยชน์เนี่ยครับ ในแต่ละปีเนี่ย"

หลวงพ่อเปิ่น:   "แต่ละปี โอ้ เยอะแยะไป โรงพยาบาลมั่ง เออโรงพยาบาล สาธารณสุข เอ่อโรงเรียน เอ่อแล้วก็ นี่กำลังสร้างบ้านพักคนชรา เออ วัดวาอาราม"

ผู้สัมภาษณ์:   "ในอนาคตหลวงพ่อมี มีนโยบายยังไงนะฮะ จะสร้างสาธารณประโยชน์ให้กับประชาชนเนี่ยครับ มีโครงการอะไรอีกมั๊ยครับ"

ลูกศิษย์:      "หลวงพ่อสร้างไปเรื่อยๆ"

หลวงพ่อเปิ่น:   "เรื่อยๆ สร้างไปเรื่อยๆ สร้างโน่นสร้างนี่ วัดวาอารามอะไรต่างๆ นานา เออ นี่กำลัง บ้านพักคนชราอยู่ เออบ้านพักคนชรา เออโรงพยาบาลอะไรฯ"


:001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:

เรียบเรียงจากการถอดเทปเสียงหลวงพ่อเปิ่น ฐิตคุโณ อดีตเจ้าอาวาสวัดบางพระ จ.นครปฐม

:001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:

ปุญฺญานุสฺสติ(สิบทัศน์)
วันพุธที่ ๑๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗
เวลา ๐๑.๒๐ น.

283


เหรียญเนื้อเงินลงยา สร้าง ๓ สี (แดง, เขียว, น้ำเงิน) สีละ ๙ เหรียญ บูชาเหรียญละ ๒,๕๐๐ บาท

เหรียญเนื้อเงินธรรมดา สร้าง ๙ เหรียญ บูชาเหรียญละ ๑,๕๐๐ บาท

เหรียญเนื้อตะกั่ว สร้าง ๙ เหรียญ บูชาเหรียญละ ๑,๐๐๐ บาท

เหรียญเนื้อนวะโลหะ สร้าง ๒๙ เหรียญ บูชาเหรียญละ ๑,๐๐๐ บาท

เหรียญเนื้อโลหะชุบสามกษัตริย์ สร้าง ๓,๐๐๐ เหรียญ บูชาเหรียญละ ๓๐๐ บาท

เหรียญเนื้อทองแดง สร้าง ๓๐,๐๐๐ เหรียญ บููชาเหรียญละ ๑๕๐ บาท (ในชุดพานครู บูชา ๑๐๐ บาท)

*บูชาได้ที่กุฏิใหญ่ วัดบางพระ

**พรุ่งนี้ท่านใดไปวัดบางพระ ลองขึ้นไปสอบถามหลวงพี่เชษฐ์-หลวงพี่กุ้ง บนกุฏิใหญ่ดูนะครับ

285

จากการที่ทางเว็บไซต์วัดบางพระได้จัดให้มีการทำเสื้อที่ระลึกเพื่อให้เพื่อนสมาชิกได้ใส่ไปร่วมพิธีไหว้ครูมาเป็นประจำทุกปี

ซึ่งปีนี้ (๒๕๕๗) ทางเว็บไซต์วัดบางพระได้เริ่มดำเนินการจัดทำเสื้อที่ระลึกแล้ว (ดังภาพตัวอย่าง)

และที่่สำคัญ ในปีนี้ทางทีมงานได้ปรับเปลี่ยนวิธีจับจองเสื้อจากเดิมบ้างเล็กน้อย

กล่าวคือ ในปีนี้จะไม่มีการเปิดรับจองเสื้อผ่านหน้าเว็บบอร์ดเหมือนเช่นทุกปีที่ผ่านมา (เนื่องจากมีปัญหาติดขัดเรื่องการจัดส่งฯ)

โดยจะเปิดให้บูชาที่วัดบางพระเพียงอย่างเดียวเท่านั้น (บูชาได้ประมาณ ๑ อาทิตย์ก่อนวันงานไหว้ครู)

*สำหรับจำนวนการผลิตเสื้อในปีนี้ ทางทีมงานจะดูจากสถิติการสั่งจองเสื้อ ๓ ปีย้อนหลัง

จึงแจ้งมาเพื่อทราบ..


:001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:

หมายเหตุ- รายละเอียดเกี่ยวกับวันเวลาและราคาที่เปิดให้บูชา จะแจ้งให้ทราบอีกครั้งหนึ่ง

286
สวยครับ ไม่ทราบว่าเปิด จองเสื้อรุ่นแล้วหรือยังครับ

สำหรับเสื้อที่ระลึกเว็บไซต์วัดบางพระปีนี้ (รุ่น ๖) อาจจะไม่ต้องจองครับ

ปล.ตัวอย่างเสื้อปีนี้สวยมาก (orange:059:

287
บูชาได้ตอนใหนครับ ปีนี้คงไม่ได้ร่วมไหว้ครูครับ

ยังไม่ทราบเช่นกันครับว่าทางวัดจะเปิดให้บูชาเมื่อไหร่ (แต่คงจะเร็วๆ นี้แน่นอน)

*เพิ่มเติม-ข่าวล่าสุดหลวงพี่เชษฐ์เกริ่นมาว่าเหรียญเนื้อเงินลงยาบูชาเหรียญละ ๒,๕๐๐ บาท

ส่วนเนื้ออื่นๆ ยังไม่ทราบรายละเอียดราคาบูชาครับ.

288
วันนี้ผมไปดูที่กุฎิใหญ่  ทำไมไม่เห็นมีเลยครับ

ยังไม่เปิดให้บูชาครับ  :001:

289

ภาพประกอบจาก: สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดนครปฐม

        ก็ขอเจริญพรแก่คุณวันชาติ วงศ์ชนะ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม เป็นประธาน และคุณบุญลือ สง่าจิตร นายอำเภอนครชัยศรี และคุณวิโรจน์ อุ่นทรัพย์ ผอ.สำนักพุทธศาสนาแห่งชาติ จังหวัดนครปฐม และหน่วยงาน ผอ. อบต. ก็ดี กำนันผู้ใหญ่บ้าน และผู้ที่มาร่วมงานในวันนี้ทุกๆ ท่าน ก็ขอโมทนาบรรดาท่านทั้งหลายที่ได้ร่วมกันมาสร้างคุณงามความดีเอาไว้ยังวัดบางพระแห่งนี้ เพราะวัดบางพระแห่งนี้ก็ได้ประพฤติปฏิบัติในด้านการศาสนามาเป็นประจำ ไม่ว่าจะเป็นวันสำคัญ ในทางพุทธศาสนาหรือในวันที่มีประกอบกิจกรรมต่างๆ ด้านศาสนา วัดบางพระก็ได้ให้ความอนุเคราะห์ความร่วมมือช่วยเหลือเกื้อกูลอุปถัมภ์อยู่ตลอดมา บรรดาท่านทั้งหลายที่มีผู้ว่าราชการจังหวัด และ ผอ.สำนักพุทธ มีศรัทธาได้ประกอบด้วยคุณงามความดีโดยคณะทุกท่าน ได้สร้างบุญทั้งหลาย และช่วยเหลือ ได้บริจาคทรัพย์ มาประพฤติปฏิบัติ แก่การหมั่นสร้างคุณงามความดีอยู่เป็นเนืองนิตย์ อย่างที่ท่านได้ประกอบเอาไว้อยู่ในศีล ๕ ศีล ๕ ไม่ฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ ประพฤติผิดในกาม ไม่พูดมุสา ไม่ดื่มสุรา รักษาได้ทั้ง ๕ ข้อนี้ หรือไม่ครบ ๕ ข้อ ก็ข้อใดข้อหนึ่งก็ยังดี ก็นับว่าเป็นบุญกุศลของท่านทั้งหลาย

        การทำบุญนั้นหน่ะ ไม่จำเพาะจำกัดเวลา ทำได้ทุกกาลทุกเวลาทุกสมัย อย่างที่บทที่พระได้พูดไว้ว่า “อกาลิโก” ไม่ประกอบด้วยกาล ประกอบด้วยปฏิบัติจะทำเวลาไหนก็ได้นะการทำบุญหรือทำความดี เพราะฉะนั้นในพระบาลีที่ว่า “สุโข ปุญฺญสฺส อุจฺจโย” การสั่งสมบุญ ย่อมนำมาซึ่งความสุข ความสุขความเจริญ บุญนั้นใครทำใครได้ ใครไม่ทำก็ไม่ได้ แล้วดูจากข่าวนั้น สมัยปัจจุบันนี้มีการตัดกงตัดกรรมกัน ไอ้กรรมนั้นหน่ะตามหลักพุทธศาสนาเลยมันตัดไม่ได้หรอก กรรมมันอยู่ที่การกระทำของแต่ละบุคคล บุคคลใดบุคคลหนึ่งจะทำกรรมดีไว้เยอะ แต่กรรมดีก็ตอบสนอง ถ้าใครทำกรรมชั่วไว้เยอะ ไอ้ความชั่วก็ตอบสนอง เพราะฉะนั้นจะไปตัดกรรมมันทำไม่ได้ ปัจจุบันนี้มีเยอะนะตัดกรรม

        เพราะฉะนั้นญาติโยมทั้งหลายซึ่งมีผู้ว่าเป็นต้นเป็นประธาน และท่าน ผอ.สำนักพุทธศาสนาแห่งชาติ ก็ขออนุโมทนาในคุณงามความดีที่ท่านทั้งหลายได้ประกอบในวันนี้ จงเป็นตบะเดชะ พลวปัจจัย เกื้อกูลอุดหนุนคุณงามความดีที่ท่านประพฤติปฏิบัติในวันนี้ ให้เจริญงอกงามในตำแหน่งหน้าที่ของท่านและธุรกิจการงานต่างๆ ให้สูงๆ ขึ้นไปนะ แล้วขอให้ท่านทั้งหลายจงเจริญด้วยอายุ วรรณะ สุขะ พละ ปฏิภาณ ธนสารสมบัติ จงทุกประการ จะคิดประสงค์จำนงหมายสิ่งหนึ่งสิ่งใด ซึ่งเป็นไปในทางที่ชอบที่ควรแล้วไซร้ ขอให้สิ่งนั้นจงพลันสำเร็จ จงพลันสำเร็จ จงพลันสำเร็จ โดยทั่วกันทุกท่านทุกคนเทอญ ขอเจริญพร.


:001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:

เนื้อความสัมโมทนียกถาเรียบเรียงจากการถอดเทปเสียง
พระครูอนุกูลพิศาลกิจ (หลวงพ่อสำอางค์ ปภสฺสโร) เจ้าอาวาสวัดบางพระรูปปัจจุบัน
เนื่องในงานกิจกรรมโครงการทำบุญทั้งจังหวัด นครปฐมวัดร่มเย็น (ครั้งที่ ๙)
เมื่อวันพฤหัสบดีที่ ๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๕๗ ณ ศาลาการเปรียญวัดบางพระ

:001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:

ปุญฺญานุสฺสติ(สิบทัศน์)
วันเสาร์ที่ ๘ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๕๗
เวลา ๐๑.๕๕ น.

291
จากการที่ได้ไปเรียนสัมภาษณ์กับพระอาจารย์อนันต์ อภินนฺโท

ท่านเมตตาบอกว่าชื่อยันต์ "หัวใจบารมีพระพุทธเจ้า" ครับ.

292
เจื้อยแจ้ว แว่วมา..

เสื้อที่ระลึกรุ่น ๖ จัดทำแน่นอนครับ

ติดตามรายละเอียดได้เร็วๆ นี้

36; 36; 36;

293

https://www.facebook.com/events/251595065016798/

กำหนดการโครงการทำบุญทั้งจังหวัด นครปฐมวัดร่มเย็น (ครั้งที่ ๙)

วันพฤหัสบดีที่ ๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๕๗ ณ วัดบางพระ


เวลา ๐๙.๓๐ น.   
- หัวหน้าส่วนราชการและแขกผู้มีเกียรติพร้อมบริเวณ..................
- พระภิกษุวัดบางพระขึ้นสู่อาสนะ

เวลา ๑๐.๐๐ น.   
- นายวันชาติ วงษ์ชัยชนะ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม และนางสว่างศรี วงษ์ชัยชนะ นายกเหล่ากาชาดจังหวัดนครปฐม เดินทางถึงวัดบางพระ
- ผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม กล่าววัตถุประสงค์โครงการฯ
- ผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม จุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย
- พิธีกรกล่าวนำสวดมนต์ไหว้พระ และอาราธนาศีล
- พระครูอนุกูลพิศาลกิจ เจ้าอาวาสวัดบางพระให้ศีล
- พระสงฆ์วัดบางพระเจริญพระพุทธมนต์ (ชัยมงคลคาถา)
- พิธีกรกล่าวนำถวายผ้าป่า
- พระครูอนุกูลพิศาลกิจ เจ้าอาวาสวัดบางพระ พิจารณาผ้าป่า
- ผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม ถวายพุ่มผ้าป่า
- พิธีกร กล่าวนำถวายภัตตาหาร
- ผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม และผู้เข้าร่วมพิธี ถวายภัตตาหาร
- พระครูอนุกูลพิศาลกิจ เจ้าอาวาสวัดบางพระ กล่าวสัมโมทนียกถา และอนุโมทนา
- กรวดน้ำ รับพร
- พระครูอนุกูลพิศาลกิจ เจ้าอาวาสวัดบางพระ มอบวัตถุมงคลที่ระลึกแก่ผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม และผู้ที่เข้ามาร่วมงาน
- เสร็จพิธีบนศาลาการเปรียญ -
- ผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม หัวหน้าส่วนราชการ แขกผู้มีเกียรติ และผู้ที่เข้ามาร่วมงาน
- กราบสักการะสังขาร พระอุดมประชานาถ (หลวงพ่อเปิ่น) อดีตเจ้าอาวาสวัดบางพระ
- ปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำ
- ปลูกต้นกฤษณา จำนวน ๒ ต้น
- กราบนมัสการพระประธานในอุโบสถวัดบางพระ
- ร่วมทำความสะอาดบริเวณวัดบางพระ

ข่าวสารจาก: พระสุเมโธภิกขุ
เฟสบุ๊ควัดบางพระ: www.facebook.com/bp.or.th

294

วันอังคารที่ ๑๔ มกราคม ๒๕๕๗


ควบคุมเครื่องเสียง




สร้างพระไตรปิฎก


ตักบาตรสตางค์


ทำบุญโลงศพ


ดอกไม้ธูปเทียนทอง




บูชาพระประจำวันเกิด


บุรพาจารย์


น้อมสักการะ


อุปกรณ์อำพราง


ช่างปั้น


สร้างสรรค์


สุขใจ


มุมพัก


ก้างใหญ่


แผงค้า


ทิชชู่ช้อนปลา


สองสาว


ยังไม่ถอดรูป


อนุโมทนากับผู้ที่นำมาถวายเป็นประจำทุกงาน


ประทีปบูชา


หลวงพี่ติ่งเดินออกกำลังกายยามเย็น


แบ่งปัน


จับจีบ


รอ




พ่อค้า


สุดฝีมือ


จามก่อนกิน


ไม่ต้องตีตั๋ว จับจองที่นั่ง ปูเสื่อรอชม


หลบมานั่งสมาธิ




เนตรนารี...


๑๘.๐๐ น. หลวงพ่อสำอางค์ เป็นประธานเปิดงานประจำปี ปิดทองบุรพาจารย์วัดบางพระ ปี ๒๕๕๗






























หลวงพ่อทำน้ำมนต์


again


















มาร่วมงานตั้งแต่ยังสาว


ปิดทอง


สาธุ


จิตอาสา


ประเดิมถวายไทยธรรมเป็นสังฆทาน




บนขอโชคลาภสำเร็จ เตรียมประทัดแก้บนแสนนัด


เสียงที่คุ้นชิน






ครอบครัว


แม่ลูก


ซักตัว


เลือก


แต่งแต้ม


บังคับ


แก้หิว


มืออาชีพ


มือสมัครเล่น

295
ขอบคุณที่นำภาพมาให้ชมครับว่าแต่ที่โรงพยาบาลมีฝังเข็มแก้ปวดหลังใหมครับคุณสิบทัศช่วงนี้ปวดหลังบ่อยครับ

ทางโรงพยาบาลหลวงพ่อเปิ่นมีให้บริการฝังเข็มครับ รายละเอียดตามนี้ครับ


296
ขอขอบคุณอาจารย์หนวดสำหรับภาพบางส่วนที่อนุญาตให้นำมาลงที่กระดานสนทนาวัดบางพระนี้ครับ.











































































































































อนุโมทนาบุญกับทุกท่านอีกครั้งครับ สาธุ สาธุ อนุโมทามิ.

297

       งานประจำปีของวัดบางพระ ตามประวัติมีการจัดขึ้นมาอย่างยาวนานแต่ครั้งโบราณ กำหนดจัดขึ้นในระหว่างวันขึ้น ๑๔ ค่ำเดือน ๒ ถึงวันแรม ๑ ค่ำเดือน ๒ (รวม ๓ วัน) ภายในงานจะมีกิจกรรมเปิดให้สาธุชนได้ปิดทองรูปหล่อเหมือนบุรพาจารย์ของหลวงพ่อเปิ่น ซึ่งทางวัดได้สร้างวิหารเพื่อประดิษฐานรูปหล่อเหมือนของบุรพาจารย์ไว้บริเวณด้านหน้าอุโบสถหลังใหม่ ภายในวิหารจะประดิษฐานรูปหล่อพระคณาจารย์ผู้เป็นบุรพาอาจารย์ของหลวงพ่อเปิ่นไว้ ๓ องค์ (รวมรูปหล่อหลวงพ่อเปิ่นด้วยเป็น ๔ องค์) ประกอบด้วย



รูปหล่อหลวงปู่หิ่ม อนฺทโชโต

       ๑. รูปหล่อหลวงปู่หิ่ม อินฺทโชโต พระอุปัชฌาย์ของหลวงพ่อเปิ่น ซึ่งแต่เดิมวิหารหลังนี้ในสมัยก่อนมีประดิษฐานรูปหล่อหลวงปู่หิ่มไว้เพียงองค์เดียว โดยรูปหล่อของหลวงปู่หิ่มนี้สร้างในสมัยที่หลวงพ่อทองอยู่ ปทุมรัตน์ เป็นเจ้าอาวาสวัดบางพระเมื่อปี พ.ศ.๒๕๐๗ หากขึ้นไปสักการบูชาบนวิหาร ก็จะเห็นป้ายวิหารไม้หลังเดิมที่ระบุไว้ว่า “หลวงพ่อหิ่ม” วางไว้อยู่ด้านหน้าของวิหาร

ป้ายไม้ชื่อวิหารหลวงพ่อหิ่มอันเดิมก่อนได้รับการบูรณะ

       กล่าวถึงหลวงปู่หิ่ม อินฺทโชโต ที่นอกจากจะเป็นอดีตเจ้าอาวาสวัดบางพระรูปที่ ๖ (พ.ศ.๒๔๔๑ ถึง พ.ศ.๒๔๙๕) และเป็นพระอุปัชฌาย์ของหลวงพ่อเปิ่นแล้ว ก็นับได้ว่าหลวงปู่หิ่มท่านเป็นครูอาจารย์ผู้ประสิทธิ์ประสาทวิชาความรู้ในด้านพระเวทย์ การสักยันต์ และตำรับตำรายาสมุนไพรแก่หลวงพ่อเปิ่นอีกด้วย และที่สำคัญอีกประการหนึ่งคือหลวงปู่หิ่มท่านเป็นพระอาจารย์ผู้มีชื่อเสียงด้านวิชาอาคมซึ่งท่านได้ร่ำเรียนมาจากพระคณาจารย์หลายรูป หนึ่งในนั้นคือหลวงพ่อทอง วัดละมุด ผู้เป็นเกจิคณาจารย์ชื่อดังของนครปฐมในสมัยโบราณ ซึ่งแม้แต่หลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว ก็ได้มาเป็นศิษย์ของท่านเช่นเดียวกัน อีกทั้งหลวงปู่บุญท่านก็เป็นสหธรรมิกของหลวงปู่หิ่มด้วย (จากบันทึกตามหลักฐานเป็นจดหมายที่หลวงปู่หิ่มกับหลวงปู่บุญท่านเขียนถึงกัน)


       จากอดีตถึงปัจจุบัน ผู้ที่มาบนบานสานกล่าวขอให้หลวงปู่หิ่มท่านช่วยเหลือในเรื่องสิ่งหนึ่งประการใด ก็นิยมนำประทัดมาจุดแก้บนถวายที่ด้านหน้าวิหารบุรพาจารย์หลังนี้อยู่เป็นประจำ นอกจากนี้ก็ยังนิยมมาเสี่ยงเซียมซี และรับเอาน้ำมนต์ในวิหารนี้กลับไปดื่มกิน โดยเชื่อว่าเมื่อได้ดื่มกินหรืออาบแล้ว จะเป็นสิริมงคลตามความเชื่อ


บริเวณที่สาธุชนนิยมนำประทัดมาจุดแก้บนหน้าวิหารบุรพาจารย์


:001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:




รูปหล่อหลวงพ่อทองอยู่ ปทุมรัตน

       ๒. รูปหล่อหลวงพ่อทองอยู่ ปทุมรัตน (พระอธิการอยู่ ปทุมรัตน) อดีตเจ้าอาวาสวัดบางพระรูปที่ ๗ (พ.ศ.๒๔๙๖ ถึง พ.ศ.๒๕๑๖) ผู้เป็นพระกรรมวาจาจารย์ของหลวงพ่อเปิ่น โดยรูปหล่อหลวงพ่อทองอยู่องค์นี้ หลวงพ่อเปิ่นท่านมาสร้างไว้ในภายหลังเมื่อท่านได้เป็นเจ้าอาวาสวัดบางพระแล้ว ชื่อเสียงของหลวงพ่อทองอยู่จะเด่นด้านวิชาโหราศาสตร์ที่มีความแม่นยำ อีกทั้งท่านเป็นพระที่เคร่งครัดในพระธรรมวินัย การปกครองพระสงฆ์ในวัดบางพระในสมัยที่ท่านเป็นเจ้าอาวาสจึงเป็นไปได้อย่างราบรื่นเรียบร้อยเป็นอย่างดี



:001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:




รูปหล่อหลวงพ่อเปลี่ยน ฐิตธมฺโม[/color]

       ๓. รูปหล่อหลวงพ่อเปลี่ยน ฐิตธมฺโม ผู้เป็นพระอนุสาวนาจารย์ของหลวงพ่อเปิ่น ตามประวัติของหลวงพ่อเปลี่ยน ก่อนที่ท่านจะมาบวชเป็นพระภิกษุสงฆ์นั้น ในอดีตท่านเคยเป็นเสือ (โจร) มาก่อน ซึ่งในสมัยนั้นผู้ที่เป็นเสือก็จะต้องมีวิชาอาคมไว้เพื่อป้องกันตัว โดยหลวงพ่อเปลี่ยนนั้นท่านเคยโดนยิงด้วยกระสุนปืนเข้าที่กะโหลกศีรษะแต่ไม่เข้า เป็นเพียงรอยนูนออกมาเท่านั้นแต่ไม่ระคายผิวแต่อย่างใด ท่านใดที่ได้ไปกราบนมัสการสักการะรูปหล่อของหลวงพ่อเปลี่ยนบนวิหารบูรพาจารย์ที่วัดบางพระก็ลองสังเกตที่บริเวณศรีษะด้านซ้ายของรูปหล่อหลวงพ่อเปลี่ยนดู ซึ่งจะเห็นเป็นรอยนูนออกมา ซึ่งเป็นที่กล่าวกันว่า นี่แหละคือตรงที่ท่านโดนยิงแต่ไม่เข้า หลวงพ่อเปิ่นได้เล็งเห็นระลึกถึงคุณงามความดีของพระอนุสาวนาจารย์ ท่านจึงได้หล่อรูปเหมือนของหลวงพ่อเปลี่ยนขึ้นไว้เพื่อให้ลูกศิษย์ลูกหาสาธุชนได้กราบไหว้บูชาสืบไป

บริเวณศรีษะด้านซ้ายของรูปหล่อหลวงพ่อเปลี่ยน จะเห็นเป็นรอยนูนออกมา

:001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:




รูปหล่อพระอุดมประชานาถ (หลวงพ่อเปิ่น ฐิตคุโณ)[/color])

       ๔. รูปหล่อพระอุดมประชานาถ (หลวงพ่อเปิ่น ฐิตคุโณ) อดีตเจ้าอาวาสวัดบางพระรูปที่ ๘ (พ.ศ.๒๕๑๗ ถึง พ.ศ.๒๕๔๕) รูปหล่อของหลวงพ่อเปิ่นองค์นี้สร้างไว้ในวันคล้ายวันเกิดของหลวงพ่อเมื่อวันที่ ๑๒ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๔๖ ซึ่งสร้างหลังจากที่หลวงพ่อเปิ่นท่านมรณภาพไปแล้ว โดยศิษยานุศิษย์ได้ร่วมใจกันหล่อรูปเหมือนของท่านขึ้นเพื่อไว้สักการบูชา และได้นำมาประดิษฐานไว้ในวิหารบุรพาจารย์ของวัดบางพระตั้งแต่นั้นมา สาธุชนที่มากราบไหว้ขอพรก็นิยมไปสักการะบูชาปิดทองรูปเหมือน เพื่อระลึกถึงคุณงามความดีเมื่อครั้งสมัยที่หลวงพ่อเปิ่นท่านยังดำรงสังขารอยู่ ซึ่งหลวงพ่อท่านเป็นพระที่มีเมตตา อนุเคราะห์ให้ความช่วยเหลือ และสร้างสาธารณะประโยชน์ให้แก่ชาวตำบลบางแก้วฟ้าและละแวกใกล้เคียง รวมถึงสร้างคุณประโยชน์ไว้แก่พระพุทธศาสนาอย่างกว้างขวางทั้งในและต่างประเทศ


       ในปีนี้ทางวัดบางพระได้กำหนดจัดงานประจำปี ปิดทองรูปเหมือนบุรพาจารย์ขึ้นระหว่างวันที่ ๑๔ – ๑๖ มกราคม พ.ศ.๒๕๕๗ ภายในงานนอกจากจะจัดให้มีการทำบุญปิดทองรูปเหมือนอดีตบุรพาจารย์ของวัดบางพระแล้ว ก็ยังจัดให้มีการทำบุญอื่นๆ เช่น ทำบุญโลงศพ ตักบาตรสตางค์ สร้างพระไตรปิฎก ถวายสังฆทาน และอื่นๆ อีกมากมาย นอกจากนี้ยังจัดให้มีมหรสพให้สาธุชนผู้มาร่วมงานได้ชมฟรีตลอดงานด้วยเช่นกัน


รับชมภาพบรรยากาศภายในงานประจำปีของวัดบางพระเมื่อปีที่แล้ว (๒๕๕๖) ได้ที่... http://www.bp.or.th/webboard/index.php?topic=28950.0;


       ดังนั้นจึงขอเชิญชวนศิษยานุศิษย์วัดบางพระ และสาธุชนผู้สนใจแสวงบุญทุกท่าน ได้มาร่วมงานประจำปีของทางวัดบางพระ เพื่อสร้างบุญกุศล และรำลึกถึงคุณของอดีตพระบุรพาจารย์ผู้เป็นอาจารย์ของสำนักวัดบางพระ อีกทั้งยังเป็นการร่วมสืบสานอนุรักษ์ประเพณีงานบุญงานประจำปีของทางวัดบางพระให้คงอยู่สืบไป


อนุโมทนาบุญล่วงหน้ากับผู้ที่ไปร่วมบุญในงานประจำปีวัดบางพระล่วงหน้าครับ
สาธุ สาธุ อนุโมทามิ.


:001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:

ข้อมูลเกี่ยวกับประเพณีงานประจำปี และประวัติของอดีตบุรพาจารย์ของวัดบางพระ
เรียบเรียงจากการสัมภาษณ์ท่านพระครุอนุกูลพิศาลกิจ (หลวงพ่อสำอางค์ ปภสฺสโร)
เจ้าอาวาสวัดบางพระรูปปัจจุบัน

:001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:


ปุญฺญานุสฺสติ(สิบทัศน์)
วันจันทร์ที่ ๑๓ มกราคม ๒๕๕๗
เวลา ๐๑.๔๗ น.

298
พิธีเปิดอาคารคลีนิคแพทย์แผนจีน โรงพยาบาลหลวงพ่อเปิ่น ๑๐ มกราคม ๒๕๕๗

โดยอาคารคลีนิกแพทย์แผนจีน โรงพยาบาลหลวงพ่อเปิ่น นี้ หลวงพ่อสำอางค์ท่านได้ร่วมสร้างโดยนำเงินส่วนหนึ่งมาจากเงินค่าครูสักยันต์ (๒๕ บาท) และเงินปัจจัยที่ศิษยานุศิษย์ได้ร่วมบุญที่วัดบางพระ มาทำบุญสร้างสาธารณประโยชน์ต่อ

อนุโมทนาบุญกับศิษย์หลวงพ่อเปิ่นทุกๆ ท่าน สาธุ สาธุ อนุโมทามิ.


























อีกส่วนกับการก่อสร้างพัฒนาวัด..














299
ด้วยความเคารพ นำเรียนชี้แจงไปอย่างชัดเจนแล้วนะครับ ด้วยหลักฐานการสนทนาผ่านทางข้อความส่วนตัว (pm) ที่ได้นำมาโพสตอบในกระทู้นี้

เหตุเนื่องมาจากคุณประจักษ์กล่าวว่าผม "เงียบ คือคำตอบใช่หรือเปล่า..." ทั้งๆที่ผมเพิ่งเข้าเปิดเข้าใช้งานในกระดานสนทนาวัดบางพระ แล้วได้มาดูข้อความเมื่อคืน ซึ่งระบบการเข้าใช้งานกระดานสนทนาวัดบางพระ ก็เป็นตัวชี้วัดเวลาการลงชื่อเข้าใช้งานได้อย่างชัดเจน (อย่างนี้หมายความว่าอย่างไรครับ?)

และจากที่ได้มีการสอบถามกันเข้ามาทางระบบข้อความส่วนตัว (pm) ซึ่งผมก็ได้ตอบเฉพาะในประเด็นที่อยู่ในวิสัยความรับผิดชอบที่จะสามารถให้คำตอบได้แล้ว นั่นคือ ตามกติกาการร่วมรับรางวัล ผมมีหน้าที่ในการรับซองจดหมายของท่านและบรรจุรางวัลส่งกลับไปให้ท่านเพียงเท่านี้ ซึ่งผมก็ได้ทำตามหน้าที่รับผิดชอบโดยเรียบร้อยแล้ว และตอบคำถามที่คุณประจักษ์สอบถามเข้ามาทางระบบข้อความส่วนตัว (pm) แล้วเช่นเดียวกัน

อีกประเด็นคือ การที่คุณประจักษ์กล่าวว่า "มาโพสต์ตอบให้สาธารณชนได้เห็นเช่นนี้ คุณสิบทัศน์ สร้างภาพแบบนี้เป็นปรกติเลยเหรอครับ" ต้องเรียนชี้แจงก่อนว่า คุณประจักษ์เองมิใช่หรือ ที่เริ่มด้วยการนำมาโพสในที่สาธารณะในกระทู้นี้? (ทั้งๆ ที่มีการสอบถามผ่านเข้ามาทางระบบข้อความส่วนตัวอยู่แล้วด้วย) ดังนั้นประเด็นนี้จึงขัดแย้งกับการกระทำของคุณประจักษ์อย่างชัดเจน

อีกทั้งในระบบข้อความส่วนตัว (pm) คุณประจักษ์ยังได้กล่าวอีกว่า "เงียบ คือคำตอบใช่หรือเปล่า..." ต้องเรียนตอบว่า ผมไม่ได้โกรธแต่อย่างใด เพียงแค่ขอคำอธิบายชี้แจงสักเล็กน้อยว่า เหตุใดคุณประจักษ์ถึงกล่าวเช่นนั้น

เมื่อสักครู่นี้ เวลา ๑๖.๓๖ น. ผมเองจึงได้ได้โทรศัพท์ไปหาคุณประจักษ์เพื่อจะชี้แจง และขอคำอธิบายสำหรับการกล่าวหา ที่คุณประจักษ์ได้กล่าวหาผมข้างต้นนี้ แต่คำตอบที่ได้รับคือ คุณประจักษ์พูดว่า "ผมไม่รับฟัง" แล้วก็ตัดสายทิ้งไป...

จะกล่าวว่าผมสร้างภาพ อันนี้ก็แลดูจะไม่ยุติธรรมสำหรับผมเท่าไหร่นะครับ

----------------------------------------------------------

สักเล็กน้อย คุณคงจะสับสนในศีลข้อ ๔ นะครับ

โดยรายละเอียดศีลข้อ ๔ ให้ขอบเขตไว้เพียง "การพูดหรือการสื่อสารให้ผู้อื่นทราบหรือรับรู้คลาดเคลื่อนไปจากความเป็นจริง"

แต่ การพูดส่อเสียด การพูดเพ้อเจ้อ และการพูดหยาบคาย (อย่างที่คุณกระทำนี้) อยู่ในส่วนของ "อกุศลกรรมบถ" ครับ

ไม่ใช่ศีลข้อ ๔ อย่างที่คุณเข้าใจแต่อย่างใด.

300
สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2556 ที่คุณปุญญานุสติ (สิบทัศน์) ได้แจกวัตถุมงคลให้กับผู้ที่ร่วมลงชื่อ
ผมก็ได้ลงชื่อไป ได้ลำดับที่ 5 ผมได้ส่งซองเปล่าติดแสตมป์กลับไปตามที่อยู่้ที่คุณสิบทัศน์ได้แจ้งมาในกล่องจดหมาย
ส่งไปตั้งแต่วันที่ 6 ธันวาคม 2556 แบบ EMS ถึงผู้รับวันที่ 7 ธันวาคม 2556 จนกระทั้งถึงวันนี้ผมยังไม่ได้รับจดหมายส่งกลับเลยครับ มีใครเป็นเหมือนผมบ้างมั้ยครับ ได้สอบถามกลับไปทางคุณสิบทัศน์แจ้งว่า ได้ส่งซองกลับมาแล้ว อย่างนี้ผมต้องทำยังไงครับ จะไปสอบถามที่ไปรษณีย์เค้าจะค้นให้ได้มั้ย ขอสอบถามคุณสิบทัศน์ว่าพอจะจำได้มั้ยครับว่าส่งซองกลับมาวันที่เท่าไหร่ ผมจะได้สอบถามและร้องเรีัยนกับทางไปรษณีย์ได้ถูก ด้วยความเคารพ ขอโทษที่รบกวน ขอบคุณครับ



ขอตอบโดยใช้ "คำตอบเดิมที่เคยเรียนแจ้งคุณไปทาง pm หลายๆ ครั้ง" นะครับ ว่า

ได้รับซองของคุณประจักษ์แล้ว และได้ส่งคืนกลับไปให้แล้วเช่นเดียวกัน ฯ ๆๆ

ส่วนวันที่ส่งกลับไปให้ ผมไม่สามารถจำได้ครับ (เหตุเพราะไม่ได้ทำบันทึกไว้).

ด้วยความเคารพ ขออภัยที่รบกวน ขอบคุณเช่นกันครับ ที่มาแจ้งให้ทราบอีกครั้ง.

----------------------------------------------------------------------------

แถม 









ทุกครั้งที่คุณสอบถามเข้ามาทาง pm ผมก็ได้เรียนตอบด้วยคำตอบเดิมที่เคยเรียนแจ้งไปแล้วทุกครั้ง ไม่ได้ "เงียบ" อย่างที่คุณกล่าวไว้ทาง pm ครับ.

301

สืบเนื่องจากทางวัดบางพระนำโดยท่านพระครูอนุกูลพิศาลกิจ (หลวงพ่อสำอางค์ ปภสฺสโร เจ้าอาวาสวัดบางพระรูปปัจจุบัน องค์ประธานอุปถัมภ์ในการบูรณะครั้งนี้) พระอาจารย์ต้อย พระอาจารย์ติ่ง พระอาจารย์อภิญญา พระอาจารย์แป๊ว พระอาจารย์อนันต์ และพระปาด ได้เชิญชวนสาธุชนผู้ใจบุญทั้งหลายให้ร่วมกันสร้างบุญสมทบทุนบูรณะโรงเจวัดบางพระ (ศาลเจ้าแม่ทับทิม) และได้เริ่มดำเนินการบูรณะมาตั้งแต่วันอาทิตย์ที่ ๒ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๕๖ มาบัดนี้ การบูรณะได้สำเร็จเสร็จสมบูรณ์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยจะจัดให้มีการฉลองโรงเจวัดบางพระ (ศาลเจ้าแม่ทับทิม) ในวันพฤหัสบดีที่ ๙ มกราคม พ.ศ.๒๕๕๗ ดังนั้นจึงขอเชิญชวนศิษยานุศิษย์วัดบางพระทุกท่าน (ที่สามารถมาร่วมงานฉลองดังกล่าวได้) ได้มาร่วมฉลองโรงเจวัดบางพระ (ศาลเจ้าแม่ทับทิม) ในวันดังกล่าวโดยพร้อมเพรียงกัน.

ประวัติความเป็นมาของโรงเจวัดบางพระ (ศาลเจ้าแม่ทับทิม): http://www.bp.or.th/webboard/index.php?topic=29255

ภาพการบูรณะโรงเจวัดบางพระ (ศาลเจ้าแม่ทับทิม) ที่เริ่มทำการบูรณะตั้งแต่วันอาทิตย์ที่ ๒ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๕๖ เรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน
































































อนุโมทนาบุญกับทุกท่านที่ได้ร่วมบุญบูรณะโรงเจวัดบางพระ (ศาลเจ้าแม่ทับทิม) ในครั้งนี้ สาธุ สาธุ อนุโมทามิ.

:001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:

ปุญฺญานุสฺสติ(สิบทัศน์)
วันเสาร์ที่ ๔ มกราคม ๒๕๕๗
เวลา ๒๐.๐๕ น.

303
คำถามที่คุณถามมาว่า..
ไม่ทราบว่าของจะส่งมาให้ที่บ้านหรือต้องไปเอาที่ไปรษณีย์ครับ ผมส่งซองไปนานแล้วแต่ยังไม่ได้รับของเลย
ต้องเรียนตอบดังนี้ว่า..ได้รับซองของคุณกนกเทพแล้ว และจัดส่งกลับคืนไปให้แล้วครับ

ข้อสังเกต* ในซองเปล่าติดแสตมป์ที่คุณส่งมาระบุชื่อที่อยู่ของผู้รับไว้ที่ไหน

ทางไปรษณีย์ก็ต้องส่งไปตามชื่อที่อยู่ที่จ่าหน้าซองไว้อยู่แล้วไม่ใช่หรืออย่างไรครับ?

กรุณา!! รออีกสักนิดครับคุณกนกเทพ.

304
มีผู้ร่วมลงชื่อรับรางวัลครบจำนวน ๘๖ ท่านแล้ว

ขออนุญาตปิดกิจกรรม ขอบคุณทุกท่านที่ร่วมกิจกรรมครั้งนี้ครับ.

307
บนกุฏิใหญ่วัดบางพระครับ (เหลืออยู่ไม่มาก)


309
สรุปผลกิจกรรม..(รายชื่อผู้ที่ได้รับรางวัล).

ลำดับที่ ๑      AoF_zA
ลำดับที่ ๒      payom37 มอบสิทธิ์การรับรางวัลให้ wee_it13
ลำดับที่ ๓      jookku
ลำดับที่ ๔      hangman69
ลำดับที่ ๕      Krajap
ลำดับที่ ๖      dominique
ลำดับที่ ๗      Chanachon
ลำดับที่ ๘      game84000
ลำดับที่ ๙      Sahawis
ลำดับที่ ๑๐      l3al3y
ลำดับที่ ๑๑      Huntoo
ลำดับที่ ๑๒      sutin001
ลำดับที่ ๑๓      bellutcc
ลำดับที่ ๑๔      san53774
ลำดับที่ ๑๕      phon27
ลำดับที่ ๑๖      daimio
ลำดับที่ ๑๗      What7141
ลำดับที่ ๑๘      นันท์นภัส
ลำดับที่ ๑๙      sakhack
ลำดับที่ ๒๐      sompob
ลำดับที่ ๒๑      Rawis
ลำดับที่ ๒๒      TECHTHEP
ลำดับที่ ๒๓      whatchara3408
ลำดับที่ ๒๔      jeeratach
ลำดับที่ ๒๕      tum72
ลำดับที่ ๒๖      dawvan
ลำดับที่ ๒๗      siriporn_preaw
ลำดับที่ ๒๘      hero
ลำดับที่ ๒๙      duckrabbit
ลำดับที่ ๓๐      demonlove
ลำดับที่ ๓๑      tonnot
ลำดับที่ ๓๒      pepsico
ลำดับที่ ๓๓      mosrobot
ลำดับที่ ๓๔      bangphralism
ลำดับที่ ๓๕      Guskub
ลำดับที่ ๓๖      blackknight
ลำดับที่ ๓๗      marsaesu
ลำดับที่ ๓๘      supakit
ลำดับที่ ๓๙      at
ลำดับที่ ๔๐      tuekidyo1412
ลำดับที่ ๔๑      nice10160
ลำดับที่ ๔๒      polapot2008
ลำดับที่ ๔๓      ชาญ มอบสิทธิ์การรับรางวัลให้ I-am-koy
ลำดับที่ ๔๔      leo
ลำดับที่ ๔๕      blackberets2002
ลำดับที่ ๔๖      manopice
ลำดับที่ ๔๗      JET LEE
ลำดับที่ ๔๘      tong12
ลำดับที่ ๔๙      wirutrut
ลำดับที่ ๕๐      kim sung r
ลำดับที่ ๕๑      KsT-YNV
ลำดับที่ ๕๒      phuwadol01
ลำดับที่ ๕๓      ilolicon
ลำดับที่ ๕๔      Br2518
ลำดับที่ ๕๕      Kampanat
ลำดับที่ ๕๖      aehjomthong
ลำดับที่ ๕๗      gibguy
ลำดับที่ ๕๘      assong
ลำดับที่ ๕๙      !!!โบ เด็กป่า!!!
ลำดับที่ ๖๐      soravit
ลำดับที่ ๖๑      alongkot
ลำดับที่ ๖๒      kitdadekbandon
ลำดับที่ ๖๓      jojoandjune
ลำดับที่ ๖๔      jnkkhg
ลำดับที่ ๖๕      koyza
ลำดับที่ ๖๖      Sit_Ongdum
ลำดับที่ ๖๗      khitun
ลำดับที่ ๖๘      Kae-Kae
ลำดับที่ ๖๙      ออฟชัง
ลำดับที่ ๗๐      เติ้ล10
ลำดับที่ ๗๑      priyapatfon
ลำดับที่ ๗๒      WARLORD88
ลำดับที่ ๗๓      ping816
ลำดับที่ ๗๔      commandov2
ลำดับที่ ๗๕      bomiambom12
ลำดับที่ ๗๖      Ajjaravaree
ลำดับที่ ๗๗      apinan
ลำดับที่ ๗๘      Arthithighway
ลำดับที่ ๗๙      suntamai
ลำดับที่ ๘๐      satis
ลำดับที่ ๘๑      น้องมะลิ
ลำดับที่ ๘๒      konlawat88
ลำดับที่ ๘๓      relistick
ลำดับที่ ๘๔      C_92
ลำดับที่ ๘๕      kotchagon
ลำดับที่ ๘๖      khum

310

พระครูอนุกูลพิศาลกิจ (หลวงพ่อสำอางค์ ปภสฺสโร)
เจ้าอาวาสวัดบางพระรูปปัจจุบัน เมตตามอบวัตถุมงคลมาแจกแก่เพื่อนสมาชิกกระดานสนทนาวัดบางพระ


ประกอบด้วย รูปหล่อแซยิดหลวงพ่อสำอางค์อุดกริ่ง ปี ๒๕๕๕ (บางองค์กริ่งไม่ดัง) จำนวน ๓๖ องค์


ไม้ไผ่ตันหลวงพ่อเปิ่น (หลวงพ่อสำอางค์ท่านเก็บไว้บนหัวนอน และอธิษฐานจิตเรื่อยมาถึงปัจจุบัน) จำนวน ๘๖ ชิ้น


ผมเองขอนำเกศาหลวงพ่อสำอางค์มาแจกในกิจกรรมครั้งนี้ร่วมด้วยอีกจำนวน ๕๐ รางวัล

 
:001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:

รายละเอียดและกติกาการร่วมลงชื่อรับรางวัล

- สงวนสิทธิ์ในการแจกรางวัลครั้งนี้ให้กับสมาชิกกระดานสนทนาวัดบางพระเท่านั้น

- เนื่องจากมงคลวัตถุมีจำนวนจำกัดและเพื่อความเท่าเทียมกันของเพื่อนสมาชิก ดังนั้นจึงขอเปิดให้ร่วมลงชื่อเพื่อรับรางวัลในวันพฤหัสบดีที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๕๖ ตั้งแต่เวลา ๑๘.๐๐ น. เป็นต้นไป (โดยโพสตอบในกระทู้นี้เท่านั้น)

- สิทธิ์ในการได้รับรางวัลได้แก่ ผู้ที่ลงชื่อรับรางวัล ๘๖ ท่านแรก (นับจากลำดับการโพสตอบกระทู้)

- ผู้ที่ลงชื่อรับรางวัล ๓๖ ท่านแรก จะได้รับ รูปหล่อแซยิดหลวงพ่อสำอางค์ ปี ๒๕๕๕ จำนวน ๑ องค์, ไม้ไผ่ตันหลวงพ่อเปิ่น จำนวน ๑ ชิ้น และเกศาหลวงพ่อสำอางค์ จำนวน ๑ รางวัล (รวม ๓ ชิ้น/ ๑ ท่าน)

- ผู้ที่ลงชื่อรับรางวัลลำดับที่ ๓๗ - ๕๐  จะได้รับ ไม้ไผ่ตันหลวงพ่อเปิ่น จำนวน ๑ ชิ้น และเกศาหลวงพ่อสำอางค์ จำนวน ๑ รางวัล  (รวม ๒ ชิ้น/ ๑ ท่าน)

ผู้ที่ลงชื่อรับรางวัลลำดับที่ ๕๑ - ๘๖  จะได้รับ ไม้ไผ่ตันหลวงพ่อเปิ่น จำนวน ๑ ชิ้น (รวม ๑ ชิ้น/ ๑ ท่าน)

- สำหรับผู้ที่ลงชื่อรับรางวัลทั้ง ๘๖ ท่าน กรุณารอการยืนยันสิทธิ์รับรางวัล ซึ่งจะตอบกลับให้ทางระบบข้อความส่วนตัว (pm)

- ผู้ที่ลงชื่อรับรางวัลทั้ง ๘๖ ท่าน เมื่อได้รับการยืนยันสิทธิ์รับรางวัลแล้ว กรุณาส่งซองเปล่า (ซองเอกสาร) ติดแสตมป์ ๑๐ บาท จ่าหน้าซองถึงตัวท่านเอง มายังที่อยู่ที่ได้รับจากการยืนยันสิทธิ์รับรางวัลในระบบข้อความส่วนตัว (pm)



 
:001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:
       


[shake]ย้ำอีกครั้ง!! จะเปิดให้ลงชื่อรับรางวัลในกระทู้นี้ ในวันพฤหัสบดีที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๕๖ เวลา ๑๘.๐๐ น. เป็นต้นไป[/shake]


:001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:


ปล. พรุ่งนี้ ๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๖ หลวงพ่อสำอางค์ไปแจกวัตถุมงคลที่วัดพระปฐมเจดีย์ฯ จ.นครปฐม ตั้งแต่เวลา ๑๙.๐๐ น. เป็นต้นไป ท่านใดว่างก็ไปร่วมบุญรับวัตถุมงคลกับหลวงพ่อได้ตามรายละเอียดดังภาพ

เฟสบุ๊ควัดบางพระ www.facebook.com/bp.or.th

:001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:

ปุญฺญานุสฺสติ(สิบทัศน์)
๑๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๖

311


คุณ darkrise002 โพสตอบกระทู้แบบนี้ มีวัตถุประสงค์อะไรหรือครับ?

312


กำหนดจัดงานฉลองโรงเจวัดบางพระ (ศาลเจ้าแม่ทับทิม)

วันพฤหัสบดีที่ ๙ มกราคม ๒๕๕๗

*ขณะนี้ยังสามารถร่วมบุญเป็นเจ้าภาพโต๊ะจีนได้ที่กุฏิหลวงพี่ปาด.

314
พระครูอนุกูลพิศาลกิจ (หลวงพ่อสำอางค์) เจ้าอาวาสวัดบางพระรูปปัจจุบัน ท่านเคยเมตตาเล่าให้ฟังเกี่ยวกับข้อห้ามของผู้ที่ลงนะหน้าทอง-สาริกาลิ้นทองว่า...

"การลงนะหน้าทอง-สาริกาลิ้นทองด้วยทองคำเปลว หลวงพ่อเปิ่นท่านไม่ได้กำหนดข้อห้ามอะไรไว้แต่อย่างใด แต่ถ้าสักแบบนั้นมีข้อห้าม..ฯ"

คำถามในข้อแรกคงได้คำตอบจากการอธิบายข้างต้นแล้ว

ส่วนคำถามข้อหลัง ไม่น่าจะเกี่ยวกันครับ



316

แถลงสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก (เจริญ สุวฑฺฒโน)

สิ้นพระชนม์ เมื่อเวลา ๑๙.๓๐ น. วันนี้ (๒๔ ตุลาคม ๒๕๕๖)

รวมพระชันษา ๑๐๐ ปี ประดิษฐานพระศพตำหนักเพชร วัดบวรฯ.

น้อมกราบถวายความอาลัย.


facebook.com/bp.or.th

317

ด้วยขณะนี้โรงเจวัดบางพระได้รับการบูรณะจนใกล้แล้วเสร็จ หลวงพี่ต้อยท่านจึงเตรียมจัดงานฉลองโรงเจแห่งใหม่

โดยฝากมาบอกบุญแก่ผู้ศรัทธาได้ร่วมกันบริจาคปัจจัยเป็นเจ้าภาพโต๊ะจีนในงานฉลองโรงเจวัดบางพระ

ซึ่งหลวงพี่ต้อยท่านจะมอบเหรียญโภคทรัพย์หลวงพ่อเปิ่น เป็นที่ระลึกแก่เจ้าภาพที่ร่วมบุญในครั้งนี้

ท่านที่ร่วมบุญเป็นเจ้าภาพโต๊ะจีน ๑ โต๊ะ ๑,๕๐๐ บาท จะได้รับเหรียญโภคทรัพย์เนื้อเงิน ๑ เหรียญ และเหรียญทองแดง ๑๐ เหรียญ รวม ๑๑ เหรียญ (เหรียญโภคทรัพยืเนื้อเงินมีจำนวนจำกัดเพียง ๑๐๐ เหรียญเท่านั้น)

ติดต่อร่วมบุญได้ที่หลวงพี่ปาด (ข้างกุฏิหลวงพี่ต้อย) ที่เดียวเท่านั้น





*หมายเหตุ - จะจัดงานฉลองโรงเจวัดบางพระหลังน้ำลดแล้ว


:001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:

อนุโมทนาบุญกับทุกท่านที่ได้ร่วมบุญครั้งนี้
ปุญฺญานุสฺสติ(สิบทัศน์)
วันอาทิตย์ที่ ๒๐ ตุลาคม ๒๕๕๖
เวลา ๐๑.๑๒ น.

318

facebook.com/bp.or.th

หลวงพ่อสำอางค์ท่านกล่าวถึงเหตุผลด้านความปลอดภัย และอื่นๆ

จึงอนุญาตให้สักยันต์ได้ถึงเวลา ๑๙.๐๐ น. (ตามป้ายประกาศ).

319
บนกุฏิใหญ่วัดบางพระ เปิดให้ลงนะหน้าทองทุกวัน ตั้งแต่เวลา ๐๗.๐๐ น. - ๑๖.๐๐ น.

หมายเหตุ - ตอนนี้บนกุฏิใหญ่ หลวงพ่อสำอางค์ท่านให้ลงนะหน้าทองชุดเล็กเพียงอย่างเดียว งดลงชุดใหญ่.

320

ร่วมลงนามถวายพระพรได้ที่ http://sangharaja.org/home2/index.php?gest=1


ภาพหลวงพ่อเปิ่น กราบสักการะสมเด็จพระสังฆราชฯ.

324
อันนี้คือเรื่องจริงจากปากหลวงพ่อเปิ่นเลยหรอครับ

บทสัมภาษณ์จากการถอดเทปเสียงหลวงพ่อเปิ่น ฐิตคุโณ.

325
ที่วัดยังมีให้ร่วมบุญบูชาอยู่ครับ

ลองขึ้นไปดูบนกุฏิใหญ่ อีกที่ก็กุฏิหลวงพี่ปาด.

327
แก้ไขเวลา เป็น ถวายผ้ากฐิน เวลา ๑๓.๐๐ น.

328

ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพทอดกฐินสามัคคี
ณ วัดบางพระ ต.บางแก้วฟ้า อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม
วันอาทิตย์ ที่ ๒๗ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๕๖ (แรม ๘ ค่ำ เดือน ๑๑)
เวลา ๐๙.๐๐ น. ถวายองค์กฐินสามัคคี เวลา
๑๑.๐๐ น. ถวายภัตตาหารแด่พระสงฆ์

เฟสบุ๊ค วัดบางพระ จ.นครปฐม (หลวงพ่อเปิ่น)

329

ขาดไปนิดหน่อย แต่คุณค่าทางใจยังคงเดิม..

330
ไปกุฎิข้างพระอาจารย์ต้อยจะมีอาจารย์ที่เป็นสังฆราชสักครับ

คงหมายถึง "ฆราวาส" ที่หมายถึง ผู้ที่อยู่ครองเรือน นะครับ
(สังฆราช หมายถึง พระมหาเถระผู้เป็นใหญ่สูงสุดในสังฆมณฑล)

331



เหรียญเสมาพระโมคคัลลา-สารีบุตร หลังเรียบ หลวงพ่อทองอยู่ ปทุมรัตน์ วัดบางพระ จ.นครปฐม

เคยเห็นที่หลวงพี่ปาดท่านเหรียญนึง เรียนสอบถามได้ความว่าเป็นเหรียญที่หลวงพ่อทองอยู่ อดีตเจ้าอาวาสวัดบางพระเป็นผู้สร้างไว้

ส่วนรายละเอียดหลวงพี่ปาดท่านแนะนำให้ไปถามกับหลวงพี่ต้อยท่านดู

(เหรียญในภาพค้นเจอบนหิ้งที่บ้าน ด้านหลังหลวงพ่อสำอางค์ท่านเห็นเรียบอยู่ จึงเมตตาจารไว้ให้)



นำมาให้ชม: รูปตั้งหน้าศพหลวงพ่อทองอยู่ ปทุมรัตน์ อดีตเจ้าอาวาสวัดบางพระ


332



www.facebook.com/bp.or.th
www.fb.com/bp.or.th




กำหนดสวดพระอภิธรรม...ก๋งแป๊ะ หวานชะเอม

ระหว่างวันที่ ๒๕ - ๓๐ สิงหาคม ๒๕๕๖ ณ ศาลาบำเพ็ญกุศลหลังใหม่ วัดห้วยพลู อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม

ประชุมเพลิง วันเสาร์ที่ ๓๑ สิงหาคม ๒๕๕๖ ณ ฌาปนสถานวัดห้วยพลู เวลา ๑๕.๓๐ น.

*งดเงินช่วย - พวงหรีด

333

เนื่องด้วยทางวัดเวียงแก้ว จ.เชียงราย ได้ดำเนินการก่อสร้างหอฉัน แต่ยังไม่แล้วเสร็จและยังขาดทุนทรัพย์ในการก่อสร้างอีกเป็นจำนวนมาก ท่านพระครูอนุกูลพิศาลกิจ (หลวงพ่อสำอางค์ ปภสฺสโร) พร้อมด้วยพระอาจารย์ในวัดบางพระ ได้เมตตารับอุปถัมภ์เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ในการทอดกฐินสามัคคี เพื่อสบทบทุนสร้างหอฉันวัดเวียงแก้ว จึงขอบอกบุญมายังท่านผู้มีจิตศรัทธาได้ร่วมบุญบริจาคทรัพย์สมทบทุนก่อสร้างอาคารหอฉันครั้งนี้ให้สำเร็จไปด้วยดี

สำหรับผู้ที่ร่วมบุญ ๕๐๐ บาท หลวงพี่ต้อยท่านเมตตามอบ "เชือกข้อมือบัวบังใบ" (หลวงพี่หนุ่ม รุ่น ๒ ปี ๕๔ เพ้นสี) เลี่ยมพลาสติก ถักเชือกเทียน ไว้เป็นที่ระลึกนึกถึงบุญ ๑ เส้น (มีประมาณ ๑๕๐ เส้น)



ติดต่อร่วมบุญและรับของที่ระลึกได้ที่ หลวงพี่ปาด (ข้างกุฏิหลวงพี่ต้อย)

ปล. หลวงพี่ต้อยท่านฝากขอบใจมายังลูกศิษย์ทุกท่านที่ห่วงใยสอบถามถึงสุขภาพมา ณ โอกาสนี้ด้วย


:001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:

ปุญฺญานุสฺสติ(สิบทัศน์)
วันอาทิตย์ที่ ๒๕ สิงหาคม ๒๕๕๖
เวลา ๑๑.๑๙ น.

334
ภาพโดย ตะกรุดโทน ศิษจารเปิ่น  (ประสาน ช่างภาพ ห้วยพลู)




























































:001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:

ปุญฺญานุสฺสติ(สิบทัศน์)
วันพฤหัสบดีที่ ๒๒ สิงหาคม ๒๕๕๖
เวลา ๒๓.๑๖ น.

335
เหรียญหลวงพ่อเปิ่น รุ่นพิเศษ ปี ๒๕๓๓ ทรงเหรียญเป็นรูปจักร ๒๔ แฉก






ด้านหน้า ตรงกลางเหรียญเป็นรูปหลวงพ่อเปิ่นนั่งถือไม้เท้า ล้อมรอบด้วยพระประจำวันเกิดทั้ง ๗ วัน ๗ ปาง

ได้แก่ ปางสมาธิ-พระประจำวันพฤหัสบดี, ปางรำพึง-พระประจำวันศุกร์,

ปางนาคปรก-พระประจำวันเสาร์, ปางถวายเนตร-พระประจำวันอาทิตย์,

ปางห้ามสมุทร-พระประจำวันจันทร์, ปางไสยาสน์-พระประจำวันอังคาร และปางอุ้มบาตร-พระประจำวันพุธ (กลางวัน)

ใส่รายละเอียดไว้ว่า "หลวงพ่อเปิ่น วัดบางพระ นครชัยศรี นครปฐม รุ่นพิเศษ เมษายน ๒๕๓๓"

พร้อมด้วยอักขระ รอบแฉกใบจักรมีอักขระ ๑๒ ตัว




ด้านหลัง ตรงกลางประทับยันต์ดวงชะตา ล้อมรอบด้วยสัญลักษณ์ประจำจักรราศี ทั้ง ๑๒ ราศี ได้แก่

ราศีเมษ-สัญลักษณ์รูปแกะ, ราศีพฤษภ-สัญลักษณ์รูปวัว, ราศีเมถุน-สัญลักษณ์รูปคนคู่, ราศีกรกฎ-สัญลักษณ์รูปปู,

ราศีสิงห์-สัญลักษณ์รูปสิงโต, ราศีกันย์-สัญลักษณ์รูปหญิงสาว, ราศีตุลย์-สัญลักษณ์รูปคันชั่ง,

ราศีพิจิก-สัญลักษณ์รูปแมงป่อง, ราศีธนู-สัญลักษณ์รูปคนยิงธนู, ราศีมังกร-สัญลักษณ์รูปแพะทะเล,

ราศีกุมภ์-สัญลักษณ์รูปคนแบกหม้อน้ำ และราศีมีน-สัญลักษณ์รูปปลา


เหรียญนี้จึงเป็นการผสมผสานความเชื่อเรื่องดวงชะตาราศีทั้งคตินิยมแบบพุทธ และคตินิยมแบบสากล ได้อย่างลงตัว

ท่านใดที่มีเชื่อเกี่ยวกับการหนุนดวง เสริมดวง เสริมชะตาราศี ก็ลองหาเหรียญหลวงพ่อเปิ่นรุ่นนี้ไว้ใช้ดูครับ


ข้อความถูกซ่อน (ลากเมาส์เข้าในกรอบเพื่อแสดง)

336


หลวงพ่อเปิ่นเมตตามอบไว้ให้กับคุณยายเมื่อครั้งไปร่วมบุญที่วัดบางพระ

(พยายามสืบค้นประวัติ แต่ยังไม่ทราบรายละเอียดว่าปีไหน? อย่างไร?)

337
แจมด้วยคนครับ

































ของที่ระลึกที่ได้รับมาเล็กน้อย




รูปหล่อบรมครูปู่วร ก้อนใบ เนื้อเงิน อุดผงพุทธคุณ ฝังตระกรุดเสน่ห์รามัญทองคำ (จำนวนสร้าง ๓๖ องค์ องค์นี้เบอร์ ๒๗)


วัตถุมงคลในชุดพานครูู




338

เมื่อช่วงประมาณต้นปี ๕๖ ที่ผ่านมา ผมเองได้มีโอกาสไปร่วมบุญที่วัดแห่งหนึ่ง โดยทางวัดได้มอบแหวนวงนี้ไว้ให้เป็นที่ระลึกถึงบุญ

แม้ว่าแหวนวงนี้จะมีขนาดเล็ก (ใส่ได้แค่นิ้วก้อยนิ้วเดียว) และอาจจะหลวมไปบ้างเล็กน้อย แต่ผมเองก็สวมไว้เป็นประจำมาโดยตลอด

เหตุเกิดเมื่อประมาณสัปดาห์ก่อน ขณะกำลังให้อาหารปลาในบ่อดินที่บ้านสวนหลังวัดท้องไทรด้วยความเพลิดเพลิน

จังหวะโปรยอาหารปลา แหวนเกิดหลุดออกจากนิ้วไปตามแรงเหวี่ยงของการโปรย
และแล้วแหวนวงนี้ก็ตกไปกลางบ่อน้ำ!!

เลยนำเรื่องไปเล่าให้คุณป้าเจ้าของสวนฟัง คุณป้าแกพูดเชิงปลอบใจมาว่า "ถ้าวิดปลาแล้วไปเจอแหวนจะเก็บไว้ให้"

วินาทีนั้นมีความคิดว่า อย่างไรก็คงไม่ได้คืนแล้ว หล่นแล้วก็หล่นไปช่างประไร ไว้ไปร่วมบุญรับมาใหม่ก็ได้

แต่อีกใจหนึ่ง มานึกถึงคำพูดของหลวงปู่รูปหนึ่ง ผู้ซึ่งเป็นครูบาอาจารย์ที่ถ่ายทอดวิชชาและแนวทางปฏิบัติให้แก่ท่านผู้ที่สร้างแหวนวงนี้ขึ้น ด้วยประโยคที่ว่า...



"พระหรือวัตถุมงคลของท่านเป็นของเป็น ไม่ใช่ของตาย หากหายไปก็สามารถเรียกกลับคืนมาได้"


ก็เลยลองอธิษฐานตามแนวทางการปฏิบัติตามสายวิชชาของหลวงปู่รูปนี้ว่า "ขอให้ได้แหวนวงนี้คืน โดยให้กลับไปปรากฏอยู่ที่ห้องนอน" (โดยปกติแล้วเวลาที่ไม่ได้ใช้ ผมจะถอดเก็บแหวนวงนี้ไว้ที่ห้องนอนเสมอ) ประมาณว่า อธิษฐานขอไปเช่นนั้นเอง รู้ทั้งรู้ว่าอย่างไรก็คงเป็นไปไม่ได้

แต่แล้วเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (๑๖ ส.ค. ๕๖) เหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันว่าจะเกิดก็เกิดขึ้น

เมื่อที่บ้านของคุณป้าเจ้าของสวน โทรมาบอกว่า "เจอแหวนวงนึง อยู่บนชั้นปลายเตียงในห้องนอนของป้า ไม่รู้ว่าเป็นวงเดียวกับที่ทำตกบ่อปลาหรือเปล่า"

พอบอกลักษณะรูปพรรณสัณฐาน ลักษณะของแหวนที่ตกบ่อให้ฟัง ก็ยืนยันได้ว่า "ใช่วงเดียวกันกับที่ตกบ่อปลาไป!!" เมื่อวานนี้จึงไปรับแหวนวงนี้คืนมา

ทั้งๆ ที่ตกบ่อปลาไม่มีวี่แววจะได้คืน..ทั้งๆ ที่ลองอธิษฐานว่าขอให้มาปรากฏในห้องนอน (แต่กลับไปปรากฏในห้องนอนของคุณป้า)..ทั้งๆ ที่ไม่เคยเข้าไปในห้องคุณป้าเค้าเลย..และทั้งๆ ที่คุณป้ายังไม่ได้วิดปลาในบ่อแต่อย่างใด


แต่ก็ได้แหวนที่ทำตกบ่อปลากลับคืนมา..


เหตุการณ์แปลกดี จึงนำมาเล่าสู่กันฟังครับ

*ปล.อาจจะมีคำถามเข้ามาว่า แล้วแหวนวงนี้ของวัดไหนอย่างไร? คงบอกได้เพียงหมวดหมู่ที่ลงภาพและประสบการณ์ครั้งนี้ไว้แค่ว่า...

"รูปภาพสายอื่นๆ!!"

:001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:

ปุญฺญานุสฺสติ(สิบทัศน์)
วันอาทิตย์ที่ ๑๘ สิงหาคม ๒๕๕๖
เวลา ๐๒.๕๙ น.

339
วันจันทร์ที่ ๑๒ สิงหาคม ๒๕๕๖ วันแม่แห่งชาติ และเป็นวันคล้ายวันเกิดหลวงพ่อเปิ่น ปีที่ ๙๐

อนุโมทนาสาธุการ กับคณะศิษยานุศิษย์หลวงพ่อทุกท่านที่ร่วมบุญถวายภัตตาหารเพลแด่พระภิกษุสงฆ์

*บรรยากาศเพิ่มเติม รอพี่ๆที่ไปร่วมงานทยอยนำมาลงให้ชมนะครับ




















บนกุฏิใหญ่


พี่่ชาญของน้องๆ




วงดนตรีไทยวัดบางพระ


ปฏิสันถารที่แผนกเครื่องเสียง


พระครูโกวิทสุตการ (พระมหาระพิน อภิชาโน) เจ้าคณะตำบลศรีมหาโพธิ์ เจ้าอาวาสวัดโคกเขมา เมตตามาร่วมพิธี


เบื้องหลัง






กราบขอบพระคุณพระอาจารย์ทุกรูป และเพื่อนๆ พี่ๆ ทุกท่าน สำหรับของที่ระลึกทั้งหมดนี้อีกครั้งนะครับ

ย่ามถวายพระปีนี้



จิ้งจกเนื้อเงิน ที่ระลึกร่วมบุญเจ้าภาพโต๊ะจีนปีนี้



พระยอดขุนพล และเกศาหลวงพ่อ (กราบขอบพระคุณหลวงพี่ตู่ และหลวงตาจันทร์ไว้ด้วยครับ)


พระนางพญาหลวงพ่อเปิ่น เนื้อเรซิ่นผสมข้าวสารหิน (วัดหนองวงษ์เขาม่วง ลพบุรี สร้างถวายหลวงพ่อเปิ่น ปี ๒๕๓๙)


ตะกรุดสไม้ไผ่ตัน ตะกรุดสามห่วง หลวงพ่อเปิ่น วัดบางพระ (หลวงพ่อออมเมตตา ประมาณปี ๓ กว่าๆ)


เหรียญหลวงพ่อเปิ่น ปี ๒๕๓๙


ตะกรุดยันต์ขอมเชียง ปี ๒๕๕๕ (กราบขอบพระคุณหลวงพี่เชษฐ์อีกครั้ง)


ตะกรุดจีวรหลวงพ่อเปิ่นดอกใหญ่ (ตะกรุดด้านในหลวงพ่อสำอางค์ท่านจารไว้สมัยหลวงพ่อเปิ่นยังดำรงสังขาร)



พระนางพญาหลวงพ่อเปิ่น เนื้อดินเผา ปี ๒๕๐๘ ออกที่วัดโคกเขมา


พระผงหลวงปู่ทวด วัดบางพระ ปี ๒๕๔๐


ตะกรุดหนังเสือถักเชือก หลวงพ่อเปิ่น ประมาณปี ๔ กว่า ทันหลวงพ่อเปิ่น


ตะกรุดลูกปืน ทันหลวงพ่อเปิ่น


สุดท้าย พระผงสมเด็จจันทร์ลอยหลังหลวงพ่อเปิ่น ออกวัดโคกเขมา ในหนังสือเล่มใหญ่ลงปี ๒๕๑๔ (ฝากรายละเอียดไว้)



แล้วพบกันที่งานบุญวัดบางพระครั้งต่อไป

อนุโมทนาบุญกับทุกท่านอีกครั้งนะครับ สาธุ สาธุ อนุโมทามิ


ปุญฺญานุสฺสติ(สิบทัศน์)

340
จำได้ว่าครั้งหนึ่งเคยสดับรับฟังพระธรรมเทศนาจากท่านเมื่อครั้งบรรพชา

กราบนมัสการท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯเกี่ยว ด้วยความอาลัยครับ.

341

แม่
โดย
พระนิพนธ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ

   ในบรรดาคำพูดของมนุษย์ไม่ว่าจะเป็นชาติใดภาษาใด คำว่า “แม่” ดูจะเป็นคำศักดิ์สิทธิ์ที่มีมนต์ขลัง มีความหมายกินใจอย่างลึกลับและลึกซึ้งมากที่สุด เพราะอะไร ? ทุกคนย่อมมี “แม่” ผู้ให้กำเนิด เป็นเพื่อนเราคนแรกในโลกทีเดียว องค์สมเด็จพระบรมศาสดา สัมมาสัมพุทธเจ้าซึ่งเป็น “ครู” ที่เราเคารพและยึดมั่นในพระปัญญาคุณ พระกรุณาคุณ และพระบริสุทธิคุณแม้ว่าท่านจะเสียพระพุทธมารดาตั้งแต่ประสูติได้ ๗ วัน ท่านคงจะมีความรู้สึกเกี่ยวกับแม่ไม่ต่างจากบุคคลอื่น สังเกตได้จากคำสอนในพุทธศาสนาที่เกี่ยวกับแม่ทั่วๆไป

   พระพุทธองค์ทรงแสดงพระธรรมเทศนาเกี่ยวกับแม่ไว้หลายครั้งบ้างก็เอ่ยถึงพ่อแม่ควบกันไปบ้างก็เอ่ยเฉพาะแม่โดดๆ เช่น ในโสณนฺทนาชาดก มีพระคาถาที่กล่าวไว้ว่า


   สุหทา มาตา         มารดาเป็นผู้ใจดี
   ชยนฺตี มาตา         มารดาเป็นผู้ให้เกิด
   โปเสนฺตี มาตา      มารดาเป็นผู้เลี้ยงดู
   โคเปนฺตี มาตา      มารดาเป็นผู้คุ้มครองรักษา
   วิหญญนฺตี มาตา    มารดาเป็นผู้เดือดร้อนเป็นห่วงเป็นใย
   อนุกมฺปกา ปติฏฺฐา จ ปุพฺเพ รสทที จ โน มคฺโค สคฺคสฺส โลกสฺส
   มารดาเป็นผู้เอ็นดู เป็นที่พึ่ง เป็นผู้ให้รส (น้ำนม) มาก่อน เป็นทางแห่งโลกสวรรค์


ฯลฯ

*********************************************

ที่มา: คณะศิษยานุศิษย์. (๒๕๓๘). บุญญาบารมี หลวงพ่อเปิ่น ฉบับพิเศษ สมโภชสัญญาบัตรพัดยศ “เจ้าคุณ” พระอุดมประชานาถ (เปิ่น) วัดบางพระ นครปฐม ๑๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๘. (น.๗๙).

342

                           ภาพพระธรรมปริยัติเวที (สุเทพ ผุสฺสธมฺโม) เจ้าคณะภาค ๑๕ เจ้าอาวาสวัดพระปฐมเจดีย์ราชวรมหาวิหาร จ.นครปฐม และพระอุดมประชานาถ (หลวงพ่อเปิ่น ฐิตคุโณ) เจ้าอาวาสวัดบางพระ จ.นครปฐม อธิษฐานจิตวัตถุมงคลของวัดพระปฐมเจดีย์ฯ บนกุฏิใหญ่ วัดบางพระ

                           หมายเหตุ: วันนี้ (วันพุธที่ ๓๑ กรกฎาคม ๒๕๕๖) เป็นวันคล้ายวันเกิดพระธรรมปริยัติเวที (สุเทพ ผุสฺสธมฺโม) ครบ ๖ รอบ ๗๒ ปี ด้วยอีกประการหนึ่ง





                           ภาพยันต์มงคล ๘๔ ปี หลวงพ่อพระร่วงโรจนฤทธิ์ พ.ศ. ๒๕๔๒ ด้านหน้าจารึกยันต์ลายมือพระคณาจารย์จังหวัดนครปฐม ๔ รูป ประกอบด้วย หลวงพ่อเปิ่น วัดบางพระ, หลวงพ่อแย้ม วัดสามง่าม, หลวงพ่อพูล วัดไผ่ล้อม และหลวงพ่อรอด วัดวังน้ำเขียว.



:001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:


ปุญฺญานุสฺสติ(สิบทัศน์)
วันพุธที่ ๓๑ กรกฎาคม ๒๕๕๖
เวลา ๐๑.๑๑ น.

343
บทสัมภาษณ์จากการถอดเทปเสียงหลวงพ่อเปิ่น ฐิตคุโณ


ผู้สัมภาษณ์:      พิธีไหว้ครูเนี่ยะ ที่จัดขึ้นทุกปีเนี่ยะครับ มีความเป็นมายังไง?


หลวงพ่อเปิ่น:      "มันก็ต้องถึงครั้งโบราณหน่ะ เป็นมาเนื่องๆ ติดต่อ เรื่อยๆ ต้อง..ทุกปีต้องไหว้ครู ไม่ไหว้ก็..มันก็เป็นไอ้โน่นเป็นไอ้นี่ ปวดหัวตัวร้อนไป เอ่อ..ต้องมีไหว้ครู ทุกปีต้องไหว้ครู สักไปมากๆ ก็ทำให้..โบราณเค้าว่ามันร้อน ร้อนวิชาไป ต้องกราบไหว้บูชาครูบาอาจารย์ ปีๆ นึง"


ผู้สัมภาษณ์:      เพื่อจะได้เย็นขึ้นใช่ไหมครับ?


หลวงพ่อเปิ่น:      "เออ..มันมีเรื่องว่า ตั้งแต่โบราณ เออ..เค้ากำหนดให้..ให้ไหว้ครู ให้ครอบ ใช่มั๊ย จะได้ให้ลูกศิษย์ลูกหามันได้สงบ ไอ้ที่ร้อนหน่ะมันไม่ได้ไป ไปทางไหนหล่ะ อยู่ในขอบเขต ขอบเขตตัวเอง ก็บางคนมันร้อน สักไปมากๆ บางคนมันร้อนไป ไม่อยู่บ้านอยู่ช่อง เออ..ร้อน ว่างมันก็ไปเที่ยวส่ง บางครั้งมันเข้าไม่ได้หรอก เพราะว่ามัน..มันร้อน..เออ"


ผู้สัมภาษณ์:      ขณะที่ทำพิธีไหว้ครูเนี่ยะครับหลวงพ่อ บางคนเค้าทำไมมีอาการของขึ้น?


หลวงพ่อเปิ่น:      "มันขึ้น มันสุดแท้แต่ว่าใจมัน ใจมันอ่อนก็ขึ้นง่าย ใจมันแข็งก็ไม่ค่อยขึ้น บางทีหนาวๆ ร้อนๆ ใจอ่อนก็ขึ้นง่าย ยิ่งคนที่เชื่อมั่นมันก็ขึ้นง่าย โดดโผงผางๆๆ ไป ไอ้ที่ว่าใจแข็งๆ ก็ไม่ค่อยขึ้น มันจะให้ขึ้นไปทุกคนไม่ได้หรอก บางทีก็หนาวๆ ร้อนๆ ขนลุกซู่ซ่าๆ"



:001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:


ปุญฺญานุสฺสติ(สิบทัศน์)
วันพุธที่ ๒๔ กรกฎาคม ๒๕๕๖
เวลา ๑๔.๕๓ น.

344

      สืบเนื่องจากเมื่อวานนี้ (๒๒ ก.ค. ๕๖) หลังจากที่ร่วมบุญที่วัดบางพระเรียบร้อยแล้วแล้ว ช่วงเย็นจึงเดินทางไปรับบุญพิธีกรกล่าวนำในงานสวดพระอภิธรรมพระอธิการเกษม เขมจาโร (หลวงปู่อั๊บ ทิมมัจฉา) และร่วมประกอบพิธีเวียนเทียนรอบอุโบสถวัดท้องไทรต่อ



      ทั้งนี้ หลวงพี่ชาญชัย ขนฺตยานุสสฺติ ท่านได้เมตตาฝาก "ผ้ายันต์นางพิม เทพเสน่หา" มาแจกเพื่อสมาชิกกระดานสนทนาวัดบางพระจำนวนหนึ่ง



      ช่วงบ่ายวันนี้ (วันอังคารที่ ๒๓ กรกฎาคม ๒๕๕๖ วันเข้าพรรษา) ท่านใดที่เข้าไปร่วมบุญที่วัดบางพระ สามารถมารับได้กับกระผมที่บนกุฏิใหญ่ ถึงเวลา ๑๖.๓๐ น. (อยู่หน้าโต๊ะหมู่บูชา ด้านข้างเก้าอี้ที่หลวงพ่อสำอางค์ท่านลงนะหน้าทอง-สาริกาลิ้นทอง) มีจำนวนจำกัด ขอสงวนสิทธิ์ ๑ ท่านต่อ ๑ ผืนเท่านั้น



:001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:

345
บทความ บทกวี / วันเข้าพรรษา
« เมื่อ: 23 ก.ค. 2556, 12:12:10 »

      เป็นธรรมเนียมของบ้านเมืองในครั้งโบราณกาล เมื่อถึงฤดูฝน ต้องงดการไปมาหาสู่กันต่างเมืองชั่วคราว ตัวอย่างเช่น พวกพ่อค้าเกวียน พ่อค้าสัตว์ พาหนะต่างๆ ถึงฤดูฝน ณ ที่ใด ต้องหยุดพัก ณ ที่นั้น เพราะทางเดินเป็นหล่ม ไม่สะดวกในการเดินทาง นอกจากนี้ยังจะถูกน้ำป่าหลากมาท่วมด้วย
   
      ครั้งปฐมโพธิกาล พระพุทธองค์ยังมิได้ทรงอนุญาตการจำพรรษา ภิกษุเที่ยวจาริกไปตลอดปี แม้ฤดูฝนก็มิได้หยุด ได้เหยียบย่ำข้าวกล้า และธัญชาติต่างๆ ของชาวนาชาวไร่เสียหาย และสัตว์เล็กสัตว์น้อยก็พลอยมีอันตรายแก่ชีวิตไปก็มาก ในบาลีมหาวรรค พระวินัยปิฎก มีเรื่องเล่าว่า ในกาลนั้น ชาวบ้านชาวเมืองได้ติเตียนโพนทะนาว่าร้ายพวกภิกษุว่า ในฤดูฝนเช่นนี้ พวกเดียรถีย์ยังหยุดพักไม่เดินทางไปไหน โดยที่สุดแม้สัตว์เดรัจฉานบางพวกยังหยุดอยู่ประจำที่ไม่ไปไหน แต่พวกสมณศากยบุตรเที่ยวเดินทางตลอดปีโดยไม่หยุด เที่ยวเหยียบข้าวกล้าหญ้าระบัด และสัตว์เล็กสัตว์น้อยให้ถึงความพินาศ คำโพนทะนาว่าร้ายนี้ได้ทราบถึงพระโสตพระเจ้าพิมพิสาร พระองค์ทรงนำเรื่องนี้กราบทูลพระผู้มีพระภาค พระพุทธองค์ทรงปรารภเรื่องนี้เป็นเหตุ จึงทรงอนุญาตให้ภิกษุอยู่จำพรรษาตลอดไตรมาส คือ ๓ เดือน ในฤดูฝน โดยการอยู่ประจำที่ ไม่ไปค้างแรม ณ ที่อื่น (คณาจารย์แห่งโรงพิมพ์เลี่ยงเชียง. (๒๕๕๐). วินัยมุข เล่ม ๒ ฉบับมาตรฐาน. (น.๖๗). กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์เลี่ยงเชียง.)

      ในส่วนของภิกษุ ก็จะต้องอยู่จำพรรษาเป็นเวลา ๓ เดือน โดยเพื่อระงับเหตุความเดือดร้อนข้างต้นประการหนึ่ง อีกประการหนึ่งก็จะถือช่วงโอกาสนี้ ศึกษาทบทวนพระธรรมวินัยและธรรมปฏิบัติ อย่างเช่นในปัจจุบันนี้ ก็จะมีการเปิดสอนพระปริยัติธรรม (นักธรรมตรี) แก่ภิกษุนวกะผู้บวชใหม่ทั่วสังฆมณฑล สำหรับฆาราวาสก็จะจัดให้มีกิจกรรมงานบุญถวายเทียนเข้าพรรษา เพื่อให้พระภิกษุสามเณรได้ใช้จุดถวายในอุโบสถถวายเป็นพุทธบูชา หรือเพื่อจุดเป็นแสงสว่างในยามค่ำคืน อันจะยังประโยชน์ให้แก่ภิกษุสามเณรได้มีแสงสว่างในการทบทวนพระปริยัติธรรม (ในปัจจุบันก็ปรับเปลี่ยนเป็นการถวายหลอดไฟฟ้า) นอกจากนี้พุทธศาสนิกชนก็ยังนิยมถวายผ้าอาบน้ำฝนเพื่อให้พระภิกษุและสามเณรได้ใช้สรงน้ำในช่วงเทศกาลเข้าพรรษา บางส่วนก็ยังนิยมถือฤกษ์ช่วงเข้าพรรษาในการตั้งสัจจะประพฤติปฏิบัติคุณงามความดีต่างๆ อาทิเช่น ตั้งใจถือศีลปฏิบัติธรรมอย่างเคร่งครัด หรือแม้กระทั่งการรณรงค์ให้งดดื่มเหล้า งดสูบบุหรี่ในช่วงเข้าพรรษา เป็นต้น ในโอกาสนี้จึงขอเชิญชวนพุทธศาสนิกชนทุกท่าน ได้ร่วมกันสร้างบุญกุศลตามกาลสมัย เพื่อถวายเป็นพุทธบูชา และเพื่อสั่งสมบุญบารมีเอาไว้เพื่อประโยชน์ในภายภาคหน้า ตราบกระทั่งเข้าถึงประโยชน์อันสูงสุดอันเป็นปรมัตถ์ ข้ามพ้นวัฏฏะสงสาร สู่กระแสธรรมแห่งพระนิพพาน อันเป็นเป้าหมายอันสูงสุดในบวรพระพุทธศาสนาในท้ายที่สุด

      ปีนี้ วันเข้าพรรษาตรงกับวันอังคารที่ ๒๓ กรกฎาคม ๒๕๕๖ (แรม ๑ ค่ำ เดือน ๘) กิจกรรมงานบุญของทางวัดบางพระช่วงเช้า ก็จะจัดให้มีการทำบุญตักบาตรถวายภัตตาหารเช้า ฟังเทศน์ฟังธรรม ในเวลาประมาณ ๘ โมงเช้า สำหรับผู้ที่ต้องการมาปฏิบัติธรรมรักษาศีลที่วัดก็สามารถมาได้ โดยทางวัดจะจัดสถานที่บริเวณหอสวดมนต์ไว้สำหรับให้ผู้ที่มาปฏิบัติธรรมได้ใช้เป็นสถานที่ประกอบกิจกรรมต่างๆ ช่วงเย็นพระภิกษุจะลงประชุมกันในอุโบสถเพื่ออธิษฐานพรรษา เป็นต้น.


      ฝากทิ้งท้าย: ช่วงเข้าพรรษานี้ ทางวัดบางพระก็ยังเปิดให้สัก และลงนะหน้าทองให้กับฆาราวาสอยู่ตามปกติ แต่ทางวัดจะงดสักให้กับภิกษุและสามเณร ทั้งนี้ก็เพื่อให้ภิกษุและสามเณรได้ศึกษาพระปริยัติได้อย่างเต็มที่ สำหรับ “วันพระ ในช่วงเข้าพรรษา” ต้องขอความร่วมมือจากทุกท่านที่มาสักยันต์ในวันดังกล่าวว่า ช่วงเย็นของวันพระในช่วงเข้าพรรษานี้ พระภิกษุทุกรูปในวัดท่านจะต้องลงประชุมในอุโบสถเพื่อทบทวนพระปาฏิโมกข์ ดังนั้น ผู้ที่มาสักจึงไม่ควรไปรบกวนพระอาจารย์ในช่วงดังกล่าว หากเป็นไปได้ก็ควรมาวัดให้เร็วขึ้น เพื่อที่จะได้สักให้ทันก่อนช่วงเย็น หรือปรับเปลี่ยนเลื่อนไปเป็นวันอื่น ฯ...


:001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:

ปุญฺญานุสฺสติ(สิบทัศน์)
วันอังคารที่ ๒๓ กรกฎาคม ๒๕๕๖
(วันเข้าพรรษา) เวลา ๐๐.๑๒ น.

346


   พระสงฆ์ หมายถึง ผู้ที่มีเคารพเลื่อมใสพระพุทธเจ้า แล้วสละเรือนออกบวชเพื่อปฏิบัติตามพระธรรมวินัยคำสอนที่พระพุทธองค์ทรงกำหนดและสั่งสอนไว้ หรืออีกนัยหนึ่ง พระสงฆ์ หมายเอาบุคคลผู้บรรลุคุณวิเศษในพระพุทธศาสนาตั้งแต่พระโสดาบันขึ้นไปจนกระทั่งถึงพระอรหันต์ ตามความหมายที่กล่าวไว้ในบทสวดสรรเสริญสังฆคุณที่กล่าวว่า พระสงฆ์คือคู่แห่งบุรุษ ๔ คู่ นับเรียงตัวได้ ๘ บุรุษ (พระโสดาปัตติมรรค ๑ - พระโสดาปัตติผล ๑ (คู่ที่่ ๑), พระสกทาคามิมรรค ๑ - พระสกทาคามิผล ๑(คู่ที่ ๒), พระอนาคามิมรรค ๑ - พระอนาคามิผล ๑(คู่ที่ ๓), พระอรหัตตมรรค ๑ - พระอรหัตตผล ๑ (คู่ที่ ๔) แม้ผู้ที่เป็นฆาราวาส แต่บรรลุมรรคผลดังกล่าวนี้อย่างใดอย่างหนึ่ง ก็จัดว่าเป็น “อริยสงฆ์” หรือ “พระสงฆ์” เฉกเช่นเดียวกัน) สำหรับภิกษุที่ผ่านการอุปสมบทด้วยวิธีญัตติจตุตถกัมมอุปสัมปทาอย่างในปัจจุบันนี้จะเรียกว่า “สมมติสงฆ์” คือเป็นสงฆ์โดยสมมติ

   การกำเนิดเกิดขึ้นของพระสงฆ์นี้ เกิดมีขึ้นครั้งแรกในวันอาสาฬหบูชา (ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๘) เมื่อกว่า ๒,๖๐๐ ปีที่ผ่านมา โดยหลังจากที่พระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้อนุตรสัมมาสัมโพธิญาณในวันเพ็ญขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๖ พระพุทธองค์ทรงมีพระทัยน้อมไปเพื่อความเป็นผู้มีความขวนขวายน้อย ไม่น้อมไปเพื่อแสดงธรรม ครั้งนั้นท้าวสหัมบดีพรหมได้เห็นถึงความปรารถนาของพระพุทธองค์เช่นนั้น จึงเกรงว่าโลกจะฉิบหายเสียแล้วหากพระพุทธองค์ไม่ทรงแสดงธรรม จึงเสด็จจากพรหมโลกมาอาราธนาพระพุทธองค์ให้ทรงแสดงธรรมโปรดสรรพสัตว์ เมื่อพระพุทธองค์ทรงมีพระทัยน้อมมาเพื่อจะแสดงธรรมแล้วก็ได้ทรงพิจารณาว่าจะไปเทศนาโปรดท่านผู้ใดดี เมื่อตรวจดูถึงครูทั้ง ๒ ก่อนที่จะตรัสรู้ คือ ท่านอาฬารดาบส กาลามโคตร และท่านอุทกดาบส รามบุตร ก็ทรงทราบว่าท่านทั้ง ๒ ได้ละจากโลกไปบังเกิดเป็นอรูปพรหมเสียแล้ว จึงทรงพิจารณาไปยังปัญจวัคคีย์ทรงเห็นว่าเป็นผู้มีธุลีน้อย สามารถที่จะบรรลุธรรมตามได้


   เมื่อพระพุทธองค์เสด็จไปยังป่าอิสิปตนมฤคทายวัน เมืองพาราณสี และทรงทำให้เหล่าปัญจวัคคีย์คลายทิฏฐิด้วยพุทธนาภาพแล้ว พระองค์ก็ทรงแสดงพระธรรมเทศนาขึ้นครั้งแรกในโลกชื่อว่า “ธัมมจักกัปปวัตนสูตร” (เนื้อหาในพระธรรมเทศนากัณฑ์นี้ว่าด้วยเรื่องของอริยมรรค ๘ เป็นต้น) ท่านอัญญาโกณฑัญญะหนึ่งในปัญจวัคคีย์ได้ดวงตามเห็นธรรมดำรงอยู่ในโสดาปัตติผลเป็นองค์แรก ได้ทูลขออุปสมบทเป็นพระภิกษุสงฆ์รูปแรกในพระพุทธศาสนาด้วยวิธีเอหิภิกขุอุปสัมปทา ในวันเพ็ญเดือนอาสาฬหะ (ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๘) แล้วประทับจำพรรษาแรก ณ ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน เป็นผลให้ในวันนี้ถือได้ว่ามีพระรัตนตรัยครบองค์ ๓ ขึ้นเป็นครั้งแรกของโลกด้วยเช่นกันอีกประการหนึ่ง


   สรุปได้ว่าวันอาสาฬหบูชานั้นคือวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาอีกวันหนึ่งที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง กล่าวคือในวันนี้เป็นวันคล้ายวันที่เกิดเหตุการณ์สำคัญในสมัยพุทธกาลนั่นคือ วันที่กำเนิดพระสงฆ์ขึ้นรูปแรกในโลก ทำให้องค์แห่งพระรัตนตรัยครบองค์ ๓ และเพื่อเป็นการรำลึกถึงความสำคัญดังกล่าว จึงจัดให้มีการบูชาที่เรียกว่า “อาสาฬหปูรณมีบูชา” หมายถึงการบูชาในวันเพ็ญเดือนอาสาฬหะ หรือเดือน ๘ ตามปฏิทินจันทรคติของไทย



   สำหรับในปีนี้ (พ.ศ. ๒๕๕๖) วันอาสาฬหบูชาตรงกับวันจันทร์ที่ ๒๒ กรกฎาคม บรรดาพุทธศาสนิกชนก็มีการจัดกิจกรรมงานบุญเพื่อปฏิบัติบูชาระลึกถึงคุณของพระรัตนตรัย ขึ้นทุกวัดทั่วประเทศไทย สำหรับกิจกรรมของทางวัดบางพระ อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม จะเริ่มขึ้นในเวลาประมาณ ๘ โมงเช้า โดยมีการทำบุญถวายภัตตาหารเช้า ฟังพระธรรมเทศนาบนศาลาการเปรียญ ช่วงค่ำจะจัดให้มีการเวียนเทียนรอบอุโบสถ ท่านใดที่ต้องการมาร่วมบุญที่วัดบางพระ ก็สามารถมาร่วมงานบุญได้ตามช่วงเวลาดังกล่าว สำหรับผู้ที่ไม่สามารถเดินทางมาที่วัดบางพระได้ ก็สามารถร่วมบุญประกอบกิจกรรมทางศาสนาทำบุญ รักษาศีล และปฏิบัติธรรมที่วัดใกล้บ้านท่านหรือวัดที่ท่านคุ้นเคย.

:001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:

ปุญฺญานุสฺสติ(สิบทัศน์)
วันอาทิตย์ที่ ๒๑ กรกฎาคม ๒๕๕๖
เวลา ๒๓.๔๓ น.

347


(ท่านเมตตาให้บันทึกภาพช่วงเย็นวันนี้: ๑๙ กรกฎาคม ๒๕๕๖)

หลวงพี่ต้อยท่านฝากขอบใจมายังทุกคนที่เป็นห่วงท่าน มา ณ โอกาสนี้ด้วย.

348
บรรยากาศวันนี้ (วันพุธที่ ๑๗ กรกฎาคม ๒๕๕๖)

        เวลาประมาณ ๑๕.๐๐ น. นายประทีป  จุฬาเลิศ ผู้อำนวยการวิทยาลัยการอาชีพบางแก้วฟ้า (หลวงพ่อเปิ่นอุปถัมภ์) ได้นำผู้บริหาร คณะครูอาจารย์ และนักศึกษากว่า ๓๐๐ คน มาถวายเทียนจำนำพรรษา ณ วัดบางพระ อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม เนื่องในโอกาสประเพณีแห่เทียนพรรษา (เพื่อนำไปถวายยังอารามต่างๆ) ซึ่งนอกจากจะเป็นการรักษาพุทธประเพณีอันดีงามที่ปฏิบัติสืบทอดกันมาอย่างยาวนานแล้ว ยังถือว่าเป็นการประกอบบุญกุศลและปลูกฝังค่านิยมอันดีงามให้แก่เยาวชนรุ่นใหม่ด้วยอีกประการหนึ่ง
















































เรียนเชิญพุทธศาสนิกชนทุกท่านร่วมบุญถวายเทียนจำนำพรรษา ณ วัดใกล้บ้านหรือวัดที่ท่านคุ้นเคย เพื่อประกอบบุญกุศลและร่วมสืบทอดประเพณีอันดีงามกันนะครับ


:001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:

ปุญฺญานุสฺสติ(สิบทัศน์)
วันพุธที่ ๑๗ กรกฎาคม ๒๕๕๖
เวลา ๒๓.๔๗ น.

349
คือว่า ผมไป มีอะไรกับ ผู้หญิงที่ เลิกกับแฟนแล้ว แต่ว่ายังอยู่ด้วยกันอ่ะคับ แต่ต่างคนต่างอยู่ คือว่า ผิดทางธรรมมั้ยคับ

ผู้ถามถามว่า "ผิดทางธรรมหรือไม่?" ผู้ตอบก็จะใช้ฐานทาง "ธรรม" มาอธิบายคำตอบประกอบการพิจารณาดังนี้..

*เกณฑ์ที่ใช้พิจารณาว่าผิดทางธรรมหรือไม่นั้น อาจจะนำวินัยในประเด็นเรื่องศีลมาพิจารณาเทียบเคียงได้ (?)

"ยกองค์แห่งศีลข้อ ๓ (กาเมสุมิจฉาจารฯ) มาเพื่อประกอบการพิจารณา"

องค์แห่งศีลข้อ ๓ ประกอบด้วยองค์ ๔ ประการ คือ

๑. อะคะมะนียวัตถุ - เป็นวัตถุหรือบุคคลที่ไม่ควรถึงไม่ควรเสพ

๒. ตัสมิงเสวะนะจิตตัง - มีจิตคิดจะเสพในอคมนียวัตถุหรือบุคคลนั้น

๓. เสวะนัปปะโยโค - เพียรเพื่อจะเสพ

๔. มัคเคนะ มัคคะปะฏิปัตติ อะธิวาสะนัง - ยังมัคให้ถึงมัค (หมายเอาองค์กำเนิดเข้าในช่องสังวาส)

หากมีองค์ประกอบครบทั้ง ๔ ประการข้างต้น ก็สามารถพิจารณาตัดสินลงไปได้ว่า "ผิดศีลข้อ ๓ หรือศีลขาด" หากไม่ครบองค์ทั้ง ๔ นี้ก็ถือว่า "ศีลไม่ขาด" (มีองค์เพียง ๒- ๓ จะเรียกว่า ศีลด่าง และศีลพร้อย ตามลำดับ)

สิ่งที่จะต้องมาพิจารณาต่อไปก็คือ ประเด็นของ "อะคะมะนียวัตถุ - เป็นวัตถุหรือบุคคลที่ไม่ควรถึงไม่ควรเสพ" ว่าบุคคลเช่นใดคือบุคคลต้องห้ามบ้าง (ในประเด็นของเจ้าของกระทู้จะขอพิจารณาเฉพาะลักษณะหรือประเภทของหญิงต้องห้าม)

ยกตามที่อรรถกถาจารย์ท่านอธิบายไว้ หญิงต้องห้าม ประกอบด้วยสตรี ๒๐ จำพวก ดังนี้คือ

สตรีที่ยังอยู่ในความดูแลของมารดา ๑, สตรีที่ยังอยู่ในความดูแลของบิดา ๑, สตรีที่ยังอยู่ในความดูแลของทั้งมารดาและบิดา ๑, สตรีที่ยังอยู่ในความดูแลของพี่ชายหรือน้องชาย ๑, สตรีที่ยังอยู่ในความดูแลของพี่สาวหรือน้องสาว ๑, สตรีที่ยังอยู่ในความดูแลของญาติ ๑, สตรีที่เป็นวงศ์ตระกูลเดียวกัน ๑, สตรีที่เป็นนักบวช ๑, สตรีที่มีสามี ๑, สตรีที่อยู่ในความคุ้มครองของอาญาบ้านเมือง ๑, สตรีที่ซื้อมาด้วยทรัพย์ด้วยประสงค์จะอยู่ร่วม ๑, สตรีที่อยู่กินกันด้วยความพึงพอใจ ๑ - สตรีที่อยู่ด้วยโภคะ ๑ - สตรีที่อยู่ด้วยแผ่นผ้า ๑ (๓ ประการนี้หมายเอาถึงสตรีที่มีฐานะยากจน ได้รับการอุปการะแล้วอาศัยอยู่ในฐานะภรรยา), สตรีที่จุ่มนิ้วมือในภาชนะน้ำ ๑ (หมายเอาประเพณีในสมัยก่อนที่ญาติจับแต่งกับชายด้วยเพียงการนำนิ้วของทั้งสองจุ่มน้ำในถาดเดียวกัน), สตรีที่บุรุษปลงเทริดลง ๑ (หมายเอาหญิงที่มาอยู่กับฝ่ายชายเพราะฝ่ายชายมาช่วยรับแบ่งเบาภาระ), สตรีที่เป็นทั้งทาสและเป็นทิังภรรยา ๑, สตรีที่เป็นทั้งคนทำงานและเป็นทั้งภรรยา ๑, สตรีที่เป็นเชลย ๑ และสตรีที่เป็นหญิงแพศยาหรือโสเภณีอีก ๑ "รวมเป็น ๒๐"

(ห้ามผิดลูกผิดเมียผู้อื่น หากพิจารณาดีๆ สามารถแยกออกเป็น ๒ คือ "ผิดลูกผู้อื่น ๑" และ "ผิดเมียผู้อื่น อีก ๑")

ทั้งหมดนี้เป็นหลักทางพระธรรมวินัยตามที่อรรถกถาจารย์อธิบายไว้ เพื่อใช้ตัดสินว่าผิดศีลผิดธรรมหรือไม่ ก็ลองใช้เป็นหลักในการพิจารณาดูครับ

**แม้กาลจะล่วงเลยผ่านไปกว่า ๒,๖๐๐ ปี แต่พระธรรมคำสอนของพระพุทธองค์ยังคงทันสมัยใช้ได้ทุกกาลเสมอ

***บทสรุป...ไม่มีอะไรใหม่ในสังสารวัฏ..มันเป็นเช่นนั้นเอง (ตถตา).



350
๑. เหรียญรุ่นแรก (เหรียญกลม ด้านหน้าหลวงพ่อเปิ่น ด้านหลังหลวงพ่อสำอางค์) ฉลองสมณศักดิ์ พ.ศ.๒๕๓๓ มีเนื้อกะไหล่เงินเนื้อเดียว จำนวนสร้าง ๕,๐๐๐ เหรียญ (เหรียญพิมพ์นี้ พระมหาสมชายท่านนำไปสร้างเพิ่มเติมอีกครั้งหนึ่ง จำนวน ๑,๐๐๐ เหรียญ เป็นเนื้อทองแดงทั้งหมด)



๒. รุ่นฉลองสมณศักดิ์ “พระสมุห์”  พ.ศ.๒๕๓๓ (หน้าหลวงพ่อเปิ่น หลังหลวงพ่อสำอางค์) เนื้อเงิน จำนวนสร้างประมาณไม่เกิน ๓๐ เหรียญ, เนื้อทองเหลือง จำนวนสร้างประมาณ ๕,๐๐๐ เหรียญ, เนื้อทองแดง จำนวนสร้างประมาณ ๕,๐๐๐ เหรียญ




๓. รุ่นฉลองอายุครบ ๔๐ ปี (เหรียญสี่เหลี่ยมด้านหน้าหลวงพ่อสำอางค์นั่งงู เนื้อเงิน จำนวนสร้างประมาณ ๓๐ เหรียญ, เนื้อตะกั่ว จำนวนสร้างประมาณ ๑๐๐ เหรียญ, เนื้อนวะโลหะ จำนวนสร้างประมาณ ๒,๐๐๐ เหรียญ, เนื้อทองแดง จำนวนสร้างประมาณ ๕,๐๐๐ เหรียญ) -  พระผงรูปเหมือนนั่งงูพิมพ์ใหญ่รุ่นแรก จำนวนสร้างประมาณ ๕,๐๐๐ องค์, พระผงรูปเหมือนนั่งงูพิมพ์เล็กรุ่นแรก จำนวนสร้างประมาณ ๕,๐๐๐ องค์







๔. เหรียญรูปไข่ พ.ศ.๒๕๓๔ (ด้านหน้าหลวงพ่อเปิ่น ด้านหลังหลวงพ่อสำอางค์) มีเนื้อทองเหลืองเนื้อเดียว จำนวนสร้างประมาณ ๕,๐๐๐ เหรียญ



๕. รุ่นบูรณะศาลาการเปรียญ ปี ๒๕๓๕ (เหรียญรูปไข่ด้านหน้าหลวงพ่อสำอางค์ ด้านหลังยันต์เฑาะว์) – พระผงสี่เหลี่ยม ด้านหน้าหลวงพ่อสำอางค์ หลังยันต์ จำนวนสร้างประมาณ ๕,๐๐๐ องค์




๖. เหรียญรุ่นฉลองสมณศักดิ์ “พระครูใบฎีกา” พ.ศ.๒๕๓๗ (ด้านหน้าหลวงพ่อสำอางค์ หลังยันต์) เนื้อเงินลงยา มี ๓ สี (แดง, น้ำเงิน, เขียว) จำนวนสร้างทุกสีรวมกัน ๔๙ เหรียญ, เนื้อนวะโลหะ จำนวนสร้าง ๑๐๐ เหรียญ, เนื้อทองแดง จำนวนสร้าง ๕,๐๐๐ เหรียญ





๗. เหรียญหยดน้ำ ด้านหน้าหลวงพ่อโต พ.ศ.๒๕๓๘ ด้านหลังมี ๓ บล็อก (หลวงปู่หิ่ม, หลวงพ่อเปิ่น, หลวงพ่อสำอางค์) เนื้อทองแดง จำนวนสร้าง ๕,๐๐๐ เหรียญ



๘. รูปหล่อหลวงพ่อสำอางค์รุ่นแรก พ.ศ.๒๕๔๑ มีเนื้อทองเหลืองเนื้อเดียว จำนวนสร้าง ๑,๐๐๐ องค์ ใน ๑,๐๐๐ องค์ มีที่บรรจุผง+เกศา ๕๐ องค์



๙. เหรียญรุ่นพิเศษ พ.ศ.๒๕๔๗ (ด้านหน้าหลวงพ่อสำอางค์ หลังยันต์) เนื้อเงิน จำนวนสร้าง ๙ เหรียญ, เนื้อนวะโลหะ จำนวนสร้าง ๒,๐๐๐ เหรียญ (บล็อคมีผมประมาณ ๑,๐๐๐ กว่าเหรียญ ที่เหลือเป็นบล็อกไม่มีผม), เนื้อทองแดง จำนวนสร้าง ๕,๐๐๐ เหรียญ





๑๐. ล็อคเกตหลวงพ่อสำอางค์รุ่นแรก พ.ศ.๒๕๕๒ มี ๓ ขนาด ขนาดจัมโบ้ จำนวนสร้าง ๑๒ อัน (ฉากสีเทามี ๒ อัน, ฉากสีเหลืองมี ๑๐ อัน), ขนาดกลาง จำนวนสร้าง ๑๐๗ อัน, ขนาดเล็ก จำนวนสร้าง ๑๑๒ อัน



๑๑. เหรียญแซยิด ๖๐ ปี พ.ศ.๒๕๕๖ "ในเหรียญระบุปี ๒๕๕๕" (ไม่ได้นำออกมาแจก)



๑๒. รูปหล่อลอยองค์รุ่น ๒ ศิษย์สิงค์โปร์สร้างถวาย เนื้อเงินก้นทองคำ จำนวนสร้าง....องค์, เนื้อเงิน ประมาณ ๒๐ องค์, เนื้อทองผสม ๗,๐๐๐ องค์



๑๓. ตะกรุดใบลาน ๓ ห่วง ถักเชือก สร้างปี ๒๕๒๓ (เป็นใบลานม้วนด้านในมีผ้ายันต์แดง, ขาว, เหลือง) จำนวนสร้าง ๕๐๐ ดอก หลวงพ่อสำอางค์อธิษฐานจิตเดี่ยว

๑๔. ผ้ายันต์รุ่นแรก ปี ๒๕๔๕ (รูปหลวงพ่อนั่ง)

๑๕. ผ้ายันต์รุ่นสอง สร้างหลังปี ๒๕๔๕ (รูปหลวงพ่อนั่งบนโซฟา)




:001:เพื่อนสมาชิกกระดานสนทนาวัดบางพระท่านใดมีภาพเพิ่มเติมก็นำมาแบ่งปันกันชมบ้างนะครับ :001:



:001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:


ปุญฺญานุสฺสติ(สิบทัศน์)
วันศุกร์ที่ ๑๒ กรกฎาคม ๒๕๕๖ เวลา ๑๕.๐๙ น.

351


รายละเอียดหากจำไม่ผิด ลูกศิษย์หลวงพ่อสร้างถวาย ปี ๒๕๓๙ (หากผิดพลาดไว้จะไปหาข้อมูลมาลงให้ใหม่)

เป็นเนื้อเรซิ่นผสมข้าวสารหิน ด้านหน้ามีหลายพิมพ์ ด้านหลังปิดผ้าขาวปั๊มหมึก

มีทั้งเสือตัวใหญ่ และเสือตัวเล็ก (เสือตัวเล็กจะมีรูปหลวงพ่อเปิ่นนั่งบนเสือด้วย).

เพิ่มเติม วัดหนองวงษ์เขาม่วง ลพบุรี สร้างถวายหลวงพ่อเปิ่น ปี ๒๕๓๙ ครับ.

352


รายละเอียดหากจำไม่ผิด ลูกศิษย์หลวงพ่อสร้างถวาย ปี ๒๕๓๙ (หากผิดพลาดไว้จะไปหาข้อมูลมาลงให้ใหม่)

เป็นเนื้อเรซิ่นผสมข้าวสารหิน ด้านหน้ามีหลายพิมพ์ ด้านหลังปิดผ้าขาวปั๊มหมึก

มีทั้งเสือตัวใหญ่ และเสือตัวเล็ก (เสือตัวเล็กจะมีรูปหลวงพ่อเปิ่นนั่งบนเสือด้วย).

353
ธรรมชาติที่ไม่รู้ตามความเป็นจริง เรียกว่า "อวิชชา" มี ๘ ประการ คือ

ความไม่รู้ในทุกข์(ทุกเข อัญญาณัง) ๑, ความไม่รู้ในเหตุที่ทำให้เกิดทุกข์(ทุกขสมุทเย อัญญาณัง-ไม่รู้สมุทัย) ๑, ความไม่รู้ในความดับทุกข์(ทุกขนิโรเธ อัญญาณัง-ไม่รู้นิโรธ) ๑, ความไม่รู้ในข้อปฏิบัติให้ถึงซึ่งความดับทุกข์(ทุกขนิโรธคามินิยา ปฏิทายะอัญญาณังไม่รู้ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา) ๑, ความไม่รู้ในส่วนที่เป็นอดีต ๑, ความไม่รู้ในส่วนที่เป็นอนาคต ๑, ความไม่รู้ทั้งในส่วนที่เป็นอดีตและในส่วนที่เป็นอนาคต ๑ และความไม่รู้ในปฏิจจสมุปบาทธรรมอีก ๑ รวมเป็น "อวิชชา ๘" สรุปรวมคือ "ความไม่รู้ในอริยสัจ ๔" [เมื่อสิ่งนี้มี..สิ่งนี้จึงมี "อวิชชาปัจจะยา สังขารา.......ฯ" (ปะฏิจจะสะมุปปาทะปาฐะ)]

ความไม่รู้ ท่านจัดเป็นอวิชชา แต่ความรู้ในอีกหลายๆอย่าง ก็จัดเป็นอวิชชาได้เช่นกัน

มันเป็นเช่นนั้นเอง..(ตถตา).



354
มีข้อสงสัยอยากทราบที่มาของ "พระพุทธวจนะอุลลัมพนสูตร" ค้นในพระไตรปิฏกออนไลน์แล้วไม่พบคำใกล้เคียงใดๆเลย (เช่น "อุลลัม", "ลัมพน",...) แล้วขึ้นด้วย"พุทธวจนะ"แสดงว่าพระพุทธองค์ต้องตรัสเองด้วย ดังนั้นจึงควรมีอยู่ในพระไตรปิฎกเป็นแน่ หรือว่ามาจากการรจนาเพิ่มเติมของอาจารย์ท่านใด ถ้าเป็นเช่นนั้นควรแสดงที่มาให้ชัดเพื่อความเห็นที่ถูกต้อง

นำฐานของ "เถรวาท" มาใช้อธิบาย "อาจาริยวาท" หาอย่างไรก็ไม่พบหรอกครับ..

356
ทุกอย่างมีเหตุปัจจัย

สิ่งสิ่งเดียวกัน แต่ละคนก็อาจจะมองหรือตีความแตกต่างกันไปตามแต่พื้นฐานประสบการณ์ของแต่ละบุคคล

แต่การจะเข้าถึงข้อเท็จจริง ก็ต้องอาศัยการพิจารณาบริบทของสิ่งสิ่งนั้นให้รอบด้านเสียก่อน แล้วค่อยตัดสินคุณค่าก็ยังไม่สาย


เกี่ยวกับวัตถุมงคลบนกุฏิใหญ่ ที่มีชาวต่างชาตินิยมมาเช่าบูชาเป็นจำนวนมากๆ นั้น จากประสบการณ์ที่ข้าพเจ้าได้ไปอุปัฐากพระครูอนุกูลพิศาลกิจ (หลวงพ่อสำอางค์) บนกุฏิใหญ่ จะสังเกตเห็นชาวต่างชาติ ทั้งชาวจีน ฮ่องกง สิงค์โปร์ มาเลเซีย ไต้หวัน ฯ นิยมมาเช่าบูชาวัตถุมงคลบนกุฏิใหญ่ครั้งละมากๆ

สอบถามแทบจะทุกรายได้ความว่า เขาทำธุรกิจเปิดร้านขายวัตถุมงคลอยู่ต่างประเทศ จึงได้มาบูชาวัตถุมงคลของทางวัดบางพระเพื่อนำไปบูชาเอง และอีกส่วนก็นำไปขายที่ร้านของตน

ซึ่งตอนนี้วัตถุมงคลของทางวัดบางพระได้รับความนิยมในต่างประเทศเป็นอย่างมาก เพราะบารมีของหลวงพ่อเปิ่น และประสบการณ์ของผู้ที่นำไปบูชาแล้วบังเกิดผลในทางที่เจริญ ทำให้ค่านิยมการบูชาในต่างประเทศค่อนข้างจะสูง ประกอบกับในต่างประเทศเอง ก็มีการทำวัตถุมงคลของวัดบางพระเลียนแบบ (copy) ขึ้นมาด้วย

ดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะมาบูชากับทางวัดบางพระโดยตรง โดยได้มีการถ่ายภาพยืนยันว่าตนได้มาบูชาวัตถุมงคลของทางวัดบางพระจริงๆ เพื่อขจัดข้อครหาว่าเป็นของปลอมที่กำลังระบาดหนักในต่างประเทศ อีกทั้งทางวัดก็จะออกใบอนุโมทนาบัตรให้กับผู้ที่มาบูชาวัตถุมงคลให้ด้วย (หากประสงค์จะขอใบอนุโมทนาบัตรก็สามารถขอกับหลวงพี่เชษฐ์ได้)

ทั้งนี้ก็จะสังเกตได้จากการที่ชาวต่างชาติ นำวัตถุมงคลที่เช่าบูชาจากตู้วัตถุมงคลบนกุฏิใหญ่ มาให้หลวงพ่อสำอางค์ท่านเป่าให้อีกรอบ พร้อมกับนำป้ายชื่อร้านของตน และใบอนุโมทนาบัตรที่ทางวัดออกให้ วางไว้ในถาดใส่วัตถุมงคล เพื่อขอถ่ายภาพกับหลวงพ่อสำอางค์อีกครั้งหนึ่ง ภาพที่ได้นี้ก็จะเป็นหลักฐานยืนยันได้ว่าวัตถุมงคลที่ตนนำมาขายนั้นเป็นของแท้ เพราะมารับที่วัดบางพระเอง เป็นต้น

ดังนั้น ประเด็นที่พี่เป็นกังวลว่า ชาวต่างชาติจะนำวัตถุมงคลหรือสัญลักษณ์ทางศาสนาไปใช้ในทางที่มิถูกมิควร (ลบหลู่ดูหมิ่น) เช่น นำไปเป็นเครื่องประดับตกแต่ง และอื่นๆ ตรงนี้ก็คลายกังวลได้ครับ เพราะชาวต่างชาติที่มาบูชาวัตถุมงคลของทางวัดบางพระไป เขาก็นำไปบูชาเพื่อหวังให้ช่วยคุ้มครอง ให้เกิดความเป็นสิริมงคลกับตนเองฯ เช่นเดียวกัน  

อีกประเด็นเกี่ยวกับการร่วมบุญโดยการบูชาวัตถุมงคลของทางวัดบางพระ รายได้จากการให้บูชาวัตถุมงคลนี้ ทางวัดก็จะนำไปใช้ในทางสารธารณกุศล ทั้งการบำรุงซ่อมแซม ก่อสร้างสิ่งต่างๆ ในวัดเอง (เช่น ตอนนี้กำลังสร้างห้องน้ำบริเวณหลังโรงครัว) และภายนอกวัด (เช่น แจกทุนการศึกษา และหน่วยงานต่างๆ ที่มาขอบารมีหลวงพ่อ) ดังนั้น ประโยชน์จากปัจจัยที่ได้จากการบูชาวัตถุมงคลของทางวัดบางพระ ทางวัดก็จะนำไปต่อบุญในด้านสาธารณประโยชน์ต่างๆ ผู้ที่บูชาวัตถุมงคลของทางวัดบางพระก็ย่อมที่จะได้บุญกุศลในส่วนนี้ไปด้วย

ถามว่า "ที่วัดมีที่จำหน่ายวัตถุมงคลตรงนี้ทีเดียวหรือเปล่า?", " ถ้ามีจุดอื่นอีก อยู่ตรงไหนครับ?"

เรียนตอบว่าในวัดบางพระมีที่ให้บูชาวัตถุมงคลอยู่หลายที่ แบ่งออกเป็น ๒ ประเภทใหญ่ๆ คือ ของทางวัดเอง กับของแผงร้านค้าที่เข้ามาเปิดแผงขายในวัด

เรียนตอบเฉพาะที่ให้บูชาวัตถุมงคลของทางวัดเองนะครับ ก็จะมีที่กุฏิใหญ่ กุฏิหลวงพ่อสำอางค์ กุฏิหลวงพี่ติ่ง กุฏิหลวงพี่ปาด(ข้างกุฏิหลวงพี่ต้อย) กุฏิพระมหาสมชาย ฯ โอกาสหน้าหากมาที่วัดก็ลองเดินไปดูตามกุฏิต่างๆ นี้ก่อนก็ได้ครับ เพื่อความสบายใจ

"เพราะสิ่งนี้มี..สิ่งนี้จึงมี..มันเป็นเช่นนั้นเอง (ตถตา)"

357
ฝากแจ้งข่าวลอคเก็ตหลวงพ่อเปิ่นรุ่นพิเศษ สมทบทุนบูรณะโรงเจวัดบางพระ (ศาลเจ้าแม่ทับทิม)

๑. ลอคเก็ตหลวงพ่อเปิ่นพิมพ์สี่เหลี่ยมพร้อมเลี่ยม หลังอุดผงเก่าหลวงพ่อเปิ่น + เหรียญหน้าเสือ,เหรียญกระดุม + ตะกรุด ๓ ดอก (มี ๒ สี ฉากฟ้า และ ฉากสีเหลือง) จำนวนสร้างรวมกันทั้ง ๒ สี จำนวน ๑๕ องค์ ร่วมบุญองค์ละ ๑,๐๐๐ บาท





๒. ล็อคเกตหลวงพ่อเปิ่นนั่งเสือพร้อมเลี่ยม หลังแผ่นปั๊มยันต์อุดหนังเสือของหลวงพ่อเปิ่น จำนวนสร้าง ๑ องค์ ร่วมบุญองค์ละ ๑,๕๐๐ บาท (หมดแล้ว)



ติดต่อร่วมบุญได้ที่กุฏิหลวงพี่ปาด (ข้างกุฏิหลวงพี่ต้อย)

:001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:


ภาพบรรยากาศก่อนวันงานครบรอบวันมรณภาพหลวงพ่อเปิ่นปีที่ ๑๑ (๒๙ มิถุนายน ๒๕๕๖)













































:001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:

ปุญฺญานุสฺสติ(สิบทัศน์)
๒๙ มิถุนายน ๒๕๕๖ เวลา ๒๐.๕๓ น.

358

ประวัติการสร้างระฆังใหญ่

   ในวาระมหามงคลสมัยที่ พระเดชพระคุณ ท่านเจ้าคุณ พระอุดมประชานาถ (หลวงพ่อเปิ่น) อายุครบ ๗๘ ปี ในวันเสาร์ที่ ๑๒ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๔๓ หลวงพ่อท่านมีจิตศรัทธาแรงกล้าที่จะสร้างระฆังใหญ่ ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง ๑๒๐ นิ้ว สูง ๑๙๐ นิ้ว น้ำหนักประมาณ ๗,๕๐๐ กิโลกรัม เนื้อทองเหลืองผสม โดยกำหนดฤกษ์เททองเวลา ๑๕.๑๙ น. ณ วัดบางพระ เพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งชีวิต ฝากไว้ในบวรพระพุทธศาสนา ประดิษฐาน ณ วัดบางพระ ตลอดไปชั่วกาลนาน

   การสร้างระฆัง นับตั้งแต่โบราณกาล ระฆังเป็นของคู่กับวัด เสียงระฆังดุจเป็นเสียงสวรรค์ เสียงแห่งความศักดิ์สิทธิ์ของชาวพุทธ อุปเท่ห์ การสร้างระฆังจึงหมายถึง การสร้างบุญบารมีให้โด่งดังในความดีนั่นเอง

   ระฆัง เป็นสัญญาณที่บอกให้รู้ถึงความตรงเวลาของหมู่คณะ ทำให้หมู่คณะที่อยู่ร่วมกันมีระเบียบวินัย ระฆังจึงเป็นของสำคัญจำเป็นสำหรับวัด เพื่อที่เป็นสัญญาณให้พระภิกษุสามเณรทำวัตรสวดมนต์ ทำสังฆกรรม ระฆังจึงมีประโยชน์เป็นอย่างยิ่ง ฉะนั้นจึงมีผู้นิยมสร้างกันเป็นจำนวนมาก เพราะการสร้างยังได้อานิสงส์ในด้านชื่อเสียง เกียรติยศ อันโด่งดังเป็นที่รู้จักของมหาชน


มวลสารที่รวบรวมนำมาสร้างระฆัง
แผ่นจาร ทองคำ เงิน นาค จากสมเด็จพระสังฆราช
แผ่นจาร ทองคำ เงิน นาค จากหลวงพ่อเปิ่น
แผ่นจาร ทองคำ เงิน นาค จาก ๑๐๘ คณาจารย์ทั่วประเทศ

       แผ่นจารยันต์ เก้ายอด แปดทิศ งบน้ำอ้อย หอมเชียง มงกุฎพระพุทธเจ้า ยันต์เกราะเพชร ยันต์พุทธซ้อน ยันต์ดอกบัว ยันต์พญาหงษ์ทอง ยันต์สาลิกา ยันต์แม่ทัพ ยันต์นะหน้าทอง ยันต์มหาละลวย ยันต์พญาราชสีห์ ยันต์เสือเผ่น ยันต์ช้างผสมโขลง ยันต์ ๑๐๘ เป็นต้น

   นอกจากแผ่นจารมหายันต์ต่างๆ แล้วยังมีวัตถุมงคลเนื้อโลหะที่หลวงพ่อได้สร้างไว้ตั้งแต่รุ่นแรกจนถึงปี ๒๕๔๓ ที่สำคัญ อาทิ รูปหล่อกริ่งรุ่นแรกวัดโคกเขมา เหรียญพระอธิการเปิ่น รุ่นแรกวัดโคกเขมา เหรียญหลังเสือ รุ่นแรกวัดบางพระ เหรียญนั่งเสือรุ่นสอง เหรียญหัวเสือปี ๒๓ เหรียญหล่อระฆังปี ๓๐ เป็นต้น

        นอกจากนั้นผู้มีจิตศรัทธาได้นำ สร้อยทองคำ แหวนทองคำ เข็มขัดนาค เงินยวงโบราณ และเครื่องใช้เครื่องประดับสมัยโบราณที่ทำด้วย ทองคำ เงิน ทองเหลือง นาค สำริด เป็นจำนวนมาก มาร่วมหล่อหลอมสร้างระฆังใหญ่นี้ด้วย
 
        เสือใหญ่เป็นสัตว์คู่บารมี หลวงพ่อเปิ่น เมื่อครั้งสมัยหลวงพ่อออกธุดงค์ในป่าลึก ได้ผจญกับเสือหลวงพ่อได้แผ่เมตตา ด้วยบุญญาธิการบารมีของหลวงพ่อที่จะจรรโลงพระพุทธศาสนาให้เจริญรุ่งเรือง จิตใจที่เต็มเปี่ยมไปด้วยเมตตาบารมี หลวงพ่อได้แผ่เมตตาบารมีแผ่ส่วนบุญส่วนกุศลให้แก่สรรพสัตว์ทั้งหลายให้มีความสุขไม่เบียดเบียนซึ่งกันและกัน จนเสือยอมสยบ นั่งเฝ้าอยู่รอบกลดที่หลวงพ่อนั่งแผ่เมตตาอยู่นั่นเองและอีกประการหนึ่ง เสือเป็นสัตว์ที่มีอำนาจ ทั้งสง่างาม ทั้งเสียงคำราม ทั้งกลิ่นของเสือ เมื่อสัตว์น้อยใหญ่ได้สัมผัสก็ย่อมแพ้พ่ายที่สุด

        สมัยหลวงพ่อยังมีชีวิตอยู่ หลวงพ่อได้เจริญภาวนาปฏิบัติธรรมและหลวงพ่อได้สักยันต์รูปเสือเผ่นให้กับลูกศิษย์เป็นจำนวนมาก จนกลายเป็นเอกลักษณ์ของหลวงพ่อ ซึ่งแสดงถึงพลังอำนาจ ความสง่างาม เสือจึงเป็นสัตว์คู่บารมีของหลวงพ่อเปิ่นเป็นต้นมา


อานิสงส์ผลบุญแห่งการสร้างระฆังใหญ่
เป็นผู้เจริญด้วยอำนาจ วาสนา บารมี
ชื่อเสียงโด่งดัง คนเคารพนบนอบ
มีปัญญาดี ไหวพริบปฏิภาณดี
ไม่ขัดสนเงินทอง มีลาภอยู่เนืองๆ
โรคภัยไข้เจ็บ ไม่เบียดเบียน

คำอธิษฐานทำบุญสร้างระฆังใหญ่

       ข้าพเจ้าขอตั้งจิตอธิษฐานขอบุญบารมีที่ข้าพเจ้าได้สร้างระฆังใหญ่นี้ เป็นปัจจัยให้ข้าพเจ้ามีความสุขความเจริญรุ่งเรือง มีโชคลาภ มีเงินทอง มีชื่อเสียงโด่งดัง มุ่งหวังสิ่งใดขอให้สำเร็จ ทุกประการเทอญ.




:001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:

359
อิติสุคคะโต อะระหัง พุทโธ นะโมพุทธายะ
ฐิตคุโณ อาจาริโย จะ มหาเถโร มหาลาโภสัพพะสุขขัง
จะมหาลาภัง สัพพะโภคัง สัพพะธะนัง ภะวันตุเม



อักขระยันต์รอบผ้ายันต์ผืนนี้ คือคาถาชินบัญชรครับ (ชะยาสะนากะตาพุทธาเชตะวามารัง....ฯ)

360
รบกวนพี่อีกครั้งค่ะ คือว่าพี่ส่งของให้วันที่เท่าไหรค่ะ หนูจะใด้โทรไปสอบถามทางไปรษณีย์ว่าส่งของมาให้ยัง ถ้าส่งมาให้แล้วแสดงว่าหาย 41;

รออีกสักนิด เร็วๆนี้คงถึงครับ.

361

        เมื่อวานนี้ (วันพุธที่ ๑๙ มิถุนายน ๒๕๕๖) ได้มีโอกาสเข้าไปที่สถานสงเคราะห์คนชราเฉลิมราชกุมารี (หลวงพ่อเปิ่นอุปถัมภ์) จึงนำภาพบรรยากาศประกอบบทความที่เรียบเรียงขึ้นมาแบ่งปันเพื่อนสมาชิกกระดานสนทนาวัดบางพระให้ได้ทัศนากันครับ






        สังคมโลกในปัจจุบันได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วเป็นอย่างมาก ทั้งทางด้านสังคม เศรษฐกิจ การเมือง การศึกษา เทคโนโลยี ฯลฯ ที่ยกระดับการพัฒนาเพื่อสนองตอบต่อพลวัตการเปลี่ยนแปลงอย่างไร้พรมแดนจากทั่วทุกมุมโลก ประเทศไทยเองก็เช่นเดียวกัน และโดยเฉพาะอย่างยิ่งในอีก ๒ ปีข้างหน้า (พ.ศ.๒๕๕๘) ที่จะเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) การไหลบ่าทางวัฒนธรรม ขนบธรรมเนียมประเพณีที่มีความหลากหลาย รวมถึงการเคลื่อนย้ายแรงงานอย่างเสรี จะส่งผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนคนไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้นการเตรียมความพร้อมเพื่อเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ทั้งการให้ความรู้ความเข้าใจในบริบท ภารกิจของประชาคมฯ ภาษากลางในการสื่อสาร และการเตรียมความพร้อมให้กับประชากรในด้านอื่นๆ จึงมีความสำคัญยิ่งที่ควรได้รับการส่งเสริม สนับสนุนความร่วมมือจากทุกภาคฝ่ายเร่งด่วน


        แนวโน้มที่สำคัญในอนาคตนอกจากการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) แล้ว ประเด็นปัญหาเกี่ยวกับประชากรผู้สูงอายุของไทยที่จะมีจำนวนมากขึ้นจนกลายเป็นสังคมผู้สูงอายุ ก็มีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน โดยจากข้อมูลสถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล ในปี ๒๕๕๕ พบว่า โลกมีประชากรจำนวน ๗,๐๕๘ ล้านคน มีผู้สูงอายุที่มีอายุ ๖๕ ปีขึ้นไป จำนวน ๕๖๕ ล้านคน คิดเป็นร้อยละ ๘ ในขณะที่ผู้สูงอายุของประเทศไทยมีอายุ ๖๕ ปีขึ้นไป มีมากถึงร้อยละ ๑๒.๕๙ ซึ่งถือว่ามากที่สุดในประเทศอาเซียน (ที่มา: ไทยใกล้เข้าสังคมสูงวัย หลังพบมีคนแก่มากสุดในอาเซียน, หนังสือพิมพ์ผู้จัดการ ฉบับวันที่ ๑๕ มกราคม ๒๕๕๖) นี้จึงแสดงให้เห็นถึงแนวโน้มสังคมผู้สูงอายุที่กำลังจะเข้ามามีบทบาทในสังคมไทยในเวลาอีกไม่นานข้างหน้า ปัญหาของสังคมผู้สูงอายุทั้งในด้านความสัมพันธ์กับครอบครัวที่นับวันผู้สูงอายุจะถูกทอดทิ้งมากขึ้น สุขภาพร่างกายที่ร่วงโรยไปตามวัย วิทยาการทางการแพทย์การพยาบาลก็ต้องเข้ามาช่วยบริการรักษาเพิ่มขึ้น และนอกจากทางด้านกายภาพทั่วไปที่จะต้องได้รับการดูแลเอาใจใส่ให้มากขึ้นแล้ว ในส่วนของสุขภาพจิตของผู้สูงอายุเองก็ต้องได้รับการฟื้นฟูให้เป็นพลังในการสร้างสรรค์สิ่งที่เป็นประโยชน์จากประสบการณ์ของตน ทั้งต่อคนรอบข้างและสังคมควบคู่กันไปด้วย


        วิสัยทัศน์เกี่ยวกับสังคมไทยที่กำลังจะกลายไปเป็นสังคมผู้สูงอายุนี้มิใช่จะเพิ่งเกิดมีขึ้นแต่อย่างใด ดังตัวอย่างของ “สถานสงเคราะห์คนชราเฉลิมราชกุมารี (หลวงพ่อเปิ่นอุปถัมภ์)” ที่เกิดขึ้นจากพระราชดำริของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีกับพระอุดมประชานาถ (หลวงพ่อเปิ่น) เจ้าอาวาสวัดบางพระ ตำบลบางแก้วฟ้า อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม (เมื่อครั้งเสด็จพระราชดำเนินทรงเป็นประธานในพิธีเปิดโรงพยาบาลหลวงพ่อเปิ่น เมื่อวันที่ ๑ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๓๗) ที่พระองค์ได้มีพระราชประสงค์ให้ดำเนินการจัดสร้างสถานสงเคราะห์คนชราขึ้น เพื่อรองรับผู้สูงอายุที่ถูกทอดทิ้ง ขาดที่อยู่อาศัยและคนดูแลเอาใจใส่ ซึ่งมีจำนวนเพิ่มขึ้นทุกปี อันเนื่องมาจากสภาพเศรษฐกิจและสังคมในปัจจุบัน นี้จึงแสดงให้เห็นถึงพระอัจฉริยภาพด้วยสายพระเนตรอันกว้างไกล และความห่วงใยของพระองค์ที่มีต่อพสกนิกรในกลุ่มผู้สูงอายุ ถือได้ว่าเป็นพระมหากรุณาธิคุณอันล้นพ้นอย่างหาที่สุดมิได้


        เกี่ยวกับประวัติความเป็นมาของ “สถานสงเคราะห์คนชราเฉลิมราชกุมารี (หลวงพ่อเปิ่นอุปถัมภ์)” จากเอกสารประชาสัมพันธ์ของทางสถานสงเคราะห์คนชราเฉลิมราชกุมารี (หลวงพ่อเปิ่นอุปถัมภ์) ได้ให้รายละเอียดไว้ว่า หลังจากที่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงมีพระราชดำริเกี่ยวกับการสร้างสถานสงเคราห์คนชรากับพระอุดมประชานาถ (หลวงพ่อเปิ่น) เจ้าอาวาสวัดบางพระ แล้ว พระอุดมประชานาถ (หลวงพ่อเปิ่น) เจ้าอาวาสวัดบางพระ ร่วมกับจังหวัดนครปฐม (ซึ่งมีนายณัฏฐ์ ศรีวิหค เป็นผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐมในสมัยนั้น) สภากาชาดไทย กรมประชาสงเคราะห์และเหล่ากาชาดจังหวัดนครปฐม จึงได้ร่วมกันสนองพระราชดำริดังกล่าว โดยการหาที่ดินสาธารณประโยชน์ ณ บริเวณ หมู่ที่ ๓ ตำบลวัดสำโรง อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม จำนวน ๒๔ ไร่ ๓ งาน ๙๗ ตารางวา เป็นสถานที่จัดสร้างสถานสงเคราะห์คนชราขึ้น โดยใช้ชื่อว่า “โครงการจัดสร้างสถานสงเคราะห์คนชรา อำเภอนครชัยศรี” และได้ร่วมกันจัดหางบประมาณในการก่อสร้างในระยะแรก เป็นเงินทั้งสิ้น ๔,๘๐๐๐,๐๐๐.๐๐ บาท (สี่ล้านแปดแสนบาทถ้วน) โดยมอบให้สำนักงานโยธาธิการจังหวัดนครปฐม เป็นผู้วางแผนผังอาคารและสถานที่ต่างๆ และดำเนินการก่อสร้าง และจังหวัดนครปฐมได้ให้มีพิธีวางศิลาฤกษ์อาคารอำนวยการและกายภาพบำบัด และอาคารเรือนนอนคนชรา ขึ้นเมื่อวันที่ ๒๖ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๓๙ โดยมีพระอุดมประชานาถ (หลวงพ่อเปิ่น) เจ้าอาวาสวัดบางพระ เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ และมีนายวิชัย ธรรมชอบ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐมในขณะนั้นเป็นประธานในพิธี ต่อมาเมื่อนายสุชาญ พงษ์เหนือ เข้ามารับตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม จึงได้จัดหางบประมาณในการก่อสร้างอาคารและระบบสาธารณูปโภคเพิ่มเติม โดยได้รับความร่วมมือร่วมใจจากหน่วยงานองค์การเอกชน และประชาชนทุกหมู่เหล่าในจังหวัดนครปฐมจัดทอดผ้าป่าสามัคคี และจัดกอล์ฟการกุศล เพื่อสมทบทุนในการก่อสร้างสถานสงเคราะห์ดังกล่าว นอกจากนั้น ยังได้รับความเมตตาจากพระอุดมประชานาถ (หลวงพ่อเปิ่น) เจ้าอาวาสวัดบางพระ สนับสนุนค่าใช้จ่ายในส่วนที่เกินการก่อสร้างดำเนินมาจนแล้วเสร็จ ใช้งบประมาณในการก่อสร้างไปเป็นจำนวนทั้งสิ้น ๑๒,๓๐๔,๓๓๖ บาท (สิบสองล้านสามแสนสี่พันสามร้อยสามสิบหกบาทถ้วน) ต่อมาเมื่อ วันที่ ๒๓ เมษายน พ.ศ.๒๕๔๑ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงพระราชทานนามของสถานสงเคราะห์คนชรา อำเภอนครชัยศรี ที่จัดสร้างขึ้นใหม่นี้ว่า “สถานสงเคราะห์คนชราเฉลิมราชกุมารี (หลวงพ่อเปิ่นอุปถัมภ์)” และได้เริ่มรับผู้สูงอายุที่เป็นสตรี มีอายุ ๖๐ ปี ขึ้นไป ที่มีความทุกข์ยากเดือดร้อน มีฐานะยากจน ไม่มีผู้อุปการะ ไม่มีที่อยู่อาศัย หรืออยู่กับครอบครัวไม่มีความสุข ตั้งแต่วันที่ ๑๙ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๔๑ เป็นต้นมา นอกจากนั้นยังได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดสถานสงเคราะห์ฯ เมื่อวันที่ ๒๙ มกราคม พ.ศ.๒๕๔๒ และจังหวัดนครปฐม ได้มอบสถานสงเคราะห์ ดังกล่าวให้แก่กรมประชาสงเคราะห์เพื่อดำเนินการต่อไป ตั้งแต่วันที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๔๒ เป็นต้นมา ปัจจุบันสถานสงเคราะห์คนชราเฉลิมราชกุมารี (หลวงพ่อเปิ่นอุปถัมภ์) เป็นหน่วยงานส่วนท้องถิ่นสังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครปฐม



        ปัจจุบันสถานสงเคราะห์คนชราเฉลิมราชกุมารี (หลวงพ่อเปิ่นอุปถัมภ์) ได้ดำเนินการมาเป็นระยะเวลากว่า ๑๐ ปี มีวัตถุประสงค์ ๕ ประการ คือ ๑. เพื่อให้การสงเคราะห์ผู้สูงอายุที่ประสบปัญหาเดือดร้อนเนื่องจากฐานะยากจน ไม่มีผู้อุปการะเลี้ยงดู ไม่มีที่อยู่อาศัย หรือไม่มีครอบครัว ๒. เพื่อแบ่งเบาภาระของครอบครัวผู้มีรายได้น้อย ยากจน ไม่สามารถให้การอุปการะเลี้ยงดูผู้สูงอายุได้ ๓. เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาสังคม มิให้ผู้สูงอายุเร่ร่อน ทำความเดือดร้อนแก่สังคม ๔. ผู้สูงอายุได้คลายความวิตกกังวลว่า เมื่อชราภาพไม่สามารถประกอบอาชีพได้ ยังมีรัฐบาลให้การดูแล ๕. เพื่อเป็นการตอบแทนคุณงามความดีที่ผู้สูงอายุทำไว้เมื่อยังอยู่ในวัยหนุ่มสาว สำหรับการให้บริการของสถานสงเคราะห์ฯ สามารถแบ่งออกได้  ๖ ด้านหลัก คือ บริการเลี้ยงดูผู้สูงอายุ โดยจัดปัจจัย ๔ ที่จำเป็นต่อชีวิต เพื่อให้มีความสุขทั้งร่างกายและจิตใจในบั้นปลายชีวิตตามสมควรแก่อัตภาพ, บริการทางการแพทย์และอนามัย ด้านกายภาพบำบัด สถานสงเคราะห์ฯ จัดให้มีการทำกายภาพบำบัด ทุกวันจันทร์ พุธ และศุกร์ ด้านการรักษาพยาบาล สถานสงเคราะห์ได้จัดกิจกรรมเสริมสร้างสุขภาพเพื่อผู้สูงวัย โดยเชิญแพทย์และพยาบาลจากโรงพยาบาลต่างๆ มาบริการตรวจสุขภาพแก่ผู้สูงอายุ ในกรณีที่เจ็บป่วยเฉพาะโรคหรือประสบอุบัติเหตุฉุกเฉินจะส่งไปรักษาที่โรงพยาบาล ด้านการอนามัย จัดให้มีเจ้าหน้าที่พยาบาลของสถานสงเคราะห์ และวิทยากรจากโรงพยาบาลต่างๆ ให้ความรู้เกี่ยวกับการส่งเสริมสุขภาพอนามัยแก่ผู้สูงอายุตลอดจนเรื่องสุขาภิบาล การทำความสะอาดที่พัก ด้านการส่งเสริมสุขภาพ สถานสงเคราะห์ได้จัดกิจกรรมการออกกำลังกายเพื่อสุขภาพ โดยเชิญวิทยากรภายนอกเป็นผู้นำในการออกกำลังกาย, บริการอาชีวบำบัด เป็นการส่งเสริมและสนับสนุนให้ผู้สูงอายุมีกิจกรรมยามว่างให้เหมาะสมกับความสามารถและตามความสมัครใจ โดยเชิญวิทยากรจากภายนอกมาสอนงานประดิษฐ์ต่างๆ เช่น ดอกไม้ประดิษฐ์ พรมเช็ดเท้า เป็นต้น, บริการด้านสังคมสงเคราะห์ จัดให้มีบริการให้คำปรึกษาและแก้ไขปัญหา ฟื้นฟูและปรับสภาพในส่วนต่างๆ โดยใช้หลักวิธีการทางสังคมสงเคราะห์เฉพาะราย และกลุ่มชน, บริการด้านศาสนา ได้จัดให้ผู้สูงอายุมีโอกาสประกอบพิธีกรรมทางศาสนา ตามประเพณีนิยมในวันสำคัญในสถานสงเคราะห์ฯ นอกจากนี้ยังนิมนต์พระสงฆ์แสดงธรรมเทศนาเดือนละ ๑ ครั้ง และบริการด้านฌาปนกิจ ผู้สูงอายุที่ถึงแก่กรรมในสถานสงเคราะห์ และไม่มีญาติจัดการศพให้ สถานสงเคราะห์ฯ จะจัดการศพให้ และทำพิธีบังสุกุลอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ของทุกปี (ที่มา: เอกสารประชาสัมพันธ์สถานสงเคราะห์คนชราเฉลิมราชกุมารี (หลวงพ่อเปิ่นอุปถัมภ์))


        โดยสรุปเกี่ยวกับการให้บริการในสถานสงเคราะห์ทั้ง ๖ ด้านนี้ เป็นการให้บริการเพื่ออบรมพัฒนาผู้สูงอายุทั้งทางด้านร่างกาย และทางด้านจิตใจควบคู่กันไปอย่างสมดุล สนองตอบวัตถุประสงค์ของการจัดตั้งสถานสงเคราะห์ฯ และเป้าหมายของการพัฒนาเตรียมความพร้อมอีกทางหนึ่ง ในการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุที่กำลังจะใกล้เข้ามาได้อย่างเหมาะสม และเพื่อความสมบูรณ์ก็ควรที่จะให้ความรัก การดูแลเอาใจใส่ผู้สูงอายุในครอบครัวให้มีความอบอุ่น ซึ่งวิธีการอย่างหลังนี้จะเป็นรากฐานพลังความเข็มแข็งของครอบครัวในระดับสังคมให้แน่นแฟ้นมั่นคงยิ่งขึ้น ท่านใดที่มีโอกาสผ่านมาบริเวณนี้ก็สามารถแวะไปเยี่ยมเยียน ร่วมทำกิจกรรม จัดเลี้ยงอาหาร พูดคุยปฏิสัมพันธ์ หรือร่วมบริจาคเพื่อสมทบทุนเป็นสวัสดิการให้แก่ผู้สูงอายุได้ที่มูลนิธิสถานสงเคราะห์คนชราเฉลิมราชกุมารี (หลวงพ่อเปิ่นอุปถัมภ์) ทุกวันครับ




        ภาพบรรยากาศภายในสถานสงเคราะห์คนชราเฉลิมราชกุมารี (หลวงพ่อเปิ่นอุปถัมภ์)












































        สาสน์ทิ้งท้ายฝากไปถึงท่านผู้อ่าน (ที่ความชรากำลังปรากฏมีและเข้ามาเยือนทุกอนูวินาที)

        "เมื่อได้ยินเสียงรถวิ่งผ่าน ต่างชะเง้อว่ามีใครมาหาหรือเยี่ยมเยือนหรือเปล่า?" คุณยายอมรา วิวัฒนานนท์ อายุ ๘๖ ปี หนึ่งในผู้สูงวัยที่อาศัยอยู่ที่สถานสงเคราะห์คนชราเฉลิมราชกุมารี (หลวงพ่อเปิ่นอุปถัมภ์) จังหวัดนครปฐม บอกถึงความรู้สึก ในวันที่สังคมไทยกำลังเผชิญกับสถานการณ์ผู้สูงวัยถูกทอดทิ้งให้อยู่อย่างโดดเดี่ยวมากขึ้น โดยปัจจุบันคุณตาคุณยายที่สถานสงเคราะห์คนชราทั่วประเทศมีจำนวนเพิ่มขึ้นทุกปี


ปุญฺญานุสฺสติ(สิบทัศน์)
วันพฤหัสบดีที่ ๒๐ มิถุนายน ๒๕๕๖ เวลา ๒๑.๒๗ น.

:001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:

362
พี่คะหนูยังไม่ได้รับของเลยคะ ไม่รู้ไปตกหล่นที่ไหนรึเปล่าคะ

ลำดับที่ ๗ ของคุณ patchara_son ได้รับแล้ว และส่งคืนกลับไปให้แล้วครับ.

363
รวบรวมลายสักของหลวงพ่อเปิ่นนำมาให้เพื่อนสมาชิกกระดานสนทนาวัดบางพระได้รับชมกันครับ


        ท่านแรกคือ ท่านพระครุอนุกูลพิศาลกิจ (หลวงพ่อสำอางค์ ปภสฺสโร) เจ้าอาวาสวัดบางพระรูปปัจจุบัน (ท่านเมตตาอนุญาตให้บันทึกภาพไว้เมื่อวันเสาร์ที่ ๑๔ มิถุนายน ๒๕๕๖) ท่านเมตตาเล่าให้ฟังว่า ท่านสักกับหลวงพ่อเปิ่นมียันต์เก้ายอด แปดทิศ งบน้ำอ้อย หงส์ฯ ส่วนรูปหนุมานนั้นหลวงพี่ติ่งเป็นผู้สักให้ สมัยก่อนท่านก็เป็นอาจารย์สักเหมือนกัน (ปัจจุบันไม่ได้สักแล้ว) หลวงพี่ติ่งท่านสักรูปสวย ส่วนตัวท่านเองสักอักขระสวย จึงผลัดกันสัก....ฯ











        ท่านต่อมาของคุณลุงพนม วิริยะหิรัญไพบููลย์ อยู่ตลาดเกาะแรต แกเล่าให้ฟังว่า ไปสักกับหลวงพ่อเปิ่นตั้งแต่สมัยที่ท่านอยู่ที่วัดโคกเขมา สมัยก่อนการเดินทางยังไม่สะดวกเหมือนสมัยนี้ เวลาจะไปสักที่วัดโคกเขมากันที ก็ชวนเพื่อนขี่ม้าจากตลาดเกาะแรตไป รูปยันต์สมัยก่อนจะใช้วิธีรมควันไฟให้เป็นเขม่า รอให้เย็นแล้วทาบไปบนผิวหนัง หลวงพ่อท่านก็จะสักไปตามรอยเขม่าที่ติดผิวหนัง ที่ดังมีชื่อเสียงด้านการสักยันต์ในสมัยนั้นนอกจากหลวงพ่อเปิ่นแล้ว ก็ยังมีหลวงพ่อเก๊า วัดเกาะแรตอีกรูปหนึ่ง ที่นิยมกันมากคือสักลูกกระเดือก ถือได้เป็นสัญลักษณ์ของหลวงพ่อเก๊าที่ลูกศิษย์ของท่านจะมีแทบทุกคน ส่วนประสบการณ์ที่เคยประสบกับตัวเอง คือโดนขวานจามเข้าที่หน้าอกแต่ไม่เป็นอะไร นอกจากนี้ทางด้านเมตตาก็มีให้เห็นเนืองๆ ท่านใดที่อยากฟังรายละเอียดจากคำบอกเล่าจากประสบการณ์ตรงของคุณลุงพนม ก็ไปหาแกได้ที่วัดสามง่าม อ.ดอนตูม จ.นครปฐม ได้ทุกวัน














        อีกท่านเป็นเพื่อนของคุณลุงพนม คือคุณลุงวิรัตน์ จันทร์ชุ้น (ปัจจุบันเป็นผู้คอยอุุปฐากหลวงปู่แย้มที่วัดสามง่ามเช่นเดียวกัน) แกเล่าว่า ไปสักกับหลวงพ่อเปิ่นที่วัดโคกเขมา ประมาณปี พ.ศ.๒๕๑๐ กว่าๆ โดยไปกับคุณลุงพนมและเพื่อนอีก ๒-๓ คน สมัยก่อนหลวงพ่อเปิ่นยังไม่ค่อยมีชื่อเสียงเหมือนในปัจจุบัน ในแถบนครปฐมเวลานั้นวัยรุ่นชายจะนิยมไปสักกับหลวงพ่อเก๊า วัดเกาะแรต อย่างรอยสักบนร่างกายของคุุณลุงวิรัตน์เอง ก็มีแค่หลวงพ่อเก๊า กับหลวงพ่อเปิ่นเท่านั้น ในตัวคุณลุงเองที่สักกับหลวงพ่อเปิ่นก็จะมีเสือเผ่นที่หน้าอก (อักขระรอบๆยันต์เสือเผ่นเป็นของหลวงพ่อเก๊า วัดเกาะแรตทั้งหมด) ส่วนด้านหลังก็เป็นของหลวงพ่อเปิ่นทั้งหมด (ยกเว้นยันต์เก้ายอดที่สักกับหลวงพ่อเก๊า วัดเกาะแรต) ทั้งยันต์รูปพระพุทธฯ ยันต์แปดทิศ และยันต์หนุมาน ที่แขนก็จะมีียันต์กระทู้ฯ ยันต์หงส์ และยันต์นกสาริกา เป็นต้น สมัยนั้นจะยกพานครูครั้งแรกครั้งเดียว ครั้งต่อๆไปก็ไม่ต้องยกพานครูอีก (ค่าครูสมัยนั้นที่คุณลุงไปสักอยู่ที่ ๑๒ บาท).



















เพื่อนสมาชิกกระดานสนทนาวัดบางพระท่านใดมีรูปลายสักยันต์ของหลวงพ่อเปิ่นเพิ่มเติม ก็อย่าลืมนำมาแบ่งปันกันชมบ้างนะครับ


ปุญฺญานุสฺสติ(สิบทัศน์)
๑๒.๓๙ น. วันอังคารที่ ๑๘ มิถุนายน ๒๕๕๖

:001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:

364


        วันนี้มีโอกาสได้เข้าไปสนทนากับหลวงตาจันทร์ (พระภิกษุวัดบางพระ) ที่กุฏิหลวงพ่อสำอางค์ เจ้าอาวาสวัดบางพระรูปปัจจุบัน ท่านเมตตาเล่าให้ฟังว่า ตะกรุดหนังเสือชุดนี้ ได้นำหนังเสือที่หลวงพ่อเปิ่นได้อธิษฐานจิตไว้ มาใส่หลอดตะกรุดไว้ให้บูชา จำแนกเป็น ๓ ขนาด คือ ขนาดเล็ก ขนาดกลาง และขนาดใหญ่ จึงเก็บภาพมาฝากให้เพื่อนสมาชิกกระดานสนทนาวัดบางพระได้ชมกันครับ


 
ขนาดเล็ก บูชาดอกละ ๒๐๐ บาท


ขนาดกลาง บูชาดอกละ ๓๐๐ บาท


ขนาดใหญ่ บูชาดอกละ ๕๐๐ บาท




       ท่านใดที่มีความประสงค์จะร่วมบุญบูชา "ตะกรุดหนังสือมหาอำนาจ" ชุดนี้ เรียนเชิญที่กุฏิหลวงพ่อสำอางค์ที่เดียวครับ (ขณะนี้เหลือจำนวนจำกัดแค่ในภาพเท่านั้น).

ปุญฺญานุสฺสติ(สิบทัศน์)
วันเสาร์ที่ ๑๕ มิถุนายน ๒๕๕๖
เวลา ๐๐.๐๓ น.

:001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:

365



ขอเชิญร่วมทำบุญวันคล้ายวันมรณภาพครบรอบ ๑๑ ปี
พระอุดมประชานาถ (หลวงพ่อเปิ่น ฐิตคุโณ)
อดีตเจ้าอาวาสวัดบางพระ อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม
ในวันอาทิตย์ที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๖

กำหนดการ
                                               
                                                 เวลา ๑๐.๐๐ น . พระสงฆ์ทรงสมณศักดิ์ ๑๐ รูป สวดพระพุทธมนต์

                                                 เวลา ๑๑.๐๐ น. ถวายภัตตาหารแด่พระภิกษุสงฆ์ ๑๐๐ รูป

                                                 เวลา ๑๒.๐๐ น. ทักษิณานุประทาน

                                                                      เสร็จพิธีทำบุญครบรอบวันมรณภาพ



ขอเชิญพุทธศาสนิกชน และศิษยานุศิษย์หลวงพ่อเปิ่นทุกท่าน ร่วมงานบุญครั้งนี้โดยทั่วกัน

อนุโมทนากับทุกท่านด้วยครับ สาธุ สาธุ อนุโมทามิ.

366
นำรถไปจอดบริเวณด้านหน้ากุฏิใหญ่

แล้วขึ้นไปติดต่อบริเวณที่ให้บูชาพานลงนะหน้าทอง

แจ้งความประสงค์ว่าจะนำรถมาให้หลวงพ่อสำอางค์ท่านเจิม

ทางวัดจะจัดเตรียมสิ่งที่ต้องใช้ (ทองคำเปลว, ผ้าสามสี ฯ)ไว้ให้บริการอยู่แล้ว (ร่วมบุญ ๑๐๐ บาท)

ส่วนจะถวายปัจจัยหลวงพ่อเพิ่มเติม ก็สามารถนำปัจจัยยใส่ซองถวายท่านได้ต่างหากครับ.

367
รบกวนสอบถามหน่อยนะคะ ยังไม่ได้รับเลยค่ะ ไม่แน่ใจว่าซองที่ส่งไปให้ได้รับรึเปล่าเพราะส่งที่ร้านรับ-ส่งไปรษณีย์แถวบ้านกลัวไปไม่ถึงเพราะเคยมีประสบการณ์มาแล้วคะ ขอบพระคุณค่ะ

ของคุณ patchara_son ได้รับแล้ว และส่งกลับให้แล้วครับ เร็วๆนี้คงถึง. :001:

369

ถึงผู้ที่ได้รับรางวัลทุกท่านนะครับ

บางท่านส่งซองติด "อากรแสตมป์" มาให้ จึงขอเรียนว่า "อากรแสตมป์" ไม่สามารถใช้ติดซองจดหมายเพื่อส่งไปรษณีย์ได้

สำหรับแสตมป์ที่ใช้ติดจดหมายเพื่อส่งไปรษณีย์ ต้องเป็น"ดวงตราไปรษณียากร" หรือ "แสตมป์ไปรษณีย์" เท่านั้นนะครับ.

370

ของท่านใด โปรดติดต่อกลับเพื่อแจ้งชื่ออยู่ใหม่ด้วยครับ

(จดหมายตีกลับเนื่องจากแจ้งชื่อที่อยู่ไม่ชัดเจนครับ)

371
ทดลอง

องค์นี้เป็นของปลอมทำเลียนแบบพระผงมหาเศรษฐี เสือคู่ ปี ๒๕๓๖ ครับ

ลองศึกษากระทู้ของพี่นกตามลิ้งค์นี้ดูครับ http://www.bp.or.th/webboard/index.php?topic=9879

372
ดอกล่างสุด เชือกคาดสีแดงนั่นของวัดไหนเหรอครับ สุดยอด ยาวมากครับ
วัดท้องไทร จ.นครปฐม ครับ.

สีแดง เส้นตรงกลาง ถ้าไม่หลวงพ่อแช่ม วัดดอนยายหอม ก็คงหลวงพ่ออวยพร วัดดอนยายหอม ครับ

สีแดงเส้นล่าง น่าจะตะกรุดกันงู หลวงปู่อั๊บ วัดท้องไทร ถ้าจำไม่ผิด แต่ที่เห็นมีหลายดอกนั่น หลวงพ่อตัด วัดชายนา แน่เลย

ขอบคุณ
รับรองสำเนาถูกต้อง ตามนั้นครับ.

แล้วตอนนี้ไม่สะสมแล้วหรอครับ :092:
"กระแสอิทัปปัจจยตากำลังกลืนกินทุกสรรพสิ่งในทุกขณะ"..."ตถตา"... เช่นนั้นเอง..



373

/\/\/\/\/\/\/\/\/\/\/\/\/\/\/\/\/\/\/\_______________________________

374
อยากสักยันต์วัดบางพระมากครับ อยากทราบสิ่งที่ต้องเตรียมช่วงเวลา 9ล9 ทุกอย่างเลยครับแล้วแต่พี่ๆจะกรุณาเพราะผมแทบจะไม่รู้อะไรเลย :058:

อย่างแรกเตรียมกายเตรียมใจให้พร้อม ที่วัดบางพระเปิดให้สักยันต์ทุกวัน

แนะนำว่าให้ไปถึงวัดเช้าๆหน่อยจะได้ไม่ต้องรอนาน หากไปช่วงวันหยุด หรือวันเสาร์-อาทิตย์ คนจะเยอะมาก

สิ่งที่ต้องเตรียมไปสำหรับใส่ในพานครูสักยันต์ ประกอบด้วย ดอกไม้ ธูป เทียน บุหรี่ ๑ ซอง

หรือจะไปซื้อชุดพานครูที่ทางวัดจัดเตรียมไว้ให้ก็ได้(บริเวณหน้ากุฏิใหญ่) ในราคา ๖๐ บาท

เมื่อได้ชุดพานครูสักยันต์มาแล้ว จะต้องใส่เงินค่าครูสักยันต์ลงไปในชุดพานครู ๒๕ บาท(ใส่มากกว่านี้ได้ แต่ต้องไม่ต่ำกว่า ๒๕ บาท)

แล้วนำไปยกถวายแก่พระอาจารย์ผู้ที่สัก เพื่อมอบตัวเป็นศิษย์ตามธรรมเนียมที่สืบทอดกันมา

เมื่อยกพานครูเสร็จแล้วก็นั่งรอตามคิว ผู้มาถึงก่อนก็ได้สักก่อน ผู้มาทีหลังก็สักทีหลังตามลำดับ

เมื่อถึงคิวและได้สักแล้ว พระอาจารย์ผู้สักก็จะเป่าครอบให้ เป็นอันเสร็จพิธี

หรือจะขึ้นไปบนกุฏิใหญ่เพื่อให้หลวงพ่อสำอางค์ท่านเป่าครอบให้อีกครั้งก็ได้

ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมที่กระทู้ http://www.bp.or.th/webboard/index.php?topic=29616 โชคดีครับ.


ปล.หลวงพ่อสำอางค์ท่านจะเดินทางไปประเทศจีนคืนนี้ (๒๘ พ.ค.) ถึงประมาณวันที่ ๔ มิถุนายน หลวงพ่อชออมท่านจะเป่าครอบรวมถึงลงนะหน้าทองแทนหลวงพ่อสำอางค์บนกุฏิใหญ่.




ของฝากจากพี่เว็บ.. http://www.bp.or.th/webboard/index.php?topic=29541.msg220392#msg220392

375

        พรุ่งนี้ก็จะเป็นวาระมหามงคลสำหรับเหล่าพุทธศาสนิกชนอีกครั้งหนึ่งนั่นคือ วันวิสาขบูชา ซึ่งเป็นวันคล้ายวันประสูติ ตรัสรู้และปรินิพพาน ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ตรงกับวันขึ้น ๑๕ ค่ำเดือน ๖ ฉะนั้น วันวิสาขบูชาจึงเป็นวันที่เราควรมาตรึกระลึกนึกถึงพระคุณอันยิ่งใหญ่ของพระ พุทธองค์จะได้เกิดความปีติใจว่าเป็นบุญลาภอันประเสริฐที่เกิดมาเป็นมนุษย์พบพระพุทธศาสนาได้สั่งสมบุญกุศลที่จะนำตนไปสู่สวรรค์นิพพาน เพราะพุทธบารมีธรรมอันไม่มีประมาณนี่เอง


ความหมายของวันวิสาขบูขา


        คำว่า วิสาขบูขา แปลว่า"การบูชาพระพุทธเจ้า เนื่องในวันเพ็ญเดือนวิสาขะ"ซึ่งตรงกับวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๖ ตามปฏิทินจันทรคติของไทยซึ่งมักจะตรงกับเดือนพฤษภาคม แต่ถ้าปีใดมีอธิกมาส คือ มีเดือน ๘ สองหนก็เลื่อนไปเป็นวันขึ้น ๑๕ ค่ำ กลางเดือน ๗ หรือราวเดือนมิถุนายน วันวิสาขบูชาเป็นวันที่ ๓ เหตุการณ์สำคัญที่เกี่ยวกับวิถีชีวิตของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เวียนมาบรรจบกันในวันเพ็ญเดือน๖ แม้จะมีช่วงระยะเวลาห่างกันหลายสิบปี ซึ่งเหตุการณ์อัศจรรย์ ๓ ประการ ได้แก่

๑. วันวิสาขบูชาเป็นวันที่พระพุทธเจ้าประสูติ

        “ดูกรภิกษุทั้งหลาย เอกบุรุษเมื่ออุบัติขึ้นในโลก ย่อมอุบัติขึ้นเพื่อประโยชน์แก่ชนหมู่มากเพื่ออนุเคราะห์ชาวโลก เพื่อประโยชน์สุขแก่เทวดาและมนุษย์ทั้งหลายเอกบุรุษผู้เลิศ คือ พระตถาคตสัมมาสัมพุทธเจ้า”

        จากถ้อยคำดังกล่าวนี้ แสดงให้เห็นถึงคุณอันไม่มีประมาณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ทรงอุบัติขึ้นในโลกเพื่อแสดงธรรมยังสรรพสัตว์ให้หลุดพ้นจากวัฏฏะสงสารอันเป็นที่สุดแห่งกองทุกข์ทั้งปวง

        เมื่อ ๒,๖๓๖ ปี (๒,๕๕๖+๘๐) ล่วงมาแล้วพระมหาโพธิสัตว์ผู้ทรงบำเพ็ญบารมีเพื่อมุ่งหวังพระสัมมาสัมโพธิญาณได้จุติจากสวรรค์ชั้นดุสิตลงมาสู่พระครรภ์ของพระนางสิริมหามายา ณบัดนี้เองที่กล่าวได้ว่าเอกบุรุษผู้เลิศได้อุบัติเกิดขึ้นบนโลกนี้แล้ว

        เมื่อพระนางสิริมหามายาพระมเหสีของพระเจ้าสุทโธทนะ แห่งกรุงกบิลพัสดุ์ ทรงพระครรภ์แก่จวนจะคลอดพระนางเสด็จแปรพราชฐานไปประทับ ณ กรุงเทวทหะ เพื่อทรงให้กำเนิดพระราชโอรสในตระกูลของพระนางตามประเพณีนิยมในสมัยนั้น ขณะเสด็จแวะพักผ่อนพระอิริยาบถใต้ต้นสาละ ณสวนลุมพินีวัน พระนางก็ได้ประสูติพระราชโอรสใต้ต้นสาละนั้น ซึ่งตรงกับวันเพ็ญเดือน๖ ครั้นพระกุมารประสูติได้ ๕ วัน ก็ได้รับการถวายพระนามว่า "สิทธัตถะ"แปลว่า"ผู้มีความสมหวังดังใจปรารถนา"

        เมื่อข่าวการประสูติแพร่ไปถึงอสิตาบสผู้มีความคุ้นเคยกับพระเจ้าสุทโธทนะดาบสจึงเดินทางไปเข้าเฝ้า เมื่อเห็นพระราชกุมารก็ทำนายได้ทันทีว่า"พระราชกุมารนี้จักได้เป็นพระพุทธเจ้า"แล้วกราบลงแทบพระบาทของพระกุมาร พระเจ้าสุทโธทนะทอดพระเนตรเห็นเหตุการณ์นั้นทรงรู้สึกเปี่ยมล้นด้วยปีติถึงกับทรุดพระองค์ลงอภิวาทพระราชกุมารตามอย่างดาบส

        เป็นอันว่าความสำคัญของวันวิสาขบูชาประการแรกนี้คือเป็นวันคล้ายวันที่พระพุทธเจ้าประสูติ

๒. วันวิสาขบูชาเป็นวันที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้

        เมื่อเจ้าชายสิทธัตถะเจริญวัยขึ้นครั้งหนึ่งได้ทรงทอดพระเนตรเห็นเทวทูตทั้ง ๔ ได้แก่ คนแก่ คนเจ็บ คนตาย และสมณะก็ทรงปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะแสวงหาทางพ้นทุกข์ในคืนที่พระนางพิมพาทรงคลอดพระราหุลราชกุมารนี้เองก็ทรงตัดสินพระทัยหนีออกจากวังแล้วทรงผนวชเพื่อแสวงหาทางพ้นทุกข์โดยศึกษาหาความรู้กับอาจารย์ต่างๆ

        หลังจากออกผนวชได้ ๖ ปี มีพระชนมายุ ๓๕ พรรษา เจ้าชายสิทธัตถะก็ทรงตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าณ ใต้ร่มไม้ศรีมหาโพธิ์ ฝั่งแม่น้ำเนรัญชรา ตำบลอุรุเวลาเสนานิคมในตอนเช้ามืดของวันพุธ ขึ้น ๑๕ ค่ำ ปัจจุบันสถานที่ตรัสรู้แห่งนี้เรียกว่า"พุทธคยา" เป็นตำบลหนึ่งของเมืองคยา แห่งรัฐพิหารของอินเดีย

        สิ่งที่พระองค์ทรงตรัสรู้ คือ อริยสัจ ๔เป็นความจริงอันประเสริฐ ๔ ประการ เมื่อพระพุทธเจ้าเสด็จไปที่ต้นมหาโพธิ์และทรงเจริญสมาธิภาวนาจนได้บรรลุญาณ ๓ คือ ยามต้น:ทรงบรรลุ"ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ" คือ ทรงระลึกชาติในอดีตได้ ยามสอง:ทรงบรรลุ"จุตูปปาตญาณ" คือ การรู้แจ้งการเกิดและดับของสรรพสัตว์ทั้งหลาย ยามสาม:ทรงบรรลุ"อาสวักขยญาณ" คือ รู้วิธีกำจัดกิเลสด้วยอริยสัจ ๔ คือ ทุกข์ สมุทัยนิโรธ มรรค ได้ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ในคืนวันเพ็ญเดือน ๖ และนี้ก็คือความสำคัญประการที่สองของวันวิสาขบูชา

๓. วันวิสาขบูชาเป็นวันที่พระพุทธเจ้าปรินิพพาน

        เมื่อพระพุทธองค์ได้ตรัสรู้และแสดงธรรมเป็นเวลานานถึง๔๕ ปี จนมีพระชนมายุได้ ๘๐ พรรษา ได้ประทับจำพรรษา ณ เวฬุวคาม ใกล้เมืองเวสาลีแคว้นวัชชี ระหว่างนั้นทรงประชวรอย่างหนัก ขณะเดียวกันพระองค์ได้เสวยสุกรมัททวะที่นายจุนทะตั้งใจทำถวายแล้วเกิดอาพาธ แต่ทรงอดกลั้นมุ่งเสด็จไปยังเมืองกุสินารา ประทับ ณ ป่าสาละ เพื่อเสด็จดับขันธปรินิพพาน

        เมื่อถึงยามสุดท้ายของคืนนั้น พระพุทธองค์ก็ทรงประทานปัจฉิมโอวาทว่า"ดูกรภิกษุทั้งหลาย สังขารทั้งหลายย่อมมีความเสื่อมไปเป็นธรรมดา ท่านทั้งหลายจงยังกิจทั้งปวงอันเป็นประโยชน์ของตนและประโยชน์ของผู้อื่นให้บริบูรณ์ด้วยความไม่ประมาทเถิด" หลังจากนั้นก็เสด็จดับขันธปรินิพพาน

        บางท่านอาจจะเคลือบแคลงสงสัยต่อไปว่าในเมื่อพระพุทธองค์ทรงดับขันธปรินิพพานไปแล้ว อะไรเล่าจักเป็นศาสดาแทน? ข้อนี้พระอานนท์ก็เคยทูลถามพระพุทธองค์ก่อนที่จะทรงปรินิพพานเช่นกันโดยพระพุทธองค์ทรงตอบกับพระอานนท์ว่า

โยโว อานนฺท มยา ธมฺโม จ วินโย จ เทสิโต ปญฺญตฺโต โส โว มมจฺจเยน สตฺถา.

(ที.ม.๑๐/๑๔๑/๑๗๘)

        แปลว่า : ดูกรอานนท์ธรรมแลวินัยใด ที่เราได้แสดงแล้ว และบัญญัติแล้ว แก่เธอทั้งหลายธรรมและวินัยนั้น จักเป็นศาสดาของเธอทั้งหลายในเมื่อเราล่วงลับไป

        ด้วยเหตุนี้พระธรรมวินัยจึงได้ชื่อว่าเป็นศาสดาเป็นตัวแทนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าการรวบรวมรักษาไว้ซึ่งพระธรรมคำสอนก็ปรากฏมีหลายครั้งในรูปของการสังคายนาพระไตรปิฎกอันเป็นแบบแผนในการศึกษาพระพุทธศาสนาที่มั่นคงในปัจจุบันอันจะนำมาซึ่งประโยชน์สุขเมื่อศาสนิกชนนำไปประพฤติปฏิบัติตาม

        สรุปความได้ว่า วันวิสาขบูชาคือวันแห่งการบูชาในวันเพ็ญเดือน ๖ เพื่อระลึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นล่วงมากว่า๒,๖๐๐ ปี ที่เกิดมีขึ้นในวันเดียวกันคือ เป็นวันคล้ายวันประสูติ ตรัสรู้และปรินิพพาน ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าซึ่งถือได้ว่าพระพุทธศาสนาก็ได้ถือกำเนิดขึ้นพร้อมกับพระองค์ด้วยเฉกเช่นเดียวกันการดำรงรักษาสืบทอดพระพุทธศาสนาก็มีความต่อเนื่องตั้งแต่บัดนั้นมาจวบจนกระทั่งในปัจจุบันสมัยโดยพระภิกษุสามเณรผู้ซึ่งเป็นสาวกผู้ประพฤติปฏิบัติตามพระธรรมคำสั่งสอนของพระบรมศาสดาและนำมาเผยแผ่ต่อยังพุทธศาสนิกชนให้ตั่งมั่นอยู่ในคุณงามความดีประพฤติปฏิบัติธรรมเพื่อยังประโยชน์ให้บังเกิดขึ้นแก่ตนและผู้อื่นให้ถึงพร้อม

 

หน้าที่ของพุทธศาสนิกชน

        ก่อนอื่นขอนิยามความหมายของ “พุทธศาสนิกชน”ให้เข้าใจตรงกันเสียก่อน “พุทธศาสนิกชน”แปลว่า คนที่นับถือพระพุทธศาสนา หรือคนที่ตกลงใจน้อมรับนับถือพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำตัวประจำชีวิตยินดีที่จะปฏิบัติตามหลักคำสอนของพระพุทธศาสนา เต็มใจที่จะปฏิบัติตามหลักธรรมคือ เว้นจากการทำความชั่วทำแต่ความดี และทำจิตใจให้หมดจดจากกิเลส ด้วยการบำเพ็ญบุญในพระพุทธศาสนา เช่นให้ทาน รักษาศีล และเจริญภาวนาเพื่อขัดเกลา อบรม บ่มเพาะกาย วาจาใจให้งดงามเรียบร้อย ให้สงบนิ่ง และให้พ้นจากความเศร้าหมองต่างๆ พุทธศาสนิกชนที่พึงประสงค์คือผู้ปฏิบัติตนให้เป็นผู้รู้ผู้ฉลาด ตื่นตัวอยู่เสมอ ไม่งมงาย ไม่ประมาทมัวเมา ไม่หลงไปตามกระแสกิเลส ฯลฯ

        ในวันมงคลเช่นนี้ผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นพุทธศาสนิกชนก็ควรน้อมนำเอาพระธรรมคำสั่งสอนทั้งหลายมาปรับประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์ในชีวิตประจำวัน และเพื่อยังประโยชน์อันสูงสุดขั้นปรมัตถ์ซึ่งได้แก่การหลุดพ้นจากกองทุกข์ทั้งปวงในเบื้องปลาย

        ถามว่าในเมื่อหลักธรรมทั้งหลายมีอยู่อย่างมากมายเหลือเกินแล้วอย่างนี้จะน้อมนำธรรมข้อไหนอย่างไรมาปฏิบัติดีเล่า?คำตอบของปัญหานี้ก็ตอบได้ว่า จริงอยู่ที่หลักธรรมทั้งหลายนั้นมีอยู่มากมายแยกย่อยออกไปกว่า ๘๔,๐๐๐ พระธรรมขันธ์การที่จะน้อมนำมาปฏิบัติทั้งหมดนี้จึงอาจจะดูเป็นเรื่องยากเกินวิสัยแต่หากเราจับหลักใหญ่ๆ ได้เสียแล้วก็จะง่ายขึ้น

        โดยทั้งหมดทั้งมวลของพระธรรมคำสอนนี้สามารถสรุปย่อรวมลงมาเหลือเพียง ๓ ข้อใหญ่ๆ ศีล สมาธิ ปัญญา รวมเรียกว่า “ไตรสิกขา”พระธรรมคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่รวบรวมมาเป็นพระไตรปิฏก รวมทั้งสิ้น ๘๔,๐๐๐พระธรรมขันธ์ แยกเป็น วินัยปิฎก ๒๑,๐๐๐ สุตตันตปิฎก๒๑,๐๐๐ และอภิธรรมปิฎก ๔๒,๐๐๐พระธรรมขันธ์ ที่กล่าวว่าพระธรรมวินัยทั้งหมดนี้ย่นย่อลงมาเหลือเพียง ๓ ประการ คือศีล สมาธิ ปัญญา ในไตรสิกขานั้น ก็เทียบได้จาก ศีลอยู่ในส่วนของพระวินัยปิฎกสมาธิอยู่ในส่วนของพระสุตตันตปิฎก และปัญญาอยู่ในส่วนของพระอภิธรรมปิฏกนั่นเองดังนั้นจึงสรุปได้ว่า พระธรรมวินัยทั้งหลายจึงรวมอยู่ใน “ไตรสิกขา” ไตร แปลว่า ๓ สิกขาแปลว่า ศึกษา “ไตรสิกขา” จึงหมายถึง การศึกษาใน ๓ ส่วน คือ ศึกษาในศีลศึกษาในสมาธิ และศึกษาในปัญญา การศึกษาทั้ง ๓ประการนี้จะเป็นไปเพื่อยังมรรคให้เกิดมีขึ้น โดยคำว่า มรรค แปลว่า ทางชีวิต,หนทางหรือแนวปฏิบัติสำหรับดำเนินไปสู่ความดับทุกข์  เราสิกขาหรือศึกษาอย่างไร เราก็มีมรรคคือวิถีชีวิตที่ดีงามขึ้นอย่างนั้นเมื่อสิกขามากขึ้นวิถีชีวิตของเราก็กลายเป็นมรรคมากขึ้น ฉะนั้น มรรคก็เป็นเรื่องเดียวกับไตรสิกขา หรือเป็นอีกด้านหนึ่งของไตรสิกขานั่นเอง

        มรรค ดังความหมายข้างต้นเป็นหนึ่งในอริยสัจ (อริยะ = ประเสริฐ, สัจจะ = ความจริง) คือความจริงอันประเสริฐที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ในวันเพ็ญเดือน๖ ก่อนพุทธศักราช ๔๕ ปี อันเป็นหนทางที่ทำให้ผู้ดำเนินตามเป็นพระอริยบุคคลได้ประกอบด้วยองค์ ๘ คือ

๑. สัมมาทิฏฐิ ความเห็นถูกต้อง

๒. สัมมาสังกัปปะความดำริถูกต้อง

๓. สัมมาวาจา วาจาถูกต้อง

๔. สัมมากัมมันตะ การงานถูกต้อง

๕. สัมมาอาชีวะ เลี้ยงชีพถูกต้อง

๖. สัมมาวายามะ ความเพียรถูกต้อง

๗. สัมมาสติ ความระลึกถูกต้อง

๘. สัมมาสมาธิ ความตั้งใจถูกต้อง

        ธรรมทั้ง ๘ ประการนี้เป็นสามัคคีธรรมต่างสนับสนุนซึ่งกันและกันทำให้มีกำลังมาก สามารถให้ผู้ปฏิบัติบรรลุผลชั้นสูงคือ อริยมรรค อริยผล และพระนิพพานได้ เมื่อ “มรรค” เป็นจุดหมายของไตรสิกขา ดังนั้น พระธรรมปิฎก (๒๕๔๔ : ๒๒๖-๒๒๗) ได้กล่าวว่า ไตรสิกขา เป็นการปฏิบัติที่ต้องเริ่มจากศีล ซึ่งเป็นการเตรียมกายวาจา ให้อยู่ในสภาพปกติ ไม่เดือดร้อน รำคาญแนวทางของมรรคเพื่อให้เกิดความปกติเป็นศีล จึงตรงองค์มรรค ในเรื่อง สัมมากัมมันตะ(กระทำชอบ) สัมมาวาจา (เจรจาชอบ) และ สัมมาอาชีวะ (เลี้ยงชีพชอบ)  หมาย ความว่าการประพฤติปฏิบัติในเรื่องใดก็ต้องประพฤติปฏิบัติไปโดยชอบไม่ผิดหลักศีลธรรมจะพูดจาอะไรก็ต้องพูดโดยไม่ให้กระทบกระเทือนหรือสร้างความเดือดร้อนให้ตนเองและผู้อื่น รวมทั้งการหาเลี้ยง ชีพก็ต้องเป็นอาชีพที่สุจริตไม่คดโกงไม่ประกอบอาชีพที่ผิดศีลธรรม ก็จะก่อให้เกิดความสุข ความสบายใจ เมื่อกาย ใจอยู่ในอาการปกติแล้ว จิตก็พร้อมตั้งมั่นเป็นสมาธิเป็นจิตตสิกขาในหลักไตรสิกขาเป็นองค์มรรคในข้อ สัมมาวายามะ (พยายามชอบ) สัมมาสติ (ระลึกชอบ) และ สัมมาสมาธิ(ตั้งใจ มั่นชอบ)นั่นคือมีความพยายามที่จะระลึกให้ได้ว่าสรรพสิ่งที่กำลังดำเนินอยู่รอบๆตนล้วนเป็นสุญญตาและอนัตตา มีความตั้งใจมั่นที่จะตัดอุปาทานและตัณหาที่กำลังเกิดขึ้น ด้วยปัญญาที่เรียกว่าปัญญาสิกขาในหลักไตรสิกขา เป็นองค์มรรคในข้อสัมมาทิฏฐิ(มีความเห็นชอบ) และสัมมาสังกัปปะ (ดำริชอบ) สามารถพ้นทุกข์ได้ในที่สุด

        การเปรียบเทียบองค์ธรรมในไตรสิกขา กับ มรรค ๘ และ โอวาทปาติโมกข์ แสดงให้เห็นว่า ศีล สมาธิ และ ปัญญาอันเป็นองค์ธรรมในไตรสิกขานั้น เป็นเรื่องเดียวกันกับ องค์มรรค ในอริยสัจ และโอวาทปาติโมกข์  ดังนั้นมนุษย์ที่ได้รับการฝึกฝนอบรม ตามหลักไตรสิกขา ก็จะมีชีวิตที่ดี ชีวิตที่ประเสริฐมีความเจริญงอกงามก้าวไปใน มรรค คือ วิถีทางแห่งการดับทุกข์ และ ได้ปฏิบัติสิ่งที่เป็นหัวใจของพระพุทธศาสนา

        หากเราผู้ทีได้ชื่อว่าเป็นพุทธศาสนิกชนมีความตั้งมั่นที่จะประพฤติปฏิบัติตามพระธรรมคำสอนตามหลักไตรสิกขาหรือตามหลักมรรคองค์ ๘ ดังนี้แล้ว ก็ควรตั้งต้นเริ่มเสียตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไปเพื่อยังความไม่ประมาทในชีวิตที่เสื่อมลงเป็นธรรมดาอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันจะตายจากดับไปในวันไหนเมื่อไหร่ก็ไม่อาจทราบได้วันนี้จึงเป็นโอกาสที่ดีที่ทุกท่านได้มีโอกาสมาฟังธรรมบรรยายเนื่องในวาระวันวิสาขบูขาอันเป็นวันสำคัญสูงสุดวันหนึ่งของทางพระพุทธศาสนาเมื่อรับฟังแล้วก็ควรน้อมเข้ามามนสิการพิจารณาในใจพินิจตรึกตรองถึงเหตุปัจจัยและผลที่จะได้จากการน้อมนำไปประพฤติปฏิบัติอันจะยังประโยชน์ให้ถึงพร้อมทั้งแก่ตนเอง ผู้อื่น และส่วนรวม

        ประโยชน์หรือความสำเร็จจากการปฏิบัติธรรม,จากกิจการหน้าที่การงานทั้งหลายนี้จะเกิดมีขึ้นได้ ก็ด้วยอาศัยองค์ธรรม ๔ ประการคือ

๑. ฉันทะ ความพึงพอใจรักใคร่ในสิ่งนั้น

๒. วิริยะ ความเพียรประกอบในสิ่งนั้น

๓. จิตตะ เอาใจฝักใฝ่ในสิ่งนั้นไม่วางธุระ

๔. วิมังสา การหมั่นตรึกตรองพิจารณาหาเหตุผลในสิ่งที่ทำ เป็นการใช้ปัญญาในการทำงาน

        ทั้ง ๔ ประการนี้ รวมเรียกว่า “อิทธิบาทธรรม”อันหมายถึง องค์ธรรมที่เป็นคุณเครื่องให้สำเร็จตามต้องการหรือหลักธรรมที่เป็นเหตุให้ผู้ปฏิบัติตามถึงความสำเร็จได้โดยสมประสงค์ ทั้งนี้อิทธิบาทธรรมทั้ง ๔ ข้อ ต้องหนุนเนื่องกัน จึงต้องปฏิบัติให้ครบทุกข้อถึงจะสำเร็จประโยชน์ได้ไม่ว่าจะเป็นการงานของชาวโลกและเป็นองค์ประกอบที่ทำให้บรรลุมรรคผลด้วยอีกประการหนึ่งอีกทั้งยังสามารถเป็นเหตุให้ความปรารถนาที่จะมีชีวิตยืนยาวก็สามารถทำให้สำเร็จตามประสงค์ได้ดังตัวอย่างในปัจฉิมโพธิกาล เมื่อครั้งที่พระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จประทับณ ปาวาลเจดีย์ โดยมีพระอานนท์เป็นผู้ปฏิบัติตาม ณ ที่ตรงนี้พระองค์ประสงค์จะให้พระอานนท์อาราธนาให้พระองค์ทรงพระชนม์อยู่ต่อจึงทรงทำนิมิตโอภาสโดยตรัสกับพระอานนท์ว่า “อานนท์ เมื่อไพศาลีนี้เป็นสถานที่รื่นรมย์ ทัศนีภาพสวยงาม มีทั้งปาวาลเจดีย์และโคตมเจดีย์ถ้าบุคคลได้เจริญอิทธิบาท ๔และมีความปรารถนาจะมีชีวิตอยู่ต่อชั่วกัปหรือมากกว่านั้น ย่อมสามารถทำได้”ดังนี้เป็นต้น

        เราท่านทั้งหลายผู้เป็นศาสนิกชนในพระพุทธศาสนาหากประสงค์ที่จะมีชีวิตยืนยาว เอาไว้ใช้สร้างบุญบารมีนานๆ ก็สมควรน้อมนำหลักอิทธิบาทธรรมนี้มาใช้ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดในปัจจุบันสมัยคือ องค์สมเด็จพระเจ้าอยุ่หัวภูมิพลพระองค์ทรงเป็นเจ้าฟ้าพระมหากษัตริย์ที่เจริญด้วยทศพิธราชธรรมอันเป็นธรรมสำหรับพระราชาอยู่เป็นเนืองนิตย์เหตุที่ท่านพระชนม์มายุยืนเพราะเหตุใดลองพิจารณา แล้วนำมาประยุกต์ใช้ให้เหมาะสม สมควรแก่ความประพฤติของตน อันจะนำมาซึ่งความสุขความเจริญในบวรพระพุทธศาสนาสืบไป
 
        วิสาขบูชาวันแห่งการสถาปนาพระพุทธศาสนาให้เป็นแสงสว่างส่องนำทางสรรพสัตว์ไปสู่สวรรค์นิพพาน

        วิสาขบูชาวันที่พระพุทธเจ้าทรงมีชัยชนะเหนือหมู่มารและมีชัยชนะที่ไม่มีวันกลับมาแพ้

        วิสาขบูชา วันที่พวกเราเหล่าพุทธบริษัทจะได้ทำทั้งอามิสบูชาและปฏิบัติบูชาต่อองค์พระบรมศาสดา ด้วยการเข้าวัดฟังธรรม ปฏิบัติธรรม บำเพ็ญบุญ ทำทาน รักษาศีล เจริญภาวนาดำเนินตามรอยบาทพระศาสดา เพื่อความสิริสวัสดิ์มหามงคลตนและสรรพชีวิต และรักษาวันแห่งความมหัศจรรย์นี้ไว้ให้เป็นประเพณีอันดีงามยืนยงคงอยู่เคียงคู่โลกตลอดไป.

“วิสาขมหามงคล พุทธศาสนิกชนบำเพ็ญธรรม”


:001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:


บทความนี้ข้าพเจ้าเรียบเรียงถวายพระครูโกวิทสุตการ (พระมหาระพิน อภิชาโน) เจ้าคณะตำบลศรีมหาโพธิ์
เจ้าอาวาสวัดโคกเขมา อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม เพื่อใช้แสดงธรรมในโอกาสวันวิสาขบูชา ปีพุทธศักราช ๒๕๕๖
ในวันพฤหัสบดีที่ ๒๓ พฤษภาคม ๒๕๕๖ ณ พุทธมณฑล อ.พุทธมณฑล จ.นครปฐม .


ปุญฺญานุสฺสติ(สิบทัศน์)
๒๓ พ.ค. ๕๖ เวลา ๑๙.๐๑ น.

376

ฝากถึงเพื่อนสมาชิกที่ได้รับสิทธิ์รับสติ๊กเกอร์ยันต์นางกวักมหาลาภ

กรุณาติดแสตมป์ตราไปรษณียากร(แสตมป์ไปรษณีย์) เท่านั้นนะครับ

"อากรแสตมป์" ที่บางท่านส่งมา ไม่สามารถใช้ติดบนซองจดหมายเพื่อส่งทางไปรษณีย์ได้ครับ

จึงแจ้งมาเพื่อทราบ.

377
สวยครับพี่โยคี

ในนครปฐมตอนนี้นอกจากเบี้ยแก้ของหลวงพ่อคง วัดกลางบางแก้วแล้ว
ยังมีของหลวงพ่อพร วัดบางแก้ว กับหลวงพ่อสืบ วัดสิงห์ ที่ทำเบี้ยแก้
โดยเรียนกับหลวงปู่เจือ วัดกลางบางแก้วเช่นกันครับ.

378
ลงชื่อครับ

ขณะนี้มีผู้ลงชื่อขอรับสติ๊กเกอร์ยันต์นางกวักมหาลาภ หลวงพ่อเปิ่น วัดบางพระ ครบจำนวน ๑๐๐ ท่าน เรียบร้อยแล้ว

ขอบคุณทุกท่านที่ร่วมกิจกรรมนี้อีกครั้งครับ.


ปุญฺญานุสฺสติ (สิบทัศน์)
๓ พฤษภาคม ๒๕๕๖

379
สรุปรายชื่อผู้ได้รับรางวัล                  
ลำดับที่         ชื่อ               รางวัลที่ได้รับ
๑         pamza2000            ผ้ายันต์,รูปหลวงปู่หิ่ม,เสือกินหาง
๒         khet                          ผ้ายันต์,รูปหลวงปู่หิ่ม,เสือกินหาง
๓         payom37               ผ้ายันต์,รูปหลวงปู่หิ่ม,เสือกินหาง
๔         tum72               รูปหลวงปู่หิ่ม,เสือกินหาง
๕         chainkubpom            รูปหลวงปู่หิ่ม,เสือกินหาง
๖         ball omnoi               รูปหลวงปู่หิ่ม,เสือกินหาง
๗         patchara_son            รูปหลวงปู่หิ่ม,เสือกินหาง
๘         เจดต์                  รูปหลวงปู่หิ่ม,เสือกินหาง
๙         blackknight            รูปหลวงปู่หิ่ม,เสือกินหาง
๑๐         PK65                  รูปหลวงปู่หิ่ม,เสือกินหาง
๑๑         NOTKUB               รูปหลวงปู่หิ่ม,เสือกินหาง
๑๒         blackberets2002         รูปหลวงปู่หิ่ม,เสือกินหาง
๑๓         mawin_14               รูปหลวงปู่หิ่ม,เสือกินหาง
๑๔         sompob               รูปหลวงปู่หิ่ม,เสือกินหาง
๑๕         dominique               รูปหลวงปู่หิ่ม,เสือกินหาง
๑๖         ple2622               รูปหลวงปู่หิ่ม,เสือกินหาง
๑๗         mongza               รูปหลวงปู่หิ่ม,เสือกินหาง
๑๘         omisa               รูปหลวงปู่หิ่ม,เสือกินหาง
๑๙         punthush_45            รูปหลวงปู่หิ่ม,เสือกินหาง
๒๐         woodyska               รูปหลวงปู่หิ่ม,เสือกินหาง
๒๑         Srichon               รูปหลวงปู่หิ่ม,เสือกินหาง
๒๒         weeravut               รูปหลวงปู่หิ่ม,เสือกินหาง
๒๓         porpar               รูปหลวงปู่หิ่ม,เสือกินหาง
๒๔         buffybuffalo            รูปหลวงปู่หิ่ม,เสือกินหาง
๒๕         suntamai               รูปหลวงปู่หิ่ม,เสือกินหาง
๒๖         Pomeranian            รูปหลวงปู่หิ่ม,เสือกินหาง
๒๗         l3itong               รูปหลวงปู่หิ่ม,เสือกินหาง
๒๘         artonline               รูปหลวงปู่หิ่ม,เสือกินหาง
๒๙         Sahawis               รูปหลวงปู่หิ่ม,เสือกินหาง
๓๐         hilo                  รูปหลวงปู่หิ่ม,เสือกินหาง

************************************************

380

        วัฒนธรรมประเพณีเป็นสิ่งที่อยู่เคียงคู่กับวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของคนไทยมาอย่างยาวนาน ซึ่งปรากฏให้เห็นได้ทุกช่วงจังหวะชีวิตตั้งแต่เกิดจนกระทั่งตาย สิ่งที่เป็นรากฐานของความเจริญงอกงามส่วนหนึ่งที่มีความสำคัญอย่างมากจนยากที่จะปฏิเสธได้คือเรื่องของพระพุทธศาสนาที่ผูกพันกับวิถีชีวิตของคนไทยส่วนใหญ่มาตั้งแต่สมัยสุโขทัยเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน

 
        วัฒนธรรมประเพณีคือสิ่งอันดีงามที่สังคมหนึ่งๆให้การยอมรับ ประพฤติปฏิบัติสืบเนื่องกันไปจากรุ่นสู่รุ่น วัฒนธรรมและประเพณีอันดีงามของไทยส่วนมากจะอิงอยู่กับศาสนา ความเชื่อ อันเป็นบรรทัดฐานของสังคม โดยเป็นเรื่องเกี่ยวกับบุญกุศล ความดีงาม การประกอบกุศลกรรมต่างๆ ที่มักแฝงอยู่กับวัฒนธรรมประเพณี ถือเป็นภูมิปัญญาหรือกุศโลบายอย่างแยบคายที่ช่วยส่งเสริมพัฒนามนุษย์ให้เป็นผู้ที่มีจิตใจดีงาม มีความกตัญญูกตเวที นับถือบูชาคุณของพระศาสนา ครูบาอาจารย์ บิดามารดา ผู้มีพระคุณ เป็นอุบายให้บุคคลได้มีโอกาสในการสร้างบุญกุศลคุณงามความดีทั้งหลาย อันจะนำมาซึ่งประโยชน์ความจรรโลงด้านจิตใจและความผาสุกทั้งด้านครอบครัว สังคม เศรษฐกิจ การปกครอง ฯ


        เกี่ยวกับด้านการศึกษา ก็เช่นเดียวกัน คือจะต้องมีประเพณีที่แฝงไปด้วยคติธรรมสอนใจไว้ใช้ในการปรับใช้ในชีวิตประจำวันหรือการประกอบกิจการงานใดๆให้สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี โดยก่อนที่จะเข้ารับการศึกษาหรือการฝากตัวเป็นศิษย์ไม่ว่าในแขนงสาขาวิชาใดๆ ก็ตาม จะต้องมีพิธีกรรมฝากตัวเป็นศิษย์แก่ครูอาจารย์ผู้ถ่ายทอดวิชาความรู้ โดยนิยมใช้เครื่องบูชาครู อันประกอบด้วย ดอกไม้ธูปเทียน หรือสิ่งอื่นใดที่นิยมนำมาบูชาครูตามที่ปฏิบัติสืบทอดกันมา ซึ่งสิ่งเหล่านี้แฝงไปด้วยความหมายและคติธรรมอย่างลึกซึ้งอยู่ในตัว เมื่อครูรับเป็นศิษย์แล้ว ศิษย์ก็จะต้องตั้งใจศึกษาเล่าเรียนปฏิบัติตามคำแนะนำสั่งสอนของครูอาจารย์อย่างเคร่งครัด ซึ่งหากศิษย์ได้ทำตามเช่นนั้นแล้ว ก็จะบังเกิดความเป็นสิริมงคล นำความเจริญรุ่งเรืองมาสู่ชีวิตตน ตามความเชื่อถือที่สืบทอดต่อกันมา


        การสักยันต์ก็ถือได้ว่าเป็นแขนงวิชาทางวิทยาคมชนิดหนึ่งที่มีประเพณีเกี่ยวกับการบูชาครูเข้ามาเกี่ยวเนื่องอยู่ด้วย โดยก่อนที่จะเข้ารับการสักยันต์ ลูกศิษย์จะต้องนำเครื่องบูชาครูมาทำพิธียกครูฝากตัวเป็นศิษย์เสียก่อน เมื่ออาจารย์ผู้สักรับเครื่องบูชาครูไปแล้วก็ถือว่าได้รับผู้นั้นเป็นศิษย์โดยสมบูรณ์ พร้อมที่จะถ่ายทอดวิชาโดยการสักยันต์ให้กับศิษย์ผู้นั้นเพื่อเป็นขวัญกำลังใจแก่ศิษย์ เมื่อศิษย์ได้รับการสักยันต์เรียบร้อยแล้ว ก็จะต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบข้อบังคับที่พระอาจารย์ผู้สักกำหนด เพื่อให้เกิดความศักดิ์สิทธิ์เข้มขลังตามความเชื่อ




        สำหรับการสักยันต์ของทางวัดบางพระ จ.นครปฐม ได้เริ่มปรากฏชื่อเสียงในสมัยที่พระเดชพระคุณพระอุดมประชานาถ หรือหลวงพ่อเปิ่น ฐิตคุโณ เป็นเจ้าอาวาส โดยหลวงพ่อเปิ่นได้เรียนวิชาสักยันต์กับหลวงปู่หิ่ม อดีตเจ้าอาวาสวัดบางพระ และเริ่มสักให้กับบรรดาลูกศิษย์ลูกหาที่มาขอความเมตตาจากท่านตั้งแต่ที่ท่านยังอยู่ที่วัดโคกเขมา อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ผู้ที่สักยันต์กับหลวงพ่อเปิ่นก็เริ่มมีประสบการณ์ทั้งทางด้านเมตตามหานิยม หรืออยู่ยงคงกระพัน ตามที่ปรากฏในหน้าข่าวหนังสือพิมพ์ในสมัยนั้น ชื่อเสียงของหลวงพ่อเปิ่นจึงขจรขจายไปทั่วสารทิศทั้งในและต่างประเทศ ลูกศิษย์ลูกหาก็เพิ่มมากขึ้นอย่างมากมายมหาศาล โดยในช่วงเริ่มแรกหลวงพ่อเปิ่นท่านได้กำหนดเครื่องบูชาครูไว้ประกอบด้วย ดอกไม้ ธูป เทียน บุหรี่ ๑ ซอง เงิน ๖ บาท ซึ่งผู้ที่จะมารับการสักยันต์กับหลวงพ่อเปิ่นก็จะต้องตระเตรียมสิ่งของดังกล่าวมาเอง แล้วนำของทั้งหมดใส่ไว้ในพานถวายแก่หลวงพ่อเปิ่นอันเป็นสัญลักษณ์ของการฝากตัวเป็นศิษย์ เมื่อหลวงพ่อท่านรับพานครูแล้วก็เท่ากับว่าท่านได้รับผู้นั้นเป็นศิษย์อย่างบริบูรณ์ พร้อมที่จะรับวิชาการสักยันต์ที่หลวงพ่อจะประสิทธิ์ประสาทให้อย่างเต็มความภาคภูมิ ในช่วงสมัยแรกๆ ที่หลวงพ่อเปิ่นท่านเริ่มสักใหม่ๆ ผู้ที่ยกพานบูชาครูฝากตัวเป็นศิษย์ก็สามารถมาให้หลวงพ่อท่านสักยันต์ให้ได้ตลอด เท่ากับว่ายกพานครูครั้งเดียวก็สามารถสักยันต์ได้ตลอด โดยครั้งต่อไปก็ไม่ต้องยกพานครูอีก ในช่วงหลังจึงปรับเปลี่ยนมาเป็นยกพานครู ๑ พานต่อการสักยันต์ ๑ ครั้ง และถือปฏิบัติเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน


        สำหรับเงินค่าครูสำหรับการสักยันต์นี้ ต่อมาหลวงพ่อเปิ่นท่านได้ปรับขึ้นจาก ๖ บาท เป็น ๑๒ บาท ๒๔ บาท และ ๒๕ บาท (ไม่ต่ำกว่า ๒๔ บาท จึงนิยมใส่เงินค่าครูไป ๒๕ บาท) ตามลำดับ ธรรมเนียมสำหรับเงินค่าครูนี้ ท่านห้ามอาจารย์สักนำไปใช้ส่วนตัวอย่างเด็ดขาด (หากอาจารย์สักนำเงินค่าครูไปใช้ส่วนตัวตามความเชื่อก็จะทำให้อาจารย์ผู้สักเกิดความวิบัติหาความเจริญในชีวิตไม่ได้ ฯ) โดยจะต้องนำเงินค่าครูมาถวายไว้ในส่วนกลางเพื่อนำไปใช้ในทางสาธารณกุศลของทางวัด ทั้งการบำรุงบูรณปฏิสังขรณ์เสนาสนะ ซื้อที่ดินถวายวัด นำไปร่วมบุญผ้าป่า, กฐิน ทั้งในวัดบางพระเองและวัดอื่นทั่วไป และสาธารณะกุศลอื่นๆ อีกมากมายตามแต่การพิจารณาของหลวงพ่อท่าน ผู้ที่มาสักยันต์ที่วัดบางพระก็เท่ากับว่าได้มีส่วนร่วมในบุญกุศลนั้นๆ ด้วยเฉกเช่นเดียวกัน ถามว่าหากใส่เงินค่าครูมากกว่านี้ได้หรือเปล่า คำตอบคือ “ได้อย่างแน่นอน” เพราะหากเราใส่เงินค่าครูไปมาก ทางวัดก็จะนำเงินของเราไปสร้างบุญได้เพิ่มขึ้นไปอีก บุญบารมีของเราก็จะมากขึ้นไปด้วยตามลำดับ แต่หากใส่เงินค่าครูหรือเครื่องบูชาในพานครูไม่ครบก็อาจจะทำให้อิทธิคุณที่จะได้รับจากการสักพร่องไปไม่สมบูรณ์จนอาจจะนำมาซึ่งผลเสียในเรื่องราวต่างๆ ได้ ส่วนท่านที่อยากจะถวายให้กับพระอาจารย์ผู้สักต่างหาก ก็สามารถทำได้โดยนำปัจจัยใส่ซองถวายแยกต่างหากกับเงินค่าครู เราถวายเงินค่าครูสำหรับสักยันต์ พระอาจารย์ผู้สักก็นำเงินค่าครูนี้ไปสร้างบุญกุศลต่อ เรียกได้ว่า “บุญต่อบุญไม่มีที่สิ้นสุด”




        เมื่อหลวงพ่อเปิ่นได้ถ่ายทอดวิชาการสักยันต์ให้กับศิษย์ในรุ่นต่อมา หรือแม้กระทั่งในปัจจุบันที่หลวงพ่อเปิ่นท่านได้ละสังขารไปแล้วก็ตาม ธรรมเนียมเกี่ยวกับเงินค่าครูนี้ก็ยังได้ถือปฏิบัติสืบต่อเนื่องเรื่อยมา สำหรับการเตรียมตัวของผู้ที่จะมาสักยันต์ที่วัดบางพระ ก็จะต้องเตรียมพานครู ที่ประกอบด้วย ดอกไม้ ธูป เทียน บุหรี่ ๑ ซอง หรือสามารถบูชาพานครูของทางวัดที่จัดเตรียมไว้ให้ก็ได้เช่นกันในราคา ๖๐ บาท เมื่อได้พานครูมาครบแล้วก็ใส่เงินค่าครูไม่ต่ำกว่า ๒๔ บาท (นิยมใส่ ๒๕ บาท หรือจะมากกว่านี้ก็ได้) จากนั้นก็นำพานครูพร้อมเงินค่าครูไปถวายให้กับพระอาจารย์ที่ทำการสัก เพื่อฝากตัวเป็นศิษย์ตามธรรมเนียมปฏิบัติ สำหรับการสัก (หมึก) ครั้งแรกจะได้ยันต์ครูคือ “ยันต์เก้ายอด” ส่วนในการสักยันต์ครั้งต่อๆไป เมื่อยกพานครูพร้อมเงินค่าครูถวายพระอาจารย์ผู้สักแล้ว พระอาจารย์ท่านก็จะพิจารณาสักให้ตามความเหมาะสมของแต่ละบุคคลเอง โดยที่ไม่ต้องขอว่าจะเอารูปนี้ลายนั้นฯ ซึ่งถือว่าเป็นธรรมเนียมปฏิบัติข้อสำคัญอีกประการหนึ่งที่ยึดถือปฏิบัติสืบทอดกันมาตั้งแต่สมัยที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อเปิ่นยังดำรงสังขารอยู่ (การขอยันต์ว่าต้องการยันต์นั้นยันต์นี้ เหมือนเป็นการสู่รู้เกินครูบาอาจารย์ดังนั้นจึงไม่นิยมขอกัน แล้วแต่พระอาจารย์ผู้สักท่านจะเมตตาให้เองเป็นการดีที่สุด) เมื่อได้รับการสักยันต์ไปแล้วก็ควรตั้งมั่นอยู่ในศีลธรรมอันดีงาม ไม่ด่าบิดามารดาบุพการี ไม่ผิดลูกผิดเมีย หมั่นระลึกถึงคุณของครุบาอาจารย์ ประกอบแต่คุณงามความดีสร้างบุญกุศลอยู่เป็นเนืองนิตย์ อุทิศถวายแก่พระอุดมประชานาถ (หลวงพ่อเปิ่น ฐิตคุโณ) และครูบาอาจารย์ผู้ประสิทธิ์ประสาทวิชา อันจะนำมาซึ่งความสุขความเจริญงอกงามในชีวิตและธุรกิจหน้าที่การงานทั้งหลายตามสมควรแก่การปฏิบัติของแต่ละบุคคล


ที่มาของภาพจาก http://www.bp.or.th/webboard/index.php?topic=10286 ภาพโดยพี่นาว PeAwPeed



        กล่าวโดยสรุป ค่าครูสำหรับการสักยันต์ของทางวัดบางพระ (หลวงพ่อเปิ่น) ถือได้ว่าเป็นวัฒนธรรมอันดีงามอันเป็นกุศโลบายให้ศิษย์ที่มารับการสักยันต์ได้ร่วมสร้างบุญกุศลอีกทางหนึ่ง โดยผู้ที่จะมารับการสักต้องนำพานครูที่ประกอบด้วย ดอกไม้ ธูป เทียน บุหรี่ ๑ ซอง พร้อมเงินค่าครูไม่ต่ำกว่า ๒๔ บาท (นิยมใส่ ๒๕ บาท หรือมากกว่านี้ก็ได้) นำไปถวายกับพระอาจารย์ผู้สักเพื่อฝากตัวเป็นศิษย์อย่างเต็มความภาคภูมิตามธรรมเนียมที่ปฏิบัติสืบต่อกันมาตั้งแต่สมัยที่หลวงพ่อเปิ่นยังดำรงสังขารอยู่ โดยเงินค่าครูทั้งหมดจะนำมาใช้ในทางสาธารณะกุศลอันจะเป็นการต่อบุญต่อบารมีให้กับลูกศิษย์ลูกหาผู้ที่มารับการสักต่อไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด เงินค่าครูนี้จึงถือเป็นอุบายให้คนมาร่วมบำเพ็ญบุญบำเพ็ญกุศลที่แยบคายและน่าสนใจอย่างยิ่ง ควรค่าแก่การอนุรักษ์สืบทอดให้คงอยู่คู่กับวัดบางพระตลอดไป.





เนื้อหาเกี่ยวกับพานครู, ค่าครู และการสักยันต์ของทางวัดบางพระ เรียบเรียงจากการสัมภาษณ์
พระครูอนุกูลพิศาลกิจ (หลวงพ่อสำอางค์ ปภสฺสโร) เจ้าอาวาสวัดบางพระ จ.นครปฐม รูปปัจจุบัน
พระอาจารย์อนันต์ อภินนฺโท (หวานชะเอม) พระภิกษุวัดบางพระ จ.นครปฐม
พ.ต.อ. (พิเศษ) สมพร จารุมิลินท อดีต รองผบก.ประจำ สง.ผบ.ตร. (ศิษย์อาวุโสของวัดบางพระ)
เมื่อวันพุธที่ ๑๕ พฤษภาคม ๒๕๕๖ ณ กุฏิพระอุดมประชานาถ (หลวงพ่อเปิ่น).


:001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:



ปุญฺญานุสฺสติ(สิบทัศน์)
๑๘ พฤษภาคม ๒๕๕๖ เวลา ๐๒.๕๒ น.

381
ขอ 1 ใบ ครับ ธิติพันธ์  ฉายจีราวัฒน์  ขอบคุณครับ

ขณะนี้มีผู้ลงชื่อขอรับสติ๊กเกอร์ยันต์นางกวักมหาลาภ หลวงพ่อเปิ่น วัดบางพระ ครบจำนวน ๑๐๐ ท่าน เรียบร้อยแล้ว

ขอบคุณทุกท่านที่ร่วมกิจกรรมนี้อีกครั้งครับ.


ปุญฺญานุสฺสติ (สิบทัศน์)
๓ พฤษภาคม ๒๕๕๖

382
หลวงพี่ติ่ง, หลวงพี่ต้อย ร่วมเป็นเจ้าภาพสวดพระอภิธรรม บำเพ็ญกุศลอุทิศถวายพระอุดมประชานาถ (หลวงพ่อเปิ่น ฐิตคุโณ) เนื่องในวันคล้ายวันเกิด.
















384
อาจารย์หนวดเมตตาให้นำมาแจกเพื่อนสมาชิกกระดานสนทนาวัดบางพระ



นำมงคลวัตถุที่ได้รับจากอาจารย์หนวด ประกอบด้วย ผ้ายันต์สกรีนลายมือหลวงพ่อเปิ่น, รูปถ่ายหลวงปู่หิ่มหลังยันต์แปดทิศ และเสือกินหาง บูชาครู ๕๕ มาแจกเพื่อนสมาชิกเว็บไซต์วัดบางพระ จำนวน ๓๐ รางวัล โดยได้รับความเมตตาจากพระครุอนุกูลพิศาลกิจ (หลวงพ่อสำอางค์ ปภสฺสโร) เจ้าอาวาสวัดบางพระรูปปัจจุบัน และพระอาจารย์ประสิทธิ์ ธมฺมโชโต (หลวงพี่ต้อย) อธิษฐานจิตมงคลวัตถุทั้งหมดนี้ให้อีกครั้ง





รายละเอียดและกติกาการร่วมลงชื่อรับรางวัล

- สงวนสิทธิ์ในการแจกรางวัลครั้งนี้ให้กับสมาชิกกระดานสนทนาวัดบางพระเท่านั้น

- เนื่องจากมงคลวัตถุมีจำนวนจำกัดและเพื่อความเท่าเทียมกันของเพื่อนสมาชิก ดังนั้นจึงขอเปิดให้ร่วมลงชื่อเพื่อรับรางวัลในวันเสาร์ที่ ๑๘ พฤษภาคม ๒๕๕๖ ตั้งแต่เวลา ๑๘.๐๐ น. เป็นต้นไป (โดยโพสตอบในกระทู้นี้เท่านั้น)

- สิทธิ์ในการได้รับรางวัลได้แก่ ผู้ที่ลงชื่อรับรางวัล ๓๐ ท่านแรก (นับจากลำดับการโพสตอบกระทู้)

- ผู้ที่ลงชื่อรับรางวัล ๓ ท่านแรก จะได้รับ ผ้ายันต์สกรีนลายมือหลวงพ่อเปิ่น วัดบางพระ จำนวน ๑ ผืน รูปถ่ายหลวงปู่หิ่มหลังยันต์แปดทิศ จำนวน ๑ ใบ และเสือกินหางบูชาครู ๕๕ จำนวน ๑ ตัว (รวม ๓ ชิ้น/ ๑ ท่าน)

- อีก ๒๗ ท่านที่เหลือจะได้รับ รูปถ่ายหลวงปู่หิ่มหลังยันต์แปดทิศ จำนวน ๑ ใบ และเสือกินหางบูชาครู ๕๕ จำนวน ๑ ตัว (รวม ๒ ชิ้น/ ๑ ท่าน)

- สำหรับผู้ที่ลงชื่อรับรางวัล ๓๐ ท่านแรก กรุณารอการยืนยันสิทธิ์รับรางวัล ซึ่งจะตอบกลับให้ทางระบบข้อความส่วนตัว (pm)

- ผู้ที่ลงชื่อรับรางวัล ๓๐ ท่านแรกและได้รับการยืนยันสิทธิ์รับรางวัลแล้ว กรุณาส่งซองเปล่า (ซองเอกสาร) ติดแสตมป์ ๑๐ บาท จ่าหน้าซองถึงตัวท่านเอง มายังที่อยู่ที่ได้รับจากการยืนยันสิทธิ์รับรางวัลในระบบข้อความส่วนตัว (pm)



:001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:


ย้ำอีกครั้ง!! จะเปิดให้ลงชื่อรับรางวัลในกระทู้นี้ ในวันเสาร์ที่ ๑๘ พฤษภาคม ๒๕๕๖
เวลา ๑๘.๐๐ น. เป็นต้นไป


ปุญฺญานุสฺสติ(สิบทัศน์)
๑๓ พฤษภาคม ๒๕๕๖

385
จองรายการ 1 และ 2 ครับ ร่วมทำบุญครับ สาธุ

นำข่าวบุญมาฝากแจ้งเพื่อนสมาชิกกระดานสนทนาวัดบางพระเท่านั้นครับ

หากประสงค์ร่วมบุญ เรียนเชิญร่วมบุญที่วัด (กุฏิหลวงพี่ปาด) ได้เลยนะครับ

อนุโมทนาบุญในกุศลจิตด้วยครับ สาธุ สาธุ อนุโมทามิ.

386
มงคลวัตถุรุ่นพิเศษ หลวงพี่ต้อยสร้าง เพื่อสมทบทุนบูรณะโรงเจวัดบางพระ (ร่วมบุญบูชาได้ที่กุฏิหลวงพี่ปาด)

๑. รูปหลวงพ่อเปิ่น หลังจารมือ + หนังเสือ + เหรียญหลวงพ่อเปิ่น เลี่ยมพลาสติกขนาดห้อยคอ จำนวนสร้าง ๑๐ องค์ ร่วมบุญองค์ละ ๑,๐๐๐ บาท




*********************


๒. ล็อคเกตหลวงพ่อเปิ่น ด้านหลังฝังเหรียญหลวงพ่อเปิ่นเนื้อทองแดง + ตะกรุด + อุดผงเก่า จำนวนสร้าง ๔๕ องค์ ร่วมบุญองค์ละ ๑,๐๐๐ บาท


*********************


๓. กุมารทองขนาดบูชา จำนวนสร้าง ๒๐ ตน ร่วมบุญตนละ ๓๙๙ บาท



*********************


อนุโมทนาบุญกับทุกท่านที่ร่วมบุญครั้งนี้ด้วยครับ
สาธุ สาธุ อนุโมทามิ
ปุญฺญานุสฺสติ (สิบทัศน์)
๑๑ พฤษภาคม ๒๕๕๖

387
บันทึกภาพไว้เมื่อ ๑๗ เมษายน ๒๕๕๖ "ปุญฺญานุสฺสติ(สิบทัศน์)"

เชิญติดตามชมรายการ "วันหยุดสุดขีด" ทางช่อง ๗ วันจันทร์ที่ ๑๓ พฤษภาคม ๒๕๕๖ เวลา ๑๔.๐๐-๑๕.๐๐ น.

กับการพาเที่ยวจังหวัดนครปฐม และภารกิจตามหาผงอิทธิเจที่วัดบางพระ อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม.

388
ขอลงชื่อด้วยคนครับ :025: :025: :025:

   จากเด็กRamintra_40

ขอร่วมลงช่อด้วบคนครับ ไม่ทราบว่าทันหรือเปล่า :086: :086: :086:

ขณะนี้มีผู้ลงชื่อขอรับสติ๊กเกอร์ยันต์นางกวักมหาลาภ หลวงพ่อเปิ่น วัดบางพระ ครบจำนวน ๑๐๐ ท่าน เรียบร้อยแล้ว

ขอบคุณทุกท่านที่ร่วมกิจกรรมนี้อีกครั้งครับ.


ปุญฺญานุสฺสติ (สิบทัศน์)
๓ พฤษภาคม ๒๕๕๖

ขณะนี้มีผู้ลงชื่อขอรับสติ๊กเกอร์ครบจำนวน ๑๐๐ แผ่นแล้ว ไว้มาร่วมกิจกรรมอีกครั้งในโอกาสต่อไปนะครับ.

389
นำภาพมาให้ชมอีกองค์ครับ "ล็อคเกตหลวงพ่อเปิ่น จำนวนสร้างเพียง ๑ องค์"

ที่หลวงพี่ต้อยท่านสร้าง ให้ร่วมบุญสมทบทุนบูรณะโรงเจวัดบางพระ

เคยเห็นอยู่ที่กุฏิหลวงพี่ปาด (ไม่ทราบว่าตอนนี้มีผู้ร่วมบุญไปแล้วหรือยังนะครับ).






390
ขณะนี้มีผู้ลงชื่อขอรับสติ๊กเกอร์ยันต์นางกวักมหาลาภ หลวงพ่อเปิ่น วัดบางพระ ครบจำนวน ๑๐๐ ท่าน เรียบร้อยแล้ว

ขอบคุณทุกท่านที่ร่วมกิจกรรมนี้อีกครั้งครับ.


ปุญฺญานุสฺสติ (สิบทัศน์)
๓ พฤษภาคม ๒๕๕๖

391
[shake]ขณะนี้มีผู้ลงชื่อขอรับสติ๊กเกอร์ยันต์นางกวักมหาลาภครบ ๑๐๐ ท่านแล้ว
ขอบคุณทุกท่านที่ร่วมกิจกรรมครับ
[/shake]


นำสติ๊กเกอร์ยันต์นางกวักมหาลาภ หลวงพ่อเปิ่น วัดบางพระ ๒๕๕๕ มาแจกให้เพื่อนสมาชิกกระดานสนทนาวัดบางพระ จำนวน ๑๐๐ แผ่น

"นางกวักมหาลาภ มีไว้บูชา เป็นเมตตา มหานิยม โชคลาภ ค้าขายดี ลาภ ผล พูล ทวี"


รายละเอียดกติกาการขอรับสติ๊กเกอร์ยันต์นางกวักมหาลาภ

- สงวนสิทธิ์ในการขอรับสติ๊กเกอร์ยันต์นางกวักมหามงคลครั้งนี้ให้สมาชิกกระดานสนทนาวัดบางพระเท่านั้น

- สามารถลงชื่อเพื่อขอรับสติ๊กเกอร์ในกระทู้นี้เพียงที่เดียวเท่านั้น ๑ ท่าน ต่อ ๑ แผ่น

- รอการยืนยันสิทธิ์รับสติ๊กเกอร์ยันต์นางกวักมหามงคลตอบกลับทางระบบข้อความส่วนตัว (pm)

- ผู้ที่ได้รับสิทธิ์รับสติ๊กเกอร์ยันต์นางกวักมหามงคล กรุณาส่งซองเปล่า (ซองจดหมาย) ติดแสตมป์ ๕ บาท จ่าหน้าซองถึงตัวท่านเอง มายังที่อยู่ที่ได้รับจากการยืนยันสิทธิ์รับสติ๊กเกอร์ยันต์นางกวักมหามงคลในระบบข้อความส่วนตัว (pm)

- มีจำนวนจำกัดเพียง ๑๐๐ แผ่นเท่านั้น ลงชื่อในกระทู้ก่อนได้รับสิทธิ์ก่อน แจกจนกว่าของจะหมด


:001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:

ปุญฺญานุสฺสติ(สิบทัศน์)
๑๙ เมษายน ๒๕๕๖

392
       ช่วงเช้า เวลา ๐๘.๓๐ น. สาธุชนร่วมกันถวายภัตตาหารเช้าแด่พระภิกษุสามเณร, ฟังเทศน์, ทอดผ้าบังสุกลอุทิศผลบุญให้ผู้ล่วงลับ, ร่วมกันทำข้าวต้มมัด และกิจกรรมอื่นๆ ณ ศาลาการเปรียญวัดบางพระ
















































































       เวลา ๑๐.๐๐ น. ชาวบ้านตำบลบางแก้วฟ้าทั้ง ๕ หมู่บ้าน, ชมรมผู้สูงอายุตำบลบางแก้วฟ้า และวิทยาลัยการอาชีพบางแก้วฟ้า ร่วมกันทอดผ้าป่าเนื่องในวันสงน้ำพระของทางวัดบางพระ รวมเป็นเงินทั้งสิ้น ๑๑๐,๙๖๒ บาท (หนึ่งแสนหนึ่งหมื่นเก้าร้อยหกสิบสองบาทถ้วน)




































       เวลา ๑๓.๓๐ น. เริ่มพิธีสรงน้ำพระ






























































































































:001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:

393
       วันอาทิตย์ที่ ๑๔ เมษายน ๒๕๕๖ ชาวบ้านบริเวณโรงเจวัดบางพระ (หมู่ ๔) และละแวกใกล้เคียง ได้ร่วมกันจัดงานทำบุญโรงเจ ซึ่งจัดมาเป็นประจำทุกปีในช่วงเทศกาลสงกรานต์ กิจกรรมมีทั้งการนิมนต์พระมาเจริญพระพุทธมนต์, ทำบุญเลี้ยงพระในช่วงเพล, รดน้ำขอพรพระคุณเจ้าและผู้สูงอายุเพื่อความเป็นสิริมงคล อีกทั้งยังได้ร่วมกันถวายต้นผ้าป่าเพื่อสมทบทุนบูรณะโรงเจวัดบางพระ รวมเป็นเงินทั้งสิ้น ๑๔,๘๘๙ บาท

        ส่วนบริเวณวัดบางพระวันนี้ ก็มีทั้งชาวบ้านที่มาช่วยกันเตรียมงานในวันสรงน้ำพระที่จะมีขึ้นในวันที่ ๑๗ เมษายน และศิษยานุศิษย์ของหลวงพ่อเปิ่นทั่วสารทิศมาร่วมทำบุญในโอกาสวันสงกรานต์กันพอสมควร เชิญชมภาพบรรยากาศกันได้เลยครับ

































































































































































:001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:

394

       สืบเนื่องจากมีเพื่อนสมาชิกกระดานสนทนาวัดบางพระหลายท่านได้สอบถามถึงจีวรของหลวงพ่อเปิ่นเข้ามา ว่าอยากจะได้ไว้บูชาบ้างจะหาได้ที่ไหนอย่างไร วันนี้จึงนำข่าวคราวและข้อมูลเล็กๆน้อยๆมาฝากให้เพื่อนสมาชิกกระดานสนทนาวัดบางพระได้ศึกษากัน รายละเอียดมีดังนี้

        หลายท่านคงรู้จัก “จีวร” ว่าเป็นเครื่องนุ่งห่มสำหรับพระภิกษุสามเณรในพระพุทธศาสนา อันเป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์ที่เมื่อพบเห็นผู้สวมใส่หรือนุ่งห่มจีวร ก็สามารถคาดเดาหรือบ่งชี้ได้ว่าบุคคลนั้นต้องเป็นนักบวชอย่างแน่นอน

   สำหรับรายละเอียดในเบื้องลึกนั้น “จีวร” จัดได้ว่าเป็นส่วนหนึ่งของบริขารบริโภค ที่ภิกษุ, สามเณรจำเป็นจะต้องมีเพื่อเป็นเครื่องนุ่งห่มปกปิดร่างกาย

        ในส่วนของพระภิกษุ จีวรตามความหมายที่แท้จริงจะประกอบไปด้วย ๑.สังฆาฏิ คือผ้าสำหรับห่มซ้อนเพื่อป้องกันความหนาวในฤดูหนาว ๒.อุตราสงค์ คือผ้าสำหรับห่ม (หรือที่เราๆท่านๆเรียกกันว่า จีวร) และ ๓.อันตรวาสก คือผ้านุ่งที่เรียกกันว่าสบง รวมเรียกว่า “ไตรจีวร” (ผ้าสามผืน)

        ประมาณของการกำหนดขนาดไตรจีวรไว้ดังนี้ คือ สังฆาฏิ ต้องมีความยาวไม่เกิน ๖ ศอก กว้างไม่เกิน ๔ ศอก อุตราสงค์ ต้องมีความยาวไม่เกิน ๖ ศอก กว้างไม่เกิน ๔ ศอก อันตรวาสก ต้องมีความยาวไม่เกิน ๖ ศอก กว้างไม่เกิน ๒ ศอก ส่วนผ้าหรือวัสดุที่พระพุทธองค์ทรงอนุญาตให้ใช้สำหรับทำจีวรมีทั้งหมด ๖ ชนิด คือ โขมะ (ผ้าทำด้วยเปลือกไม้), กัปปาสิกะ(ผ้าทำด้วยฝ้าย), โกเสยยะ(ผ้าทำด้วยไหม), กัมพละ(ผ้าทำด้วยขนสัตว์ ยกเว้นผมและขนของมนุษย์), สาณะ(ผ้าทำด้วยเปลือกป่าน) และ ภังคะ(หมายเอาผ้าที่ทำด้วยของ ๕ อย่างข้างต้นอย่างใดอย่างหนึ่งมาปนกัน) ผู้ออกแบบคือ พระอานนท์ โดยในสมัยพุทธกาล ครั้งที่พระพุทธองค์ทรงทอดพระเนตรผืนนาของชาวมคธจากบนภูเขาเห็นว่า บางแปลงใหญ่ บางแปลงเล็ก ไม่เสมอกันมีคันนาเป็นขอบเขต หากนำมาเป็นแบบทำจีวรเครื่องนุ่งห่มของภิกษุ ก็จะทำให้พิจารณาถึงประโยชน์ที่แท้จริงของเครื่องนุ่งห่ม ไม่หลงมัวเมาไปกับการแสวงหาเครื่องนุ่งห่มเพื่อประโยชน์อื่นใดนอกเหนือจากนี้ ผ้าไตรจีวรจึงควรเป็นของตัด มิเป็นผ้าผืนเดียวตลอดผืน ดังนั้นจึงตรัสสั่งพระอานนท์ให้เอาผืนนามาเป็นตัวอย่างสำหรับทำจีวรดังที่ใช้กันในปัจจุบันนี้

        ในส่วนของการใช้สอยปัจจัย ๔ (อาหาร-บิณฑบาต, เครื่องนุ่งห่ม-จีวร, ที่อยู่อาศัย-เสนาสนะ, ยารักษาโรค-เภสัช) ของพระภิกษุก็จะมีรายละเอียดตามบทพิจารณาลงไปอีกคือ ก่อนที่จะใช้ (ตังขณิกปัจจเวกขณปาฐ) ขณะที่ใช้ (ธาตุปฏิกูลปัจจเวกขณปาฐ) และหลังจากที่ใช้ไปแล้ว (อตีตปัจจเวกขณปาฐ) ก็จะต้องพิจารณาทุกขณะดังที่กล่าวมาเสมอๆตามบัญญัติในปัจจัยสันนิสิตศีล ซึ่งจัดว่าเป็นศีลประเภทหนึ่งสำหรับภิกษุอันนำมาซึ่งความบริสุทธิ์ในสมณเพศ

        สำหรับ “จีวร” ก็จะต้องพิจารณาโดยแยบคายว่า เราจะนุ่งห่มจีวรเพื่อบำบัดความนาว บำบัดความร้อน บำบัดสัมผัสอันเกิดจากเหลือบ ยุง แดด และสัตว์เลื้อยคลานทั้งหลาย และเพียงเพื่อปกปิดอวัยวะอันให้เกิดความละอาย โดยเนื้อแท้ จีวร ก็สักแต่ว่าเป็นเพียงธาตุตามธรรมชาติที่เป็นไปตามเหตุปัจจัยเท่านั้น ผู้ที่ใช้สอยจีวร ก็สักแต่ว่าเป็นเพียงธาตุตามธรรมชาติ มิได้เป็นสัตวะอันยั่งยืน อันเป็นบุรุษบุคคลว่างเปล่าจากความหมายแห่งความเป็นตัวตน แต่เดิมจีวรนี้ก็มิได้เป็นของน่าเกลียด แต่เมื่อครั้นมาถูกเข้ากับร่างกายอันเน่าอยู่เป็นเนืองนิตย์นี้แล้ว ก็ย่อมกลายเป็นของสกปรกน่าเกลียดอย่างยิ่งไปด้วยกันฉันนั้น

        ดังนั้นจึงสรุปได้ว่า “จีวร” เป็นบริขารบริโภคที่สำคัญ อันเป็นอุบายเจริญปัญญาความรู้แจ้งในกองสังขารทั้งหลายตามความเป็นจริงของพระภิกษุผู้ฝึกฝนอบรมตนเพื่อสลัดกองทุกข์ให้พ้นจากวัฏฏสงสาร ตามพระธรรมคำสั่งสอนของพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ประดุจดั่งธงชัยแห่งพระอรหันต์นั่นเอง

        ท้ายสุดขอย้อนกลับมาถึงเรื่องที่มีผู้สอบถามถึงจีวรของหลวงพ่อเปิ่นเข้ามา ว่าอยากจะได้ไว้บูชาบ้างจะหาได้ที่ไหนอย่างไร ก็ขอเรียนตอบว่า ขณะนี้ทางวัดได้นำจีวรของหลวงพ่อเปิ่นมาตัดแบ่งใส่หลอดตะกรุด ไว้ให้สาธุชนได้บูชากันที่ตู้มงคลวัตถุในกุฏิพระครูอนุกูลพิศาลกิจ (สำอางค์ ปภสฺสโร) เจ้าอาวาสวัดบางพระรูปปัจจุบัน (ร่วมบุญ ๑๐๐ บาท มีจำนวนจำกัด) ครับ


กุฏิพระครูอนุกูลพิศาลกิจ (สำอางค์ ปภสฺสโร) เจ้าอาวาสวัดบางพระรูปปัจจุบัน


อานุภาพของตะกรุดจีวรของหลวงพ่อเปิ่น วัดบางพระ
- ไว้ใช้เป็นเครื่องตรึกระลึกนึกถึงบุญที่ได้สละทรัพย์เป็นทานฝากฝังไว้ในพระศาสนา (สำหรับผู้ที่ร่วมบุญกับทางวัดครั้งนี้)
- ไว้ใช้เป็นเครื่องตรึกระลึกนึกถึงและน้อมนำคำสั่งสอน คุณธรรมความดีของพระเดชพระคุณหลวงพ่อมาปฏิบัติตาม อันจะนำมาซึ่งความสุขตามสมควรแก่การปฏิบัติของแต่ละบุคคล
- ไว้ใช้เป็นอุบายเครื่องเจริญปัญญา พิจารณาสังขารทั้งหลายตามความเป็นจริงโดยแยบคาย
- ฯลฯ



อนุโมทนากับทุกท่านที่ได้ร่วมบุญครั้งนี้ด้วยครับ
สาธุ..สาธุ..อนุโมทามิ
ปุญฺญานุสฺสติ(สิบทัศน์)
๐๑.๑๑ น. ๑๔ เม.ย.๕๖

396

สงกรานต์วัดบางพระ (หลวงพ่อเปิ่น)

ประจำปี พ.ศ.๒๕๕๖ วันที่ ๑๗ เมษายน

ขอเชิญร่วมกิจกรรม สืบสานวัฒนธรรมประเพณีไทย

การแข่งขันการทำข้าวต้มมัด กีฬาพื้นบ้านไทย การก่อพระเจดีย์ทราย

สรงน้ำพระเวลา ๑๓.๐๐ น. และการรดน้ำดำหัวผู้สูงอายุ

กลางคืน ชม ภาพยนตร์

โดย สภาวัฒนธรรม ต.บางแก้วฟ้า // วัดบางพระ // อบต.บางแก้วฟ้า

:001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:

397
   ขอเจริญพร ท่านกงสุลใหญ่ประจำประเทศไทย ประจำนครชิคาโก คุณนาย ญาติโยมวัดธัมมาราม ชาวชิคาโกและเมืองใกล้ ทุกท่าน
   ปัจจุบันนี้ ในเมืองฝรั่ง เช่น ประเทศอเมริกานี้เอง คนสนใจพระพุทธศาสนามากขึ้น อย่างที่อาตมาได้ทราบด้วยตนเองก็ดี หรือได้สดับตรับฟังจากการที่มาพบปะกับพระสงฆ์และญาติโยมที่นี่ก็ดี หรือแม้กระทั่งญาติโยมที่เป็นฝรั่ง เขาพูดกันว่าคนเมืองนี้ศึกษาปฏิบัติพระพุทธศาสนากันมากขึ้น จุดสนใจอย่าหนึ่งก็คือเรื่องสมาธิ เรื่องสมาธิฝรั่งเขาสนใจมานานแล้ว
   ในเมื่อฝรั่งสนใจพระพุทธศาสนาและสนใจเรื่องสมาธิ เราในฐานะชาวพุทธที่ใกล้ศูนย์กลาง ใกล้คำสอน ใกล้สถาบันพระศาสนา ใกล้วัดวาอาราม ใกล้กับพระสงฆ์มากนี้ ก็น่าจะมีความรู้เป็นหลักแก่เขาได้ อย่างน้อยก็รู้ทันความเป็นไปและรู้เข้าใจสิ่งที่เขาสนใจ เผื่อมีอะไรเกี่ยวข้องก็จะได้แนะนำเขาถูก ถ้าเขาเข้าใจผิด ก็อาจจะแก้ไขชี้แจงแนะนำไป หรือแม้แต่ช่วยให้ตัวเองเข้าใจถูกต้อง จึงคิดว่าวันนี้จะพูดกันถึงเรื่องสมาธินิดหน่อย เป็นการพูดในแง่หลักการทั่วๆ ไป กว้างๆ
   เมื่อพูดถึงคำว่าสมาธิ ถ้าจะถามถึงคำฝรั่งที่เรามักจะได้ยินเขาใช้สำหรับสมาธิ โยมมักจะนึกถึงคำว่า meditation ซึ่งใช้กันเกลื่อน แต่ความจริง meditation ไม่ใช่คำตรงสำหรับสมาธิ เพราะเป็นคำที่มีความหมายคลุมเครือ เป็นคำภาษาอังกฤษที่มีมาแต่เก่าก่อน ถ้าจะแปลเป็นภาษาไทยก็คล้ายๆ คำว่า ความครุ่นคิดพิจารณา ซึ่งก็ไม่ได้มีความชัดเจนว่าครุ่นคิดพิจารณาอย่างไร เมื่อคำว่าสมาธิของเราเข้ามา เขาไม่รู้จะใช้คำอะไร ก็เอาคำ meditation ใช้ไปก่อนเท่านั้นเอง เพราะฉะนั้นมันจึงไม่สามารถสื่อความหมายที่แท้จริงได้
   สมาธิในความหมายที่แท้ของเรา ฝรั่งเขาไม่มีการปฏิบัติกัน อาตมาเคยคุยกับ Professor อเมริกาที่สอนพระพุทธศาสนาในประเทศอเมริกาท่านหนึ่ง ท่านบอกว่า ในประเทศนี้หรือในเมืองฝรั่งนี้ไม่มีสมาธิในความหมายที่ฝึกกันในพระพุทธศาสนา ถ้าจะหาการปฏิบัติอย่างใกล้เคียงที่สุด ก็น่าจะดูได้จากศาสนาคริสต์นิกายของพวกQuakers พวก Quakers มาประชุมกัน แต่เขาไม่ได้มีการสวดอ้วนวอนเพื่อทำพิธีอะไรแบบของนิกายอื่น แม้แต่โรงประชุมของเขาเขาก็ไม่เรียกว่า church ด้วยซ้ำ เขามานั่งสงบนิ่ง ใครมีความคิดอะไรผุดขึ้นมาในระหว่างที่ผุดขึ้นนั้น อันนี้เขาเรียกว่าเป็น meditation ของเขา Professor ท่านนั้นบอกว่า ถ้าจะเรียกสมาธิของฝรั่งที่ใกล้เข้ามาก็มีอย่างนี้ ซึ่งถ้าเทียบกับพุทธศาสนาแล้ว ยังไม่ใช่เลย
   เพราะฉะนั้น ต่อมาฝรั่งที่ใช้ภาษาอังกฤษ เมื่อมาศึกษาพระพุทธศาสนา รู้เข้าใจหลักธรรมดีขึ้น ก็คือวงการชาวพุทธเองที่ใช้ภาษาอังกฤษ จึงได้ตกลงกันว่า สำหรับคำว่าสมาธินี้ ซึ่งเป็นข้อธรรมสำคัญในพระพุทธศาสนา ศัพท์ที่ใช้ตรงมากกว่าคำว่า meditation ก็คือคำว่า concentration ตกลงให้ใช้คำนี้เป็นคำแปลสำหรับคำว่าสมาธิ
   สำหรับคำว่า meditation นั้นก็ได้มีความโน้มเอียงอย่างหนึ่งว่า ให้ถือเป็นการใช้แบบกว้างๆ แล้วก็เลยเอามาใช้กับคำว่า ภาวนา จะเห็นคำว่า meditation เดี๋ยวนี้มักจะใช้สำหรับคำว่าภาวนา ซึ่งก็ไม่ได้ตรงทีเดียว เพราะคำว่าภาวนานั้น แปลว่า การเจริญหรือการทำให้เพิ่มพูนขึ้นมา หรือแปลให้ตรงศัพท์ว่าทำให้มีให้เป็นให้มีขึ้นมา อย่างนี้เรียกว่าภาวนา เช่น ศรัทธายังไม่มีก็ทำให้มีขึ้นมา เมตตายังไม่มีก็ทำให้มีขึ้นมา อะไรต่างๆ เหล่านี้ แม้แต่สมาธิยังไม่มีก็ทำให้มีขึ้นมา ก็เรียกว่าภาวนา นอกจากทำให้มีให้เป็นแล้ว ก็ทำให้เพิ่มพูนขึ้นไปด้วย
   ในภาษาไทยเราแปล ภาวนา ว่า เจริญ เช่น เจริญเมตตาเรียกว่าเมตตาภาวนา เจริญสมาธิก็เรียกว่า สมาธิภาวนา เจริญวิปัสสนา ก็เรียกว่า วิปัสสนาภาวนา เจริญปัญญาก็เรียกว่า ปัญญาภาวนา เมื่อคำว่า ภาวนา แปลว่า เจริญ ฝรั่งจะแปลให้ตรงแท้ก็แปลว่า development การใช้ศัพท์เหล่านี้ถือว่ายังไม่ลงตัวแน่นอน
   ภาวนาหรือการเจริญนั้น ถ้าพูดถึงในทางจิตใจและทางปัญญา รวมแล้วก็มีสองด้านสำคัญที่เรารู้จักกัน ซึ่งบางทีเราเรียกว่า กรรมฐาน การเจริญกรรมฐานก็มีสายสมถะ คือทำจิตให้สงบ เป็นสมาธิ เรียกว่า สมถภาวนา และอีกด้านหนึ่งคือ วิปัสสนา เรียกว่าวิปัสสนาภาวนา ได้แก่เจริญปัญญา คือทำปัญญาให้เกิดขึ้น ให้รู้จักความจริงของสิ่งทั้งหมาย ให้รู้ว่าสังขารทั้งหลายเป็นของไม่เที่ยง เกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไป ทนอยู่ในสภาพเดิมไม่ได้ ต้องเปลี่ยนแปลงและเป็นไปตามเหตุปัจจัย การรู้ความจริงนี้เรียกว่าวิปัสสนา จึงมีภาวนาใหญ่ๆ ที่เป็นหลักอยู่ ๒ อย่าง คือ เจริญสมถะ ทำจิตใจให้สงบ มุ่งให้เกิดสมาธิ เรียกว่า สมถภาวนา และเจริญวิปัสสนา ทำปัญญาความรู้เข้าใจความจริงของสิ่งทั้งหลายทั้งโลกและชีวิตให้เกิดขึ้น เรียกว่า วิปัสสนาภาวนา
   บางทีเอาคำ meditation มาใช้แทนภาวนา ก็เลยมี meditation ๒ แบบ สำหรับสมถภาวนาก็ใช้คำว่า Tranquillity Meditation ถ้าให้ตรงก็เป็น Tranquillity Development หมายถึงการทำให้ความสงบเกิดขึ้น (tranquillity คือความสงบ บางทีก็ใช้คำว่า calm ซึ่งก็คือความสงบ หมายถึง สมถะ) มุ่งที่ตัวสมาธิ ส่วนอีกด้านหนึ่งคือ วิปัสสนาภาวนา วิปัสสนาใช้คำว่า insight ซึ่งแปลว่า การหยั่งรู้หยั่งเห็น เอา meditation ต่อเข้าไปเป็น Insight Meditation แปลว่า การเจริญวิปัสสนา เมื่อเอาคำว่า meditation มาใช้ในความหมายของภาวนา ก็แบ่งเป็น ๒ อย่างนี้
   นี้เป็นตัวอย่างของการเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องศัพท์ ซึ่งต้องให้โยมทำใจไว้ก่อนว่ามันยังไม่ลงตัว อย่างที่ว่านี้ก็เป็นความนิยมอย่างหนึ่ง เป็นอันให้รู้ว่า คำว่า meditation เป็นศัพท์ที่ไม่ชัดเจน แล้วแต่เราจะตกลงกันว่าจะเอามาใช้อย่างไร ตอนนี้มีความโน้มเอียงว่าให้เอา meditation มาใช้กับภาวนา แบ่งเป็น ๒ อย่าง เป็น meditation ๒ แบบ คือ Tranquillity Meditation เป็นการเจริญความสงบ เรียกว่า สมถภาวนา กับ Insight Meditation เป็นการเจริญปัญญาที่หยั่งรู้หยั่งเห็น เรียกว่าวิปัสสนาภาวนา
   ส่วนตัว สมาธิ นั้น ก็ยังนิยมให้ใช้คำจำกัดจำเพาะลงไปว่า concentration ซึ่งจะมีความหมายชัดขึ้น เราจะศึกษาอะไร เราจะพิจารณาเรื่องอะไร จิตต้อง concentrate หมายความว่าต้องแน่วแน่ต้องมุ่งมั่นแน่วแน่ปักลงไปในสิ่งนั้น ถ้าไม่ concentrate ก็จะมองเห็นเข้าใจสิ่งนั้นได้ยาก จะไม่ชัดเจน ความหมายจึงใกล้เข้ามา

*การปฏิบัติสมาธิให้ถูกทาง
   ทีนี้มาดูสมาธิของเรา สมาธินั้นแปลง่ายๆ ว่า ภาวะที่จิตตั้งมั่น พุทธศาสนิกชนจำแม่นทีเดียว เช่น ในองค์ของมรรคข้อสัมมาสมาธิ เราแปลกันว่าจิตตั้งมั่นชอบ จิตตั้งมั่น หมายความว่า จิตที่เรียบสม่ำเสมอ จับอยู่กับสิ่งใดก็มั่นคง อยู่กับสิ่งนั้น แล้วเดินเรียบ ไม่วอกแวก ไม่ฟุ้งซ่าน ไม่กระสับกระส่าย ไม่กระวนกระวาย จิตอยู่ตัวลงตัวแน่วแน่ ถ้าจะพิจารณาคิดเรื่องอะไรก็อยู่กับสิ่งนั้นสิ่งเดียวสิ่งอื่นเข้ามาแทรกมากวนไม่ได้ อย่างนี้เรียกว่า สมาธิ
   ถ้าพูดอย่างภาษาชาวบ้าน สมาธิก็คือการที่จิตของเราอยู่กับสิ่งที่ต้องการได้ตามต้องการ แค่นี้ก็เป็นสมาธิแล้ว แต่ถ้าแปลตามภาษาแบบวิชาการก็จะบอกอย่างที่กล่าวมาว่า ความมีจิตตั้งมั่น คือ จิตมีอารมณ์หนึ่งเดียว หมายความว่าจะคิดจะกำหนดจะจับอยู่กับเรื่องใด ก็อยู่กับเรื่องนั้น ไม่ฟุ้งซ่านหลุดลอยไปเรื่องอื่น ถ้าใจอยู่กับสิ่งที่ต้องการได้อย่างนี้เรียกว่าเป็น สมาธิ
   การที่จะให้เข้าใจเรื่องสมาธิดีนี้ เราไม่ต้องพูดความหมายกันมากมาย หันไปพูดในแง่คุณประโยชน์บ้าง เมื่อพูดถึงคุณประโยชน์ก็จะเห็นความหมายชัดขึ้นไปด้วย
   จิตที่เป็นสมาธินี้จะมีลักษณะสำคัญ ๓ ประการ ซึ่งเป็นประโยชน์ของมันด้วย เรามาดูว่าพระพุทธศาสนากล่าวถึงคุณลักษณะของจิตที่เป็นสมาธิอย่างไร เอาที่เป็นข้อสำคัญ ๓ ประการ
   ๑) จิตที่มีสมาธิจะเป็นจิตที่มีกำลัง เรียกว่ามีพลังมาก
   ๒) จิตสมาธิจะผ่องใสเหมือนน้ำที่ใส เพราะมันนิ่งสงบ ทำให้มองเห็นอะไรได้ชัดเจน ข้อนี้เกื้อกูลต่อปัญญา
   ๓) ข้อที่ ๓ สืบเนื่องมาจากข้อที่ ๑ และ ๒ คือ พอจิตของเราสงบ ไม่มีอะไรกวน ไม่มีอะไรวุ่นวาย มันก็สงบ พอสงบไม่มีอะไรกวนก็เป็นสุข เพราะฉะนั้นคนที่จิตเป็นสมาธิก็สงบ เมื่อสงบก็มีความสุข ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่น่าปรารถนาอีกประการหนึ่ง
   นี้เป็นคุณสมบัติหลักๆ ที่สำคัญของจิตที่เป็นสมาธิ ๓ ประการ ถ้าดูจากนี้จะเห็นได้ว่าเวลานี้เราเอาสมาธิมาใช้ประโยชน์อะไรกันบ้าง และเราจะต้องดูว่าใน ๓ อย่างนี้ อย่างไหนเป็นคุณสมบัติที่พระพุทธเจ้าต้องการให้เราใช้
   ๑. พลังจิต ขอให้ดูพุทธพจน์ต่อไปนี้
   “เปรียบเหมือนแม่น้ำที่เกิดบนภูเขา ไหลลงเป็นสายยาวไกลมีกระแสเชี่ยว พัดพาสิ่งที่พอจะพัดพาเอาไปได้ หากคนปิดปากเหมืองของแม่น้ำทั้งสองข้าง กระแสน้ำในท่ามกลางไม่กระจาย ไม่ส่ายพร่า ไม่เขวคว้าง ก็ไหลลิ่ว มีกระแสเชี่ยว และพัดพาสิ่งที่พอจะพัดพาเอาไปได้ ...”
(องฺ.ปญฺจก. ๒๒/๕๑)
   ที่จริง พุทธพจน์ก็ทรงมุ่งประโยชน์ด้านพลังจิตในแง่เสริมกำลังปัญญา แต่คนก็มักชอบเอาพลังจิตนั้นไปใช้ทางฤทธิ์เดช ด้านพลังจิตแบบหลังนี้ไปไกล ในเมืองฝรั่งเวลานี้ ก็ชอบกันมาก ถึงกับเอามาทดลองกันว่า จิตที่เป็นสมาธิมีพลังมากเพราะพุ่งดิ่งไปทางใดทางหนึ่ง พอพุ่งไปแล้วก็มีกำลังแม้แต่จะทำให้วัตถุเคลื่อนไหวก็ได้ หรือจะตั้งใจมองตั้งใจฟังดิ่งไปเฉพาะจุดก็ทำให้มองเห็นสิ่งไกลๆ จนกระทั่งเกิดตาทิพย์หรือได้ยินเสียงไกลๆ จนเกิดหูทิพย์ได้ เหล่านี้เป็นเรื่องของพลังจิตแบบอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ ปรากฏว่าในเมืองฝรั่งมีคนพวกหนึ่งฝักใฝ่กับเรื่องนี้มีการค้นคว้าทดลองกันอย่างเอาจริงเอาจัง เป็นการสนใจในประโยชน์ของสมาธิด้านหนึ่ง
   ๒. ความสงบสุข (ขอกลับข้อข้างบน เอา ๓ มาเป็น ๒ และเอา ๒ เป็น ๓) มีพุทธพจน์แห่งหนึ่งว่า
   “ภิกษุทั้งหลาย สมาธิภาวนา ที่เจริญแล้ว ทำให้มากแล้วจะเป็นไปเพื่อความอยู่เป็นสุขในปัจจุบัน เป็นไฉน ภิกษุทั้งหลาย ในเรื่องนี้ ภิกษุปลอดจากกาม ปลอดจากอกุศลกรรมทั้งหลาย เข้าถึงปฐมฌาน ... ทุติยฌาน...ตติยฌาน...จตุตถฌาน...”
(องฺจตุกฺก. ๒๑/๔๑)
   มองดูในสังคมฝรั่งก็ชอบข้อนี้มากเหมือนกัน เพราะในสังคมฝรั่งมีปัญหาเรื่องจิตใจมาก มีความกังวล มีความกระวนกระวายใจ และมีความเครียด เนื่องจากการแข่งขัน การแย่งชิงกันหาประโยชน์ ระบบต่างๆ ทางสังคมมันบีบคั้นจิตใจคน ทำให้จิตใจไม่สบาย ในที่สุดก็มีความทุกข์มาก จึงปรากฏว่าฝรั่งทั้งหลาย ทั้งที่เจริญด้วยวัตถุมากแต่จิตใจไม่สบาย เมื่อมีทุกข์มากก็หาทางออก หาไปหามา พอมาเจอเรื่องสมาธิจากพระพุทธศาสนา จากศาสนาฮินดู จากโยคะ เป็นต้น พูดสั้นๆ ว่าจากตะวันออก ก็เห็นว่าสมาธินี้เป็นวิธีปฏิบัติที่ทำให้จิตใจสงบมีความสุข ก็เลยชอบใจ เพราะฉะนั้นจึงปรากฏว่า ฝรั่งหันมาหาสมาธิเพราะจุดมุ่งหมาย คือ ต้องการประโยชน์ในแง่ความสงบ หรือความสุขกันมาก คือ เพื่อแก้ปัญหาด้านจิตใจนั่นเอง
   ๓. จิตใสและขยายปัญญา คราวนี้มาดุพุทธพจน์ที่ว่า
   “ภิกษุทั้งหลาย เปรียบเหมือนห้วงน้ำ ที่ใสแจ๋ว ไม่ขุ่นมัวเลย คนตาดียืนอยู่บนฝั่ง ก็จะเห็นได้ แม้ซึ่งหอยโข่ง หอยกาบ แม้ซึ่งก้อนหิน ก้อนกรวด แม้ซึ่งฝูงปลา ที่กำลังแหวกว่ายอยู่ก็ตาม กำลังหยุดอยู่ก็ตาม ในห้วงน้ำนั้น นั่นเพราะเหตุใด ก็เพราะน้ำไม่ขุ่น แม้ฉันใด ภิกษุก็ฉันนั้น ด้วยจิตที่ไม่ขุ่นมัว ก็จักรู้ได้ซึ่งประโยชน์ตน จักรู้ได้ซึ่งประโยชน์ผู้อื่น จักรู้ได้ซึ่งประโยชน์ทั้งสองฝ่าย จักประจักษ์แจ้งได้ซึ่งคุณวิเศษล้ำมนุษย์สามัญ กล่าวคือญาณทัสสนะ ที่สามารถทำให้เป็นอริยชน...”
(องฺเอก. ๒๗/๔๐)
   คุณประโยชน์สำคัญของสมาธิคือการทำให้จิตใจ ช่วยให้มองเห็นสิ่งที่ต้องการได้ชัดเจน ซึ่งเป็นเรื่องของปัญญา สมาธิเป็นเรื่องของจิต คือ ทำจิตให้สงบ แต่พอสงบแล้วจิตก็ใส ก็เลยใช้ปัญญาได้ดี มองเห็นอะไรได้ชัดเจน หลายท่านจำพุทธพจน์แม่นว่า “สมาหิโต ยถาภูตํ ปชานาติ” (องฺ.เอกาทสก. ๒๔/๒๐๙) แปลว่า ผู้มีจิตตั้งมั่นแล้ว จะรู้ชัดตามที่มันเป็น คือ มีสมาธิแล้ว จะเกิดปัญญารู้จริงได้ หมายความว่า สมาธิเป็นฐาน เป็นตัวเอื้อ เป็นปัจจัย หรือเป็นเครื่องมือที่จะช่วยให้การใช้ปัญญาได้ผลดี ข้อนี้เป็นคุณประโยชน์ที่บางทีถูกมองข้าม แต่กลับเป็นข้อสำคัญ เพราะเป็นประโยชน์ที่มุ่งหมายในพระพุทธศาสนา
   เมื่อได้ทำความเข้าใจเบื้องต้นอย่างนี้แล้ว ก็มาพิจารณากันให้ละเอียดขึ้นอีกสักหน่อย เพื่อจะได้เห็นเหตุผลที่ชัดเจน

* ๑. สมาธิเพื่อพลังจิต
        คนไทยก็สนใจเรื่องสมาธิในแง่พลังจิตกันมาก เพราะชอบเรื่องฤทธิ์ เรื่องปาฏิหาริย์ ถ้าสมาธิมีประโยชน์เพียงเพื่อพลังจิตให้มีฤทธิ์เก่งกล้าแล้ว พุทธศาสนาไม่ต้องเกิดขึ้น เพราะในอินเดียเขามีความชำนาญในเรื่องนี้กันมานานแล้ว การปฏิบัติโยคะก็เกิดมีก่อนพุทธศาสนา พระพุทธเจ้าก่อนตรัสรู้ก็ไปเข้าสำนักโยคะด้วย ไปหาอาจารย์สำนักต่างๆ เช่นเสด็จไปที่อาฬารดาบส กาลามโคตร ท่านที่เรียนพุทธประวัติคงจะเคยได้ยินพระพุทธเจ้าเสด็จไปเรียนการบำเพ็ญสมาธิ จนกระทั่งจบขั้นที่เขาเรียกว่าฌานสมาบัติทั้งหมด
        ฌานสมาบัตินี้มี ๘ ขั้น เป็นรูปฌาน ๔ และอรูปฌาน ๔ ท่านอาฬารดาบส กาลามโคตร ได้สมาธิถึงอรูปฌานขั้นที่ ๓ เรียกอากิญจัญญายตนะสมาบัติ พระพุทธเจ้าเข้าไปปฏิบัติในสำนักของท่านนี้ก็ได้ฌานสมาบัติขั้นนี้ด้วย จบสมาบัติ ๗ พระพุทธเจ้าไม่ทรงพอพระทัยจังเสด็จออกจากสำนักนี้ แล้วไปยังสำนักของอุทกดาบส รามบุตร ท่านนี้ได้ฌานสูงขึ้นไปอีกขั้นหนึ่งครบสมาบัติ ๘ คือจบเนวสัญญานาสัญญายตนะสมาบัติ พระพุทธเจ้าก็จบด้วย พระอาจารย์ก็นิมนต์ว่า ท่านจบความรู้ของสำนักนี้ ขอให้ท่านอยู่ช่วยสอนศิษย์ต่อไป พระพุทธเจ้าทรงพิจารณาเห็นว่านี่ยังไม่ใช่จุดหมาย พระองค์จึงได้ขอลาออกไปแสวงหาธรรมด้วยพระองค์เอง
        พวกโยคี ฤาษี ดาบส สมัยก่อนพุทธกาล มีฤทธิ์ ทรงฌานได้อิทธิปาฏิหาริย์กันเยอะแยะ พระพุทธเจ้าไม่ทรงพอพระทัย ถ้าเราเอาแค่ฤทธิ์ แค่ฌานสมาบัติแล้ว ก็ไม่ต้องมีพระพุทธศาสนา เพราเขาได้กันมามีอยู่ก่อนแล้ว แต่พระพุทธเจ้าไม่ทรงพอพระทัยจึงเสด็จต่อไป เรื่องนี้เป็นจุดที่จะต้องระวัง ขอให้สังเกตว่า เมื่อพระพุทธเจ้าตรัสรู้แล้ว พระองค์ไม่ทรงสรรเสริญการใช้สมาธิในทางของฤทธิ์เดชปาฏิหาริย์ โยมคงจำได้ว่า พระพุทธเจ้าตรัวไว้ว่า ปาฏิหาริย์ มี ๓ อย่าง
        อิทธิปาฏิหาริย์ ปาฏิหาริย์คือการแสดงฤทธิ์ได้ต่างๆ มากมาย เช่น เหาะเหินเดินอากาศ เดินน้ำ ดำดิน
        อาเทศนาปาฏิหาริย์ ปาฏิหาริย์คือการทายใจได้ สามารถทายใจคนว่าเขาคิดอะไร คิดอย่างไร คิดจะทำอะไร หรือจิตใจมีสภาพเป็นอย่างไร
        อนุสาสนีปาฏิหาริย์ ปาฏิหาริย์คือการสั่งสอนให้เกิดปัญญา รู้ความจริงด้วยตัวของเขาเอง
        ปาฏิหาริย์ข้อที่ ๓ เท่านั้นที่พระพุทธเจ้าสรรเสริญ ส่วนปาฏิหาริย์ที่ ๑ และ ๒ พระพุทธเจ้าถึงกับตรัสว่า ทรงรังเกียจ เพราะว่า ปาฏิหาริย์ที่ ๑ และ ๒ ใครทำได้ก็เป็นเรื่องของคนนั้น คนอื่นก็ได้แต่ทึ่ง เห็นว่าน่ามหัศจรรย์ แล้วก็มาหวังพึ่ง เมื่อหวังพึ่งแล้วก็พึ่งตนเองไม่ได้ ไม่เป็นตัวของตัว แต่ปาฏิหาริย์ข้อ ๓ สอนให้เขาเกิดปัญญา เป็นอัศจรรย์ เพราะเมื่อเขาเกิดปัญญาแล้ว เขาก็เห็นด้วยตัวเอง พระองค์เห็นความจริงอย่างไร เขาก็เห็นความจริงอย่างเดียวกันกับที่พระองค์เห็น พอเขาเกิดปัญญาเห็นเหมือนที่พระองค์เห็น เขาก็เป็นอิสระ ไม่ต้องขึ้นต่อพระองค์ต่อไป แต่ถ้าปาฏิหาริย์ ๑ และ ๒ ซึ่งให้ได้เฉพาะเรื่องเฉพาะราวและต้องระวังในระยะยาว เพราะมันทำให้เกิดความประมาท ถ้ามีผู้มีฤทธิ์ เราเคารพนับถือ เราก็ไปหวังพึ่งท่านอยากจะได้อะไรก็ต้องให้ท่านบันดาล ตัวเราเองก็ไม่รู้จักเผชิญปัญหา ไม่รู้จักแก้ปัญหา ไม่รู้จักทำอะไรให้เป็น อยู่เท่าไหนก็เท่านั้น เพราะฉะนั้นก็ไม่พัฒนา พระพุทธศาสนาไม่ต้องการให้คนเป็นอย่างนั้น
        จะเห็นได้ว่า พระพุทธเจ้าเป็นยอดของผู้มีฤทธิ์ แต่พระองค์สรรเสริญอนุสาสนีปาฏิหาริย์ คือการสอนให้เกิดปัญญาข้อเดียว พระองค์เองนั้นทรงมีทั้งอิทธิปาฏิหาริย์ และอาเทศนาปาฏิหาริย์ด้วย มีครบหมด มีฤทธิ์มาก แต่ขอให้สังเกตดูตลอดพุทธประวัติ ๔๕ ปี เคยมีปรากฏครั้งใดไหมที่พระพุทธเจ้าเอาฤทธิ์ของพระองค์ บันดาลผลที่ต้องการให้แก่ผู้ใดผู้หนึ่ง นี่เป็นจุดสังเกตที่สำคัญ หลายคนไม่เคยคิดพระพุทธเจ้าเป็นยอดของผู้มีฤทธิ์ ไม่มีใครมีฤทธิ์เท่าพระองค์ แต่พระองค์ไม่เคยใช้ฤทธิ์บันดาลผลที่ต้องการให้แก่ใครเลยตลอด ๔๕ พรรษา ทำไม เพราะพระองค์ไม่ต้องการให้ใครมาขึ้นต่อพระองค์มาหวังพึ่งพระองค์ ถ้าเข้ามาหวังพึ่งพระองค์ต่อไปเขาจะประมาท ไม่คิดพึ่งตนเอง ไม่คิดพัฒนาตนเอง ไม่คิดแก้ปัญหา คนเราลองไม่สู้ปัญหา ไม่ทำอะไรด้วยตนเอง ก็ไม่พัฒนา อยู่เท่าไรก็เท่านั้น พวกเรานี่ชอบเรื่องฤทธิ์ ต้องระวังให้มาก อย่าให้ขัดหลักพุทธศาสนาเป็นอันขาด ถ้าจะชอบบ้างก็อย่าให้ผิดหลักพึ่งตน อย่าให้ผิดหลักฝึกฝนพัฒนาตน และต้องเพียรพยายามทำการต่างๆ ให้สำเร็จตามเหตุตามผล อันนี้เป็นหลักการสำคัญของพระพุทธศาสนา
        เพราะฉะนั้น พระพุทธศาสนาจึงพ้นจากลัทธิฤาษีชีไพร ไม่เฉพาะในสมัยโบราณที่เขานิยมเรื่องฤทธิ์ปาฏิหาริย์ โยคี ฤาษี ดาบส ในอินเดียจนกระทั่งปัจจุบันเดี๋ยวนี้ ก็ยังแข่งฤทธิ์กันตามเดิม พระพุทธศาสนาไม่เอาด้วย บอกว่าถ้าขืนยุ่งกับฤทธิ์อยู่อย่างนี้คนก็ไม่พัฒนา พระพุทธเจ้าใช้ฤทธิ์ทำอะไรบ้าง พระพุทธเจ้าทรงใช้ฤทธิ์ปราบฤทธิ์ เพราะสมัยนั้นเขาถือกันว่าเรื่องฤทธิ์นี้สำคัญ เขาถือว่า ถ้าใครไม่มีฤทธิ์ก็ไม่เป็นพระอรหันต์ เขามีค่านิยมอย่างนี้ พระพุทธเจ้าถือว่าฤทธิ์ไม่ใช่เครื่องหมายของความเป็นพระอรหันต์ แต่พระองค์อยู่ท่ามกลางค่านิยมของสังคมที่มีพระองค์เป็นพระศาสดา เป็นผู้ประกาศให้เหนือกว่าพวกมีฤทธิ์กันเหล่านั้น เพราะพอไปเจอกันแล้วเขาทดลองฤทธิ์ ถ้าพระองค์ไม่มีฤทธิ์ เขาก็ไม่ยอมฟัง ไม่ยอมเชื่อ
        ยกตัวอย่างเช่นพวกชฏิล เป็นที่นับถือของประชาชน พวกชฏิลนี้ถือตัวว่ามีฤทธิ์มากและถือว่าใครเป็นพระอรหันต์ต้องมีฤทธิ์ พระพุทธเจ้าทรงพิจารณาเห็นว่าถ้าไม่ไปปราบพวกนี้ก่อน ประชาชนไม่ฟังพระองค์ เพราะเขาถือว่าถึงอย่างไรก็สู้อาจารย์ชฏิลของเขาไม่ได้ พระพุทธเจ้าก็เสด็จไปหาชฏิลก่อน พอไปถึง ชฏิลก็ลองดี เอาฤทธิ์มาแกล้งหลายคืน พระพุทธเจ้าก็ผ่านทุกคืน จนกระทั่งในที่สุดชฏิลยอมรับรู้ว่าสู้ไม่ได้ พอชฏิลสู้ไม่ได้ยอมรับ เขาก็ยอมฟัง ก่อนนั้นเขาไม่ยอมฟัง จะพูดอะไรเขาก็ว่าสู้เราไม่ได้อย่างนั้นอย่างนี้ พอเขายอมรับในเรื่องฤทธิ์แล้วก็ยอมฟัง พระองค์ก็เลิกใช้ฤทธิ์ หันมาใช้อนุสาสนีปาฏิหาริย์ คือสอนให้เกิดปัญญา ให้เขารู้ความจริง เข้าถึงสัจธรรม พอไปเจอรายใหม่ถ้าเป็นพวกที่เมาฤทธิ์ พระองค์ก็ใช้ฤทธิ์ปราบใหม่ พอเขายอมรับ พระองค์ก็เลิกใช้ฤทธิ์ แต่พระองค์ไม่ใช้ฤทธิ์บันดาลผลที่ต้องการให้แก้ผู้ใดทั้งสิ้น
        การใช้สมาธิเพื่อให้มีฤทธิ์ มีพลังปาฏิหาริย์ นอกจากมักทำให้คนเสียนิสัย ทำให้คนคอยหวังพึ่งแล้ว สำหรับตัวเอง ฤทธิ์ทำให้หมดกิเลสไม่ได้ ฤทธิ์ไม่สามารถกำจัดกิเลสได้ ฤทธิ์ทำให้หมดทุกข์ไม่ได้ การใช้สมาธิในแง่นี้ไม่เป็นหลักประกันอะไร อย่างดีจิตสงบแล้วกิเลสก็สงบไปชั่วคราวด้วยกำลังสมาธิ ท่านเรียกว่า วิกขัมภนวิมุตติ แปลว่า หลุดพ้นด้วยข่มไว้ชั่วคราว แต่ถ้ามีอะไรมาล่อหรือกระทบ กิเลสก็ฟูขึ้นได้อีก เพราะฉะนั้นจึงไม่มั่นคง
        มีพระเถระองค์หนึ่งเป็นอาจารย์สอนกรรมฐานในยุคหลังพุทธกาล ตัวเองได้สมาธิขั้นสูง ได้ฌานสมาบัติ ชำนาญมาก และเพราะการที่บำเพ็ญสมาธิอยู่ตลอดเวลา จิตสงยอยู่เสมอ กิเลสก็ไม่มีโอกาสฟูขึ้นมา เลยหลงผิดคิดว่าตัวเองสำเร็จเป็นพระอรหันต์ อาจารย์ที่ไม่สำเร็จอรหันต์สามารถสอนลูกศิษย์ให้เป็นอรหันต์ได้ เพราะการให้อรหันต์ขึ้นต่อตัวของคนนั้นเอง
        ลูกศิษย์บางท่าน ได้มารู้หลักจากท่านแล้วไปปฏิบัติด้วยตนเองได้บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ รู้ว่าพระอาจารย์ยังไม่สำเร็จ ก็จะเตือน แต่ถ้าจะไปบอกตรงๆ ท่านถือตัวเป็นอาจารย์ก็จะไม่ดี กิเลสขึ้นมาเกิดแรงต้านจะเป็นอันตรายต่อการปฏิบัติ ลูกศิษย์ก็เลยใช้อุบายวิธีทำให้เกิดนิมิตเป็นรูปช้าง วันหนึ่ง ขณะนั่งเพลินๆ ก็ทำให้เห็นเป็นช้างวิ่งเข้ามา พระอาจารย์ตกใจตั้งสติไม่ทัน ลุกขึ้นกระโจนหนี ลูกศิษย์ซึ่งเป็นพระอรหันต์ก็จับชายจีวรดึงกระตุกไว้ พระอาจารย์ก็ได้สติ
        ที่พระอาจารย์ได้สติ ก็เพราะว่าท่านเจริญธรรมปฏิบัติมานาน เรียกว่าสติไม่ทันนิดเดียว พอลูกศิษย์กระตุกปุ๊บก็ได้สติ รู้ตัวว่าเรานี่ยังไม่สำเร็จ เพราะพระอรหันต์ไม่ตกใจ คือไม่มีกิเลสที่จะเป็นเหตุให้เกิดความกลัว คนที่จะเกิดความกลัวก็เพราะมี โลภะ โทสะ โมหะ ยังมีตัณหาอยู่ ถ้าไม่มีกิเลสก็ไม่มีความกลัว ท่านรู้หลักการอันนี้อยู่ ท่านก็รู้ว่ากิเลสของท่านยังไม่หมด ก็เลยหันมาบอกให้ลูกศิษย์เป็นที่พึ่งช่วยเป็นหลักให้แล้วปฏิบัติต่อ พระอาจารย์ก็สำเร็จเป็นพระอรหันต์ด้วย
        ที่อาตมาพูดนี้ต้องการให้เข้าใจว่า การมีฤทธิ์ การได้ฌานสมาบัติ หรือการใช้สมาธิฝ่ายพลังจิต ไม่ได้ช่วยให้สำเร็จเป็นพระอรหันต์ ไม่หมดกิเลส ไม่หมดความทุกข์ แต่สามารถทำให้จิตสงบ แล้วเหมือนกับหมดกิเลสไปได้ชั่วคราว เป็นสิ่งที่ดีมาก มีประโยชน์ แต่บางท่านเพราะเหตุที่ได้สมาธิระดับต่างๆ แล้วกิเลสยังไม่หมด เกดความลำพองใจตัวเองกลับไปหนุนมานะขึ้นมา เลยยิ่งหนักเข้าไปอีก คราวนี้กิเลสกลับฟูเพราะคนเรานี้ ถ้าไม่มีกำลัง ไม่มีอำนาจ กิเลสถึงมีอยู่ก็จะไม่มีกำลังแต่พอรู้ว่าเรามีอำนาจ มีพลังมาก ก็จะรู้สึกคึกฮึกเหิมใจ คนที่มีฤทธิ์ก็เช่นเดียวกัน ถ้ายังมีกิเลสอยู่ ก็เกิดความฮึกเหิมใจ เลยทำการร้ายได้ยิ่งใหญ่
        ยกตัวอย่างเช่น พระเทวทัตได้ฌานสมาบัติ ได้อภิญญาที่เป็นโลกีย์ มีฤทธิ์มาก แต่เพราะยังไม่หมดกิเลส เลยเกิดไปลำพองใจในฤทธิ์ของตัวเอง แล้วไปนึกถึงการมีอำนาจ การที่จะได้ลาภสักการะอะไรใหญ่โต ก็เลยเอาฤทธิ์เข้ามาหนุนการอยากได้อำนาจและลาภสักการะนั้น เลยไปกันใหญ่ พระเทวทัตก็เสียไปเลย
        จะเห็นว่า การใช้สมาธิเพื่อวัตถุประสงค์ด้านฤทธิ์ปาฏิหาริย์นี้ อาจจะกลายเป็นเครื่องกีดขวางกางกั้นตัวเองไม่ให้ก้าวหน้าต่อไปในการที่จะบรรลุธรรมก็ได้ เพราะฉะนั้นจึงต้องระวังโดยไม่ประมาท

* ๒. สมาธิเพื่อความสุขสงบ
   ก่อนถึงประโยชน์ข้อสำคัญ คือจิตใส ขอพูดถึงการใช้สมาธิในแง่ความสงบและความสุข การใช้สมาธิเพื่อความสงบสุขก็มีประโยชน์มาก นอกจากเป็นเครื่องพักผ่อนอย่างดียิ่งแล้ว ยังใช้ป้องกันและแก้ไขปัญหาทั้งหลายในทางจิต เช่น ความเครียด ความฟุ้งซ่าน ความสับสนว้าวุ่น กระวนกระวาย ความเหงา ความว้าเหว่ เป็นต้น ทำให้จิตใจสบายมีความสุข
   อย่างไรก็ตาม การใช้ประโยชน์จากสมาธิเพียงเท่านี้ตามหลักพระพุทธศาสนาถือว่ายังไม่เพียงพอ ยังไปไม่ถึงจุดหมายของพระพุทธศาสนา เป็นเพียงการใช้สมาธิแก้ปัญหาจิตใจหรือแก้ความทุกข์ในระดับหนึ่ง นอกจากนั้นยังอาจจะกลายเป็นโทษได้ จะต้องใช้ด้วยปัญญา เพราะถ้าไม่ระวังให้ดี สมาธิที่ใช้เพื่อประโยชน์ข้อนี้อาจจะกลายเป็น สิ่งกล่อม หรือยากล่อมชนิดหนึ่ง ซึ่งทำให้เกิดความประมาทนำไปสู่ความเสื่อมเสียหาย และกลายเป็นเครื่องขัดขวางการบรรลุจุดหมายของพระพุทธศาสนา
   มีบุคคลอยู่ระดับเดียวที่ใช้สมาธิในแง่ของความสุขสงบได้อย่างปลอดภัยเต็มที่ โดยจะไม่มีทางกลายเป็นสิ่งกล่อม คือพระอรหันต์ เพราะท่านบรรลุจุดหมายของพระศาสนาแล้ว ท่านไม่มีกิจที่จะต้องทำเพื่อก้าวสู่จุดหมายนั้นอีก และท่านพ้นไปแล้วจากการที่จะมีความประมาท ท่านจึงใช้สมาธิเป็นเครื่องพักผ่อน ระหว่างทำงานเผยแผ่ธรรมเป็นต้น เรียกว่าเป็น ทิฏฐธรรมสุขวิหาร สำหรับคนทั่วไปก็ตามอย่างท่านได้ แต่ต้องอยู่ในขอบเขตที่ตามท่านจริงๆ ไม่ใช่เกินเลยไปจนกลายเป็นสิ่งกล่อม
   สิ่งกล่อม มีความหมายอย่างไร กล่อมก็หมายความว่า ทำให้สบายใจ ทำให้เพลิน คล้ายกับยากล่อมประสาท ประสาทเราไม่สบายเราตื่นเต้น เรากระวนกระวาย เราเครียด เรานอนไม่หลับ เราก็เอายานอนหลับมากิน พอกินยานอนหลับเข้าไป ก็สบาย นอนหลับได้ก็ดีเหมือนกัน แต่สิ่งกล่อมนั้นมีขอบเขต และมีโทษด้วย ถ้าขืนกล่อมอยู่อย่างนั้นตลอดไป ก็ไม่ดีแน่ ควรกล่อมได้ชั่วคราว คือกล่อมพอให้หายอาการนั้น เช่น หายจากความกระวนกระวาย กระสับกระส่ายเดือดร้อน นอนไม่หลับ พอหายแล้วก็หยุด แต่อย่าอยู่ด้วยยานอนหลับตลอดชีวิต ไม่ดีแน่
   ฉันใดก็ฉันนั้น สิ่งกล่อมของมนุษย์มีมาก ยิ่งมนุษย์ที่ทุ่งหาความสุขจากสิ่งที่เสพทางวัตถุ ต่อไปจะมีปัญหามาก วัตถุนั้นให้ความสุขได้ระดับหนึ่ง เมื่อได้ความสุขแล้ว บางทีก็เกิดความเบื่อหน่าย หรือคนอีกพวก วิ่งหาความสุขจากวัตถุเรื่อยไป แต่ไม่สนใจ ไม่ถึงจุดหมายสักที ก็วิ่งไล่ความสุขอยู่นั่น ชีวิตที่เร่งรัดแข่งขันหาผลประโยชน์ หาความสุขจากวัตถุ ทำให้เกิดสภาพจิตที่เครียด กระวนกระวาย ฟุ้งซ่าน กังวลถึงผลประโยชน์หรือลาภที่ยังไม่ได้ และหวาดกลัวหวั่นใจในสิ่งที่ได้มาแล้ว ว่าจะหลุดหาย อย่างนี้เป็นต้น เพราะฉะนั้นความสุขจากวัตถุเสพนี้ จึงรบกวนจิตใจตลอดเวลา ด้วยประการต่างๆ
   จนกระทั่งในขั้นสุดท้ายก็คือว่า คนที่มุ่งหวังความสุขจากการเสพวัตถุนี้ จะเอาความสุขไปฝากไว้กับวัตถุอย่างเดียว แต่วัตถุมันมีเวลาที่สุข มีเวลาที่เบื่อหน่าย พอเราเอาความหวังในความสุขไปฝากไว้กับวัตถุอย่างเดียว ต่อไปชีวิตจะมีความหมายด้วยวัตถุสิ่งเสพเท่านั้น พอเบื่อหน่ายวัตถุก็เบื่อหน่ายชีวิตด้วย พอผิดหวังวัตถุ ก็ผิดหวังด้วย พอวัตถุหมดความหาย ชีวิตก็หมดความหมายด้วย นี่คือปัญหาในสังคมที่เจริญแล้วที่มากไปด้วยวัตถุสิ่งเสพบริโภค
        วัตถุสิ่งเสพบริโภคเหล่านั้นไม่ได้เป็นหลักประกันของความสุข มนุษย์ที่อยู่ในสังคมที่เจริญ มีสิ่งบริโภคมากมายพรั่งพร้อม กลับปรากฏว่าฆ่าตัวตายกันมาก คนในสังคมที่ยากจนกลับไม่ค่อยฆ่าตัวตาย สังคมอเมริกันเดี๋ยวนี้ก็คงจะทราบกันดีอยู่แล้วว่า คนฆ่าตัวตายเพิ่มมากขึ้น คือ คนหนุ่มสาววัยรุ่น สถิติของ USA Today บอกว่าในช่วงเวลา ๓๐ ปีที่ผ่านมานี้ เด็กวัยรุ่นหนุ่มสาวอเมริกัน อายุ ๑๕-๑๙ ปี ฆ่าตัวตายเพิ่มขึ้น ๓๐๐% นี่เป็นสถิติของสถาบันสุขภาพจิตแห่งชาติของอเมริกัน เป็นที่งงกันไปเลยว่า ทำไมหนุ่มสาววัยรุ่นฆ่าตัวตายในขณะที่สังคมมั่งคั่งพรั่งพร้อม คนเหมือนมั่งมีศรีสุข จะเอาอะไรก็เอาได้ หนุ่มสาวก็อยู่ในวัยที่กำลังสดใส มีกำลังวังชาที่จะหาความสุข ไฉนจึงมาฆ่าตัวตายหนีความสุขไป
        สังคมที่มั่งคั่งพรั่งพร้อม ไม่เป็นหลักประกันในเรื่องที่จะมีความสุข ในสังคมแบบนี้คนมักไปฝากความสุขไว้กับการเสพวัตถุ ต่อมาพอเบื่อหน่ายวัตถุ ก็เบื่อหน่ายชีวิตด้วย ผิดหวังวัตถุก็ผิดหวังชีวิตด้วย วัตถุหมดความหมาย ชีวิตก็หมดความหมายด้วย อันนี้เป็นอันตรายที่สำคัญของสังคมและอารยธรรมปัจจุบัน มนุษย์สมัยก่อนฝากความสุขไว้กับวัตถุเสพน้อย เพราะคนสมัยก่อนไม่ค่อยมีวัตถุบริโภคมาก ความสุขของเขาอยู่ที่แหล่งอื่น แหล่งความสุขของมนุษย์ไม่ได้อยู่ที่สิ่งเสพอย่างเดียว ความสุขของเขาขึ้นกับวัตถุเสพน้อย เพราะฉะนั้นเมื่อเขาผิดหวังจากสิ่งเหล่านี้ เขาก็ไม่ฆ่าตัวตาย
        มนุษย์เรานี้มีช่องทางของความสุขมากมายหลายอย่าง แต่มนุษย์ยุคปัจจุบันนี้ ทำการพัฒนาด้วยมุ่งความเจริญพรั่งพร้อมทางเศรษฐกิจหรือทางวัตถุ จนกระทั่งเป็นบริโภคนิยม เห็นแก่การบริโภคความสุข ก็เลยมาอยู่ที่การบริโภค อยู่ที่สิ่งเสพ เพราะฉะนั้นก็เอาความหมายของชีวิต ไปรวมเป็นอันเดียวกันกับวัตถุเสพ อย่างที่กล่าวมาว่า เมื่อไรผิดหวังวัตถุเสพก็ผิดหวังชีวิตด้วย เมื่อไรวัตถุเสพหมดความหมายชีวิตก็หมดความหมายด้วย นี่คือสภาพสังคมอเมริกันเป็นต้น ในปัจจุบันนี้กำลังจะเป็นมากขึ้น เป็นพิษเป็นภัยของอารยธรรมที่เดินมาในทางที่ผิดพลาด
ขอหันกลับมาพูดเรื่องการใช้สมาธิเป็นสิ่งกล่อม ในสังคมที่มีปัญหาจิตใจมาก คนต้องการความสุขจากวัตถุเสพ คนอยากได้แต่ไม่ได้อย่างใจบ้าง หรือได้แล้วแต่ไม่สุขสมหวังบ้าง อยากมีวัตถุหวังว่าจะมีความสุข แต่พอได้จริงหาได้มีความสุขอย่างนั้นไม่ ทำอย่างไรชีวิตนี้จึงจะมีความหมาย บางคนก็เบื่อชีวิตไปเลย อาจจะฆ่าตัวตาย ถ้าไม่เอาอย่างนั้นก็หันไปหาสิ่งกล่อม เพราะฉะนั้นทางออกสำคัญสำหรับคนเหล่านี้ที่ไม่ได้ความสุขสมหมายก็คือ สิ่งกล่อม เริ่มด้วยยาเสพติด สังคมแบบนี้ก็มียาเสพติดเป็นที่พึ่ง ยาเสพติดเป็นทางออกช่วยให้มีความสุขในสังคมแบบนี้ก็จะปรากฏว่า มีสิ่งเสพติดเกลื่อนกลาดไปหมด ตอนนี้สิ่งเสพติดก็เข้าไปเมืองไทยด้วย แม้แต่ในโรงเรียนยาบ้าก็กำลังระบาดพอถึงวันเหมาะๆ ก็ต้องตรวจปัสสาวะนักเรียนทุกคนว่าคนไหนติดยาบ้าบ้าง เวลานี้ปัญหาเมืองไทยกำลังหนัก เยาวชนของเราก็จะแย่
        สังคมปัจจุบันมุ่งหวังความสุขจากสิ่งเสพ ความสุขของเขาอยู่ที่สิ่งเสพ เมื่อไม่ได้ความสุขจากสิ่งเสพก็หาสิ่งกล่อมมาแทน คือ ยาเสพติด สิ่งกล่อมที่มีในสังคมมานานแล้ว ที่เป็นสิ่งเสพติดเก่าก็คือ สุรา ถ้าไม่สุราก็การพนัน ถ้าไม่พนันก็สิ่งกล่อมที่ประณีตขึ้นมาก็คือดนตรี สิ่งบันเทิง กีฬา พวกนี้ใช้เป็นประโยชน์ได้ด้วย แต่ถ้าใช้เป็นสิ่งกล่อม ไปติดเพลินเมื่อไหร่ก็มีโทษทันที สิ่งกล่อมที่ประณีตขึ้นมาทางจิต คือ สมาธิ ซึ่งช่วยให้ไม่ต้องหันไปพึ่งสิ่งเสพติด ไม่ต้องหันไปพึ่งดนตรี มีปัญหา เครียด มีความทุกข์ใจ กระวนกระวาย กลุ้มใจ เข้าสมาธิก็สงบ สบาย หนีจากสิ่งเดือดร้อนกลุ้มใจไปได้เพราะสมาธิเป็นสิ่งที่ช่วยให้เกิดความสงบสุข
        แต่ถ้าใช้ในความหมายนี้ ใช้ไปใช้มา ถ้าไม่ระวัง สมาธิก็กลายเป็นสิ่งกล่อมนั่นเอง สิ่งกล่อมเป็นอย่างไร ก็ทำให้เราหายจากความเครียด ความทุกข์ ความเดือดร้อนใจ มีความสุข หลบปัญหาได้ หนีปัญหาได้ พ้นไปจากทุกข์ชั่วคราว แต่ปัญหาที่แท้จริงไม่ได้แก้ กิเลสในใจส่วนลึกก็ยังมีอยู่ และปัญหาภายนอก ปัญหาในครอบครัว ปัญหาในสังคมก็ไม่ได้แก้ เวลาเกิดทุกข์ขึ้นมา ไม่สบายใจก็นั่งสมาธิ หลบไปทีหนึ่ง ก็กล่อมไปได้ทีหนึ่ง แต่ปัญหาไม่ได้แก้ ถ้าอย่างนี้ก็ลำบาก สะสมปัญหา ในสังคมฝรั่ง คนไม่น้อยที่หันมาสนใจสมาธิในฐานะเป็นสิ่งกล่อม เพราะฉะนั้น เราอย่ามาจมอยู่แค่นั้น ถ้าขืนจมอยู่ในแง่เป็นสิ่งกล่อมก็จะผิด ผิดอย่างไร ผิดหลักการสำคัญ ๒ ประการ
        ๑. ตกอยู่ในความประมาท พอกล่อมแล้วสบายใจ หลบปัญหาได้ หลบทุกข์ได้ชั่วคราว ก็กลายเป็นคนหนีปัญหา ปัญหาที่แท้จริงไม่แก้ เมื่อหลบปัญหาก็เกิดความประมาท มัวแต่นั่งสบาย ไม่ต้องทำอะไร สิ่งที่จะต้องทำก็ไม่ทำ ปัญหาที่ควรจะแก้ก็ไม่แก้ ความเพียรพยายามที่จะกระทำการก็หยุด เกิดความประมาท อันนี้ผิดหลักสำคัญของพระพุทธศาสนา
        ๒. ขัดกับไตรสิกขา แต่ที่สำคัญยิ่งกว่านั้นก็คือ ตามหลักพระพุทธศาสนา ธรรมทั้งหมดอยู่ในระบบของหลักการใหญ่ที่เรียกว่า สิกขา ๓ สิกขา คือการฝึกฝน การเรียนรู้ฝึกหัดพัฒนาตน ทำให้ชีวิตเจริญก้าวหน้าไปสู่จุดหมายคือความดับทุกข์โดยสิ้นเชิง ตราบใดที่ยังไม่ถึงจุดหมายหยุดไม่ได้ กระบวนการปฏิบัตินี้เรียกว่า ไตรสิกขา สมาธิ เป็นองค์ประกอบอยู่ในกระบวนการของไตรสิกขานี้ เพราะฉะนั้น สมาธิจะต้องเป็นเครื่องช่วยให้เราก้าวต่อ สู่ธรรมที่สูงขึ้นไป ไม่ใช่กล่อมให้หยุดให้เพลินจมอยู่กับที่

* ๓. สมาธิเพื่อจิตใสและขยายปัญญา
        ไตรสิกขา เป็นระบบที่รวมองค์ธรรมต่างๆ มากมายเข้ามาสัมพันธ์กัน เพื่อจะเดินหน้าไปสู่จุดหมาย ดังนั้นธรรมทุกอย่างในไตรสิกขาซึ่งเป็นข้อย่อยๆ นี้ จะต้องสัมพันธ์กัน ในลักษณะที่ส่งผลต่อกันเป็นปัจจัยส่งต่อแก่ข้ออื่นๆ ต่อไป ข้อธรรมทั้งหลายในพระพุทธศาสนาถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการแห่งไตรสิกขา ซึ่งเป็นระบบสัมพันธ์แห่งองค์ธรรมที่เป็นปัจจัยหนุนเนื่องต่อกันไปสู่จุดหมาย เพราะฉะนั้นองค์ธรรมทุกข้อ จะต้องมีความหมายในเชิงเป็นปัจจัยหนุนเนื่องส่งต่อแก่ข้ออื่น ถ้าปฏิบัติธรรมแล้ว ล่องลอยอยู่ หรือทำให้อยู่กับที่ แสดงว่าผิด อันนี้หลักใหญ่ที่ชิวินิจฉัย เพราะธรรมทุกข้อไม่พ้นไตรสิกขา คือ ศีล สมาธิ ปัญญา
        ไม่ว่าท่านจะเอาหลักธรรมข้อไหนมา จะเอาเมตตา กรุณา สติ สมาธิ ข้อไหนก็ตาม ทุกข้ออยู่ในไตรสิกขาหมด เมื่อมันอยู่ในไตรสิกขา มันก็อยู่ในระบบ มันก็อยู่ในกระบวนการคืบหน้า ที่ต้องเดินไปสู่จุดหมายเดียวกัน ทุกข้อจึงต้องส่งผลต่อกัน ในลักษณะใดลักษณะหนึ่ง ถ้าปฏิบัติธรรมข้อใดแล้ว ทำให้หยุด ทำให้ล่องลอยไร้จุดหมายก็แสดงว่าผิด
        ถ้าเราปฏิบัติสมาธิแล้ว กลายเป็นเครื่องกล่อม ทำให้เพลินสงบอยู่ ก็หยุด แสดงว่ามันด้วน ไม่ส่งผลต่อกระบวนการไตรสิกขา ไม่เดินหน้า ก็ผิด ถ้าปฏิบัติถูก ต้องส่งผลในไตรสิกขา
        สมาธิเป็นปัจจัยแก่อะไร ว่าโดยหลักใหญ่ สมาธิเป็นปัจจัยแก่ปัญญา เพราะสมาธิทำให้จิตใจสงบ ใส และมีกำลัง แต่ลักษณะที่จิตสงบก็ดี ใสก็ดี มีกำลังก็ดี คือจิตพร้อมที่จะทำงาน ลักษณะสำคัญของจิตที่เป็นสมาธิ ท่านเรียกว่าเป็นกัมมนิยัง หรือกรรมนีย์ นี่แหละเป็นตัวสำคัญที่พระพุทธเจ้าต้องการ คือจิตเป็นสมาธิปุ๊บ ก็เป็นกัมมนิยังทันที กัมมนิยัง หรือกรรมนีย์ แปลว่า เหมาะแก่การใช้งาน จึงต้องเอาไปใช้อย่าไปหยุดอยู่ ถ้าจิตเป็นสมาธิแล้วหยุดสบาย ก็แสดงว่าพลาดแล้ว พระพุทธเจ้าต้องการให้เอาจิตที่เป็นกรรมนีย์นี้ไปใช้งาน ไม่ใช่ให้มานอนเสวยสุขอยู่เฉยๆ ใช้งานอะไร ไตรสิกขา คือ ศีล สมาธิ ปัญญา สมาธิเป็นองค์ที่ ๒ ส่งผลหนุนเนื่องให้เกิดปัญญา ก็เอาไปใช้งานทางปัญญา นี่คือประโยชน์ข้อที่ ๒ ที่บอกว่าเป็นคุณลักษณะของจิตที่สำคัญ คือทำให้จิตใส ไม่มีอะไรมารบกวน ทำให้ใช้งานในทางปัญญาได้เต็มที่
        คนเรานี้ยิ่งเรื่องละเอียดอ่อนลึกซึ้งเท่าไร การที่จะคิดพิจารณาให้รู้ให้เข้าใจ ก็ยิ่งต้องการจิตที่แน่วแน่เท่านั้น ถ้าเรื่องไม่ละเอียดอ่อนไม่ลึกซึ้ง เราก็ไม่ต้องใช้ปัญญามาก แม้แต่จะทำงานทำการ หรือฟังครูอาจารย์สอนบรรยาย ถ้าเราไม่มีสมาธิบ้างเยก็ไม่รู้เรื่อง ปัญญาไม่เกิด เพราะฉะนั้นปัญญาจะทำงานได้ ต้องอาศัยจิตที่เป็นสมาธิมากบ้างน้อยบ้างตามแต่เรื่องนั้นจะละเอียดลึกซึ้งแค่ไหน
        ตกลงว่า สิ่งที่ต้องการในพระพุทธศาสนาอยู่ในข้อที่ ๓ นี้ คือ การมีสมาธิ ที่ทำให้จิตพร้อมที่จะใช้งาน และงานสำคัญที่ต้องการใช้คือปัญญาที่จะรู้เข้าใจความจริงของสิ่งทั้งหลาย จนกระทั่งเข้าถึงความจริงของธรรมชาติ รู้เข้าใจธรรมชาติของสิ่งทั้งหลายว่าเป็นอย่างไร รู้สิ่งทั้งหลายตามที่มันเป็นจริง นี้เป็นสิ่งที่ต้องการ ถ้าไม่รู้ถึงขั้นนี้แล้วกิเลสไม่หมด ฉะนั้นจึงต้องให้เชื่อมต่อระหว่างสมาธิกับปัญญา
        ตอนนี้ที่พูดมาก็เพื่อให้เห็นว่า เรื่องสมาธินี้ต้องระวังเหมือนกัน ถ้าไม่เข้าใจหลักการของพระพุทธศาสนาให้ชัด ก็อาจจะเขวได้ เพราะคุณประโยชน์ ๓ ประการนี้ มีช่องทางการใช้ต่างกันออกไป ตอนนี้ขอสรุปขั้นหนึ่งก่อนว่า คุณสมบัติหรือคุณประโยชน์ของสมาธิที่สำคัญ ๓ ประการ คือ
        ๑. สมาธิทำให้จิตแน่วแน่เกิดพลัง ซึ่งอาจจะนำไปใช้ในเรื่องของฤทธิ์ เรื่องของปาฏิหาริย์ เป็นหลังจิต
        ๒. สมาธิทำให้จิตใส ทำให้มองเห็นอะไรชัดเจน เกื้อกูลต่อการใช้ปัญญา
        ๓. สมาธิทำให้จิตสงบ ทำให้เกิดความสุข
        เวลานี้สังคมมีปัญหาทางจิตใจมากเพราะพิษภัยของวัตถุนิยม คนจึงไปหวังประโยชน์ข้อที่ ๓ จากสมาธิมาก ซึ่งยังไม่ใช่จุดมุ่งหมายของพระพุทธศาสนา ขอให้จำหลักการสำคัญของพระพุทธศาสนาว่า ถ้าปฏิบัติธรรมอะไรแล้วทำให้เกิดความประมาท ก็ผิด ถ้าปฏิบัติธรรมอะไรแล้ว ไม่ส่งผลให้ก้าวต่อไปในระบบแห่งกระบวนการของไตรสิกขา ไม่เคลื่อนสู่จุดหมาย ก็ผิด ต้องระวังให้ดี

* ผลพลอยได้
   ก่อนที่จะย้อนกลับมาพูดเรื่องสมาธิในแง่ที่เป็นจุดมุ่งหมายของพุทธศาสนา จะพูดถึงผลพลอยได้พิเศษบางอย่าง ซึ่งเป็นประโยชน์ในยุคปัจจุบัน แต่เป็นประโยชน์ข้างเคียง ซึ่งจะเอามาเป็นจุดมุ่งหมายของพุทธศาสนาไม่ได้
   จิตที่เป็นสมาธินั้น เป็นจิตที่อยู่ตัวลงตัว เรียกว่าจิตเข้าที่ ต่างกับจิตของเราตามปกติที่วุ่นวาย ฟุ้งซ่าน เดี๋ยวคิดเรื่องโน้น เดี๋ยวคิดเรื่องนี้ ท่านว่าเหมือนกับลิง ลิงนี้อยู่กับที่ไม่ได้ มันอยู่ไม่สุข กระโดดจากกิ่งไม้นี้ไปกิ่งไม้โน้น วิ่งกระโดดไปเรื่อย จิตของเราก็เป็นอย่างนั้น ออกจากเรื่องนี้ไปเรื่องโน้น มีเรื่องราวมากมาย และชอบไปจับเอาเรื่องที่ไม่ควรคิดมาคิด หวนละห้อย โกรธงอน เรื่องที่ยังไม่มาก็ไปวิตกกังวลจิตก็ไม่สบาย พอจิตไม่สบาย จิตไม่อยู่ตัว ทุกข์ทางใจก็เกิดขึ้น แต่จิตใจนี้ทำงานสัมพันธ์กับร่างกาย เราต้องระวังนึกถึงหลักนี้เสมอ
   ชีวิตของเรานี้ประกอบด้วยกายกับใจ ใจกับกายนี้ทำงานประสานกัน สัมพันธ์กัน ส่งผลกระทบต่อกัน ถ้าจิตไม่ปกติ จิตไม่ลงตัว กายก็มีปัญหาด้วย เพราะฉะนั้นการทำงานของร่างกายก็ไม่เข้าที่ด้วย เช่นเกิดอารมณ์ขึ้นมา มีความโกรธ พอจิตโกรธ กายเป้นอย่างไร หัวใจก็เต้นแรง หายใจดัง ยิ่งโกรธมากยิ่งหายใจแรง หายใจดังฟืดฟาดอย่างกับคนขึ้นเขา พอมีอารมณ์กลัวก็หน้าซีด บางทีหยุดกลั้นหายใจ เลือดลมเดินไม่ปกติ ร่างกายเปลี้ยหมด ทำให้เกิดปัญหาทางร่างกาย ถ้าเป็นบ่อยๆ จิตจะเครียดอยู่ตลอดเวลา สภาพจิตกับกายตอนนี้เป็นรอยต่อสำคัญ คือตอนเครียด ถ้าจิตเครียดกายก็เครียดด้วย พอกายเครียดการทำงานของร่างกายก็จะวิปริตหมด สุขภาพก็เสีย โรคภัยไข้เจ็บก็ตามมา
   เพราะฉะนั้นผลพลอยได้ที่สำคัญก็คือพอเราทำสมาธิได้ จิตทำงานดี ลงตัว เรียบและราบรื่น เข้าอยู่ในดุลยภาพ เมื่อจิตอยู่ในภาวะสมดุล ปลอดโปร่ง การทำงานของร่างกาย เช่นลมหายใจ ก็ปรับดีด้วย สม่ำเสมอ ถ้าจิตเป็นสมาธิลึกขึ้นไป ละเอียดขึ้นไป ก็สงบมาก พอสงบมาก การใช้พลังงานก็น้อยลง
   การทำงานของจิตนี้อาศัยสมอง สมองทำงานก็ต้องใช้เลือดเลี้ยง เลือดก็ต้องอาศัยออกซิเจน ออกซิเจนก็อาศัยการหายใจ เมื่อจิตเป็นสมาธิดีขึ้น ใจสงบ ไม่หนัก ไม่เหนื่อย ก็ต้องการพลังงานน้อยลง การเผาผลาญของร่างกายก็น้อยลง ความต้องการออกซิเจนก็น้อยลง การหายใจก็ประณีตขึ้น หลักก็มีบอกไว้ว่า ถ้าเข้าสมาธิถึงฌานที่ ๔ ไม่หายใจเลย หมายความว่า วัดด้วยมาตรฐานของคนปกติ เรียกว่าไม่หายใจ เอามือมาแตะรูจมูกจะไม่ปรากฏลมหายใจ เพราะลมหายใจประณีตมาก ต้องการออกซิเจนนิดเดียว ออกวิเจนที่เข้าไปในร่างกายเล็กน้อยก็เลี้ยงร่างกายไปได้นาน คนที่เข้าสมาธิลึกๆ จิตสงบมาก การหายใจก็ราบรื่นและต้องการพลังงานน้อย การเผาผลาญร่างกายน้อยก็มีผลต่อร่างกาย ทำให้สุขภาพดี เลือดลมเดินคล่อง ทำให้อายุยืน และสมาธินี้มาได้ในรูปต่างๆ เช่นเจริญพรหมวิหารทำให้จิตใจชุ่มชื่น เย็นสบาย ทำให้หน้าตาอิ่มเอิบ แก่ช้า เป็นต้น
   สภาพร่างกายกับจิตสัมพันธ์กัน ถ้าเราทำตรงข้ามกับที่กล่าวมานี้ คือไม่มีสมาธิ เช่นโกรธขึ้นมา ปัญหาทางกายก็ตามมาทันที เพราะต้องการพลังงานเผาผลาญมาก ก็ต้องหายใจแรงๆ หัวใจก็ต้องเต้นแรง ปอดก็หายใจฟูดฟาดๆ ใช้ลมมากเหมือนอย่างคนเดินขึ้นเขา ซึ่งเหนื่อยมาก ถ้าโกรธอยู่เรื่อย ทั้งใจและกายก็เสื่อมโทรมไว
   พอได้หลักนี้ก็หมายความว่า สมาธิมีผลในด้านสุขภาพ ก็เลยเอาสมาธิมาใช้ในการรักษาโรคได้ด้วย อันนี้เป็นผลพลอยได้อย่างหนึ่ง เวลานี้ก็ปรากฏว่าในเมืองอเมริกานี้เอง มีการนำสมาธิมาใช้ประโยชน์ในการรักษาโรค แม้แต่โรคที่แก้ไขไม่หาย เช่น University of Massachusetts ได้เปิดคลินิกด้านนี้ขึ้นมา ตอนนี้ทางรัฐบาลอเมริกันก็ถึงกับยอมรับให้ Medicare ให้เงินมาสำหรับการรักษาโรค โดยวิธีของการใช้สมาธิประสานกันกับการบริหารร่างกายด้วย อาจารย์ที่ชำนาญในสมาธิก็ไปทำงานเป็นจริงเป็นจัง มหาวิทยาลัยยอมรับกลายเป็นกิจการ เป็นคลินิกในโรงพยาบาล หรืออย่างที่มหาวิทยาลัย Harvard คุณหมอท่านหนึ่งเล่าว่า เขาเปิดการสอนสมาธิในการรักษาโรค อันนี้ก็เป็นเรื่องผลพลอยได้
   ที่จริงถ้าโยมดูแล้ว ทั้งหมดที่กล่าวมาก็เป็นเรื่องเดียวกัน คือ พอจิตอยู่ตัวเป็นสมาธิก็ได้ดุล จิตก็ลงตัวของมัน ไม่มีอะไรมากวน ลองนึกดูว่าจิตของคนที่ไม่มีอะไรมากวน จะสบายแค่ไหน เมื่อไม่มีอะไรมากวน สภาพจิตดีแล้ว สภาพร่างกายก็ปรับเข้ากัน สอดคล้องกับจิตนั้นการทำงานของร่างกายก็ราบรื่นลงตัวดี อย่างที่ภาษาไทยโบราณเรียกว่าเลือดลมเดินดี ทุกอย่างก็เป็นไปด้วยดี ร่างกายก็ปกติ ไม่เครียด ไม่มีตัวมากีดมากั้นมาบีบมากด การทำงานของเลือดลมต่างๆ ก็เลยคล่องสุขภาพก็ดี จึงรักษาโรคได้
   เอากันง่ายๆ แม้แต่ในชีวิตประจำวัน เวลาไหนเราเกิดใจไม่สบาย เช่น โกรธขึ้นมา หรือกลัวขึ้นมา หรือประหม่า ถ้าเรามีสตินึกได้ก็หายใจยาวๆ เท่านั้นแหละ จะดีขึ้นทันที พอโกรธขึ้นมาก็หายใจยาวๆ หายใจเข้ายาว หายใจออกยาว แบบสบายๆ อย่างมีสติ ความโกรธก็จะเบาบางลง และสภาพร่างกายที่ไม่สบายก็จะผ่อนคลายไปด้วย หรือมีเรื่องอะไรที่เป็นปัญหาทางอารมณ์ ก็เอาวิธีนี้มาใช้ทันที เป็นวิธีง่ายๆ ใช้แค่ลมหายใจที่มีอยู่แล้ว
   การหายใจเป็นตัวอย่างของความสัมพันธ์ ระหว่างกายกับจิต เหมือนกายคนเดินขึ้นเขา พอเหนื่อยก็หายใจแรง แต่ถึงแม้ไม่ได้ไปขึ้นเขาสักหน่อย ไม่ได้ใช้แรงกายสักหน่อย พอโกรธขึ้นมาก็หายใจแรงอย่างกับคนเดินขึ้นเขา แสดงว่ากายกับจิตมันสัมพันธ์กัน ทีนี้เราย้อนกลับเอากายมาช่วยปรับจิต คือในเสลาที่สภาพจิตไม่ดีนั้น ลมหายใจเราไม่ปกติ เราก็ปรับลมหายใจของเราให้ดี ปรับลมหายใจให้สม่ำเสมอ สติก็มา เพราะเวลาเราหายใจอย่างนั้น เราต้องมีสติ พอสติมาอย่างนี้ สติเป็นองค์ธรรมฝ่ายจิต กายกับจิตมาสัมพันธ์กันก็ปรับสภาพจิตอีกทำให้ความโกรธเบาลง จากนั้นก็มีปัญญาเริ่มมองเห็นอะไรๆ พิจารณาได้ แต่ถ้าโกรธเอาแต่อารมณ์ ปล่อยอารมณ์ไปอย่างไม่มีสติ จะทำอะไรก็ไม่รู้จักยับยั้ง ก็พลาดเสียเลย ฉะนั้นท่านจึงบอกว่าคนโกรธปัญญาดับมืด ปัญญาหายไป คนโกรธไม่รู้ดำไม่รู้แดง ไม่รู้ดีไม่รู้ชั่ว คนโกรธฆ่าได้แม้กระทั่งแม่ของตัวเอง ซึ่งก็เป็นความจริงอย่างนั้น
   เพราะฉะนั้น ถ้าเราเกิดความโกรธขึ้นมา ก็อาศัยวิธีง่ายๆ ตั้งใจหายใจให้ดี เพราะตอนนั้นเราไม่รู้ตัวว่าเราแทบไม่หายใจ หรือหายใจแรงเกินไป เราก็ปรับลมหายใจให้สบายๆ หายใจยาวๆ เข้ายาวออกยาว อารมณ์ของเราก็จะบรรเทาเบาลง จิตก็จะสงบลง สติก็ดีขึ้น ปัญญาก็จะมา คิดอะไรได้ชัดเจนขึ้น แม้แต่ในชีวิตประจำวัน การนำสมาธิมาใช้ก็มีประโยชน์ เอามาใช้ได้ทุกเรื่องทุกเวลา แม้แต่ถ้าไม่มีอะไรจะทำ แม้แต่ไม่ได้เกิดอารมณ์โกรธ ไม่ได้เครียด นั่งอยู่เฉยๆ จิตมันจะฟุ้งซ่าน ก็มาดูลมหายใจ หายใจเข้า หายใจออกสบายๆ อย่างมีสติ ให้จิตของเราอยู่กับลมหายใจ แค่นี้ก็มีประโยชน์
   การทำสมาธิในชีวิตประจำวันมีประโยชน์มากมาย แต่ประโยชน์นั้นมีหลายขั้นตอนอย่างที่กล่าวมาแล้ว ประโยชน์ที่แท้จริง ที่ตรงตามหลักของพุทธศาสนา คือประโยชน์ในไตรสิกขาที่ว่าสมาธิเป็นตัวส่งผลต่อปัญญา โดยเป็นปัจจัยในกระบวนการปฏิบัติสู่จุดหมาย หมายความว่า เมื่อสมาธิมาแล้ว ก็ทำให้จิตเป็นกรรมนีย์ เหมาะแก่การใช้งาน แล้วก็เอามาใช้งานทางปัญญา คือทำการพินิจพิจารณาจนเข้าถึงพระไตรลักษณ์ รู้ความเป็นจริงของสิ่งทั้งหลายแล้วจิตหลุดพ้นเป็นอิสระก็จะถึงจุดหมายของพระพุทธศาสนา อันนี้แหละเป็นตัวจริงที่ต้องการ
   เวลานี้เมื่อคนมาพูดเรื่องสมาธิกัน เราจะต้องพิจารณาว่าเขากำลังพูดถึงสมาธิในความหมาย คุณค่า หรือประโยชน์แง่ใด และถูกต้องตามหลักพระพุทธศาสนาหรือไม่ ขอย้ำว่า เวลานี้ในสังคมตะวันตก คนมักนึกถึงสมาธิในความหมายแบบที่ว่ามานี้ คือ มุ่งแค่จะเอามาแก้ปัญหาจิตใจที่เครียด ที่มีความทุกข์เท่านั้นเอง ซึ่งถ้าไม่ระแวงให้ดี ก็จะกลายเป็นสิ่งกล่อมอย่างที่กล่าวมา และพอกล่อมแล้ว ก็กลับจะมีโทษแก่ชีวิตและสังคมได้ ไม่ใช่สิ่งที่จะมีแต่ผลดี.

...................................................................

ที่มา: พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ.ปยุตฺโต). (๒๕๕๕). คู่มือชีวิต. (น.๑๗๔-๒๐๑). กรุงเทพฯ: บริษัทอมรินทร์พริ้นติ้งแอนด์พับลิชชิ่ง จำกัด (มหาชน).

398
ตู้ที่กองอำนายการเปิดให้บูชาตลอดงานประจำปี ปิดทองรอยพระพุทธบาทจำลอง.





401

   ตามที่พี่หนึ่ง (ผู้การเสือ) ได้วานให้ข้าพเจ้าหาข้อมูล รวมถึงที่ตั้งของโรงเจวัดบางพระ (ศาลเจ้าแม่ทับทิม) เพื่อเป็นข้อมูลสำหรับให้เพื่อนสมาชิกกระดานสนทนาวัดบางพระได้ศึกษาประวัติความเป็นมาอันเป็นประวัติศาสตร์ที่อยู่คู่กับวัดบางพระมาอย่างช้านาน

   ประกอบกับขณะนี้ทางวัดบางพระได้บอกบุญสาธุชนให้ได้ร่วมบริจาคปัจจัย เพื่อสมทบทุนในโครงการบูรณะโรงเจวัดบางพระ (ศาลเจ้าแม่ทับทิม) โดยจะเริ่มทำการบูรณะตั้งแต่วันที่ ๑ มิถุนายน ๒๕๕๖

   โอกาสนี้เองข้าพเจ้าจึงไปลงพื้นที่สัมภาษณ์เก็บข้อมูลจากชาวบ้านในละแวกโรงเจวัดบางพระ (ศาลเจ้าแม่ทับทิม) เพื่อนำข้อมูลมาเล่าสู่กันฟัง รายละเอียดมีดังนี้

   โรงเจวัดบางพระ หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่า "ศาลเจ้าแม่ทับทิม" จากคำบอกเล่าของป๋าทุม ท่านเล่าให้ฟังว่า ตอนท่านเกิดมาก็เห็นโรงเจวัดบางพระแห่งนี้แล้ว จำได้ว่าสมัยก่อนยังเคยไปดูงิ้วที่มาแสดงที่โรงเจวัดบางพระนี้ด้วย เมื่อสอบถามไปถึงที่ตั้งของโรงเจก็ได้ความว่าอยู่บริเวณหน้าวัดบางพระแค่นี้เอง จากนั้นจึงสอบถามเส้นทางกับพี่นรินทร์ได้ความว่า ที่ตั้งของโรงเจวัดบางพระ (ศาลเจ้าแม่ทับทิม) อยู่บริเวณเดียวกับเส้นทางบิณฑบาตของหลวงพี่นัน ข้าพเจ้าจึงเดินไปสำรวจเส้นทางดังกล่าว พร้อมกับถามชาวบ้านในละแวกนั้น จึงมาถึงยังโรงเจวัดบางพระ (ศาลเจ้าแม่ทับทิม)


ภาพมุมสูงจาก google

เส้นทางเดินเท้าไปยังโรงเจวัดบางพระ (ศาลเจ้าแม่ทับทิม) เริ่มต้นที่ซุ้มประตูทางเข้าหน้าวัดบางพระ

เมื่อพ้นจากซุ้มประตูหน้าวัดบางพระ ฝั่งตรงข้ามจะเป็นร้านค้า ซอยทางเข้าโรงเจวัดบางพระ (ศาลเจ้าแม่ทับทิม) อยู่บริเวณวงกลมสีแดง

ซอยตรงข้ามวัดบางพระ ทางเข้าโรงเจวัดบางพระ (ศาลเจ้าแม่ทับทิม)

เดินเข้าไปจนสุดซอยแล้วเลี้ยวขวา

เมื่อเลี้ยวขวามาแล้ว ก็เดินตามทางไปเรื่อยๆตามลูกศรสีแดง

เดินตรงไปแล้วเลี้ยวขวาตรงเสาไฟฟ้า

เดินตรงเข้าไป โรงเจวัดบางพระ (ศาลเจ้าแม่ทับทิม) อยู่ทางด้านขวามือ

ถึงโรงเจวัดบางพระ (ศาลเจ้าแม่ทับทิม)

   จากคำบอกเล่าของชาวบ้านในแถบนี้เล่าว่า โรงเจแห่งนี้มีอายุเก่าแก่เป็นร้อยปีขึ้นไป คนเฒ่าคนแก่เล่าให้ฟังว่าสมัยก่อนที่โรงเจแห่งนี้ใช้เป็นสถานที่ประกอบพิธีกรรม และเป็นโรงทานแจกอาหารเจ ตามความเชื่อของคนไทยเชื้อสายจีน ยิ่งโดยเฉพาะในช่วงเทศกาลถือศีลกินเจ ก็จะมีคนหลั่งไหลมาสักการะบูชาประกอบพิธีกรรมตามความเชื่อกันอย่างมากมาย และอยู่คู่กับวัดบางพระเสมอมาตั้งแต่โบราณ

   จากเดิมที่เป็นโรงเจ ต่อมาก็เปลี่ยนเป็นศาลเจ้าแม่ทับทิม เหตุเพราะมีผู้คนพบเห็นวิญญาณผู้หญิงชุดไทยเดินอยู่บนโรงเจ แม้แต่ผู้ที่สัญจรทางเรือ เมื่อมองขึ้นมาบนฝั่งก็พบเห็นวิญญาณผู้หญิงชุดไทยเช่นเดียวกัน ทำให้เกิดความเชื่อว่าสถานที่ตรงนี้เป็นที่สถิตของวิญญาณที่คอยปกปักษ์รักษาผู้คนในแถบนี้ ในสมัยก่อนจะเรียกว่า "อาม่า" มาปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเรียกเป็น "เจ้าแม่ทับทิม"


มุมภาพที่มองขึ้นมาจากแม่น้ำนครชัยศรี จะสังเกตเห็นโรงเจวัดบางพระ (ศาลเจ้าแม่ทับทิม) อยู่ตรงกลางพอดี

ถัดจากโรงเจวัดบางพระ (ศาลเจ้าแม่ทับทิม) ไปเล็กน้อย จะเป็นแม่น้ำนครชัยศรี ติดกับวัดบางพระ

   สิ่งหนึ่งที่สังเกตเห็นถึงความแตกต่างระหว่างโรงเจทั่วไปกับโรงเจวัดบางพระ (ศาลเจ้าแม่ทับทิม) แห่งนี้ ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ที่มีอยู่เพียงแห่งเดียวนั่นคือ ตามปกติโรงเจจะสร้างด้วยศิลปะแบบจีน แต่ที่โรงเจวัดบางพระ (ศาลเจ้าแม่ทับทิม) แห่งนี้ กลับเป็นสถาปัตยกรรมแบบไทย โครงสร้างทั้งหมดทำจากไม้สัก ประกอบกันด้วยการเข้าสลักไม้ (ไม่ใช้ตะปู) ยกพื้นลักษณะคล้ายเรือนไทยภาคกลาง หรือแม้แต่เสาฟ้าดินของเดิมก็เป็นเสาไม้สัก (ปัจจุบันชาวบ้านได้รื้อออกแล้วสร้างเป็นศาลเล็กๆ แทน ตั้งอยู่บริเวณด้านหน้าข้างซ้ายของโรงเจ)

ลักษณะการเข้าสลักไม้ของโรงเจวัดบางพระ (ศาลเจ้าแม่ทับทิม)

ศาลที่สร้างแทนเสาฟ้าดิน บริเวณด้านหน้าข้างซ้ายของโรงเจ

   ด้านหน้าข้างขวาของโรงเจ ก็ยังพบเตาเผาหงิ่นเตี๋ย (กระดาษเงิน-กระดาษทอง, กระดาษที่ใช้รองอาหารเซ่นไหว้ตามความเชื่อของจีน) แต่ลักษณะรูปทรงเป็นแบบไทย และมีร่องรอยลายศิลปะตกแต่งบนผิวปูนชั้นนอกอีกด้วย ซึ่งชาวบ้านบอกว่าเป็นลายที่มีมาแต่เดิม ไม่ได้ทำใหม่แต่อย่างใด

เตาเผากระดาษศิลปะรูปทรงแบบไทย บนผิวปูนมีลายปรากฏให้เห็น

   สภาพที่เห็นในปัจจุบันนี้ได้รับการปรับปรุงบ้างแล้วบางส่วน อาทิเช่นชาวบ้านนำตะปูมาตอกยึดเพื่อช่วยพยุงโครงสร้างไม่ให้พังลงมา สำหรับความเชื่อที่ว่าเจ้าแม่คอยคุ้มครองผู้คนแถวนี้ ก็ดูได้จากกระเบื้องหลังคาหรือชิ้นส่วนโครงสร้างตัวอาคารของโรงเจบางส่วนที่ชำรุดหล่นลงมาจำนวนมาก ก็ไม่เคยเกิดอันตรายแก่ผู้คนที่ผ่านไปมาแถวนั้นเลย ปัจจุบันชิ้นส่วนที่ชำรุดตกหล่นทั้งหมด ชาวบ้านได้นำมากองรวมไว้บริเวณใต้ศาล โดยไม่มีใครกล้าหยิบเอาไปเลย เพราะกลัวว่าจะส่งผลไม่ดีต่อตนเองและครอบครัว

ชิ้นส่วนโครงสร้างที่ชำรุดผุพัง

   ในส่วนบันไดทางขึ้นด้านหน้าที่เห็นว่าทำขึ้นมาใหม่ ชาวบ้านเล่าว่าเดิมก่อนที่จะปรับปรุงขึ้นใหม่อย่างในปัจจุบัน ขั้นบันไดมีสภาพที่ผุพังชำรุดอย่างมาก เหตุเพราะเป็นส่วนที่ยื่นออกมาจากตัวอาคารจึงตากแดดตากฝน ทำให้ผุพังชำรุดมากกว่าส่วนอื่นๆ เรียกได้ว่าหากเหยียบขึ้นไปก็เกรงว่าบันไดจะพังลงมา
   
   ผู้ที่มาสร้างบันไดใหม่นี้คือเจ้าของโรงสีปฐมวิวัฒน์ (ทางเข้าห้วยพลู) โดยทางเจ้าของโรงสีปฐมวิวัฒน์ (ป้าลุ้ย) ได้ว่าจ้างช่างมาสร้างบันไดใหม่ ช่างได้เล่าให้ชาวบ้านฟังว่า เจ้าแม่ไปเข้าฝันเจ้าของโรงสี บอกว่าทางขึ้นบ้านชำรุด อยากมาช่วยทำใหม่ให้หน่อย จึงได้ว่าจ้างช่างมาทำบันไดทางขึ้นให้ใหม่ตามที่เจ้าแม่ไปเข้าฝันขอความช่วยเหลือ

บันไดทางขึ้นโรงเจวัดบางพระ (ศาลเจ้าแม่ทับทิม) ที่สร้างขึ้นใหม่

   ในปัจจุบันโรงเจวัดบางพระ หรือศาลเจ้าแม่ทับทิมแห่งนี้ ก็ยังคงเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวบ้าน โดยในวันพระหรือวันสำคัญทางศาสนา ชาวบ้านก็จะนำอาหารคาวหวานมาเซ่นไหว้ บนบานสานกล่าวอยู่เป็นประจำ และในช่วงเทศกาลสงกรานต์จะมีงานประจำปี โดยชาวบ้านจะนิมนต์พระสงฆ์มาเจริญพระพุทธมนต์, ฉันภัตตาหาร เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้กับเจ้าแม่ทับทิมเป็นประจำทุกปี (ในปีนี้จะจัดในวันที่ ๑๔ เมษายน ๒๕๕๖)

   ความเชื่อของชาวบ้านเกี่ยวกับการขอการบนบานเจ้าแม่ทับทิมนี้ ท่านห้ามเรื่องการเสี่ยงโชคทุกชนิด ประมาณว่าหากจะมาขอเรื่องโชคลาภที่เกี่ยวเนื่องกับอบายมุขเป็นอันไม่สำเร็จทุกราย แต่ถ้าหากขอโชคลาภการทำมาค้าขายในทางสุจริตก็จะสำเร็จเป็นอัศจรรย์ โดยนิยมแก้บนด้วยผลไม้, ชุดไทยฯ

   นอกจากนี้ยังกล่าวกันว่า เมื่อครั้งสมัยที่หลวงพ่อเปิ่นยังดำรงสังขารอยู่ ท่านเคยบอกไว้ว่า ที่โรงเจวัดบางพระ หรือ ศาลเจ้าแม่ทับทิมแห่งนี้ ยังคงมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่สถิตประจำอยู่ ทำให้ชาวบ้านยิ่งมีความเคารพนับถือเจ้าแม่ทับทิมมากยิ่งขึ้น



บรรยากาศด้านในโรงเจวัดบางพระ (ศาลเจ้าแม่ทับทิม)


   ขณะนี้ทางวัดบางพระนำโดยพระครูอนุกูลพิศาลกิจ (สำอางค์ ปภสฺสโร) มีโครงการที่จะบูรณะโรงเจวัดบางพระ (ศาลเจ้าแม่ทับทิม) โดยยังขาดทุนทรัพย์อีกจำนวนมาก ท่านใดที่ประสงค์จะร่วมบุญบูรณะโรงเจวัดบางพระ เรียนเชิญที่วัดบางพระกันได้ครับ


   ทั้งนี้สามารถร่วมบุญรับมงคลวัตถุ "เทพจำแลงภมร" เป็นที่ระลึกนึกถึงบุญครั้งนี้ได้ที่กุฏิหลวงพี่ญาและกุฏิหลวงพี่ปาด จัดสร้าง ๒ พิมพ์ ด้านหน้าเป็นเทพภมรจำแลงเพ้นท์สี ด้านหลังเป็นยันต์ลายมือหลวงพ่อเปิ่น

   ๑. พิมพ์ใหญ่ เพ้นท์สี ฝังพลอย ร่วมบุญ ๑,๕๐๐ บาท (จำนวนสร้างประมาณ ๖๐๐ องค์)



   ๒. พิมพ์เล็ก เพ้นท์สี ร่วมบุญ ๓๐๐ บาท (จำนวนสร้างประมาณ ๕๐๐ องค์)



        ๓. พิมพ์เล็ก ไม่เพ้นท์สี ร่วมบุญ ๕๐ บาท



   เทียบขนาดพิมพ์ใหญ่กับพิมพ์เล็ก

   รายละเอียดเพิ่มเติมจากระทู้ของพี่นนท์ http://www.bp.or.th/webboard/index.php?topic=29234

อนุโมทนากับผู้ร่วมบุญครั้งนี้ทุกท่านด้วยครับ
.สาธุ..สาธุ..อนุโมทามิ.

ปุญฺญานุสฺสติ(สิบทัศน์)

406
(บางภาพไม่ค่อยชัด ขออภัยไว้ล่วงหน้าครับ)













































































มีต่อ>>>

407
เช้าวันอังคารที่ ๑๙ มีีนาคม ๒๕๕๖ ณ วัดบางพระ ต.บางแก้วฟ้า อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม

(วันคล้ายวันเกิดครบ ๕ รอบ อายุวัฒนมงคลแซยิด ๖๐ ปี พระครูอนุกูลพิศาลกิจ (สำอางค์ ปภสฺสโร))

หลวงพ่อสำอางค์เมตตาอธิษฐานจิตเสื้อที่ระลึกเว็บไซต์วัดบางพระ รุ่น ๕ ในเวลา ๐๙.๓๙ น.

ช่วงบ่ายได้จัดส่งให้ทุกท่านที่สั่งจองให้ส่งทางไปรษณีย์เรียบร้อยแล้วครับ

สำหรับท่านที่จะมารับเสื้อเองที่วัด สามารถรับเสื้อได้ที่สำนักงานวัดบางพระ (ติดต่อหลวงพี่เก่ง).















408
:100:เลสกับเหรียญบูชาครู เราไปบูชาได้เลยหรือเปล่าครับ หรือต้องรอบูชาวันไหว้ครู  :100:

บูชาที่กุฏิใหญ่ได้เลยครับ.

409
รายการวัตถุมงคลบูชาครู ๕๖ ที่ออกให้บูชา


เลสข้อมือบูชาครู ๕๖








เหรียญบูชาครู ๕๖






เหรียญบูชาครู ๕๖ เนื้อโลหะสามกษัตริย์ บูชาเหรียญละ ๓๐๐ บาท




เหรียญบูชาครู ๕๖ เนื้อทองแดงรมดำ บูชาเหรียญละ ๑๕๐ บาท



ติดต่อบูชาได้ที่กุฏิใหญ่ วัดบางพระ

******************************************************

เตรียมงานมุทิตาวันคล้ายวันเกิดพระครุอนุกูลพิศาลกิจ (สำอางค์ ปภสฺสโร) เจ้าอาวาสวัดบางพระ แซยิด ๖๐ ปี




ดอกไม้จากวัดสำโรง





หนังสือและมงคลวัตถุที่ระลึก แจกในวันงาน




******************************************************

แถม update ล่าสุด เสื้อที่ระลึกเว็บไซต์วัดบางพระรุ่น ๕ @สำนักงานวัดบางพระ


410




(กุฏิทรงไทยชายน้ำวัดบางพระก่อนหลวงพี่สุธีเดินทางไปอินเดีย)

411

********************************************

ความหมายของวันมาฆบูชา

   วันมาฆบูชาจัดเป็น “วันแห่งพระธรรม” เพราะเป็นวันที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง “โอวาทปาฏิโมกข์” แก่พระสงฆ์เป็นครั้งแรก ซึ่งประกอบด้วยอุดมการณ์ หลักการ และวิธีการของพระพุทธศาสนา ส่วน “วันแห่งพระพุทธ” คือ วันวิสาขบูชา เพราะเป็นวันที่พระพุทธองค์ประสูติ ตรัสรู้ ปรินิพพาน และ “วันแห่งพระสงฆ์” คือ วันอาสาฬหบูชา เพราะเป็นวันที่บังเกิดมีพระสงฆ์ครบองค์พระรัตนตรัยเป็นครั้งแรกในโลก

   คำว่า “มาฆะ” เป็นชื่อของเดือนสาม ย่อมาจากคำว่า “มาฆปูรณมี” หมายถึง การบูชาพระในวันเพ็ญกลางเดือนสาม การกำหนดวันมาฆบูชาตามปฏิทินจันทรคติของไทยนั้น ตรงกับวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือนสาม แต่ถ้าปีใดมีเดือนอธิกมาส คือ มีเดือนแปด ๒ ครั้ง วันมาฆบูชาก็จะเลื่อนไปเป็นวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือนสี่ และมักตรงกับเดือนกุมภาพันธ์หรือมีนาคม สำหรับปี พ.ศ. ๒๕๕๖ นี้ วันมาฆบูชาตรงกับวันจันทร์ที่ ๒๕ กุมภาพันธ์
ประวัติความเป็นมาของวันมาฆบูชา
   
   ภายหลังจากการตรัสรู้ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาแล้วเป็นเวลา ๙ เดือน ได้เกิดเหตุอัศจรรย์ขึ้นพร้อม ๆ กันถึง ๔ ประการ ในวันมาฆบูชา ได้แก่

   (๑) วันนั้นตรงกับวันเพ็ญ ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือนสาม ซึ่งพระจันทร์เสวยมาฆฤกษ์

   (๒) พระสงฆ์จำนวน ๑,๒๕๐ รูป มาประชุมพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย ณ วัดเวฬุวัน กรุงราชคฤห์ แคว้นมคธ เพื่อถวายสักการะแด่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า

   (๓) พระสงฆ์ที่มาประชุมทั้งหมดล้วนเป็นพระอรหันต์ผู้ได้อภิญญาหก

   (๔) พระสงฆ์ทั้งหมดล้วนได้รับการอุปสมบทโดยตรงจากพระสัมมาสัมพุทธเจ้า คือ เอหิภิกขุอุปสัมปทา

   และเพราะเหตุอัศจรรย์ ๔ ประการข้างต้นนี้ จึงทำให้วันมาฆบูชามีอีกชื่อหนึ่งว่า วันจาตุรงคสันนิบาต ซึ่งมีความหมายดังนี้คือ จตุร แปลว่าสี่, องค์ แปลว่า ส่วน, สันนิบาต แปลว่า การประชุม รวมความแล้วหมายถึง การประชุมที่ประกอบด้วยองค์สี่

ความสำคัญของวันมาฆบูชา

   พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงโอวาทปาฏิโมกข์แก่พระสงฆ์เป็นครั้งแรกในวันมาฆบูชา เป็นปาฏิโมกข์ที่พระพุทธองค์ทรงแสดงด้วยพระองค์เองท่ามกลางที่ประชุมสงฆ์ตลอดปฐมโพธิกาล คือ ๒๐ พรรษาแรก หลังจากนั้นทรงบัญญัติให้พระสงฆ์แสดง “อาณาปาติโมกข์” อย่างปัจจุบันนี้แทน

   โอวาทปาติโมกข์หรือโอวาทสาม คือคำสอนที่เป็นหัวใจของพระพุทธศาสนา ได้แก่ พระพุทธพจน์ ๓ คาถากึ่ง ซึ่งเป็นแม่บทในการเผยแผ่คำสอนของพระพุทธศาสนา เป็นการประกาศจุดยืนที่ชัดเจนของพระพุทธศาสนา

   โอวาทปาติโมกข์ แบ่งโครงสร้างออกเป็น ๓ ส่วนใหญ่ คือ

   ๑. พระพุทธพจน์คาถาแรก ทรงกล่าวถึงอุดมการณ์

   ๒. พระพุทธพจน์คาถาที่สอง ทรงกล่าวถึงหลักการ

   ๓. พระพุทธพจน์คาถาที่สาม ทรงกล่าวถึงวิธีการ

   ๑. อุดมการณ์ คือ เป้าหมายสูงสุดในการดำเนินชีวิต มี ๓ ประการ ได้แก่

   ๑). ความอดทน คือ เป้าหมายสูงสุดในการดำเนินชีวิต ความอดทน เป็นตบะที่ดีที่สุดในการเผากิเลสให้หลุดจากใจ

   ๒). นิพพาน พระพุทธเจ้าทั้งหลายกล่าวว่านิพพานเป็นบรมธรรม เป็นเป้าหมายสูงสุดของมนุษยชาติ

   ๓). ไม่ทำร้ายและไม่เบียดเบียนผู้อื่น

   ๒. หลักการ คือ หัวใจของคำสอนที่ควรปฏิบัติในการดำเนินชีวิตที่ถูกต้อง เพื่อบรรลุอุดมการณ์ ซึ่งเป็นคำสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย มี ๓ ประการ ได้แก่

   ๑). การไม่ทำบาปทั้งปวง ได้แก่ อกุศลกรรมบถ ๑๐ เป็นต้น

   ๒). การทำกุศลให้ถึงพร้อม ได้แก่ กุศลกรรมบถ ๑๐ เป็นต้น

   ๓). การทำจิตใจให้ผ่องใส ได้แก่ การเจริญสมาธิภาวนา ทั้งสมถภาวนา (จิตภาวนา) และวิปัสสนาภาวนา (ปัญญาภาวนา) เป็นต้น

   ซึ่งหลักการทั้งสามข้างต้นสามารถสรุปเป็นคำขวัญได้ว่า “ละชั่ว ทำดี ทำใจให้ผ่องใส”

   ๓. วิธีการ คือ แนวทางการปฏิบัติฝึกหัดขัดเกลาตน และเป็นแนวทางที่พระภิกษุที่เป็นพระธรรมทูตผู้เผยแผ่พระพุทธศาสนา ซึ่งมีเป็นจำนวนมากใช้เหมือนกัน เพื่อจะได้เป็นไปในแนวทางเดียวกันและถูกต้องเป็นธรรม ได้แก่วิธีการทั้ง ๖ ดังนี้
   
   ๑). การไม่กล่าวร้าย

   ๒). การไม่ทำร้าย

   ๓). ความไม่สำรวมในปาติโมกข์ คือ รักษาความประพฤติให้น่าเลื่อมใส

   ๔). ควรเป็นผู้รู้จักประมาณในอาหาร คือ เสพปัจจัยสี่อย่างรู้ประมาณ

   ๕). อยู่ในที่นั่งที่นอนอันสงัด เพื่อให้ตนเองมีโอกาสในการประกอบความเพียรในอธิจิตได้เต็มที่

   ๖). ประกอบความเพียรในอธิจิต เพื่อบรรลุอุดมการณ์ คือ มรรค ผล นิพพาน อันเป็นเป้าหมายสูงสุดของชีวิต

กิจกรรมที่ควรปฏิบัติในวันมาฆบูชา

   เนื่องจากวันมาฆบูชาเป็นวันที่สำคัญที่สุดวันหนึ่งของพระพุทธศาสนา ดังนั้นพุทธศาสนิกชนทุกท่านจึงควรถือโอกาสวันหยุดราชการนี้ปรารภเหตุในการทำความดีทุกรูปแบบให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ โดยปฏิบัติตนตามคำสอนทุก ๆ ข้อ ทั้ง ๑๒ ข้อ ในโอวาทปาติโมกข์ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า อันได้แก่ อุดมการณ์สาม หลักการสาม และวิธีการหก เพื่อเป็นสิริมงคลแก่ตนเองและครอบครัว ตลอดจนสังคมและประเทศชาติ

   นอกจากนี้ ในปี พ.ศ. ๒๕๔๙ รัฐบาลไทยยังได้ประกาศให้วันมาฆบูชาเป็นวันกตัญญูแห่งชาติอีกด้วย ดังนั้น จึงควรที่สาธุชนจะกระทำการกตัญญูกตเวทีต่อบิดามารดา ญาติผู้ใหญ่และผู้มีพระคุณ โดยพาไปวัดเพื่อประกอบการบุญการกุศลพร้อมหน้ากันอย่างอบอุ่นทั้งครอบครัว

*****************************************************************

ที่มา : วารสารอยู่ในบุญ ปีที่ ๑๑ ฉบับที่ ๑๒๔ เดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๖ หน้า ๕๖-๖๐ บทความบุญ เรื่องโดย พระกฤตยะ สิทฺธมโน



กิจกรรมงานบุญของวัดบางพระเนื่องในวันมาฆบูชา ๒๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖

- ปฏิบัติธรรมรักษาศีล ๘ ณ หอสวดมนต์

- ฟังธรรม ถวายภัตตาหารเช้า ณ ศาลาการเปรียญ

- ภาคค่ำ เวียนเทียนรอบอุโบสถ.

412

ขอเรียนเชิญสาธุชนทุกท่าน ร่วมแสดงมุทิตาสักการะ เนื่องในโอกาสครอบครอบวันเกิด ๕ รอบ แซยิด ๖๐ ปี

พระครูอนุกูลพิศาลกิจ (สำอางค์ ปภสฺสโร) เจ้าอาวาสวัดบางพระ อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม

ในวันอังคารที่ ๑๙ มีนาคม ๒๕๕๖ ณ วัดบางพระ.

*กำหนดการในวันงานจะมาแจ้งอีกครั้งในภายหลัง*






มงคลวัตถุที่ระลึก "รูปหล่อหลวงพ่อสำอางค์(อุดกริ่ง)"





มงคลวัตถุที่ระลึก "เหรียญที่ระลึก แซยิด ๖๐ ปี หลวงพ่อสำอางค์ (แกะบล็อค พ.ศ.ผิด)"


**********************************************



413
M ชาย จำนวน ๑ ตัว

โอนเงินแล้ว ๑๔/๐๒/๒๕๕๖ เวลา ๑๖.๐๑ น. (๓๕๐ บาท)

*รับเองที่สำนักงานวัดบางพระ.

414
งานวัดตอนกลางคืนไม่มีหรือครับ

มีครับ...























































"นตฺถิ ตณฺหา สมา นที"

415

ภาพจากเฟสบุ๊ค "วัดบางพระ จ.นครปฐม (หลวงพ่อเปิ่น)"




๒๕ มกราคม ๒๕๕๖ พาหลานเที่ยวงานทำบุญ ชมบรรยากาศ ณ วัดบางพระ



















งานยังมีอีก ๒ วัน (๒๖ - ๒๗ มกราคม ๒๕๕๖) เรียนเชิญทุกท่านมาร่วมทำบุญกันนะครับ

. . . . . . . . .

416
เหรียญเนื้อทองแดงกะไหล่เงิน จำนวนสร้าง ๕๐๐ เหรียญ (เหลือไม่มาก)


417
ล็อกเก็ตหลวงปู่เปิ่นเป็นยังไงหรอครับเปิดให้จองนานหรือยังครับ
ล็อกเก็ตหลวงปู่เปิ่นขาวดำสวยครับฝังเหรียญทันหลวงปู่เปิ่นตอกโค้ต9ตัว(หลวงพ่อต้อยท่านเจิมแป้ง)ครับเปิดจองกับเหรียญรุ่นนี้ครับมีไม่มากนะครับผมว่าท่านเห็นแล้วคงต้องบูชา ลองดูกระทู้ ของท่านสิบทัศน์อะครับ :ร่วมทำบุญเทพื้นคอนกรีดครับ

ผมไปวัดเห็นแต่ป้ายเหรียญหลวงปู่หิ่มหลวงพ่อเปิ่น ไม่เห็นล็อกเก็ตหลวงพ่อเปิ่น เลยไม่รู้ครับอยากเห็นรูปล็อกเก็ตอ่าครับว่าเป็นยังไง



รายละเอียดทั้งหมด ตามกระทู้นี้ครับ...
http://www.bp.or.th/webboard/index.php?topic=28857

418

ไม่ดีครับ.


ไม่ดีครับ.


ดูโค้ด "ป" ที่สังฆาฏิ ,เนื้อระฆัง ยังไม่ชี้ชัดครับ.



ศึกษาได้จากกระทู้ของท่าน nok2009.
http://www.bp.or.th/webboard/index.php?topic=9879

419
บทความ บทกวี / โหราทายทัก
« เมื่อ: 06 ม.ค. 2556, 01:36:06 »
ทำไมคนเราเชื่อเรื่องการดูหมอ

        ธรรมชาติของมนุษย์มีอวิชชา คือ ความไม่รู้ห่อหุ้มใจอยู่ เพราะฉะนั้นจึงเกิดความไม่เชื่อมั่นในตัวเอง เรื่องนี้เป็นมาแต่โบราณ พอเห็นฟ้าแลบ ฟ้าผ่า หรือพายุมาก็กลัว แล้วไม่รู้จะทำอย่างไร เลยเริ่มหาที่พึ่ง จึงเกิดการสร้างให้มีเทพขึ้นมา เช่น เทพประจำภูเขา เทพเจ้าพายุ เทพเจ้าลม เทพเจ้าฝน เทพเจ้าไฟ เห็นต้นไม้ใหญ่ ๆ น่าจะมีเทพอยู่ ก็ไหว้ต้นไม้ บางทีก็ไหว้จอมปลวก โดยหวังว่าถ้ากราบไหว้อ้อนวอนเทพเจ้าเหล่านี้แล้วจะปลอดภัย

        เวลาเจอปัญหาส่วนตัว แต่เทพเจ้าคุยด้วยไม่ได้ ก็ต้องหาใครสักคนมาแนะนำ เลยมีหมอดู มีพวกเข้าทรงขึ้นมา ใครมีปัญหาแล้วรู้สึกว่าลำพังตังเองไม่สามารถที่จะตัดสินใจอะไรได้ หวังพึ่งอำนาจภายนอกที่รู้สึกว่าศักดิ์สิทธิ์ ที่มั่นใจได้มากกว่า ก็เลยไปหาคนทรงบ้าง หมอดูบ้าง ซึ่งหมอดูเหล่านี้ทำนายตามหลักโหราศาสตร์ ซึ่งเป็นเรื่องของการเก็บสถิติ

        โดยสรุปเริ่มต้นจากความไม่รู้ที่หุ้มห่อใจมนุษย์ แล้วนำไปสู่ความไม่เชื่อมั่นในตัวเอง ต้องการที่พึ่ง ที่พึ่งใหญ่ ๆ ก็กลายเป็นเทพ ที่พึ่งย่อย ๆ เฉพาะตัวบุคคลก็กลายเป็นหมอดู

เคยไปดูหมอ หมอดูบอกว่าถ้าจับไพ่ได้หมายเลขห้าติดกันห้าใบ เขาบอกว่าเทพไม่ให้ดู อย่างนี้เป็นจริงไหม

        พระพุทธองค์ทรงกล่าวไว้ว่า “ประโยชน์ล่วงเลยคนพาลผู้ไม่รู้สัจธรรม ผู้มัวรอแต่ฤกษ์ยามอยู่ ประโยชน์ย่อมเป็นฤกษ์ของประโยชน์เอง ดวงดาวจะทำอะไรได้”

        เวลาสร้างโบสถ์ สร้างอาคาร สร้างโรงพยาบาล จะมีการวางศิลาฤกษ์ วัตถุประสงค์เพื่อประกาศให้ทุกคนรู้ว่าจะมีการก่อสร้างสิ่งนี้ขึ้นมาเพื่อสาธารณะประโยชน์ จะได้มาช่วยกันสร้างให้สำเร็จ แต่ถ้าสร้างบ้านไม่ต้องวางศิลาฤกษ์ ถ้าเป็นของสาธารณะไม่มีใครจ่ายเงินโดยตรง ต้องมีการวางศิลาฤกษ์ แจ้งข่าวให้ทุกคนมาช่วยกัน แล้วจะเลือกวันไหนดี ปีหนึ่งมี ๑๒ เดือน ใน ๑๒ เดือนนี้ มีเดือนรวยเดือนจน เช่น เดือนพฤษภาคมเป็นเดือนจน เพราะโรงเรียนเปิดเรียน ต้องจ่ายค่าเทอม มกราคมก็เดือนจนเพราะเพิ่มแจกของขวัญและมีรายจ่ายอื่น ๆ อีกเยอะแยะ ถ้าจะวางศิลาฤกษ์ต้องเลือกเดือนรวย และเลือกเดือนที่ฝนไม่ตก เพราะถ้าฝนตกคนมางานไม่สะดวก การก่อสร้างก็ไม่สะดวก ฉะนั้นเดือนที่เหมาะน่าจะเป็นเดือนธันวาคม พ้นฝนไปแล้ว และยังอยู่ในช่วงเดือนรวย อากาศก็เย็นสบาย ถัดมาดูว่าวันไหนสะดวกที่สุด ก็ต้องวันอาทิตย์ วันธรรมดาเขาทำงานกัน แล้วจะเลือกอาทิตย์ไหน ต้นเดือนหรือปลายเดือน ต้นเดือนเงินเดือนเพิ่งออกเป็นวันที่รวยที่สุด ดังนั้นสรุปว่าเอาเดือนธันวาคม วันอาทิตย์ต้นเดือน เสร็จแล้วจะเอาเวลากี่โมง ตี ๓ มีคนมาไหม เขาไม่มา จากกรุงเทพฯ มาถึงวัดใช้เวลาประมาณ ๑ ชั่วโมง เริ่มพิธีสัก ๙ โมงครึ่ง อย่างนี้สะดวก นี่คือฤกษ์พระพุทธเจ้า

        มีโยมมาถามหลวงพ่อว่า หลวงพ่อครับผมจะลงเสาเอกสร้างบ้าน หลวงพ่อช่วยดูฤกษ์ให้หน่อย หลวงพ่อท่านถามว่ามีที่หรือยัง เรียบร้อยแล้วครับ สถาปนิกออกแบบหรือยัง เสร็จแล้วครับ งบประมาณเตรียมไว้หรือยัง เตรียมแล้วครับ บริษัทรับเหมาติดต่อได้หรือยัง หาได้แล้วครับ ท่านบอกพรุ่งนี้เริ่มได้เลย ถ้าเงื่อนไขทุกอย่างพร้อม ประชุมสรุปกันแล้วก็เดินหน้าเลย นี่คือการดูฤกษ์แบบพระพุทธเจ้า ไม่ใช่ดูดวงดาว แต่ต้องอยู่บนพื้นฐานของเหตุผลและความพร้อม

เวลาดวงตกหรือโชคไม่ค่อยดี เขาให้ไปแก้ดวง ไปเสริมดวง ทำแล้วได้ผลจริงหรือไม่

        ถ้าเรามีอุปสรรคเกิดขึ้นในชีวิต แล้วอยากแก้ไขให้ผ่านพ้นไป วิธีที่ดีที่สุดก็คือ ต้องไปเสริมบุญ จะเสริมดวงต้องไปเสริมบุญ คือทำบุญทั้งตักบาตร ถวายสังฆทาน เสร็จแล้วก็รักษาศีล ศีล ๘ ยิ่งดี ในวันพระหรือวันเกิดก็ได้ แล้วสวดมนต์นั่งสมาธิทุกวัน ทำทาน รักษาศีล ทำภาวนาให้ครบ บุญก็จะหนุนส่งเรา แล้วเราจะเอาชนะอุปสรรคได้ เพราะวิบากกรรมในอดีตที่เคยทำไว้ชาติที่แล้วเยอะแยะ มันเป็นเหมือนระเบิดเวลารอจังหวะที่จะส่งผล หรือถ้าจะเปรียบชีวิตเราเหมือนเรือ อุปสรรคเหล่านี้ก็เปรียบเสมือนหินโสโครกใต้น้ำ ที่เรือของเราพร้อมจะไปเกยโดยไม่รู้ตัว ทำให้เกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น แต่หินโสโครกที่น่ากลัวนั้น ถ้าน้ำขึ้นสูง เรื่อวิ่งฉิวผ่านสบายเลย เรามีผลของวิบากกรรมเป็นเหมือนระเบิดเวลาในชีวิตอยู่ ถ้าเราไปเติมบุญก็เหมือนกับน้ำขึ้น หนุนนาวาชีวิตเราขึ้นไป ผ่านอุปสรรคไปได้ฉิวเลย ไม่มีปัญหา นี่คือการเสริมดวงที่ถูกต้องตามหลักพระพุทธศาสนา คือ ทำบุญกิริยาวัตถุทั้ง ๓ (ทาน ศีล ภาวนา) ให้ครบ แล้วจะผ่านอุปสรรคไปได้


ปัจจุบันมีหมอดูชื่อดังออกมาทำนายทายทักผ่านสื่อว่าจะเกิดเหตุการณ์อย่างนี้อย่างนั้น ซึ่งคนส่วนใหญ่ก็มักจะเชื่อเสียด้วย เราควรจะเชื่อหรือไม่


        เอาเป็นว่าแต่ละหมอที่ลงหนังสือไปเปิดอ่านดูเถิด จะพบว่าผิดมากกว่าถูก แค่นี้ก็ตอบได้แล้วว่าควรเชื่อหรือไม่ สังคมเราตอนนี้กำลังขาดปัญญา แล้วก็สับสนไม่รู้จะไปทางไหน ก็เลยหันมาหาโหราศาสตร์เป็นที่พึ่ง

        ในบ้านเมืองที่พัฒนากว่าเรา เวลาเกิดปัญหาเขาจะตัดสินใจแก้ไขบนพื้นฐานของข้อมูล ไม่มาเถียงกันจนประชาชนที่รับข่าวสารไม่รู้จะไปทางไหน เขาจะเอาคนที่เก่งเรื่องนั้นที่สุดมากลุ่มหนึ่ง แล้วตั้งคณะศึกษารวมข้อมูลทั้งโลกที่มีคนเคยทำมาหลาย ๆ รูปแบบ มาดูว่ามีข้อดีข้อเสียอย่างไรบ้าง แล้วนำเสนอกับประชาชนผ่านสื่อมวลชน ประชาชนพอรับข้อมูลอย่างนี้หูตาสว่างเลย รู้แล้วว่าควรจะวินิจฉัยอย่างไร มีหลักในการตัดสินใจอย่างไร เพราะเห็นตัวอย่างที่เกิดขึ้นทั้งโลก ถ้าสื่อมวลชนนำเสนออย่างนี้ ประชาชนจะฉลาดขึ้น แล้วก็ไม่ต้องพึ่งหมอดูมาก สังคมก็จะมีภูมิต้านทาน ไม่อ่อนแอ ผู้คนไม่เป็นโรคตื่นข่าวลือ


การดูดวงหากไม่มีวิจารณญาณหรือไม่มีการตั้งสติเลย จะส่งผลกับครอบครัวหรือสังคมอย่างไรบ้าง


        เราทุกคนเป็นเหมือนนายท้ายเรือ หากเรานำเรือชีวิตของเราโดยอิงเหตุผลและข้อมูล ก็เหมือนไต้ก๋งที่จะเดินเรือไปไหนก็ตั้งเป้าหมาย เสร็จแล้วก็ดูทิศทางลม สำรวจภูมิประเทศ แนวหินโสโครกมีตรงไหน ร่องน้ำลึกที่จะเดินเรือได้ปลอดภัยอยู่ตรงไหน แล้วเดินเรือไปด้วยข้อมูลที่มีอยู่ ก็จะมีความปลอดภัยสูง แต่ถ้าพึ่งหมอดู ก็เหมือนกับแล่นนาวาชีวิตไปตามที่คนอื่นบอก เขาบอกให้เลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวาก็เลี้ยว ถามว่าทำไมต้องเลี้ยว ไม่รู้ ไม่มีเหตุผล ก็คนนั้นเขาบอกให้เลี้ยว ลองคิดดูว่า ถ้าเราจะต้องขึ้นเรือโดยสาร ๒ ลำนี้ เราจะเอาไต้ก๋งแบบไหน ถ้าเราเป็นหัวหน้าครอบครัว เราก็ต้องเป็นหลักให้สมาชิกในครอบครัวได้ ขืนเดินตามหมอดูชีวิตนี้คงไม่สดใสแน่ แล้วถ้าเป็นผู้นำองค์กร ผู้นำประเทศ ยิ่งต้องตัดสินโดยอิงข้อมูลความเป็นไปที่แท้จริง จึงจะนำนาวาขององค์กร ของประเทศชาติไปในทิศทางที่ถูกต้องได้


มีหลักและวิธีการตั้งสติรับมือกับข่าวต่าง ๆ อย่างมีเหตุมีผลอย่างไรบ้าง


        ในกาลามสูตร พระพุทธเจ้าตรัสว่าอย่าเชื่อโดยเหตุ ๑๐ อย่าง คืออย่าเชื่อโดยฟังสืบกันมา, อย่าเชื่อโดยถือว่าเป็นของเก่าเล่าสืบ ๆ กันมา, อย่าเชื่อเพราะข่าวเล่าลือ, อย่าเชื่อโดยอ้างคัมภีร์หรือตำรา, อย่าเชื่อโดยคิดเดาเอาเอง, อย่าเชื่อโดยคิดคาดคะเนอนุมานเอา, อย่าเชื่อโดยตรึกเอาตามอาการที่ปรากฏ, อย่าเชื่อเพราะเห็นว่าตรงกับความเห็นของตน, อย่าเชื่อว่าผู้พูดควรเชื่อได้ และอย่าเชื่อว่าผู้พูดนั้นเป็นครูของเรา

        ทั้ง ๑๐ ประการนี้ ไม่ให้เชื่อโดยอิงเหตุภายนอก ต้องไตร่ตรองอย่างละเอียดลึกซึ้ง ดูว่าเรื่องนั้นมีเหตุผลอย่างไร ดีไม่ดีอย่างไร ดูความเชื่อมโยงสัมพันธ์โดยองค์รวมกับข้อมูลเดิมที่เรามีอยู่ว่าเข้ากันไหม ไตร่ตรองดีแล้วจึงสรุปตัดสินใจ ถ้าประยุกต์มาใช้ในสถานการณ์ปัจจุบันก็คือ ไม่ใช่อ่านหนังสือพิมพ์แล้วเชื่อเลย เพราะที่จริงแล้วคอลัมน์ต่าง ๆนั้น เป็นความเห็นของคน ๆ เดียว เราต้องแยกให้ได้ว่าอะไรเป็นความเห็น อะไรคือความจริง และต้องเก็บข้อมูลที่เป็นความจริงไว้ในใจเราจำนวนหนึ่ง ถึงคราวไปเจอที่ใครเขาว่ามา เราก็เทียบดูว่าสอดคล้องไหม ขัดแย้งกันไหม แล้วไตร่ตรองโดยภาพรวมให้ออก ค่อย ๆ ฝึกอย่างนี้ พอมองความสัมพันธ์เชื่อมโยงข้อมูลเรื่องต่าง ๆ ออก เราจะวินิจฉัยข่าวสารที่ได้รับแต่ละชิ้นว่า ข่าวสารเหล่านี้เราควรเชื่อไหม ไม่ใช่เจอนักวาทศิลป์พูดแล้วดูมีเหตุมีผลก็เชื่อเลย

        เชื่อไหมว่าในบางแง่มุม คนมีความรู้หลอกง่ายกว่าคนที่มีความรู้น้อย เพราะคนมีความรู้ชอบคิดอะไรโดยตรรกะ พอเหตุผลสอดคล้องกับตรรกะก็เชื่อเลย ที่นี้ถ้าไปเจอนักให้เหตุผลที่ให้เหตุผลแบบนักโต้วาที คือให้บางส่วน คนฟังไม่มีเวลาคิดละเอียด เขายกนั่นยกนี่มาพูด ฟังแล้วน่าเชื่อถือ ก็โดนหลอกไปเลย แต่คนมีความรู้น้อยคิดเรื่องตรรกะไม่ค่อยเป็น ถ้าจะถามว่ารัฐบาลบริหารประเทศดีหรือไม่ดี เขาจะล้วงกระเป๋าดูว่ามีสตางค์ไหม เศรษฐกิจในครอบครัวเขาดีขึ้นไหม ถ้าดีขึ้น เขาก็บอกว่ารัฐบาลทำดี เขาตัดสินด้วยความจริง ฉะนั้นหลอกยาก แต่คนมีความรู้บางทีติดกับดักความรู้ของตัวเอง ให้พึงสังวรไว้ อย่ารีบด่วนเชื่อแล้วรีบสรุป ตรึกตรองให้ละเอียดรอบคอบแล้วเราจะไม่พลาด

ผู้หญิงคนหนึ่งไปดูดวงมาว่าจะคบกับคนนี้ได้หรือเปล่า หมอดูฟันธงว่าคบไม่ได้ เขาก็เชื่อหมอดู อย่างนี้ถูกไหม


        ไม่ถูก ชีวิตตัวเองตัดสินโดยหมอดู เชื่อหมอดูมากกว่าเชื่อคนที่รู้จักกันมาตั้งนานก็ผิดหลักอยู่แล้ว เรื่องความเชื่อมั่นนี่แปลก เคยมีทหารไทยไปรบในสงครามเกาหลี ระหว่างรบระเบิดลงตูมกระเด็นไปที่ริมหนองน้ำ พระหลุดจากคอ ตกใจรีบคว้าใส่ปากแล้วลุยต่อไป คราวนี้พระเต้นได้ เต้นตุบ ๆ อยู่ในปาก เจ้าตัวฮึกเหิมมาก พระแสดงอิทธิฤทธิ์แล้วลุยสะบั้นหั่นแหลก รบเสร็จแล้วเอาพระมาดู ปรากฏว่าเป็นลูกกบ ถ้ารู้แต่ต้นว่าเป็นลูกกบสงสัยไม่กล้า นี่คือเรื่องของกำลังใจ ความเข้าใจผิดอย่างนี้ก็มีเหมือนกัน เพราะฉะนั้นเราอย่าเอาตรงนี้เป็นสาระ ให้ตัดสินใจด้วยเหตุ ด้วยผล ด้วยข้อมูล ด้วยการไตร่ตรองอย่างละเอียดลึกซึ้ง ถ้าอย่างนี้ถือว่าเป็นผู้มีปัญญา ไม่เชื่อคนง่าย ไม่หลงไปกับกระแสข่าวลือ ถ้าสังคมไหนมีคนอย่างนี้เยอะ ๆ สังคมนั้นจะเป็นสังคมที่อุดมด้วยปัญญาและจะมีความเจริญ แต่จะได้อย่างนี้ต้องตั้งสติดี ๆ แล้วก็นั่งสมาธิด้วย พอใจสงบ เราจะมองเห็นอะไรกระจ่างขึ้น มิฉะนั้นจะแยกแยะอะไรไม่ออก ภาพมันจะพร่า ถ้าใจนิ่ง ภาพจะชัด สามารถวินิจฉัยได้ว่าอะไรเป็นอะไร ให้เราพึ่งตนเอง เชื่อมั่นในเรื่องกรรม ไม่ใช่พรหมลิขิต ให้ทำความดี แล้วทุกอย่างจะดีเอง

        มีเรื่องหนึ่งที่น่าสนใจ คือเรื่องของฮวงจุ้ย ที่ภาษาจีนกลางเรียกว่าฟงสุย “ฟง” แปลว่า ลม “จุ้ย” หรือ “สุย” แปลว่า น้ำ พูดง่าย ๆ ว่าเป็นศาสตร์ว่าด้วยสิ่งแวดล้อม และที่เขาบอกว่าบ้านที่ตั้งอยู่ที่ทางสามแพร่งไม่ดี ก็มีส่วนจริง เพราะรถบนถนนที่ตั้งฉากกับบ้านจะวิ่งเข้าวิ่งออก คนเดินไปเดินมามองพุ่งมาที่บ้านตลอด คนที่อยู่บ้านนี้สุขภาพจิตจะไม่ค่อยดี รู้สึกไม่เป็นส่วนตัว คอยผวาอยู่เรื่อย

        ที่ทำเนียบขาวสมัยบิล  คลินตัน ยังเอาซินแสฮวงจุ้ยไปจัดออฟฟิศเลย ทำเนียบประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกาผู้นำโลกต้องให้ซินแสไปจัดฮวงจุ้ยให้ คือจัดสิ่งแวดล้อม ตกตแงสวน ตกแต่งโต๊ะ เก้าอี้ สีสัน ฯลฯ ให้สอดคล้องกับอารมณ์ของคน ให้ดูแล้วสบายใจ ให้ผสมกลมกลืนพอดี ๆ นี้คือศาสตร์ของฮวงจุ้ย ไม่ใช่เรื่องของหมอดู ถ้าฮวงจุ้ยไหนไปเอาแนวคิดของหมอดูมาใช้ก็ผิดหลัก แต่ถ้าจัดเพื่อให้สบายใจก็ทำได้ เช่น เอากระจกมาติดไว้ที่ตึกที่ทางสามแพร่งเหมือนให้กระแสที่พุ่งเข้ามาสะท้อนออกไปอะไรทำนองนี้ เพื่อให้คนที่อยู่รู้สึกสบายใจ เพราะฉะนั้นทุกอย่างอยู่ที่เหตุผลและข้อมูล อยู่ด้วยปัญญา ต้องไม่อยู่กับเรื่องที่ตรึกตรองไม่ได้ เหนือเหตุเหนือผล อย่างนั้นพระพุทธเจ้าไม่สรรเสริญ.

...

ที่มา : “ข้อคิดรอบตัว” เรื่องโดย พระมหาสมชาย ฐานวุฑฺโฒ (M.D.;Ph.D.)
วารสาร “อยู่ในบุญ” ปีที่ ๑๑ ฉบับที่ ๑๒๓ เดือนมกราคม พ.ศ.๒๕๕๖ หน้า ๗๖ - ๗๙

420



ล็อคเกตหลวงพ่อเปิ่นพิมพ์พิเศษ สมทบทุนสร้างโรงครัวและเทพื้นคอนกรีตหลังพิพิธภัณฑ์หลวงพ่อเปิ่น

ด้านหน้าเป็นรูปหลวงพ่อเปิ่น ๓ แบบ ด้านหลังอุดผงพุทธคุณและเหรียญหลวงพ่อเปิ่น (ตอกโค้ด ๙ ตัวด้านหลัง)

หลวงพี่ต้อยเจิมแป้งด้านหลังทุกองค์ เข้าพิธีพุทธาภิเษกพร้อมกับเหรียญรุ่นพิเศษ สมทบทุนสร้างโรงครัวฯ

บูชาองค์ละ ๑,๐๐๐ บาท   *เหลือจำนวนจำกัด*



        แบบที่ ๑ จำนวนสร้าง ๓๐ องค์

          แบบที่ ๒ จำนวนสร้าง ๑ องค์ หมด

          แบบที่ ๓ จำนวนสร้าง ๑ องค์ หมด
(รวมจำนวนสร้างทั้งหมด ๓๒ องค์)

เทียบขนาดกับเหรียญรุ่นพิเศษ สมทบทุนสร้างโรงครัวฯ เนื้อเงิน (ของพี่เจมส์คนรักษ์พระ)


ติดต่อร่วมบุญบูชาได้ที่หลวงพี่ปาด (ด้านข้างกุฏิหลวงพี่ต้อย) .

422
จะเข้าไปจองต้องเข้าไปกุฏิหลวงน้าต้อยแล้วติดต่อใครหรอครับ อยากจะไปจองครับ


หลวงพี่ปาด.

425
ร่วมแบ่งปันด้วยครับพี่นนท์



พระเนื้อผงพิมพ์ผงสุพรรณ หลวงพ่อเปิ่น สร้างไว้สมัยที่ท่านอยู่วัดโคกเขมา

ร่วมบุญบนกุฏิใหญ่ ๘,๐๐๐ บาท นำมาแบ่งปันมอบให้เพื่อนสมาชิกในกิจกรรมครั้งนี้ จำนวน ๑ องค์ ครับ.

"ททมาโน ปิโย โหติ ... มนาปทายี ลภเต มนาปํ ... เสฏฺฐนฺทโท เสฏฺฐมุเปติ ฐานํ ... อคฺคสฺส ทาตา ลภเต ปุนคฺคํ ... ททโต ปุญญฺญํ ปวฑฺฒติ"

426
ล็อคเก็ตหลวงพ่อเปิ่นเสื้อเกราะ (รุ่นพิเศษ) ขนาดจัมโบ้ ฉากดำ (มีขนาดเดียว)

จำนวนสร้างประมาณ ๓๐๐-๔๐๐ องค์ (มีหมายเลขกำกับทุกองค์)

ด้านหลังบรรจุมงคลวัตถุหลวงพ่อเปิ่น ๔ แบบ

ร่วมบุญบูชาได้ที่กุฏิใหญ่ บูชาองค์ละ ๓,๐๐๐ บาท










๑๑๑๑๑๑๑๑๑

427
แถมบรรยากาศวัดบางพระ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๕๕







428

. . . . . . . . .

429
๒๗ สิงหาคม ๒๕๕๕
ณ วัดท้องไทร ต.แหลมบัว อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม
























ภาพจาก facebook : ปุญฺญานุสฺสติ(สิบทัศน์) ปณฺฑารี



เรียนเชิญร่วมบุญเป็นเจ้าภาพสวดพระอภิธรรมสังขารพระอธิการเกษม  เขมจาโร (หลวงปู่อั๊บ) วัดท้องไทร

ติดต่อร่วมบุญตามกำลังศรัทธาได้ที่วัดท้องไทร ต.แหลมบัว อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม

...พระครูโกวิทสุตการ (ระพิน  อภิชาโน)...

...เจ้าคณะตำบลศรีมหาโพธิ์ เจ้าอาวาสวัดโคกเขมา อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม...

430

























































เก็บดอกมะลิจากสวนถวายหลวงปู่ (ปุญฺญานุสฺสติ ปณฺฑารี)

431


"ยงฺกิญฺจิ สมุทยธมฺมํ สพฺพนฺตํ นิโรธธมฺมํ"

กราบไว้อาลัยกับการจากไปของพระอธิการเกษม  เขมจาโร (หลวงปู่อั๊บ) วัดท้องไทร ครับ.


...ปุญฺญานุสฺสติ...

432
ขอบคุณครับพี่ Gearmour ครับ

ภาพจากวัดท้องไทรวันที่ ๑๙ สิงหาคม ๒๕๕๕ (หลังประชุม ๒ วัน)















เหตุปัจจัย.....ตถตา.



433


-=ภาพเตรียมตกแต่งสถานที่ก่อนงานวันเกิดหลวงปู่=-

เรียนสอบถามหลวงพี่ที่วัดท้องไทรได้ความว่า

"หลวงปู่อาจจะกลับมาวัดในวันที่ ๑๒ สิงหาคม."


434
บทความ บทกวี / ตำนานน้ำมนต์
« เมื่อ: 03 ส.ค. 2555, 02:49:23 »

   น้ำพระพุทธมนต์ นับว่าเป็นส่วนหนึ่งของพิธีกรรมในความเป็นมงคล และเป็นสิ่งที่ผู้หวังความสุข ความสบายใจ เพียงเพื่อได้รับน้ำพระพุทธมนต์ที่พระท่านเสกแล้ว เพื่อให้ทราบถึงความเป็นมาโดยละเอียดของการทำน้ำพรพุทธมนต์ ซึ่งเริ่มที่เมืองเวสาลีนี้ จึงขอนำรัตนสูตรมากล่าวไว้ สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จประทับอยู่ ณ พระเวฬุวันมหาวิหาร นครราชคฤห์

   ครั้งนั้น พระนครเวสาลีแห่งแคว้นวัชชี เกิดทุพภิกขภัยพิบัติ คือ ฝนแล้ง ข้าวกล้าในนาตาย เพราะไม่มีน้ำเป็นส่วนมาก ข้าวปลาหายาก ในชั้นแรกคนยากจนคนเกียจคร้าน ต้องอดอาหารตายมาก เมื่อตายแล้วหาญาติที่จะอนุเคราะห์ศพไม่มี คนที่มีกำลังก็ไม่มีความสงสารศพ มัววุ่นแต่งานตัว เห็นไปว่าธุระไม่ใช่ ไม่ใส่ใจ ตกลงคนตายที่ไหน ศพก็ทอดทิ้งอยู่ที่นั้น ยิ่งกว่านั้นอหิวาตกโรคก็เข้าคุกคาม เพราะโทษที่ศพปฏิกูลตามถนนหนทาง ในแม่น้ำลำคลอง เพราะความสกปรกนานาประการ ดังกล่าวแล้ว มนุษย์ได้ตายลงเพราะอหิวาตกโรคเป็นอันมาก

   ครั้นเมื่อภาคพื้นดินปฏิกูลด้วยศพมากเข้า ปีศาจจำพวกที่กินซากศพเป็นอาหารก็พากันเข้ามาในพระนคร กินซากศพ ยิ่งกว่านั้นยังหันเข้าใส่คนป่วยไข้ ชิมรสเนื้อมนุษย์ที่ยังไม่เปื่อยเน่าดูบ้าง และแล้วก็เลยลามไปถึงมนุษย์ที่ไม่ป่วย แต่สกปรก เช่น ตื่นไม่ล้างหน้า นอนไม่ล้างเท้า น้ำไม่อาบ กินข้าวแล้วไม่บ้วนปาก ผ้าผ่อนไม่ซัก และบ้านเรือนไม่กวาดไม่ถู เป็นต้น ในที่สุดมนุษย์ที่ไม่ป่วย แต่สกปรก ก็เริ่มถูกปีศาจเข้าสิง สูบโลหิตเป็นอาหาร มนุษย์เริ่มตายลงเพราะปีศาจอีกประการหนึ่ง ชาวเมืองเวสาลีประสบภัยร้ายกาจ ๓ ประการ คือ ฝืดเคือง ๑ อหิวาตกโรค ๑ ปีศาจ ๑ พากันอพยพไปอยู่ในเมืองอื่นก็ไม่น้อย

   ครั้งนั้น ชาวเมืองพากันโจทก์กล่าวโทษพระราชาที่ประตูพระราชวังว่า

   “พระเจ้าข้า ภัยพิบัติ ๓ ประการ ได้เกิดขึ้นแก่ชาวเมืองแล้ว ซึ่งแต่ก่อนไม่เคยมี พระราชาจักประพฤติผิดพระราชประเพณีอย่างใดอย่างหนึ่งเป็นแน่”

   แม้พระมหากษัตริย์จะโปรดให้ตั้งกรรมการพิจารณาหาความผิดของพระองค์ ก็ไม่ปรากฏว่าพระมหากษัตริย์ทรงประพฤติบกพร่องแต่ประการใด ในที่สุดก็พากันบนเจ้าบวงสรวงเทพยดาอารักษ์ และวิงวอนครูอาจารย์ที่ตนนับถือว่าเป็นผู้วิเศษ สุดแต่ใครจะเล็งเห็น ใครให้ช่วยปลดเปลื้อง แต่ก็ไม่สามารถจะบรรเทาภัยนั้นได้

   ครั้นอำมาตย์ผู้หนึ่ง ได้กราบทูลพระเจ้าลิจฉวีว่า พระผู้มีพระภาคเจ้าเป็นพระอรหันต์ บริสุทธิ์จากกิเลส มีพระหฤทัยประกอบด้วยพระมหากรุณาเสมอด้วยพระมหาสมุทร ทรงตรัสรู้สัมโพธิญาณ เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เสด็จประกาศพระธรรมบริสุทธิ์บริบูรณ์สิ้นเชิง เป็นครูของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย บัดนี้ เสด็จประทับ ณ พระเวฬุวันมหาวิหาร พระนครราชคฤห์ พระเจ้าพิมพิสารมหาราช ทรงสักการะบำรุงอยู่ พระองค์ทรงมีอภินิหารบารมีสูงส่งยิ่งนัก ถ้าจะได้กราบทูลอัญเชิญให้เสด็จมายังพระนครนี้ ข้าแต่พระองค์เชื่อเหลือเกินว่า ภัย ๓ ประการนี้ จะต้องสงบเพราะอานุภาพของพระองค์โดยแท้

   ลำดับนั้น พระเจ้าลิจฉวีจึงโปรดให้เจ้าชายมหาลิ พร้อมด้วยอำมาตย์ ๕ นาย เป็นราชทูตเชิญเครื่องราชบรรณาการไปเฝ้าพระเจ้าพิมพิสารมหาราช ณ กรุงราชคฤห์ กราบทูลขอประทานโอกาสให้พระผู้มีพระภาคเจ้า ได้เสด็จไปบำบัดภัยพิบัติในพระนครเวสาลี โดยเวลาเพียง ๓ วัน คณะราชทูตนั้นก็เข้าเฝ้าพระเจ้าพิมพิสารยังพระนครราชคฤห์ ทูลขอพระราชทานพระกรุณาตามพระราชบัญชาของพระเจ้าลิจฉวี

   พระเจ้าพิมพิสารทรงรับสั่งว่า...

   “ฉันเห็นใจพวกท่าน และยินดีสนับสนุนในเรื่องนี้ ถ้าพระผู้มีพระภาคเจ้าจะทรงพระกรุณาเสด็จ ขอให้พวกท่านไปกราบทูลอัญเชิญดู ความจริง เจ้าชายมหาลิก็ทรงรู้จักพระองค์ท่านมาก่อน ฉันคิดว่าการเข้าเฝ้าจะไม่ลำบาก หรือหนักใจแต่ประการใด หากพระบรมศาสดาทรงเล็งเห็นประโยชน์ในการเสด็จ แล้วจะทรงพระกรุณาอนุเคราะห์เป็นแน่ การมาของเจ้าชายจะไม่ไร้ผลเลย”

   ครั้นแล้วโปรดให้ราชบุรุษนำคณะราชทูตนครเวสาลี เข้าเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า ณ พระเวฬุวันมหาวิหาร พระผู้มีพระภาคเจ้ารับสั่งว่า...

   “มหาลิ ตถาคตรับปฏิญญาของพระเจ้ากรุงราชคฤห์ เพื่ออยู่ในที่นี้เสียแล้ว ถ้าพระเจ้ากรุงราชคฤห์จะทรงพระกรุณาประทานโอกาสเธอ ตถาคตก็จะไป”

   เจ้าชายมหาลิกราบทูล...

   “ข้าพระองค์ได้รับพระราชทานโอกาสแล้ว พระเจ้าข้า”

   พระบรมศาสดารับสั่ง “แม้เช่นนั้น มหาลิก็ควรจะทูลให้พระองค์ทรงทราบเสียก่อนที่จะออกเดินทาง”

   เมื่อพระเจ้าพิมพิสารแห่งมคธรัฐ ทรงทราบจากเจ้าชายมหาลิว่า พระบรมศาสดาทรงพระกรุณาเสด็จ จึงรีบเสด็จมาเฝ้า ทูลขอให้ยับยั้งสัก ๓ วัน เพื่อตกแต่งทางเสด็จตลอดที่พักแรม ตามระยะทางจนถึงแม่น้ำคงคา สุดพระราชอาณาเขต

   ครั้นได้เวลากำหนด พระผู้มีพระภาคเจ้าพร้อมด้วยสงฆ์ ๕๐๐ รูป ก็เสด็จพระนครเวสาลีโดยมรรคานั้น ด้วยพระเกียรติยศอันสูง ซึ่งพระเจ้ากรุงราชคฤห์ทูลถวายโดยระยะทาง ๕ โยชน์ กำหนดวันละ ๑ โยชน์ เสด็จประทับแรมตามระยะทางรวม ๕ วัน ก็ถึงฝั่งแม่น้ำคงคา เสด็จลงเรือพระที่นั่งซึ่งพระเจ้าพิมพิสารจัดถวายงดงามสมพระเกียรติยศยิ่งนัก และเป็นครั้งแรกที่เสด็จทางน้ำด้วยเกียรติอันสูงเช่นนี้

   พระเจ้าพิมพิสารทรงตามเสด็จพระพุทธดำเนินตลอดทาง และเสด็จลงประคองเรือพระที่นั่งให้เคลื่อนจากท่าแม่น้ำคงคา ทรงตามเรือพระที่นั่งไปในน้ำเพียงพระศอ ก็ประทับหยุดยืนทูลว่า “หม่อมฉันจะมารับเสด็จพระองค์คราวเสด็จกลับ ณ ที่นี่อีก” เมื่อเรือพระที่นั่งแล่นไปตามแม่น้ำจนลับทิวไม้แล้ว จึงเสด็จกลับพระนคร

   พระผู้มีพระภาคเจ้าพร้อมด้วยพระสงฆ์สาวกเสด็จทางชลมารค สิ้นระยะทาง ๑ โยชน์ ก็ถึงท่าพระราชอาณาเขตพระนครเวสาลี จึงเสด็จขึ้นจากเรือรับสักการะปฏิสันถาร ซึ่งเจ้าชายมหาลิหัวหน้าคณะราชฑูตกราบทูลให้พระเจ้าลิจฉวีจัดถวายให้โอฬาร ยิ่งกว่าพระนครราชคฤห์จัดเสด็จตามระยะทาง ๓ โยชน์ สิ้นเวลา ๓ วันก็ถึงชายพระนครเวสาลี ขณะที่เหยียบภาคพื้นพระนครเวสาลี ก้าวแรกก็ประทับยืนจ้องพระเนตรจับท้องฟ้า ทรงระลึกถึงพระบารมีที่บำเพ็ญแล้วเคลื่อนลมมาปกคลุมพระนครเวสาลี พร้อมกับส่งเสียงคำรามกระหึ่มครึ้มครวญเปรี้ยงๆ ดังสนั่น ด้วยสายฟ้าแลบแปลบปลาบ แล้วห่าฝนใหญ่ก็หลั่งลงจักๆ ดังเทน้ำ เสมือนหนึ่งจงใจจะล้างพื้นแผ่นดินให้สะอาด ต้อนรับพระบรมศาสดา

   ความจริงก็ดูสมจริงดังกล่าว ด้วยพอฝนซัดลงมามากมายเช่นนั้นแล้ว ไม่ช้าน้ำฝนก็ไหลลงท่อธาร และท่วมท้นบ่าเข้าพระนคร พัดเอาซากศพมนุษย์และสัตว์ซึ่งปฏิกูลพื้นแผ่นดินอยู่ ให้ไหลไปสู่ทะเลใหญ่สิ้นเชิง ดังนั้น เมื่อฝนขาดเม็ดแล้ว ภาคพื้นธรณีก็สะอาด ความอบอ้าวเร่าร้อนของอากาศก็สงบ บรรเทาโรคได้ถึงครึ่ง ด้วยพุทธานุภาพ ในเวลาเย็นวันนั้นเอง พระบรมศาสดารับสั่งกับพระอานนท์เถระว่า

“อานนท์เธอจงเรียนเอารัตนสูตรนี้ไป แล้วจาริกไปในกำแพงเมืองเวสาลี เจริญมนต์รัตนสูตรนี้ เพื่อความสวัสดีจากภัยอันใหญ่แก่ประชาชนเถิด”

   ในราตรีนั้น พระอานนท์ได้เรียนรัตนสูตรจากพระบรมศาสดา แล้วก็ประคองบาตรเสลมัยของพระบรมศาสดา ซึ่งเต็มด้วยน้ำ ตั้งกัลป์ยาณจิตประกอบด้วยเมตตา ระลึกถึงพระพุทธคุณ คือ พระบารมี ๑๐ อุปบารมี ๑๐ และปรมัตถบารมี ๑๐ ซึ่งทรงบำเพ็ญมา และบารมีในปัจฉิมชาตินี้ จำเดิมแต่เสด็จลงสู่พระครรภ์ เป็นต้น จนทรงตรัสรู้สัมมาสัมโพธิญาณ ประกาศโลกุตรธรรม ๙ ประการเป็นที่สุด เจริญมนต์รัตนสูตรนี้ เที่ยวจาริกไปยังภายในกำแพง พร้อมด้วยพระเจ้าลิจฉวีทั้งหลายติดตามห้อมล้อม เดินพลางพรมน้ำมนต์ที่พระเถระเจ้าปะพรมเท่านั้น ก็หายจากโรคภัย มีกำลัง สดชื่น ติดตามแวดล้อมพระเถระเจ้า โห่ร้องแซ่ซ้องสาธุการดังสนั่น มวลภูตผีปีศาจที่เข้ามาเบียดเบียนมนุษย์ ครั้นได้ยินเสียงมนุษย์ก็สะดุ้งตกใจกลัว พากันเลี่ยงออก ที่ยังดื้อแอบหลบอยู่ ตามแง้มฝาเรือนและประตู เมื่อถูกหยดน้ำมนต์ของพระเถระเจ้า ก็เจ็บปวดแทบดับจิต ประดุจสุนัขถูกฟาดหลังด้วยแส้เหล็ก พากันเผ่นหนีอย่างไม่คิดชีวิตด้วยความกลัวสยองเกล้า ตั้งหน้าวิ่งหนีออกจากเมืองโดยไม่เหลียวหลัง ครั้นไปประดังแน่นยัดเยียดที่ประตูเมือง และเมื่อไม่สามารถจะทนรออยู่ได้ ก็พากันพังบานประตูหนีไปจนสิ้นเชิง

   ครั้งพระเถระเจ้าจาริกเจริญรัตนสูตร ปะพรมน้ำมนต์รอบพระนครแล้ว ก็พามหาชนซึ่งติดตามมาเป็นอันมากเข้าเฝ้าพระบรมศาสดายังที่ประทับ ลำดับนั้นพระผู้มีพระภาคเจ้าก็ทรงพระกรุณาประทานพระธรรมเทศนาตั้งแต่เบื้องต้น จนประกาศจตุราริยสัจ ให้หาชนชื่นชมโสมนัสปรีดาปราโมทย์ เกิดศรัทธากล้าหาญ ประกาศตนเป็นพุทธมามกะเป็นอันมาก พระบรมศาสดาทรงพระกรุณาประทานพระธรรมเทศนาอยู่ถึง ๗ วัน ครั้นทรงทราบว่า ภัยทั้ง ๓ ประการสงบแล้ว และประชาชนมีความผาสุกดีแล้ว ก็ทรงอำลาพระเจ้าลิจฉวี เสด็จพุทธดำเนินกลับพระนครราชคฤห์ ด้วยพระเกียรติยศซึ่งพระเจ้าลิจฉวีและมหาชนพร้อมกันจัดถวายบูชาอย่างมโหฬาร แม้พระเจ้าพิมพิสารและข้าราชบริพาร ตลอดชาวพระนครราชคฤห์ก็มีความยินดี พากันไปต้อนรับพระบรมศาสดาที่ฝั่งแม่น้ำคงคา ให้เสด็จกลับมาประทับ ณ พระเวฬุวันมหาวิหาร สมดังมโนปณิธานที่ทรงตั้งไว้นั้นแล้ว


พระราชรัตนรังสี (ว.ป. วีรยุทฺโธ).สู่แดนพระพุทธองค์ อินเดีย – เนปาล.พิมพ์ครั้งที่ ๔.กรุงเทพฯ : ธรรมสภา,๒๕๕๐.


437
มีโดเรม่อนด้วยหรอพี่เก่ง :009:
นายแบบจำเป็นครับ :002:


 :002:แถมครับภาพนี้ :002:

438
พรุ่งนี้ติดเรียนทั้งวันเลยครับเฮียตี๋ ...(พี่รินทร์อาจจะเข้าไปอยู่ครับ)

439
บรรยากาศรอบวัดเย็นนี้...





































































































อนุโมทนาบุญกับผู้ที่ไปร่วมงานบุญพรุ่งนี้ล่วงหน้านะครับ สาธุ สาธุ อนุโมทามิ.

440
ตรวจสอบรายชื่อผู้โชคดี และยันยันการรับรางวัลได้ที่ http://www.bp.or.th/webboard/index.php?topic=27741

441
จากกิจกรรมร่วมสนุกในกระทู้ http://www.bp.or.th/webboard/index.php?topic=27703

คำตอบที่ถูกต้องคือ...


"ขอขอบคุณ ความมีน้ำใจ ความมีมิตรไมตรี ที่มีให้ต่อกัน
หวังเป็นอย่างยิ่งว่าในโอกาสต่อไปคงได้พบเจอกันอีก"



มีผู้ตอบถูกทั้งสิ้น ๓๑ ท่าน จึงใช้วิธีจับสลากแบบไม่ใส่คืน (Sampling without Replacement)

เพื่อหาผู้โชคดีจำนวน ๑๐ ท่านที่จะได้รับหมวก "www.bp.or.th" (Limited Edition) ต่อไป



ผลจากการจับสลากได้รายชื่อผู้โชคดีจำนวน ๑๐ ท่าน ดังนี้



๑. #DeKdOy#      ไปรษณีย์      EJ451976507TH

๒. jindong59         ไปรษณีย์      EJ451976498TH

๓. ag               สละสิทธิ์

๔. toomeras         ไปรษณีย์      EJ451976440TH

๕. somboon matkeaw   ไปรษณีย์      EJ451976484TH

๖. kaitak            สละสิทธิ์

๗. umpawan         ไปรษณีย์      EJ451976453TH

๘. Generalist         ไปรษณีย์      EJ451976467TH

๙. assis.aod         ไปรษณีย์      EJ451976475TH

๑๐. Aun            สละสิทธิ์




การรับของรางวัล โปรดทำตามขั้นตอนดังนี้

๑. ยืนยันการได้รับของรางวัลโดยแจ้งในกระทู้นี้ว่าจะเลือกรับรางวัลโดย

   ๑.๑ รับด้วยตนเองที่สำนักงานวัดบางพระ ในวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๕

   ๑.๒ รับทางไปรษณีย์

๒. สำหรับท่านที่เลือกรับของรางวัลทางไปรษณีย์ โปรดส่งชื่อที่อยู่เพื่อจัดส่งของรางวัลทาง pm




หมายเหตุ - หมดเขตการยืนยันรับของรางวัลภายในวันที่ ๒๙ มิถุนายน ๒๕๕๕ เวลา ๑๒.๐๐ น.

                     หากเลยกำหนดเวลา ถือว่าสละสิทธิ์





442
ภาพปริศนา

เติมประโยคที่หายไปในภาพปริศนาให้สมบูรณ์




ของรางวัลสำหรับกิจกรรมครั้งนี้ *** หมวก "www.bp.or.th" (Limited Edition) จำนวน ๑๐ ใบ***



กติการ่วมสนุก

- ตอบคำถามลงในกระทู้นี้เท่านั้น (ไม่รับทาง pm หรืออื่นใด)

- จำกัดการส่งคำตอบได้เพียงครั้งเดียว (๑ คน ต่อ ๑ สิทธิ์)

- ร่วมส่งคำตอบได้ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ ๒๖ มิถุนายน ๒๕๕๕ เวลา ๑๘.๐๐ น.

* ในกรณีที่มีผู้ตอบคำถามถูกต้องมากกว่า ๑๐ ท่าน จะใช้วิธีจับสลากหาผู้โชคดีต่อไป


การรับของรางวัล

สามารถเลือกรับของรางวัลได้ ๒ ช่องทางคือ

๑. รับด้วยตนเองที่สำนักงานวัดบางพระ ในวันเสาร์ที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๕ (ติดต่อ หลวงพี่เก่ง)

๒. ทางไปรษณีย์


:114: :114: :114: :114: :114: :114: :114: :114: :114: :114: :114: :114:

443
ล็อคเก็ตรุ่นเสื้อเกราะ หลวงพ่อเปิ่น วัดบางพระ

สร้าง ๔ ขนาด คือ จัมโบ้ ,ใหญ่ ,กลาง ,เล็ก แบ่งออกเป็น ๒ แบบ คือ ฉากสีทอง และ ฉากสีขาว

ด้านหน้ารันนัมเบอร์เลขไทยทุกองค์ ด้านหลังอุดผงเก่าหลวงพ่อเปิ่น ,ฝังวัตถุมงคล ,ตะกรุด ,พลอย ,จีวรหลวงพ่อเปิ่น

(ขณะนี้ที่วัดเปิดให้บูชาขนาดจัมโบ้แล้ว ส่วนขนาดที่เหลือจะเปิดให้บูชาต่อไปเร็วๆนี้)









รายละเอียดล็อคเก็ตรุ่นเสื้อเกราะขนาดจัมโบ้


๑. ฝังตะกรุดธรรมดา(ทองแดง,ทองเหลือง) + พลอย ๓ สี + วัตถุมงคลหลวงพ่อเปิ่น ๕ องค์ + จีวรหลวงพ่อเปิ่น
บูชาองค์ละ ๑,๕๐๐ บาท ***สร้างไม่เกิน ๕๐ องค์***





๒. ฝังตะกรุดทองคำ + พลอย ๕ สี + วัตถุมงคลหลวงพ่อเปิ่น ๗ องค์ + จีวรหลวงพ่อเปิ่น
บูชาองค์ละ ๕,๐๐๐ บาท ***สร้างไม่เกิน ๑๐ องค์***





๓. ฝังตะกรุดทองคำ + วัตถุมงคลหลวงพ่อเปิ่น ๙ องค์(พระปิดตา ปี ๒๕๒๗) + จีวรหลวงพ่อเปิ่น
บูชาองค์ละ ๑๐,๐๐๐ บาท





๔. ล็อคเกตรุ่นเสื้อเกราะขนาดใหญ่ , กลาง , เล็ก ขณะนี้ยังไม่ได้อุดผงและวัตถุมงคลด้านหลัง
จำนวนสร้างไม่เกิน ๑๐๐ องค์ จะเปิดให้บูชาในโอกาสต่อไปเ็ร็ว ๆ นี้






ร่วมบุญบูชาได้ที่กุฏิใหญ่วัดบางพระ ติดต่อสอบถามที่ : หลวงพี่พิเชษฐ์ ,หลวงพี่คมสันต์

444
ความแตกต่างระหว่าง "ทฤษฎี (Theory)" กับ "ข้อเท็จจริง (Fact)"

คือ ทฤษฎีสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา เมื่อมีทฤษฎีใหม่ที่ได้รับการยอมรับมากกว่า ก็สามารถล้มทฤษฎีเดิมลงไปได้

ต่างกับข้อเท็จจริง ที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ โดยไม่มีข้อจำกัดทั้งด้านเวลาและสถานที่ หรือบริบทอื่นใดก็ตาม

จึงไม่ต่างอะไรกับ "กฎหมาย (Law)" และ "กฎแห่งกรรมตามหลักพระพุทธศาสนา (Law of kamma)"  

เช่น จับปลาในแม่น้ำลำคลองหน้าบ้านมาฆ่าเพื่อประกอบอาหาร

ประเด็นนี้ ไม่ผิดกฎหมาย แต่ผิดศีล กฎแห่งกรรมก็จะให้ผลสืบเนื่องจากกรรมปาณาติบาตไปตามลำดับ เป็นต้น

"กรรม" หมายถึง การกระทำ ที่ประกอบไปด้วยเจตนา เป็นคำกลาง ๆ ที่ไม่ได้ระบุไปว่าดี ชั่ว หรือสภาวะกลาง ๆ

เนื้อหาสรุปคร่าว ๆ ดังส่วนหนึ่งในบท "อภิณหปัจจเวกขณ์" ที่ว่า

"ยัง กัมมัง กะริสสามิ กัลยาณัง วา ปาปะกัง วา ตัสสะ  ทายาโท  ภะวิสสามิ"

แปลว่า เราทำกรรมใดไว้ จะเป็นกรรมดีหรือกรรมชั่วก็ตาม เราก็ย่อมได้รับผลของกรรมนั้น

พระพุทธศาสนาจึงสอนให้เชื่อเรื่อง "กรรม" เพื่อให้เห็นถึงเหตุปัจจัยตามหลัก อิทัปปัจจยตา ปัจจยาการ

ดังตัวอย่างในพุทธประวัติ เมื่อพระมหาบุรุษ ทรงบรรลุ "ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ"(ญาณระลึกชาติ) ในปฐมยาม , "จุตูปปาตญาณ"(ญาณหยั่งรู้การเกิดดับของสัตว์ทั้งหลาย) ในมัชฌิมยาม และ "อาสวักขยญาณ"(หยั่งรู้อริยสัจ) นำไปสู่พระสัพพัญญุตญาณอย่างสมบูรณ์ ณ โคนต้นอัสสัตถะพฤกษ์ ท่ามกลางราตรีแห่งฤกษ์วิสาขปุณณมี เมื่อ ๒,๖๐๐ ปี ที่ล่วงมาแล้ว

กรรม หรือการกระทำนี้ จึงมิใช่ลัทธิความเชื่อของเดียรถีย์ตามที่กล่าวอ้างมาแต่อย่างใด

เพราะ ผลของกรรมก็เป็นเหตุปัจจัยสืบเนื่องส่งต่อไปยังอัตภาพหน้าได้เช่นกัน ตามอย่างที่พระพุทธองค์ทรงตรัสรู้

(อิทัปปัจจยตา) เพราะสิ่งนี้มี สิ่งนี้จึงมี .

เพราะกรรมอันเนื่องจาก "อวิชชา" มี สังขาร วิญญาณ นามรูป สฬายตนะ ผัสสะ เวทนา ตัณหา อุปาทาน ภพ ชาติ ชรา มรณะ โสกะ ปริเทวะ ทุกข์ โทมนัส อุปายาส จึงมีตามมาเป็นลำดับ

"พุทธ แปลว่า ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน หมายเอาพระสัมมาสัมพุทธเจ้า" เมื่อรวมกับคำว่า "สาวก" ที่หมายถึง ศิษย์หรือผู้ฟัง ก็จะได้ความหมายว่า

พุทธสาวก - ศิษย์ของผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน คือ ศิษย์ของพระตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้เจริญอยู่ในสัมมาทิฏฐิ ตามทางอริยมรรค

ได้ชื่ออันประเสริฐเป็นมงคลเช่นนี้แล้ว เหตุใดจึงไปรับเอา "ปรโตโฆสะ" ของ ภคินินางหนึ่งผู้มีมิจฉาทิฏฐิมาใส่ใจเล่า?

445
สรุปผลกิจกรรม

จับรางวัลโดยการสุ่ม จากจำนวนแบบสอบถามตอบกลับทั้งหมด ๕๐ ท่าน ได้ลำดับที่ ๙

คือ คุณสุภาภรณ์ (ประทับเวลาการส่งแบบสอบถาม ๒๙/๒/๒๕๕๕, ๑๗:๓๒:๔๕)

ขอแสดงความยินดีด้วยครับ


ของรางวัลที่จะได้รับมีดังนี้

๑.เหรียญหล่อหลวงพ่อเปิ่น-หลวงพ่อแดง ระฆังแตกรุ่น๑

๒.พระพิมพ์สมเด็จ "ใหญ่ ได้ ดี"

๓.ผ้ายันต์หลวงพ่อเปิ่น

๔.พระผงเสาร์๕ หลวงพ่อเปิ่น ปี ๓๖

๕.ภาพถ่ายหลวงพ่อเปิ่น


๖.แผ่นเงินจารโดย พระครูโกวิทสุตการ(หลวงพ่อพระมหาระพิน) เจ้าอาวาสวัดโคกเขมา(วัดเก่าหลวงพ่อเปิ่น) นครปฐม

๗.แผ่นเงินจารโดย พระครูอนุกูลพิศาลกิจ(หลวงพ่อสำอาง) เจ้าอาวาสวัดบางพระ นครปฐม


๘.ผ้ายันต์นารายณ์ทรงครุฑประทับราหู(ปั๊มตราวัดบางพระ)
+ ฤาษี-พระพิฆเณศวร เนื้อผง
+ ด้ายข้อมือพระเจ้าห้าพระองค์
(หลวงพี่แป๊ว วัดบางพระ มอบให้ไหว้ตอนงานไหว้ครูปี ๕๒)


๙.เหรียญหยดน้ำหลวงพ่อเปิ่นหลังนางกวัก
+ เหรียญเสมาเล็กหลวงพ่อเปิ่นหลังหลวงพ่อสำอาง ปี ๓๓
+ เหรียญหลวงพ่อเปิ่นรูปไข่อำเภอสร้าง ปี ๒๙
+ เหรียญพัดยศหลวงพ่อเปิ่น ปี ๓๗
+ เม็ดกระดุมหน้าเสือหลังหลวงพ่อเปิ่น


๑๐.เกศาหลวงพ่อเปิ่น
+ จีวรหลวงพ่อเปิ่น
+ ผ้ารองสังขารหลวงพ่อเปิ่น






๑๑.หนังสือที่ระลึก หลวงพ่อเปิ่น วัดบางพระ
(รวบรวมประวัติวัดบางพระ , ประวัติหลวงพ่อเปิ่น , ประวัติหลวงพ่อสำอาง ฯ สร้างเพียง ๑,๐๐๐ เล่ม)


รวมทั้งสิ้น ๑๑ รายการ

 :114:
พบกันใหม่ในกิจกรรมครั้งต่อไป ขอบคุณครับ
:114:


ตรวจสอบสถานะการส่งไปรษณีย์ได้ที่
http://track.thailandpost.co.th/trackinternet/Default.aspx
*****EI980813986TH*****


446
มาถึงช้าไปสักเล็กน้อย เก็บภาพบรรยากาศโดยรวมมาให้ชมครับ





























...ปุญฺญานุสฺสติ...

447
อย่าเป็นคนดี (หลวงพ่อชา  สุภัทโท)

   หลายปีที่แล้วมา หลวงพ่อชา(วัดหนองป่าพง)ไปเยี่ยมวัดชิตเฮิร์สท์ที่อังกฤษ มีอุบาสกคนหนึ่งที่เคยศึกษาธรรมะฝ่ายมหายาน มาถามหลวงพ่อชาเรื่องการปฏิบัติว่า "คนที่ปฏิบัติเพื่อเป็นอรหันต์ กับคนปฏิบัติเพื่อเป็นพระโพธิสัตว์ อันไหนจะดีกว่ากัน"

   หลวงพ่อชาตอบว่า "อย่าเป็นอะไรเลย พระอรหันต์ก็อย่าเป็นเลย พระโพธิสัตว์ก็อย่าเป็นเลย แม้พระพุทธเจ้าก็อย่าเป็นเลย เป็นอะไรแล้วก็ต้องเป็นทุกข์ทันที" คืออย่าเป็นคนดี อย่าไปถึงระดับนั้น เป็นคน, อย่าเป็นคนดี ถ้าเป็นคนดีแล้วต้องรำคาญคนไม่ดี

   ทุกวันนี้คนที่ไม่ดีมากกว่าคนดีเยอะ ไปที่ไหนก็กลุ้มใจ มีแต่ความไม่พอใจ เหมือนกับคนที่เลิกสูบบุหรี่แล้วดูคนอื่นสูบ นี่เรียกว่าติดดี ท่านไม่ให้ติด แม้จะเป็นความดีท่านก็ไม่ให้เราติด เพราะว่าความติดเป็นทุกข์ สร้างความทุกข์ใจ

ทำความดีเพื่อความดี ... ทำความดีเพราะรักความดี .. แต่ไม่ได้ทำเพื่อจะเป็นคนดี .. ก็ถ้าเราเป็น คนดี แล้วจะเป็นทุกข์





: จากเอกสารประกอบการสอนรายวิชาบริบทความคิดจิตวิทยากับการพัฒนา

448
กตัญญูกตเวที   เป็นเครื่องหมายของ "คนดี"     (มหาสมัยสูตร)

ศีล ๕         เป็นเครื่องหมายของความเป็น "มนุษย์".

449
"หลังจากเคร่งเครียดกับการประเมินผลการศึกษาเปรียบเทียบ
ภาคบ่ายจึงหากิจกรรมทำก่อนการพบที่ไม่ได้นัดหมาย ณ วัดโคกเขมา"


...จุดเริ่มต้นที่วัดพระปฐมเจดีย์ราชวรมหาวิหาร ในบางมุมที่แตกต่างออกไปบ้างเล็กน้อย




อิ่มหนำสำราญเบิกบานเต็มที่ก็เดินทางต่อไปยังท้องทุ่งแหลมบัว วัดท้องไทร

อดีตอันเลือนรางหวนกลับเข้ามาในความทรงจำอีกวาระหนึ่ง

(เข้ากราบนมัสการหลวงปู่อั๊บ นำภาพมาฝากครับ)





ผ่านบางแก้วฟ้าลัดเลาะฝั่งนาวาพามาถึงตลาดน้ำลำพญา







ถึงเวลาที่ไม่ได้นัดหมาย ณ วัดโคกเขมา (วัดเก่าหลวงพ่อเปิ่น)

ตามลายแทงของเพื่อนสมาชิกผู้มีกุศลจิต http://www.bp.or.th/webboard/index.php?topic=26782



พระครูวิบูลสิริธรรม (หลวงพ่อเพี้ยน) วัดตุ๊กตา

พระอาจารย์สมนึก วัดปลักไม้ลาย

พระครูสิริปุญญาภิวัฒน์ (หลวงพ่อสม) เจ้าคณะอำเภอนครชัยศรี วัดสำโรง

พระครูอนุกูลพิศาลกิจ (หลวงพ่อสำอาง) เจ้าอาวาสวัดบางพระ

มงคลวัตถุที่ระลึกในพิธี

ประธานพิธีฝ่ายสงฆ์ พระธรรมปริยัติเวที (หลวงพ่อสุเทพ) เจ้าคณะภาค ๑๕ เจ้าอาวาสวัดพระปฐมเจดีย์ราชวรมหาวิหาร


" พุทโธ โลเก อุปปันโน "


พระครูสังฆรักษ์ชออม ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดบางพระ

ประพรมน้ำพระพุทธมนต์หลังเสร็จพิธี

ปฏิสันถารเบื้องหลังการรายงาน


พระครูโกวิทสุตการ (หลวงพ่อพระมหาระพิน) เจ้าอาวาสวัดโคกเขมา กล่าวอนุโมทนากับสาธุชนผู้มีกุศลจิตร่วมบุญครั้งนี้

" สาธุ สาธุ อนุโมทามิ "

๒๑.๒๘ น. กลับถึงราชบุรีโดยสวัสดิภาพ

...ปุญฺญานุสฺสติ...

450
การกระทำที่อยู่ในศีลและไม่ทำให้คนอื่นเดือนร้อน ก็ไม่ถือว่าเป็นกรรม

"กรรม" เป็นคำกลาง ๆ ที่ไม่ได้บ่งชี้ลงไปว่าเป็นกรรมดี(กุศลกรรม) ,กรรมชั่ว(อกุศลกรรม) หรือ กรรมที่ไม่ดีไม่ชั่วเป็นกลาง ๆ (อัพยากตกรรม)

คำว่า "กรรม" จึงหมายถึง การกระทำ ที่ประกอบไปด้วยเจตนา

ฉะนั้น "การกระทำที่อยู่ในศีลและไม่ทำให้คนอื่นเดือดร้อน" ก็จัดเป็นกรรมเช่นกัน คือ เป็นกรรมดี เป็นกุศลกรรม.

451
ของรางวัลกิจกรรมครั้งนี้



เกศาหลวงพ่อเปิ่น ,จีวรหลวงพ่อเปิ่น(ของเก่าสมัยท่านอยู่วัดโคกเขมา) ,เหรียญหลวงพ่อเปิ่นปี ๒๙(อำเภอสร้าง)

เหรียญพัดยศปี ๓๗ ,ผ้ายันต์ ,รูปถ่าย ,แผ่นเงินจารโดยหลวงพ่อสำอางค์ ฯ

หมดเขตส่งแบบสอบถามเพื่อลุ้นรับของรางวัล วันที่ ๑๐ มีนาคม ๒๕๕๕ เวลา ๑๘.๐๐ น.



452
ธรรมะ / ตอบ: โอวาทปาฏิโมกข์
« เมื่อ: 08 มี.ค. 2555, 01:56:19 »
อ้างถึง

สวัสดีครับ
ขอบคุณข้อมูลดีๆครับ
ขอสอบถามเรื่องหนึ่งครับ เกี่ยวกับการทำสมาธิ

สมาธิมีกี่ระดับ?

ฌานกับญานเหมือนกันไหม?มีกี่ระดับ?

กสินดิน กสินน้ำ กสินลม กสินไฟ สามารถเกิดขึ้นเองโดยธรรมชาติได้หรือไม่?

พอผมอยากฝึกด้านนี้แต่ไม่มีความรู้เลยครับ ตอนนี้แค่อานาปานะสติยังเหนื่อยเลยครับ แต่เริ่มสัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลงคือความเบาของกายหยาบในขณะทำสมาธิ

แล้วแต่ว่าจะนำฐานไหนมาจับในการอธิบาย แต่ภาพโดยรวมแล้วแยกเป็น ๒ คือ สัมมาสมาธิ(สมาธิเป็นไปเพื่อละกิเลส) และ มิจฉาสมาธิ(สมาธิเป็นไปเพื่อเพิ่มพูนกิเลส)

ฌาน คือ "การเพ่ง" ให้ความหมายได้ ๒ ระดับ คือ

๑.อารัมมณูปนิชฌาน ได้แก่ รูปฌาน ๔ อรูปฌาน ๔

๒.ลักขณูปนิชฌาน ได้แก่ มรรค ผล

(ฌาน ๔ ข้างต้น จัดเป็นรูปฌาน คือ ปฐมฌาน ทุติยฌาน ตติยฌาน จตุตถฌาน หากรวมอีก ๔ จะเรียกว่า "สมาบัติ ๘" โดยจะเพิ่ม อากาสานัญจายตนะ วิญญาณัญจายตนะ อากิญจัญญายตนะ เนวสัญญานาสัญญายตนะ)

ส่วน "ญาณ" คือ ความรู้ , ปัญญา ในที่นี้ขอแยกพิจารณาเป็น ๒ ชุดตอน

ชุดที่ ๑ อตีตังสญาณ(ญาณในส่วนอดีต) อนาคตังสญาณ(ญานในส่วนอนาคต) ปัจจุปันนังสญาณ(ญาณในส่วนปัจจุบัน) *ความสมบูรณ์ของญาณทั้ง ๓ นี้ ต้องเป็นความรู้ที่สืบเนื่องมากจากความสมบูรณ์แห่งอริยมรรค ๘ ประการ จนเป็นสัมมาญาณ(ความรู้ในทางที่ชอบ)*

ชุดที่ ๒ สัจจญาณ(ปรีชาหยั่งรู้อริยสัจ) กิจจญาณ(ปรีชาหยั่งรู้กิจอันควรกระทำ) กตญาณ(ปรีชาหยั่งรู้กิจอันได้กระทำแล้ว) *ญาณทั้ง ๓ ประการนี้เกิดขึ้นในอริยสัจ มีวน ๓ อาการ ๑๒ ซึ่งเป็นญาณ(ความรู้ที่ทำให้เป็นพระพุทธเจ้า)*

กสิณ เป็นเพียงแนวทางปฏิบัติสมาธิแนวทางหนึ่ง จำเป็นต้องฝึกจึงเกิดมีได้ แต่ในบางกรณี "สัญญา" ในอดีตก็อาจจะมีส่วนช่วยให้เกิดขึ้นได้อย่างฉับพลัน


...ลองใช้ "โยนิโสมนสิการ"(โดยคิดแบบสอบสวน,คิดตั้งคำถาม) พิจารณาเสียก่อนว่า "ปฏิบัติสมาธิไปเพื่ออะไร?" หรือใช้ "อิทัปปัจจยตา" สืบสาวไปหาเหตุปัจจัย แล้วจะเห็นตามจริงว่า

..."ศีล" เป็นเหตุเบื้องต้นที่จะนำให้เกิด "สมาธิ" สืบเนื่องไปจนถึง "ปัญญา"...

ฉะนั้นแล้วจึงควรจะเริ่มต้นที่ "ศีล" อันเป็นการขัดเกลากิเลสให้เบาบางลง (ข้อควรระวัง "สีลัพพตปรามาส" กล่าวคือ รักษาศีลเพื่อละมิใช่เพื่อเพิ่มพูนกิเลส เช่น รักษาศีลเพื่อให้เกิดความเข้มขลังศักดิ์สิทธิ์ไม่ให้ของเสื่อม ก็จัดอยู่ใน "สีลัพพตปรามาส" เช่นกัน โปรดระวัง!!!) ซึ่งศีลจะเป็นปัจจัยให้เกิด "สมาธิ" อันเป็น "สัมมาสมาธิ" เป็นสมาธิในทางที่ควร และผลที่สุดคือ "ปัญญา" ความรอบรู้ในกองสังขารตามความเป็นจริง ที่ตกลงอยู่ในสามัญลักษณะ เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป เหตุแห่งทุกข์อยู่ที่ "ตัณหา" ละ "อุปาทาน" กำจัด "อวิชชา" ยัง "วิชชา" ให้เกิดขึ้น

ในอริยมรรคองค์ ๘ ก็ได้ย่อลงเข้าในไตรสิกขาได้ดังนี้คือ

"สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ สัมมาอาชีวะ" จัดลงใน "ศีล"

"สัมมาวายามะ สัมมาสติ สัมมาสมาธิ" จัดลงใน "สมาธิ"

"สัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปปะ" จัดลงใน "ปัญญา"

โดยสรุป - ควรเริ่มไปตามขั้นตอนเบื้องต้นคือศีล รักษาศีลให้บริบูรณ์ขัดเกลากิเลสให้เบาบางลง ทั้งนี้ก็พึงระัวังมิให้การรักษาศีลนั้นเข้าข่าย "สีลัพพตปรามาส" ซึ่งจะเป็นเหตุปัจจัยยัง "สัมมาสมาธิ" และ "ปัญญา" ให้มีขึ้นโดยลำดับ ประโยชน์ที่จะได้ก็อยู่ใน ๒ ระดับ คือ โลกียะ , โลกุตระ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับคำตอบตนเองว่า "จะทำสมาธิไปเพื่ออะไร ?"

453
ธรรมะ / โอวาทปาฏิโมกข์
« เมื่อ: 07 มี.ค. 2555, 01:35:34 »
(นำ) หันทะ มะยัง โอวาทปาฏิโมกขะคาถาโย ภะณามะ เส ฯ

   ขันตี ปะระมัง ตะโป ตีติกขา,      ความอดทน คือความอดกลั้น เป็นตบะอย่างยิ่ง
นิพพานัง ปะระมัง วะทันติ พุทธา,         พระพุทธเจ้าทั้งหลาย ตรัสว่าพระนิพพานเป็นเยี่ยม

นะ หิ ปัพพะชิโต ปะรูปะฆาตี,         ผู้ล้างผลาญผู้อื่น, ไม่ชื่อว่าเป็นบรรพชิต
สะมะโณ โหติ ปะรัง วิเหฐะยันโต,         ผู้เบียดเบียนผู้อื่น, ไม่ชื่อว่าเป็นสมณะเลย
เอตัง พุทธานะ สาสะนัง ฯ            นี้เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย

   สัพพะปาปัสสะ อะกะระณัง,      การไม่ทำบาปทั้งปวง หนึ่ง
กุสะลัสสูปะสัมปะทา,            การบำเพ็ญกุศลให้ถึงพร้อม หนึ่ง
สะจิตตะปะริโยทะปะนัง,            การกลั่นจิตของตนให้ผ่องแผ้ว หนึ่ง
เอตัง พุทธานะ สาสะนัง ฯ            นี้เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย

   อะนูปะวาโท,               การไม่เข้าไปว่าร้ายกัน หนึ่ง
อะนูปะฆาโต,                  การไม่เข้าไปล้างผลาญกัน หนึ่ง
ปาฏิโมกเข จะ สังวะโร,            ความสำรวมในพระปาฏิโมกข์ หนึ่ง
มัตตัญญุตา จะ ภัตตัสมิง,            ความเป็นผู้รู้ประมาณในโภชนาหาร หนึ่ง
ปันตัญจะ สะยะนาสะนัง,            การนอนการนั่งอันสงัด หนึ่ง
อะธิจิตเต จะ อาโยโค,            การประกอบคงามเพียรในอธิจิต หนึ่ง
เอตัง พุทธานะ สาสะนัง ฯ            นี้เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย


๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐

   วันเพ็ญขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๓ เมื่อประมาณ ๒,๖๐๐ ปีที่ผ่านมา เป็นวันที่พระพุทธเจ้าทรงประทาน "โอวาทปาฏิโมกข์" ท่ามกลางที่ประชุมมหาสังฆสันนิบาตครั้งใหญ่ในพระพุทธศาสนา โดยมีเหตุอัศจรรย์เกิดขึ้นพร้อมกัน ๔ ประการ กล่าวคือ

๑. พระภิกษุสงฆ์ ๑,๒๕๐ รูป มาประชุมพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย ยังพระอารามวัดพระเวฬุวัน กรุงราชคฤห์ แคว้นมคธ

๒. พระภิกษุสงฆ์ทั้งหมดนี้ล้วนแล้วแต่อุปสมบทด้วยวิธี "เอหิภิกขุอุปสัมปทา" คือ ได้รับการบวชจากพระพุทธเจ้า ทั้งสิ้น

๓. พระภิกษุสงฆ์ทั้งหมดนี้ล้วนแล้วแต่เป็นพระอรหันต์ เป็นพระอเสขะ ผู้อยู่จบพรหมจรรย์แล้ว แล้วยังทรงอภิญญา ๖ ทั้งสิ้น

๔.วันดังกล่าวตรงกับวันเพ็ญมาฆปุรณมีดิถี คือ เป็นวันที่พระจันทร์เต็มดวง (ดังนี้จึงเรียกว่า "วันจาตุรงคสันนิบาต" คือ วันที่มีการประชุมพร้อมด้วยองค์ ๔ ดังกล่าว)

   ใจความสำคัญของ "โอวาทปาฏิโมกข์" ดังที่เกริ่นไว้ข้างต้น นั่นคือ "การไม่ทำบาปทั้งปวง การบำเพ็ญความดีให้ถึงพร้อม และการรักษาใจให้บริสุทธิ์ผ่องใส" อันเป็นหน้าที่ชาวพุทธที่ควรน้อมนำมาปฏิบัติ เพื่อยังประโยชน์ให้เิกิดมีขึ้นอย่างพร้อมมูล ทั้งในระดับโลกียะ และยกเจริญขึ้นสู่โลกุตระในเบื้องปลาย

ปล.ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๓ ก่อนพุทธปรินิพพาน ๓ เดือน เป็นวันคล้ายวันที่พระพุทธองค์ทรงปลงอายุสังขาร ณ ปาวาลเจดีย์ แคว้นวัชชี อีกด้วย.

น้อมระลึกถึงคุณของพระรัตนตรัยอันไม่มีประมาณด้วยความเคารพอย่างสูงสุด

454
ออกจากสี่แยกไฟแดงหน้ามหาวิทยาลัยตัดเข้าถนนเพชรเกษม (ผ่านโลตัส,บิ๊กซี,โฮมโปร...ฯ)

พอถึงวัดพระประโทน วิทยาลัยเทคนิค ให้เลี้ยวซ้ายในซอยข้างวิทยาลัยเทคนิค

ไปตามทางหลักเรื่อยๆ ผ่านทางรถไฟ กรมการสัตว์ทหารบก วัดสามกระบือเผือก วัดโคกเขมา วัดทุ่งน้อย วัดศรีมหาโพธิ์ วัดบัว วัดใหม่สุคนธาราม

ถึงสี่แยกไฟแดงให้ตรงไป จะผ่านวัดกลางบางพระ และวัดบางพระอยู่ทางขวามือ

*คณะศึกษาศาสตร์ วันเสาร์-อาทิตย์ อาจจะได้เจอกันที่ห้องภาคครับ

455
๒ มีนาคม ๒๕๕๕ ณ วัดบางพระ อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม

เตรียมงานไหว้ครู



































......................................************..........................................

456
แล้วถ้าตอนสั่งจอง ใส่ที่อยู่ให้มาส่งที่แบบล่ะคะ แต่เปลี่ยนใจจะไปรับเองได้ป่าว

จัดส่งไปให้ตามที่อยู่ที่กรอกรายละเอียดมาแล้วครับ

ภาษีเจริญได้รับประมาณพรุ่งนี้หรือไม่ก็มะรืนครับ.

457
บ่ายวันที่ ๒๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๕ ณ สำนักงานวัดบางพระ

พระครูอนุกูลพิศาลกิจ (หลวงพ่อสำอางค์) เจ้าอาวาสวัดบางพระ อธิษฐานจิตเสื้อที่ระลึกเว็บไซต์วัดบางพระรุ่น ๔






คืนวันที่ ๒๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๕ ณ สำนักงานวัดบางพระ

เตรียมแพคเสื้อใส่ซอง





เช้าวันที่ ๒๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๕

ขนส่งซองบรรจุเสื้อจากวัดบางพระไปส่งยังที่ทำการไปรษณีย์นครชัยศรี





ใบเสร็จ



พระครูอนุกูลพิศาลกิจ (หลวงพ่อสำอางค์) เจ้าอาวาสวัดบางพระ

เมตตาจารแผ่นเงินเพื่อมอบให้กับสมาชิกเว็บไซต์วัดบางพระที่สั่งจองเสื้อที่ระลึก

จะนำมาแจกให้เพื่อนสมาชิกผู้โชคดี ในกิจกรรม "ร่วมตอบแบบสอบถาม" ต่อไป เร็ว ๆนี้





เก็บภาพน่ารัก ๆ มาฝาก ภาพนี้ถ่ายไว้ที่โรงเรียนวัดบางพระ

น้อง ๆ เด็กนักเรียนนำตุ๊กตาหมีพูมาถวายรูปเหมือนหลวงพ่อเปิ่น ที่ประดิษฐานไว้หน้าโรงเรียนวัดบางพระ









 :001:ขอให้มีความสุขกับเสื้อที่ระลึกเว็บไซต์วัดบางพระรุ่นที่ ๔ นะครับ  :001:

แล้วเตรียมตัวร่วมกิจกรรมรับรางวัลพิเศษ...เฉพาะสมาชิกที่สั่งจองเสื้อที่ระลึกไว้เท่านั้น...อย่าพลาด!!!




**********************************************************************
ภาพบางส่วนโดยหลวงพี่สุธี จากเฟสบุ๊ควัดบางพระ http://www.facebook.com/media/set/?set=a.308235002570177.74680.123218131071866&type=1&l=3c387f8035




458
ขอบคุณครับ
รบกวนสอบถามอีกหน่อยนะครับ
ก่อนส่งนำเสื้อทั้งหมดไปขอบารมีจากหลวงพ่อด้วยใช่มั้ยครับผม


หลังจากตัดเย็บเสร็จแล้วจะนำไปขอบารมีจากหลวงพ่อเปิ่นและขอความเมตตาจากหลวงพ่อสำอางค์ เจ้าอาวาสปลุกเสก
เพื่อความเป็นศิริมงคลกับสมาชิกทุกๆ ท่านด้วยครับ
ตามที่ลงรายละเอียดในกระทู้สั่งจองเสื้อที่ระลึกรุ่น ๔ ครับ




แล้วถ้า วันอาทิตย์ผมไปรับเสื้อที่วัดเอง จะได้หรือเปล่าครับ


459
สาระธรรมจากท่านพุทธทาส

Walking without Walker.

Doing without Doer.

"การเดิน ไม่มี ผู้เดิน"

"การทำ ไม่มี ผู้ทำ"

460
สั่งจองเพิ่มเติมครับ

M หญิง ๕ ตัว

XL หญิง ๓ ตัว (รวมจำนวนที่สั่งจองเพิ่มเติม ๕ + ๓ = ๘ ตัว เป็นเงิน ๘ * ๓๐๐ = ๒,๔๐๐ บาท)




(ของเดิม M ชาย ๒, L หญิง ๑, M หญิง ๑ รวม ๔ ตัว เป็นเงิน ๔ * ๓๐๐ = ๑,๒๐๐ บาท

บวกที่สั่งจองเพิ่มเติมอีก ๘ ตัว ๑,๒๐๐ + ๒,๔๐๐ = ๓,๖๐๐ บาท)

รับเองที่สำนักงานวัดบางพระ

โอนเงินทั้งหมดเรียบร้อยแล้ววันนี้เวลา ๑๕.๓๓ น. จำนวนเงิน ๓,๖๐๐ บาท (หลักฐานตามไฟล์ภาพที่แนบมา)


461
ลองศึกษาและทำตามวิธีการดังที่ไ่ด้ลงรายละเอียดไว้ในกระทู้นี้ครับ.

http://www.bp.or.th/webboard/index.php?topic=11610

462
๒๑ มกราคม ๒๕๕๕ เวลาประมาณ ๑๓.๐๐ น.

ณ วัดหลวงเมืองลื้อ สิบสองปันนา สาธารณรัฐประชาชนจีน

วัดหลวงเมืองลื้อ เป็นวัดที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของสิบสองปันนาในปัจจุบัน ซึ่งบริษัทพัฒนาการท่องเที่ยวหยวนห้าว จำกัด สิบสองปันนา ยูนนาน ได้ทุ่มเงินลงทุนสร้างเองถึง ๓๕๐ ล้านหยวน (เป็นเงินไทยประมาณกว่า ๑,๗๕๐ ล้านบาท) เพื่อสร้างวัดทางพระพุทธศาสนา นิกายเถรวาท(หินยาน) และพระพุทธรูปปางคันธารราฐ พระพุทธรูปปางยืนขอฝน เป็นพระพุทธรูปขนาดใหญ่ที่สุดในแถบนี้ มาตั้งแต่ปี ๒๕๔๘ ก่อสร้างบนภูเขา ปัจจุบันยังไม่แล้วเสร็จ สืบเนื่องจากตระหนักว่าพระพุทธศาสนานิกายเถรวาทมีประวัติมาอย่างยาวนานในดินแดนสิบสองปันนา พอๆกับในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่นในประเทศไทย กัมพูชา เมียนม่าร์ ลาว เป็นต้น นอกจากนี้ภายในวัดยังเป็นที่ตั้งของวิทยาลัยพระพุทธศาสนาสิบสองปันนา เพื่อใช้เป็นสถานที่ศึกษาวิจัยพระพุทธศาสนานิกายเถรวาท และคาดหวังว่าวัดแห่งนี้ จะกลายเป็นศูนย์กลางแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมพระพุทธศาสนานิกายเถรวาท อีกทั้งยังเป็นสถานที่ที่ชาวชนชาติไต หรือไทลื้อในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้สืบค้นเรื่องราวความเป็นมาของบรรพบุรุษของตนเองได้ ปัจจุบันนี้ ทางการจีนได้รื้อวัดป่าเจและย้ายมาอยู่ที่วัดหลวงเมืองลื้อนี้ทั้งหมด

ศิลปะการก่อสร้างภายในวัด เป็นการประยุกต์ทั้งของทางเถรวาท และมหายานเข้าด้วยกัน นอกจากนี้ยังผสมผสานศิลปะวัฒนธรรมของชาวไทลื้อ ลาว พม่า และไทย เข้าด้วยกันอีกด้วย

ในส่วนของพระภิกษุที่จำพรรษาอยู่ที่วัดแห่งนี้ ก็มีทั้งนิกายเถรวาท และนิกายมหายาน รวมถึงพระธิเบตด้วย ซึ่งพระภิกษุทั้งหมดนี้ ได้รับการนิมนต์มาจากการที่รัฐบาลจีนได้อาราธนานิมนต์จากวัดทั่วประเทศจีนให้มาอยู่ ณ วัดแห่งนี้

ขณะนี้ยังอยู่ในระหว่างการดำเนินงานก่อสร้างยังไม่แล้วเสร็จ แต่ก็มีนักท่องเที่ยวนิยมไปเที่ยวชมความสวยงามของศิลปะวัฒนธรรมภายในวัดเป็นจำนวนมาก

ถึงแม้ว่าวัดหลวงเมืองลื้อแห่งนี้จะได้ชื่อว่าเป็นนิกายเถรวาท แต่พฤติการณ์ก็ยังไม่ใช่เถรวาทอย่างสมบูรณ์ มีการผสมผสานกันระหว่างนิกายเถรวาทและมหายาน เราก็ลองมาติดตามพิจารณาดูกันต่อไปว่า วัดหลวงเมืองลื้อแห่งนี้ จะเป็นศูนย์กลางแลกเปลี่ยนพระพุทธศาสนานิกายเถรวาทอย่างที่ตั้งใจไว้ได้หรือไม่

บริเวณลานหน้าทางเข้าวัดหลวงเมืองลื้อ ประดับตกแต่งด้วยต้นไม้ตกแต่งเป็นพระพุทธรูป


แผนที่แสดงรายละเอียดเมื่อสร้างเสร็จสมบูรณ์แล้ว จะจัดแบ่งเป็นชั้นๆ จัดแสดงเรื่องราวพุทธประวัติตั้งแต่ประสูติ ตรัสรู้ ไปจนกระทั่งปรินิพพาน


ชั้นแรกสุด จัดแสดงเรื่องราวพุทธประวัติตอนประสูติ "“เราเป็นผู้เลิศในโลก เราเป็นผู้เจริญที่สุดในโลก เราเป็นผู้ประเสริฐที่สุดในโลก ชาตินี้เป็นชาติสุดท้าย บัดนี้ภพใหม่ไม่มีอีก”"


ซุ้มประตูทางเข้าที่ผ่านเข้ามา สังเกตเห็นได้ว่ามีการจัดการอย่างเป็นระบบระเบียบ เพื่อประโยชน์การท่องเที่ยวโดยเฉพาะ ในการเที่ยวชมนี้ จะเลือกโดยสารรถที่มีไว้ให้บริการ หรือว่าจะเลือกเดินขึ้นบันไดก็ได้ ตามสะดวก


พระพุทธรูปปางคันธารราธ ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในแถบนี้


มองลงไปด้านล่างจะพบกับพระอุโบสถของวัดหลวงเมืองลื้อ


ด้านบนนี้ สามารถมองเห็นทัศนียภาพมุมกว้างของสิบสองปันนาได้อย่างชัดเจน


นักท่องเที่ยวชาวจีนจุดธูปขนาดใหญ่เพื่อสักการะบูชาพระพุทธรูปปางคันธารราธ


ราวบันไดทางขึ้นลง เป็นรูปพระสาวกเดินอุ้มบาตร แกะสลักจากศิลา


ปฏิมากรรมรูปยักษ์ บริเวณทางเข้าพระวิหาร


พระบรมสารีริกธาตุ และพระพุทธรูปปางสมาธิทรงเครื่องสีขาว


พระพุทธรูปองค์จำลองจากพระพุทธรูปปางคันธารราธขนาดใหญ่ ประดิษฐานบนผนังของวิหารรอบด้าน


ด้านในพระวิหารด้านหลัง ประดิษฐานพระพุทธรูปปางสมาธิ และพระโพธิสัตว์กวนอิม  (นี่เป็นอีกส่วนหนึ่งที่แสดงให้เห็นชัดเจนว่า วัดนี้นิกายเถรวาทจริงหรือ?)


ด้านข้างของวิหาร จัดวางเทวรูป เป็นเทพเจ้า ไฉ่ซิงเอี๊ยะ วางระดับเดียวกับพระพุทธรูป?


อีกห้องหนึ่งในวิหาร จัดแสดงพระพุทธรูปปางมารวิชัยทรงเครื่อง พร้อมเครื่องสักการะบูชา


ร้านขายธูปขนาดใหญ่ไว้สำหรับจุดบูชา ภายในวัด


ตรงกลางคือ กระถางปักธูปขนาดใหญ่ ศิลปะจีน


ปฏิมากรรมศิลาแกะสลักรูปเทพหลี่จิ้ง ตามความเชื่อของชาวจีน


รูปจำลองคล้ายพระธาตุอินทร์แขวน ในประเทศเมียนม่าร์


ชั้นแสดงเรื่องราวพุทธประวัติตอนตรัสรู้


พระอุโบสถของวัดหลวงเมืองลื้อ


พระแม่ธรณีบีบมวยผม บีบน้ำออกจากมวยผมอันเป็นประจักษ์พยานในการบำเพ็ญบารมีของเจ้าชายสิทธัตถะ


วิหารภายในประดิษฐานพระพุทธรูปประจำวัน (เหมือนกับของประเทศไทยทุกประการ)


พระพุทธรูปปางสมาธิ พระพุทธรูปประจำวันเกิด วันพฤหัสบดี


พระประธานภายในพระอุโบสถวัดหลวงเมืองลื้อ เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัยสีทองขนาดใหญ่ ด้านข้างมีพระอัครสาวกยืนประนมมืออัญชลีอยู่


หน้าโต๊ะหมู่บูชา มีภาพของพระเดชพระคุณพระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) อดีตเจ้าอาวาสวัดปากน้ำภาษีเจริญ ประเทศไทย ประดิษฐานอยู่ด้วย


ปฏิมากรรมรูปปูนปั้นยักษ์ ๒ ตน นั่งเฝ้าทางเข้าพระอุโบสถวัดหลวงเมืองลื้อ แสดงให้เห็นถึงอารมณ์ขันของศิลปินผู้รังสรรค์ผลงาน


ศาลพระภูมิบ้านเราดีๆนี่เอง


วิหารภายในประดิษฐานพระพุทธรูปตามความเชื่อของชาวจีน ได้รับอิทธิพลจากพระพุทธศาสนานิกายมหายาน


หลวงพี่เก่ง วัดบางพระ,พี่มหานรินทร์,พี่มหาโจ้ ร่วมเดินทางไปเที่ยวชมในครั้งนี้ด้วย


เก็บภาพบรรยากาศมาฝากให้เพื่อนสมาชิกกระดานสนทนาวัดบางพระได้รับชม ได้ร่วมอนุโมทนากับการเดินทางแสวงบุญในสิบสองปันนาในครั้งนี้ด้วยครับ... ปุญฺญานุสฺสติ(สิบทัศน์)


463
๒๐ มกราคม ๒๕๕๕ เวลา ๑๖.๓๐ น. (ตามเวลาในประเทศไทย)

ณ วัดป่าเจ (西双版纳总佛寺) ตั้งอยู่ทางทิศใต้ของสวนม่านทิง อันเป็นสวนพรรณไม้ในป่าชื้นเขตร้อนอันอุุดมสมบูรณ์ของสิบสองปันนา

วัดป่าเจ มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า "วัดป่าเชต์มหาราชฐาน" ในอดีตเป็นวัดที่ใหญ่ที่สุด และยังเป็นเสมือนวิทยาลัยสงฆ์ของเมืองเชียงรุ้ง

ความเชื่อของชาวไทลื้อที่นี่สมัยก่อน เมื่อมีลูกชายเป็นเด็กก็จะต้องให้บวชเป็นสามเณร เรียกกันว่า "บวชลูกแก้ว"

เมื่ออายุครบบวช ก็จะต้องบวชเรียนศึกษาพระธรรมวินัยเสียก่อน ถึงจะเป็นที่ยอมรับของสังคม (คล้ายกับประัเทศไทยสมัยก่อน)

ด้วยปัจจุบันนี้ สภาพแวดล้อมทางสังคม เศรษฐกิจได้เปลี่ยนไปอย่างมาก ความเชื่ออันเป็นวัฒนธรรมนี้ จึงค่อยๆเลือนหายไปตามลำดับ

วัดป่าเจ เป็นวัดนิกายเถรวาท (หินยาน) เป็นศูนย์กลางด้านวัฒนธรรมทางพระพุทธศาสนาของชนชาติไตในสิบสองปันนา

มีเนื้อที่ประมาณ ๓,๐๐๐ ตารางเมตร ในอดีตเป็นสถานที่ประกอบพิธีกรรมทางศาสนาของเจ้าชนชั้นปกครองในสิบสองปันนา

ภายในวัดประกอบด้วยศาสนสถานทั้งเจดีย์ขาว เจดีย์แปดเหลี่ยม วิหาร พระอุโบสถ กุฏิพระภิกษุสามเณร และสถาบันทางพระพุทธศาสนา คือ วิทยาลัยพระพุทธศาสนาของมณฑลยูนนาน

สิ่งก่อสร้างในวัดแห่งนี้ ส่วนหนึ่งได้รับทุนงบประมาณการก่อสร้างจากสาธุชนชาวไทย ศิลปกรรมจึงคล้ายกับวัดในไทยเป็นอย่างมาก

ในอนาคตอันใกล้ ทางการจีนจะย้ายวัดป่าเจเข้าไปรวมกับวัดหลวงเมืองลื้อแทน ส่วนสถานที่ตั้งเดิมของวัดป่าเจ คงจะได้รับการรังสรรค์ให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวด้านวัฒนธรรมทางพระพุทธศาสนาในสิบสองปันนาต่อไป

ถัดจากสวนม่านทิง บริเวณด้านหลังก็จะเข้าสู่เขตของวัดป่าเจ


เจดีย์ขาวองค์จำลอง


เจดีย์แปดเหลี่ยม


เนื่องจากเข้ามาชมสวนเป็นเวลาเย็นมากแล้ว (เวลาในประเทศจีนเร็วกว่าเวลาในประเทศไทย ๑ ชั่วโมง) จึงได้แต่เดินชม ร้านค้าและวัดก็ใกล้จะปิดให้เยี่ยมชมแล้วเช่นกัน


ซุ้มประตูทางเข้าไปภายในบริเวณวัด


ปฏิมากรรมปูนปั้นรูปเสมาธรรมจักร ตกแต่งซุ้มทางเข้าวัดป่าเจ


ใบสีมา ก็ได้ถูกนำมาประดับตกแต่งกำแพงของวัดเช่นกัน


บริเวณด้านหน้าพระอุโบสถ จะสังเกตเห็นพระพุทธรูปที่สร้างจากไม้ไผ่เอามาสานเป็นโครง อยู่ด้านหลังพระโพธิสัตว์กวนอิืม ตามความเชื่อของพระพุทธศาสนานิกายมหายาน (แต่อยู่ในวัดพุทธนิกายเถรวาท)


ป้านหินอ่อนจารึกว่า "วิทยาลัยพระพุทธศาสนาสิบสองปันนาสาขายูนนาน" แทบทุกที่ในสิบสองปันนา ป้ายทุกชนิดไม่ว่าเขียนด้วยภาษาใดก็ตาม จะต้องมีอักษรภาษาไทลื้อเขียนกำกับไว้ด้วยเสมอ


แผ่นป้ายหินอ่อนจารึกแสดงไว้ว่า สมเด็จพระสังฆราชของประเทศไทยทรงเคยเสด็จมา ณ วัดป่าเจแห่งนี้ เมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๓๖


วิหารที่กำลังอยู่ในช่วงของการดำเนินงานก่อสร้างยังไม่แล้วเสร็จ


ซุ้มประตูทางออกของวัดป่าเจ




464
๒๐ มกราคม ๒๕๕๕  ๑๐.๓๖ น. (เวลาตามประเทศไทย)

ณ วัดมหาราชฐานสุทธาวาส(วัดไทยใหญ่) หมู่บ้านกาหลั่นป้า เมืองเชียงรุ้ง สิบสองปันนา สาธารณรัฐปนะชาชนจีน

ชาวไทลื้อเรียกวัดนี้ว่า "วัดสวนม่อน" หมายถึงสวนดอกไม้ที่อยู่บริเวณด้านหลังวัดที่หมู่บ้านกาหลั่นป้า

เป็นวัดในพระพุทธศาสนา นิกายเถรวาท(หินยาน) ศิลปะการสร้างคล้ายกับวัดทางภาคเหนือของไทย ตั้งอยู่กลางหมู่บ้านกาหลั่นป้า ซึ่งเป็นหมู่บ้านเก่าแก่ของพี่น้องไทยปันนา (ไทลื้อ) ภาษาพูดคล้ายกับภาษาไทยพื้นเมืองภาคเหนือ ทำให้สื่อสารกันพอเข้าใจ

ปัจจุบัน นอกจากจะเป็นพุทธสถาน เพื่ปฏิบัติศาสนกิจของพระภิกษุสามเณร เป็นศูนย์รวมใจของชาวไทลื้อในหมู่บ้านกาหลั่นป้านี้แล้ว

วัดแห่งนี้ ก็ยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงอีกแห่งหนึ่งในสิบสองปันนาด้วยเช่นกัน

ด้านหน้าก่อนทางเข้าวัด จะพบกับนกยูง ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของสิบสองปันนา ที่ได้ฉายาว่า "ดินแดนนกยูง" และลิง ไว้บริการนักท่องเที่ยวสำหรับถ่ายภาพเป็นที่ระลึก




บริเวณซุ้มประตูทางเข้าวัดไทยใหญ่ จะมีป้ายเขียนด้วยภาษาไทลื้อ


อาคารศาสนสถานภายในวัดไทยใหญ่ ลักษณะทางศิลปกรรมคล้ายทางภาคเหนือของไทย


เจดีย์สีทองอร่ามภายในวัด


ทางเข้าด้านหน้าพระอุโบสถ


ภายในมีพระพุทธรูปปูนปั้นทาทองปางมารวิชัยขนาดใหญ่ เป็นพระประธานภายในพระอุโบสถหลังนี้


บริเวณด้านข้างของพระประธาน มีตู้พระไตรปิฎกฉบับภาษาไทย ตั้งไว้เพื่อสักการะบูชา


ร่องรอยการปิดแผ่นทองคำเปลวที่องค์พระประธานในพระอุโบสถ


เครื่องบูชา ทำจากกระดาษสีสันสดใส ห้อยประดับไว้ด้านหลังพระประธาน


จิตรกรรม ภาพเขียนบนผ้า นำไปขึงติดประดับไว้บริเวณผนังโบสถ์ด้านใน เล่าเรื่องราวในพุทธประวัติ และความเชื่อทางพระพุทธศาสนาของชาวไทลื้อ


โครงสร้างของพระอุโบสถทำจากไม้ ใช้การขัดไม้ตามสลักเป็นชั้นๆ ตกแต่งลวดลายด้วยการทาทองเพื่อความสวยงาม


บริเวณด้านข้างขององค์พระประธาน จัดแยกเป็นอีกห้องหนึ่ง ประดิษฐานพระพุทธรูปไว้จำนวนมาก ใช้เป็นสถานที่ให้พระภิกษุต้อนรับปฏิสันถารสาธุชน ที่มาเยี่ยมเยือนวัดแห่งนี้


รูปปั้นสิงห์สีทอง ที่ฐานเจดีย์ ด้านหลังเป็นหอกลอง


สามเณรภายในวัด ให้บริการขายธูป เพื่อนำไปจุดบูชารูปเคารพต่างๆภายในวัด


อาทิเช่น พระพรหม ศิลปะโดยทั่วไปก็คล้ายคลึงกับทางบ้านเรา


ปฏิมากรรมสะท้อนเรื่องราว ความคิด ความเชื่อ ในทางพระพุทธศาสนาของขาวไทลื้อ


ระเบียงด้านหลังพระอุโบสถ เป็นภาพจิตรกรรมฝาผนัง สังเกตที่เสาทุกต้น จะไม่ฝังลงพื้น แต่จะต้องมีแท่นหินมารองรับไว้ วัฒนธรรมนี้ไม่ใช่มีแต่เฉพาะในวัดเท่านั้น แม้แต่บ้านเรือนของชาวไทลื้อที่นี่ ก็จะทำเช่นเดียวกันทั้งหมดหมด


ลวดลายการตกแต่งบริเวณผนังพระอุโบสถด้านนอก สังเกตดูจะใช้การทาสีทอง ไม่เหมือนกับบ้านเราที่นิยมใช้การปิดทองเป็นหลัก


มือจับบานประตูของวัดเป็นรูปสิงโต ก็ได้รับอิทธิพลทางศิลปกรรมของชาวจีน นำมาประยุกต์เข้ากันได้อย่างลงตัว


รูปหล่อพระสิวลีสร้างจากโลหะ ประดิษฐานไว้บริเวณหน้าวัดไทยใหญ่แห่งนี้


465
พระพุทธศาสนา ทางเถรวาท(หินยาน) มีคำอธิบายเกี่ยวกับภพภูมิังนี้ (ภพภูมิ ๓๑)

นิรยภูมิ หรือ นรก ๘ (สัญชีวนรก ๑, กาฬสุตตนรก ๑, สังฆาฏนรก ๑, โรรุวนรก ๑,มหาโรรุวนรก ๑, ตาปนนรก ๑, มหาตาปนนรก ๑, อเวจีนรก ๑)

เปตติวิสยภูมิ หรือ ภูมิเปรต ๑

อสุรกายภูมิ ๑

ติรัจฉานภูมิ ๑

มนุษย์ ๑

สวรรค์ ๖ (จาตุมหาราชิกา ๑,ดาวดึงส์ ๑,ยามา ๑, ดุสิต ๑, นิมมานรดี ๑, ปรนิมมิตวสวัตดี ๑)

พรหม ๑๖ (พรหมปาริสัชชาภูมิ ๑, พรหมปุโรหิตาภูมิ ๑, มหาพรหมาภูมิ ๑, ปริตรตาภาภูมิ ๑, อัปปมาณาภาภูมิ ๑, อาภัสราภูมิ ๑, ปริตตสุภาภูมิ ๑, อัปปมาณสุภาภูมิ ๑, สุภกิณหาภูมิ ๑, เวหัปผลาภูมิ ๑, อสัญญีสัตตาภูมิ ๑, อวิหาสุทธาวาสภูมิ ๑, อตัปปาสุทธาวาสภูมิ ๑, สุทัสสาสุทธาวาสภูมิ ๑, สุทัสสีสุทธาวาสภูมิ ๑, อกนิฏฐสุทธาวาสภูมิ ๑)

อรูปพรหม ๔ (อากาสานัญจายตนภูมิ ๑, วิญญาณัญจายตนภูมิ ๑, อากิญจัญญายตนภูมิ ๑, เนวสัญญานาสัญญายตนภูมิ ๑)

(๘+๑+๑+๑+๑+๖+๑๖+๔ = ๓๑)

*พระโพธิสัตว์ จัดเข้าในภูมิสวรรค์ชั้น "ดุสิต"

หลุดพ้นจากภพภูมิ ๓๑ นี้ จึงได้ชื่อว่าเข้าพระนิพพาน สำเร็จเป็นพระอรหันต์ (พระอริยบุคคลขั้น พระโสดาบัน,พระสกิทาคามี,พระอนาคามี ก็ยังคงอยู่ภายในภพภูมิ ๓๑ เหล่านี้ แต่ไม่เป็นไปในทางอบายภูมิคือ นรก เปรต อสุรกาย เดียรัจฉาน จะคงอยู่ในภูมิสวรค์ พรหม และอรูปพรหม)

467
ข้อสังเกต คล้ายยันต์พระสารีบุตร ที่ปรากฏหลังเหรียญทำน้ำมนต์ หลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง อุทัยธานี.

468
จองตามรายละเอียดนี้ครับ

M ชาย ๒ ตัว ,

L หญิง ๑ ตัว ,

M หญิง ๑ ตัว

(รวมทั้งหมด ๔ ตัว เป็นเงิน ๔*๓๐๐ = ๑,๒๐๐ บาท)

รับเองที่สำนักงานวัดบางพระครับ

469
นำส่วนหนึ่งในพุทธประวัติมาให้คุณ Earthzii , axiomz ได้อ่าน ได้พิจารณากัน

เป็นเรื่องราวการบรรลุธรรมสำเร็จเป็นพระอรหันต์ของพระสารีบุตร อัครสาวกเบื้องขวา ผู้เป็นเลิศทางปัญญา

เมื่อพระสารีบุตรได้อุปสมบทได้ล่วงไปแล้ว ๑๕ วัน ครั้งนั้นพระสารีบุตรยังเป็นผู้แรกเข้ากระแสแห่งพระนิพพาน บรรลุโสดาปัตติผล

ได้ถวายงานพัดแด่พระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าอยู่ ณ ถ้ำสุกรขาตา บนภูเขาคิชฌกูฏ เขตนครราชคฤห์

ได้มีปริพพาชกผู้หนึ่งชื่อ "ทีฆนขะ อัคคิเวสสนโคตร" ผู้เป็นหลานชายของพระสารีบุตร ได้เดินตามหาพระสารีบุตรผู้เป็นลุงของตนอยู่

ได้เดินมาพบพระสารีบุตรที่กำลังถวายงานพัดแด่พระพุทธเจ้าเข้า จึงเกิดความไม่พอใจที่พระพุทธเจ้าทรงอนุญาตให้พระสารีบุตรบวช

จึงได้กล่าวกับพระพุทธเจ้าไปว่า “พระโคดม ! ข้าพเจ้ามีความเห็นว่า สิ่งทั้งปวงไม่ควรแก่ข้าพเจ้า ข้าพเจ้าไม่พอใจหมด”

พระพุทธองค์ทรงตรัสตอบไปว่า “อัคคิเวสสนะ ถ้าอย่างนั้น ความเห็นอย่างนั้นก็ไม่ควรแก่ท่าน ท่านควรจะไม่ชอบความเห็นอย่างนั้นเสียด้วย”

เมื่อได้ฟังคำตอบของพระุพุทธองค์แล้ว ทีฆนขะ ก็จนมุมไม่รู้ว่าจะโต้ตอบกลับไปได้อย่างไร จึงได้แต่ก้มหน้านิ่งอยู่

เมื่อ ทีฆนขะ คลายทิฏฐิลงไปดังนี้แ้ล้ว พระพุทธองค์ก็ทรงแสดงธรรมเพื่อยังประโยชน์ให้เกิดขึ้นต่อไปว่า

“อัคคิเวสสนะ สมณพราหมณ์พวกหนึ่งมีทิฐิว่า สิ่งทั้งปวงไม่ควรแก่เรา เราไม่ชอบใจหมด พวกหนึ่งมีทิฐิว่า สิ่งทั้งปวงควรแก่เรา เราชอบใจหมด พวกหนึ่งมีทิฐิว่าบางสิ่งควรแก่เรา เราชอบใจ บางสิ่งไม่ควรแก่เรา เราไม่ชอบใจ"

“อัคคิเวสสนะ ทิฐิของสมณพราหมณ์พวกแรกเอียงไปทางความเกลียดชังสิ่งทั้งปวง ทิฐิของสมณพราหมณ์พวกที่สองเอียงไปทางกำหนัดรักใคร่สิ่งทั้งปวง ทิฐิของสมณพราหมณ์พวกที่สาม เอียงไปในทางกำหนัดยินดีบางสิ่งและเกลียดชังบางสิ่ง ผู้รู้พิจารณาเห็นว่า ถ้าเราถือมั่นทิฐินั้นอย่างหนึ่งอย่างใดกล่าวว่าสิ่งนี้แลจริง สิ่งอื่นหาจริงไม่ ก็ต้องถือผิดจากคนสองพวกที่มีทิฐิไม่เหมือนตน ครั้นถือผิดกันขึ้น การวิวาทเถียงกันก็มีขึ้น ครั้นวิวาทกันมีขึ้น การพิฆาตมาดหมายก็มีขึ้น เมื่อความพิฆาตมีขึ้น การเบียดเบียนกันก็มีขึ้น ผู้รู้เห็นอย่างนี้แล้วย่อมละทิฐินั้นเสียด้วย ไม่ทำทิฐิอื่นให้เกิดขึ้นด้วย”

จากนั้นก็ทรงแสดงธรรมต่อไปว่า ควรพิจารณากายนี้ว่าเป็นของไม่เที่ยงเป็นทุกข์ ไม่ใช่ตัวตน เมื่อพิจารณาได้ดังนี้ จึงละความพอใจในกายเสียได้ แล้วทรงแสดงธรรม "เวทนา ๓" คือ ความสุข ความทุกข์ ความไม่สุขไม่ทุกข์ ว่าเป็นของไม่เที่ยง เมื่อได้รู้เห็นอย่างนี้ ก็ย่อมเบื่อหน่ายในเวทนา และคลายกำหนัด หลุดพ้นในที่สุด

" ผู้มีจิตหลุดพ้นอย่างนี้ ย่อมไม่วิวาทกับใคร ๆ  สิ่งใดที่เขาพูดกันในโลก ก็พูดตามโวหารนั้น แต่ไม่ยึดถือ"

*ระหว่างที่พระพุทธองค์แสดงธรรมอยู่นั้น พระสารีบุตรได้ส่งใจน้อมไปตามพระธรรมเทศนา จนจิตหลุดพ้นจากกิเลสอาสวะ บรรลุสำเร็จเป็นพระอรหันต์ ส่วน "ทีฆนขะ" เมื่อได้ฟังธรรมจบแล้ว ก็ได้ดวงตาเห็นธรรม บรรลุเป็นพระโสดาบัน

๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐

หวังเป็นอย่างยิ่งว่า บทความนี้จักเกิดประโยชน์แก่คุณ Earthzii , axiomz (เด็กหนุ่มวัย ๑๔ คนเดียวกัน แต่ใช้ ๒ ชื่อ) บ้างไม่มากก็น้อย...



470
การเปลี่ยนวันปีใหม่ของไทยจากวันที่ ๑ เมษายน เป็นวันที่ ๑ มกราคม มีความเป็นมาอย่างไร?

   ก่อนอื่นอยากให้ลองคำนวณดูว่า คนที่เกิดวันที่ ๑ มกราคม พ.ศ.๒๔๘๒ พอถึง ๑ มกราคม พ.ศ.๒๕๕๒ จะมีอายุเท่าไหร่

   คนที่เกิด พ.ศ.๒๔๘๒ จนถึง ๒๕๕๒ ตามหลักควรจะมีอายุ ๗๐ ปี ใช่ไหม แต่คำตอบคือ ๖๙ ปีเต็ม เพราะตอนปี ๒๔๘๒ นั้น พอถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ.๒๔๘๒ แล้ว วันถัดมาคือวันที่ ๑ มกราคม ซึ่งยังอยู่ในปี พ.ศ.๒๔๘๒ พูดง่าย ๆ ว่า วันที่ ๑ มกราคม มาทีหลังวันที่ ๓๑ ธันวาคม ใน พ.ศ. เดียวกัน

   ปัจจุบัน ๑ มกราคม พ.ศ.๒๕๕๒ จะต้องเป็นวันแรกของปี วันที่ ๓๑ ธันวาคม เป็นวันสุดท้ายของปี แต่ตอนนั้นไม่ใช่ คนที่เกิดวันที่ ๑ มกราคม พ.ศ.๒๔๘๒ เป็นน้องของคนที่เกิดวันที่ ๓๑ มกราคม พ.ศ.๒๔๘๒ ถามว่าทำไม เพราะตอนนั้นวันแรกของปีคือ ๑ เมษายน พ.ศ.๒๔๘๒ วันสิ้นสุดปี คือวันที่ ๓๑ มีนาคม พ.ศ.๒๔๘๒ เราเพิ่งมาเปลี่ยนการนับให้วันที่ ๑ มกราคม เป็นวันแรกของปีในปี พ.ศ.๒๔๘๔ เป็นครั้งล่าสุด เพราะฉะนั้นปี ๒๔๘๓ จึงเป็นปีพิเศษ ที่มีแค่ ๙ เดือน คือเริ่มต้นที่ ๑ เมษายน พ.ศ.๒๔๘๓ แล้วไปสิ้นสุดปีในวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ.๒๔๘๓

   ย้อนไปก่อนหน้านี้เราถือว่าวันแรกของปีคือวันแรม ๑ ค่ำ เดือนอ้าย ต่อมาเราเปลี่ยนให้วันแรม ๑ ค่ำ เดือน ๕ เป็นวันแรกของปี แต่การนับตามจันทรคติ ซึ่งแต่ละปีจะเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ ไม่สะดวกและจำยาก เลยเปลี่ยนไปนับแบบสุริยคติ คือให้วันที่ ๑ เมษายน ของทุกปีเป็นวันขึ้นปีใหม่ เริ่มนับอย่างนี้เป็นครั้งแรกในปี ๒๔๓๒ สมัยรัชกาลที่ ๕ แล้วมาเปลี่ยนเป็นแบบปัจจุบัน เมื่อ ๑ มกราคม พ.ศ.๒๔๘๔ เหตุที่เปลี่ยนเพราะเรามีการติดต่อกับชาวต่างชาติมากขึ้น จึงเปลี่ยนให้สอดคล้องกับนานาประเทศ ซึ่งจะทำให้การติดต่อต่าง ๆ สะดวกมากขึ้น

ปัจจุบันในช่วงปีใหม่ คนไทยนิยมส่งการ์ดอวยพรกัน สมัยก่อนเขาส่งข้อความปรารถนาดีให้กันอย่างไรบ้าง?

   สมัยก่อนในวันปีใหม่เขาจะส่งความปรารถนาดีด้วยการชวนกันไปทำบุญ ซึ่งเป็นการให้ความปรารถนาดีอย่างถูกหลักวิชาที่สุด และที่บอกว่าจะส่งความสุขให้กันนั้น คนส่งต้องมีคามสุขก่อนถึงจะส่งให้คนอื่นได้ แล้วความสุขจะเกิดขึ้นได้อย่างไร ก็ต้องประกอบเหตุคือทำบุญเสียก่อน ความสุขจึงจะเกิด สมัยก่อนเขาจึงให้ความปรารถนาดีแก่กันด้วยการชวนไปทำความดี ไปสร้างบุญสร้างกุศล เช่น ไปช่วยงานวัด ปัดกวาดลานวัด ฯลฯ

   แต่ถ้าเป็นคนที่มีความสำคัญ มีศักยภาพมาก และมีการติดต่อกว้างขวางกว่าในระดับชุมชนที่ตัวเองอยู่ เช่น เป็นเศรษฐีที่มีที่มีการค้าระหว่างเมือง หรือเป็นพระราชา ซึ่งจะต้องมีการติดต่อกันระหว่างเมือง ฯลฯ ก็อาจจะใช้วิธีฝากข่าวถึงกันโดยวาจาหรือโดยหนังสือก็ได้ ใครรู้ข่าวอะไรดี ๆ ก็จะบอกกล่าวกัน อย่างเช่นใครทราบข่าวว่า พระรัตนตรัยบังเกิดขึ้นแล้วในโลก ก็รีบส่งข่าวถึงเพื่อนฝูงหรือคนรู้จัก ข่าวดีเหล่านี้จะสร้างความปีติแก่ผู้รับข่าวเป็นอย่างยิ่ง อย่างพระราชามหากัปปินะ เมื่อทรงทราบข่าวการเกิดขึ้นของพระรัตนตรัยจากพ่อค้าที่เดินทางไปถึงเมืองของพระองค์ ก็ทรงปีติจนตัวชาไปเลย และทรงตัดสินใจ สละราชสมบัติออกบวช สมัยก่อนเขาใจเด็ดขนาดนี้ นี่คือการส่งความปรารถนาดีในรูปแบบต่าง ๆ โดยมีเป้าหมายให้ทุกคนมีโอกาสสร้างบุญสร้างกุศล

อย่างนี้ช่วงปีใหม่ก็ควรจะทำบุญก่อนส่งความสุขให้คนอื่น การไปอยู่ธุดงค์ปีใหม่เป็นวิธีที่ควรทำใช่ไหม?

   จะทำอะไรก็ได้ที่เป็นบุญเป็นกุศลไม่ว่าจะให้ทาน รักษาศีล เจริญภาวนา การให้ทานนั้น เราอาจจะตักบาตรพระที่วัดใกล้บ้าน แล้ววันนั้นก็ตั้งใจรักษาศีลให้ดีเป็นพิเศษ แล้วเข้าวัดฟังเทศน์ฟังธรรม สวดมนต์ ทำภาวนา เป็นต้น นี่คือสิ่งที่ควรทำในวันปีใหม่ ไม่ใช่ปีใหม่แล้วฉลองกันจนเมา แบบนี้จะเป็นปีที่แย่มาก ต้องฉลองปีใหม่ด้วยใจที่สดใสผ่องแผ้ว ถ้าไปอยู่ธุดงค์ได้ยิ่งดีร้อยเปอร์เซ็นต์เลย เพราะกิจวัตรกิจกรรมทั้งหมด คือ ทาน ศีล ภาวนา จะครบถ้วนบริบูรณ์ ถือเป็นการรับปีใหม่ที่ดีมาก ๆ

บางคนใกล้สิ้นปีแล้วก็ไม่สิ้นปัญหาเสียที อยากทราบว่าปัญหาต่าง ๆ เกิดจากสาเหตุอะไร?

   ถ้ามองถึงรากของปัญหาจริง ๆ จะพบว่ามาจาก ๒ เหตุใหญ่ คือ ความอยากและความไม่รู้

   ๑.ความอยาก เมื่ออยากได้อะไรแล้วไม่ได้อย่างที่ใจเราคาดหวังไว้ ก็เสียอกเสียใจ หรือว่าอยากจะเป็นอะไร แล้วไม่ได้เป็นอย่างที่ตัวเองคิด ก็ทุกข์ คือ มีความอยากแล้วไม่สมอยาก ไม่ได้อย่างที่หวัง ไปเจอสิ่งที่ไม่ชอบ เป็นต้น

   ๒.ความไม่รู้ คือ ไม่รู้วงจรของชีวิต

   พอ ๒ อย่างนี้มาประกอบกัน ปัญหาก็เกิดขึ้น สมมติว่า อยากรวย อยากได้สิ่งอำนวยความสะดวก แต่ไม่รู้ที่มาที่ไปที่แท้จริงของสิ่งเหล่านี้ ก็จะมุ่งไปที่ผล คือ ความอยากได้ แล้วบางคนพออยากได้มาก ๆ ก็จะไปขโมย จี้ปล้น หรือแสวงหาทรัพย์โดยวิธีการที่ผิดกฎหมาย ทำให้เกิดปัญหาหนักยิ่งขึ้น บางทีอยากได้ตัวบุคคล พอไม่ได้อย่างใจก็ทำลายเสียเลย แล้วต้องหนีหัวซุกหัวซุน บางทีต้องไปอยู่ในคุก นั่นคือ  “อยาก” แต่ไม่รู้ว่าทำอย่างไรถึงจะสมปรารถนา สุดท้ายใจไปเกาะที่ผล ความเสียหายก็เกิดขึ้น

   แต่ถ้าเข้าใจเรื่องวงจรของชีวิต แม้ยังไม่ถึงขนาดหมดกิเลส ความอยากยังไม่หมดไป แต่เข้าใจความจริงของโลกและชีวิตว่า สิ่งที่เราอยากจะได้นั้น จะได้หรือเปล่าขึ้นอยู่ที่เหตุ คือบุญในตัวเรามีมากพอหรือเปล่า ก็จะสามารถควบคุมความอยากให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม ไม่อยากจนกระทั่งดึงดันไปทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง

   เพราะฉะนั้นใครอยากได้อะไรต้องประกอบเหตุ แทนที่จะเอาใจไปเกาะที่ผลว่าอยากได้ ๆ พอได้ก็ดีใจหน่อยเดียว เดี๋ยวอยากได้ของใหม่อีกแล้ว พอไม่ได้ก็เสียใจ เราควรจะอยากแค่พอประมาณ ขณะเดียวกันต้องเข้าใจว่า จะได้หรือไม่ขึ้นอยู่กับเหตุที่ประกอบไว้ในอดีต คือบุญที่เราสั่งสมไว้ และเหตุในปัจจุบัน คือ ความขยันหมั่นเพียร แล้วสุดท้ายสิ่งที่ปรารถนาก็จะได้มา และความดีที่เราทำในวันนี้ ก็จะเป็นบุญเก่าของวันต่อ ๆ ไป ถ้าบุญเก่าบวกบุญใหม่ประกอบกันแล้ว สิ่งที่หวังก็จะสมปรารถนา กล่าวโดยสรุป ปัญหาเกิดจากความอยากและความไม่รู้ ถ้าจะแก้ต้องลดระดับความอยากให้อยู่ในเกณฑ์ที่พอเหมาะ แล้วเพิ่มพูนความรู้เรื่องความจริงของโลกและชีวิตให้มากขึ้น ปัญหาก็จะทุเลาลงไปได้

บางคนมีความรู้สึกว่าตัวเองมีปัญหาใหญ่กว่าคนอื่นมาก บางคนบอกว่าฉันมีปัญหานิดเดียว เราจะใช้อะไรตัดสินว่าปัญหาไหนใหญ่หรือเล็ก?

   ใครเจอปัญหาก็มักจะคิดว่าปัญหาของตัวเองเป็นปัญหาใหญ่ มีดบาดนิ้วเย็บแค่ ๒ เข็ม รู้สึกว่าเจ็บกว่าคนอื่นแขนขาดไปข้างหนึ่งเสียอีก เพราะมันเกิดกับตัวเอง ถ้าเกิดกับคนอื่นอย่างมากก็สงสาร เห็นใจอยากจะช่วยเขา แต่ไม่เหมือนที่เกิดกับตัวเอง หรือถ้าเกิดเรื่องกับคนใกล้ตัว ก็จะรู้สึกมากกว่าคนไกลตัว อันนี้เป็นธรรมชาติของมนุษย์ แต่หลักการสำคัญอยู่ที่ว่า เวลาเจอปัญหาอะไรก็ตาม ต้องไม่ขยายปัญหานั้นเกินจริง อย่าไปขยายให้ปัญหาเท่าหมูกลายเป็นเท่าช้าง เราควรจะเปลี่ยนปัญหาให้เหลือเท่าแมวมากกว่า และเมื่อปัญหาเกิดขึ้นแล้ว อย่าเอาปัญหาของเราไปเป็นปัญหาของคนอื่น เช่น อยากได้อะไรบางอย่าง ซึ่งเป็นปัญหาของตัวเอง ก็เลยไปปล้นเขา คือ ไปสร้างปัญหาให้คนอื่น อันนี้ไม่ถูก

   มีภูมิปัญญาของสังคมจีนที่สั่งสมมาหลายพันปีมาเล่าให้ฟัง เรื่องผู้เฒ่าซ่ายเสียม้า เรื่องมีอยู่ว่า ผู้เฒ่าชาวจีนคนหนึ่งชื่อซ่าย เขาเป็นคนที่เข้าใจชีวิตดีมาก มองชีวิตทะลุปรุโปร่ง ไม่ค่อยหวือหวาไปกับเรื่องราวที่มากระทบ มีอยู่คราวหนึ่งม้าของเขาหายไป เพื่อนบ้านรู้ข่าวก็มาแสดงความเสียใจ ผู้เฒ่าซ่ายบอกว่า ม้าหายไปตัวหนึ่งไม่แน่อาจจะเป็นเรื่องดีก็ได้ข้าพเจ้าไม่ได้เสียใจอะไร เขาตอบอย่างนี้ ทั้ง ๆ ที่สมัยนั้นม้าหายไปตัวหนึ่งเป็นเรื่องใหญ่

   ม้าหายไปไม่กี่วันก็วิ่งกลับมาเอง แถมไปพาม้ามาอีกตัวหนึ่ง เป็นม้าพันธุ์ดีมาก ฝีเท้าเร็วมาก สง่างามมาก เพื่อนฝูงรู้ข่าวก็มาแสดงความดีใจ แต่ผู้เฒ่าซ่ายบอกว่า ได้ม้ามาตัวหนึ่ง อาจจะเป็นเรื่องร้ายก็ได้ ข้าพเจ้าไม่ได้ดีใจอะไรมาก

   ลูกของผู้เฒ่าซ่ายชอบม้าตัวใหม่มาก เขาชอบขี่มันไปเที่ยว วันหนึ่งเขาขี่ม้าตัวนี้ออกไป มันวิ่งเร็วมากจนเขาพลาดตกลงมา ขาเป๋ไปข้างหนึ่ง เพื่อนฝูงรีบมาแสดงความเห็นอกเห็นใจ ผู้เฒ่าซ่ายบอกว่า ลูกชายคนเดียวขาพิการไปข้างหนึ่งตลอดชีวิต ที่สุดแล้วจะเป็นเรื่องดีเรื่องร้ายยังยากจะตัดสินใจ

   ต่อมาประเทศจีนเกิดสงครามกับชนเผ่าทางเหนือของจีน ชายฉกรรจ์ทั้งแผ่นดินถูกเกณฑ์ไปเป็นทหารเพื่อป้องกันประเทศ แต่ลูกของผู้เฒ่าซ่ายเนื่องจากขาเป๋เลยไม่ต้องไปเป็นทหาร ศึกครั้งนั้นโหดมาก รบกันยืดเยื้อยาวนาน คนตายไปเป็นแสนเป็นล้านเลย แต่ลูกของผู้เฒ่าซ่ายกลับสามารถอยู่ในบ้านได้อย่างสงบสุข

   เรื่องนี้สอนว่า ถึงคราวได้อะไรมาก็อย่าเพิ่งดีอกดีใจจนเกินไป ในดีมีเสีย ในเสียมีดี เจอเรื่องเสียก็อย่าเสียใจจนเกินไป ก้มหน้าก้มตาทำกิจของตัวเองด้วยความไม่ประมาท สุดท้ายเราจะสามารถผ่านปัญหาต่าง ๆ ไปได้อย่างดี

คนเจอปัญหาแล้วเก็บไว้กับตัวเองตลอดเป็นสิ่งที่ถูกหรือผิด?

   ความอดทนไม่ตีโพยตีพายเป็นสิ่งที่ดี แต่เก็บกดไม่ดี การนิ่งเก็บปัญหาไว้กับตัวเองนั้น ต้องดูว่าเก็บแบบไหน เก็บด้วยความอดทนหรือเก็บกด อดทน คือทนรับเรื่องนั้นด้วยความเข้าใจ ด้วยใจที่ผ่องแผ้ว แต่เก็บกดเหมือนเก็บดินระเบิดเอาไว้ รอวันระเบิดออกมา ไม่ได้ทำด้วยความเข้าใจ ถ้าเข้าใจคือไม่มีปัญหาอะไรเลย เข้าใจที่มาที่ไปทุกอย่าง แล้วมุ่งมั่นแก้ไขปัญหาเหล่านั้น ใจของผู้ที่อดทนได้จะผ่องแผ้ว แต่ใจคนที่เก็บกดจะเครียดอยู่ข้างใน ข้างนอกอาจจะปั้นสีหน้ายิ้ม แต่ข้างในเครียด บางคนก็เกิดอาการโรคประสาท หรือแสดงอาการกราดเกรี้ยวออกมาเลยก็มี

   เราต้องเข้าใจปัญหา แล้วเดินหน้าแก้ไขด้วยใจที่ผ่องแผ้ว ไม่ย่อท้อ

บางคนเวลามีปัญหาเลือกที่จะเก็บไว้ไม่เปิดใจกัน เราควรจะเปิดใจกับบุคคลรอบข้างอย่างไร?

   ต้องเข้าใจความจริงว่าใจคนเราที่ยังไม่หมดกิเลสมันหวือหวามีขึ้นมีลง และต้องการการตอกย้ำสักนิดหนึ่ง สมมติชายหนุ่มกับหญิงสาวเกิดพึงใจกัน แล้วฝ่ายชายบอกฝ่ายหญิงว่า “ผมรักคุณ คุณจำไว้เลยนะ คำ ๆ นี้ใช้ได้ตลอดชีวิต ผมพูดครั้งเดียวพอ ผมเขียนให้คุณไว้ก็ได้ อยากจะฟังอีกเมื่อไร ก็เอากระดาษขึ้นมาอ่านแล้วกัน ครั้งเดียวใช้ได้ตลอดชีวิต” อย่างนี้ไม่เวิร์ก จะต้องตอกย้ำให้เกิดความมั่นใจมากขึ้น เพราะคนเรามีเหตุผลกับอารมณ์คู่กัน บางคนสัดส่วนอารมณ์มาก บางคนเหตุผลมาก ความเข้าใจธรรมชาติของคนเป็นสิ่งจำเป็น บางทีต่างฝ่ายต่างหวังดีต่อกัน อยากให้อีกฝ่ายมีความสุข แต่ไม่เข้าใจกัน คิดไปเองเรื่อยเปื่อย แล้วก็มานั่งกลุ้มอยู่คนเดียว อย่างนี้ไม่ถูก ถ้าได้พูดคุยจนเข้าใจกันก็เป็นสิ่งที่ดี การเก็บไว้ไม่ดี ปัญหาไม่ได้รับการแก้ไข

   อาตมาเคยเจอโยมท่านหนึ่งเป็นผู้บริหารระดับสูง อายุแค่ ๔๐ ปี เงินเดือน ๆ ละ ๓ แสนบาท เรียกว่าประสบความสำเร็จมาก แต่เขามาบอกว่ากำลังมีปัญหาครอบครัว จนกระทั่งคิดว่าจะแยกทางกับภรรยาแล้ว แต่สงสารลูก ๒ คน ตอนนี้ออกจากบ้านเป็นพัก ๆ เพราะเวลาอยู่บ้านเครียดมาก เครียดจนประสิทธิภาพในการทำงานลดลง

   เขาเล่าว่า เขาต้องทำงานทุกอย่าง กลับถึงบ้านก็ต้องดูแลบ้าน ดูแลลูก แม่บ้านไม่ยอมทำอะไรเลย วันธรรมดาเขาต้องรีบไปทำงาน เพราะงานเยอะมาก หัวค่ำ ๔ ทุ่มต้องนอนแล้ว แต่แม่บ้านยังไม่ยอมนอน ไปนอน ๕ ทุ่ม ๖ ทุ่ม พอวันศุกร์กับวันเสาร์ซึ่งเขาอยู่ดึก ๕ ทุ่ม ๖ ทุ่มได้ ปรากฏว่า ๔ ทุ่มแม่บ้านเข้านอนแล้ว ตั้งใจจะไม่เจอกัน ทำไมไม่เอาใจเขาบ้าง ถ้าช่วยงานเขาไม่ได้ อย่างน้อยน่าจะช่วยทำให้เขาสบายใจหน่อย คือเอาใจเขาหน่อย

   อาตมาฟังแล้วก็บอกว่า จริง ๆ แล้วแม่บ้านคุณโยมต้องรักคุณโยมมากเลย ถามว่าทำไมพูดอย่างนี้ เพราะว่าแม่บ้านเขาเคยเป็นแอร์โฮสเตส มีความสามารถในการทำงาน ก่อนจะมีครอบครัวก็เป็นซูเปอร์วูแมน เมื่อมีครอบครัวก็ยอมลาออกจากงานมาดูแลครอบครัว แสดงว่าเขายอมเสียสละเพื่อคุณโยมมากทีเดียว แล้วมีปัญหาอย่างนี้เขาก็ไม่บ่นเลยสักคำ แต่มีอะไรเขาก็มาให้คุณโยมทำ คุณโยมเคยคิดหรือเปล่าที่คุณโยมบอกว่า แม่บ้านไม่เก่งเลยสักอย่าง คุณโยมทำดีกว่าหมดทุกอย่าง เขาทำอะไรไม่ถูกใจเลยสักอย่าง เขาก็เลยเกิดอาการค่อย ๆ ถอยให้คุณโยมทำให้หมด

   แต่ที่ยังอดทนอยู่เพราะลูกและด้วยความรักที่มีอยู่นั่นแหละ อย่างนี้คุณโยมกำลังถือตัวเองเป็นศูนย์กลางหรือเปล่าว่าตัวเองแน่ คิดอะไรโดยเอาตัวเองเป็นที่ตั้ง ไม่ได้เอาใจเขามาใส่ใจเราเลย คิดแต่ว่าฉันดี ฉันเสียสละ เธอทำอะไรก็สู้ฉันไม่ได้สักอย่าง ช่วยทำให้ฉันสบายใจหน่อย นี่คุณโยมกำลังเรียกร้องให้เขาเป็นตุ๊กตาใช่ไหม

   การที่เขายอมขนาดนี้ แสดงว่าเขาต้องรักคุณมาก ทำไมไม่กระตุ้นเขาด้วยวิธีการชมบ้าง อย่าตำหนิไปเสียทุกเรื่อง ให้ลองเปลี่ยนใหม่ดู พอเขาทำอะไรปั๊บชมเลย โอ้โฮ เยี่ยมมาก ดีมาก ให้เขามีกำลังใจทำสิ่งดี ๆ อย่างอื่นต่อไป เขาบอกว่า ผมจะลองดู ปรากฏว่าเรื่องราวจบลงอย่างมีความสุข พลิกมุมมองนิดเดียวเท่านั้นเอง

   เวลาเกิดอะไรขึ้นอย่าเอาตัวเองเป็นศูนย์กลาง ต้องเอาใจเขามาใส่ใจเรา แล้วจะเห็นอะไรอีกเยอะ เมื่อไรเราเข้าใจตัวเอง เราจะเข้าใจคนอื่นได้ดี แล้วลองคิดว่าทำอย่างนี้ พูดอย่างนี้ คนอื่นรู้สึกอย่างไร เวลาเห็นอะไรที่ชอบหรือไม่ชอบก็ตาม ให้มองลึกลงไปว่าอะไรทำให้เขาทำอย่างนั้น ที่เขาทำอย่างนั้นเขาคิดอย่างไร ถ้ามองอย่างนี้ได้เมื่อไร เราจะเป็นผู้ใหญ่ที่แท้จริง ที่เข้าใจคน มองคนได้ลึกซึ้ง แล้วเราจะดำเนินชีวิตอยู่บนโลกนี้ได้อย่างมีความสุขและความสำเร็จ

   ปีใหม่นี้ ขอให้พวกเราทุก ๆ คน เป็นผู้ที่มีสติ ประกอบด้วยปัญญา สามารถสอนตนเองได้ เป็นผู้ที่ได้ศึกษาเรียนรู้ธรรมะของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นแสงสว่างส่องทางชีวิต สามารถมองปัญหาทุกอย่างชัดเจนตรงตามความเป็นจริง และแก้ไขอุปสรรคปัญหาเหล่านั้นได้สำเร็จเป็นอัศจรรย์ ให้ทุกคนเริ่มต้นปีใหม่ด้วยบุญกุศล ด้วยความดีงาม และประสบความสุขความสำเร็จตลอดปี ตลอดไป จงทุกท่านเทอญ.


๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐


ที่มา : วารสารอยู่ในบุญ ปีที่ ๑๐ ฉบับที่ ๑๑๑ เดือนมกราคม พ.ศ.๒๕๕๕
         หน้า ๖๘ คอลัมน์ ข้อคิดรอบตัว เรื่องโดย พระมหาสมชาย ฐานวุฑฺโฒ (M.D.; Ph.D.)
.
   




471
ผมฟังพระสวดทางหน้าเวป http://www.bp.or.th/webboard/index.php
 :054:
เช่นกันครับ

ขณะนี้ ๐๐.๒๙ น. กำลังสวดบทพาหุงมหากา

อันเป็นการกล่าวสรรเสริญ และระลึกถึงชัยชนะของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า.

472
สวัสดีปีพุทธศักราช ๒,๕๕๕ ที่กำลังจะมาถึง...

สิ่งที่"พุทธศาสนิกชน"ควรพิจารณา

"ศักราช" หมายถึง ปีที่กำหนดเอาเหตุการณ์ใดเหตุการณ์หนึ่งซึ่งมีสำคัญมาก สำหรับจดจารึกบันทึกไว้

ฉะนั้นแล้ว "พุทธศักราช" ก็คือ ช่วงกำหนดเวลา โดยเริ่มนับจากวันที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จดับขันธปรินิพพานเป็น พ.ศ.๐

สำหรับประเทศไทย จะเริ่มนับเมื่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จดับขันธปรินิพพานไปแล้ว ๑ ปี

( เดิมทีประเทศไทย จะเปลี่ยนศักราชในวันที่ ๑ เมษายน ตามปฏิทินสุริยคติไทย และมาเปลี่ยนให้เป็นตามสากล โดยยึดวันที่ ๑ มกราคม เป็นวันเปลี่ยนศักราชในปี พ.ศ.๒,๔๘๔ )

ซึ่งก็หมายความว่า พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จดับขันธปรินิพพานมาแล้วอย่างน้อยนับได้ ๒,๕๕๔ ปี

และกำลังเคลื่อนเข้าสู่พุทธศักราช ๒,๕๕๕ ในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้านี้

ดังนี้แล้ว พุทธศักราชที่กำลังหมุนเปลี่ยนเวียนไปก็เปรียบเสมือน"พุทธานุสสติ"(การระลึกถึงพระพุทธเจ้า)ให้พุทธศาสนิกชนได้ตรึกระลึกนึกถึง

เพื่อความไม่มัวเมา เพลิดเพลิน ลุ่มหลง เพื่อความไม่ประมาทในชีวิต นั่นเอง

๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐



เนื่องในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ พุทธศักราช ๒,๕๕๕

ขอน้อมอาราธนาคุณพระรัตนตรัยอันไม่มีประมาณ โปรดอภิบาลคุ้มครองรักษาบรรดาพุทธศาสนิกชน

ให้มีความเจริญรุ่งเรืองในพระศาสนาของพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า

พร้อมทั้งสรรพสัตว์ทั้งมวลผู้ที่ยังต้องเวียนว่ายตายเกิดในสังสารวัฏนี้

ขอให้มีความสุข สมปรารถนาในทางสัมมา ความทุกข์ขออย่าได้บังเกิดมี

มุ่งกระทำแต่ความดี เพื่อพระนิพพานอันเป็นเป้าหมายสูงสุดแห่งพรหมจรรย์นี้..



...ด้วยสัจจะวาจาความสัตย์ที่ข้าพเจ้ามีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งที่ระลึกอันสูงสุด ไม่มีสิ่งอื่นยิ่งกว่า...

.......................ขอสรรพพรมงคลที่ข้าพเจ้าได้กล่าวมาไว้ดังข้างต้นนี้.............................

..........จงเป็นผลสำเร็จ...จงเป็นผลสำเร็จ...จงเป็นผลสำเร็จ แก่ทุกคนทุกท่าน...เทอญ..........

๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐



****ชีวิตนี้แสนสั้น เพียงไม่กี่หมื่นวันเราก็จักต้องตาย วันเวลาล่วงไป ๆ บัดนี้เราทำอะไรอยู่****


473
ประวัติที่มาโดยสังเขปของบทสวดภาณยักษ์

บทสวดภาณยักษ์ มีปรากฏอยู่ในพระปริตร ๗ ตำนาน คือบท "อาฏานาฏิยะปะริตตัง"


ที่มามีอยู่ว่า ในสมัยพุทธกาล พระอินทร์ทรงมีเทวะบัญชาให้ท้าวจตุโลกบาลทั้ง ๔ ผู้ปรารถนามิให้พวกอสูร ยักษ์ และอื่นๆ ที่เป็นบริวารของตนในสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกามารบกวนการบำเพ็ญสมณธรรมของพระพุทธองค์และพระสงฆ์สาวกทั้งหลาย จึงร่วมกันผูกมนต์ขึ้นมาบทหนึ่ง โดยมีเนื้อความกล่าวสรรเสริญคุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้ง ๗ พระองค์

เมื่อผูกมนต์เสร็จแล้วก็ได้นำไปกล่าวบอกกับบริวารของตนที่มีทั้ง ยักษ์ อสูร นาค กุมภัณฑ์ คนธรรพ์ วิทยาธร อมนุษย์ฯ ให้จดจำไว้ว่า หากมีผู้ใดกล่าวสาธยายมนต์บทนี้อยู่ ขอจงอย่าไปรบกวน หากใครไม่ปฏิบัติตามจะมีโทษอย่างหนัก

เมื่อกล่าวบอกกับบริวารของตนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ท้าวจตุโลกบาลทั้ง ๔ จึงได้นำบทมนต์นั้นมาถวายพระพุทธเจ้า เพื่อให้ทรงนำไปกล่าวสอนแด่ภิกษุและพุทธบริษัท เพื่อความสะดวกการเจริญสมณธรรม เพื่อป้องกันอันตรายแก่ชีวิตและพรหมจรรย์ จากยักษ์ อมุษย์ นาค กุมภัณฑ์ ฯ

สรุป

การสวดบท "อาฏานาฏิยะปะริตตัง" มีวัตถุประสงค์เพื่อ ความสะดวกในการเจริญสมณธรรมของภิกษุ และผู้ปฏิบัติธรรม ให้พ้นจากการหลอกหลอน ย่ำยี จากยักษ์ อสูร กุมภัณฑ์ นาค ฯ อันเป็นบริวารของท้าวจตุโลกบาลทั้ง ๔ ในสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา.

474
ไม่เข้าใจความหมายข้อที่ 3 สีลัพพตปรามาสคือ ในวัดบางพระก็มีในข้อที่5 หรือ การรับศีลรับพรจากพระก็ให้รับศีล5 ให้อยู่ในศีล5เลย :070: :010: :067:

*เรื่อง "สีลัพพตปรามาส" หากมีข้อสงสัย ก็ศึกษาเพิ่มเติมได้ใน "ธรรมวิภาคปริจเฉทที่ ๒ ทสกะ หมวด ๑๐ ข้อธรรม สังโยชน์ ๑๐"


**การสมาทานศีล ๕ ก็คือ การตั้งสัจจะว่าจะรักษาศีล ๕ ให้บริสุทธิ์ ทำได้ ๒ กรณี คือ

๑.หากเรามีความตั้งใจจริง มีความหนักแน่นมากพอ คิดว่าเราสามารถรักษาสัจจะ มีความมั่นใจว่าเราจะไม่ผิดคำพูดกับตัวเองแน่นอน คือให้สัจจะกับตัวเองว่าจะรักษาศีล ๕ ได้อย่างแน่นอน เราก็สามารถ สมาทานศีล ๕ เอง ได้ (การสมาทานศีลด้วยตนเอง)

๒.หากเรายังไม่มีความเชื่อมั่นว่าจะรักษาศีล ๕ ให้บริบูรณ์ได้ คือยังไม่มีความเชื่อมั่นมากพอ ก็สามารถไปรับศีลกับพระภิกษุได้ ทั้งนี้ก็เพื่อให้พระภิกษุรูปนั้นเป็นพยานในการรับรู้ ประมาณว่า ขอให้พระภิกษุรูปนั้นๆ จงจำข้าพเจ้าว่าเป็นผู้สมาทานรักษาศีล ๕ นี่จึงเป็นการตอกย้ำความหนักแน่นในการรักษาศีลของเราให้เพิ่มมากขึ้น เพราะมีพยานรับรู้คือพระภิกษุนั่นเอง (การรับศีลจากพระภิกษุ)


ปัจจุบัน หลาย ๆ ท่าน ก็คงคุ้นชินกับการอาราธนาศีลในงานกุศลพิธี,งานบุญพิธี ต่าง ๆ มากกว่า ซึ่งก็จะอนุโลมเข้าในกรณีที่ ๒ (การรับศีลจากพระภิกษุ) ดังที่กล่าวไว้ข้างต้น

ตั้งสัจจะแล้วก็ต้องปฏิบัติตามสัจจะที่ตนให้ไว้ หากพลั้งเผลอผิดพลาดก็สมาทานศีลใหม่ และก็ใช้เป็นเครื่องเตือนสติว่าจะไม่ประมาททำผิดศีลเช่นนั้นอีก


***กรณีข้อห้ามของวัดบางพระมีข้อสรุปว่า - เป็นอุบายเบื้องต้นให้คนรักษาศีล , เป็นอุบายเบื้องต้นให้คนได้เข้ามาทำบุญที่วัด , เมื่อคนเข้าวัดแล้วก็จะได้เข้ามาศึกษาธรรมะ อันจะได้นำไปปรับใช้ตามระดับความสามารถของตน เพื่อให้คนเป็นคนดีของครอบครัวของสังคม ใช้หลักธรรมเป็นหลักในการดำรงชีวิต  อันเป็นการเติมเต็มความสมบูรณ์ของชีวิตมนุษย์ที่มีโอกาสมาพบพระพุทธศาสนา ในเบื้องปลาย.




- ศึกษาเพิ่มเติมได้จาก วิทยานิพนธ์ของคณะศึกษาศาสตร์ สาขาพัฒนศึกษา มหาวิทยาลัยศิลปากร ๒๕๕๑

  เรื่อง "บทบาท หลวงพ่อเปิ่น ฐิตคุโณ กับงานพัฒนาชุมชน" ของ พระมหานรินทร์ สุวรรณโชติ.

475
แล้ว ฤาษีโคบุตร ละครับ


พุทธศาสนิกชน หมายถึง คนที่นับถือพระพุทธศาสนา , คนที่ตกลงใจน้อมรับนับถือพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำตัวประจำชีวิต ยินดีที่จะปฏิบัติตามหลักคำสอนของพระพุทธศาสนา เต็มใจที่จะปฏิบัติตามหลักธรรมคือ เว้นจากการทำความชั่ว ทำแต่ความดี และทำจิตใจให้หมดจดจากกิเลส ด้วยการบำเพ็ญบุญในพระพุทธศาสนา เช่น ให้ทาน รักษาศีล และเจริญภาวนาเพื่อขัดเกลา อบรม บ่มเพาะกาย วาจา ใจให้งดงามเรียบร้อย ให้สงบนิ่ง และให้พ้นจากความเศร้าหมองต่างๆ .(๑)


เป็นที่เชื่อได้โดยสนิทใจว่า ผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็น "พุทธศาสนิกชน" ต้องเคยได้ท่องบท"ไตรสรณคมน์"นี้อย่างแน่นอน นั่นคือ

"พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ

ทุติยัมปิ พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ ทุติยัมปิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ ทุติยัมปิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ

ตะติยัมปิ พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ ตะติยัมปิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ ตะติยัมปิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ"

(ไม่ว่าจะเป็นงานกุศลพิธีี , งานบุญพิธี ฯ พระสงฆ์ก็จะให้เรากล่าวรับ "ไตรสรณคมน์" ก่อนเสมอ)

   เมื่อเคยท่ิองตามนี้แล้ว ถามว่ารู้ความหมายของคำที่ท่องไปหรือเปล่า? และยิ่งกว่านั้น ปฏิบัติตนตามคำที่ท่องไปนี้หรือเปล่า?

คำแปลของบท"ไตรสรณคมน์"

ข้าพเจ้าขอถึงพระรัตนตรัย(พระพุทธ,พระธรรม,พระสงฆ์)ว่าเป็นที่พึ่งที่ระลึกอันสูงสุด สิ่งอื่นนอกไปจากนี้ไม่มีอีกแล้ว

ข้าพเจ้าขอถึงพระรัตนตรัย(พระพุทธ,พระธรรม,พระสงฆ์)ว่าเป็นที่พึ่งที่ระลึกอันสูงสุด สิ่งอื่นนอกไปจากนี้ไม่มีอีกแล้ว แม้ในครั้งที่ ๒

ข้าพเจ้าขอถึงพระรัตนตรัย(พระพุทธ,พระธรรม,พระสงฆ์)ว่าเป็นที่พึ่งที่ระลึกอันสูงสุด สิ่งอื่นนอกไปจากนี้ไม่มีอีกแล้ว แม้ในครั้งที่ ๓


เมื่อทราบคำแปลของบท"ไตรสรณคมน์"ดังนี้แล้ว ก็ย้อนถามต่อไปว่า ได้ปฏิบัติตนตามคำแปลนั้นหรือเปล่า ?
(หากนำ "อิสิ" มาเป็นสรณะ มาเป็นที่พึ่ง แล้วที่เคยกล่าวในบท"ไตรสรณคมน์"ว่ามี"พระรัตนตรัย"เป็นที่พึ่งที่ระลึกอันสูงสุด สิ่งอื่นนอกจากนี้ไม่ใช่สรณะไม่ใช่ที่พึ่ง หล่ะ คืออะไร ? แบบนี้ไม่ถือว่าเป็นการผิดคำพูด ผิดสัจจะวาจาหรือ ?)


ในฐานะที่ตนได้ชื่อว่าเป็น "พุทธศาสนิกชน" ควรบูชาใคร,บูชาสิ่งใดดีหนอ ?

ระหว่าง "อิสิ" หรือ "พระรัตนตรัย" ?


ลองตรองดูเถิด ผู้ที่เรียกตนเองว่าเป็น "พุทธศาสนิกชน" ทั้งหลาย



ํํํํํํํํํํ๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐

(๑)อ้างอิงจาก - พระธรรมกิตติวงศ์ (ทองดี สุรเตโช) ป.ธ. ๙ ราชบัณฑิต
พจนานุกรมเพื่อการศึกษาพุทธศาสน์ ชุด คำวัด, วัดราชโอรสาราม กรุงเทพฯ พ.ศ. 2548

476
ทุกสิ่งอย่างที่เกี่ยวกับอะไรก็ตามในต้นหัวข้อกระทู้คำถามข้างต้น

หากยึดถือไม่ยอมวางก็จะนิพพานหรือแม้แต่เข้าระยะแรกของกระแสพระนิพพานในปัจจุบันชาติก็ไม่ได้

(ปุจฉา)ถามว่าอ้างหลักอะไร ? ถึงได้ตอบเช่นนั้น ?

(วิสัชนา)อ้างหลักธรรม "สังโยชน์" อันหมายถึง กิเลสอันผูกใจสัตว์ให้ติดอยู่ในภพ มี ๑๐ ประการ ได้แก่

๑.สักกายทิฏฐิ หมายถึง ยึดมั่นถือมั่นว่านี้ตัวกู นี้ของกู คือ เห็นว่าร่างกายนี้เป็นของเรา

๒.วิจิกิจฉา หมายถึง ความลังเลสงสัยในพระรัตนตรัย

๓.สีลัพพตปรามาส หมายถึง การนำศีลหรือพรตไปปฏิบัติอย่างงมงาย ผิดวัตถุประสงค์ของการรักษาศีล คือ ศีลมีไว้เพื่อละกิเลส แต่กลับนำศีลหรือพรตไปปฏิบัติเพื่อทำกิเลสให้มากขึ้น เช่น นำศีลไปข่มผู้อื่น , การนำศีลไปเป็นข้อห้ามของความเชื่อต่าง ๆ ที่ว่า หากไม่รักษาศีลแล้วของจะเสื่อม เป็นต้น

๔.กามราคะ หมายถึง การยินดีพอใจในกามคุณ

๕.ปฏิฆะ หมายถึง ความกระทบกระทั่งของใจ

๖.รูปราคะ หมายถึง ความยึดติดกับรูป หรือแม้แต่ยึดติดในรูปฌาน

๗.อรูปราคะ หมายถึง ความยึดติดกับอรูป พอใจกับนามธรรม หรือแม้แต่ยึดติดกับอรูปฌาน

๘.มานะ หมายถึง การยึดมั่นถือมั่นในตน

๙.อุทธัจจะ หมายถึง ความฟุ้งซ่าน

๑๐.อวิชชา หมายถึง ความไม่รู้ คือไม่รู้ในอริยสัจ ๔

- หากละกิเลส ๓ ข้อ เบื้องต้นได้เด็ดขาด จะเป็นผู้แรกเข้ากระแสพระนิพพาน คือ จะถือกำเนิดอีกไม่เกิน ๗ ชาติก็จะเข้านิพพาน

หรือ จะแปลความว่า ไม่มีชาติที่ ๘ แน่นอน ก็จะเข้าพระนิพพาน บุรุษประเภทนี้เรียกว่า "พระโสดาบัน" (พระอริยบุคคลชั้นต้น)

- จากนั้นก็ไล่เรียงไปตามลำดับ ละกิเลส ๓ ข้อ เบื้องต้นได้เด็ดขาดและทำข้อ ๔ และ ๕ ให้เบาบางได้ จะบรรลุเป็น "พระสกิทาคามี"

- หากละกิเลสทั้ง ๕ ข้อ ข้างต้นได้บริบูรณ์ จะบรรลุเป็น "พระอนาคามี"

- หากละกิเลสได้ครบถ้วนทั้ง ๑๐ ข้อ บริบูรณ์ ก็จะบรรลุเป็น "พระอรหันต์" คือ ผู้ที่เข้าพระนิพพานได้แล้วนั่นเอง ไม่มีการกลับมาเวียนว่ายตายเกิดอีก

   ข้อสังเกต - กิเลสในสังโยชน์ข้อที่ ๓ เรียกว่า "สีลัพพตปรามาส" หมายถึง การปรามาสศีล นำศีลไปปฏิบัติหรือถือพรตปฏิบัติเพื่อสั่งสมกิเลสให้มีมากขึ้น (แทนที่ศีลจะมีไว้เพื่อลดละกิเลสให้เบาบางลง) อาทิเช่น ไปกระทำพิธีอะไรมาสักอย่าง หรือ ไปนำอะไรสักอย่างมาบูชา โดยมีข้อห้ามว่า "ต้องรักษาศีล ๕ ด้วย มิเช่นนั้นของจะเสื่อม" เป็นต้น  แบบนี้ ก็จะเรียกว่า "สีลัพพตปรามาส" เหมือนกัน

กิเลสเบื้องต้น ๓ ข้อแรก อันเป็นคุณสมบัติของ "พระโสดาบัน"(ผู้แรกเข้ากระแสพระนิพพาน)ยังละไม่ได้ แล้วจะเข้านิพพาน(ละกิเลสทั้ง ๑๐ ข้อ)ได้อย่างไร?

จึงสรุปว่า - ของทุกอย่างนำมาบูชาหรือข้อปฏิบัติอะไรของพิธีกรรมก็ตามที่เข้าข่าย "สีลัพพตปรามาส" หากในปัจจุบันชาติยังไม่ละ ยังไม่ทำให้ความเห็นถูกเกิดขึ้นแล้วหล่ะก็ ในชาตินั้นก็หวังนิพพานไม่ได้ครับ.

477
ลองใช้แถบค้นหาดูข้อมูลเก่า ๆ นะครับ

http://www.bp.or.th/webboard/index.php?topic=9879

478
มีอยู่เหมือนกันครับ แต่ไม่ทราบที่ ได้มาจากบนหิ้ง สมบัติอากงทิ้งไว้ให้ครับ

ลักษณะโดยรวมคล้ายลูกสะกด ขนาดพอๆกับลูกแก้ว มีรูเจาะตรงกลาง ทำจากโลหะ ค่อนข้างมีน้ำหนักพอสมควร

ด้านนึงเขียนว่า "พรหมรังสี" อีกด้าน เป็นเลข ๑ และอักษรขอม "พุท โธ" ตามภาพนี้ครับ









ท่านใดทราบประวัติก็ร่วมกันแสดงความคิดเห็นกันนะครับ.

479
ด้านหน้ากล่องใส่เหรียญนี้มีระบุไว้ว่า

"หลวงพ่อเปิ่น วัดบางพระ จ.นครปฐม เนื่องในโอกาสจัดตั้งมูลนิธิการศึกษา อ.ตากฟ้า จ.นครสวรรค์ ๑๒ ต.ค. ๒๕๓๓"

บล็อคโรงกษาปณ์ตามที่ท่าน nok2009 ลงรายละเอียดไว้ครับ.

480
อภิณหปัจจเวกขณปาฐ

ชะราธัมโมมหิ ชะรัง อะนะตีโต - เรามีความแก่เป็นธรรมดา ยังไม่ล่วงพ้นความแก่ไปได้

พะยาธิธัมโมมหิ พยาธิง อะนะตีโต - เรามีความเจ็บเป็นธรรมดา ยังไม่ล่วงพ้นความเจ็บไปได้

มะระณะธัมโมมหิ มะระณัง อะนะตีโต - เรามีความตายเป็นธรรมดา ยังไม่ล่วงพ้นความตายไปได้

สัพเพหิ เม ปิเยหิ มะนาเปหิ นานาภาโว วินาภาโว - เราจะต้องพลัดพรากจากของรักของชอบใจด้วยกันหมดทั้งสิ้น

กัมมัสสะโกมหิ กัมมะทายาโท - เรามีกรรมเป็นของตน เป็นทายาทแห่งกรรม

กัมมะโยนิ กัมมะพันธุ - มีกรรมเป็นกำเนิด มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์

กัมมะปะฏิสะระโณ - มีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัย

ยัง กัมมัง กะริสสามิ - เราทำกรรมใดไว้

กัลยาณัง วา ปาปะกัง วา - ดีหรือชั่วก็ตาม

ตัสสะ ทายาโท ภะวิสสามิ ฯ - เราจะต้องเป็นผู้รับผลของกรรมนั้น ฯ

๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐

"กลัวก็ตาย ไม่กลัวก็ตาย"

นำมาสู่คำถามต่อมา แล้วคนเราเกิดมาเพื่ออะไร ? ตายแล้วไปไหน ? เป้าหมายสูงสุดในชีวิตที่แท้จริงของผู้นับถือพระพุทธศาสนาคืออะไร ?

481
แสดงความคิดเห็นเป็นข้อสังเกตครับ

พิมพ์คล้ายเหรียญฉลองกิ่งอำเภอ หลวงปู่ดี วัดสุวรรณ ปี ๓๖.

482
ขอบคุณท่าน....: ปุญฺญานุสฺสติ(สิบทัศน์)

หลวงปู่ทวดฯกล่าวไว้เช่นกันว่า.........สุดยอดของนิพพาน คือ "ละ"จนถึงที่สุด  :054:

คติธรรมจากหลวงปู่ทวดฯ.....มนุษย์จะรู้ตนและเข้าใจตน คือต้องให้มนุษย์หยุดและพิจารณาตนโดยใช้สติสัมปชัญญะควบคุมตนให้สงบ(ศีลและมรรค8)

นี่คือการกำจัดอวิชชาใช่ไหมครับ :062:

อวิชชา แปลตามศัพท์จะหมายถึง "ความไม่รู้" แบ่งแยกย่อยออกเป็น ๘ ประการ ดังนี้ครับ

๑.ความไม่รู้จริงในทุกข์ครับ ได้แก่ ความเกิด ความแก่ ความเจ็บ ความตาย กล่าวคือ ไม่รู้ว่ามาจากเหตุอะไรจึงทำให้เกิดผลเป็นเช่นนี้

๒.ความไม่รู้ในเหตุที่ทำให้เกิดทุกข์ คือ ไม่เข้าใจในสาเหตุของทุกข์ คือตัณหา ๓ ได้แก่ กามตัณหา ภวตัณหา วิภวตัณหา

๓.ความไม่รู้ในความดับทุกข์ คือ ไม่รู้ว่าเมื่อเหตุแห่งทุกข์คือตัณหาดับไป ความทุกข์จึงดับตามไปด้วย

๔.ความไม่รู้ในข้อปฏิบัติให้ถึงความดับทุกข์ คือ ไม่รู้ว่าจะดับทุกข์ด้วยวิธีไหน เพราะไม่เข้าใจในอริยมรรคมีองค์ ๘ นั่นเอง

๕.ความไม่รู้ในส่วนที่เป็นอดีต คือ ไม่รู้ว่า ในอดีต ขันธ์ ธาตุ และอายตนะ ได้เคยมีมาหรือไม่อย่างไร

๖.ความไม่รู้ในส่วนที่เป็นอนาคต คือ ไม่รู้ว่า ในอนาคตนั้นจะมีขันธ์ ธาตุ อายตนะ เกิดขึ้นหรือไม่

๗.ความไม่รู้ทั้งในส่วนที่เป็นอดีตทั้งในส่วนที่เป็นอนาคต คือ ไม่รู้ว่าขันธ์ ธาตุและอายตนะได้มีมาแล้วในอดีต และจะมีในอนาคตอีกด้วย

๘.ความไม่รู้ในธรรมทั้งหลาย คือ ไม่รู้ว่า สิ่งนี้มีได้ ก็เพราะสิ่งนี้มีเป็นปัจจัย และไม่เข้าใจกระบวนการแห่ง "ปฏิจจสมุปบาท" อย่างถ่องแท้

อวิชชา ๘ อย่างข้างต้นนั้น จะดับไปได้ ก็ต้องอาศัยการปฏิบัติตามอริยมรรคมีองค์ ๘ ประการให้ต่อเนื่องกัน โดยบำเพ็ญให้สมบูรณ์ทั้งส่วน ศีล สมาธิ และปัญญา เมื่อความสมบูรณ์แห่งองค์มรรคปรากฏขึ้น "วิชชา" คือ ความรู้แจ้งเห็นจริง ก็เกิดขึ้นในจุดที่เคยมีอวิชชาปรากฏอยู่นั้น

กล่าวโดยสรุป

อวิชชา จึงหมายถึง ความไม่รู้ในอริยสัจ ๔ ครับ หรือจะเรียกว่า ธรรมชาติที่ไม่รู้ตามความเป็นจริง ก็คงจะไม่ผิดนัก

มี ๘ ประการ คือ ไม่รู้ในทุกข์ ๑ , ไม่รู้ในทุกขสมุทัย ๑ , ไม่รู้ในทุกขนิโรธ  ๑ , ไม่รู้ในทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา ๑ , ไม่รู้ในส่วนอดีต ๑ , ไม่รู้ในส่วนอนาคต ๑ , ไม่รู้ในส่วนอดีตและอนาคต ๑ , ไม่รู้ในปฏิจจสมุปบาทธรรม ๑ รวม ๘ ประการ


หนทางพ้นทุกข์ในอริยสัจ ๔ ก็คือ มรรคมีองค์ ๘ บุคคลใดพึงเจริญให้เกิดขึ้นมีแก่ตนแล้ว ก็สามารถกำจัด อวิชชา ให้ดับสิ้นไป เพื่อผลคือ พระนิพพานได้ครับ

483
ขอบคุณพี่ทรงกลดมากครับ อนุโมทนาด้วยนะครับ สาธุ สาธุ อนุโมทามิ...

สอดคล้องกับข้อธรรมที่มีมาในหมวดเอกาทสกะ ข้อธรรม "ปัจจยาการ"

ปัจจยาการ คือ อาการที่เป็นไปแห่งปัจจัย หรืออีกนัยหนึ่งเรียกว่า "ปฏิจจสมุปบาท" คือ การเกิดขึ้นพร้อมแห่งธรรมทั้งหลายเพราะอาศัยกันหรือธรรมที่อาศัยกันเกิดขึ้นพร้อม ดังที่พี่ทรงกลดได้ลงไว้แล้ว ลองมาพิจารณาความหมายต่อดังนี้

๑.อวิชชา คือ ความไม่รู้ (หมายเอาถึง ไม่รู้ในอริยสัจ ๔ หรือ อวิชชา ๘)

๒.สังขาร คือ สภาพที่ปรุงแต่ง อันได้แก่ กายสังขาร วจีสังขาร จิตตสังขาร หรือ ปุญญาภิสังขาร อปุญญาภิสังขาร และอเนญชาสังขาร

๓.วิญญาณ คือ ความรู้แจ้งอารมณ์ อันได้แก่ วิญญาณ ๖

๔.นามรูป แบ่งเป็น นามและรูป นามได้แก่ เวทนา สัญญา เจตนา ผัสสะ มนสิการ ,รูป ได้แก่ มหาภูติรูป ๔ และอุปาทายรูป ๒๔ รวมเรียกว่า รูป ๒๘

๕.สฬายตนะ คือ อายตนะ ๖ อันได้แก่ อายตนะภายใน ๖

๖.ผัสสะ คือ ความกระทบ หมายถึง การกระทบกันแห่งอายตนะภายในและภายนอก ได้แก่ สัมผัส ๖

๗.เวทนา คือ ความเสวยอารมณ์ อันได้แก่ เวทนา ๖

๘.ตัณหา คือ ความทะยานอยาก อันได้แก่ ตัณหา ๖ มีรูปตัณหา เป็นต้น

๙.อุปาทาน คือ ความยึดมั่น อันได้แก่ อุปาทาน ๔

๑๐.ภพ คือ ภาวะแห่งชีวิต อันได้แก่ ภพ ๓ คือ กามภพ ๑ รูปภพ ๑ อรูปภพ ๑

๑๑.ชาติ คือ ความเกิด อันได้แก่ ความปรากฎแห่งขันธ์ทั้งหลาย คือ การได้อายตนะ

๑๒.ชรามรณะ คือ ความแก่และความตาย อันได้แก่ ชรา ความเส่อม อายุ กับมรณะ ความสลายแห่งขันธ์

   องค์ทั้ง ๑๒ ข้อนี้ เป็นปัจจัยที่ต่อเนื่องกันไป หมุนเวียนกันไปเป็นวงจรไม่มีต้นไม่มีปลาย ที่เรียกว่า ภวจักร คือ วงล้อหรือวงจรแห่งภพ

ตราบใดที่ยัีงไม่สามารถกำจัดที่ต้นเหตุคือ อวิชชาได้ ก็จะต้องเวียนเกิดเวียนตายอยู่ไม่รู้จักจบสิ้น เปรียบดังคุกที่จองจำสรรสัตว์ไว้ในสังสารวัฏ

ทางเดียวที่จะหลุดพ้นได้ก็คือ พระนิพพานอันเป็นบรมสุข

สมดังพระบาลีที่มีมาในหมวด"สุขวรรค"ที่ว่า

"นิพฺพานํ ปรมํ สุขํ แปลว่า นิพพานเป็นสุขอย่างยิ่ง"

484
ขอบคุณพี่ๆทุกท่านครับ ที่เข้ามาตอบ เหลือคำตอบอีกองค์ครับ รอครับ
พระปิดตายันต์ยุ่งรุ่นแรก หลวงพ่อแช่ม วัดดอนยายหอม จ.นครปฐม ปี ๒๒.

485
ตัวอย่างเรื่องจริงที่ปรากฎในพระสูตร

   ในสมัยนั้นมีภิกษุอยู่รูปหนึ่ง กำลังนั่งเย็บผ้าจีวร บังเอิญเข็มไปแทงถูกตัวเรือดที่อยู่ในตะเข็บจีวรตาย ตัวเรือดมันมีขนาดเล็กมาก ๆ ท่านมองไม่เห็น และไม่มีเจตนาฆ่ามันด้วย ตัวเรือดนั้นก่อนตายก็ได้ผูกอาฆาตไว้ด้วยเช่นกัน "เจตนาไม่มี แต่เวรเกิดมีขึ้นแล้ว" *(เหตุที่กล่าวเพียงแค่ "เวร" โดยไม่มีคำว่ากรรม เพราะ กรรม หมายถึงการกระทำที่ประกอบด้วยเจตนา)*

   ชาติต่อ ๆ มา พระภิกษุรูปนั้นก็กลับมาเกิดเป็นพระภิกษุอีกชาติหนึ่ง ส่วนตัวเรือดนั้นมาเกิดเป็นนายพรานป่า

   วันหนึ่ง ในขณะที่พระภิกษุเดินสวนทางกับนายพราน เมื่อพระภิกษุเห็นนายพรานที่กำลังถือหอกอยู่ในมือ ก็เกรงว่าจะไม่ปลอดภัย จึงหลบเข้าไปอยู่ในพุ่มไม้

   ฝ่ายนายพราน เมื่อไม่เห็นพระภิกษุก็สงสัยว่าไปไหนเสียแล้ว ก็คิดขึ้นในใจว่าพระท่านคงกลัวที่เราถือหอกกระมัง เลยหลีกทางหายไป เมื่อคิดได้ดังนี้ นายพรานจึงพุ่งหอกทิ้งไปในพุ่มไม้โดยเจตนาแค่ว่า จะทิ้งหอกออกจากมือไว้ตรงนี้ก่อน

   ผลปรากฎว่า หอกนั้นได้พุ่งเข้าหน้าอกพระภิกษุที่หลบอยู่ในพุ่มได้ มรณะภาพในทันที...

ขนาดไม่มีเจตนา ขนาดเป็นเพียงแค่ตัวเรือดที่เล็กมากๆ เวรยังตามมาสนองกันถึงเพียงนี้ ใคร่ครวญดูเถิด

แล้วผมจะต้องทำอย่างไรดีครับ

ในกรณีดังกล่าว เป็นกรรม คือเป็นการกระทำที่ประกอบด้วยเจตนา ชี้แจงให้เห็นคร่าว ๆ ก่อน กรรมจะให้ผลตามลำดับความหนักเบาของกรรมดังนี้

- ครุกรรม คือกรรมหนัก จะให้ผลก่อนเสมอ ในทางที่ดีคือ สมาบัติ ๘ ,ในทางที่ชั่วคือ อนันตริยกรรม ๕(ฆ่าบิดา,ฆ่ามารดา,ฆ่าพระอรหันต์,ทำให้พระพุทธเจ้าห้อพระโลหิต,ยังสงฆ์ให้แตกกัน) และสำหรับพระภิกษุสามเณร จะมีเพิ่มอีก ๑ คือ "อัญญสัตถุทเทส" คือ การนับถือศาสดาอื่นนอกจากพระพุทธเจ้า เช่น บวชในพระพุทธศาสนาแล้วไปนับถือไหว้ฤาษี,นับถือพราหมณ์ ฯ ถือว่าเป็นกรรมหนักร้ายแรง ใน "อภิฐาน ๖"

- พหุลกรรม คือกรรมทำมากจยเคยชิน จะส่งผลรองลงมาจากครุกรรม

- อาสันนกรรม คือกรรมจวนเจียนหรือกรรมใกล้ตาย

- กตัตตากรรม คือกรรมสักว่าทำ กรรมที่ทำไว้ด้วยเจตนาอ่อน หรือมิใช่เจตนาอย่างนั้นโดยตรง ต่อเมื่อไม่มีกรรมอื่นให้ผลแล้วกรรมตัวนี้ก็จะตามมาส่งผล

จะพ้นจากกรรมได้ ก็ต่อเมื่อกรรมเลิกให้ผล ไม่มีผลอีกแล้ว ที่เรียกว่า "อโหสิกรรม" นั่นเอง

๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐

เมื่อได้ทำไปแล้ว ย่อมไม่สามารถย้อนกลับไปแก้ไขอะไรได้ ก็หมั่นประกอบเหตุอันเป็นกุศลในปัจจุบันขณะไว้จะดีกว่า

ศีล แปลว่าปกติ เมื่อคนมีศีลก็ย่อมได้ชื่อว่าเป็นคนปกติ เพื่อเป็นการตอกย้ำซ้ำเติมความมั่นคงรักษาสัจจะในศีล เป็นไปได้ก็หมั่นอาราธนาศีลเป็นประจำทุกวัน เพียรระวังไม่ให้ผิดสัจจะคำพูดนั้นที่ได้กล่าวรับศีลมาเป็นข้อปฏิบัติในการดำรงชีวิตของตน

เมื่อทำบุญก็หมั่นอุทิศบุญไปให้เจ้ากรรมนายเวร(เพื่อประโยชน์คืออโหสิกรรมต่อกันในที่สุด) นี่ก็จะเป็นการเพิ่มบุญไปในตัวอีกประเภทหนึ่งที่เรียกว่า "ปัตติทานมัย" แปลว่า บุญเกิดจากการให้ส่วนบุญ บุญยิ่งอุทิศให้แก่ผู้อื่นก็ยิ่งได้บุญเพิ่มขึ้น ไม่ได้ลดลงแต่ประการใด เปรียบดังแสงเทียน เมื่อต่อไปให้ผู้อื่นมากขึ้นเท่าใด ความสว่างไสวก็ย่อมเพิ่มมากขึ้นฉันนั้น

ททโต ปุญฺญํ ปวฑฺฒติ - เมื่อให้ บุญก็เพิ่มขึ้น.

๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐

"อดีตที่ผิดพลาดลืมให้หมด บาปอกุศลทุกชนิดไม่คิดทำเพิ่มอีกเด็ดขาด หมั่นสั่งสมบุญให้เพิ่มขึ้นทับทวี ปฏิบัติธรรมให้เข้าถึงพระรัตนตรัยภายใน"

486
พระครูอนุกูลพิศาลกิจ (หลวงพ่อสำอางค์) เจ้าอาวาสวัดบางพระ รูปปัจจุบัน

เมตตาแนะนำการเดินทางมาวัดบางพระในช่วงสถานการณ์น้ำท่วม เข้าวัดบางพระได้ ๓ เส้นทาง

๑.เข้าทางวัดสามกระบือเผือก

๒.เข้าทางวัดเสถียรรัตนาราม

๓.เข้าทางวัดศีรษะทอง .

487
องค์แห่งการฆ่าในศีลข้อ ๑ มี ๕ ข้อ

๑.เป็นสิ่งมีชีวิต - ๒.รู้ว่าเป็นสิ่งมีชีวิต - ๓.มีจิตคิดจะฆ่า - ๔.พยายามฆ่า - ๕.สิ่งมีชีวิิตนั้นตายเพราะการพยายามฆ่าของเรา

ลองพิจารณาดู หากครบองค์ประกอบทั้ง ๕ ข้อข้างต้นนี้ ก็แสดงว่า ผิดศีลข้อที่ ๑ เรียกว่า "ศีลขาด"

เมื่อผิดศีลแล้วก็ตัดสินเองครับว่าบาปหรือไม่บาป?

488
อ้างถึง
ภาพชูบังตั้งได้ คือ อะไรครับ ถ้าให้เดาคือ ภาพที่สามารถนำไป ชู-บัง-ตั้ง (เป็นกิริยา)

ใช่แล้วครับพี่ทรงกลด  :001:

489
สำหรับภาพหลวงปู่สดที่ไม่ไหม้ไฟในภาพข่าวนี้ คือภาพชูบังตั้งได้

เป็นภาพที่ระลึกถึงบุญหล่อรูปเหมือนพระมงคลเทพมุนี(หลวงปู่สด วัดปากน้ำภาษีเจริญ)ด้วยทองคำน้ำหนัก ๑ ตัน

เมื่อวันศุกร์ที่ ๑๐ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๕๑ อันเป็นวันคล้ายวันเกิดของพระเดชพระคุณหลวงปู่สดครบ ๑๒๔ ปี ครับ.

490
นัตถิ เม สะระณัง อัญญัง พุทโธ เม สะระณัง วะรัง
สรณะอื่นของข้าพเจ้าไม่มี พระพุทธเจ้าเป็นสรณะอันประเสริฐของข้าพเจ้า

นัตถิ เม สะระณัง อัญญัง ธัมโม เม สะระณัง วะรัง
สรณะอื่นของข้าพเจ้าไม่มี พระธรรมเป็นสรณะอันประเสริฐของข้าพเจ้า

นัตถิ เม สะระณัง อัญญัง สังโฆ เม สะระณัง วะรัง
สรณะอื่นของข้าพเจ้าไม่มี พระสงฆ์เป็นสรณะอันประเสริฐของข้าพเจ้า

อนุโมทนากับท่าน "เณรน้อยเส้าหลิน" ด้วยนะครับ สาธุ สาธุ

491
กมฺมุนา วตฺตตีโลโก - สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม

"ใครเชื่อเหตุผล คนนั้นเชื่อกฎแห่งกรรม"

492
ประเด็นของบทความนี้ ก็เพื่อสะท้อนให้ตระหนักถึงฐานะและบทบาทของผู้ที่เรียกตนเองว่าเป็น พุทธศาสนิกชน , เป็นชาวพุทธ , ผู้ที่เรียกตนเองว่าเป็นสาวกของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน (มิใช่เป็นแค่ชาวพุทธในทะเบียนบ้าน) ครับ :001:


493
บทความ บทกวี / เทศกาลลอยกระทง
« เมื่อ: 09 พ.ย. 2554, 12:19:49 »
เทศกาลลอยกระทงมีที่มาที่ไปอย่างไร?

   ประเพณีลอยกระทงเป็นประเพณีที่มีมานานแล้ว บ้างก็ว่ามีมาตั้งแต่สมัยสุโขทัย บ้างก็บอกว่ามีมาตั้งแต่ก่อนสุโขทัย และยังมีทฤษฎีอื่น ๆ อีกหลายทฤษฎี แต่ความจริงแล้วตั้งแต่เริ่มมีประวัติศาสตร์ชาติไทยขึ้นมา ก็มีประเพณีลอยกระทงอยู่แล้ว

   ส่วนวัตถุประสงค์และความเป็นมาของการลอยกระทงมีดังนี้

   ประการแรก เป็นการบูชาพระสัมมาสัมพุทธเจ้า คือ บูชารอยพระบาทพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ริมฝั่งแม่น้ำนัมมทามหานที และบูชาพระเขี้ยวแก้วของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในเจดีย์จุฬามณีที่สวรรค์ชั้นดาวดึงส์

   ในบางท้องที่ลอยกระทงเพื่อบูชารอยพระบาทพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่ประทับรอยไว้เมื่อครั้งไปแสดงธรรมในนาคพิภพ คือมีอยู่ช่วงหนึ่งพญานาคอาราธนาพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไปแสดงธรรมในนาคพิภพ หลังจากแสดงธรรมแล้ว ขณะจะเสด็จกลับ พญานาคกราบอาราธนาให้พระองค์ช่วยประทับรอยพระบาทไว้เป็นที่ระลึก ณ ริมฝั่งแม่น้ำนัมมทามหานที พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเลยประทับรอยพระบาทเอาไว้ เพราะฉะนั้น ถึงคราววันลอยกระทงก็ถือว่าเป็นการบูชารอยพระบาทพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ระลึกถึงโอกาสที่เสด็จไปแสดงธรรมในนาคพิภพ

   บางท้องที่บูชาพระเขี้ยวแก้วของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในเจดีย์จุฬามณีที่สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ อย่างเช่นเทศกาลยี่เป็งทางเชียงใหม่ จะมีทั้งลอยกระทงและลอยโคม แต่ก่อนทั้ง ๒ อย่างนี้คู่ขนานกัน แต่ตอนนี้รู้สึกว่าลอยโคมจะมาแรงกว่าลอยกระทงในแม่น้ำ

   การลอยโคมปล่อยขึ้นฟ้านี่เองที่เป็นการจุดประทีปบูชาพระเขี้ยวแก้วของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในเจดีย์จุฬามณีที่สวรรค์ชั้นดาวดึงส์

   พระเขี้ยวแก้วของพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามีทั้งหมด ๔ พระองค์ องค์หนึ่งบรรจุอยู่ในจุฬามณีเจดีย์ บนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เมื่อถึงคราววันเพ็ญ พระอินทร์จะนำหมู่เทวดาไปบูชาพระเขี้ยวแก้วที่จุฬามณี เราเองไปไม่ถึงสวรรค์ ก็จุดโคมลอยแล้วส่งใจไปบูชาพระเขี้ยวแก้วที่จุฬามณีเจดีย์ร่วมกับพระอินทร์และพวกเทวดา

   ตอนนี้ โคมลอยยี่เป็งดังไปทั่วโลกแล้ว นักท่องเที่ยวทั้งโลกแห่มาดูยี่เป็งสันทรายที่ธุดงค์ล้านนา ซึ่งขึ้นชื่อลือชาจนฝรั่งมากันเป็นพันเป็นหมื่นคน ถือเป็นเทศกาลใหญ่ที่ทั้งทางจังหวัดและการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยต้องมาร่วมกันจัด มีคนไปร่วมงานเยอะมาก และไม่ใช่แค่นั้น เรายังไปจัดพิธีลอยโคมในวันวิสาขบูชาที่มองโกเลียด้วย จัดมาแค่ ๒-๓ ครั้งเท่านั้น ตอนนี้กลายเป็นเทศกาลประจำปีที่ใหญ่ที่สุดในประเทศมองโกเลียไปเลย มีคนเข้าร่วมงานมากมาย ที่อินเดียก็ไปจัดมาแล้ว ชาวพุทธในอินเดียเขาเห็นไทยจัด มองโกเลียจัด เขาก็จัดบ้าง เวลาจัดพิธีบวชอุบาสิกาแก้ว หลังปฏิบัติธรรมร่วมกันแล้ว ก็จัดพิธีลอยโคม เป็นการรวมใจทุกคนเพื่อบูชาพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เรียกว่าเริ่มกระจายจากประเทศไทยขยายไปหลายประเทศแล้ว

   ประการที่สอง บูชาพระแม่คงคา

   การลอยกระทงเป็นการบูชาพระแม่คงคาในวันเพ็ญพระจันทร์เต็มดวงที่มีน้ำเต็มตลิ่งบริบูรณ์ที่สุด เป็นการแสดงความขอบคุณผืนน้ำ เพราะมนุษย์เราอยู่ได้ต้องอาศัยน้ำ ตั้งแต่โบราณมา ชุมชนไหนจะสร้างเมืองต้องอยู่ติดแม่น้ำ ไม่มีแหล่งน้ำสร้างเมืองไม่ได้ ต้องสร้างอิงแหล่งน้ำทั้งนั้น ฉะนั้นในรอบ ๑๒ เดือน เดือนที่สุดที่จะทำพิธีก็คือเดือน ๑๒  เพราะว่าน้ำเต็มบริบูรณ์ แล้วชาวนาส่วนใหญ่ก็เกี่ยวข้าวเสร็จเรียบร้อย งานก็เสร็จแล้ว น้ำก็เต็มท่าได้จังหวะพอดี ก็เอาเทศกาลนี้มาลอยกระทงกันในคืนวันเพ็ญน้ำเต็มตลิ่งพระจันทร์สว่างเด่นบนฟ้า

   การบูชาน้ำก็ต้องหาอะไรที่ลอยได้ แล้วกลางคืนมืด ๆ ไม่มีแสงสว่าง มองไม่เห็นอะไร ก็ต้องบูชาด้วยความสว่าง จะเป็นความสว่างรูปแบบไหนก็แล้วแต่ท้องที่ แต่จะเหมือนกันอยู่อย่างหนึ่งคือต้องมีความสว่างเหมือนกันหมด

   ในภาคกลางบูชาด้วยกระทงที่ทำด้วยใบตองมีเทียนปัก ต่อมามีโฟมก็ใช้โฟมทำกระทง แต่บางคนไม่เอาโฟม ชอบกระทงแบบธรรมชาติ ที่ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม

   ทางเหนืออย่างจังหวัดตากขึ้นชื่อลือชาเรื่องกระทงสาย เขาเอากะลามะพร้าวมาขัดให้สะอาด แล้วเอาเทียนพรรษาหลอมมาใส่ในกะลา ตรงกลางเอาด้ายดิบมาทำเป็นไส้เทียน เตรียมไว้เป็นพันกะลาเลย ถึงคราวก็นำไปลอยในแม่น้ำปิงที่จังหวัดตาก จุดแล้วก็ลอยตาม ๆ กันไป จนบางคนที่เห็นกระทงไหลเป็นสายก็คิดว่าคงมีเชือกผูกอยู่ข้างล่าง จริง ๆ ไม่มี เผอิญแม่น้ำปิงที่ผ่านจังหวัดตาก ข้างล่างมีสันทรายอยู่ เวลาน้ำมามันจะมาเป็นร่องน้ำ เวลาปล่อยกระทงออกไปมันจะลอยไปตามร่องน้ำเป็นสาย เนื่องจากเขาปล่อยแบบต่อเนื่องกัน กระทงก็เลยไหลไปเป็นสาย เป็นภาพที่งามมาก

   เมื่อตอนประชุมเอเปค (APEC) ที่มีผู้นำทั่วโลกมาประชุมกันที่กรุงเทพฯ ไทยเราเป็นเจ้าภาพ พอเสร็จการประชุมแล้ว ตอนภาคค่ำ ที่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา เราก็ปล่อยโคมลอย โดยทางราชการติดต่อยืมทีมงานจากธุดงคสถานล้านนาที่ปล่อยโคมยี่เป็งให้มาช่วยปล่อยโคมข้างวัดพระแก้ว โคมลอยขึ้นไปบนฟ้าเป็นสาย ในแม่น้ำก็เอาทีมงานกระทงสายจากจังหวัดตากมา

   ตามปกติเขาจะดูแลเรื่องความปลอดภัยของผู้นำประเทศสูงมาก ต้องอยู่ในห้องที่มีกระจกกันกระสุน ป้องกันการลอบยิง ปรากฏว่าผู้นำประเทศไม่สนเลย เปิดประตูออกมายืนดูข้างนอกเลย แถมบางคนที่เป็นคู่สามีภรรยายังถือโอกาสโอบ ๆ กันนิดหน่อย เพราะบรรยากาศโรแมนติกสุด ๆ เขาว่าอย่างนั้นนะ บรรดาผู้นำเกิดความรู้สึกประทับใจมากว่าทำไมวัฒนธรรมไทยมีความงดงามอย่างนี้ ไม่เคยไปประชุมที่ไหนในโลกที่มีความสวยงามอย่างนี้เลย มองเห็นแม่น้ำเจ้าพระยา ฝั่งตรงข้ามก็คือพระบรมมหาราชวังและวัดพระแก้ว ซึ่งมีไฟสวยงามมาก บนฟ้ามีโคมยี่เป็งลอยขึ้นไปเป็นสาย บนผืนน้ำมีกระทงลอยมาเป็นสาย

   การบูชาพระแม่คงคาก็คือ การระลึกว่าตลอดทั้งปีที่ผ่านมา เราได้อาศัยน้ำในการดำรงชีวิต เพราะฉะนั้นต้องแสดงความขอบคุณน้ำ แสดงความขอบคุณไม่ใช่แค่ลอยกระทงเฉย ๆ ต้องรู้คุณน้ำด้วย แล้วก็ใช้น้ำอย่างคุ้มค่า ไม่ใช้ทิ้งใช้ขว้าง เพราะน้ำไม่ได้มีเหลือเฟือ ต่อไปจะแย่งน้ำกัน ตอนมีน้ำอยู่ไม่รู้สึก พอแล้งน้ำก็จะพบว่า บางครั้งถึงกับอาจจะทำสงครามแย่งชิงน้ำกัน จะเห็นคุณค่าของน้ำตอนที่ขาด เพราะฉะนั้นต้องใช้น้ำอย่างรู้คุณค่า แล้วก็ไม่ทำให้น้ำสกปรก ไม่ปล่อยของเสียลงน้ำ เป็นต้น รณรงค์ให้ทุกคนรู้จักการประหยัดน้ำ ใช้น้ำให้ถูกวิธี และไม่ทำให้แหล่งน้ำเสียหาย นี่คือการขอขมาพระแม่คงคา และแสดงความขอบคุณพระแม่คงคาที่ถูกต้อง ไม่ใช่ไปไหว้เทวดาพระแม่คงคา ไม่ใช่อย่างนั้น แต่แสดงความขอบคุณกับน้ำ ว่าเป็นสิ่งที่หล่อเลี้ยงชีวิตเรา ฉะนั้นเราต้องใช้น้ำให้คุ้มค่าและเกิดประโยชน์  ถ้าอย่างนี้ถูกหลัก

หลายคนบอกว่า การลอยกระทงเป็นการลอยทุกข์ลอยโศกให้ออกไปจากตัวเรา บางคนก็ตัดเล็บตัดผมใส่ลงไปในกระทง บางคนก็เอาเงินใส่ลงไป แล้วก็ลอยไป เป็นความเข้าใจที่ถูกต้องไหม?

   อันนี้เป็นความเชื่อที่เพิ่มขึ้นมาทีหลัง ไหน ๆ ก็ลอยไปแล้ว ก็น่าจะเอาอะไรที่มันไม่ดีลอยออกไปด้วย คิดได้อย่างนี้แล้วรู้สึกสบายใจ นั่นเป็นสิ่งที่แถมขึ้นมา แต่ความจริงแค่เอาผมใส่กระทง ตัดเล็บใส่ เอาสตางค์ใส่ลงไป มันเป็นไปไม่ได้ที่ทุกข์โศก โรคภัยต่าง ๆ จะลอยออกไป มันยังไม่ไป ถ้าต้องการให้ทุกข์โศก โรคภัย ลอยออกไปด้วยต้องสร้างบุญ ถ้าต้องการลอยทุกข์ ลอยโศก ลอยเคราะห์ ลอยภัยออกไป ในตอนกลางวันก่อนลอยกระทงให้ไปทำบุญก่อน ถวายสังฆทาน เลี้ยงพระ หรือว่าทำบุญในด้านต่าง ๆ พอกลางคืนมาลอยกระทงก็ระลึกนึกถึงบุญนี้ แล้วอธิษฐานว่า ด้วยอานิสงส์ผลบุญนี้ ขอให้ทุกข์โศก โรคภัย เคราะห์ไม่ดีทั้งหลาย ออกไปจากชีวิตข้าพเจ้าอย่างนี้ถึงจะได้ ส่วนผมหรือเล็บตัดเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็เอาไปใส่ถังขยะ

   ให้เข้าใจหลักนิดหนึ่งว่า ชีวิตคนเรามีระเบิดเวลาอยู่ ถ้าเปรียบชีวิตเราเหมือนนาวาชีวิต ระเบิดลูกนี้ก็เหมือนกับเป็นหินโสโครกใต้น้ำ เป็นทุ่นใต้น้ำที่เรามองไม่เห็น บางคนเราเห็นเขาเป็นคนดี ทำไมปุ๊บปั๊บรถชนตายไปแล้ว บางคนปุ๊บปั๊บป่วยตายไปเลย ทำให้สงสัยว่า ทำไมคนดี ๆ ตายเร็ว ที่จริงเป็นเพราะกรรมในอดีตของเขา ถ้าดูแค่ชาตินี้แล้วเขาอาจจะยังไม่ควรตาย แต่คนเราเกิดมานับภพนับชาติไม่ถ้วน ชาติก่อน ๆ ที่เขาทำไม่ดีมาก็มี มันมาส่งผลตอนนี้พอดี

   ถามว่าจะแก้อย่างไร วิธีการคือจะต้องสร้างบุญ ถ้าเราสร้างบุญก็เหมือนเติมน้ำ เหมือนเรือวิ่งอยู่ มีหินโสโครกอยู่ ถ้าเรือไปเกยหินเมื่อไหร่ก็เรียบร้อย จมเลย แต่พอน้ำสูงขึ้น เรื่อก็วิ่งผ่านไปได้ หินโสโครกก็ยังมีอยู่เหมือนเดิม แต่เรือวิ่งผ่านไปได้โดยไม่เกยตื้น เรือก็ไม่แตก เพราะน้ำหนุนให้เรือลอยผ่านไปเลย ชีวิตเราเหมือนกัน วิบากกรรมในอดีตตามมา แต่ถ้าเราสร้างบุญแล้ว บุญจะหนุนส่งให้นาวาชีวิตของเราสูงขึ้น แล้วลอยข้ามวิบากกรรมนั้นไปได้

   เพราะฉะนั้น อยู่ ๆ ไปลอยกระทงเฉย ๆ เคราะห์กรรมยังไม่ได้หายไปนะ ต้องไปสร้างบุญก่อน แล้วก็ตั้งใจสวดมนต์นั่งสมาธิเป็นพิเศษด้วย เพราะวันเพ็ญเป็นวันดี ลอยกระทงเสร็จแล้วกลับมานั่งสมาธิ สวดมนต์ แล้วก็เปิด DMC ดู ใจจะได้อยู่ในบุญกุศล ถ้าลอยกระทงแล้วคิดว่าลอยเคราะห์ ลอยโศกไปแล้ว เสร็จแล้วไปดื่มสุรา แล้วก็ตีหัวกัน กรรมใหม่ก็ตามมาเลย บางครั้งไปเล่นดอกไม้ไฟกันแล้วไฟไหม้บ้านก็มี เพราะฉะนั้นจะผ่านทุกข์โศกโรคภัยไปได้ ต้องสร้างบุญ นี่คือหัวใจ

วัตถุประสงค์ของการจุดดอกไม้ไฟคืออะอไร?

   การจุดดอกไม้ไฟเป็นสิ่งที่เพิ่มมาทีหลัง พูดง่าย ๆ ว่า เมื่อมีงานเทศกาล มีการลอยกระทง ก็พยายามหาอะไรที่ทำให้คึกคักสนุกสนาน

ควรอนุรักษ์หรือควรคำนึงถึงอะไรบ้างเกี่ยวกับประเพณีลอยกระทง?

   ควรคำนึงถึงเป้าหมายดั้งเดิม คือ ๑. บูชาพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ๒. ระลึกถึงคุณของน้ำ แล้วบริหารจัดการน้ำอย่างถูกต้องตามหลักวิชา

ปัจจุบัน ความคิดเรื่องการลอยกระทงอย่างเดิมเปลี่ยนไปมากไหม?

   คิดว่ายังมีอยู่ แต่ว่าอาจจะไม่ชัดมากนัก บางคนก็ชัด บางคนก็ไม่ชัด ส่วนใหญ่อาจจะนึกว่าเป็นประเพณีก็เลยรักษาประเพณีเอาไว้ แต่ความเข้าใจว่า ประเพณีนี้มีเพื่ออะไรอาจจะไม่ถึงกับชัดเจนมากนัก

ทำไมเขาถึงกำหนดให้วันเพ็ญเดือน ๑๒ เป็นวันลอยกระทง?

   อย่างที่บอกไปแล้วว่า ถ้าจัดงานวันเดือนมืดกับเดือนสว่างอันไหนดีกว่า ก็ต้องเดือนเพ็ญที่สว่างไสว เพราะฉะนั้นงานสำคัญ ๆ เขาจะจัดตรงกับวันเพ็ญ ซึ่งปีหนึ่งมีอยู่ ๑๒ ครั้ง การลอยกระทงถ้าจัดหน้าแล้งก็ไม่มีน้ำ ลอยไม่ได้ เลยต้องเลือกเดือนที่มีน้ำบริบูรณ์ที่สุด ซึ่งก็คือเดือน ๑๒ ที่น้ำนองเต็มตลิ่ง

บรรดาพุทธศาสนิกชนที่เป็นวัยรุ่นและผู้ปกครองควรปฏิบัติอย่างไรในเทศกาลลอยกระทง?

   ต้องระวัง เพราะว่าการลอยกระทงต้องลอยกลางคืน ต้องรอให้พระจันทร์ขึ้นก่อน พอมืด ๆ อากาศเย็น ๆ หนาว ๆ จะค่อนข้างโรแมนติก เพราะฉะนั้นวัยรุ่นหรือหนุ่มสาวก็ชักจะคิดฟุ้งซ่าน เนื่องจากโอกาส จังหวะ อารมณ์ และบรรยากาศพาไป ถ้าไม่ระมัดระวังให้ดีก็อาจจะเกิดเรื่องเสียหายได้ พ่อแม่ก็ควรจะดูแลลูกด้วย ถ้าไปด้วยกันเป็นครอบครัวได้ก็จะดี ใขณะเดียวกันฝ่ายหญิงก็ควรจะต้องรู้ว่า เราต้องรักนวลสงวนตัวเราถึงจะมีค่า ถ้าไปทำอะไรแบบปล่อยตัวปล่อยใจไปง่าย ๆ เขาจะไม่เห็นค่า แล้วจะเกิดความเสียหายตามมาในภายหลัง

   อย่าให้เทศกาลที่ควรจะเป็นการบูชาพระสัมมาสัมพุทธเจ้ากลายเป็นทางมาของเรื่องไม่ดี อย่างนี้ไม่ถูกต้อง ควรทำให้ถูกวัตถุประสงค์ คือ บูชาพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แล้วระลึกถึงคุณของน้ำ ขณะเดียวกันก็ให้ระวังของแถมที่จะตามมา ซึ่งจะเป็นความเสียหายต่าง ๆ คือ การเมาสุรา การทะเลาะวิวาท แล้วก็เรื่องชายหญิง ตรงนี้ต้องระวังให้ดี ให้เราป้องกันข้อเสียแล้วเสริมข้อดี จะได้เป็นการรักษาอนุรักษ์ประเพณีลอยกระทงไว้อย่างถูกต้องและดีงาม.

๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐

ที่มา : บทสัมภาษณ์ “ข้อคิดรอบตัว” วารสาร ”อยู่ในบุญ” ปีที่ ๙ ฉบับที่ ๑๐๙ เดือนพฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๕๔ หน้า ๖๘

เรื่องโดย : พระมหาสมชาย ฐานวุฑโฒ (M.D.;Ph.D.)

494
   ทุกอย่างย่อมมีเหตุมีผลในตัวของตัวเอง ไม่มีคำว่าบังเอิญอย่างแน่นอน อันตรงเข้ากับพระพุทธศาสนาที่สอนให้เชื่อเรื่อง"กรรม"หรือการกระทำ ซึ่งเป็นคำกลางๆ เพราะไม่ได้ระบุลงไปว่าเป็นกรรมดี หรือกรรมชั่ว และเมื่อเรากระทำกรรมแล้ว ก็ย่อมได้รับผลของการกระทำเป็นผลสะท้อนกลับมา ดังที่กล่าวไว้ตอนต้นว่า ทุกอย่างมีเหตุผลของตัวเอง อันเป็นเหตุมาจากกรรม จากการกระทำของตน ฝันก็เช่นเดียวกัน มีเหตุทำให้ฝันดังนี้คือ

เหตุแห่งการฝัน ๔

๑.โดยธาตุกำเริบ

๒.โดยเคยประสพมา

๓.โดยเทวดาดลใจ

๔.โดยบุพนิมิต

   จะฝันว่าอย่างไร? จะมีผลว่าอย่างไร? จะเกิดอะไรขึ้น? ก็มิอาจคาดเดาได้ หรือ จะให้เชื่อตามคำพยากรณ์ในตำราต่างๆ ก็คงเป็นไปไม่ได้หรอกครับ เพราะถึงที่สุดแล้ว ก็เป็นแค่ความเชื่อที่ไม่ประกอบด้วยปัญญา ดังที่มีมาใน "กาลามสูตร" อีกทั้งเป็นความเชื่อที่ขัดกับหลักของพระพุทธศาสนาอย่างสิ้นเชิง หากฝันก็อย่าไปยินดียินร้าย ทำให้ทุกข์ให้กังวลใจเสียเปล่าๆครับ กลับมาที่ประเด็นกันต่อดีกว่า

   สิ่งที่ผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็น"พุทธศาสนิกชน"ควรรู้ประเด็นต่อมา ศรัทธา หรือ ความเชื่อในพระพุทธศาสนา

สัทธา แปลว่า ความเชื่อ ที่ประกอบไปด้วยปัญญา (เริ่มต้นที่ศรัทธา อย่าลืมว่าต้องลงท้ายด้วยปัญญาเสมอ) มี ๔ ประการ คือ

๑.เชื่อว่ากรรมมีจริง

๒.เชื่อว่าผลของกรรมมีจริง

๓.เชื่อว่าสัตว์ทุกตัวย่อมมีกรรมเป็นของตน

๔.เชื่อในการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า

   ฉะนั้น จะต้องภัยได้ทุกข์อะไร ก็อย่าลืมพิจารณาว่า เป็นเหตุของกรรม เป็นวิบากที่ตามมาส่งผล จะนำวัตถุสิ่งของที่ว่าศักดิ์สิทธิ์หรือใช้ฤทธิ์ในการยับยั้ง ก็คงเป็นไปไม่ได้ ดังตัวอย่างของพระมหาโมคคัลลานะ พระอรหันต์อัครสาวกเบื้องซ้าย ผู้ซึ่งได้รับการยกย่องจากพระพุทธเจ้าว่า เป็นผู้เลิศทางฤทธิ์ เป็นผู้มีฤทธิ์มาก ก็ยังหนีกรรมไม่พ้น โดยในช่วงปลายชีวิต ถูกโจรทุบร่างจนแหลก แม้จะสามารถใช้ฤทธิ์ที่มีตามดูเหตุและหาทางเพื่อจะเลี่ยงเหตุการณ์ดังกล่าวมาหลายครา แต่เมื่อพิจารณาได้ว่าหนีไม่พ้น เพราะเป็นวิบากกรรมที่ตามมาส่งผล

   เหตุที่เป็นดังนี้เพราะ ในชาติหนึ่ง เคยเกิดเป็นบุตรของชายหญิงตาบอด และเมื่อแต่งงานแล้วโดนภรรยายุยงให้กำจัดบิดามารดาของตนเสีย จึงแกล้งหาทางกำจัดบิดามารดาตน โดยให้บิดามารดานั่งเกวียน และบอกไปว่าตนจะขอลงไปดูทางว่าบริเวณนี้ปลอดภัยจากโจรป่าหรือไม่ สักพักก็แกล้งตะโกนออกมาว่ามีโจรป่ามาดักปล้น และได้สวมรอยแกล้งทำเป็นโจรป่ามาทุบตีบิดามารดาตน บิดามารดาเมื่อโดนทุบตีก็ส่งเสียงตะโกนให้ลูกชายหนีไป ให้รักษาชีวิตของตนไม่ต้องห่วงบิดามารดา เมื่อสิ้นเสียงจึงคิดได้ว่าได้ทำกรรมหนักชั่วช้าไปเสียแล้ว จึงนำบิดามารดากลับมาเลี้ยงดูอย่างดีดังเดิม

   เมื่อตายไปแล้ว จึงไปบังเกิดชดใช้กรรมอยู่ในนรก และได้เกิดมาแล้วโดนทุบตีจนร่างกายแหลกละเอียดอีกนับหลายร้อยชาติ แม้ในชาติสุดท้าย ที่ได้สำเร็จเป็นพระอรหันต์ มีฤทธิ์ ทรงอภิญญา เหาะเหินเดินอากาศได้ แต่ก็ยังไม่สามารถหนีพ้นวิบากกรรมนั้นได้อยู่ดี พยายามหนีจากการถูกลอบทำร้ายมาได้แล้วตั้งหลายครั้งหลายครา แต่เมื่อพิจารณาเห็นถึงเหตุ เห็นถึงกรรมที่ได้เคยทำไว้ในอดีตชาติดังนั้นแล้ว จึงยอมให้พวกโจรทำร้ายทุบตีในที่สุด

   กรรมดีที่เป็นกุศล เมื่อทำแล้วก็ย่อมได้"บุญ" และ กรรมไม่ดีกรรมชั่วที่เป็นอกุศล เมื่อทำแล้วก็ย่อมได้"บาป" ดังที่มีกล่าวไว้ว่า "ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว" ทำอะไรก็ย่ิอมได้ผลเช่นนั้น

   เปรียบบาปเป็นตอ เปรียบบุญเป็นน้ำ เปรียบชีวิตเราเป็นเรือ เมื่อใดน้ำน้อย ตอก็ย่อมผุด เรือที่สัญจรไปก็จะไปได้อย่างลำบากไม่สะดวก เมื่อใดน้ำมากก็จะเดินเรือได้สะดวก

   ฉันใดก็ฉันนั้น เมื่อใดบาปมากก็แสดงว่าบุญน้อย ชีวิตจึงพบอุปสรรค มีทุกข์ต่าง ๆ นานา และเมื่อใดที่บาปน้อย ก็แสดงว่ามีบุญมาก ชีวิตจึงประสบความสำเร็จราบรื่น

   จริงอยู่ที่ว่า บาปกรรมไม่สามารถลบล้างได้ ฉะนั้นจึงควรสั่งสมบุญด้วยการทำทาน รักษาศีล เจริญสมาธิภาวนา อย่างเต็มที่ เพื่อไปตัดรอนวิบากกรรม ให้หนักกลายเป็นเบา และเพื่อเป็นปัจจัยอันจะนำไปสู่เป้าหมายสูงสุดในทางพระพุทธศาสนาในเบื้องปลาย

สรุปได้ว่า "ใช่" กับ "เชื่อ" มันต่างกันอย่างสิ้นเชิงครับ

   "ใช่" คือข้อเท็จจริง อันเกิดจากความเชื่อที่ใช้ปัญญา ส่วน"เชื่อ"ก็เป็นเพียงแค่ความเชื่อที่ขาดปัญญาในการพิจารณาครับ

๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐
   
ธมฺโม หเว รกฺขติ ธมฺมจารึ - ธรรมนั่นแลย่อมรักษาผู้ประพฤติธรรม

495
"ผู้มีปัญญา พึงทำเกาะที่ห้วงน้ำท่วมไม่ได้ ด้วยความขยันหมั่นเพียร ด้วยความไม่ประมาท ด้วยความระวัง และด้วยการฝึกตน"(พุทธพจน์)

   ในปัจจุบันอุทกภัยนับวันจะทวีความรุนแรงขึ้น กระแสน้ำทะลักเข้าใส่บ้านเรือนพังพินาศ ได้รับความเสียหายกันไปทั่ว ผู้คนไร้ที่อยู่อาศัย นอกจากนี้ยังเกิดโศกนาฏกรรมแผ่นดินถล่มกลบมนุษย์ทั้งเป็น ภัยต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นล้วนมีสาเหตุจากการที่ชาวโลกประพฤติผิดศีลธรรม ทั้งหลงใหลในอบายมุข ทำให้กระแสบาปทวีความรุนแรงมากขึ้น จึงส่งผลให้ธรรมชาติแปรปรวนไป จนมีนักโหราศาสตร์พยากรณ์เอาไว้ว่า ถ้าไม่รีบแก้ไข โลกอาจจะถึงกาลอวสานได้

   เรื่องของโลกาพินาศ(อรรถกถากัปปสูตร,วิสุทธิมรรค) ได้มีบันทึกไว้ในพระไตรปิฎกว่า โลกนี้จะถูกทำลายด้วยภัย ๓ อย่าง คือ ถ้ายุคสมัยใดคนมีกิเลสตระกูลโทสะมาก จะเกิดอัคคีภัยทุกหย่อมหญ้า หากผู้คนมีราคะมาก จะเกิดอุทกภัย และถ้าคนมีโมหะมาก โลกจะเกิดวาตภัยถูกลมพายุทำลายล้าง

ไฟบรรลัยกัลป์ล้างโลก

   สมัยที่กัปพินาศเพราะไฟนั้น  จะมีเทวดาชั้นกามาวจรภูมิที่เรียกว่า โลกพยูหะ มาให้สติมนุษย์ โดยแปลงร่างเป็นคนนุ่งผ้าแดง ปล่อยผมเผ้ารกรุงรังร้องไห้เช็ดน้ำตา เที่ยวเดินประกาศไปว่า "ผู้นิรทุกข์ทั้งหลาย ล่วงไปแสนปีจากนี้จะสิ้นกัป โลกจะพินาศ แม่น้ำและมหาสมุทรจะเหือดแห้ง มหาปฐพี ภูเขาสิเนรุจะถล่มทลายพังพินาศตลอดถึงพรหมโลก ท่านทั้งหลายจงเจริญเมตตาพรหมวิหารธรรมต่อกันเถิด จงบำรุงมารดาบิดา และเป็นผู้อ่อนน้อมถ่อมตนต่อผู้มีคุณธรรมเถิด"

   เมื่อพวกมนุษย์และเทวดาได้ฟังข่าวที่น่าสะพรึงกลัวอย่างนี้แล้ว ก็เกิดความสลดสังเวชใจ กลับมีจิตเมตตา อ่อนน้อมต่อกัน ตั้งใจสั่งสมบุญกุศล แล้วไปบังเกิดในเทวโลก ส่วนทวยเทพในเทวโลกต่างไม่ประมาท บำเพ็ญภาวนาจนได้ฌาน แล้วก็ไปบังเกิดในพรหมโลก

   เมื่อเวลาผ่านไประยะหนึ่ง พระอาทิตย์ดวงที่ ๒ ก็ปรากฏขึ้น ทำให้กำหนดกลางวันกลางคืนไม่ได้ เพราะโลกสว่างตลอดทั้งวัน สัตว์โลกเริ่มล้มตายกัน น้ำในลำธารเริ่มแห้งขอด ต่อจากนั้น พระอาทิตย์ดวงที่ ๓ ปรากฏขึ้น ทำให้มหานทีแห้งไปหมด และเมื่อดวงที่ ๔ ปรากฏขึ้น สระใหญ่ทั้ง ๗ ในป่าหิมพานต์ ซึ่งเป็นต้นแหล่งของมหานทีเหือดแห้งลงไปอีก ไม่ว่าจะเป็นสระอโนดาตก็แห้งหมด

   วันเวลาผ่านไปอีก พระอาทิตย์ดวงที่ ๕ ได้ปรากฏขึ้นมาอีก โลกเริ่มร้อนระอุมากขึ้น จนน้ำในมหาสมุทรไม่มีเหลืออยู่เลย ทันที่ที่พระอาทิตย์ดวงที่ ๖ เกิดขึ้น ทั่วทั้งจักรวาลมีควันพวยพุ่งขึ้นมา บรรยากาศอักแน่นไปด้วยควันมืดสนิท ครั้นดวงที่ ๗ ซึ่งเป็นดวงสุดท้ายบังเกิดขึ้น ทั่วทั้งแสนโกฏิจักรวาลมีเปลวไฟลุกโชติช่วง ภูเขาสิเนรุถูกไฟเผาไหม้ เปลวไฟลุกลามไปถึงสวรรค์ชั้นที่ ๖ ไหม้ต่อไปอีกจนถึงพรหมโลก ไปหยุดอยู่ที่พรหมโลกชั้นอาภัสสรากันเลยทีเดียว

น้ำบรรลัยกัลป์

   สมัยใดที่น้ำทำลายกัปให้พินาศ ฝนจะตกไม่หยุดจนน้ำท่วมโลก แล้วฝนน้ำกรดจะตกไปทั่วตลอดแสนโกฏิจักรวาล เมื่อแผ่นดินหรือภูเขาถูกน้ำกรด จะถูกกัดกินจนละลาย น้ำท่วมมีอานุภาพมากกว่าไฟไหม้ จะท่วมเรื่อยไปจนถึงพรหมโลกชั้นปริตรตาภา อัปปมาณาภา อาภัสสรา ปริตตสุภา อัปปมาณสุภา ถูกทำลายย่อยยับหมด

 ลมบรรลัยกัลป์

   ถ้าโลกพินาศเพราะลม จะมีอานุภาพร้ายแรงที่สุด สามารถพลิกแผ่นดินแล้วพัดให้กระจายไปในอากาศได้ ผืนแผ่นดินกว้างถึง ๑๐๐ โยชน์พังพินาศหมด แหลกละเอียดในอากาศ ลมจะหอบเอาภูเขาจักรวาล ภูเขาสิเนรุขึ้นไป แล้วซัดให้กระทบกันจนแหลกละเอียดเป็นผงธุลี แล้วยังพัดวิมานในสวรรค์ทั้งแสนโกฏิจักรวาลให้พินาศหมด มหาวาตภัยนี้จะพัดตั้งแต่ในโลกมนุษย์ไปจนถึงพรหมชั้นสุภกิณหา ไปหยุดอยู่ที่ชั้นเวหัปผลา เมื่อโลกถูกทำลาย และได้รับการชำระล้างให้บริสุทธิ์แล้ว ทุกสิ่งในจักรวาลจะสลายไปสู่ธาตุเดิม ซึ่งต้องใช้เวลาเป็นกัป ๆ ถึงจะเริ่มก่อตัวขึ้นใหม่ คือเริ่มมีโลก มีพรหมลงมาเกิด มีดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ ดวงดาว มีสิ่งมีชีวิต มีสัตว์ และสิ่งต่าง ๆ ตามมาอีก มากมาย มีต้นไม้ มีภูเขาบังเกิดขึ้น

โลกยังไม่แตก

   อย่างไรก็ตาม มิใช่ว่าโลกเราจะถึงกาลอวสานในยุคนี้ เพราะตามหลักพระพุทธศาสนาแล้ว ยังเหลือช่วงเวลาอีกยาวนานเหลือเกิน เพราะโลกยังอยู่ในอันตรกัปที่ ๑๒ ซึ่งจะต้องมีการไขขึ้น-ไขลงตามกำลังการประพฤติกุศลและอกุศลของมนุษย์ อีกทั้งโลกจะถูกทำลายล้างก็ต่อเมื่อเลย ๖๔ อันตรกัปไปแล้ว ซึ่งเป็นเวลานานมาก จนไม่ต้องพูดถึงเรื่องโลกแตกกันเลย เพียงแต่ว่าขณะนี้เราอยู่ในช่วงกัปไขลง กิเลสมนุษย์หนาขึ้นเรื่อย ๆ ทุก ๑๐๐ ปี อายุมนุษย์จะลดลงเหลือ ๑ ปี อายุขัยของมนุษย์จะลดลงเรื่อยจนไปถึง ๑๐ ปี สตรีอายุ ๕ ขวบก็ตั้งครรภ์แล้ว มนุษย์เข่นฆ่ากันเอง ถึงขั้นเกิด “สัตถันตรกัป” คือมีอาวุธเกิดขึ้นในมือและทำลายล้างกันจนแทบหมดเผ่าพันธ์กันเลยทีเดียว ส่วนผู้ที่เห็นภัยก็หลบหลีกไปอยู่ตามป่าตามเขา

   เมื่อหมดสงครามจึงกลับมาเริ่มต้นประพฤติกุศลกรรมบถ ๑๐ ประการเหมือนเดิม ทำให้อายุเริ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ ใหม่ จนกระทั่งอายุมนุษย์มีกำหนด ๘ หมื่นปี สตรีมีอายุ ๕๐๐ ปี จึงมีครอบครัว เวลานั้นมีความทุกข์อยู่เพียง ๓ อย่าง คือ ความหิว ความง่วง และความแก่ ผู้คนยิ่งทำความดีเพิ่มขึ้น อายุยิ่งทวีตาม จนกระทั่งมีอายุอสงไขยปี ในสมัยมนุษย์มีอายุอสงไขยปี มองเห็นความแก่ ความตายได้ยาก ความเจ็บไม่มี เลยทำให้เกิดความประมาท เวียนเป็นวัฏจักรของมนุษย์ในยุคต้นกัปใหม่ เมื่อมีกิเลสเกิดขึ้น อายุมนุษย์ก็เริ่มลดลงจนเหลือ ๘ หมื่นปี เมื่อนั้นพระศรีอริยเมตไตรย์จะเสด็จมาอุบัติขึ้นในโลก เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ที่ ๕ องค์สุดท้ายในภัทรกัปนี้

วิธีป้องกันน้ำท่วม

   เราจะเห็นว่า โลกจะเป็นอย่างไรขึ้นอยู่กับใจของมนุษย์นี่แหละ ถ้ามนุษย์รักษ์โลก ด้วยการประหยัดทรัพยากรโลก ไม่ตัดไม้ทำลายป่า ปลูกป่า ไม่ทำให้คลองน้ำตื้นเขิน เป็นต้น โดยเฉพาะมนุษย์ ไม่ดื่มสุรา ไม่ประพฤติผิดในลูก ภรรยา หรือสามีของคนอื่น ไม่หลงใหลในอบายมุข โลกนี้ก็ยังคงสดสวย แต่ถ้ามนุษย์จิตใจขุ่นมัว ทำบาปอกุศลเห็นแก่ตัวมากเข้า ภัยพิบัติก็ย่อมลงโทษเป็นธรรมดา ตราบใดที่มนุษย์ยังประพฤติธรรม โลกก็ยังคงเจริญรุ่งเรืองขึ้นไปเรื่อย ๆ ขอให้ทุกคนเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างสรรค์โลกให้สดใส ด้วยการประพฤติธรรมในทุกรูปแบบ ทั้งทาน ศีล ภาวนา และช่วยกันทำหน้าที่กัลยาณมิตร แนะนำคนรอบข้างให้อยู่ในศีล อยู่ในธรรม นอกจากทำตัวให้รอดพ้นจากอุทกภัยแล้วต้องคิดต่อไปว่า ทำอย่างไรจะไม่ให้น้ำคือกิเลสท่วมทับใจของเรา ทำอย่างไรจึงจะสร้างเกราะแก้วป้องกันน้ำคือกิเลสท่วมใจเราได้ ใจคือแหล่งที่มั่นสุดท้ายที่ควรรักษาไว้อย่าให้น้ำคือกิเลสถาโถมเข้าโจมตี ควรทำเขื่อนหรือทำนบป้องกันตัวเต็มที่ ด้วยการหมั่นทำใจให้ผ่องใส จะได้มีสุขในปัจจุบัน แม้ละโลกก็มีสุคคติสวรรค์เป็นที่ไป.

๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐

ที่มา :วารสาร "อยู่ในบุญ" ปีที่ ๙ ฉบับที่ ๑๐๙ เดือนพฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๕๔

เรื่องโดย : พระมหาเสถียร สุวณฺณฐิโต ป.ธ. ๙ / พระมหาวิริยะ ธมฺมสารี ป.ธ. ๙

496
สวยแท้ไร้ที่ติครับพี่โยคี

หากจำข้อมูลไม่ผิด สร้างโดยพระครูสังฆรักษ์ชออม หลวงพ่อเปิ่นอธิษฐานจิตให้ครับ.

497
ขอบคุณพี่ทรงกลดมากครับผม

ตรงตามกับที่พระเดชพระคุณพระมงคลเทพมุนี(สด จนฺทสโร) อดีตเจ้าอาวาสวัดปากน้ำภาษีเจริญ กล่าวไว้เช่นกันครับ

๑๘ กาย กายมนุษย์หยาบ,กายมนุษย์ละเอียด,กายทิพย์หยาบ,กายทิพย์ละเอียด,กายรูปพรหมหยาบ,กายรูปพรหมละเอียด,กายอรูปพรหมหยาบ,กายอรูปพรหมละเอียด,กายธรรมโคตรภูหยาบ,กายธรรมโคตรภูละเอียด,กายธรรมพระโสดาบันหยาบ,กายธรรมพระโสดาบันละเอียด,กายธรรมพระสกทาคามีหยาบ,กายธรรมพระสกทาคามีละเอียด,กายธรรมพระอนาคามีหยาบ,กายธรรมพระอนาคามีละเอียด,กายธรรมพระอรหัตหยาบ,กายธรรมพระอรหัตละเอียด

เริ่มจากดวงปฐมมรรค และผ่านดวงศีล ดวงสมาธิ ดวงปัญญา ดวงวิมุติ ดวงวิมุตติญานทัสสนะ ทุกกายไป ตั้งแต่กายมนุษย์ละเอียดไปจนถึงกายธรรมพระอรหัตละเอียด

เป็นไปเพื่อที่สุดแห่งธรรม

สาธุ สาธุ อนุโมทามิ.

ข้อความถูกซ่อน (ลากเมาส์เข้าในกรอบเพื่อแสดง)

498
ขอขอบพระคุณเป็นอย่างมากครับ
แล้วรถมอไซค์ไปได้หรือเปล่าครับ  ทางด้านนี้น้ำท่วมหรือเปล่าครับ
รถจักรยานยนต์สามารถวิ่งผ่านเส้นทางตามแผนที่ได้ครับ น้ำไม่ท่วม.

499
อยากทราบว่าใกลล้กว่าเส้นทางเดิมรึป่าวครับ
ค่อนข้างไกลกว่าเส้นทางเดิมเล็กน้อยครับ

พื้นที่จริงจะเป็นทางโค้งเสียมาก แต่ให้ขับรถวิ่งตามทางหลักไปเรื่อยๆครับ.

500
ไปเจอคำถามนี้ตอนสอบเข้าปริญญาโท

"อริยสัจ ๔ สามารถนำมาใช้แก้ปัญหาชีวิตในสังคมปัจจุบันได้อย่างไร?"

ก็ต้องขยายความกันก่อนในเบื้องต้นว่า อริยสัจ ๔ คืออะไร? ประกอบด้วยอะไรบ้าง? และสามารถนำไปใช้เพื่อประโยชน์อะไร,ได้อย่างไร?

   อริยสัจ ๔ คือ ความจริงอันประเสริฐ ๔ ประการ ที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงค้นพบ เป็นสัจธรรมความจริงอันประเสริฐ ประกอบด้วย

๑.ทุกข์ คือ ความไม่สบายกาย ไม่สบายใจ เป็นสภาพที่ทนได้ยาก จึงเรียกว่า"ทุกข์"

๒.สมุทัย คือ เหตุที่ทำให้เกิดทุกข์
สาเหตุที่ทำให้เกิดทุกข์ ก็คือ ตัณหาหรือความทะยานอยาก มี ๓ ประเภทคือ กามตัณหา(ความอยากในอารมณ์ที่น่าใคร่)๑ ภวตัณหา(ความอยากเป็นโน่นเป็นนี่)๑ วิภวตัณหา(ความไม่อยากมีไม่อยากเป็นโน่นนี่)๑ ตัณหาทั้ง ๓ กองนี้เอง ที่เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดทุกข์

๓.นิโรธ คือ ความดับทุกข์ หมายถึงความดับตัณหาได้อย่างสิ้นเชิง จนทำให้ทุกข์ดับหมดไป จึงได้ชื่อว่า"นิโรธ"

๔.มรรค คือ ข้อปฏิบัติให้ถึงความดับทุกข์
โดยการใช้ปัญญาอันเห็นชอบพิจารณาว่าสิ่งนี้เป็นทุกข์ สิ่งนี้เป็นเหตุที่ทำให้เกิดทุกข์ สิ่งนี้คือความดับทุกข์ นี้ชื่อว่า"มรรค" มี ๘ ประการคือ

สัมมาทิฏฐิ(เห็นชอบ),สัมมาสังกัปปะ(ดำริชอบ),สัมมาวาจา(เจรจาชอบ),สัมมากัมมันตะ(การงานชอบ),สัมมาอาชีวะ(เลี้ยงชีพชอบ),สัมมาวายามะ(เพียรชอบ),สัมมาสติ(ระลึกชอบ),สัมมาสมาธิ(ตั้งใจมั่นชอบ)

ซึ่งธรรมทั้ง ๘ ประการนี้ เป็นสามัคคีธรรมที่ต่างสนับสนุนซึ่งกันและกันทำให้มีกำลังมาก และสามารถยังใหผู้ปฏิบัติบรรลุผลอันเลิศ คือ อริยมรรค อริยพล และพระนิพพานในที่สุด ตามสมควรแก่การปฏิบัติ

เมื่อเข้าใจความหมายและหัวข้อธรรมต่างๆที่ประกอบรวมอยู่ในอริยสัจ ๔ ดังนี้แล้ว จึงมาสู่การวิเคราะห์เพื่อตอบคำถามในข้างต้นต่อไป

ํํํํํํํํํํํํัํํํํ๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐

คำตอบ - อริยสัจ ๔ ไม่สามารถนำไปใช้แก้ปัญหาในชีวิตประจำวันได้!!!

เหตุเพราะ อริยสัจ ๔ เป็นธรรมในโลกุตระ เป็นธรรมชั้นสูง เป้าประสงค์เพื่อให้หลุดพ้นจากวัฏฏะ สำเร็จเป็นพระอริยบุคคลตั้งแต่ โสดาบัน,สกิทาคามี,อนาคามี,อรหันต์ จึงไม่สามารถนำมาใช้กับทาง"โลกียะ"ได้ เหตุผลที่นำมาสนับสนุนได้เป็นอย่างดีมีมาในธรรมข้อ "โพธิปักขิยธรรม ๓๗" หมายถึงธรรมอันเป็นฝักฝ่ายแห่งการตรัสรู้ เรียกอีกอย่างว่า "อภิญญาเทสิตธรรม" หมายถึง ธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงไว้ด้วยพระปัญญาอันยิ่ง เพื่อให้บุคคลรู้แจ้งเห็นจริงใน"อริยสัจ" ประกอบด้วย

สติปัฏฐาน ๔,สัมมัปปธาน ๔,อิทธิบาท ๔,อินทรีย์ ๕,พละ ๕,โพชฌงค์ ๗,มรรคมีองค์ ๘ รวม ๓๗ ข้อ

จึงเป็นที่มาของข้อสรุปที่ว่า "อริยสัจ ๔ ไม่สามารถนำมาใช้แก้ปัญหาในชีวิตประจำวันได้ในที่สุด"

๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐

ย้อนกลับมาพิจารณา จะเปลี่ยนจากมิจฉาทิฏฐิมาเป็นสัมมาทิฏฐิ เปลี่ยนกันได้ยาก

ยิ่งนำศีลมาปฏิบัติเพื่อให้เกิดความขลังในเรื่องข้อปฏิบัติต่างๆ ,เพื่อนำความบริสุทธิ์ไปข่มผู้อื่น ,ประพฤติพรตเพื่อให้เกิดความศักดิ์สิทธิ์ไม่เสื่อม

ก็เท่ากับว่า รักษาศีลไปเพื่อเพิ่มพูนกิเลส ทำให้มีกิเลสเกิดมีมากขึ้น

กิเลสกองนี้ เป็นกิเลสเครื่องผูกมัดสัตว์ไว้ให้ติดอยู่ในภพเป็นกิเลสที่นอนเนื่องอยู่ในสันดาน

ที่เรียกว่า"สังโยชน์" จัดเข้าในข้อ "สีลลัพพตปรามาส" นั่นเอง

ทั้งที่จุดประสงค์ที่แท้จริงของศีลนั้น มีไว้เพื่อละเพื่อขัดเกลากิเลสให้เบาบางลง มิใช่นำศีลมาปฏิบัติเพื่อให้เกิดความขลังความศักดิ์สิทธิ์อย่างที่ปฏิบัติกันอยู่แต่อย่างใด.


ไม่ผิดศีล...แต่ผิดธรรม

"ธมฺโม หเว รกฺขติ ธมฺมจารึ"  แปลว่า "ธรรมแลย่อมรักษาผู้ที่ประพฤติธรรม"

๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐

น้อมระลึกบูชาคุณอดีตพระอาจารย์ผู้สอนธรรมวิภาคและคิหิปฏิบัติทุกท่าน ด้วยควมเคารพยิ่ง


501
รบกวนสอบถามครับ รถเมล์ที่วิ่ง นครปฐม-บางพระ ยังวิ่งอยู่ใช่ไหมครับ..แล้ววิ่งเส้นไหนครับ.. :065:
รถประจำทางสาย นครปฐม-บางพระ,นครปฐม-ดอนตูม ยังเปิดให้บริการตามปกติในเส้นทางเดิมครับ.


502
   สำหรับเพื่อนสมาชิกที่ต้องการเดินทางไปยังวัดบางพระ แต่เส้นทางท่านา - นครชัยศรี ขณะนี้รถเล็กไม่สามารถสัญจรไปมาได้ เนื่องจากน้ำท่วมสูง ท่านที่ต้องการเดินทางไปวัดบางพระ แนะนำให้ใช้อีกเส้นทาง คือเข้าทางเส้นวัดสามความเผือก ข้างๆวิทยาลัยเทคนิคนครปฐม ดังแผนที่นี้ครับ


ปล.เส้นทางนี้อัพเดทจากการใช้เส้นทางจริงล่าสุดเมื่อวันที่ ๓๑ ตุลาคม ๒๕๕๔ อาจจะมีรายละเอียดเปลี่ยนแปลงได้บ้าง เนื่องจากบางพื้นที่เพิ่งโดนผลกระทบจากอุทกภัย เช่น บริเวณวัดบางพระที่เพิ่งโดนน้ำท่วม เนื่องจากเขื่อนแตกเมื่อคืนนี้ ซึ่งตอนนี้กู้และสามารถระบายน้ำออกไปบางส่วนได้แล้ว แต่ยังมีน้ำขังอยู่บ้าง.

ฝากอนุโมทนาล่วงหน้ากับพี่เจมส์ คนรักษ์พระ ด้วยนะครับ.

503
เมื่อคืนนี้เข้าไปที่วัดราวๆ ๔ ทุ่ม ยังไม่มีอะไร

ตอนเช้ามาทราบข่าวว่าช่วงดึกของเมื่อคืน เขื่อนหน้าวัดบางพระแตก

น้ำเลยทะลักเข้ามาท่วมบริเวณวัดและบริเวณใกล้เคียงอย่างมาก

แต่ตอนนี้สามารถกู้ได้แล้วครับ .


504
ปุญฺญานุสฺสติ แปลว่า ผู้ตามระลึกถึงบุญ

สำหรับผมมีมงคลวัตถุไว้เพื่อเป็นที่ระลึกถึงบุญครับ

อาทิเช่น



มงคลวัตถุชุดนี้ ได้รับมาเมื่อครั้งไปร่วมบุญปิดทองฝังลูกนิมิตวัดกลางบางแก้ว อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม

เห็นทีไรก็อดปลื้มใจไม่ได้ เพราะระลึกได้ว่า ครั้งหนึ่ง เราเคยไปทำบุญปิดทองฝังลูกนิมิตที่วัดกลางบางแก้วมา

ได้เป็นส่วนหนึ่งในการสร้างพระอุโบสถ ไว้ให้พระสงฆ์ได้ใช้ทำสังฆกรรม อันจะเป็นประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนาในภายภาคหน้าได้อีกมากมาย

ตราบใดที่พระอุโบสถหลังนี้ยังคงอยู่และมีผู้ได้รับประโยชน์จากการใช้สอยนี้อยู่ บุญก็จะเกิดขึ้นกับเราตลอดเวลา

มงคลวัตถุชุดนี้ จึงมีไว้เพื่อเป็น"ที่ระลึกถึงบุญ"ดังที่ได้กล่าวมาแล้ว

"ลืมไม่ลง คงไม่ลืม ปลื้มไปทุกชาติ"

นำบุญมาฝากทุกๆท่านด้วยนะครับ สาธุ สาธุ อนุโมทามิ.

505
บทสรรเสริญพระสังฆคุณ

สุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ อุชุปฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ ญายะปฎิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ
สามีจิปฎิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ ยะทิทัง จัตตาริ ปุริสสะ ยุคานิ อัฏฐะ ปุริสะปุคคะลา เอสะ ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ
อาหุเนยโย ปาหุเนยโยทักขิเนยโย อัญชะลีกะระนีโย อะนุตตะรัง ปุญญะเขตตัง โลกัสสาติ.

คำแปล

สงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้าหมู่ใด ปฏิบัติดีแล้ว สงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้าหมู่ใด ปฏิบัติตรงแล้ว
สงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้าหมู่ใด ปฏิบัติเพื่อรู้ธรรมเป็นเครื่องออกจากทุกข์แล้ว
สงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้าหมู่ใด ปฏิบัติสมควรแล้ว ได้แก่บุคคลเหล่านี้คือ คู่แห่งบุรุษสี่คู่ นับเรียงตัวได้แปดบุรุษ
นั่นแหละ สงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า เป็นผู้ควรแก่สักการะที่เขานำมาบูชา เป็นผู้ควรแก่สักการะที่จัดไว้ต้อนรับ
เป็นผู้ควรรับทักษิณาทาน เป็นผู้ที่บุคคลทั่วไปควรทำอัญชลี เป็นเนื้อนาบุญของโลก ไม่มีนาบุญอื่นยิ่งกว่า ดังนี้ .

๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐

   พระสงฆ์ตามความหมายนี้ มิได้หมายถึงชายผู้อายุครบ ๒๐ ปี โกนผม คิ้ว นุ่งห่มผ้ากาสาวพักตร์ เพียงเท่านั้น แต่พระสงฆ์ตามความหมายดังกล่าวในบทสรรเสริญพระสังฆคุณ หมายเอา"บุรุษ ๔ คู่ นับเรียงตัวบุรุษได้ ๘ บุรษ"

   ดังนี้จึงจะเรียกว่าพระภิกษุสงฆ์ได้อย่างแท้จริง ส่วนชายอายุครบ ๒๐ ปี โกนผม คิ้ว นุ่งห่มผ้ากาสาวพัตร์ และปฏิบัติตามพระธรรมวินัยคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า เราจะเรียกว่าเป็น "สมมติสงฆ์" หมายถึงเป็นสงฆ์โดยสมมติ

   ฉะนั้นแล้ว สงฆ์จึงแยกพิจารณาแบ่งได้ ๒ ประเภทคือ

๑.พระอริยสงฆ์

๒.สมมติสงฆ์

   จะกล่าวถึงพระอริยสงฆ์ ก็ใช่ว่าจะต้องเป็นผู้ที่ต้องเป็นชายอายุ ๒๐ ปี โกนผม คิ้ว นุ่งห่มผ้ากาสาวพักตร์ เท่านั้น พระอริยสงฆ์ที่เป็นฆาราวาสก็มีให้เห็น ไม่ว่าจะเป็นหญิง,ชาย,เด็ก,หนุ่ม,ชรา ก็สามารถเป็นพระอริยสงฆ์ได้เหมือนกันทั้งหมด ดังตัวอย่างในพระไตรปิฎกมากมาย เพราะดังที่ได้มีกล่าวไว้ในบทสรรเสริญพระสังฆคุณ นั่นเอง

   พระอริยสงฆ์ คือ บุรุษ ๔ คู่ นับเรียงตัวบุรุษได้ ๘ บุรุษ ได้แก่ พระโสดาปัตติมรรค - พระโสดาปัตติผล,พระสกทาคามิมรรค - พระสกทาคามิผล,พระอนาคามิมรรค - พระอนาคามิผล,พระอรหัตตมรรค - พระอรหัตตผล

   โดยการนำธรรมข้อ "สังโยชน์ ๑๐" มาใช้พิจารณาว่าเป็นพระอริยบุคคลระดับไหน ดังนี้

ผู้ที่ละ สักกายะทิฏฐิ,วิจิกิจฉา,สีลลัพพตปรามาส ได้เด็ดขาด จะสำเร็จเป็น"พระโสดาบัน"

ผู้ที่ละ สักกายะทิฏฐิ,วิจิกิจฉา,สีลลัพพตปรามาส ได้เด็ดขาด และสามารถทำ กามราคะ,ปฏิฆะ ให้เบาบางลงได้ จะสำเร็จเป็น"พระสกิทาคามี"

ผู้ที่ละ สักกายะทิฏฐิ,วิจิกิจฉา,สีลลัพพตปรามาส,กามราคะ,ปฏิฆะ ได้เด็ดขาด จะสำเร็จเป็น"พระอนาคามี"

ผู้ที่ละ สักกายะทิฏฐิ,วิจิกิจฉา,สีลลัพพตปรามาส,กามราคะ,ปฏิฆะ,รูปราคะ,อรูปราคะ,มานะ,อุทธัจจะ,อวิชชา ได้เด็ดขาด จะสำเร็จเป็น"พระอรหันต์" เข้าพระนิพพานอันเป็นบรมสุขในที่สุด

   ยกตัวอย่าง - มีเรืออยู่ ๒ ลำ ลำนึงเป็นเรือเปล่าไม่ได้บรรทุกอะไร อีกลำหนึ่งบรรทุกสินค้ามากมายจนเต็มลำเรือ มีจุดหมายปลายทางคือ เกาะเกาะหนึ่งอันไกลโพ้น เมื่อเริ่มออกเดินทางพร้อมกัน ย่อมเป็นที่ประจักษ์ว่า เรือลำที่ว่างเปล่าไม่ได้บรรทุกอะไร ย่อมแล่นไปได้เร็วกว่า สะดวกกว่า และอาจจะถึงเกาะกลางทะเลอันไกลโพ้นได้เร็วกว่าเรือลำที่บรรทุกสินค้ามาเต็มลำเรือ แต่ท้ายที่สุด เรือทั้งสองลำนั้นก็ย่อมไปถึงเกาะกลางทะเลอันไกลโพ้นได้เหมือนกัน

   เปรียบเทียบว่า เรือลำที่ว่างเปล่านั้นคือ"พระภิกษุ(สมมติสงฆ์)" เรือลำที่บรรทุกสินค้าจนเต็มลำเรือคือ"ฆาราวาส ปุถุชนคนธรรมดา" เกาะอันไกลโพ้นกลางทะเลคือ"พระนิิพพาน" อันเป็นเป้าหมายสูงสุด เป็นเป้าหมายที่แท้จริงในทางพระพุทธศาสนา

ฉันใดก็ฉันนั้น ชีวิตสมณะก็เหมือนเรือที่ว่างเปล่า ไม่มีเครื่องพันธนาการ ปล่อยวางจากกังวลทั้งหลาย ก็ย่อมแล่นไปสู่ฝั่งคือพระนิพพานได้สะดวก รวดเร็วง่ายกว่า ชีวิตฆาราวาส ปุถุชนธรรมดาทั่วไป ที่ต่างก็มีเครื่องผูกมัดมากมาย เป็นภาระเป็นกังวลต่างๆที่เปรียบเสมือนสินค้าที่บรรทุกไว้ในเรือจนเต็มลำ

   ชีวิตฆาราวาส อาจจะมีเหตุติดขัด ขัดข้อง เป็นอุปสรรค เป็นเครื่องกังวล มีเครื่องพันธนาการอยู่บ้าง แต่หากมีความเพียรเป็นที่ตั้งและปฏิบัติอย่างจริงจังแล้ว ก็ย่อมไปสู่ฝั่งฝัน คือ พระนิพพานอันเป็นบรมสุข ได้อย่างแน่นอน


๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐

น้อมบูชาคุณอดีตพระอาจารย์ผู้สอนวินัยมุขและวิปัสสนาธุระ ด้วยความเคารพยิ่ง.

 

506
เถรวาท กับ อาจาริยวาท และต้นกำเนิดพระไตรปิฎก

   ก่อนที่พระพุทธองค์จะเสด็จดับขันธปรินิพพาน พระอานนท์ได้ทูลถามว่า หากสิ้นพระพุทธองค์ไปแล้วจักตั้งใครเป็นศาสดาแทน พระพุทธองค์ตรัสตอบว่า ธรรมวินัยนั่นแหละ จักเป็นศาสดาแทนเรา สิกขาบทเล็กน้อยก็อนุญาตให้ถอนได้

   ครั้นเมื่อพระพุทธองค์เสด็จดับขันธปรินิพพานแล้ว พระมหากัสสปะและหมู่ภิกษุจำนวนหนึ่ง ยังไม่ทราบข่าวการปรินิพพานของพระพุทธองค์ ก็เที่ยวเดินจาริกไปพบชายผู้หนึ่ง ทัดดอกไม้สวรรค์ไว้ที่หู พระมหากัสสปะเมื่อเห็นดังนั้นก็คิดใคร่ครวญว่า ธรรมดาดอกไม้สวรรค์จะไม่ตกลงมาสู่โลกมนุษย์ แต่นี่คงเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นเป็นแน่ เมื่อสอบถามก็เลยได้ความว่าเก็บดอกไม้นี้มาจากสถานที่ที่พระพุทธเจ้าปรินิพพาน

   เมื่อทราบว่าพระพุทธเจ้าปรินิพพานแล้ว ภิกษุที่เป็นพระอริยบุคคลก็เกิดธรรมสังเวช หมู่ภิกษุที่ยังไม่ได้บรรลุคุณวิเศษใดๆ ก็ต่างร่ำไห้คร่ำครวญ แต่มีภิกษุอยู่รูปหนึ่ง ชื่อว่า สุภัททะ ได้กล่าวว่า ในเมื่อพระพุทธเจ้าปรินิพพานไปแล้ว เราก็จงทำตัวให้สบายเถิด เมื่อครั้งที่พระพระองค์ยังทรงพระชนม์ชีพอยู่ พวกเราก็ต่างได้รับความทุกข์ยากจากธรรมวินัยนี้เหลือเกิน เช่นนี้แล้วพวกท่าจงทำตามความชอบใจเถิด

   พระมหากัสสปะเถระ ได้ฟังดังนั้นแล้ว ก็เกิดธรรมสังเวช เห็นว่าพระพุทธองค์เสด็จดับขันธปรินิพพานได้เพียงไม่กี่วัน ยังมีคนกล่าวจาบจ้วงพระวินัยถึงเพียงนี้ จึงดำริจะทำสังคายนา รวบรวมพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธองค์ไว้ให้เป็นหมวดหมู่ เพื่อเป็นแบบแผนเดียวกัน

   จึงได้นิมนต์พระภิกษุผู้เป็นพระอรหันต์หมดกิเลสโดยสิ้นเชิงแล้วจำนวน ๔๙๙ รูป และพระอานนท์ผู้เป็นพระเสขะ(พระโสดาบัน)ที่ได้ใกล้ชิด และทรงจำธรรมวินัยจากพระพุทธองค์มากที่สุดรูปหนึ่ง ให้มาร่วมทำสังคายนาธรรมวินัยนี้ด้วย และเมื่อวันเริ่มทำปฐมสังคายนาธรรมวินัยพอดี พระอานนท์ก็ได้เจริญภาวนาจนได้สำเร็จเป็นพระอรหันต์ สรุปว่า การทำสังคายนาธรรมวินัยครั้งแรกนี้ มีพระอรหันต์ร่วมทำทั้งหมด ๕๐๐ รูป โดยมีพระมหากัสสปะเถระเป็นประธาน

   รายละเอียดวิธีการ ก็จะให้พระอรหันต์ทั้ง ๕๐๐ รูปนั้นกล่าวในที่ประชุมว่า ตนเองฟังธรรม-วินัย จากพระพุทธองค์ว่าอย่างไรมาบ้าง และเบื้องต้นนั้น พระอานนท์ได้กล่าวในที่ประชุมว่า พระพุทธองค์ทรงอนุญาตให้ถอนสิกขาบทเล็กน้อยได้ แจ่พระมหากัสสปะเถระผู้เป็นประธาน ได้ให้มติว่าให้คงรักษาสิกขาบทในพระวินัยไว้ให้คงเดิม ไม่ให้มีการเปลี่ยนแปลง

   เมื่อพระอรหันต์ทั้ง ๕๐๐ รูป ได้แสดงธรรมวินัยตามที่ตนได้รับฟังจากพระพุืทธองค์ รวบรวมออกมาทั้งหมดได้ถึง ๘๔,๐๐๐ หัวข้อ วิธีการต่อไปก็คือ ให้พระอรหันต์ทั้ง ๕๐๐ รูปทั้งหมดนี้ สวดพร้อมกัน ตั้งแต่ข้อที่ ๑ จนถึงข้อที่ ๘๔,๐๐๐ พร้อมกันไม่ให้ขาดตก หากสวดผิดตกหล่นตรงไหนขึ้นมา ก็จะต้องกลับไปเริ่มสวดตั้งแต่ข้อที่ ๑ ใหม่ ทำอย่างนี้จนกว่าจะครบทั้ง ๘๔,๐๐๐ ข้อ จึงจะสำเร็จเป็นพระไตรปิฎกขึ้นมา ลองคิดดูเถิดว่า ความผิดพลาดจะเกิดขึ้นได้ไหม? หากเกิดความผิดพลาดขึ้นมาจริง ก็ต้องน้อยมากๆ ถึงมากที่สุด

   เมื่อทำปฐมสังคายนาสำเร็จแล้ว เหล่าภิกษุที่ปฏิบัติตามพระไตรปิฎกที่พระอรหันต์ทั้ง ๕๐๐ รูปได้ทำสังคายนาขึ้นนั้น จะเรียกว่า "นิกายเถรวาท" หมายถึง วาทะหรือคำพูดของพระเถระ เป็นการรักษาคำสอนดั้งเดิมของพระพุทธองค์ไว้ ประเทศไทยเราส่วนใหญ่ก็นิกายเถรวาทเช่นกัน

   ส่วนภิกษุอีกพวกที่เห็นว่า พระพุทธองค์ทรงอนุญาตให้ถอนสิกขาบทเล็กน้อยได้ ก็ไม่ปฏิบัติตามมติของพระเถระที่ทำสังคายนาพระไตรปิฎก จึงได้ถอนสิกขาบทออกไปบ้าง และก็ได้บัญญัติสิกขาบทเพิ่มเติมอีกมากมาย ให้เหมาะสมกับสภาพการณ์ ภิกษุที่ปฏิบัติตามแนวทางนี้จะเรียกว่า "นิกายอาจาริยวาท" หมายถึง วาทะหรือคำพูดของอาจารย์

   แต่ไม่ว่าจะนิกายใด เป้าหมายคือที่เดียวกัน คือพระนิพพานอันเป็นบรมสุข.

   

507
ผมก็อายุ16ปีผมอยากสักน้ำมันครับผมอยากช่วยเหลือคนที่อ่อนแอกว่าผมควรจะสักอะไรดีครับ ผมไม่ได้อยากสักตามแฟชั่นนะครับ
เมื่อก่อน ตอนรุ่นราวคราวเดียวกับคุณ อายุประมาณสัก ๑๕-๑๖ ปี ก็เคยคิดแบบคุณเช่นกัน

จำได้ว่าตอนนั้นไปหาหลวงพี่ติ่ง ท่านไม่สักให้ ท่านก็บอกว่า "ไว้เรียนจบค่อยมาสัก"

แม้ในคราวอุปสมบทครั้งแรกที่วัดบางพระ ความคิดนั้นก็ยังไม่เปลี่ยนไป

แต่พอได้มาอุปสมบทครั้งที่ ๒ ที่วัดน้อยเจริญสุข ได้ศึกษาภาคปริยัติ และลงมือปฏิบัติมากขึ้น

จึงทำให้ได้รู้เรื่องราวต่างๆมากขึ้น พิจารณาไตร่ตรองดูตามธรรม-วินัยแล้ว เห็นว่าไม่ใช่ทาง

ตอนนี้ผมอายุ ๒๒ ปี เรียนจบปริญญาตรีแล้วครับ กำลังศึกษาต่อปริญญาโทอยู่

และไม่เคยนึกคิดที่จะไปสักอีกเลย ถึงแม้จะเรียนจบแล้วก็ตาม

การช่วยเหลือคนเป็นสิ่งดี เป็นบุญกุศล ถือเป็นทาน เป็นการให้ชนิดหนึ่ง

แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดนั่นคือ การเป็นกัลยาณมิตร คอยชี้แนะ,ตักเตือน,ช่วยเหลือ,ให้กำัลังใจ ให้ผู้อื่น

ช่วยเหลือคนทั้งแรงกาย แรงใจ หรือชี้แนะแนวทางเพื่อไปสู่ความสุขในการดำรงชีวิตในเบื้องต้น

และเพื่อเป้่าหมายสูงสุดของพระพุทธศาสนา คือการละกิเลส พระนิพพานอันเป็นบรมสุขในเบื้องปลาย

ได้อานิสงส์ ได้ประโยชน์กว่ากันมหาศาล ดังพุทธพจน์ที่กล่าวไว้ว่า

“สพฺพทานํ ธมฺมทานํ ชินาติ”  แปลว่า "การให้ธรรมะเป็นทาน ชนะการให้ทั้งปวง"


๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐

"หันไปรอบทิศ ให้มีกัลยาณมิตรรอบตัว"


508
รบกวนท่านผู้รู้ไขข้อสงสัยครับ ข้อห้ามหลักของวัดบางพระเลยก็คือ ห้ามผิดลูกผิดเมีย ผมสงสัยว่า สำหรับคนที่แต่งงานแล้วคงหมายถึงการมีชู้ หรือภรรยาน้อย แต่ถ้ายังไม่มีก็จะเป็นการผิดลูกแทน(ยังไม่ได้แต่งงาน). แล้วที่ว่าผิดนี่หมายถึงการมีอะไรกันใช่หรือเปล่าครับ หรือแค่กอดกับหอม ก็ผิด รบกวนท่านผู้รู้ด้วยครับ

หากนำสิกขาบทในศีล๕ ข้อที่๓ มาใช้อธิบายประเด็นนี้

ก็จะหมายถึง "การไม่ล่วงประเวณีกับชายหญิงที่ไม่ใช่สามีภรรยาคู่ครองของตน

หลักในการพิจารณาจะดูที่องค์แห่งศีลข้อ ๓ หากผิดทุกข้อนั่นแสดงว่าผิดศีล ศีลขาด

๑.เป็นชายหรือหญิงต้องห้าม

๒.มีจิตคิดจะเสพ

๓.เพียรพยายามเพื่อเสพ

๔.ได้เสพลงไป(มีเพศสัมพันธ์และรวมถึงมรรคจรดมรรค,ทวารทุกทวาร)

ลองนำหลักนี้ไปประกอบการพิจารณาดูครับ

ถ้าไม่ครบทุกข้อ ศีลก็ไม่ถึงกับขาด แต่จะด่าง จะพร้อย ไปตามลำดับ

กลับเข้ามาในประเด็น

อย่านำศีล ๕ ไปใช้ปฏิบัติเพื่อความขลังเถิดครับ จะเข้าข่าย"สีลลัพพตปรามาส"เสียเปล่าๆ.

509
ธรรมะ / ตอบ: การเกิดเป็นชาวพุทธ...
« เมื่อ: 25 ต.ค. 2554, 12:26:30 »
การถือกำเนิดเป็นมนุษย์นั้นเป็นของยาก!!

เปรียบเทียบโอกาสการได้เกิดเป็นมนุษย์...เหมือนเต่าตาบอดตัวนึงที่อาศัยอยู่ในมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ไพศาล

ทุกๆ๑๐๐ปี เต่าตาบอดตัวนี้จะโผล่หัวขึ้นพ้นน้ำสักครั้งนึง..ประกอบกับมีห่วงเล็กๆขนาดพอดีกับหัวเต่าล่องลอยอยู่ในมหาสมุทร...

โอกาสการเกิดเป็มนุษย์ตามที่มีกล่าวไว้ในทางพระพุทธศาสนากล่าวเปรียบเทียบไว้ว่า...

เมื่อเต่าตาบอดโผล่หัวขึ้นพ้นน้ำทุกๆ๑๐๐ปีและหัวที่โผล่พ้นน้ำมานั้นลอดช่องห่วงที่ล่องลอยกลางมหาสมุทรได้พอดี....

การได้เกิดมาเป็นมนุษย์จึงเกิดขึ้นได้ยากดังที่ได้กล่าวเปรียบเทียบมา...

๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐

เมื่อเิกิดมาเป็นมนุษย์แล้วโอกาสที่จะได้พานพบพระพุทธศาสนานั้นเป็นของยาก

เพราะอะไร?...ต้องสืบย้อนถอยหลังไปว่าการที่จะมีพระพุทธศาสนาได้นั้น..จะ้ต้องมีการบังเกิดขึ้นของพระพุทธเจ้าก่อน!!!

กว่าที่พระโพธิสัตว์จะสั่งสมบำเพ็ญบารมี๑๐ทัศจนแก่รอบ...ใช้เวลาทั้งสิ้น๔อสงไขยกับอีกแสนมหากัป(มีมาตราเปรียบเทียบลองค้นคว้าเพิ่มเติมดูครับ)

ซึ่งเป็นระยะเวลาที่ยาวนานมากๆ...จนพระชาติรองสุดท้ายไปบังเกิดเป็นท้าวสันตดุสิต..ปกครองสวรรค์ชั้นดุสิต...

จนกว่าเทวดาจะทูลเชิญให้ทรงจุติเพื่อไปปฏิสนธิเกิดในพระชาติสุดท้าย...โดยทรงพิจารณาจาก"ปัญจมหาวิโลกนะ"...

เมื่อประสูติแล้วก็ทรงบำเพ็ญเพียรจนได้บรรลุพระสัมมาสัมโพธิญาณ...ตรัสรู้ชอบเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า...

แล้วจึงบังเกิดมีพระสาวกเพื่อประกาศพระศาสนา...แล้วต้องผ่านระยะเวลายาวนานมากว่า๒๕๐๐ปี...เราจึงได้มาพานพบ!!!

ดังนั้น"การเิกิดมาเป็นมนุษย์แล้วโอกาสที่จะได้พานพบพระพุทธศาสนานั้นจึงกล่าวว่าเป็นของยาก"...

๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐

ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ประจวบกับได้พบพระพุทธศาสนาว่าเป็นของยากแล้ว....

แต่น้อยคนที่จะได้ศึกษาจะได้ปฏิบัติจนบังเกิดผลสำเร็จ(ปริยัติ,ปฏิบัติ,ปฏิเวธ)นี้จึงยากยิ่งกว่าอีก...

ฉะนั้น...จงใช้โยนิโสมนสิการพิจารณาดูเถิด...ว่าเราเป็นบุคคลที่โชคดีแค่ไหน...

ทั้งได้เกิดมาเป็นมุษย์ ได้พานพบพระพุทธศาสนา ได้มีธรรมะมากมายที่รอไว้ให้ศึกษา...

ตื่นเถิด...ผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็น"พุทธศาสนิกชน"ทั้งหลาย...

๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐

พระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งที่ระลึกอันสูงสุดของพวกเราทั้งหลาย..สิ่งอื่นที่จะเป็นที่พึ่งที่ระลึกยิ่งไปกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว...



510
ผมเผลอไปตีแมลงตายตัวนึง ของจะเสื่อมมั้ยคับ

หากนำเรื่องผิดศีลข้อ ๑ มาใช้อธิบายว่าของจะเสื่อมหรือไม่

ก็จะเข้าข่าย "สีลลัพพตปรามาส" ครับ :060:

511
ขอบพระคุณมากครับ กราบนมัสการพระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก วัดสุนันทวนาราม ด้วยความเคารพยิ่ง

อัตถะ แปลว่า ประโยชน์ แบ่งเป็น ๓

ทิฏฐธัมมิกัตถประโยชน์ - ประโยชน์ในปัจจุบัน

สัมปรายิกัตถประโยชน์ - ประโยชน์ในเบื้องหน้า

ปรมัตถประโยชน์ - ประโยชน์อย่างยิ่งคือนิพพาน

*ฝากให้กำลังใจสำหรับผู้ที่ประสงค์จะทำความดีแต่มีอุปสรรคมาขัดขวาง

คำว่า "อุปสรรค" มาจากคำว่า อุป(อ่านว่า อุ - ปะ)แปลว่า ประตู,หนทาง..และคำว่า สรรค(อ่านว่า สัก - คะ)แปลว่า สวรรค์

เมื่อรวมแล้ว "อุปสรรค" ก็จะหมายถึง หนทางหรือประตูสู่สวรรค์...

อุปสรรค จึงมิใช่สิ่งที่จะมากั้นขัดขวางการสร้างบุญทำความดี แต่แท้ที่จริงก็คือเครื่องทดสอบบารมีดีๆนี่เองครับ.


512
เก็บภาพมาให้ร่วมอนุโมทนานะครับ...











 :114: :114: :114: :114: :114: :114: :114: :114: :114: :114: :114: :114: :114: :114: :114:

513
ด้านหลังชี้ให้เห็นว่า ปี๑๗ พิมพ์ใหญ่ครับ แต่เนื้อดำ...

514
นำปริศนาคติธรรมพระมงคลเทพมุนีมาให้ลองไขดูครับ.

"ประกอบเหตุ สังเกตผล สนใจเถิด ประเสริฐนัก

ประกอบในเหตุ สังเกตในผล สนใจเข้าเถิด ประเสริฐดีนัก

ประกอบที่ในเหตุ สังเกตดูในผล สนใจหนักเข้าเถิด ประเสริฐดียิ่งนัก"

      "ขุดบ่อล่อธารา สู้อุตส่าห์ ขุดร่ำไป

      ขุดตื้นน้ำบ่มี ขุดถึงที่น้ำจึงไหล"

"เห็นสิบแล้วเห็นศูนย์ เป็นเค้ามูลสืบกันมา

เที่ยงแท้แน่นักหนา ตั้งอนิจจาเป็นอาจิณ

จุติแล้วปฏิสนธิ์ ย่อมเวียนวนอยู่ทั้งสิ้น

สังขาราไม่ยืนยิน ราคีสิ้นเป็นตัวมา"

      "พายเถอะนะเจ้าพาย

      ตลาดจะวาย สายบัวจะเน่า

      โซ่ไม่แก้ กุญแจไม่ไข

      จะไปกันได้อย่างไรละเจ้า"

"เกิดมาว่าจะมาหาแก้ว พบแล้วไม่กำจะเกิดมาทำไม

อ้ายที่อยากมันก็หลอก อ้ายที่หยอกมันก็ลวง ทำให้จิตเป็นห่วงเป็นใย

เลิกอยากลาหยอกรีบออกจากกาม เดินตามขันธ์๓เรื่อยไป

เสร็จกิจ๑๖ไม่ตกกันดาร เรียกว่านิพพานก็ได้"...


515

นำของหายากมาให้ชมครับ

พระท่ากระดานพิมพ์ใหญ่ หลวงพ่อสอน วัดทุ่งลาดหญ้า กาญจนบุรี

   หลวงพ่อสอน เป็นอาจารย์ของหลวงพ่อลำใย วัดทุ่งลาดหญ้า พระท่ากระดานของท่านนี้ นำเนื้อตะกั่วเก่าจากกรุศรีสวัสดิ์มาสร้าง

พบเห็นได้น้อยมากๆ ด้วยจำนวนการสร้างที่น้อย และประสบการณ์โดยเฉพาะในพื้นที่

หากรุเก่าหรือของหลวงพ่อนารถไม่ได้ ก็อย่าลืมของหลวงพ่อสอนท่านนะครับ.

516
ร่วมอนุโมทนา..ในโอกาสนี้ด้วยครับ สาธุ สาธุ อนุโมทามิ.

*รณรงค์ใช้ภาษาไทยให้ถูกต้อง.


518
ร่วมแจมครับลุงต้อ :001:

เหรียญรุ่นแรก หลวงปู่อั๊บ วัดท้องไทร ๒๕๐๙.



519
เก็บภาพงานบุญที่ได้ไปร่วมมาฝากเพื่อนสมาชิกกระดานสนทนาวัดบางพระได้ร่วมอนุโมทนากันครับ :001:

มารับบุญที่วัดพระปฐมเจดีย์ราชวรมหาวิหาร เขตสังฆาวาส ภายในหอสมุดวัดพระปฐมเจดีย์.




ด้านใน พี่ๆในวัดช่วยกันคัดแยกสิ่งของที่ได้รับบริจาคช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม
ผมกับครอบครัวได้ร่วมถวายเครื่องอุปโภคบริโภคจำนวนหนึ่งกับท่านพระมหารุ่งไว้ให้ไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยด้วยครับ






อีกบุญที่ได้ร่วมก็คือ ผ้าป่าสามัคคีบูรณะตึกสงฆ์อาพาธ โรงพยาบาลศูนย์นครปฐม โดยคณะสงฆ์ทุกวัดในจังหวัดนครปฐมและประชาชนทั่วไป
(ทอดไปแล้วเมื่อวันพุธที่ ๕ ตุลาคม ๒๕๕๔ ณ ศาลากองอำนวยการวัดพระปฐมเจดีย์ เวลา ๑๔.๐๐น.) ได้ร่วมสบทบทุนไปจำนวนหนึ่งครับ







มงคลวัตถุบางส่วนที่ได้รับไว้เป็นที่ระลึกถึงบุญครั้งนี้ครับ




นำภาพบุญมาฝากเพื่อนสมาชิกกระดานสนทนาวัดบางพระให้ได้ร่วมอนุโมทนากันทุกท่านเลยนะครับ สาธุ สาธุ อนุโมทามิ.

 :114: :114: :114: :114: :114: :114: :114: :114: :114: :114: :114: :114: :114: :114: :114: :114: :114: :114: :114:

520
จากกระทู้นี้ - http://www.bp.or.th/webboard/index.php?topic=9438 ของคุณลุงหอมเชียง

มาวันนี้นำออกมาแบ่งชมกันได้แล้วครับ :001:





เฑาะว์มหาพรหม


 :114: :114: :114: :114: :114: :114: :114: :114: :114:

521
เหรียญแรกซ้ายมือไม่ดี เหรียญสองตรงกลางดี เหรียญสามขวาสุดไม่ดี

ขอบคุณพี่เจมส์มากครับสำหรับความรู้ที่แบ่งปันให้กันเสมอมา :001:

522




เหรียญเสมาเสือคู่ หลวงพ่อเปิ่น วัดบางพระ ปี ๒๕๒๘ เนื้อทองคำ

สมัยนั้นร่วมบุญกับทางวัด ๕,๐๐๐ บาท สั่งจองไว้แล้วจะได้รับเหรียญทองคำนี้ ๑ เหรียญ

นำมาแบ่งปันกันชม...รอวาสนากันต่อไปขอรับ............................... :001:

523
พระครูภาวนาปัญญาดิลก(หลวงปู่พระมหาเจิม ปญฺญาพโล)วัดสระมงคล อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม
๑ ในพระอริยสงฆ์ที่หลวงตามหาบัวได้กล่าวไว้ว่าเป็นพระอรหันต์ที่ยังดำรงค์ขันธ์อยู่ในปัจจุบันนี้?



ประวัติหลวงปู่พระมหาเจิม ปญฺญาพโล

สำหรับชาติภูมิหลวงปู่มหาเจิม ชื่อเดิม เจิม วรรณโมฬี เกิดเมื่อวันที่ ๑๒ ตุลาคม ๒๔๕๙ ตรงกับแรม ๑ ค่ำ เดือน ๑๑ ณ บ้านหนองแหน ต.เมืองใหม่ อ.ราชสาส์น จ.ฉะเชิงเทรา บิดาชื่อ นายหรุ่น วรรณโมฬี มารดาชื่อ นางม้วน วรรณโมฬี มีพี่น้อง ๖ คน ทุกคนเสียชีวิตหมดแล้ว

บรรพชาที่วัดแสนภุมมาวาส กับหลวงพ่อทอง ต่อมาได้ญัตติเป็นธรรมยุต กับเจ้าคุณอุบาลี คุณูปมาจารย์ (จันทร์ สิริจันโท) วัดบรมนิวาส กทม. อุปสมบท ณ วัดบรมนิวาส โดยมี พระพรหมมุนี (ติสฺโส อ้วน) เป็นพระอุปัชฌาย์ พระครูพินิจ วิหารการ (ขำ) เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระครูวินัยธรดำ เป็นพระอนุสาวนาจารย์

หลวงปู่มหาเจิม เป็นพระผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ในสายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต และหลวงปู่เจิมท่านเคร่งครัด ในธรรมวินัย เป็นที่สุด พูดน้อย พูดแต่ความจริง ไม่พูดเล่น เป็นผู้รักสันโดษ ไม่ยินดีในลาภยศ สรรเสริญ ท่านสละ ไม่ยอมรับแม้ตำแหน่งเจ้าคณะจังหวัด ลูกศิษย์ถามว่า ทำไมหลวงปู่ไม่ไปอยู่ภาคอีสาน จะได้โด่งดังเหมือนกับพระคณาจารย์อื่นๆ ท่านตอบว่า เราไม่อยากดัง มาอยู่ตรงนี้ก็ดีแล้ว จะได้ใช้กรรมให้หมดไป


ประวัติที่ 2 ของหลวงปู่
ชีวประวัติหลวงปู่มหาเจิม ปญฺญาพโล


หลวงปู่มหาเจิม นามเดิม เจิม วรรณโมฬี เกิดที่บ้านหนองแหน ต.เมืองใหม่ อ.พนมสารคาม(ปัจจุบันเป็น อ.ราชสาสน์) จ.ฉะเชิงเทรา เมื่อวันที่ ๑๒ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๕๙ ตรงกับวันแรม ๑ ค่ำ เดือน ๑๑ ปีมะโรง บิดามีนามว่า นายหรุ่น วรรณโมฬี มารดามีนามว่า นางม้วน วรรณโมฬี มีพี่น้องทั้งหมด ๖ คน เป็นผู้ชาย ๔ คน ผู้หญิง ๒ คน ได้เสียชีวิตแล้วทั้งหมด ๕ คน ที่มีชีวิตอยู่ปัจจุบันเหลือหลวงปู่เพียงองค์เดียว

การศึกษาของหลวงปู่ในวัยเด็กต้องศึกษากับวัดที่อยู่ใกล้บ้าน โดยเรียนหนังสือมูลบทบรรพกิจของพระยาศรีสุนทรโวหาร (น้อย อาจารยางกูร) พออ่านออกเขียนได้เท่านั้น เพราะยังไม่มีโรงเรียนประชาบาลตั้งอยู่ในวัดสมัยนั้น และยังต้องย้ายออกจากบ้าน ห่างจากบิดามารดาและญาติพี่น้องมาอยู่ที่วัดตั้งแต่อายุประมาณ ๘ ขวบ

หลวงปู่ได้บรรพชาเป็นสามเฌร เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๗๐ อายุได้ ๑๒ ขวบ กับหลวงพ่อทองซึ่งเป็นเจ้าอาวาสวัดแสนภุมมาวาส และได้อยู่กับท่าน ๑ พรรษา ในปี พ.ศ. ๒๔๗๑ หลวงปู่ได้เดินทางเข้ามาในกรุงเทพฯ และมาอยู่ที่วัดบรมนิวาส ถนนรองเมือง เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร โดยคุณย่าอิ่ม รัดสกุล เป็นผู้นำมาฝากฝังกับท่านเจ้าคุณพระอุบาลีคุณูปมาจารย์ (จันทร์ สิริจันโท) และได้ญัตติเป็นธรรมยุต กับท่านเจ้าคุณพระอุบาลีคุณูปมาจารย์ อีกด้วย

การศึกษาบาลีและนักธรรม ได้เริ่มศึกษาเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๗๑ หลวงปู่สอบบาลีไวยากรณ์ได้ที่ ๔ เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๗๒ และ ในปี พ.ศ. ๒๔๗๗ สอบได้นักธรรมเอก และหลวงปู่ยังสามารถสอบได้เปรียญธรรม ๕ ประโยค ได้ในปีเดียวกัน

เมื่อหลวงปู่อายุครบ ๒๐ ปี บริบูรณ์ จึงได้เข้าพิธีอุปสมบทเป็นพระภิกษุ เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๘๐ ณ พระอุโบสถวัดบรมนิวาส โดยมีพระพรหมมุนี (ติสฺโส อ้วน) เป็นพระอุปัชฌาย์ พระครูพินิจ วิหารการ (ขำ) เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระครูวินัยธรดำ เป็นพระอนุสาวนาจารย์

ปี พ.ศ. ๒๔๘๔ หลวงปู่ได้ออกปฏิบัติ โดยเดินทางขึ้นสู่ภาคเหนือ ได้จำพรรษาที่วัดเจดีย์หลวง อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ๑ พรรษา

ปี พ.ศ. ๒๔๘๒-พ.ศ. ๒๔๘๗ จำพรรษาที่วัดป่าโรงธรรมสามัคคี อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่

ปี พ.ศ. ๒๔๘๘ จำพรรษาที่วัดทิพย์วนาราม อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่

ปี พ.ศ. ๒๔๘๙ ได้กลับมาจำพรรษาที่ วัดป่าโรงธรรมสามัคคี อีกครั้ง

ปี พ.ศ. ๒๔๙๐ ลงมาอยู่ภาคกลาง ได้ลงไปจำพรรษาที่อ่าวยาง จ.จันทบุรี เพียงรูปเดียว

ปี พ.ศ. ๒๔๙๑ ได้ไปจำพรรษาที่อ่าวหมู กับ พระอาจารย์น้อย เกตุโร อยู่ ๑ พรรษา และได้เดินทางลงไปจำพรรษาที่ปักษ์ใต้ โดยได้ไปอยู่กับหลวงปู่เทสก์ เทสรังสี (พระราชนิโรธรังสีคัมคีร์ปัญญาวิศิษฏ์) ที่จังหวัดภูเก็ต

ปี พ.ศ. ๒๔๙๕ จำพรรษาที่อ่าวลึก จ.กระบี่ กับอาจารย์พรหมมา

ปี พ.ศ. ๒๔๙๖-พ.ศ. ๒๔๙๘ ได้อยูจำพรรษาที่คลองช่องลม อ.อ่าวลึก จ.กระบี่

ปี พ.ศ. ๒๔๙๙ กลับมาจำพรรษาที่วัดแสนภุมมาวาส อันเป็นบ้านเกิด เพื่อเยี่ยมโปรดโยมบิดา โยมมารดา

ปี พ.ศ. ๒๕๐๐ กลับลงไปภาวนาที่ภาคใต้อีกครั้ง โดยจำพรราที่อ่าวลึก จ.กระบี่ ได้ ๑ พรรษา

ปี พ.ศ. ๒๕๐๓ จำพรรษาที่วัดอรัญญบรรพต จ.หนองคาย กับหลวงปู่เหรียญ วรลาโภ (พระสุธรรมคณาจารย์)

ปี พ.ศ. ๒๕๐๔-พ.ศ. ๒๕๐๗ จำพรรษาที่วัดเขาแก้ว จ.จันทบุรี

ปี พ.ศ. ๒๕๐๘-พ.ศ. ๒๕๑๗ จำพรรษาที่วัดป่าคลองกุ้ง จ.จันทบุรี

ปี พ.ศ. ๒๕๑๘ กลับไปวัดเขาช่องลม อ.อ่าวลึก จ.กระบี่อีกครั้ง และได้รับแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาส จนถึงปี พ.ศ. ๒๕๑๙-พ.ศ. ๒๕๓๑ และในระหว่างนั้นหลวงปู่ได้ปฏิเสธที่จะรับตำแหน่งเจ้าคณะจังหวัดกระบี่ และ พังงา

ต่อมาท่านได้มาอยู่ที่มูลนิธิพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ซอยจรัลสนิทวงค์ ๓๗ เขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร เพื่อรักษาอาการอาพาธ และมาพักอยู่กับหลวงปู่เจี๊ยะ จุนโท (พระครูสุทธิธรรมรังษี) ที่วัดป่าภูริทัตตปฏิปทาราม อ.สามโคก จ.ปทุมธานี

ปี พ.ศ. ๒๕๓๓-ปัจจุบัน หลวงปู่ได้รับอารธนานิมนต์มาเป็นประธานสงฆ์ วัดสระมงคล อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม ซึ่งเดิมมีพื้นที่เป็นป่าช้าเก่า

สหธรรมิกของท่านที่เคยอยู่ร่วมกันมามีมากมายหลายท่านเช่น หลวงปู่เทศน์ เทสก์รังษี ,หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ ,หลวงปู่สิม พุทธาจาโร ,หลวงปู่เจี๊ยะ จุนโท ,หลวงปู่มหาเนียม สุวโจ ,หลวงปู่จันทร์แรม เขมสิริ เป็นต้น

หลวงปู่ท่านเป็นพระที่ชอบสันโดษไม่หวังลาภยศใดๆ มีลูกศิษย์มาถามท่านว่าทำไมท่านไม่เทศน์บ้าง ท่านตอบว่า

ธรรมมีมากมาย พระเทศน์เก่งๆก็มีเยอะ แต่คนเอาธรรมไปใช้มีน้อย มีลูกศิษย์ท่านนึงขอธรรมะจากท่าน ท่านได้ให้ธรรมะสั้นๆ แต่ออกจากใจท่านแท้ๆ ท่านเขียนไว้ว่า "ปล่อยว่าง วางเบา เอาหนัก" ท่านบอกว่าใครทำได้ถึงตรงนี้พ้นทุกข์ได้แน่นอน...

...

ที่มา - ลานธรรมจักร ( http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=3421)
       - วัดป่ากรรมฐาน สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ( http://www.watpa.com/board_detail.asp?board_id=759 )   

524
ในปัจจุบันนี้มีการนำเรื่อง "บัว ๔ เหล่า" ไปใช้เปรียบเทียบเรื่องต่างๆ จนผิดความหมายเดิมที่แท้จริงไปมากขอรับ

ที่มาที่แท้จริงมีอยู่ว่า...

   เมื่อครั้งองค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสรู้ใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์ในวันเพ็ญ ๑๕ ค่ำ เดือน ๖ แล้ว พระพุทธองค์ทรงเสวยวิมุติสุขอยู่ ๗ สัปดาห์ด้วยกัน (๔๙ วัน)

   ครั้นเมื่อสัปดาห์ที่ ๗ ผ่านไป พระพุทธองค์ก็ทรงพิจารณาถึงธรรมที่ได้ตรัสรู้ว่าเป็นธรรมที่ละเอียดลึกซึ้งยิ่งนัก ยากแก่การเข้าใจสำหรับเวไนยสัตว์ เมื่อพระพุทธองค์ทรงพิจารณาได้เช่นนี้แล้ว พระทัยของพระพุทธองค์จึงน้อมไปในทางขวนขวายน้อย มิได้น้อมพระทัยไปในการเผยแผ่พระธรรมที่ทรงบรรลุแต่อย่างใด

   เมื่อนั้น ท้าวสหัมบดีพรหมทรงทราบความดำริและคิดปริวิตกว่าโลกจักฉิบหายเสียแล้ว จึงทูลอาราธนาให้พระพุทธองค์ทรงแสดงธรรมโปรดเวไนยสัตว์ (เรื่องนี้ ได้ปรับแปลงมาใช้กับพิธีกรรมการแสดงธรรมในปัจจุบัน คือ เมื่อจะอาราธนาพระภิกษุให้แสดงธรรม ก็จะกล่าวถึงท้าวสหัมบดีพรหม ที่ได้ทูลอาราธนาให้พระพุทธองค์แสดงธรรม มีมาในบทสวดอาราธนาธรรมว่า "พรหมมา จะโลกาธิปะตี สะหัมปะตี กัตอัญชะลี อันธิวรัง อะยาจะถะ สันตีธะ สัตตาป ปะระชัก ขะชาติกา เทเสตุ ธัมมัง อุนะกัมปิมัง ปะชัง ฯ")

   พระพุทธองค์จึงทรงพิจารณาถึงอุึปนิสัยของเวไนยสัตว์ที่แตกต่างกันไป ผู้มีธุลีในจักษุน้อย ถ้าไม่ได้ฟังธรรมอาจเสื่อมจากคุณวิเศษได้ และทรงเปรียบเทียบอุปนิสัยของเวไนยสัตว์ที่จะสามารถบรรลุธรรมได้กับดอกบัว ๔ เหล่า กล่าวคือ

   ๑.อุคฆฏิตัญญู คือ ผู้ที่เข้าใจได้เร็วพลัน เพียงยกหัวข้อธรรมขึ้นแสดง ก็สามารถตรัสรู้ได้เลย เปรียบเสมือนดอกบัวที่โผล่พ้นน้ำ พอถูกแสงอาทิตย์ก็เบ่งบานได้ทันที

   ๒.วิปจิตัญญู คือ ผู้ที่จะรู้และจะเข้าใจได้ ก็ต่อเมื่อท่านอธิบายขยายเนื้อความจึงจะรู้แจ้ง เปรียบเสมือนดอกบัวที่โผล่ขึ้นมาเสมอผิวน้ำ พร้อมจะเบ่งบานในวันรุ่งขึ้น

   ๓.เนยยะ (อ่านว่า ไน - ยะ) คือ ผู้ที่ต้องพร่ำสอนอยู่บ่อยๆ จึงจะเข้าใจได้ เปรียบเสมือนดอกบัวที่อยู่ใต้น้ำ พร้อมที่จะบานในวันต่อ ๆ ไป

   ๔.ปทปรมะ คือ ผู้ที่ด้อยปัญญาจดจำได้เฉพาะตัวบทธรรมเท่านั้น ไม่สามารถที่จะเข้าใจเห็นแจ้งในธรรม พร่ำสอนไปก็เป็นเพียงให้เป็นอุปนิสัยปัจจัยในภพต่อไป เปรียบเสมือนดอกบัวที่มีโรค และจมอยู่ในโคลนตม ไม่มีแม้แต่โอกาสที่จะโผล่ขึ้นมาเบ่งบานได้ ต้องเป็นอาหารของเต่าและปลาไปในที่สุด

   ทั้งหมดนี้ เรียกว่า "เทศนาธิษฐาน" คือ การที่พระพุทธองค์ทรงอธิษฐานเพื่อที่จะทรงเผยแผ่สั่งสอนเหล่าเวไนยสัตว์นั่นเอง

ท้าวสหัมบดีพรหม ทรงอ้อนวอนทูลอาราธนาให้พระพุทธองค์ทรงแสดงธรรมโปรดเหล่าเวไนยสัตว์ถึง ๓ ครั้ง พระพุทธองค์จึงทรงรับอาราธนา

   ต่อจากนั้น พระพุทธองค์จึงทรงทำ "อายุสังขาราธิษฐาน" คือ ทรงตั้งพระพุทธปณิธานว่า จะทรงดำรงค์พระชนมายุอยู่ ตราบเท่าที่จะได้ประกาศพระศาสนาให้แพร่หลายประดิษฐานพระศาสนาไว้อย่างมั่นคง ( อยากเล่าต่อแต่จะออกนอกประเด็นที่เกริ่นนำข้างต้นไป ขอจบพุทธประวัติคร่าวๆไว้เพียงเท่านี้ก่อนขอรับ)

   สรุป - บัว ๔ เหล่า มีที่มาในพุทธประวัติ โดยพระพุทธองค์ทรงใช้เปรียบเทียบกับอุปนิสัยของเหล่าเวไนยสัตว์ที่จะสามารถบรรลุธรรม (บุรุษ ๔ คู่ เรียงตัวได้ ๘ บุรุษ คือ ๑.พระโสดาปัตติมรรค ๒.พระโสดาปัตติผล ๓.พระสกทาคามิมรรค ๔.พระสกทาคามิผล ๕.พระอนาคามิมรรค ๖.พระอนาคามิผล ๗.พระอรหัตตมรรค ๘.พระอรหัตตผล )ได้ขอรับ.

525
กราบนมัสการหลวงพี่เก่งขอรับ

นกฺขตฺตํ ปฏิมาเนนฺตํ      อตฺโถ พาลํ อุปจฺจคา

อตฺโถ อตฺถสฺส นกฺขตฺตํ   กึ กริสฺสนฺติ ตารกา.

   ประโยชน์ได้ล่วงเลยคนเขลาผู้มัวถือฤกษ์อยู่, ประโยชน์เป็นฤกษ์ของประโยชน์ ดวงดาวจักทำอะไรได้ (โพธิสตฺต) ขุ. ชา. เอก ๒๗/๑๖.

526
ภาพเมื่อช่วงเช้าวันจันทร์ที่ ๑๒ กันยายน ๒๕๕๔ ครับ



**ภาพรวมของวัดบางพระยังปกติ ส่วนที่หนักก็น่าจะเป็นวัดโคกปูนครับ.


527
เหรียญรุ่นแรก หลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม


ตอนนี้ที่เหลือไว้...


นำมาแบ่งปันกันชมนะครับ :001:

528
พระบูชาหลวงปู่หิ่ม วัดบางพระ


พระบูชาหลวงพ่อไสว วัดปรีดามราม


พระบูชาหลวงพ่อพูล วัดไผ่ล้อมรุ่นแรก


พระบูชาหลวงพ่อโสธรปี๐๙


พระบูชาหลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว


พระบูชาหลวงพ่อเปิ่น วัดบางพระ


พระบูชาหลวงปู่ดี วัดสุวรรณ


พระบูชาหลวงพ่อเต้า วัดเกาะวังไทรรุ่นแรก


ปิดท้ายที่ภาพขนาดบูชาหลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว


*คืนนี้ฝันดีราตรีสวัสดิ์หลับในอู่ทะเลบุญกันทุกท่านนะครับ :061:

529


  สวยจังครับ พุทธคุณเต็มๆ ไม่ทราบว่าเก็บไว้ให้พี่บูชาบ้างไหมครับ  :095: :095:


                                                                                          ขอบคุณครับ


                                                                                          คนรักษ์พระ
สำหรับพี่เจมส์ได้เสมอครับ :001:

530


พระปิดตาผงเมตตา หลวงพ่อแช่ม วัดดอนยายหอม จ.นครปฐม

สร้างปี ๒๕๒๗ จำนวนน้อย(บ้างก็ว่าเท่ากับปี พ.ศ.) โดยหลวงพ่อแช่มได้นำว่านที่มีความเชื่อเกี่ยวกับทางเมตตา,เสน่ห์ บวกกับผงเก่าหลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม มาเป็นส่วนผสมจำนวนมาก จนผู้ที่นำไปบูชาเกิดประสบการณ์ต่างๆมากมาย ถึงขนาดเรียกขานกันว่า "พระปิดตาหลวงพ่อแก้ว ๒"

นำมาแบ่งปันกันชมครับ :001:

531


นำมาสอบถามความเห็นครับ ว่าใช่พระพิมพ์ของหลวงปู่หิ่ม วัดบางพระหรือเปล่าครับ?

ขอบคุณทุกท่านล่วงหน้านะครับ :001:

ปล.วัดโคกปูนตอนนี้เป็นอย่างไรบ้างครับ ได้ข่าวว่าน้ำถึงกำแพงวัดแล้ว :075:

532
ถ้าเกิดเราคบผู้หญิงคนนึงโดยที่ผู้หญิงคนนั้นมาหลอกเราว่ายังไม่มีแฟนแล้วเราคบกับเค้า มีอะไรกันโดยไม่รู้ แล้วเรามารู้ทีหลังเราจะผิดไหมครับ
ผมไม่ค่อยสบายใจเลย เนื่องจากแฟนเก่ามาคบกับผมหลอกว่าไม่มีแฟน พอคบไปได้พักนึง มีอะไรกันแล้วนะครับ เค้าก็มายอมรับว่าเค้ามีแฟนแล้วเราจะผิดมากไหมครับแล้วของที่สักมาจะเสื่อมไหมครับ
นำหลักธรรมทางพระพุทธศาสนามาอธิบายนะครับ

   ขอนำเรื่องศีล ๕ ข้อที่ ๓ "กาเมสุมิจฉาจาร" มาใช้ในการพิจารณานะครับ

ศีลข้อที่ ๓ "กาเมสุมิจฉาจาร" หมายเอาถึง ห้ามประพฤติผิดในกาม ในบุคคลต้องห้ามหรือนอกเหนือจากภรรยาของตน ภาษาคนทั่วไปก็จะเรียกว่า "ห้ามผิดลูกผิดเมียผู้อื่น"

ประเด็นที่น่าสนใจคือ "บุคคลต้องห้าม" ใช่ว่าจะหมายถึงห้ามล่วงประเวณีกับภรรยาของคนอื่นเท่านั้น แต่ยังหมายรวมเอาถึง "บุคคลที่ยังมีผู้ปกครองอยู่ด้วย" หรือ "ยังอยู่ในความปกครองของคนอื่นอยู่ ยังปกครองตนเองไม่ได้" (ก็ต้องยอมรับและเข้าใจว่าทุกคนย่อมมีบุพการี มีบิดามารดา ที่เป็นผู้ปกครองของตน) ฉะนั้นหากยังไม่ได้แต่งงานหรือยังไม่ได้รับอนุญาตจากผู้ปกครองของคนนั้นก่อนแล้วไปล่วงประเวณีด้วย ก็ถือว่าผิดศีลเช่นกันครับ

หลักในการพิจารณาว่าผิดศีล ข้อ ๓ หรือไม่ มีองค์ประกอบทั้งหมด ๔ อย่างด้วยกันดังนี้

๑.เป็นวัตถุที่ไม่ควรเสพกาม(คือเป็นบุคคลต้องห้ามคือมิใช่ภรรยาของตน,เป็นคนมีผู้ปกครองอยู่)

๒.มีจิตคิดจะเสพกาม

๓.เพียรพยายามเพื่อจะเสพกาม

๔.ยังมัคให้ถึงมัค(หมายเอาถึงองค์กำเนิดเข้าในช่องสังวาส เพียงแค่จรดหรือแตะกันเท่านั้นก็จะจัดว่าศีลขาด)


***ประโยชน์ที่แท้จริงของการรักษาศีล คือ เพื่อละกิเลส***

533
รวมสมาชิก (มิตรไมตรี) / ตอบ: ศิล 5
« เมื่อ: 08 ก.ย. 2554, 07:02:24 »
คือผมอยากทราบครับว่า  
ห้าฆ่าสัตว์ นี่ ตบยุงก็ไม่ได้ใช่ไหมครับ (ผิดศิลเลยรึเปล่าครับ)
แล้วคนที่เค้าเลิกกินเนื้อสัตว์ใหญ่นี่เพราะอะไรครับ
คือในความคิดผม ศิล5 ไม่ได้ห้าม ผมเลยกินทุกเนื้อเลย แหะๆ จะผิดอะไรไหมครับ

ประเด็นแรกเรื่องศีลข้อ ๑ ว่าการตบยุงผิดศีลข้อ ๑ หรือเปล่า?

หลักในการพิจารณาว่าผิดศีลข้อที่ ๑ (ปาณาติบาต) หรือไม่นั้น ต้องดูว่าครบองค์ประกอบทั้ง ๕ ข้อหรือเปล่า หากพิจารณาดูแล้ว ครบทั้ง ๕ ข้อ จึงจะเรียกว่าผิดศีลข้อที่ ๑ ครับ มีดังนี้

๑.เป็นสิ่งมีชีวิต

๒.รู้ว่าสิ่งนั้นมีชีวิต

๓.มีจิตคิดจะฆ่า

๔.พยายามฆ่าลงไป

๕.สัตว์นั้นตายเพราะความพยายามของเรา


   หากครอบองค์ประกอบทั้ง ๕ ข้อนี้ ถึงจะเรียกว่าผิดศีล(ศีลขาด) "หากมีแค่ ๔ ข้อ จะเรียกศีลทะลุ", "หากมีแค่ ๓ ข้อจะเรียกว่าศีลด่างศีลพร้อย" ไปตามลำดับ เห็นไหมครับว่าการที่จะผิดศีลได้แต่ละข้อมันยากมาก!!!

   เมื่อลองนำมาเทียบกับกรณีของคุณ"danucha0710 "เกี่ยวกับการตบยุงว่าผิดศีลหรือเปล่า ก็นำองค์แห่งศีลข้อ ๑ พิจารณาไปตามลำดับดังนี้

๑.เป็นสิ่งมีชีวิต - โดยธรรมชาติยุงจัดเป็นสิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่ง

๒.รู้ว่าเป็นสิ่งมีชีวิต - เราเอง(ทุกคน)ก็ต่างรู้ทั่วกันว่ายุงเป็นสิ่งมีชีวิต

๓.มีจิตคิดจะฆ่า - เราเองมีจิตคิดจะฆ่ามันหรือเปล่า?(คิดจะตบยุง)

๔.พยายามฆ่าสัตว์นั้น - ตรงนี้ก็คืออาการกิริยาตบยุง

๕.สัตว์นั้นตายเพราะความพยายามของเรา - ยุงนั้นตายเพราะการตบของเรา

   เมื่อพิจารณาดูแล้วก็จะเห็นว่าครบองค์ประกอบทุกข้อ จึงสรุปได้ว่า"ผิดศีลข้อที่ ๑"ครับ

ประเด็นถัดมาเรื่องไม่กินสัตว์ใหญ่เพราะอะไรกัน?แล้วถ้ากินไปจะผิดอะไรไหม?

   ที่ไม่กินสัตว์ใหญ่อาจจะมีคตินิยมของพราหมณ์เข้ามาเกี่ยวข้อง กล่าวคือ ศาสนาพราหมณ์บูชาวัวว่าเป็นสัตว์ของพระผู้เป็นเจ้า จึงไม่นิยมนำมากิน เป็นต้น อิทธิพลของศาสนาพราหมณ์ได้เข้ามาผสมผสานกับพระพุทธศาสนาในไทยเป็นอย่างมาก เริ่มต้นเข้ามาบทบาทเกี่ยวกับการปกครอง ที่เห็นได้ชัดก็คือพระราชพิธีเกี่ยวกับพระมหากษัตริย์ของไทยตั้งแต่สมัยสุโขทัย(เริ่มเด่นชัดในสมัยอยุธยา)เรื่อยมาจนถึงรัตนโกสินทร์ในปัจจุบัน

   หรือในทางพระพุทธศาสนานิกาย"อาจาริยวาท"ก็จะมีพระโพธิสัตว์กวนอิม ใครนับถือก็จะไม่กินสัตว์ใหญ่ อาทิ เนื้อวัว เป็นต้นครับ

   ในฐานะที่เราเป็นพุทธศาสนิกชน(ในประเทศไทยส่วนใหญ่ นับถือพระพุทธศาสนานิกาย"เถรวาท") ก็นำหลักองค์ประกอบของการผิดศีลข้อที่ ๑ ทั้ง ๕ ข้อดังที่ได้กล่าวไว้ข้างต้นมาพิจารณาประกอบกันไปครับ(ในกรณีเราไปซื้อเนื้อมารับประทานนะครับ)

๑.เป็นสิ่งมีชีวิต - สัตว์ใหญ่ตามธรรมชาติเป็นสิ่งมีชีวิต (ใช่!)

๒.รู้ว่าเป็นสิ่งมีชีวิต - ทุกคนย่อมทราบอยู่แล้วว่าสัตว์ใหญ่เป็นสิ่งมีชีวิต (ใช่!)

๓.มีจิตคิดจะฆ่า - เราไปซื้อมาบริโภค ฉะนั้นเราจึงไม่มีจิตคิดจะฆ่า (ไม่ใช่!)

๔.พยายามฆ่าสัตว์นั้น - ในเมื่อเราไม่มีจิตคิดจะฆ่า แล้วจะเกิดมีพยายามฆ่าสัตว์ใหญ่นั้นตามมาได้อย่างไร (ไม่ใช่!)

๕.สัตว์นั้นตายเพราะความพยายามของเรา - จึงเห็นได้ชัดเจนว่า สัตว์ใหญ่นั้นไม่ได้ตายเพราะความพยายามของเราเป็นแน่ (ไม่ใช่!)

   ฉะนั้นจึงสรุปได้ว่า การกินสัตว์ใหญ่(ในกรณีไปซื้อเนื้อมาบริโภค)จึงไม่ผิดศีลข้อ ๑ ครับ

***และในพระไตรปิฎกยังมีการกล่าวถึงเรื่อง"เนื้อบริสุทธิ์"ไว้ต่างหากอีก ดังนี้คือ

เนื้อบริสุทธิ์ โดย ๓ ส่วน คือ

๑.ไม่ได้เห็น ๒.ไม่ได้ยิน ๓.ไม่ได้สงสัยว่าเขาฆ่ามาเพื่อเรา.***



534
บทความ บทกวี / มาสวดมนต์กันเถิด
« เมื่อ: 07 ก.ย. 2554, 01:25:30 »
มาสวดมนต์กันเถิด

การสวดมนต์มีที่มาจากไหน อย่างไร
   การสวดมนต์เริ่มต้นมาตั้งแต่สมัยพุทธกาล ซึ่งยังไม่มีการบันทึกคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นลายลักษณ์อักษร สมัยก่อนใช้วิธีการที่เรียกว่า “มุขปาฐะ” คือ การท่องจำ เวลาพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสสอนอะไรไว้ พระภิกษุก็จะท่องจำ แล้วบอกต่อ ๆ กันไป ดังนั้น การสวดมนต์ก็คือการสาธยายธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสสอนเอาไว้เป็นการมาทบทวน เพราะถ้าไม่ทบทวนบ่อย ๆ ก็จะลืม และถ้าเป็นหัวข้อธรรมที่สำคัญ ๆ ก็ยิ่งต้องท้องกันบ่อย ๆ ส่วนหัวข้อธรรมที่นาน ๆ จะใช้สักครั้ง ก็แบ่งหน้าที่กันว่าพระภิกษุรูปไหนจะท่องจำหัวข้อธรรมอะไร แต่ถ้าเป็นเรื่องหลัก ๆ เช่น คุณของพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ การพิจารณาความไม่เที่ยง อนันตา ความทุกข์ ฯลฯ ก็จะมีการทบทวนสม่ำเสมอ โดยแปลงมาเป็นการสวดมนต์ทำวัตร หรือเป็นบทสวดมนต์ของเด็ก ๆ ที่สวด “อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ ภะคะวา...” คือ ระลึกถึงพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ เป็นพื้นฐานสำคัญ


นอกจากเป็นพิธีกรรมทางศาสนาแล้ว การสวดมนต์มีประโยชน์อะไรบ้าง
   การสวดมนต์ถือว่าเป็นการเตรียมใจให้พร้อมเบื้องต้นสำหรับการทำสมาธิก็ว่าได้ วิถีชาวพุทธที่ประกอบด้วยทาน ศีล ภาวนา คำว่า “ภาวนา” คลุมทั้งสวดมนต์ ทั้งนั่งสมาธิอยู่ในตัว เพราะฉะนั้นการสวดมนต์ถือเป็นการภาวนาอย่างหนึ่ง มีอานิสงส์ทำให้ใจสงบ เป็นสมาธิ นี้ประการแรก
   ประการที่ ๒ การสวดมนต์เป็นทางมาแห่งบุญเรียกว่า ภาวนามัย คือบุญเกิดจากการทำภาวนา ใครก็ตามที่สวดมนต์บ่อย ๆ เวลาจะเจอเหตุร้ายก็จะแคล้วคลาดไป และสิ่งดี ๆ จะเกิดขึ้น โบราณบอกว่าเทวดาจะลงรักษา เพราะเทวดาเขาก็อยากได้บุญ แต่เขาอยู่ในภาวะที่เป็นกายละเอียด ทำบุญเองไม่สะดวก ดังนั้นถ้าเขาอยากได้บุญ เขาจะดูว่าใครทำความดี เขาจะลงรักษา พอลงรักษาแล้วเวลาคนนั้นไปทำความดี เขาจะได้ส่วนบุญด้วยในฐานะเป็นผู้สนับสนุน


สวดมนต์ยาวหรือสั้นได้บุญมากน้อยกว่ากันหรือไม่
   ไม่ถึงขนาดกำหนดว่าสั้นยาวแค่ไหนจะได้ผลเท่าไร ถ้าสวดมนต์สม่ำเสมอและสวดด้วยใจที่สงบบุญจะเกิด ยิ่งใสสงบมากเท่าไร บุญก็ยิ่งเกิดมากไปตามส่วน เด็กเล็ก ๆ ก็ให้หัดสวดสั้น ๆ ก่อน โตขึ้นก็สวดยาวขึ้น
   การสวดมนต์ยังเป็นการทบทวนคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าด้วย แต่ไม่ถึงขนาดว่าระหว่างสวดต้องคิดถึงคำสอนไปด้วย เน้นทำใจให้สงบ จะได้เป็นการระลึกถึงพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ ในระดับที่ลึกกว่า ไม่ต้องสวดไปด้วยและนึกว่าพระพุทธเจ้าเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ไปด้วย จะรบกวนความเป็นสมาธิ ให้สวดด้วยใจนิ่ง ๆ เพราะการที่ใจนิ่งแล้วสวดมนต์ ความซาบซึ้งในพระรัตนตรัยจะเกิดขึ้นอย่างเต็มที่


สวดโดยทราบความหมายกับไม่ทราบความหมายให้ผลแตกต่างกันไหม
   ถ้าทราบความหมายก็เป็นสิ่งที่ดี แต่ถ้าไม่ทราบความหมายก็อย่าคิดว่าไม่ได้ประโยชน์ หรือเวลาฟังพระสวด แม้เราไม่รู้ความหมาย แต่เราก็รู้ว่าท่านสวดบูชาพระรัตนตรัย แล้วก็มีนัยที่ดี ถ้าเราตั้งใจฟังคำสวดโดยทำใจนิ่ง ๆ สงบ ๆ เพียงเท่านี้บุญเกิดขึ้นอย่างมหาศาล พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงเปรียบว่า การทำใจให้สงบแม้เพียงช่วงสั้น ๆ เพียงแค่ช้างกระดิกหู งูแลบลิ้น อานิสงส์มหาศาลยิ่งกว่าสร้างโบสถ์สร้างวิหารอีก เพราะฉะนั้น เวลาที่เราสวดมนต์ หรือเวลาพระท่านสวดนานเป็นสิบ ๆ นาที ถ้าเราทำสมาธิแล้วฟังด้วยใจที่สงบ บุญมหาศาลเลย เวลามีการสวดมนต์ในงานใดก็ตาม ขอให้ตั้งใจฟัง พนมมือหลับตาทำใจนิ่ง ๆ อยู่ที่กลางท้อง ระลึกถึงพระรัตนตรัยเป็นที่ตั้ง แล้วก็ฟังไป อย่างนี้ถูกหลักวิชา บุญกุศลจะเกิดขึ้นกับเราอย่างมหาศาล อย่าว่าแต่คนเลย ในอดีตมีค้างคาวได้ฟังธรรม แม้ฟังไม่รู้เรื่อง แต่ฟังแล้วซาบซึ้ง สบายใจ มีความสุข อานิสงส์ฟังพระสาธยายธรรมทำให้ค้างคาวไปเกิดเป็นเทวดา แค่ค้างคาวส่งใจไปตามกระแสเสียงสวดมนต์ของพระ บุญยังส่งผลให้ไปเป็นเทพบุตร ฉะนั้นอย่าดูเบาการสวดมนต์ ถ้าเราสวดเองด้วยยิ่งได้บุญทับทวีคูณ


เป็นความจริงหรือไม่ที่ว่าถ้าแปลคำสวดมนต์แล้วจะทำให้ไม่ขลัง
   คงไม่ได้เกี่ยวกับขลังหรือไม่ขลัง แต่ภาษาบาลีเป็นภาษาที่เวลาสวดจังหวะจะเชื่อมต่อกันอย่างราบรื่น ถ้าจะสวดมนต์แปลสั้น ๆ ก็พอได้ แต่ถ้าแปลยาว ๆ สวดบาลียาวไปเลยทีเดียวดีกว่า จะช่วยการฝึกสมาธิของใจได้ดีกว่า เพราะจังหวะดีกว่าสวดคำแปลไปด้วย ยกเว้นบางบทสั้น ๆ ที่เราอยากจะรู้ความหมายจริง ๆ จะแถมบทแปลไปด้วยก็ได้ แต่ว่าโดยภาพรวม ถ้าเป็นภาษาบาลีน่าจะดี ไม่เกี่ยวกับความขลัง แต่เกี่ยวกับความราบรื่นของใจที่สงบและเป็นสมาธิ แต่อย่างไรก็ตาม จะแปลหรือไม่แปล สวดย่อมดีกว่าไม่สวด


มีนักวิจัยชาวตะวันตกวิจัยว่าการสวดมนต์ช่วยรักษาสุขภาพได้ เรื่องนี้จะอธิบายได้อย่างไรบ้าง
   คนเราประกอบด้วยกายกับใจ ทั้ง ๒ ส่วนส่งผลเนื่องกัน ถ้าตอนไหนเรามีเรื่องเครียด ไม่สบายใจ หลาย ๆ วันเข้าเรามีสิทธิ์ที่จะไม่สบายได้ เช่น ท้องอืด ท้องเฟ้อ นอนไม่หลับ มีโรคนั้นโรคนี้มา ถ้าตอนไหนรู้สึกสบายใจ อารมณ์ดี รู้สึกมีสิ่งดี ๆ เกิดขึ้นในชีวิต หน้าตาผิวพรรณจะสดใส กายกับใจจะส่งผลเนื่องกัน ขณะเดียวกันถ้าร่างกายไม่แข็งแรง ป่วยนาน ๆ ใจย่อมหดหู่ไปด้วย แต่ถ้าร่างกายแข็งแรง ใจเราจะมีโอกาสสดชื่นมากกว่าทั้ง ๒ ส่วนส่งผลซึ่งกันและกัน ทีนี้การสวดมนต์ทำให้เรานิ่งสงบและสบายใจ พอสบายใจ ใจที่ได้สมดุลย่อมนำไปสู่ภาวะร่างกายที่สมดุลด้วย จึงทำให้คนที่สุขภาพดีอยู่แล้วดียิ่งขึ้น ถ้าหากป่วยไข้ไม่สบายก็จะทุเลาลง


เรื่องของการสวดมนต์แต่ละศาสนาถ้าดูในแง่วิทยาศาสตร์ มีความเหมือนหรือต่างกันอย่างไรบ้าง
   มีการทดลองอันหนึ่งที่น่าสนใจ คือ มีนักวิทยาศาสตร์ญี่ปุ่นที่เชี่ยวชาญเรื่องน้ำ เขาทดลองเอาน้ำมาทำให้เย็นจนกระทั่งแข็งตัวจับเป็นผลึก แล้วทำให้เป็นแผ่นบาง ๆ จากนั้นรีบเอามาส่องกล้องจุลทรรศน์ดูว่าลักษณะผลึกน้ำเป็นอย่างไร แล้วเขาก็ทดลองนำน้ำจากแหล่งเดียวกันมาแยกเป็น ๒ ขวด แล้วพูดเพราะ ๆ กับน้ำขวดหนึ่ง อีกขวดหนึ่งพูดไม่ดีด้วย ใช้คำที่ร้าย ๆ เช่น แย่ เลว ปรากฏว่า ผลึกของน้ำแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ที่พูดเพราะ ๆ ด้วยเป็นผลึก ๖ เหลี่ยม สวยงาม แต่ที่พูดไม่ดีด้วย ผลึกของน้ำไม่เป็นรูปเลย ราวกับว่าน้ำนั้นหัวใจสลาย
   แม้แต่ข้าวก็เหมือนกัน หุงเสร็จเรียบร้อยแล้ว เอาไปใส่ขวดโหล ๒ ขวด ปิดฝาไว้ แล้วพูดขอบคุณข้าวในขวดแรก แต่กับอีกขวดหนึ่งพูดไม่มีด้วย พูดว่าไอ้โง่ทุกวัน ผ่านไปเพียงไม่กี่วัน ข้าวในขวดที่พูดเพราะ ๆ ด้วยมีสีเหลืองสวยงาม แต่อีกขวดเป็นสีดำ
   อีกภาพเป็นผลึกของน้ำจากเขื่อนฟูจิวาร่า ก่อนได้ฟังเสียงสวดมนต์ลักษณะของผลึกไม่เป็นรูปเลย แต่พอสวดมนต์ให้ฟังทุกวัน ปรากฏว่าผลึกมีรูปร่างสวยงาม นี่เป็นการทดลองวิทยาศาสตร์ซึ่งสามารถทำซ้ำได้ ทำกี่ทีก็เป็นอย่างนี้ ไม่ใช่ร้อย ๆ พัน ๆ ปี แล้วบังเอิญเกิดขึ้นทีหนึ่ง ถ้ามีใครกล้องจุลทรรศน์ก็สามารถทดลองอย่างนี้ได้
   นอกจากนี้ ยังพบว่าถ้าเปิดเพลงจังหวะต่าง ๆ ให้น้ำฟัง ลักษณะของผลึกน้ำก็จะเปลี่ยนไปตามจังหวะเพลง ถ้าเป็นเพลงคลาสสิคลักษณะผลึกก็ค่อนข้างจะสวยงาม ถ้าเป็นเพลงที่ก้าวร้าวรุนแรงเหมือนยุให้คนไปทำร้ายกัน ผลึกก็จะไม่เป็นรูปเลย


คนทั่ว ๆ ไป สวดมนต์ใส่น้ำ กับพระสงฆ์สวดมนต์ใส่น้ำ ผลึกน้ำจะมีความแตกต่างกันไหม
   ตรงนี้น่าสนใจ ถามว่า ข้าวก็ตาม น้ำก็ตาม มันรู้จักภาษาญี่ปุ่น ภาษาจีน ภาษาไทยด้วยหรือ ตอบว่าจริง ๆ แล้วไม่ใช่เรื่องภาษา แต่เป็นเรื่องของกระแสใจ ตอนที่เราพูดว่าขอบคุณ จะใช้ภาษาไหนก็ตาม กระแสใจที่ออกมาจะเป็นกระแสของความรู้สึกที่ดี แต่ถ้าพูดว่าไอ้โง่ แม้จะพูดในการทดลองก็ตาม กระแสใจเริ่มเปลี่ยนแล้ว พอกระแสด้านลบออกมาซ้ำ ๆ กันทุกวัน ก็จะส่งผลให้ข้าวและน้ำที่แม้ไม่รู้จักภาษาพูด แต่สามารถสัมผัสกระแสความรู้สึกที่ออกไปได้ ทำให้กระแสนั้นไปส่งผลต่อลำดับโครงสร้างโมเลกุลของน้ำ ส่งผลต่อการเจริญเติบโตของแบคทีเรียในข้าวได้
   ดังนั้น ถ้าเราสวดมนต์ทุกวันด้วยความดื่มด่ำซาบซึ้ง ก็จะมีคลื่นที่ดีออกมาจากภายในให้กับตัวเราเอง สิ่งดี ๆ ก็จะเกิดขึ้นในชีวิต เลือดหรือน้ำในตัวเราทั้งหมด ถ้านำไปส่องกล้องแล้วผลึกจะต้องสวยมาก ผิวพรรณวรรณะก็จะผ่องใส รูปร่างหน้าตาก็จะดีขึ้น เพราะฉะนั้นถ้าเราปรารถนาให้ตัวเรามีสุขภาพแข็งแรง มีความเบิกบานผ่องใสแล้วละก็ สวดมนต์เถิด เครื่องสำอางยี่ห้อไหนก็สู้ไม่ได้


ในแง่พระพุทธศาสนา การสวดมนต์มีอานิงสงส์อย่างไรบ้าง
   คำว่าอานิสงส์มีความหมายคล้าย ๆ กับคำว่าประโยชน์ พอเราสวดมนต์ใจเราก็จะสงบและเกิดกุศลขึ้นมาหล่อเลี้ยงใจ แล้วจะดึงดูดสิ่งดี ๆ ให้เกิดขึ้นในชีวิตของเรา และเป็นการทบทวนคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าด้วย ชีวิตเราจะดำเนินไปทางบวก สุขภาพแข็งแรง จิตใจเบิกบานผ่องใส หน้าที่การงานจะดี การเรียนและทุกอย่างจะดีไปเรื่อย ๆ
   มีเรื่องราวกล่าวไว้ในพระคัมภีร์ว่า มีเด็ก ๒ คนเป็นเพื่อนกัน อาศัยอยู่ในกรุงพาราณสี คนหนึ่งอยู่ในครอบครัวชาวพุทธที่มีสัมมาทิฐิ อีกคนหนึ่งอยู่ในครอบครัวมิจฉาทิฐิ เวลาแข่งเล่นกีฬาตีคลี เด็กคนแรกจะสวดมนต์ก่อนสั้น ๆ ว่า “นะโมพุทธายะ” แปลว่า ข้าพเจ้านอบน้อมแด่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า แต่อีกคนหนึ่งสวดบูชาพระพรหม เล่นกันทีไรเด็กคนแรกชนะตลอด จนเด็กคนหลังถามว่า เธอมีเคล็ดลับอะไร ทำไมชนะตลอด เด็กคนแรกก็เลยบอกว่า เธอต้องสวด “นะโมพุทธายะ” เด็กอีกคนไม่ได้รู้ถึงความสำคัญของคำว่า “นะโมพุทธายะ” แต่ก็สวด เพราะหวังว่าเวลาทำอะไรจะได้ประสบตวามสำเร็จ
   มีอยู่คราวหนึ่ง เด็กคนหลังตามพ่อไปตัดต้นไม้ในป่า โคที่เทียมเกวียนหนีไป พ่อเลยไปตามโคจนมืดแต่ก็ยังไม่กลับ เด็กชักกลัวเลยหลบไปนอนใต้เกวียน ในป่านั้นมียักษ์อยู่ ๒ ตน ตนหนึ่งไม่รังแกคน อีกตนเจอคนก็จะรังแก บางครั้งก็เอามาเป็นอาหาร ยักษ์ทั้งคู่เห็นเกวียนก็ด้อม ๆ มอง ๆ ดู ปรากฏว่าเจอเท้าเด็กโผล่ออกมา ยักษ์ใจร้ายบอกว่าโชคดีได้เด็กเป็นอาหารแล้ว ยักษ์ใจดีบอกว่าอย่าไปยุ่งเลย ไปหาผลไม้กินก็ได้ แต่ยักษ์ใจร้ายจะกินเด็ก เลยจับขาเด็กลากออกมา เด็กตกใจรีบท่อง “นะโมพุทธายะ” ท่องเท่านั้นเอง ยักษ์รู้สึกว่าร้อนเหมือนจับเหล็กเผาไฟแดง ๆ สะดุ้งคลายมือทันทีเลย และคิดว่า เด็กคนนี้มีบุญ ถ้าเราไปทำร้ายเขาสงสัยบาปเกิดแน่ ๆ เลยขอโทษเด็ก แล้วก็เชื่อมให้เด็กกับพ่อเจอกันและกลับบ้านด้วยความปลอดภัย อานิสงส์แค่สวดมนต์อย่างไม่รู้อีโหน่อีเหน่ สวดแค่สั้น ๆ บุญยังเกิดขึ้นอย่างนี้เลย คนโบราณท่านรู้หลักนี้ เวลาเกิดอะไรขึ้นจะอุทานว่า “คุณพระช่วย” คือนึกถึงพระรัตนตรัยก่อน ผูกใจไว้กับพระรัตนตรัยเลย เพราะรู้ว่าเป็นสิ่งที่ดี ถ้าเราจับหลักได้อย่างปู่ย่าตายาย ผลดีจะเกิดขึ้นกับเราอย่างไม่น่าเชื่อ


คนไม่ค่อยมีเวลา จะสวดมนต์ตอนไหนดี
   มีโยมอาจารย์คนหนึ่ง เขาสอนอยู่ที่คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เขานอนวันละ ๔ ชั่วโมง เที่ยงคืนถึงตี ๔ ทุกวัน ตลอดมา ๒๐ กว่าปี เขามีงานเยอะมาก ๆ ทั้งสอนหนังสือ ทำวิจัย ทำงานบ้านทุกอย่าง ดูแลทุกเรื่อง แต่เขาสวดมนต์วันหนึ่งได้เป็นร้อยจบ สวด “อิติปิ โส ภะคะวา อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ...” จบหนึ่งก็ราว ๓ นาที เวลาขึ้นรถไปมหาวิทยาลัยก็สวดมนต์ในใจไปเรื่อย ๆ ถ้าตอนไหนอยู่คนเดียวก็สวดเบา ๆ แทนที่จะปล่อยให้คิดฟุ้งซ่านเรื่องนั้นเรื่องนี้ สวดมนต์ไปเรื่อย ๆ นี่เป็นตัวอย่างว่างานเยอะก็สวดมนต์ได้
   เราเองในแต่ละวันมีเวลาที่ไร้สาระเยอะมาก ถ้าเอาเวลาเหล่านี้มาสวดมนต์ก็จะได้หลายรอบ แทนที่จะปล่อยใจไปคิดเรื่องอื่น อาบน้ำอยู่ก็สวดได้ไม่บาป เพราะการระลึกถึงพระรัตนตรัยคือการแสดงความเคารพ ล้างหน้า แปรงฟัน สวดได้หมด กินข้าวยังสวดได้เลย ทำอย่างนี้แล้วไม่มีคำพูดว่า ไม่มีเวลาสวดมนต์ ไม่มีเวลาปฏิบัติธรรม เพราะสามารถทำได้ในทุกอิริยาบถ


การสวดมนต์แบบออกเสียงกับไม่ออกเสียงอย่างไหนได้บุญมากกว่ากัน
   ถ้าสถานที่เหมาะสมสวดออกเสียงจะดีกว่า จะทำอะไรก็ตาม ถ้าอยู่ในใจก็แค่แรงระดับหนึ่ง ถ้าพูดออกมาแรงจะเพิ่มขึ้น ถ้าลงมือทำก็หนักขึ้นไปอีก อย่างเช่น คิดจะทำร้ายคนอื่นก็ส่งผลลัพธ์แค่ใจชักจะไม่ดี ถ้าพูดว่าฉันจะเล่นงานแก ผลจะหนักขึ้น แต่พอลงมือทำร้ายผลจะออกมาแรงที่สุด เพราะฉะนั้น การสวดมนต์ก็เหมือนกัน ออกเสียงดีกว่า
   อาตมาเคยมีประสบการณ์ตอนเรียนอยู่คณะแพทย์ฯ ปกติจะเป็นคนค่อนข้างอารมณ์ดี เพราะเข้าวัดตั้งแต่มัธยมปลาย แต่มีอยู่คราวหนึ่งเพื่อนไม่รักษาคำพูด ทำให้เสียหายมาก อาตมารู้สึกโกรธ เลยไปสวดมนต์ทำวัตรเช้า เสร็จแล้วก็เช็กใจตัวเองดู ปรากฏว่า ความโกรธหายไปประมาณ ๗๐-๘๐ เปอร์เซ็นต์ แต่ยังเหลืออีกตั้ง ๒๐-๓๐ เปอร์เซ้นต์ เลยเริ่มสวดใหม่อีก ๑ รอบ เช็คใจตัวเองดู ความโกรธหายไปประมาณ ๙๕ เปอร์เซ็นต์ เหลืออีกนิดหน่อย ปรากฏว่าพอเลิกสวดมนต์ เพื่อนที่ก่อเรื่องมาขอโทษโดยชวนไปเลี้ยงข้าว ตอนนั้นยิ้มออกแล้ว เพราะหายโกรธไป ๙๕ เปอร์เซ็นต์ แล้วทุกอย่างก็เลยดี
   เพราะฉะนั้น บ้านไหนแม่บ้านอยากให้พ่อบ้านกลับบ้านตรงเวลาและครอบครัวสงบ อบอุ่น ร่มเย็น ลองสวดมนต์ดู มีบ้านหนึ่งพ่อบ้านเลิกงานแล้วไม่ค่อยกลับบ้าน ทำให้มีปัญหาในครอบครัว แม่บ้านเลยไปกราบเรียนถามพระอาจารย์ว่าจะทำอย่างไรให้ดีขึ้น พระอาจารย์ให้พระเครื่องมาองค์นึง แล้วบอกว่า เวลาพ่อบ้านกลับบ้านให้แม่บ้านเอาพระขึ้นมาอมเลย จะมีเมตตามหานิยม แม่บ้านก็ทำตาม พอพ่อบ้านเปิดประตูรั้วปั๊บ เอาพระใส่ปากอมเลย พออมพระอยู่ในปากแล้วจะพูดไม่ถนัด ปกติแม่บ้านบ่นจนพ่อบ้านรำคาญ เลยไม่อยากจะกลับบ้าน พอเลิกบ่นพ่อบ้านก็รู้สึกสบายใจ บรรยากาศก็ดีขึ้น นี่แค่หยุดพูดในทางไม่ดีนะ แต่ถ้าเมื่อไหร่รวมพลังสวดมนต์ ทำความดีทั้งคุณพ่อ คุณแม่ และคุณลูก ผลคือบรรยากาศในบ้านจะอบอุ่นและสงบร่มเย็น ทุกอย่างจะดีขึ้นจากพลังเสียงสวดมนต์ของทุกคนในบ้าน


สำหรับผู้ที่เริ่มสวดมนต์จะเลือกสวดบทไหนดี
   ถ้าเป็นเด็ก ๆ ก็ให้สวด “อะระหัง สัมมา...” ที่เขาสวดหน้าเสาธงก่อนเข้าเรียน แล้วก็ต่อด้วย “นะโม ตัสสะ...” ถ้าขึ้นชั้นประถมปลายควรจะให้สวด “อิติปิ โส...” ได้แล้วถ้ามัธยมแล้ว อยากให้สวดมนต์ทำวัตรเช้า-เย็นให้ได้ ถ้าสวดไม่เป็นก็ให้เปิด DMC ดูก็ได้ ช่วงที่มีการสวดมนต์ทำวัตรเช้า-เย็น จะมีตัวหนังสือที่หน้าจอด้วย มีเสียงด้วย เราก็สวดไปพร้อม ๆ กันทุกวัน ไม่เกิน ๑ เดือน สวดได้ ไม่ยากเลย แล้วได้ผลดีมาก


...


ที่มา  –  วารสาร ”อยู่ในบุญ” ปีที่ ๙ ฉบับที่ ๑๐๗ เดือนกันยายน พ.ศ.๒๕๕๔ หน้า ๗๒

ข้อคิดรอบตัว
เรื่องโดย – พระมหาสมชาย ฐานวุฑฺโฒ (M.D.; Ph.D.)   

535
ศีล ๕ คือ คุณสมบัติวัดความเป็นมนุษย์ที่ปกติ ,ธรรมอันเป็นปกติของผู้เป็นมนุษย์

ศีลมีความหมายได้หลายนัย นัยยะหนึ่งที่น่าสนใจ ศีล หมายถึง "ปกติ"

คนมีศีลก็คือคนปกติ คนผิดศีลก็คือคนไม่ปกติ นั่นเอง

จะให้ผลในสองกาลคือ ผลในปัจจุบัน และผลที่จะเกิดหลังจากละอัตภาพ(ตาย)จากโลกนี้ไปแล้ว

***ประโยชน์ของศีลที่แท้จริงคือเพื่อกำจัดละกิเลส แต่หากนำศีลไปปฏิบัติอย่างงมงาย ถือศีลเพื่อเพิ่มกิเลสในตัวเรามากขึ้นอาทิว่าต้องรักษาศีลพรตแล้วจะขลังศักสิทธิ์จะไม่เสื่อม หรือรักษาศีลไปเพื่อยกข่มผู้อื่นว่าศีลเราบริสุทธิ์กว่า ทั้งหมดนี้จัดเข้าอยู่ใน"สีลัพพตปรามาส"ทั้งสิ้น(เป็น๑ในสังโยชน์๑๐ประการหมายถึงเป็นกิเลสเครื่องผูกมัดใจสัตว์ไว้)***

1.ถ้าเกิดดื่มของมึนเมาจะผิดมากไหมค่ะ

   ของมึนเมาจัดอยู่ในศีล ๕ ข้อ "สุราเมระยะ มัชชะ ประมาทัฏฐานาฯ" เมื่อล่วงเข้าแล้วจะทำให้ขาดสติ ในที่นี้หากเอา"มหาปเทส ๔"มาเป็นเครื่องชี้วัด ในข้อที่ว่า"สิ่งใดไม่ได้ทรงห้ามไว้ว่าไม่ควร แต่เข้ากันกับสิ่งที่ไม่ควร (อกัปปิยะ) ขัดกับสิ่งที่ควร (กัปปิยะ) สิ่งนั้นไม่ควร" ก็จะรวมถึงสิ่งเสพติดทั้งหลายเข้าด้วยกับศีลข้อที่ ๕ เพราะสิ่งเสพติดเหล้านั้นเมื่อบุคคลเสพเข้าไปแล้วย่อมขาดสติ บุคคลเมื่อขาดสติแล้วก็จะทำผิดศีลข้ออื่นๆตามมาได้ง่าย และอาจจะนำไปสู่ปัญหาอื่นๆตามมาได้อีกมากมาย นี้เองจึงเป็นผลในปัจจุบัน ฉะนั้นศีลข้อ ๕ นี้ จึงเป็นข้อที่สำคัญที่สุดที่บุคคลพึงรักษา

   ส่วนผลที่ได้รับหลังจากละอัตภาพไปแล้ว ก็จะไปบังเกิดเป็นสัตว์นรก ในมหานรกขุมที่ ๕ มีนามว่า"มหาโรรุวนรก" คือ สถานที่ที่สำหรับลงทัณฑ์สัตว์นรกที่ครั้งเมื่อเป็นมนุษย์ได้กระทำผิดศีลข้อที่ ๕ โดยได้รับการทรมานจากนายนิรยบาลตามกรรมของตนที่ได้ทำไว้ครั้งเป็นมนุษย์ คือ ดื่มสุราของมึนเมาและสิ่งเสพติด

2.ถ้าหลุดวาจาหยาบคายกะเพื่อนไปบ้าง

   ศีลข้อ ๔ "มุสาวาทาฯ" โดยทั้งหมดแล้วจะครอบคลุมทั้งหมดดังนี้คือ พูดเท็จ,พูดคำหยาบ,พูดส่อเสียด,พูดเพ้อเจ้อ ผลในปัจจุบัน จะทำให้ไม่เป็นที่เชื่อถือเกรงใจ และหากโกหกไปจนติดเป็นนิสัยเสียแล้ว ความจำก็จะลดสั้นลง เพราะการโกหกเชื่อได้เลยว่าเมื่อโกหกแล้ว ก็จะต้องโกหกไปเรื่อยๆอย่างแน่นอน เป็นต้น

   ผลในอนาคต หากทำจนเป็นนิสัย จนเกิดความเคยชิน เมื่อละอัตภาพ(ตาย)จากความเป็นมนุษย์ไปแล้ว ก็จะไปบังเกิดในมหานรกขุมที่ ๔ ชื่อว่า"โรรุวมหานรก" เป็นสถานที่ลงทัณฑ์ทรมานสัตว์นรกที่ครั้งเมื่อเป็นมนุษย์ได้กระทำผิดศีลข้อ ๔ ไว้

*ทั้งข้อ ๑ และข้อ ๒ นี้ ต้องดูกรรมเป็นตัวประกอบด้วยเช่นกันว่ากรรมไหนจะส่งผลช้าเร็ว (ในธรรมวิภาคปริจเฉท ๒ หมวด ๑๒ มีกล่าวถึงเรื่องกรรม ๑๒ กล่าวถึงไว้ ลองศึกษาเพิ่มเติมดูครับ) อาทิเช่น"ครุกรรม"หมายถึง กรรมหนัก กล่าวคือหากทำกรรมชนิดนี้ลงไปแล้ว ทางเดียวที่จะได้ไปคืออเวจีมหานรก ในที่นี้จะกล่าวถึง"อนันตริยกรรม"๕ ประการ คือ ฆ่าพ่อ,ฆ่าแม่,ฆ่าพระอรหันต์,ทำให้พระพุทธเจ้าห้อพระโลหิต,ทำสงฆ์ให้แตกกัน ไม่ว่าจะประกอบกรรมดีมามากมายเท่าไหร่ หากกระทำ ๑ ใน ๕ ข้อนี้แม้ครั้งเดียว ก็จะส่งผลให้ไปเกิดในอเวจีมหานรกสถานเดียว จนกว่าจะใช้กรรมบาปนี้หมด จึงจะได้กลับมาเสวยผลของกรรมดีอันเป็นบุญกุศลที่เคยได้กระทำไว้ เป็นต้น

3.ไม่ได้สวดมนต์ทุกวันจะเป็นไรไหมค่ะ

   ต้องถามตัวเราเองก่อนว่า สวดมนต์ ไปเพื่ออะไร? ในสมัยพุทธกาลขณะที่พระพุทธเจ้ายังทรงพระชนม์ชีพอยู่ ทุกเช้าเย็นก็จะมีสาธุชนพุทธบริษัทเดินทางมาเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าเพื่อฟังธรรมและสักการะเป็นประจำทุกวันมิได้ขาดสาย แต่ภายหลังเมื่อพระพุทธเจ้าปรินิพพานเสียแล้ว เหล่าพุทธบริษัทเหล่านั้นก็ได้ปฏิบัติเช่นเดิมโดยการมาพระวิหารทั้งเช้าและเย็นเพื่อฟังธรรมจากพระเถระ และก็ได้พร้อมใจกันสวดสรรเสริญคุณของพระพุทธเจ้าพระธรรมและพระสงฆ์ เพื่อเป็นการระลึกถึงคุณพระรัตนตรัย นี้คือที่มาของการทำวัตรสวดมนต์

   มาในปัจจุบัน การสวดมนต์ก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ช่วยให้จิตใจของผู้สวดสงบขึ้น เพราะเป็นการปฏิบัติสมาธิวิธีหนึ่ง โดยที่จิตของเราเพ่งไปที่ตัวหนังสือบทสวดเหล่านั้น จนจิตจดจ่ออยู่กับสิ่งนี้สิ่งเดียว ก็จะทำให้ใจสงบเป็นสมาธิได้เช่นกัน บางท่านอาจจะจำบทสวดมนต์ได้ พอสวดไปแล้ว จิตเราก็จะนึกถึงวรรคประโยคต่อๆไป ก็เข้าข่ายเป็นสมาธิด้วยเช่นกัน เป็นต้น

   เท่านี้ก็เพียงพอที่จะเป็นคำตอบได้แล้วครับว่า"เราจะสวดมนต์ไปเพื่ออะไร?" การที่เราจะทำหรือไม่ทำนั้น ไม่ทำก็ไม่ได้ผิดอะไร หากทำก็จะได้รับประโยชน์แก่ตัวเองเป็นที่สุด.

สุดท้ายนี้ขอฝากให้กำลังใจ โดยนำคำที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อที่ผมเคารพท่านนึงได้กล่าวให้โอวาทไว้ว่า

"อดีตที่ผิดพลาดลืมให้หมด  บาปอกุศลทุกชนิดไม่ทำเพิ่มอีกเด็ดขาด  หมั่นสั่งสมบุญกุศลให้เข้มข้นทับทวี ปฏิบัติธรรมให้เข้าถึงพระรัตนตรัยภายใน"

536
ในธรรมวิภาค ก็มีกล่าวถึงอาการของ"ปีติ"อันเป็นผลมาจากการเจริญสมาธิบำเพ็ญกรรมฐานไว้อย่างชัดเจน ดังนี้

ปีติ อย่างที่นำเรียนไว้คือ ความอิ่มใจ มีอยู่ด้วยกัน ๕ ประการ คือ

๑.ขุททกาปีติ คือ ปีติอย่างน้อย เมื่อเกิดขึ้นทำให้ขนชัน ทำให้น้ำตาไหล

๒.ขณิกาปีติ คือ ปีติชั่วขณะ เมื่อเกิดขึ้น จะทำให้รู้สึกเสียวแปลบๆ เปรียบเหมือนฟ้าแลบ

๓.โอกกันติกาปีติ คือ ปีติเป็นพักๆ เมื่อเกิดขึ้น จะทำให้เราซู่ซ่าแรงกว่าเสียวแปลบๆ เปรียบเหมือนคลื่นกระทบฝั่ง

๔.อุพเพงคาปีติ คือ ปีติอย่างโลดโผน เมื่อเกิดขึ้น จะทำให้ใจฟู นำให้ทำการอื่นเว้นจากเวทนา

๕.ผรณาปีติ คือ ปีติซาบซ่าน เมื่อเกิดขึ้น จะทำให้รู้สึกซาบซ่านทั่วสรรพางค์กาย(ถ้านำเอาการกระทำให้ขนชันมาเทียบดูจะชัดแจ้งมากขึ้น)

*ศึกษาเพิ่มเติมได้ในพระไตรปิฎก หมวดพระอภิธรรมปิฎก.

537
สมาธิ หมายถึง การที่จิตตั้งมั่น ไหวั่นไหวไปกับอารมณ์ภายนอกที่มากระทบ จะอยู่นิ่งอยู่กับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ซึ่งลักษณะของสมาธินั้นมีความประณีตขึ้นไปเป็นลำดับ จนถึงสมาธิในวิปัสสนาคือความเห็นอย่างแจ่มแจ้ง

การแบ่งประเภทของสมาธิก็ขึ้นอยู่กับว่าจะใช้อะไรเป็นเกณฑ์ อาทิแบ่งเป็น สัมมาสมาธิ(สมาธิในทางที่ถูก)กับมิจฉาสมาธิ(สมาธิในทางที่ผิด) ,อุปจารสมาธิ(สมาธิเป็นไปเฉียดๆ)กับอัปปนาสมาธิ(สมาธิอันแน่วแน่) ,สุญญตสมธิ(สมาธิพิจารณาเห็นความว่าง),อนิมิตตสมาธิ(สมาธิพิจารณาธรรมไม่มีนิมิต),อัปปณิหิตสมาธิ(สมาธิพิจารณาธรรมไม่มีความตั้งปรารถนา) เป็นต้น

สมาธิเป็นอุบายทำจิตให้มั่นคง เมื่อบุคคลเจริญขึ้นแล้วก็จะเกิดผลตามมาเป็นลำดับเริ่มจากสมถไปจนถึงระดับวิปัสสนา จากรูปฌานไปเป็นอรูปฌาน จากโลกียะไปเป็นโลกุตระ หรือจะเรียกว่าการบรรลุธรรมขั้นสูงก็ได้(เรียกว่า "สมาบัติ ๘") องค์ของฌานก็จะมีความปราณีตขึ้นไปตามลำดับ กล่าวคือ

ปฐมฌาน มีองค์ ๕ คือ วิตก(หมายถึงยกจิตขึ้นสู่อารมณ์ เช่น การภาวนา กำหนดลมหายใจเข้าออก การเพ่งกสินเป็นต้น),วิจาร(หมายถึงประคองจิตให้ตั้งมั่นอยู่ในอารมณ์วิตกนั้นนั้น),ปีติ(หมายถึงความอิ่มเอิบใจในอารมณ์ของวิตกและยกขึ้นสู่วิจารจนประคองอารมณ์นั้นได้),สุข(หมายถึงโสมนัสเวทนามีความสุขทางใจสงบกายสงบใจ),เอกัคคตา(หมายถึงความที่จิตมีอารมณ์เดียวคือสงบอารมณ์อยู่กับที่ตนเพ่ง,ภาวนาเท่านั้นไม่ส่งใจไปในอารมณ์อื่น)

ทุติยฌาน มีองค์ ๓ คือ ปีติ,สุขและเอกัคคตา ละวิตกกับวิจารได้

ตติยฌาน มีองค์ ๒ คือ สุข กับเอกัคคตา ละปีติได้

จตุตถฌาน มีองค์ ๒ คือ ละสุขได้ จะมีแค่อุเบกขากับเอกัคคตา รวม ๔ ข้อนี้ เรียกว่า รูปฌาน

อากาสานัญจายตนะ วิญญาณัญจายตนะ อากิญจัญญายตนะ เนวสัญญานาสัญญายตนะ อีก ๔ ข้อนี้คือ อรูปฌาน

เมื่อเข้าถึงสมาบัติตามนี้แล้ว กิเลสก็จะมารบกวนในใจไม่ได้ ด้วยกำลังแห่งฌานที่กดทับกิเลสไว้ แต่หากกำลังฌานเสื่อมลงกิเลสก็กลับมาในใจได้อีก

เมื่อละอัตภาพมนุษย์นี้ไปแล้ว ก็จะบังเกิดในชั้นพรหม เกิดด้วยอำนาจของฌานที่ได้เจริญไว้เมื่อครั้งเป็นมนุษย์ คือ รูปฌานก็จะเกิดเป็นรูปพรหม มี ๑๖ ชั้น แบ่งตามความละเอียดประณีตของกำลังฌาน อรูปฌานก็จะเกิดเป็นอรูปพรหม ๔ ชั้น

ตั้งแต่นรก ๑ เปรต ๑ อสุรกาย ๑ ดิรัจฉาน ๑ มนุษย์ ๑ สวรรค์ ๖ รูปพรหม ๑๖ อรูปพรหม ๔ รวมทั้งสิ้น ๓๑ ภพภูมิ ทั้งหมดนี้ก็ยังต้องเวียนว่ายตายเกิดไปเรื่อยๆอย่างไม่รู้จักจบสิ้น เพราะอวิชชา(ความไม่รู้ในอริยสัจ)เป็นปัจจัยเบื้องต้นเริ่มแรก จนนำมาสู่ผลคือมีชาติ ชรา มรณะ โสกะ ปริเทวะ ทุกข์ โทมนัส อุปายาส

ทางเดียวที่หลุดพ้นจากภพ ๓๑ หยุดการเวียนว่ายตายเกิด ก็โดยกิเลสจะต้องถูกกำจัดไปได้อย่างสิ้นเชิง เป็นได้ด้วยธรรมอันยอดเยี่ยมของโลก ทำให้พ้นวิสัยของโลก นั้นคือ โลกุตรธรรม มี ๙ คือ มรรค ๔(โสดาปัตติมรรค,สกทาคามิมรรค,อนาคามิมรรค,อรหัตตมรรค) ผล ๔(โสดาปัตติผล,สกทาคามิผล,อนาคามิผล,อรหัตตผล) นิพพาน ๑(หมายเอาอนุปาทิเสสนิพพาน คือ ดับทั้งกิเลสดับทั้งเบญจขันธ์)

*ลองใช้พิจารณาประกอบการนั่งสมาธิดูครับ เชื่อว่าผลตามนี้จะเกิดตามมาแน่นอน ถ้าปฏิบัติจริง!!

มีอยู่ ๓ พวกที่ทำไม่ได้และไม่ได้ผลคือ ๑.คนบ้า ๒.คนตาย และ ๓."คนไม่ได้ทำ".

538
กราบสักการะพระมงคลเทพมุนี(สด จนฺทสโร)บรมครูผู้ค้นพบวิชชาธรรมกายพระผู้ปราบมาร ด้วยเศียรเกล้า

กราบนมัสการสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์(เจ้าประคุณสมเด็จช่วง) ด้วยความเคารพยิ่ง

อนุโมทนากับคุณครูตรีธาและคณะทำวิชชาทุกท่านด้วยครับ

ขอบคุณสำหรับภาพและอนุโมทนาบุญด้วยนะครับ

สาธุ สาธุ อนุโมทามิ.

539
พระผงของขวัญวัดปากน้ำภาษีเจริญรุ่น ๑ พิมพ์ที่ ๕


พระผงของขวัญวัดปากน้ำภาษีเจริญรุ่น ๑ และรุ่น ๔ พระธรรมขันธ์


พระผงของขวัญวัดปากน้ำภาษีเจริญรุ่นแรกด้านหน้า


พระผงของขวัญวัดปากน้ำภาษีเจริญรุ่นแรกด้านหลัง


น้ำเต้าหลวงปู่สด วัดปากน้ำภาษีเจริญ รุ่นแรก ภาพขาวดำเชือกเดิม



 :114: :114: :114: :114: :114: :114: :114: :114: :114:
แบ่งปันกันชมเช่นเดิมครับ.
หวงคือไล่...ให้คือเรียก...

540
คาถาอาคม / ตอบ: ถามคาถาของพระ
« เมื่อ: 27 ส.ค. 2554, 09:58:46 »
เวลามีคนมาใส่บาตรเราจะต้องสวดคาถาอะไร?

   พึงใช้บทพิจารณาอาหารในบท"ธาตุปฏิกูลปัจจเวกขณปาฐะ"ที่ว่า

"ยะถาปัจจะยัง ปะวัตตะมานัง ธาตุมัตตะเมเวตัง,ยะทิทัง ปิณฑะปาโต ฯตะทุปะภุญชะโก จะ ปุคคะโล ธาตุมัตตะโก นิสสัตโต นิชชีโว สุญโญฯ สัพโพ ปะนายัง ปิณฑะปาโต อะชิคุจฉะนิโย,อิมัง ปูติกายัง ปัตวา อะติวิยะ ชิคุจฉะนิโย ชายะติ ฯ"

คำแปล(พึงพิจารณาคำแปลตามไปด้วย)
   "สิ่งเหล่านี้ เป็นสักแต่ว่าธาตุตามธรรมชาติเท่านั้น กำลังเป็นไปตามเหตุปัจจัยอยู่เนื่องนิจ สิ่งเหล่านี้ คือ บิณฑบาต
และผู้บริโภคบิณฑบาตนั้น เป็นสักว่าธาตุตามธรรมชาติ มิได้เป็นสัตวะอันยั่งยืน มิได้เป็นชีวะอันเป็นบุรุษบุคคล ว่างเปล่าจากความหมายแห่งความเป็นตัวตน
ก็บิณฑบาตทั้งหมดนี้ไม่ได้เป็นของน่าเกลียดมาแต่เดิม ครั้นมาถูกเข้ากับกาย อันเน่าอยู่เป็นนิจนี้แล้ว ย่อมเป็นของน่าเกลียดอย่างยิ่งไปด้วยกัน"




เวลาสวดศพเราจะต้องสวดคาถาอะไร?

       ขึ้นอยู่กับว่าเป็นบุญพิธีใด อาทิ พิธีสวดพระอภิธรรมหน้าศพ มี ๒ แบบ ถ้าสวดมนต์ธรรมดาใช้บท "สัตตัปปกรณาภิธรรม"(คือพระอภิธรรม ๗ คัมภีร์ เริ่มต้นด้วย "นโม..."นำขึ้นแล้วสวดตั้งแต่บทธัมมสังคณีไปจนจบมหาปัฏฐาน) อีกแบบหนึ่งใช้บท "พระอภิธรรมมัตถสังคหะ ๙ ปริเฉท" หรือ พิธีสวดมาติกา ก็จะใช้บทสวดมาติกาไปตามลำดับ.(พึงพิจารณาคำแปลตามไปด้วยเช่นเดียวกัน)
*ศึกษาเพิ่มเติมได้ใน"ศาสนพิธีนักธรรมโท หมวดบุญพิธี"



เวลาไปสวดทําบุญบ้านหรือแต่งงานต้องสวดคาถาอะไร?

   ข้อนี้แล้วแต่หัวหน้าสงฆ์จะนำสวด โดยทั่วไปมักจะใช้บทสวดพระปริตร ๗ ตำนานบ้าง ๑๒ ตำนานบ้าง แล้วแต่ความเหมาะสม
ส่วนในงานแต่งนั้นที่นิยมกันคือ ตัวตำนานต้องสวด"อังคุลิมาลปริตร"และสวด"วัฏฏกปริตร"ไปด้วย (พึงศึกษาที่มาของพระปริตรแต่ละบทและความหมายประกอบไปด้วย)


บทสวดทั้งหมดที่ถามถึงนี้ มีในมนต์พิธีครบถ้วนบริบูรณ์อยู่แล้ว ลองศึกษาดูครับ.

541
ลองศึกษาเพิ่มเติมในเรื่อง"บัณฑิตสามเณร"นะครับ

ในระหว่างที่พระสารีบุตรกับบัณฑิตสามเณรกำลังเที่ยวบิณฑบาตในตอนเช้า บัณฑิตสามเณรสังเกตเห็นสิ่งต่างๆระหว่างเดินบิณฑบาตกับพระเถระ

น้ำในคันนา ๑(มนุษย์ทำคันกั้นบังคับให้น้ำเข้านาได้), ลูกศรธนู ๑(มนุษย์ใช้ไฟช่วยดัดลูกศรธนูให้ตรงได้),กำล้อเกวียน ๑(มนุษย์ใช้มีดเหลาล้อเกวียนไม้ให้เข้รูปร่างได้)

จากนั้นบัณฑิตสามเณรได้เรียนสอบถามพระสารีบุตร ๓ สิ่งนั้นมีจิตหรือไม่ พระเถระกล่าวตอบว่าสิ่งเหล่านั้นไม่มีจิตหรอกสามเณร

สามเณรจึงคิดด้วยปัญญาว่า ๓ สิ่งนั้นไม่มีจิต แต่มนุษย์สามารถบังคับทั้ง ๓ สิ่งนั้นได้ มนุษย์เองมีจิตแท้ๆ ทำไมจะบังคับจิตตัวเองไม่ได้เล่า

บัณฑิตสามเณรจึงถวายบาตรให้กับพระเถระ แล้วกลับมายังพระอาราม ตั้งใจแน่วแน่บำเพ็ญสมณะธรรม

ในที่สุดบัณฑิตสามเณรก็บรรลุอรหัตตผล.

542
ภรรยา ๗ ประเภท

๑. วธกาภริยา หมายถึง ภรรยาเสมอด้วยเพชรฆาต
 
๒. โจรีภริยา หมายถึง ภรรยาเสมอด้วยโจร

๓. อัยยาภริยา หมายถึง ภรรยาเสมอด้วยนาย
 
๔. มาตาภริยา หมายถึง ภรรยาเสมอด้วยแม่

๕. ภคินีภริยา หมายถึง ภรรยาเสมอด้วยน้องสาว

๖. สขีภริยา หมายถึง ภรรยาเสมอด้วยเพื่อน

๗. ทาสีภริยา หมายถึง ภรรยาเสมอด้วยคนรับใช้ .

543
อนุโมทนาครับพี่ทรงกลด

   กาสาวพัสตร์ จัดเข้าอยู่ในบริขารบริโภคของภิกษุที่จำเป็นจะต้องมี ประโยชน์ไว้ใช้ปกปิดร่างกาย มี ๓ อย่างคือ ๑.สังฆาฏิ หรือ ผ้าทาบ ๒.อุตราสงค์ หรือ จีวร ๓.อันตรวาสก หรือ สบง ในพระวินัยมีกล่าวถึงชนิดของผ้าที่ทรงอนุญาตให้นำมาใช้และที่ห้ามนำมาใช้ รวมถึงสีที่ทรงอนุญาตให้นำมาย้อมด้วย

***ศึกษาเพิ่มเติมได้ในวินัยมุข กัณฑ์ที่ ๑๒ หมวดบริขารบริโภค***

นำเนื้อเพลง"ผ้าชุดสุดท้าย"มาให้อ่านประดับความรู้กันครับ แล้วจะเข้าใจชีวิตและกิจของความเป็นสมณะมากยิ่งขึ้น

"ผ้าชุดสุดท้าย ที่ผู้ชายใฝ่หา ผู้ชายที่มีบุญญาจึงได้มาสวมใส่
แม้น้อยราคาแต่มีคุณค่ากว่าผ้าผืนใดใส่แล้ว โอ้!ช่างสุขใจ
ไม่มีผ้าใดจะมาเปรียบปราน....งามจริงดั่งทองห่อหุ้มกายา เครื่องหมายปัญญา
ของผู้เห็นภัยในสังสาร  ผ้าปลอดกังวลจากเครื่องพันธนาการ
เป็นชุดมุ่งสู่นิพพาน แดนสราญบรมสุขสันต์
ผู้ทรงประธานคือองค์พระชินวร ผ้าบังสุกุลจีวร ธงชัยพระอรหันต์
พระอานนท์ออกแบบผ้าอัศจรรย์ มนุษย์เทวัญกราบไหว้บูชา
จงถนอมรักผ้าผืนนี้ให้ดี เป็นเกียรติยศศักดิ์ศรีแห่งนักรบกล้า
ให้ผ้าผืนนี้ ห่มกายตราบสิ้นชีวา ชื่อก้องดินฟ้าอาชาไนยแห่งกองทัพธรรม..."

สาธุ สาธุ อนุโมทามิ.

544
กราบขอบพระคุณ และร่วมอนุโมทนาเช่นกันครับ

สาระธรรมจากพระไตรปิฎกล้วนๆ สาธุ สาธุ อนุโมทามิ.

545
อนุโมทนาครับพี่ทรงกลด

   ตั้งแต่พระอานนท์ทูลอ้อนวอนพระผู้มีพระภาคเจ้าถึง ๓ ครั้ง พระองค์จึงทรงอนุญาติให้พระนางปชาบดีโคตมีอุปสมบทเป็นภิกษุณีด้วยการรับครุธรรม ๘ ประการ พระนางบำเพ็ญเพียรไม่นานก็บรรลุอรหัตผล ได้รับการยกย่องจากพระพุทธองค์ว่าเป็นเอตทัคคะทางรัตตัญญู คือเป็นผู้รู้ราตรีนาน(อุปสมบทเป็นภิกษุณีก่อนคนอื่นๆทั้งหมด)

   จริงอยู่ที่ว่ามรรคและผลไม่จำกัดเฉพาะชาย คือสามารถเข้าถึงได้ทั้งชายและหญิงไม่แยกชั้นวรรณะ พระพุทธองค์ทรงเล็งเห็นว่าหากให้หญิงเข้ามาบวชแล้วพระศาสนาจะดำรงอยู่ได้ไม่นานจึงปฏิเสธคำขอของพระอานนท์ (หรือจะมองอีกมุมว่าเป็นการให้ความสำคัญว่าในการบวชเป็นไปได้ยาก ฉะนั้นจงรักษาไว้ให้ดีที่สุด ในทางอ้อมก็ตามที) จึงได้ทรงประทานครุธรรม ๘ ประการ(หมายถึงธรรมอันหนัก,อันยากยิ่ง ๘ ประการ) ในการรับพระน้านางเข้าอุปสมบทเป็นภิกษุณี และบัญญัติพระวินัยสำหรับภิกษุณีผู้บวชในพระศาสนาถึง ๓๑๑ ข้อ

   พระภิกษุสงฆ์นั้น มีพระวินัย เป็นเครื่องควบคุมรักษากาย วาจา หรือเรียกว่าศีล ๒๒๗ ข้อ และมีอาบัติปาราชิก(แปลว่าผู้พ่าย) เปรียบเสมือนโทษของฆาราวาสคือโทษประหารชีวิต กล่าวคือ หากภิกษุต้องอาบัติปาราชิกเข้าแล้ว ก็จะขาดจากความเป็นภิกษุทันที และจะกลับมาบวชเป็นภิกษุอีกไม่ได้ในชาตินั้นๆ

   สำหรับภิกษุณี ก็มีพระวินัยเช่นเดียวกับพระภิกษุ แต่มีถึง ๓๑๑ ข้อ และอาบัติปาราชิกก็มีบัญญัติเช่นเดียวกันกับภิกษุเช่นกัน จะแตกต่างกันไปในรายละเอียด

   ที่เคยได้ยินได้ฟังมาในอาบัติปาราชิกของภิกษุณีข้อนึง ได้มีกล่าวไว้ทำนองว่า"ภิกษุณีหากนอนหงาย ต้องอาบัติปาราชิก" คือ หากในขณะนอนนั้น ภิกษุณีนอนหงาย ก็จะขาดจากความเป็นภิกษุณีทันที ไม่มีสิทธิ์ที่จะกลับมาบวชเป็นภิกษุณีอีกเด็ดขาดในชาตินั้นๆ หรืออีกข้อนึงมีกล่าวทำนองว่า "หากรู้อาบัติปาราชิกของนางภิกษุณี แล้วไม่ประกาศให้ทราบว่าภิกษุณีรูปนั้นๆต้องอาบัติปาราชิกแล้ว ภิกษุณีผู้รู้แล้วไม่ประกาศบอกต้องปรับอาบัติปาราชิกเช่นเดียวกัน" ด้วยเหตุนี้เองนางภิกษุณีจึงมีจำนวนลดน้อยถอยลงเรื่อยๆ จนแทบจะไม่มีให้ปรากฏในพุทธบริษัท ๔ ในปัจจุบันเลย

   การอุปสมบทภิกษุณีก็ทำได้ยาก กล่าวคือต้องบวชในสงฆ์ทั้ง ๒ ฝ่าย ระเบียบข้อบังคับเยอะกว่า แสดงอาบัติก็ต้องแสดงในสงฆ์ทั้ง ๒ ฝ่าย แม้ภิกษุที่เพิ่งอุปสมบทในวันนั้น นางภิกษุณีก็ต้องไหว้ทำความเคารพ และอีกหลายๆประการ ปัจจุบันนี้จะยังคงยึดถือแบบแผนปฏิบัติเดิมไว้หรือไม่....ไม่มีใครทราบ......พระวินัยปิฎกเป็นคำตอบได้อย่างชัดแจ้งที่สุดครับว่าปัจจุบันนี้คืออะไร...

546
ขอบคุณสำหรับทุกความคิดเห็นนะครับ

สำหรับในภาพเป็นเหรียญคร่อมเสือที่สร้างย้อนยุค

ออกในคราวพิธีไหว้ครูวัดบางพระ ปี ๒๕๕๒ ครับ

แท้ ๑๐๐% ตามที่นำเรียนไว้ข้างต้นครับ.

ภาพด้านหลังเหรียญครับ


 :114: :114: :114: :114: :114: :114: :114: :114: :114: :114: :114: :114: :114: :114: :114: :114: :114:

547


  สวยงามมากครับ พี่ยังไม่มีเลยครับ

                                                                                                       ขอบคุณครับ
ยังไม่มีรุ่น ๓

แต่มีรุ่น ๑ ใช่ไหมครับพี่เจมส์^^

นำมาแบ่งกันชมบ้างนะครับ^^

รอวาสนากันต่อไปครับ. :001:

548

***อย่าเพิ่งด่วนสรุปว่าปลอมนะครับ เพราะเหรียญนี้แท้ ๑๐๐% ติชมกันก่อนได้ครับ***

549


พระผงของขวัญวัดปากน้ำรุ่น ๓ พิมพ์ลึก , พิมพ์ตื้น และพระผงของขวัญวัดเกาะจันทร์
ทันหลวงปู่สด วัดปากน้ำ ซ้อนวิชชาทุกองค์ เป็นพระที่สร้างในระยะเวลาใกล้เคียงกันครับ


***แบ่งปันนำมาให้ชม***

550
มารับชมภาพบรรยากาศที่วัดท้องไทรกันต่อครับ





















เข้าแถวรอรับของที่ระลึกจากด้านหน้าแถวยาวเลยโบสถ์ - -"















ไปที่กุฏิหลวงปู่กันต่อครับ ระหว่างทางได้พบปะเพื่อนสมาชิกกระดานสนทนาวัดบางพระของเรา^^







เข้าไปกราบนมัสการหลวงปู่ท่านในกุฏิครับ







มงคลวัตถุที่ได้รับมาจากวัดท้องไทร ขอบคุณพี่Gearmourด้วยครับ.

พระผงรูปเหมือนหลวงปู่ลอยองค์ฝังตะกรุด


พระหลวงปู่ทวดเพชรกลับ หลังราหูฝังตะกรุด




เหรียญรุ่นแรกหลวงปู่อั๊บ วัดท้องไทร.




...



อนุโมทนาบุญกับทุกท่านด้วยนะครับ สาธุ สาธุ อนุโมทามิ.

551
เริ่มกันที่เตรียมงานเมื่อวานนี้ (นมัสการหลวงพี่เก่งด้วยครับ)








รับชมภาพบรรยากาศวันนี้กันต่อครับ























หลังเลิกงาน







มงคลวัตถุที่ได้รับจาก อ.หนวด วันนี้







...



อนุโมทนากับผู้ร่วมบุญวันนี้ด้วยนะครับ สาธุ สาธุ อนุโมทามิ.

***แล้วอย่าลืมมารับบุญใหญ่ครั้งต่อไป ในงานกฐินวัดบางพระ***

552
ขอบคุณพี่ทรงกลดครับสำหรับบทความเรื่องกรรมที่นำมาลงให้ศึกษากัน

กราบนมัสการ พระธรรมสิงหบุราจารย์ ด้วยความเคารพยิ่ง.

553
รูปล่างจะเป็นหลวงพ่อแช่ม วัดตาก้อง จ.นครปฐมครับ

554
ธรรมะ / ตอบ: เทวดามีจริงหรือ?........
« เมื่อ: 10 ส.ค. 2554, 11:23:06 »
อนุโมทนาครับพี่ทรงกลด สาธุ สาธุ อนุโมทามิ

ภพภูมิ ๓๑ ประกอบด้วย

นรก ๑ , เปรต ๑ , อสุรกาย ๑ , ดิรัจฉาน ๑ , มนุษย์ ๑ , สวรรค์ ๖ , พรหม ๑๖ , อรูปพรหม ๔ รวม ๓๑ ภพภูมิ

เปรียบได้ดังกับคุกที่กักขังสรรพสัตว์ให้เวียนว่ายตายเกิดไม่รู้จักจบสิ้น

ทางเดียวที่จะออกจากคุกนี้ได้ คือ "นิพพาน"

สวรรค์ทั้ง ๖ ชั้น ประกอบด้วย จาตุมมหาราชิกา ๑ , ดาวดึงส์ ๑ , ยามา ๑ , ดุสิต ๑ , นิมมานรดี ๑ , ปรนิมมิตวสวัสตี ๑

มีปรากฎในพระสูตรและธรรมบทมากมายครับ อาทิ

พระโมคคัลลานะ ได้เข้าฌานและขึ้นไปยังสวรรค์ แลเห็นวิมานที่เกิดจากบุญของผู้ที่สร้างบุญกุศลในมนุษย์โลกและยังคงอัตภาพอยู่

จึงถามเหล่าเทวดาที่อยู่บริเวณที่นั้นว่า วิมานหลังนี้เป็นของใคร เทวดาเหล่านั้นตอบพระเถระว่า เป็นของมนุษย์ผู้หนึ่งซึ่งตอนนี้ยังมีชีวิตอยู่ในโลกมนุษย์

พระโมคคัลลานะเกิดความสงสัยจึงนำเรื่องไปกราบทูลถามพระพุทธเจ้าเกี่ยวกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น

ด้วยพระเถระสงสัยว่าวิมานทิพย์จะไปบังเกิดรอผู้ที่ได้สร้างบุญมาได้จริงหรือ

พระพุทธองค์ทรงตอบด้วยคำถามกลับไปว่า "ก็ท่านไปเห็นมาแล้วไม่ใช่หรือ"

เป็นอันกระจ่างคลายข้อสงสัยทั้งปวงครับ สาธุ สาธุ อนุโมทามิ.


555
พรรษาพิสุทธิ์

ช่วง ๓ เดือนนี้ มีอะไรที่ควรทำ นอกจากลด ละ เลิกอบายมุขตามที่สื่อต่าง ๆ โฆษณาเชิญชวน?

   ช่วงเข้าพรรษาทุกคนจะรับรู้กันว่า พระสงฆ์จะอยู่ประจำวัดตลอด ๓ เดือน เพื่อศึกษาพระธรมวินัย และปฏิบัติธรมอย่างเต็มที่ ช่วงนี้จึงมีพระเยอะ ทั้งพระที่บวชช่วงเข้าพรรษาและพระที่อยู่ประจำวัด ฉะนั้น คนก็จะไปทำบุญเลี้ยงพระ ไปฟังเทศน์ฟังธรรมกันมากกว่าปกต และถือโอกาสนี้ปฏิบัติธรรมด้วย บางคนกินเหล้าตลอดปี แต่เลิกกินช่วงเข้าพรรษา ซึ่งเป็นสิ่งดีมาก
   พระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเรา แต่ก่อนก็เป็นมนุษย์ปกติเหมือนกับเรา ท่านเกิดแรงบันดาลใจตั้งความปรารถนาจะเป็นพระพุทธเจ้าชาติแรกตอนเป็นพ่อค้าไปค้าขายทางทะเล แล้วเรือสำเภาเกิดเจอพายุล่ม ท่านเอาแม่ขึ้นหลังแล้วว่ายน้ำอยู่ในมหาสมุทร ๗ วัน ๗ คืน ครั้งนั้น ท่านเห็นว่าชีวิตมนุษย์เป็นทุกข์จริง ๆ ท่านจึงตั้งความปรารถนาว่าจะเป็นผู้ค้นพบหนทางพ้นทุกข์ให้ได้  คือจะเป็นพระพุทธเจ้า และเมื่อพ้นทุกข์แล้วจะไม่พ้นเพียงคนเดียว แต่จะสอนให้คนอื่น ๆ รู้ แล้วพ้นทุกข์ตามไปด้วย ท่านมาคลิกเกิดแรงบันดาลใจตอนลอยคอในมหาสมุทรได้ ๗ วัน ๗ คืน จากนั้น ท่านก็สร้างบารมีต่อเนื่องมาทุกชาติเป็นเลานานถึง ๒๐ อสงไขยกับแสนมหากัป ในชาติสุดท้ายก็ตรัสรู้ธรรมเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เห็นไหมว่าก่อนที่จะมีจุดเริ่มต้นนั้น ก็ต้องมีจุดสร้างแรงบันดาลใจเสียก่อน
   เพราะฉะนั้น ช่วงเข้าพรรษาจึงเป็นตัวสร้างแรงบันดาลใจที่ดีมาก ปกติไม่รู้จะเอาวันไหนเป็นตัวคลิก แต่พอเข้าพรรษา จะต้องเอาให้ได้ ยิ่งมีกระแสสื่อโปรโมตยิ่งดี คนไหนดื่มเหล้า สูบบุหรี่ พรรษานี้ก็งดเหล้า งดบุหรี่ และจะต้องรักษาศีล ๕ ให้ได้ จะต้องไหว้พระก่อนออกจากบ้าน จะต้องสวดมนต์ นั่งสมาธิทุกคืนก่อนนอน วันละครึ่งชั่วโมง หรือ ๑ ชั่วโมงก็ได้ แล้วแต่เราจะตั้งปณิธาน เรียกว่าปรับ นิสัยเดิมที่เคยทำมาคุ้น ๆ และเราก็รู้ว่าไม่ค่อยดีเท่าไร ตั้งใจทำสิ่งที่ดี ถ้าเป็นเด็กก็ตั้งใจเลย พรรษานี้จะทำการบ้านทุกวัน งดเล่นเกม ๓ เดือน ไม่แตะเลย อย่างนี้เป็นต้น อาศัยจังหวะช่วงนี้เป็นตัวคลิกขึ้นมา แม้กลางพรรษาแล้วก็ยังไม่สายเกินไป บางคนบอกอย่างนี้น่าจะตั้งง่ายกว่า เพราะกลางพรรษาเหลือแค่เดือนครึ่ง พอสู้ไหว ก็ให้เริ่มตั้งปณิธานตอนนี้เลยว่า เราจะทำสิ่งที่ดี ๆ ในพรรษานี้ แล้วเราจะพบว่า สิ่งนั้นให้ประโยชน์กับชีวิตของเรามากอย่างไม่น่าเชื่อ

การตั้งเป้าเพื่อฝึกตัวในช่วงเข้าพรรษา เช่น ตั้งใจปฏิบัติธรรมทุกวัน ควรจะตั้งใจอย่างไรจึงจะเป็นไปได้?

   ให้ตรวจสอบตัวเราเอง แล้วตั้งเป้าที่เราคิดว่าพอไหว ไม่มากเกินไป ตั้งแล้วก็ต้องให้เข้าเป้า คือ เมื่อตั้งแล้วให้ตั้งใจทำ พยายามทำให้ได้ อย่าไปเหลวกลางคัน วิธีการให้กำลังใจตัวเองคือ เมื่อตั้งใจแล้ว วันอาทิตย์ไปวัดเลย ไปสวดมนต์ นั่งสมาธิเป็นพิเศษ เติมพลังชาร์ตแบต ๗ วันครั้ง จะได้เป็นการตอกย้ำถ้าอย่างนี้ก็พอไหว แล้วก็ตั้งใจทำให้ตลอดรอดฝั่ง ปีหน้าก็ยกเป้าหมายขึ้นไปเรื่อย ๆ ทีละสเต็ป อย่างนี้จะดีมาก

ถ้า ๓ เดือนผ่านไปแล้ว เราควรจะทำต่อเนื่องไปอีกหรือว่ากลับมาเป็นคนเดิมดีกว่า?

   เราเคยได้ยินชื่ออริสโตเติลใช่ไหม เขาเป็นนักปราชญ์ชาวกรีก เขาเคยบอกว่า Excellence is not an act but a habit. หมายความว่า คนที่เก่งมาก เยี่ยมยอดมาก ๆ ไม่ใช่คนที่ทำนั่นทำนี่เก่ง เรื่องนี้เป็นแค่ส่วนประกอบ แต่ที่สำคัญคือนิสัย อริสโตเติลสรุปได้จากการสังเกต เนื่องจากเขาเป็นผู้มีปัญญามากจึงสามารถหาข้อสรุปได้อย่างนี้  ซึ่งก็เป็นอย่างที่เขาสรุปจริง ๆ เพราะคนเราจะเก่งหรือไม่ขึ้นอยู่กับนิสัย คนไหนมีนิสัยขยันขันแข็ง เก็บหอมรอมริบ ละเอียดรอบคอบ นิสัยเหล่านี้จะทำให้เขาประสบความสำเร็จในชีวิตได้

วิธีทำใจให้มุ่งทำสิ่งดี ๆ ต่อไป ต้องทำอย่างไร?

   เชื่อหรือไม่ว่าที่เรารู้สึกว่าอุปสรรคเยอะเหลือเกินนั้น เราคิดไปเอง พอเราตั้งใจจะทำความดีจริง ๆ   วันนี้ไม่เห็นมีอะไรเลย วันนี้ อาตมาเพิ่งเจอโยมผู้หญิงท่านหนึ่ง ท่านมีคนรู้จักมาก ปกติท่านต้องแต่งหน้าทุกวัน พรรษานี้ท่านตั้งใจรักษาศีล ๘ แต่งหน้าทาปากไม่ได้ คนเคยแต่งแล้วไม่แต่งเรื่องใหญ่เลย เพราะท่านต้องเข้าสังคม แต่ดูหน้าตาท่านผ่องใสมีความสุข ไม่เห็นมีปัญหาอะไรเลย ถ้าคนไม่ทำจะรู้สึกว่าไม่ได้หรอก เดี๋ยวคนนั้นทัก คนนี้ทัก เดี๋ยวจะเคอะ ๆ เขิน ๆ แต่พอตั้งใจทำจริง ๆ แล้วไม่เห็นมีปัญหาอะไร ทุกอย่างราบรื่น ปัญหาต่าง ๆ เราคิดไปเอง พอตั้งใจจะทำแล้วไม่ยากเหมือนที่คิด ฉะนั้น ยังไม่ช้าเกินไป พรรษานี้จะเอาอย่างไรดีก็เริ่มเลย แล้วจะพบสิ่งดี ๆ เกิดขึ้นในชีวิตของเรา

ประเพณีการหล่อเทียนพรรษามีไว้เพื่ออะไร จะสืบทอดอย่างไรถึงจะเหมาะสมและถูกต้อง?

   แต่ก่อนไม่มีไฟฟ้าใช้ เวลาพระภิกษุท่านศึกษาพระธรรมวินัยก็ต้องอาศัยแสงสว่างในการอ่านตำรับตำรา เพราะฉะนั้น ชาวบ้านก็จะช่วยกันหล่อเทียนพรรษาต้นโต ๆ ที่คิดว่าสามารถใช้ได้ตลอด ๓ เดือน แล้วเอาไปถวายวัด กลางคืนพระจะได้จุดเทียนอ่านหนังสือธรรมะ เป็นการให้ความสะดวกในการศึกษาพระธรรมวินัยแก่พระภิกษุสามเณร และเนื่องจากสิ่งที่ถวายพระเป็นสิ่งที่ควรทำให้ประณีต จึงมีการแกะสลักและพัฒนาจนกระทั่งสวยงาม บางครั้งเป็นปราสาทผึ้ง หรือเป็นรูปอะไรต่าง ๆ ที่งดงาม ซึ่งบางคนถามว่าทำอย่างนี้จะดีหรือ ต้องตอบว่าเป็นสิ่งที่ดี อยากให้เรามองว่า พระพุทธศาสนาเปรียบเหมือนต้นไม้ใหญ่ มีทั้งส่วนที่เป็นแก่น เป็นกระพี้ และเปลือก ตัวเนื้อหาคำสอน การสวดมนต์ การนั่งสมาธิ คือแก่นคำสอน แต่ถ้ามีแต่แก่นอย่างเดียว ไม่มีประเพณีอะไรมาช่วยเลย มาถึงก็จับนั่งสมาธิอย่างเดียว บางคนทำไม่ได้ แต่พอมีเปลือก มีกระพี้ คือมีพิธีกรรมมาประกอบเข้าไปด้วย เป็นตัวทำให้มีสีสัน สร้างความคึกคัก ก็จะช่วยดึงคนที่มีระดับใจทั้งสูงและต่ำหลายระดับเข้ามาได้
   พอมาถึงวัดแล้วเขาก็จะนึกถึงบุญกุศล ใจเขาจะเริ่มอินกับบุญกุศลแล้ว เขาก็จะไปทำบุญสักหน่อยหนึ่ง หยอดตู้บ้าง ไหว้พระบ้าง เวียนเทียนบ้าง หรืออาจจะสวดมนต์แล้วนั่งสมาธิสักหน่อยค่อย ๆ ขยับขึ้นไป ถ้าไม่มีการแห่เทียนพรรษา บางคนอาจจะไม่ได้เข้าวัดเลย พอมีขบวนแห่ก็ไปดูสักหน่อย เห็นเขาว่าสวยดี ไปดูแล้วก็ได้ทำบุญ ได้สวดมนต์ ได้เวียนเทียน ได้ไหว้พระ ได้นั่งสมาธิ ขยับขึ้นมาตามลำดับ จากเปลือกจากกระพี้ก็มาถึงแก่น ใครบอกว่าเปลือกและกระพี้ของต้นไม้ไม่สำคัญ ลองไปลอกเปลือกลอกกระพี้ออกให้หมด ผลก็คือต้นไม้ตาย เพราะฉะนั้น แม้แก่นสำคัญที่สุดก็จริง แต่ต้องรู้ว่าเปลือกและกระพี้ก็เป็นตัวสนับสนุน เช่นเดียวกับพิธีกรรมต่าง ๆ เทศกาลต่าง ๆ งานบุญต่าง ๆ ที่ช่วยดึงใจคนเข้ามาสู่พระรัตนตรัยได้

ปัจจุบันนี้ หลายคนนิยมถวายหลอดไฟในเทศกาลเข้าพรรษา อย่างนี้เรียกว่าผิดวัตถุประสง๕เดิมหรือไม่ และจะมีผลอย่างไรบ้าง?

   ไม่ผิดเลย เวลาทำอะไรก็ตามเราจะดูที่วัตถุประสงค์เป็นหลัก ถ้าวัตถุประสงค์หลักคือการให้แสงสว่างเพื่อให้ความสะดวกพระภิกษุในการศึกษาพระธรรมวินัย การถวายหลอดไฟต่าง ๆ ถือว่าใช้ได้ ส่วนการถวายเทียนก็ไม่ได้ผิดอะไร พระท่านก็นำไปใช้ในกิจกรรมต่าง ๆ เช่น นำไปจุดในโบสถ์บ้าง ในศาลาบ้าง เพราะฉะนั้นเราสามารถปรับได้โดยมุ่งเน้นที่ประโยชน์ใช้สอย ถ้าใครมีกำลังทรัพย์พอที่จะไปสร้างระบบไฟฟ้า ไปตั้งหม้อแปลง ไปเดินระบบไฟฟ้าให้วัดต่าง ๆ ยิ่งดีใหญ่
   ปัจจุบันนี้ เขาบอกว่าถวายหลอดไฟก็ต้องมีอุปกรณ์ให้ครบ ทั้งบัลลาสต์ สตาร์ทเตอร์ ขาหลอด บางครั้งมีแต่หลอดเต็มวัด
   ถ้าจะให้ดีละก็ ถวายหลอดเสร็จแล้ว ถวายปัจจัยเป็นค่าไฟให้วัดด้วยก็ยิ่งดี และเผื่อท่านเอาไปใช้ในสิ่งที่ยังขาดอยู่ จะได้ตรงวัตถุประสงค์มากที่สุดเป็นประโยชน์ที่สุด

เราจะได้อานิสงส์อะไรจากการถวายหลอดไฟ?

   ผู้ให้ประทีปโคมไฟชื่อว่าให้จักษุ เพราะฉะนั้นชาติต่อไปจะเป็นคนที่ตาสวย แวววาว แล้วก็มองเห็นได้ไกล แล้วยังเป็นผู้มีปัญญาดีอีก เพราะอำนวยความสะดวกให้พระท่านได้ศึกษาพระธรรมวินัย เราก็จะได้ปัญญาบารมี เป็นคนฉลาด ได้ทั้งปัญญาจักษุ และมังสจักษุ

การตักบาตรดอกไม้แตกต่างจากการตักบาตรประเภทอื่น ๆ อย่างไรบ้าง?

   การตักบาตรดอกไม้ในประเทศไทยที่ถือว่ามีชื่อเสียงโด่งดังเป็นที่รู้จักมากที่สุดก็คงจะเป็นที่วัดพระพุทธบาท สระบุรี ที่มาของการตักบาตรดอกไม้มีมาตั้งแต่ครั้งพุทธกาล คือ ที่กรุงราชคฤห์ ซึ่งมีกษัตริย์คือพระเจ้าพิมพิสาร ในครั้งนั้นจะมีนายมาลาการทำหน้าที่ดูแลเรื่องดอกไม้ เขาจะเอาดอกมะลิไปถวายพระเจ้าพิมพิสารวันละ ๘ กำ มีอยู่วันหนึ่งนายมาลาการกำลังจะเอาดอกมะลิ ๘ กำ ไปถวายพระราชา ระหว่างทางเห็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามีฉัพพรรณรังสีงดงามเหลือเกิน ก็เกิดปีติศรัทธาขึ้นมา เอาดอกมะลิไปถวายพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งหมด พอกลับถึงบ้าน เล่าให้ภรรยาฟัง ภรรยาบอกว่า “อย่างนี้มีโทษแน่ คอขาดแน่นอน ฉันไม่เห็นด้วยกับพี่ ถ้าอยู่กับพี่ต่อไป สงสัยฉันโดนประหารไปด้วย” นางจึงหนีออกจากบ้านไปเลย
   พอเรื่องราวรู้ไปถึงพระเจ้าพิมพิสาร ซึ่งเป็นพระโสดาบันแล้ว พระองค์ไม่ได้พิโรธเลย กลับทรงคิดว่า นายมาลาการฉลาดมาก มีศรัทธาเลื่อมใสในพระพุทธเจ้าเหมือนที่พระองค์ศรัทธา จึงพระราชทานทรัพย์ให้มากมาย และเลื่อนตำแหน่งให้ เรียกว่าบุญส่งผลทันตาเห็นเดี๋ยวนั้นเลย จุดนี้เองจึงเป็นที่มาของการตักบาตรดอกไม้ยุคปัจจุบัน
   ที่วัดพระพุทธบาท ในวันเข้าพรรษา คณะสงฆ์จะออกมาบิณฑบาต ญาติโยมก็จะเอาดอกไม้  ธูป เทียน ไปใส่บาตรกัน และเอาดอกเข้าพรรษา ซึ่งเป็นดอกไม่ชนิดหนึ่งที่ออกดอกปีละครั้งเดียวในช่วงเข้าพรรษา มีสีขาว สีเหลือง สวยมาก ไปเก็บกันมาจากรอบ ๆ เขาพระพุทธบาท แล้วก็เอาไปใส่บาตร เมื่อพระท่านรับดอกไม้เสร็จ ก็จะเอาไปบูชารอยพระพุทธบาทและพระบรมสารีริกธาตุ พอบูชาเสร็จเรียบร้อย เวลาพระออกมาจากมณฑปจะมีญาติโยมผู้ชายมานั่งรอเอาน้ำล้างเท้าให้ก่อนที่ท่านจะเข้าโบสถ์ไปอธิษฐานพรรษา

หลายคนบอกว่าถ้าไปทำบุญกับวัดที่มีชื่อเสียงและมีคนเยอะ ๆ จะได้อานิสงส์มากแบบนี้คิดถูกไหม?
 
   พิธีกรรมเป็นเหมือนกับเปลือกหรือกระพี้ เพื่อน้อมนำใจเราให้เข้าใกล้พระรัตนตรัย เช่น ได้ยินเขาบอกว่ามีการตักบาตรดอกไม้ ก็อยากจะไปดูสักหน่อยว่าเป็นอย่างไร รู้สึกมีแรงบันดาลใจอยากจะไป หรืออยากจะไปดูหน่อยว่าเทียนพรรษาเป็นอย่างไร ทำให้เราได้เข้าวัด พิธีกรรมจึงเป็นเครื่องหนุนส่ง แต่ถ้าเราเป็นคนที่หนักแน่นในธรรมอยู่แล้ว และปฏิบัติธรรมสม่ำเสมออยู่แล้ว อย่างนี้ไปที่ไหนก็ได้ วัดใกล้บ้านก็ได้ หรือว่าวัดไหนสอนให้เราปฏิบัติธรรม ได้ทำความดีเต็มที่ เราก็ไป ถ้าอย่างนี้ก็เหมือนกับว่าพิธีกรรมมีบทบาทรองลงมา เพราะเราเองพร้อมอยู่แล้ว
   แต่ถ้าเราจะชวนคนใหม่มาสวดมนต์นั่งสมาธิได้เลยก็ให้ชวน แต่คนไหนชวนไปตักบาตรดอกไม้หรือไปแห่เทียนพรรษาง่ายกว่า ก็ชวนเขาไปเลย ถือว่าเป็นอุบายจูงคนให้เข้าสู่พระรัตนตรัย

หลังจากครบ ๓ เดือน นอกจากจะทำความดีต่อเนื่องแล้ว ยังมีกิจกรรมทางพระพุทธศาสนาอะไรที่พุทธศาสนิกชนต้องไปร่วมปฏิบัติหรือต้องทำอย่างต่อเนื่อง?

   ถ้าเป็นในยุคก่อน พอออกพรรษาเสร็จแล้ว กิจกรรมที่รออยู่แน่ ๆ คือการทอดกฐิน การทอดกฐินจะทำได้ในช่วง ๑ เดือน หลังจากออกพรรษา จะทอดวันไหนก็ได้ ออกพรรษาแล้วรุ่งขึ้นรับกฐินเลยก็ได้ จนถึงวันสุดท้ายคือวันลอยกระทง พอเสร็จกฐินแล้ว ส่วนใหญ่พระภิกษุจะเดินธุดงค์กัน แต่ระยะหลังมานี้ พระธุดงค์เริ่มไม่ค่อยมี ต้องบอกว่าตอนนี้เรากำลังเอาของเก่ามาปัดฝุ่น เดี๋ยวพออกพรรษาแล้ว พระธรรมทายาทที่บวชพร้อมกันทั้งประเทศก็จะมีการเดินธุดงค์กัน จะคึกคักสนุกสนานมาก ในระหว่างพรรษานี้ให้พวกเราตั้งใจสวดมนต์ นั่งสมาธิ เตรียมตัวเตรียมใจไว้เลย ถึงช่วงเดินธุดงค์ของพระแล้วละก็ ใครพร้อมเป็นลูกศิษย์ไปเดินธุดงค์กับท่านได้ หรือถ้าใครยังไม่สามารถลางานได้ครั้งละ ๗ วัน จะไปรอใส่บาตรก็ได้ แล้วก็ไปฟังเทศน์ฟังธรรม อยู่ใกล้ที่ไหนให้ทำที่นั่น เพราะจะมีการเดินธุดงค์กันทั่วประเทศ จะสนุกคึกคักมาก และเป็นการยกยอพระพุทธศาสนาให้สูงเด่น กลับมาเป็นหลักใจของชาวพุทธอย่างมั่นคงทั้งประเทศไทย

ทำไมต้องธุดงค์และทำไมคนอยากจะใส่บาตรกับพระธุดงค์มาก?

   พระธุดงค์มีข้อดีคือจะต้องมักน้อยสันโดษเพราะว่าจะต้องแบก คนเราถ้าต้องแบกที่พักติดตัวไปด้วยจะเป็นอย่างไร อยากจะเอาของไปเยอะ ๆ ไหม ถ้าอยู่บ้านอันนี้เราก็เสียดาย อันนี้ก็จำเป็น ของจำเป็นเยอะไปหมด แต่ถ้าต้องแบกขึ้นหลังเดินไปเองเป็นอย่างไร อันนี้ก็ไม่ค่อยจำเป็น อันนั้นก็ไม่ค่อยจำเป็น เพราะมันหนัก ต้องเดินวันหนึ่งเป็นสิบ ๆ กิโลเมตร สุดท้ายจะเหลือเฉพาะของที่จำเป็นต้องใช้จริง ๆ
   การธุดงค์ทำให้เราแยกออกระหว่างคำว่า “จำเป็น หรือ Need” กับคำว่า “ต้องการ หรือ Want” ปกติคนเรามักแยกไม่ออก อะไรก็จำเป็นไปหมด จริง ๆ ไม่จำเป็นหรอ เป็นแค่ความอยากมากกว่า แต่พอดินธุดงค์แล้วจะแยก ๒ อย่างนี้ออก แล้วระหว่างที่เดินไปนั้น เชื่อไหมว่า การย่ำในผืนแผ่นดินไทยทีละก้าว ๆ ให้รู้จักเม็ดทรายทุกเม็ดบนแผ่นดินที่ย่างไป จะทำให้เกิดความรู้สึกเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันระหว่างเรากับแผ่นดินมากขึ้น แต่ถ้าเรานั่งรถจากที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่ง นั่งไป ๑๐๐ รอบ จะรู้จักแผ่นดินดีเท่าเดินด้วยเท้าสัก ๑ รอบก็ไม่ได้
   นอกจากนี้ เราจะสัมผัสใกล้ชิดชาวบ้านมาก แล้วเวลาเดินไปเราก็ทำสมาธิไปด้วย เหมือนกับเดินจงกรมไปด้วย พออย่างนี้แล้วเรื่องอื่น ๆ มันหลุดไปจากใจ ข้าวของก็ใช้เท่าที่จำเป็น เดินธุดงค์ไปสิ่งที่ห่วงพะวงในใจมันก็หลุดไปด้วย เหลือแค่คุมใจตัวเอง ถ้าทำถูกหลักแล้วละก็ การปฏิบัติธรรมก็จะก้าวหน้าได้เร็วด้วย ฉะนั้น ญาติโยมเขาเห็นพระท่านตั้งใจอย่างนั้น เขาก็มีศรัทธาเป็นพิเศษ จึงมาใส่บาตรให้การอุปถัมภ์บำรุง
   อย่างสมัยก่อน บางช่วงพระธุดงค์เดินผ่านภูเขามาไม่มีคนใส่บาตร เพราะมีแต่ป่า บางครั้งท่านอดข้าวมา ๓ วัน ท่านก็สู้ พอมาถึงหมู่บ้าน ชาวบ้านก็ตั้งใจอุปถัมภ์บำรุงเต็มที่ให้ท่านแข็งแรง เพราะเวลาที่ท่านเดินต่อไปข้างหน้า บางหมู่บ้านอาจจะไม่มีคน ท่านจะได้สู้ไหว การเดินธุดงค์จึงไม่ใช่เรื่องสบาย ต้องอดทน ต้องฝึกตน ทนหิว บำเพ็ญตบะ

ที่มา – นิตยสาร อยู่ในบุญ ปีที่ ๙ ฉบับที่ ๑๐๖ เดือนสิงหาคม พ.ศ.๒๕๕๔
เรื่องโดย : พระมหาสมชาย ฐานวุฑฺโฒ (M.D.; Ph.D.)

556
  สวัสดี  พีเก่ง  รุป หล่อ  จำ ปม ได้ ปะ ครับ
ได้ ของ ดี มา พี่ พอ มี เพื่อ ผม บ้าง ปะ ครับ ( อยาก ได้ เช่า ก็ ได้  ครับ )
จะ ได้ ส่ง มา พร้อม กับ สี ผึ้ง เรย อะ ครับ อิ อิ อิ 
   ( ขอ มาก ไป ปะ เนีย อิ อิ อิ )
              ( ศิยษ์  หลวง โด่ง )
สวัสดีครับผม

เห็นว่าจะลงมากับอาจารย์โส ไม่ใช่หรือครับ :001:

ด้วย :054:ความเคารพ

557
เมื่ออาตมา(หลวงพ่อจรัญ)ได้พบกับสมเด็จพระพนรัตน์ วัดป่าแก้ว



   
ในภาพนี้คือภาพของพระพุทธวิถีนายก (หลวงปู่บุญ ขนฺธโชติ) อดีตเจ้าอาวาส วัดกลางบางแก้ว อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ครับ.

บทพาหุงมหากา เป็นการกล่าวถึงชัยชนะของพระพุทธเจ้า ดังเรื่องราวที่มาในพุทธประวัติครับ สาธุ สาธุ อนุโมทามิ.

558
สุขสันต์วันเกิดนะครับน้องกวาง

   ขออาราธนาคุณพระรัตนะตรัยอันไม่มีประมาณ โปรดบันดาลให้น้องกวางมีความสุขทั้งกายและใจ

คิดหวังสิ่งใดที่เป็นไปด้วยชอบประกอบไปด้วยธรรมก็ขอให้สมความปรารถนา ให้ได้ที่สุดของรูปสมบัติ ทรัพย์สมบัติ คุณสมบัติ

ให้ได้เป็นเศรษฐีมหาเศรษฐีใจบุญค้ำจุนพระพุทธศาสนา ให้มีดวงตาเห็นธรรม เข้าถึงธรรมได้โดยง่าย โดยเร็วพลัน

ไปทุกภพทุกชาติ ตราบกระทั่งถึงที่สุดแห่งธรรม เทอญ.

559
มีพิธีพุทธาภิเษกไปเมื่อวันที่ ๒๘ กรกรฎาคมที่ผ่านมาครับ ไม่ได้ไปร่วมงานแต่โชคดีที่มีคนเก็บไว้ให้ นำภาพมาให้ชมครับ




ร่วมเดินทางไปกับรถหลวงปู่...เก็บภาพมาให้ชมกันอีกนิดครับ...รอยเจิมรถหลวงปู่อั๊บ



@สุวรรณภูมิ


560
อนุโมทนาด้วยครับคุณ immortal สาธุๆ

เพิ่งได้รับความกระจ่างจากคุณครูปทุม ที่กุฏิใหญ่วัดบางพระเมื่อวานนี้

เกี่ยวกับเรื่อง"สีลัพพตปรามาส"(๑ ในสังโยชน์)เลยนำมาเปรียบเทียบกับกระทู้นี้

ทำให้ได้รับความเข้าใจเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมากครับ สาธุ สาธุ อนุโมทามิ

561
ไวมากครับ..แป๊ปเดียวใส่หลอดตะกรุดเรียบร้อยแล้ว ยินดีด้วยครับผม. :001:

562
อะวัสสัง มะยา มะริตัพพัง หมั่นภาวนาพร้อมพิจารณาคำแปลแล้วจะเกิดปัญญาครับ

แปลว่า - เราจะต้องตายแน่ๆ.

563
กราบนมัสการพระอาจารย์ครับ

เรื่อง"โสตกรรมฐาน"นี้ผมยังจำได้เสมอและนำคำพระอาจารย์มาปรับใช้อยู่ตลอดครับ(รวมถึงเรื่องsnookerที่พระอาจารย์เคยเมตตาเล่าประสบการณ์ให้ฟัง) เมื่อนำมาปรับใช้แล้วสามารถทำได้จริงจุดนั้นเป็นจุดเริ่มต้นทำให้กระผมได้รู้จักคำว่าสมาธิมากขึ้นครับ

กราบนมัสการขอบพระคุณพระอาจารย์เป็นอย่างสูงครับผม :054:

564
มีข้อมูลความรู้มาเสริมครับ

"เข้าพรรษา" แปลว่า "พักฝน" หมายถึง พระภิกษุสงฆ์ต้องอยู่ประจำ ณ วัดใดวัดหนึ่งระหว่างฤดูฝน โดยเหตุที่พระภิกษุในสมัยพุทธกาล มีหน้าที่จะต้องจาริกโปรดสัตว์ และเผยแผ่พระธรรมคำสั่งสอนแก่ประชาชนไปในที่ต่าง ๆ ไม่จำเป็นต้องมีที่อยู่ประจำ แม้ในฤดูฝน ชาวบ้านจึงตำหนิว่าไปเหยียบข้าวกล้าและพืชอื่นๆ จนเสียหาย พระพุทธเจ้าจึงทรงวางระเบียบการจำพรรษาให้พระภิกษุอยู่ประจำที่ตลอด 3 เดือน ในฤดูฝน คือ เริ่มตั้งแต่วันแรม 1 ค่ำ เดือน 8 ของทุกปี ถ้าปีใดมีเดือน 8 สองครั้ง ก็เลื่อนมาเป็นวันแรม 1 ค่ำ เดือนแปดหลัง และออกพรรษาในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 เว้นแต่มีกิจธุระเจ้าเป็นซึ่งเมื่อเดินทางไปแล้วไม่สามารถจะกลับได้ในเดียวนั้น ก็ทรงอนุญาตให้ไปแรมคืนได้ คราวหนึ่งไม่เกิน 7 คืนเรียกว่า สัตตาหะ หากเกินกำหนดนี้ถือว่าไม่ได้รับประโยชน์ แห่งการจำพรรษา จัดว่าพรรษาขาด ระหว่างเดินทางก่อนหยุดเข้าพรรษา หากพระภิกษุสงฆ์เข้ามาทันในหมู่บ้านหรือในเมืองก็พอจะหาที่พักพิงได้ตามสมควร แต่ถ้ามาไม่ทันก็ต้องพึ่งโคนไม้ใหญ่เป็นที่พักแรม ชาวบ้านเห็นพระได้รับความลำบากเช่นนี้ จึงช่วยกันปลูกเพิง เพื่อให้ท่านได้อาศัยพักฝน รวมกันหลาย ๆองค์ ที่พักดังกล่าวนี้เรียกว่า "วิหาร" แปลว่าที่อยู่สงฆ์

ที่มา
http://www.mindcyber.com/story/buddhismday/ 16-วันเข้าพรรษา-วันสำคัญทางพระพุทธศาสนา.html

อนุญาตให้ไปแรมคืนได้ คราวหนึ่งไม่เกิน 7 คืนเรียกว่า สัตตาหะ

ถาม............หากเกิน 7 วัน จะเกิดอะไรขึ้นและแก้ไขได้อย่างไรครับ

ขอบคุณครับ

ถาม............หากเกิน 7 วัน จะเกิดอะไรขึ้นและแก้ไขได้อย่างไรครับ?

   หากภิกษุสัตตาหะแล้วเกิน ๗ วัน ก็จะเท่ากับว่าพรรษาขาดและปรับอาบัติทุกกฏครับ

ส่วนการแก้ไข อาบัติทุกกฎจัดเป็น"ลหุกาบัติ"เป็นอาบัติเบา และเป็น"สเตกิจฉา" เป็นอาบัติที่แก้ไขได้ โดยการแสดงอาบัติต่อภิกษุอื่นครับก็จะพ้นจากอาบัติดังกล่าว

และเมื่อพรรษาขาด ภิกษุนั้นก็จะไม่ได้รับอานิสงส์ของการจำพรรษาดังต่อไปนี้ครับ

๑.เที่ยวไปไหนโดยไม่ต้องบอกลา(หมายความถึง ออกจากวัดไปโดยไม่จำเป็นต้องแจ้งเจ้าอาวาสหรือพระสงฆ์รูปอื่นก่อนได้)

๒.เที่ยวไปโดยไม่ต้องถือไตรจีวรครบสำรับ ๓ ผืนก็ได้(สบง๑ จีวร๑ สังฆาฏิ๑)

๓.ฉันคณะโภชนะได้(ล้อมวงฉันภัตตาหารได้)

๔.เก็บอดิเรกจีวรไว้ได้ตามปรารถนา(ยกเว้นสิกขาบทข้อนิสสัคคิยปาจิตตีย์(ทำให้กุศลจิตตก จะแก้ไขได้โดยการแสดงคืน)บางข้อ)

๕.จีวรลาภอันเกิดในที่นั้นเป็นของภิกษุ(เมื่อมีผู้มาถวายจีวรเกินกว่าไตรครองสามารถเก็บไว้ได้โดยไม่ต้องสละเข้ากองกลาง).

565
ในพรรษา.....พระจะปฏิบัติธรรมเข้มงวดกว่านอกพรรษาหรือไม่ เช่น...นอนวันละ 3-4 ชั่วโมง
ไม่รวมการศึกษาปริยัติ
ในพรรษา.....พระจะปฏิบัติธรรมเข้มงวดกว่านอกพรรษาหรือไม่ เช่น...นอนวันละ 3-4 ชั่วโมงไม่รวมการศึกษาปริยัติ?

   ไม่เป็นข้อสรุปตายตัวครับ เพราะไม่ว่าจะอยู่ในช่วงเข้าพรรษาหรืออยู่ในช่วงออกพรรษาไปแล้วก็ตาม กิจของสมณะก็คือกระทำพระนิพพานให้แจ้งครับ(ตามที่กล่าวในวันอุปสมบท) การปฏิบัติธรรมบำเพ็ญเพียรนั้นก็เป็นสิ่งที่พระภิกษุควรทำเป็นนิจเป็นปกติอยู่แล้วครับ ในช่วงเข้าพรรษาพระภิกษุท่านก็จะมีเวลาศึกษาหาความรู้ ทบทวนพระวินัยฯ มากขึ้นครับ (ด้วยเพราะเหตุที่ว่าท่านได้อธิษฐานจำพรรษาในอาวาสไม่ได้ไปค้างแรมที่ไหนเป็นเวลา ๓ เดือน) ตรงนี้ก็อาจจะทำให้พระภิกษุมีเวลาปฏิบัติธรรมมากขึ้นด้วยเช่นเดียวกันครับ ส่วนที่ว่าเข้มงวดหรือไม่ ตรงนี้ถือเป็นเรื่องส่วนบุคคลครับว่าจะเข้มงวดในการปฏิบัติมากน้อยประการใด แล้วแต่ความสะดวกหรือวัตรปฏิบัติของท่านเป็นหลักครับ ไม่ตายตัว.   

566


   งานฉลองสมโภชโรงเรียนสหศึกษาบาลี และพิธีเปิดโรงเรียนพระปริยัติธรรมจังหวัดนครปฐม ถือเป็นจุดเริ่มต้นของภิกษุบวชใหม่ พระนวกะ และสามเณร ที่จะได้ศึกษาพระธรรมคำสอนภาคปริยัติ อันจะนำมาซึ่งปฏิบัติและปฏิเวธในท้ายที่สุด โดยคณะสงฆ์ทุกวัดในจังหวัดนครปฐมได้ร่วมพิธีเปิดโรงเรียนพระปริยัติธรรมวันนี้ ในภาคบ่ายพระภิกษุสามเณรทุกวัดในจังหวัดนครปฐมเจริญพระพุทธมนต์ และเวียนเทียนประทักษิณรอบองค์พระปฐมเจดีย์ ถวายเป็นพุทธบูชาครับ

เก็บภาพบรรยากาศที่วัดพระปฐมเจดีย์ราชวรมหาวิหาร จ.นครปฐม ในวันงานอุปสมบทพระภิกษุมาฝากกันนะครับ

พระอุโบสถวัดพระปฐมเจดีย์ราชวรมหาวิหาร




บริเวณกุฏิเดิมของพระธรรมปริยัติเวที (สุเทพ ผุสฺสธมฺโม ป.ธ.๙) เจ้าอาวาสวัดพระปฐมเจดีย์ราชวรมหาวิหารรูปปัจจุบัน


กราบนมัสการพระธรรมปริยัติเวที (สุเทพ ผุสฺสธมฺโม ป.ธ.๙) เจ้าอาวาสวัดพระปฐมเจดีย์ราชวรมหาวิหาร ด้วยความเคารพ


กราบนมัสการพระอาจารย์พระมหาสุวิทย์ ปวิชฺชญฺญู ป.ธ.๙ พระอาจารย์อีกรูปครับ






สำหรับภิกษุผู้บวชใหม่เล่มนี้มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งในชีวิตสมณะ"นวโกวาท"


บริเวณเขตสังฆาวาส






นำบุญมาฝากทุกท่านให้ได้ร่วมอนุโมทนากันนะครับ สาธุ สาธุ อนุโมทามิ

...

567
ในพรรษา....พระภิกษุ รับกิจนิมนต์(นอกอาวาส)ได้หรือไม่ หรือไม่ควรรับ
ในพรรษา....เหมาะไหม หากญาติโยมจะนิมนต์พระไปนอกอาวาส

ในพรรษา....พระภิกษุ รับกิจนิมนต์(นอกอาวาส)ได้หรือไม่ หรือไม่ควรรับ? ในพรรษา....เหมาะไหม หากญาติโยมจะนิมนต์พระไปนอกอาวาส?

   ในพรรษาพระภิกษุสามารถรับกิจนิมนต์นอกอาวาสได้ครับ และญาตฺโยมก็สามารถนิมนต์อาราธนาพระภิกษุไปประกอบพิธีต่างๆได้ครับ ในพระวินัยระบุไว้ว่าห้ามเที่ยวจาริกไปค้างแรมนอกอาวาสที่ได้อธิษฐานอยู่จำพรรษาไว้ครับ หากมีความจำเป็นจริงๆภิกษุก็ต้องสัตตาหะไปได้ไม่เกิน ๗ วันครับผม.

568
ขอบคุณครับ :054:

ผมพิมพ์ผิดและท่านเข้าใจถูก "การสึกกลางพรรษา...." (จิตหลุด :075:)

ขอถามเพิ่มเติมอีกครับ อาจไม่เกี่ยวกับเข้าพรรษา
แต่ผมไปยืนอ่านระเบียบของวัดแห่งหนึ่ง กำหนดคุณสมบัติของผู้ที่จะบวชพระ ไว้พอเข้าใจดังนี้

1.ต้องมีอายุไม่เกิน....ปี
2.ต้องไม่เคยบวชพระมาก่อน
3.ไม่เคยต้องคดีอาญา
4.ไม่สักยันต์(สี)
5.......
(จะหาโอกาสถ่ายระเบียบมาให้ชม)


ทางวัดสามารถกำหนดระเบียบเช่นนั้นได้ด้วยหรือครับ :062:

ขอบคุณครับ
   ลองอ่านคร่าวๆแล้วนะครับ ในความเห็นส่วนตัว คิดว่าน่าจะเป็นการจัดอุปสมบทหมู่นะครับ เลยมีการกำหนดหลักเกณฑ์เช่นนี้ ข้อ ๑,๓,๔ ยังพอเข้าใจเหตุผลครับ แต่ข้อ ๒ นี่ไม่ทราบวัตถุประสงค์จริงๆครับว่าเพื่อวัตถุประสงค์อะไร อย่างเช่น ข้อ๑.จำกันอายุผู้บวช ผมคิดว่าตรงนี้น่าจะเป็นอุปสมบทหมู่เพราะหากมีผู้สูงอายุมาบวชจะดูแลตนเองได้ลำบากครับ หรือ ห้ามอุปัชฌาย์บวชให้ผู้ต้องโทษคดีอาญาอยู่ หากอุปัชฌาย์บวชให้ต้องปรับอาบัติทุกกฏ หรือ การสักสีบริเวณนอกร่วมผ้า(ในที่นี้คือตั้งแต่ไหล่ขวาลงมาถึงแขน จะสังเกตเห็นได้ขณะที่ภิกษุครองผ้าห่มดองและห่มลดไหล่) ลองคิดภาพดูครับว่า หากสักเป็นรูปไม่เหมาะสมในบริเวณนั้น หรือบริเวณอื่นที่ผ้าจีวรปกปิดไม่ได้ ผู้ที่มาพบเห็นจะรู้สึกเช่นไรครับ น่าจะประมาณนี้ครับ

   มาย้อนดูที่พระวินัยครับ ด้วยเรื่องสมบัติของการอุปสมบท ๕ ประการ

ในปัจจุบันอุปสมบทด้วยวิธีญัตติจตุตถกัมมอุปสัมปทา ต้องมีองค์ประกอบด้วยกัน ๕ ประการ จึงจะถือได้ว่าเป็นการอุปสมบทที่ถูกต้องสมบูรณ์ครับ รายละเอียดดังนี้

๑.วัตถุสมบัติ คือ คุณสมบัติของผู้ที่จะอุปสมบท มีอยู่ด้วยกัน ๕ ประการ คือ

   ๑) ต้องเป็นมนุษย์ผู้ชาย

   ๒) ต้องมีอายุ ๒๐ ปีบริบูรณ์

   ๓) ต้องไม่เป็นบุคคลวิบัติ ในที่นี้อย่างเช่น แปลงเพศ เป็นต้น

   ๔) ไม่เคยทำความผิดร้ายแรง อาทิ ปิตุฆาต มาตุฆาต เป็นต้น

   ๕) ไม่เคยทำความผิดหนักในพระพุทธศาสนามาก่อน อย่างเช่น เคยต้องอาบัติปาราชิกมาก่อน เป็นต้น

๒.ปริสสมบัติ คือ จำนวนพระภิกษุต้องมีครบตามจำนวนที่พระพุทธองค์ทรงบัญญัติไว้คือ ในมัชฌิมประเทศ ต้องมีภิกษุอย่างน้อย ๑๐ รูปขึ้นไป ถึงจะประกอบพิธีได้ และในปัจจนตประเทศ ต้องมีภิกษุอย่างน้อย ๕ รูป ถึงจะประกอบพิธีบวชให้ได้ หากน้อยกว่านี้ทั้งสองกรณีจะถือว่าปริสวิบัติครับ

๓.สีมาสมบัติ คือขอบเขตพัทธสีมาต้องได้มาตรฐาน ถูกต้องตามพระวินัย(ลองศึกษาเพิ่มเติมดูครับ)

๔.บุพกิจ คือ กิจที่จะต้องทำก่อนการอุปสมบท อาทิเช่น การบรรพชา การขอนิสสัย การถืออุปัชฌาย์ การสมมติภิกษุสอบถามอันตรายิกธรรม(มีข้อปลีกย่อยลงไปอีก อาทิเป็นโรคนี้หรือเปล่า เป็นมนุษย์ไหม อายุครบ ๒๐ปีบริบูรณ์หรือเปล่าฯ) เป็นต้น

๕.กรรมวาจาสมบัติ คือ ผู้สวดญัตติ และอนุสาวนา ต้องสวดให้ถูกต้องตามอักขระ ไม่ผิดพลาด ชัดเจน ไม่ตกหล่น ถ้ามีภิกษุรูปหนึ่งรูปใดทักท้วงคัดค้านก็จะถือว่ากรรมนั้นเสียไป แต่ถ้าภิกษุที่มาประชุมกันทุกรูปนิ่งเฉย แสดงว่าเป็นการยอมรับเข้าหมู่สงฆ์ จะถือว่าการบวชเป็นอันสำเร็จ

   ทั้งหมดนี้หากองค์ประกอบไม่ครบข้อใดข้อหนึ่ง ถือว่าการบวชในครั้งนั้นใช้ไม่ได้ครับ จะเรียกว่าเป็นอุปสมบทวิบัติ

.............................................................

569
ขอเรียนถามเพิ่มเติม

หากคนไฝ่รู้ธรรมะ ไฝ่ปฏิบัติและศึกษา บวชเรียนในพรรษา พอครบพรรษาแล้วลาสิกขาออกไปเป็นฆราวาส 9 เดือน พอเข้าพรรษาแล้วมาบวชใหม่ ทำหลายๆครั้ง อย่างนี้จะได้ไหม แล้วที่ว่าชายสามโบสถ์คบไม่ได้....มันเป็นเช่นไร

การนับพรรษา หากบวชปีนี้ 1 พรรษา(3 เดือนและสึก) แล้วปีหน้าบวชอีก 1 พรรษา(อีก 3 เดือน) จะนับรวมเป็นสองพรรษาได้หรือไม่

การสึกการพรรษาจะไม่ดีอย่างไร(ทั้งในบทบัญญัติและคติความเชื่อ) ทั้งมีเหตุจำเป็นและไม่จำเป็น

พระอรัญวาสี ออกธุดงควัตร จำเป็นต้องกลับมาเข้าพรรษาในวัดในสำนักหรือไม่ ถ้าไม่...จะต้องทำเช่นไร

ขอความกระจ่างด้วยครับ
หากคนไฝ่รู้ธรรมะ ไฝ่ปฏิบัติและศึกษา บวชเรียนในพรรษา พอครบพรรษาแล้วลาสิกขาออกไปเป็นฆราวาส 9 เดือน พอเข้าพรรษาแล้วมาบวชใหม่ ทำหลายๆครั้ง อย่างนี้จะได้ไหม แล้วที่ว่าชายสามโบสถ์คบไม่ได้....มันเป็นเช่นไร?

   อุปสมบทแล้วลาสิกขาออกไปเป็นฆาราวาสและกลับเข้ามาอุปสมบทใหม่และลาสิกขาไปอีกเช่นนี้เรื่อยๆ สามารถทำได้ครับ(คำของพระอาจารย์ที่ผมเคารพท่านนึงได้กล่าวไว้ว่า"พระไทยบวชได้สึกได้")

   คราวนี้มาลองดูในพระวินัยกันบ้างครับ ในพระวินัยได้ห้ามผู้ที่เคยอุปสมบทแล้ว แล้วทำอาบัติหนักคือ"ปาราชิก"(แปลว่า ผู้พ่าย) ห้ามกลับมาบวชในพระพุทธศาสนาอีกครับ ถึงแม้ว่าจะผ่านพิธีญัตติจตุตถกรรมอุปสัมปทาแล้วก็ตาม ก็ไม่ได้ชื่อว่าเป็นภิกษุ ถือว่าเป็นแค่ผู้นำผ้าเหลืองมาห่มกายเพียงแค่นั้น อาบัติปาราชิก ถือเป็น อาบัติหนักร้ายแรงที่สุดในเพศสมณะ หากเปรียบเทียบเป็นโทษของฆาราวาส ก็เท่ากับโทษประหารชีวิตเลยทีเดียว ฉะนั้นภิกษุผู้ต้องอาบัติปาราชิกแล้ว ก็จะขาดจากความเป็นพระทันที และไม่มีสิทธิ์ที่จะกลับมาบวชอีกในชาตินั้นอีกด้วยครับ

   เรามาลองดูกันครับว่าอาบัติปาราชิกมีอะไรกันบ้าง อาบัติปาราชิก มีอยู่ด้วยกัน ๔ สิกขาบท ได้แก่

๑. ภิกษุเสพเมถุน(ร่วมประเวณี,มีเพศสัมพันธ์)กับมนุษย์ อมนุษย์ หรือแม้แต่สัตว์ดิรัจฉาน ต้องอาบัติปาราชิก(เพียงแค่มรรคจรดมรรคก็ถือว่าขาดจากความเป็นภิกษุทันที)

๒. ภิกษุลักทรัพย์ของผู้อื่น มีราคาตั้งแต่ ๕ มาสก ขึ้นไป(๕ มาสก เทียบได้กับ ๑ บาท ไทย)ต้องอาบัติปาราชิก(เพียงแค่ของเคลื่อนจากที่ หรือ เพียงแค่ยกแล้วลมลอดผ่านได้ ก็ขาดจากความเป็นภิกษุทันที)

๓. ภิกษุแกล้งฆ่ามนุษย์ให้ตาย ต้องอาบัติปาราชิก(คำว่ามนุษย์ในที่นี้ เริ่มนับตั้งแต่ปฏิสนธิในครรภ์)

๔. ภิกษุอวดอุตริมนุษธรรมที่ไม่มีในตน(อวดคุณวิเศษที่ไม่มีในตน) ต้องอาบัติปาราชิก (เพียงแค่ผู้รู้เดียงสาเข้าใจในความหมายนั้น ต้องขาดจากความเป็นพระทันที)

   ทั้ง ๔ ข้อนี้ ถือเป็นพื้นฐานของผู้บวชในพระพุทธศาสนา ที่จะต้องได้รับการอบรมจากพระอุปัชฌาย์ในวันอุปสมบท มีกล่าวไว้ในอนุศาสน์ ๘ ในหัวข้อ อกรณียกิจ ๔

จึงได้ข้อสรุปว่า เมื่อบวชเป็นพระแล้วลาสิกขาสึกออกมา แล้วกลับไปบวชอีกแล้วสึกอีก เช่นนี้เรื่อยไป สามารถทำได้ หากขณะเป็นภิกษุไม่ต้องอาบัติปาราชิกมาก่อนครับ

แล้วที่ว่าชายสามโบสถ์คบไม่ได้....มันเป็นเช่นไร?

   "หญิงสามผัว ชายสามโบสถ์ คบไม่ได้" เป็นคำกล่าวที่เราๆท่านๆอาจจะเคยได้ยินหรือได้ฟังมาบ้างนะครับ ในความเห็นส่วนตัวคิดว่า ที่คบไม่ได้เพราะ มีจิตใจโลเลไม่มั่นคง ไม่มีความแน่นอน

   เพราะอะไร? ก็เพราะว่า ในวันอุปสมบทผู้บวชได้กล่าวคำขอบวช ขอนิสสัย ในท่ามกลางที่ประชุมสงฆ์ ต่อหน้าพระประธาน ภายในขอบเขตพัทธสีมาของพระอุโบสถ และกล่าวคำซึ่งเป็นวัตถุประสงค์ของการบวชด้วยภาษาบาลีไว้ว่า "สัพพะทุกขะนิสสะระณะ นิพพานะสัจฉิกะระณัตถายะฯ" เป็นต้น แปลความโดยย่อว่า "ขออุปสมบทเพื่อกระทำพระนิพพานให้แจ้ง" หากมีความประสงค์ตามที่กล่าวไว้จริงๆ ให้ลองสังเกตดูขณะที่จะลาสิกขาบทครับ ในพิธีสึกเราจะต้องกล่าวกับพระสงฆ์โดยแปลความได้ว่า "ขอท่านทั้งหลายจงจำข้าพเจ้าไว้ว่า บัดนี้ข้าพเจ้าได้เป็นคฤหัสถ์แล้ว " ก่อนที่จะดึงผ้าพาด(สังฆาฏิ)ออก ท่านจะถามเราว่า "ปลงพระวินัยตกหรือยัง?" คำถามนี้มันเป็นอะไรที่สะเทือนใจสุดๆครับสำหรับผม ผมเองตอบท่านกลับไปอย่างชนิดที่ว่าพูดไม่ออก เสียงสั่นเครือ น้ำตาคลอเบ้าทั้งสองข้าง ถือว่าเป็นสิ่งที่สะเทือนอารมณ์อย่างนึงในชีวิตนี้ที่ได้เคยประสบพบมาครับ

   หากคุณลองเจอสถานการณ์แบบนี้บ้างก็จะรู้เองครับว่าความรู้สึกมันเป็นอย่างไร และก็จะเข้าใจความหมายของคำว่า"ชายสามโบสถ์ คบไม่ได้" คืออะไร? แล้วทำไมผมเองจึงให้ความหมายว่า คือ คนที่มีจิตใจโลเล ไม่มั่นคง คำตอบมันกรองผ่านมาจากข้างในจริงๆครับ

   แต่ก็ไม่ใช่เสมอไปนะครับที่ว่า ชายสามโบสถ์จะคบไม่ได้ไปเสียทีเดียว มันเป็นเพียงแค่คำกล่าวที่ใช้ได้ในบางกรณีเท่านั้นครับ ลองนึกย้อนกลับไปในสมัยพุทธกาล ก็เคยเกิดเหตุการณ์เช่นนี้มาแล้ว เรื่องก็มีอยู่ว่ามีชายหนุ่มคนนึงหาเลี้ยงชีพด้วยการเกษตรกรรม ทำงานหนักตรากตรำจนร่างกายผอมโซ เมื่อเห็นพระภิกษุผู้เป็นศิษย์ของตถาคต อยู่ดีกินดี มีคนนำภัตตาหารมาถวาย ได้รับการกราบไหว้บูชา คิดอยากจะได้ลาภสักการะเช่นนั้นบ้าง จึงเข้าไปขออุปสมบทกับพระรูปนึง ท่านก็อุปสมบทให้(สมัยก่อนนั้นหากไม่ได้บวชแบบเอหิภิกขุอุปสัมปทา พระพุทธองค์ทรงอนุญาตให้ใช้วิธีติสรณคมนูอุปสัมปทาได้) พออยู่ไปได้สักพักนึงร่างกายก็บริบูรณ์ เลยคิดอยากจะสึกกลับไปหาเลี้ยงชีพตามแบบเก่า จึงขอลาสิกขาออกไป เมื่อลาสิกขาออกไปแล้วก็เกิดเหตุการณ์เช่นเดิม ก็ได้กลับมาบวชอีกแล้วก็สึกอีก เป็นเช่นนี้อยู่หลายครั้ง จนพระที่เป็นผู้บวชให้เอือมระอา เมื่อมาขอบวชอีกจึงกล่าวทักท้วงไปไม่ให้บวช แต่พระพุทธองค์ทรงเล็งเห็นถึงการบรรลุธรรมของหนุ่มผู้นั้นจึงทรงอนุญาตให้บวช และในที่สุดก็ได้สำเร็จเป็นพระอรหันต์ผู้หมดกิเลสรูปนึงในบวรพระพุทธศาสนาครับ

การนับพรรษา หากบวชปีนี้ 1 พรรษา(3 เดือนและสึก) แล้วปีหน้าบวชอีก 1 พรรษา(อีก 3 เดือน) จะนับรวมเป็นสองพรรษาได้หรือไม่?

   การนับพรรษามีวิธีการนับอย่างนี้ครับ จะนับเป็นพรรษาได้ ต้องอยู่จำพรรษาในช่วงเข้าพรรษา ๓ เดือน ก่อนครับ จึงจะเริ่มนับพรรษาที่ ๑ ได้ หากบวชในช่วงที่ไม่ได้เข้าพรรษาถึงแม้ว่าระยะเวลาจะครบ ๓ เดือนก็จริง ก็จะยังไม่นับว่าเป็นพรรษาที่ ๑ ครับ

   หากลาสิกขาบท(สึก)แล้ว กลับมาบวชใหม่ ก็จะต้องเริ่มนับพรรษา ๑ ใหม่เช่นกันครับ จะนำจำนวนพรรษาที่เคยบวชมาก่อนหน้านี้มารวมนับไม่ได้ครับ

การสึกการพรรษาจะไม่ดีอย่างไร(ทั้งในบทบัญญัติและคติความเชื่อ) ทั้งมีเหตุจำเป็นและไม่จำเป็น?

   ผมเข้าใจประมาณจะถามว่า การสึก"กลาง"พรรษาจะไม่ดีอย่างไร(ทั้งในบทบัญญัติและคติความเชื่อ) ทั้งมีเหตุจำเป็นและไม่จำเป็น? นะครับ (ผิดถูกอย่างไรขออภัยครับผม) อธิบายดังนี้ครับ

   การเข้าพรรษา ภิกษุจะต้องอธิษฐานเข้าพรรษาด้วยการกล่าวคำว่า "อิมสฺมึ อาวาเสอิมํ เตมาสํ วสฺสํ อุเปมิ" คำแปลก็ประมาณว่า ข้าพเจ้าขอตั้งอธิษฐานว่าจะอยู่จำพรรษาในอาวาสนี้ เป็นเวลา ๓ เดือน เมื่อภิกษุได้กล่าวแล้ว ก็ต้องปฏิบัติตามสัจจะที่ตนได้กล่าวไว้ หากแม้ภิกษุรูปใดที่มีเหตุจำเป็น อาจจะลาสิกขาก่อนหรืออะอไรก็ตาม เวลาประชุมสงฆ์เพื่ออธิษฐานเข้าพรรษา ก็ไม่ต้องอธิษฐานเข้าพรรษาก็ได้ครับ เพราะไม่ได้ตั้งสัจจะอธิษฐานไว้ แล้วจะสึกกลางพรรษาก็ไม่เป็นอะไรครับ แต่ถ้าหากอธิษฐานเข้าพรรษาไปแล้ว แล้วมีเหตุต้องจาริกไปตามที่ต่างๆด้วยเหตุจำเป็นจริงๆ พระวินัยมีทางออกให้ไว้คือการสัตตาหะ คือลาไปไม่เกิน ๗ วันครับ(ลองศึกษาเพิ่มเติมดูครับ)

   คราวนี้กลับมามองในเรื่องทางโลกครับ ชาวบ้านโดยทั่วไป มักจะเข้าใจผิดคิดว่า พระที่สึกกลางพรรษานั้น จะต้องทำความผิดอย่างร้ายแรง จนโดนสึกเสียมากกว่าครับ แต่ความจริงต้องลองพิจารณาเหตุผลประกอบไปด้วยครับ จึงจะทราบความเป็นจริงว่าเป็นมาอย่างไร

พระอรัญวาสี ออกธุดงควัตร จำเป็นต้องกลับมาเข้าพรรษาในวัดในสำนักหรือไม่ ถ้าไม่...จะต้องทำเช่นไร?

   ความเป็นไปได้ก็คือ ต้องหาอาวาสเพื่ออธิษฐานเข้าพรรษา ทั้งนี้เพื่อเป็นการไม่ให้ผิดพระธรรมวินัย ที่พระพุทธเจ้าได้กล่าวไว้ว่า ให้ภิกษุอยู่จำพรรษา เริ่มตั้งแต่วันแรม ๑ ค่ำ เดือน ๘ ของทุกปี ถ้าปีใดมีเดือน ๘ สองครั้ง ก็เลื่อนมาเป็นวันแรม ๑ ค่ำ เดือนแปดหลัง จนถึงวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๑ ครับผม

......................................


570
ขอเรียนถามท่าน ปุญฺญานุสฺสติ(สิบทัศน์)

พอดีวันนี้ ไปกราบท่านพระอาจารย์ฯ :054: เพื่อถวายเทียนพรรษาพร้อมทั้งน้ำผึ้ง...
แล้วคุยกับน้ิองท่านหนึ่ง น้องบอกว่า ในพรรษาพระท่านจะไม่บิณฑบาต แต่ผมคิดว่าถ้าไม่บิณฑบาตพระท่านจะเอาอะไรขบฉัน
ส่วนท่านพระอาจารย์ฯ ในพรรษาท่านจะไม่ฉันข้าว จะฉันแต่ผลไม้และน้ำผึ้ง เป็นต้น วันนี้ผมก็นำภัตตาหาร(ข้าวและกับข้าว)ไปถวายท่าน
ท่านบอกไม่ฉันแล้วครับ :054: กำลังปรับกระเพาะร่างกายเพื่อฉันผลไม้

ทั้งสองประการมีที่มาเช่นไรครับ ใคร่ขอทราบเป็นความรู้ครับ

ขอบคุณครับ
ประเด็นเรื่องภิกษุไม่บิณฑบาตในช่วงเข้าพรรษา

   การบิณฑบาตของภิกษุ เป็น ๑ ใน"นิสสัย" (คือ ปัจจัยเครื่องอาศัยของบรรพชิต ,สิ่งที่บรรพชิตพึงกระทำ) ซึ่งประกอบไปด้วย ๔ อย่าง คือ เที่ยวบิณฑบาต, นุ่งห่มผ้าบังสุกุล, อยู่โคนไม้, ฉันยาดองด้วยน้ำมูตรเน่า

   - เที่ยวบิณฑบาต ภิกษุต่างจากคฤหัสถ์ คฤหัสถ์มีการทำมาหาเลี้ยงชีพ เพื่อให้ได้มาซึ่งปัจจัย ๔ แต่ภิกษุไม่สามารถประกอบอาชีพเพื่อเลี้ยงชีพได้ ฉะนั้นภิกษุจึงต้องดำรงชีพในชีวิตสมณะโดยการบิณฑบาต(ปิณฺฑปาต = ก้อนข้าวที่ตก) ถือเป็นกิจที่สมณะพึงปฏิบัติเพื่อประโยชน์แก่ตน และประโยชน์แก่สาธุชนผู้แสวงบุญเลี้ยงดูทำนุบำรุงดูแลสมณะ เพื่อให้สมณะได้มีแรงมีกำลังในการศึกษาพระธรรมคำสอนและบำเพ็ญสมณธรรมอย่างสะดวกสบาย มีข้อยกเว้นกล่าวไว้เช่นกัน คือ หากมีสาธุชนกล่าวอาราธนานิมนต์ให้ฉันภัตตาหารแล้ว ก็ไม่ถือว่าผิดพระวินัยแต่ประการใด อย่างเช่น เช้านี้พระสงฆ์ไม่ได้ออกไปบิณฑบาต เพราะมีโยมสาธุชนนิมนต์ให้ไปฉันภัตตาหารอยู่ก่อนแล้ว ก็ไม่ถือว่าผิดนิสสัยแต่ประการใด เป็นต้น

   - นุ่งห่มผ้าบังสุกุล พระภิกษุนุ่งห่มผ้าไตรจีวร ที่กล่าวกันว่าคือ"ธงชัยของพระอรหันต์" ประกอบไปด้วยผ้า ๓ ผืน ได้แก่ สบง ๑,ผ้าจีวร ๑ ,สังฆาฏิ ๑ รวมเป็น ๓ ผืน ก่อนพระภิกษุจะนุ่งห่มผ้าก็จะต้องมีการพิจารณาทั้งก่อนใช้ ขณะใช้ และหลังใช้ ว่านุ่งห่มเพื่อบำบัดความหนาว บำบัดสัมผัสอันเกิดจากเหลือบ ยุง ลม แดด สัตว์ทั้งหลาย และเพื่อปกปิดอวัยวะอันทำให้เกิดความละอาย ในพระวินัยมีกล่าวเกี่ยวกับผ้าไว้มากลองศึกษาเพิ่มเติมดูนะครับ อาทิ การพินทุ , การวิกัปป์ , การอธิษฐานฯ

   - อยู่โคนไม้ ในสมัยก่อนนั้นภิกษุอาศัยกันอยู่บริเวณโคนไม้ มาในปัจจุบันข้อนี้ก็ปรับเปลี่ยนไปตามยุคสมัย คือ ภิกษุอาศัยตามกุฏิ แต่การสร้างกุฏิก็ต้องอยู่ในกรอบของพระวินัยเช่นกัน ด้วยมีการปรับอาบัติสังฆาทิเสสโดยสงฆ์สวดประกาศเป็นต้น

   - ฉันยาดองด้วยน้ำมูตรเน่า ในสมัยก่อนภิกษุเมื่อเจ็บไข้ไม่สบายขึ้นมา พระพุทธองค์ทรงอนุญาตให้ภิกษุฉันยาดองด้วยน้ำมูตรเน่าเป็นยาได้ น้ำมูตรเน่านี้ความจริงก็คือ"น้ำปัสสาวะ"นั่นเอง ส่วนจะฉันให้เป็นยารักษาโรคได้อย่างไรนั้น สอบถามหลังไมค์ได้นะครับ :002:

   มาว่ากันต่อที่ประเด็นภิกษุไม่บิณฑบาตในช่วงเข้าพรรษานะครับ อาจจะเป็นไปได้ที่ว่ามีคฤหัสถ์ปวารนาถวายภัตตาหารเป็นนิจอยู่แล้ว ภิกษุจึงไม่ออกบิณฑบาตครับ เพราะโดยปกติพระภิกษุต้องเที่ยวบิณฑบาตเป็นประจำอยู่แล้วไม่ว่าจะอยู่ในช่วงเข้าพรรษาหรือนอกพรรษาแล้วก็ตาม และถ้าหากภิกษุไปหาซื้อกับข้าวมาฉันเองก็จะต้องอาบัตินิสัคคิยปาจิตตีย์ ในข้อ"ภิกษุทำการซื้อขายด้วยรูปิยะ(รูปิยะ คือ ของที่เขาใช้เป็นทองและเงิน)ต้องนิสัคคิยปาจิตตีย์

   หากพิจารณาที่พระพุทธองค์ทรงบัญญัติให้มีการเข้าพรรษาก็เพื่อป้องกันไม่ให้ภิกษุเที่ยวจาริกไปในที่ต่างๆในช่วงฤดูฝน ซึ่งช่วงนี้เองต้นกล้าข้าวของชาวบ้านกำลังออกรวง หากภิกษุเที่ยวจาริกไปแล้วก็จะเหยียบย่ำจนเกิดความเสียหาย พระพุทธองค์จึงทรงบัญญัติให้ภิกษุอยู่จำพรรษาเป็นเวลา ๓ เดือน(ประมาณว่าจนหมดช่วงฤดูฝน) เหตุผลของการจำพรรษาจึงเป็นมาอย่างนี้ครับ

ประเด็นต่อมาว่าด้วยในพรรษาพระท่านจะไม่ฉันข้าว จะฉันแต่ผลไม้และน้ำผึ้ง?

   โดยปกติแล้วในพระวินัยไม่มีการห้ามภิกษุฉันข้าว และใช้ฉันได้แต่ผลไม้และน้ำผึ้งในช่วงเข้าพรรษาแต่อย่างใดครับ ก่อนขบฉัน ขณะขบฉัน และหลังขบฉัน ก็ต้องพิจารณาว่าจักขบฉันไม่ให้เป็นไปเพื่อความเพลิดเพลินสนุกสนาน ไม่เป็นไปเพื่อความเมามัน เกิดกำลังพลังกาย ไม่เป็นไปเพื่อประดับและตกแต่ง แต่เป็นไปเพื่อความตั้งอยู่ได้แห่งสังขารร่างกาย เป็นไปเพื่ออัตภาพ เพื่อความสิ้นแห่งความลำบากทางกาย และเพื่ออนุเคราะห์แก่การประพฤติพรหมจรรย์เป็นที่สุด   (สรุปย่อคำแปลจากบทพิจารณาอาหาร"ปฏิสังขาโยฯ)

   เหตุผลที่พระท่านไม่ฉันข้าวและฉันผลไม้ น้ำผึ้งแทน ข้อนี้ ผมเองก็ไม่ทราบวัตถุประสงค์เช่นกันครับ อย่างไรเสียลองสอบถามเหตุผลกับพระอาจารย์ท่านดูนะครับ

ฝากทิ้งท้ายด้วยธรรมะที่พระพุทธเจ้าทรงประทานไว้แก่ภิกษุเพื่อไว้พิจารณาเนืองๆ ๑๐ ประการดังนี้

๑. บรรพชิตควรพิจารณาเนืองๆว่า บัดนี้ เรามีเพษต่างจากคฤหัสถ์แล้ว อาการกิริยาใดๆของสมณะเราต้องทำอาการกิริยานั้นๆ(เพื่อให้สำรวมกิริยาอาการให้เหมาะสมกับสมณะสารูป)

๒. การเลี้ยงชีวิตของเราเนื่องด้วยผู้อื่น เราควรทำตัวให้เขาเลี้ยงง่าย(เพื่อให้สำรวมการฉันอาหารตามมีตามได้ ไม่เลือกฉัน)

๓. อาการทางกาย วาจา อย่างอื่นที่เราจะต้องทำให้ดีขึ้นไปกว่านี้ยังมีอยู่อีก มิใช่เพียงเท่านี้(เพื่อสำรวมกาย วาจาให้ยิ่งๆขึ้นไป)

๔. ตัวของเราเองติเตียนตัวเราเองโดยศีลได้หรือไม่(เพื่อความไม่ประมาท ไว้ตรวจสอบความประพฤติตนเองว่ามีข้อบกพร่องหรือไม่)

๕. ผู้รู้ใคร่ครวญแล้วติเตียนเราโดยศีลได้หรือไม่(เพื่อรู้จักรับฟังความคิดเห็นของคนอื่น น้อมรับคำติเตียนจากผู้รู้)

๖. เราจักต้องพลัดพรากจากของรักของชอบใจด้วยกันหมดทั้งสิ้น(เพื่อเตรียมใจรับสภาพกฎเกณฑ์ความธรรมดา คือ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา)

๗. เรามีกรรมเป็นของตัว ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว(เพื่อให้ทำความดีละเว้นความชั่ว)

๘. วันคืนล่วงไป บัดน้เราทำอะไรอยู่(เพื่อไม่ปล่อยเวลาไปอย่างเปล่าประโยชน์)

๙. เรายินดีในที่สงัดหรือไม่(เพื่อให้เกิดความพอใจในการปฏิบัติธรรมที่เกิดจากการอยู่ในที่สงบ)

๑๐. คุณวิเศษของเรามีอยู่หรือไม่ ที่จะทำให้เราเป็นผู้ไม่เก้อเขินในเวลาเพื่อนบรรพชิตถามในการภายหลัง(เพื่อให้เกิดความเพียรเพื่อบรรลุคุณวิเศษคือมรรคผล นิพพาน).
 

571
ธรรมะ / เข้าพรรษาอย่างเข้าใจ
« เมื่อ: 13 ก.ค. 2554, 09:52:30 »
ทำไมต้องมีวันเข้าพรรษา

   ประเพณีเข้าพรรษาเกิดขึ้นตั้งแต่สมัยพุทธกาล แรกๆยังไม่มีประเพณีนี้ แต่ตอนหน้าฝน ชาวนาทำนากัน เวลาพระเดินก็ไปเหยียบโดนข้าวกล้าบ้าง เหยียบแมลงตายโดยไม่รู้ตัวบ้าง จนชาวบ้านเขาติเตียน ต่อมามีคนไปกราบทูลพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์จึงทรงบัญญัติให้มีการจำพรรษาในช่วงหน้าฝน ๓ เดือน คือ ตั้งแต่วันแรม ๑ ค่ำ เดือน ๘ (ประมาณกลางๆเดือนกรกฎาคม เร็วบ้าง ช้าบ้าง ต่างกันไปตามจันทรคติ) จนถึงวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๑ ช่วง ๓ เดือนนี้ พระภิกษุสงฆ์จะอยู่อาวาสเดียวตลอด ๓ เดือน ไม่จาริกไปในที่ต่างๆ ประเพณีเข้าพรรษาจึงเกิดขึ้นตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน

ประเพณีหล่อเทียนพรรษาเกิดขึ้นได้อย่างไร?

   ที่พระท่านอยู่ประจำที่ ถามว่าอยู่เพื่ออะไร ก็อยู่เพื่อบำเพ็ญสมณธรรม ทั้งการปฏิบัติธรรม และการศึกษาความรู้ในพระไตรปิฎก ในสมัยก่อนกลางคืนต้องอาศัยแสงสว่างจากแสงเทียน เพราะยังไม่มีไฟฟ้า แต่เทียนเล่มเล็กนอกจากมีแสงสว่างน้อยแล้ว จุดได้ไม่นานก็หมดเล่ม เพราะฉะนั้น เขาก็เลยหล่อเทียนเข้าพรรษาต้นโตๆขึ้นมา เพื่อให้พระภิกษุสงฆ์ได้อาศัยความสว่างจากเทียนพรรษาในการศึกษาพระธรรมวินัยตลอด ๓ เดือน

วันเข้าพรรษาในสมัยพุทธกาลต่างจากปัจจุบันอย่างไรบ้าง?

   โดยสาระหลักๆก็คล้ายๆกัน คือเป็นช่วงเวลาที่พระภิกษุสงฆ์อยู่ประจำที่ ทำให้ท่านได้ศึกษาพระธรรมวินัย เพราะปกติพระเถระท่านจะจาริกไปยังที่ต่างๆบ้าง พอท่านอยู่ประจำที่ ลูกศิษย์ลูกหาที่ต้องการศึกษาหาความรู้จากท่าน ก็มั่นใจได้ว่า ถ้าบวชช่วง ๓ เดือนนี้ ได้อยู่กับพระอาจารย์แน่ๆ ถ้านอกพรรษาบางทีพระอาจารย์ไม่อยู่ เพราะฉะนั้นต้องรีบมาบวชและรีบมาศึกษาพระธรรมวินัยกับท่าน จึงเกิดประเพณีบวชเข้าพรรษา ๓ เดือนขึ้น

บวชในพรรษากับบวชนอกพรรษาต่างกันไหม?

   การบวชไม่ต่างกัน ความแตกต่างอยู่ที่นอกพรรษาเราอาจจะบวชคนเดียว ไม่ได้บวชเป็นหมู่คณะ ถ้าเป็นอย่างนั้นจะศึกษาพระธรรมวินัยก็ไม่ค่อยเต็มที่ เหมือนนักเรียนที่ชั้นเรียนไม่สมบูรณ์ ขณะเดียวกัน อาจารย์ก็อยู่บ้าง ไม่อยู่บ้าง เพราะอาจจะจาริกไปโปรดญาติโยมในที่ต่างๆ แต่ถ้าบวชในพรรษามีข้อดีถึง ๒ อย่าง คือ
๑.   ในแง่ของนักเรียน ส่วนใหญ่นิยมบวชเข้าพรรษา บวชทีนึงเป็นกลุ่มเป็นก้อน เช่น ๕ รูป ๑๐ รูป ๒๐ รูป ที่วัดใหญ่ๆ บางวัดบวชกันนับ ๑๐๐ รูป ก็มี เพราะฉะนั้น ชั้นเรียนหรือนักเรียนก็จะเป็นปึกแผ่น
๒.   ในแง่ของอาจารย์ ช่วงเข้าพรรษาอาจารย์ไม่ไปไหนแน่ ต้องอยู่ตลอด ๓ เดือน เพราะฉะนั้น ก็พร้อมที่จะให้ความรู้นักเรียนได้เต็มที่ ผู้ที่บวชในช่วงเข้าพรรษาจึงได้ศึกษาพระธรรมวินัย ทั้งปริยัติ และปฏิบัติได้เต็มที่เป็นพิเศษมากกว่าคนที่บวชช่วงอื่นๆ

ปกติในเวลาเข้าพรรษาจะมีการถวายเทียน แต่ในปัจจุบันมีการถวายหลอดไฟฟ้าแทน ไม่ทราบว่าต่างกันหรือไม่ และบุญที่ได้ต่างกันแค่ไหน?

   เรื่องนี้ถ้าเราเข้าใจวัตถุประสงค์และที่มาที่ไปของประเพณี เราจะทำได้ถูกต้อง สมัยโบราณไม่มีไฟฟ้า ต้องอาศัยแสงเทียนในการศึกษาพระธรรมวินัย จึงมีการหล่อเทียนพรรษาและถวายเทียนพรรษา และอะไรก็ตามที่ถวายแด่พระรัตนตรัย ท่านจะทำกันสุดฝีมือ เทียนที่หล่อจึงไม่ใช่เทียนธรรมดา แต่แกะสลักลวดลายอย่างสุดฝีมือ ถือเป็นการแสดงความเคารพพระรัตนตรัย โบราณถือว่ายิ่งทำด้วยความตั้งใจ เจตนาบริสุทธิ์ และมีศรัทธาอย่างแรงกล้าเต็มเปี่ยม บุญยิ่งใหญ่มหาศาล สังเกตดูจะเห็นว่าศูนย์รวมของศิลปวัฒนธรรมทั้งหลายจะอยู่ที่วัด เพราะเวลาสร้างบ้านตัวเองเอาแค่พออยู่ได้ แต่สร้างโบสถ์ สร้างศาลา สร้างวิหาร ทำจนสุดฝีมือ มีฝีมือเท่าไรทุ่มไปจนสุด ทุ่มทั้งชีวิต กลายเป็นตัวดึงให้ศิลปะวัฒนธรรมของประเทศสูงไปด้วย เพราะคนโบราณจะมีความศรัทธาเลื่อมใสมาก ทำเต็มที่
   ในยุคปัจจุบัน ในเมื่อมีไฟฟ้าแล้ว จะศึกษาพระธรรมวินัยก็เปิดไฟฟ้าได้ ไม่ต้องจุดเทียน ประเพณีการถวายเทียนจึงเป็นแค่ประเพณีเฉยๆ ส่วนใหญ่ไม่ค่อยได้จุดด้วยซ้ำไป พอรู้อย่างนี้เราถวายหลอดไฟได้ไหม คำตอบคือได้เหมือนกัน เพราะถวายในสิ่งที่พระท่านได้ใช้ประโยชน์ บางทีถ้ามีคนถวายหลอดไฟมากแล้ว เราจะถวายเป็นปัจจัยให้ท่านไปซื้อตำรับตำรา เพื่อความสะดวกในการศึกษาพระธรรมวินัยก็ได้ หรือบางทีท่านจะต้องเดินทางไปสำนักเรียนอาจต้องมีค่ารถบ้าง เราก็ถวายการอุปถัมป์เป็นค่ารถค่าอะไรต่างๆ อันนี้ก็เป็นประโยชน์ พูดง่ายๆ ให้ดูที่เป้าหมายหลักว่า ทำเพื่ออำนวยความสะดวกในการศึกษาพระธรรมวินัยของท่าน

ที่จังหวัดอุบลราชธานีมีประเพณียิ่งใหญ่ในการหล่อเทียนพรรษา แต่เขามีการแข่งขันกันเป็นหมู่บ้าน และถึงขั้นพยายามที่จะเอาชนะกัน อย่างนี้จะถือว่าเจตนาไม่บริสุทธิ์หรือเปล่า?

   ถ้าลองไปดูจะเห็นว่าจริงๆแล้ว เขาแข่งขันกันด้วยความเบิกบาน ไม่ใช่แข่งแบบเอาเป็นเอาตาย หรือถ้าแพ้แล้วจะต้องเสียใจมากมาย แต่แข่งเพื่อเป็นการกระตุ้น เหมือนเวลาเรียนหนังสือ ถ้าไม่มีการสอบก็ไม่ค่อยอยากจะอ่านหนังสือ จะขยันเป็นพิเศษในช่วงจะสอบ กีฬาก็เหมือนกัน ถ้าหากเล่นกีฬาแล้วไม่มีการแข่งขันก็ไม่สนุก จะทำอะไรก็ตาม พอมีการแข่งขันจะกระตุ้นให้ทุ่มฝีมือเต็มที่ เลยกลายเป็นการแข่งขันกันระหว่างวัดนนี้กับวัดโน้น แต่ละวัดก็พยายามทุ่มกันสุดฝีมือ ถ้าปีนี้เราชนะก็ปีติเบิกบาน ถ้าเขาชนะก็ไปดูว่าเขามีอะไรดี ปีหน้าเราจะได้พัฒนาให้ดีกว่าเก่า เรียกได้ว่าเป็นการแข่งขันแบบสร้างสรรค์ แบบอยู่ในบุญ แข่งขันด้วยความปีติเบิกบาน กระตุ้นให้เกิดฉันทะคือคสามตื่นตัวที่จะพัฒนาฝีมือ ความรู้ความสามารถของตนเองให้ดีขึ้นเพื่อบูชาพระรัตนตรัย และยังทำให้ศิลปวัฒนธรรมของท้องถิ่นและประเทศสูงขึ้นไปเรื่อยๆอีกด้วย

ถ้าหมู่บ้านหนึ่งหล่อเทียนสวยสู้อีกหมู่บ้านหนึ่งไม่ได้ จะได้บุญเท่ากันไหม?

   ถ้าเรามีความตั้งใจเต็มที่ เราก็ได้บุญมาก คนที่ฝีมือดีถึงจะทำแบบไม่ตั้งใจ แต่ผลงานที่ออกมาก็จะดีกว่าคนที่มีฝีมือไม่ดีแต่ตั้งใจทำ อย่างนี้ให้ดูที่ความตั้งใจเป็นหลัก ดูเจตนาว่ามีศรัทธาขนาดไหน ทำอย่างเสียไม่ได้ หรือว่าทำแบบสุดฝีมือด้วยความเคารพเลื่อมใสในพระรัตนตรัยจริงๆ ประเด็นสำคัญอยู่ตรงนี้

ในช่วงเข้าพรรษาควรจะปฏิบัติตนอย่างไร?มีบางคนตั้งใจทำความดีอย่างเช่น งดเหล้า งดบุหรี่ ถือว่าเป็นแนวทางที่ดีหรือเปล่า?

   ดีมาก สมัยโบราณคนนิยมบวชช่วงเข้าพรรษา เพราะพระอาจารย์ก็อยู่ประจำที่ บวชแล้วมีครูบาอาจารย์สั่งสอนอบรมแน่ๆ ทำให้วัดมีพระอยู่จำวัดมากที่สุดในช่วงเข้าพรรษา นอกพรรษามีพระ ๓ รูป ๕ รูป ในพรรษามีตั้ง ๑๐ รูป ๒๐ รูป ชาวบ้านก็นิยมไปทำบุญ ในวัดก็จะเกิดกิจกรรมที่คึกคัก ชาวบ้านบางคนมีลูกหลานไปบวช พ่อ แม่ ญาติพี่น้องก็ต้องไปวัด บางคนก็มีสามีไปบวช บางคนมีพ่อไปบวช ก็เลยไปทำบุญกันทั้งครอบครัว เมื่อมีญาติไปบวช ไปศึกษาพระธรรมวินัย และคนในครอบครัวก็ไปทำบุญกันอย่างนี้แล้ว เราอยู่ข้างนอกจะไปกินเหล้าได้อย่างไร อย่างคนที่มีลูกชายไปบวช พ่อจะเมาแอ๋ไปหาลูกได้อย่างไร เขินลูก เพราะฉะนั้น จึงเกิดเทศกาลแห่งการทำความดีว่า ช่วงเข้าพรรษางดเหล้า งดสูบบุหรี่ งดเล่นไพ่ ในพรรษาต้องตั้งใจสวดมนต์ ไปวัดทุกวันพระ ไปฟังเทศน์ฟังธรรม ถือศีล ๘ เป็นต้น เข้าพรรษาก็เลยเป็นเทศกาลแห่งการทำความดี ซึ่งมีผลไม่เฉพาะพระภิกษุที่อยู่จำพรรษานั้น แต่มีผลถึงชุมชนทั้งหมด คือ ทุกคนต่างตั้งใจศึกษาพระธรรมวินัยและประพฤติปฏิบัติธรรมเป็นพิเศษกว่าช่วงอื่น

ในช่วงเข้าพรรษาพระภิกษุต้องปฏิบัติตัวอย่างไรบ้าง?

   ในวันเข้าพรรษา พระจะไปรวมกันที่โบสถ์พร้อมกันทั้งวัด แล้วก็อธิษฐานด้วยการกล่าวคำว่า “อิมสฺมึ อาวาเส อิมํ เตมาสํ วสฺสํ อุเปมิ.” แปลว่า “ข้าพเจ้าขอธิษฐานอยู่จำพรรษา ณ อาวาสแห่งนี้ตลอด ๓ เดือนนี้” ตั้งจิตอธิษฐานว่าเราจะอยู่ที่วัดตลอด ๓ เดือน พอประชุมพร้อมกันเสร็จแล้ว พระภิกษุผู้เป็นเถระ เช่น เจ้าอาวาส ก็จะให้โอวาทพระภิกษุ ให้ตั้งใจฝึกฝนปฏิบัติธรรมเป็นพิเศษ และให้ข้อคิดต่างๆ ในการฝึกฝนตนเอง 

พระสงฆ์ท่านมีกิจกรรมในระหว่างพรรษาของท่าน แล้วพวกสาธุชนจะอธิษฐานพรรษาได้หรือเปล่า?

   สาธุชนไม่มีพระวินัยบังคับเรื่องอธิษฐานโดยตรง แต่ในพรรษาเราควรตั้งใจว่า ใน ๓ เดือนนี้จะทำความดีอะไรบ้าง สัก ๒-๓ ประการ ก็พอ ใครที่ดื่มเหล้าอยู่ พรรษานี้ต้องตั้งใจว่า จะไม่ยอมให้เหล้าแม้แต่หยดเดียวผ่านลำคอ จะงดบุหรี่และอบายมุขทั้งหลายด้วย ไม่ว่าการพนัน เที่ยวกลางคืน งดตลอด ๓ เดือน แล้วจะตั้งใจสวดมนต์และนั่งสมาธิทุกวัน
   ให้จำพรรษาอยู่ในวงกาย กายยาววา กว้างศอก หนาคืบ คือ ตั้งแต่ศีรษะถึงปลายเท้าประมาณ ๑ วา กว้างประมาณ ๑ ศอก หนาประมาณ ๑ คืบ ให้เราจำพรรษาในวงกาย คือเอาใจมาอยู่กับเนื้อกับตัวด้วยการทำสมาธิ เอาใจมาหยุดนิ่งที่ศูนย์กลางกาย
   ถ้าทำอย่างนี้แล้ว พรรษานี้จะเป็นพรรษาแห่งความรุ่งเรืองและความสำเร็จของทุกๆคน

แต่ละวัดมีการจัดกิจกรรมในวันเข้าพรรษาเหมือนกันหรือแตกต่างกันอย่างไรบ้าง?

   หลักการใหญ่ที่ไม่ต่างกันคือการที่พระภิกษุสงฆ์อยู่ประจำที่ ๓ เดือน แล้วศึกษาพระธรรมวินัย แต่รายละเอียดของการปฏิบัติจะเข้มข้นขนาดไหนนั้นขึ้นอยู่กับแต่ละวัด เช่น บวชแล้วต้องมีการศึกษาพระธรรมวินัย เรื่องนี้เราต้องยอมรับว่า บางวัดอาจจะมีพระน้อย และมีผู้เข้ามาบวชพรรษาแค่ ๑-๒ รูป จำนวนนักเรียนยังไม่เป็นปึกแผ่นเท่าที่ควร ครูบาอาจารย์ที่จะสอนก็อาจจะพร้อมบ้าง ไม่พร้อมบ้าง เพราะฉะนั้น ก่อนบวชพยายามเลือกสักนิดหนึ่งว่าจะบวชที่ไหน จึงจะสามารถศึกษาพระธรรมวินัยได้เต็มที่ ไม่ใช่แค่ได้ชื่อว่าบวช แต่บวชแล้วขอให้ได้ปฏิบัติจริง ได้ศึกษาพระธรรมวินัยจริง ในเมื่อยอมสละเวลามา ๓ เดือนแล้ว ให้ใช้ ๓ เดือนนี้อย่างคุ้มค่าจริงๆ เพราะว่าชีวิตคนๆหนึ่ง จะมีการบวช ๓ เดือน ได้สักกี่ครั้ง อาจจะเป็นแค่ครั้งเดียวในชีวิต ขอให้ใช้เวลาช่วงนี้ให้เกิดประโยชน์ที่สุด คุ้มค่าที่สุด
   ในกรณีขจอง๕ระสงฆ์ หากกำลังไม่พร้อม อาจจะใช้วิธีรวมกัน เช่น ในตำบลมีอยู่ ๔-๕ วัด อาจจะมาบวชแล้วรวมกันอยู่วัดใดวัดหนึ่ง จะได้มีจำนวนมากขึ้น แล้วเอาครูบาอาจารย์ที่เก่งในวิชาต่างๆ ของแต่ละวัดมาช่วยกันสอน เพราะวัดในตำบลเดียวกันก็ไม่ได้ไกลกันมาก ญาติโยมจะได้มาเยี่ยมพระลูกหลานได้สะดวก
   ประเด็นหลัก คือ บวชแล้วขอให้ได้ศึกษาพระธรรมวินัย อย่าบวชเสียผ้าเหลือง ต้องมีกิจวัตรกิจกรรม มีการฝึกตัวเองที่เข้มข้น ตัวอย่างกิจวัตรที่วัดพระธรรมกาย ตอนเช้า ตื่นตี ๔ ครึ่ง สวดมนต์ทำวัตรเช้า นั่งสมาธิ พอฟ้าเริ่มสางก็ออกไปบิณฑบาต ส่วนหนึ่งอยู่ทำความสะอาดกุฏิ ดูแลสถานที่ต่างๆให้เรียบร้อย เวลา ๗ โมงเช้า ฉันเช้าพร้อมกัน โดยมีพระอาจารย์มาสอนมารยาทในการขบฉัน ๘ โมงครึ่ง สวดมนต์นั่งสมาธิต่อถึงเพล ฉันเพลเสร็จพักกันสักครู่ พอบ่ายโมงก็ศึกษาพระธรรมวินัย ตกเย็นก็ช่วยกันทำความสะอาดสถานที่และทำภารกิจต่างๆ ๑ ทุ่ม สวดมนต์ นั่งสมาธิ กิจวัตรกิจกรรมเป็นอย่างนี้ตลอดทุกๆวัน เพราะฉะนั้น พระบวชใหม่จะได้รับการฝึกฝนอย่างเต็มที่
   บวชครบ ๓ เดือนแล้ว เมื่อกลับออกไปคนโบราณจะเรียกว่า ”ทิด” แปลว่าคนสุก คือกิเลสถูกการบำเพ็ญตบะด้วยการทำความดีบ่มจนสุก แม้ยังไม่ถึงกับหมดกิเลส แต่จากดิบๆ กลายเป็นสุกแล้ว กลายเป็นผู้มีคุณธรรม มีความยับยั้งชั่งใจ เจอปัญหาอะไรก็มีหลักธรรมในพระพุทธศาสนาที่ศึกษามาเป็นหลักในการแก้ไข คนอย่างนี้ถึงจะเรียกว่าเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ คือเป็นผู้ใหญ่ที่มีหลักในการดำรงชีวิต เจอปัญหาก็รู้ว่าควรจะแก้อย่างไร โดยเอาหลักธรรมมาใช้ในการแก้ปัญหา สมัยโบราณใครบวชไม่ครบ ๓ เดือน ไม่เรียกทิด ถ้าใครยังไม่เป็นทิดเวลาไปขอลูกสาว เขาไม่ให้ เพราะเขาไม่มั่นใจว่าจะมีคุณธรรมเพียงพอที่จะไปดูแลลูกสาวเขา
   คนโบราณฉลาดมาก สังคมจึงสงบร่มเย็น ประเทศไทยจึงได้ชื่อว่าสยามเมืองยิ้ม ผู้คนยิ้มแย้มแจ่มใส แต่ตอนนี้ชักยิ้มไม่ค่อยออกเพราะขาดธรรมะของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ประเทศของเรามีทุนทางวัฒนธรรมที่มาจากรากฐานของพระพุทธศาสนาอยู่แล้ว หากบวชให้ถูกหลักเข้าพรรษาแล้วละก็ เราจะสามารถเอาความสงบร่มเย็นและความสมานฉันท์กลับคืนมาสู่บ้านเมืองของเราได้เป็นอย่างดี

ในช่วงเข้าพรรษามีกิจกรรมสำหรับผู้ชายค่อนข้างมาก แล้วผู้หญิงจะมีการรักษาศีลหรือว่าบวชบ้างไหม?

   ฝ่ายหญิงถือว่ามีความสำคัญมากเช่นกัน สังเกตดูวัดแต่ละแห่งมีผู้หญิงเข้าวัดมากกว่าผู้ชาย เพราะฉะนั้นฝ่ายหญิงคือกำลังสนับสนุนที่สำคัญ โดยเฉลี่ยผู้หญิงทำบุญตักบาตรมากกว่าผู้ชาย ขยันขันแข็งกว่า ไปวัดมากกว่า ถึงคราววันพระวันโกน บางทีไปค้างวัดเลย ไปรักษาศีล ๘ ไปถืออุโบสถศีล และฟังเทศน์ฟังธรรม ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีมากๆ
   สมัยโบราณ ใครต้องการจะฝึกฝีมือเรื่องอะไรต้องไปที่วัด เช่น สาวๆที่จะให้มีเสน่ห์ปลายจวักทำกับข้าวเก่ง ต้องไปเข้าโรงครัวของวัด สุดยอดฝีมือ แม่ครัวของทั้งชุมชนอยู่ที่วัด เพราะแม่บ้านแต่ละบ้านใครเก่งเรื่องอะไรมาโชว์ฝีมือสุดๆกันที่วัดเลย ใครอยากจะฝึกเรื่องอะไรให้ไปฝึกที่วัด ไปเป็นลูกมือให้เขาก่อน ทำไปๆเดี๋ยวก็เก่ง เพราะฉะนั้น ใครจะไปฝึกแกะสลักผลไม้ หรือจะทำอะไรงามๆถวายวัด ต้องไปฝึกที่วัด
   ฝ่ายหญิงจึงเป็นฝ่ายที่มีความสำคัญ มีคำๆหนึ่งกล่าวถึงความสำคัญของผู้หญิงเอาไว้ เป็นภาษาบาลี คือ คำว่า “อิตฺถีสทฺโท” อิตฺถี แปลว่า หญิง สทฺโท แปลว่า เสียง มีความหมายว่า เสียงของหญิงดังเสมอ อย่างเช่น ถ้าผู้หญิงนิยมสิ่งใด ผู้ชายจะปรับตัวตาม ถ้าผู้หญิงบอกว่า “เธอยังไม่บวช ยังไม่เป็นทิด ฉันไม่แต่ง” อย่างนี้กระแสการทำความดี กระแสการบวชเกิดขึ้นเลย ถ้าประสานกันทั้งชายทั้งหญิงแล้วละก็ ทุกคนจะมีส่วนช่วยในการทำให้ครอบครัว ชุมชน สังคม ประเทศชาติ สงบร่มเย็นทั้งหมด เจริญพร.

ที่มา - นิตยสารอยู่ในบุญ ปีที่ ๙ ฉบับที่ ๑๐๕ เดือนกรกฎาคม พ.ศ.๒๕๕๔
เรื่องโดย - พระมหาสมชาย ฐานวุฑฺโฒ (M.D.; Ph.D.)

572
อนุโมทนาบุญด้วยนะครับเฮียตี๋ ปลื้มใจที่ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในมหากุศลครั้งนี้ครับ :001:

573
แหวนพระเจ้าปราบไตรภพ


แหวนเสน่ห์มอญ(ปราบเมีย)


แหวนพิรอดงูคู่หลวงพ่ออิ่ม วัดหัวเขา


แหวนงาช้างแกะสิงห์(เจ้าของเดิมบอกหลวงพ่อเดิม - -")


แหวนเงินนางพิม หลวงปู่อั๊บ วัดท้องไทร


แหวนพิรอดหลวงพ่อเต้า วัดเกาะวังไทร


แหวนหัวนอโมไม่ทราบที่ครับ


แหวนแร่หลวงปู่สมชาย วัดเขาสุกิม


แหวนลงถม วัดหอมเกร็ด นครปฐม


สุดท้ายแด่เพื่อนๆม่วงขาว ลูกทูลกระหม่อมแก้วทุกคนครับ.

574
แบ่งชมก่อนนอนครับ ที่ระลึกถึงบุญปัญญาบารมี "พระชัยวัฒน์พุทโธ ๑๑" (เพิ่งถ่ายสดแสงน้อยอาจจะไม่ค่อยชัดนะครับ) นำบุญมาฝากทุกท่านนะครับ สาธุๆ คืนนี้ฝันดีราตรีสวัสดิ์หลับในอู่ทะเลบุญนะครับทุกท่าน :061:

575
พระผงของขวัญวัดเกาะจันทร์ หาพระผงของขวัญวัดปากน้ำรุ่น๑-๓ไม่ได้ ก็ใช้แทนได้หายห่วงเพราะหลวงปู่สดท่านซ้อนวิชชาพระรุ่นนี้ด้วยครับ ด้านหลังมีจารตัว"นะ" หลวงปู่สดท่านได้กล่าวไว้ว่า "พระของท่านเป็นของเป็น หมั่นเจริญสมาธิภาวนาแล้วจะเห็นผล"


เหรียญรัตนะ ๗ ปี ๒๕๒๐ ด้าหนน้าเป็นรูปหลวงปู่สดนั่งเต็มองค์ ด้านหลังเป็นรัตนะ ๗ ของคู่บารมีพระเจ้าจักรพรรดิ ผู้ปกครองทวีปทั้ง ๔ (เรื่องพระเจ้าจักพรรดิ หาอ่านเพิ่มเติมได้ในพระไตรปิฎก "เกริ่นนำ ตอนเจ้าชายสิทธัตถะประสูติ พราหมณ์ได้ทำนายออกเป็น ๒ คือ ๑.ถ้าอยู่ทางโลกจะได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๒.หากอยู่ทางธรรมจะได้เป็นศาสดาเอกของโลก")



พระผงของขวัญรูปเหมือนหลวงปู่สด วัดปากน้ำภาษีเจริญ สังเกตจะเห็นมีจีวรของหลวงปู่สดท่านติดไว้ด้วย เห็นทีไร ก็อดนึกถึงบุญที่เคยได้ร่วมไว้ไม่ได้ ปลื้มครับ :001: นำบุญมาฝากเพื่อนสมาชิกทุกท่านด้วยนะครับ สาธุๆ.


รูปพระมงคลเทพมุนี (สด  จนฺทสโร) อดีตเจ้าอาวาสวัดปากน้ำภาษีเจริญ.


พระราชพรหมเถร  วิ. (วีระ คณุตฺตโม) พระอาจารย์ใหญ่ฝ่ายวิปัสสนา รองเจ้าอาวาสวัดปากน้ำภาษีเจริญ (ผู้สร้างพระผงของขวัญรุ่น๔เรื่อยมา)


คุณครูตรีธา  เนียมขำ (อีกหนึ่งกำลังหลักของวัดปากน้ำภาษีเจริญ)



คติธรรมหลวงปู่สด วัดปากน้ำ.


576
นกฺขตฺตํ  ปฏิมาเนนฺตํ      อตฺโถ  พาลํ  อุปจฺจคา
อตฺโถ  อตฺถสฺส  นกฺขตฺตํ   กึ  กริสฺสนฺติ  ตารกา.


"ประโยชน์ได้ล่วงเลยคนเขลาผู้มัวถือฤกษ์อยู่, ประโยชน์เป็นฤกษ์ของประโยชน์ ดวงดาวจักทำอะไรได้"
(โพธิสตฺต) ชุ. ชา . เอก. ๒๗/๑๖

ธัมโมเมนาโถ - พระธรรมเป็นที่พึ่งของเรา.

577


ชมบรรยากาศรอบๆวัดกันก่อนนะครับ


































ลุงดิษฐ์รับบุญประชาสัมพันธ์ในงานนี้ครับ

น้องๆชมรมดนตรีไทยโรงเรียนภัทรญาน

แวะเข้าสำนักงานทักทายคุณครูปทุม :054:

แมววัดน่ารักมากมาย :025:

ช่วงเพลถวายภัตตาหารเป็นสังฆทาน กราบนมัสการพระคุณเจ้าทุกรูป และกราบนมัสการหลวงพี่แทน วัดพระงามด้วยครับ :054:





แวะให้อาหารปลาแพท่าน้ำ



เจอเพื่อนสมาชิกเราครับพี่นันท์ภัส :002:

ภาพหลังจากเสร็จพิธี ร่วมอนุโมทนากับน้องๆที่มาช่วยงานด้วยนะครับ :015:







กราบนมัสการหลวงพ่อสำอางค์ครับ :054:


สุดท้ายนำมงคลวัตถุที่ได้รับในวันนี้ครับ(ขอบคุณท่านนก,พี่เจมส์,ท่านเอ็มด้วยนะครับ :054:)
ภาพหลวงพ่อเปิ่น,เหรียญเทวบดี,เหรียญหลวงปู่หงส์รุ่นแรก,ผ้ายันต์+พระชัยหลวงพ่อวัดไร่ขิง.





ของแถมปิดท้าย"ฝาบาตร?"

HAPPY BIRTHDAY สมาชิกใหม่ของบ้านอีก ๓ ตัวครับ :017:

รายงานภาพงานบุญโดย : ปุญญานุสฺสติ(สิบทัศน์)"ลูกพระธรรม หลานคุณยาย"


พบกันอีกครั้งในวันคล้ายวันเกิดหลวงพ่อเปิ่น ๑๒ สิงหาคม ๒๕๕๔ สาธุ สาธุ อนุโมทามิ...

579
สุขสันต์วันเกิดด้วยนะครับท่านต้นน้ำ

   ขออาราธนาคุณของพระรัตนตรัยอันมีพระคุณไม่มีประมาณ จงอภิบาล ปกป้อง คุ้มครองและรักษา ให้ท่านต้นน้ำมีสุขภาพร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์ ปราศจากโรคาทั้งหลาย คิดหวังสิ่งใดที่เป็นไปด้วยชอบ ประกอบไปด้วยธรรมก็ขอให้สมความมุ่งมาดปรารถนา ให้ได้ดวงตาเห็นธรรม เข้าถึงธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เข้าถึงพระรัตนตรัยภายใน ได้โดยง่าย โดยเร็วพลัน ให้ได้เป็นเศรษฐีมหาเศรษฐีใจบุญ ค้ำจุนพระศาสนาไปทุกภพทุกชาติ ตราบกระทั่งถึงที่สุดแห่งธรรม เทอญ...  

580
ขอบคุณพี่ทรงกลดมากครับสำหรับคำวัด สมจริงดังท่านว่า"พระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งที่ระลึกอันสูงสุด สิ่งอื่นที่จะเป็นที่พึ่งที่ระลึกได้เหนือจากนี้ไม่มี"

กราบนมัสการพระธรรมกิตติวงศ์ (ทองดี สุรเตโช ป.ธ.๙ ราชบัณฑิต) เจ้าอาวาสวัดราชโอรสาราม  พระอุปัชฌาย์ของข้าพเจ้าอีกรูปหนึ่ง ด้วยความเคารพยิ่ง.

581
บวช..คำตอบสุดท้าย ของชีวิตในสังสารวัฏ เรื่อง : พระมหาเสถียร สุวณฺณฐิโต ป.ธ.๙ / พระมหาวิริยะ ธมฺมาสรี ป.ธ.๙

"กาลเวลาย่อมล่วงไป ราตรีย่อมผ่านไป ชั้นแห่งวัยย่อมละไปตามลำดับ บุคคลเมื่อเห็นมรณภัยแล้ว พึงละอามิสในโลกเสีย มุ่งสู่สันติเถิด"(พุทธพจน์)

...................................................................................

   ท่านพระสารีบุตร อัครสาวกเบื้องขวา นับเป็นตัวอย่างที่น่าอัศจรรย์ของผู้เห็นภัยในสังสารวัฏ นอกจากจะละสมบัติมากถึง ๘๗ โกฏิ ออกบวชแล้ว ยังชวนน้องสาว ๓ คน คือ นางจาลา นางอุปจาลา นางสีสุปจาลา และน้องชายอีก ๒ คน คือ จุนทะ อุปเสนะ ให้บวชทั้งหมด เหลือแต่เรวตกุมารคนเดียวที่ยังอยู่ที่บ้าน แม่ของท่านเลยคิดว่า"ถ้าพระลูกชายมาชวนเรวตะให้ไปบวชอีกคนละก็ วงศ์สกุลก็จักขาดสูญ เราจักผูกมัดเรวตะเอาไว้ด้วยการให้แต่งงานตั้งแต่ยังเป็นเด็กนี่แหละ"

   ฝ่ายพระสารีบุตรเถระก็ได้สั่งภิกษูทั้งหลายไว้ก่อนว่า"ผู้มีอายุ ถ้าเรวตะมาเพื่อขอบวช พวกท่านจงให้เขาบวช เพราะมารดาของกระผมเป็นมิจฉาทิฐิ ขอให้ถือว่ากระผมเองเป็นมารดาและบิดาของเรวตะนั้น"

พ่อแม่จับแต่งงานตอนอายุ ๗ ขวบ

   พ่อแม่จับลูกชายผู้มีอายุเพียง ๗ ขวบ หมั้นกับเด็กหญิงที่มีชาติตระกูลเสมอกัน เมื่อกำหนดวันวิวาห์แล้ว ก็ได้แต่งตัวให้หนูน้อย แล้วพาไปบ้านของญาติฝ่ายหญิง พร้อมขบวนขันหมากมากมาย เมื่อพวกญาติของทั้งสองมาพร้อมกันแล้ว ได้ให้พรว่า "พวกเธอจงอายุยาวนานเหมือนยายของเธอนะ" เรวตะกุมารจึงถามว่า"คนไหนเป็นยาย" "พ่อหนู คนที่มีอายุ ๑๒๐ ปี มีฟันหลุด ผมหงอก หนังหดเหี่ยว ตัวตกกระ หลังโกง เจ้าไม่เห็นหรือ นั่นแหละยาย"

   เรวตะเห็นดังนั้นจึงถามว่า "แม้หญิงนี้ ก็จะต้องเป็นอย่างนั้นหรือ" "ใช่สิ ถ้าเธออายุมากเช่นนั้น ก็จักเป็นอย่างนั้นแหละ"

เรวตะคิดหาอุบายออกบวช

   เรวตะคิดว่า "โอหนอ...ถ้าอย่างนั้น เราจะยินดีในรูปนี้ไปทำไม ไปบวชกับพี่ชายดีกว่า เราควรหนีไปบวชในวันนี้แหละ" เมื่อเสร็จพิธีแต่งงาน ระหว่างเดินทางกลับ หนูน้อยแสร้งทำเป็นปวดท้องขอไปปลดทุกข์ข้างพุ่มไม้ก่อน พอลับตาคนก็วิ่งเข้าป่าลึกทันที แล้วได้ไปพบกับพระภิกษุ ๓๐ รูป จึงเข้าไปกราบขอบวช พวกภิกษุไต่ถามความเป็นไปทุกอย่างแล้ว จึงทำการบวชให้กับหนูน้อยเรวตะ สามเณรใช้เวลาทำความเพียร ๓ เดือน จึงบรรลุอรหัตผล หมดกังวลว่าใครจะมาตามอีกต่อไปแล้ว เพราะท่านเป็นสามเณรน้อยอรหันต์ผู้ทรงอานุภาพมาก

พระสารีบุตรโปรดมารดา

   ต่อมา พระสารีบุตรเถระรู้ว่าอายุสังขารจะอยู่ได้อีก ๗ วันเท่านั้น จึงอยากโปรดมารดาก่อนนิพพาน เมื่อกราบทูลลานิพพานกับพระบรมศาสดาแล้ว พระพุทธองค์ทรงมีรับสั่งว่า "สารีบุตร ภิกษุน้อง ๆ จะเห็นพี่เหมือนอย่างเธอ หาได้ยาก ฉะนั้น เธอจงแสดงธรรมแก่ภิกษุน้อง ๆ ของเธอ เพื่อเป็นที่ตั้งแห่งความระลึกถึงสำหรับครั้งนี้ก่อนเถิด"

   เมื่อพระสารีบุตรได้รับประทานโอกาสเช่นนั้น จึงสำแดงปาฏิหาริย์ เหาะขึ้นไปในอากาศ สูงประมาณชั่วลำตาล แล้วกลับลงมาถวายนมัสการพระบรมศาสดาเสียครั้งหนึ่ง ครั้งที่ ๒ เหาะขึ้นไปสูงได้ ๒ ชั่วลำตาล แล้วกลับลงมาถวายนมัสการอีก ๑ ครั้ง จนถึงครั้งที่ ๗ เหาะขึ้นไป ๗ ชั่วลำตาล ลอยอยู่บนอากาศ แสดงธรรมแก่ภิกษุทั้งหลายในท่ามกลางอากาศ แล้วก็ลงมาจากอากาศ ถวายอภิวาทบังคมลาคลานคล้อยถอยออกมาจากพระคันธกุฎี

   พระสารีบุตรเถระเดินทางไปได้ ๗ วัน ก็ถึงบ้านนาลันทคามในเวลาเย็นพอดี บังเอิญหลานชายของท่านมาเห็นก็ดีใจรีบไปบอกยาย นางสารีพราหมณีคิดเข้าข้างตัวเองว่า "ลูกเราบวชมานาน คงจะเบื่อชีวิตนักบวช มาคราวนี้อาจมาสึกก็ได้" คิดแล้วก็สั่งให้คนใช้รีบจัดแจงห้องนอนให้อย่างรวดเร็ว พอเวลาค่ำ โรคาพาธกล้าได้เกิดแก่พระมหาเถระถึงขนาดอาเจียนเป็นโลหิต พระภิกษุเข้าถวายปฏิบัติพยาบาลนำภาชนะอาเจียนและภาชนะอาจมออกมาชำระผลัดเปลี่ยนอยู่เนือง ๆ นางสารีพราหมณีเป็นทุกข์ใจในอาการอาพาธของพระมหาเถระเป็นอันมาก นั่งคอยดูอยู่ที่ประตูห้อง

   ในค่ำคืนนั้น เทพยดามากมายได้พากันมาเยี่ยมพระสารีบุตร ทั้งท้าวโลกบาลทั้ง ๔ องค์ ท้าวโกสีย์เทวราช ท้าวสุยามเทวราช และท้าวสันดุสิตเทวราช ตลอดจนท้าวมหาพรหม ต่างเข้ามาขอโอกาสปฏิบัติพยาบาล แต่พระสารีบุตรปฏิเสธไปว่า "ภิกษุผู้ปฏิบัติพยาบาลของอาตมามีแล้ว ขอให้ท่านกลับไปเถิด"

   ฝ่ายนางสารีพราหมณีเห็นเทวดามาไม่ขาดสาย แต่ละองค์ล้วนมีรัศมีโอภาสงามยิ่งนัก และเพียบพร้อมด้วยทิพยรัตน์สรรพาภรณ์ล้ำค่าทั้งสิ้น ต่างเข้าไปหาพระเถระเจ้าด้วยอาการคาราวะ นางสารีพราหมณีมีความสงสัยว่าเทวดานั้นคือใคร จึงเข้าไปถามอาการไข้จากพระจุนทะซึ่งเป็นพระลูกชายว่า "พ่อจุนทะ อาการไข้ของพี่ชายเธอเป็นอย่างไรบ้าง" "ยังพอทนได้อยู่ โยมแม่ ถ้าอยากเข้าไปเยี่ยมไข้ตอนนี้ก็ได้นะ" นางพราหมณีได้โอกาสเข้าไปหาพระสารีบุตรแล้วถามว่า

   "แขกที่เข้ามาหาพ่อนั้น คือใครหรือ" "ท้าวจตุโลกบาลจ้ะ โยมแม่" นางพราหมณีตะลึงในเกียรติยศอันสูงของลูกชาย พลางสงสัยต่อไปว่า "ลูกแม่ยังเป็นใหญ่กว่าท้าวจตุโลกบาลอีกหรือนี่" "ท้าวจตุโลกบาลก็เหมือนคนอุปัฏฐากบำรุงวัดเท่านั้นแหละแม่ เมื่อครั้งพระบรมศาสดาของลูกปฏิสนธิในครรภ์ ท้าวจตุโลกบาลยังลงมาถวายอารักขาเป็นนิจ" "คนที่สองล่ะลูก คือใคร" "นั่นท้าวโกสีย์อัมรินทราธิราชจ้ะ โยมแม่" "ลูกแม่ ลูกแม่ยังสูงกว่าจอมเทพชั้นดาวดึงส์อีกหรือ"

   "ท้าวโกสีย์ก็เหมือนกับสามเณรถือบริขารของพระบรมศาสดาเท่านั้นแหละแม่ เมื่อครั้งพระบรมศาสดาเสด็จลงจากเทวโลก ท้าวโกสีย์ยังถือบาตรนำเสด็จพระบรมครูเลย"

   "ใครกันเล่าที่เข้ามาหาลูก หลังจากใครต่อใครกลับไปแล้ว ท่านผู้นั้นช่างมีรัศมีรุ่งเรืองยิ่งนัก" "ท้าวมหาพรหมจ้ะ โยมแม่" "ลูกแม่เก่งปานนั้นเชียวหรือ ลูกยังเหนือกว่าท้าวมหาพรหมอีกหรือลูก" "ท้าวมหาพรหมองค์นี้แหละแม่ ในวันที่พระบรมศาสดาประสูติ ได้ถือข่ายทองเข้ารองรับพระกุมาร และถวายการบำรุงรักษาพระบรมศาสดาอยู่เนืองนิตย์ แม้ในวันที่พระบรมศาสดาเสด็จลงจากเทวโลก ก็ยังกั้นเศวตฉัตรถวาย ปรากฏแก่เทวดาและมนุษย์ทั้งหลายที่ประชุมอยู่ ณ ประตูเมืองสังกัสสนครทั่วทุกคน"

   นางสารีพราหมณีฟังพระธรรมเสนาบดีสารีบุตรบรรยายแล้ว เห็นคุณอันมหัศจรรย์ในพระมหาเถระว่า "อานุภาพบุตรเรายังปรากฏถึงเพียงนี้ และอานุภาพของพระชินสีห์สัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้เป็นครูของลูกชายเรา คงจะสูงยิ่งกว่านี้เป็นแน่" นางเกิดปีติเบิกบานใจเป็นล้นพ้น

   และต่อมา พระธรรมเสนาบดีสารีบุตรก็แสดงธรรม พรรณนาพุทธคุณโปรดโยมมารดาจนตั้งอยู่ในพระโสดาปัตติผล เป็นพระอริยบุคคลในพระพุทธศาสนา สมมโนรถที่อุตสาหะมาสนองพระคุณมารดา โยมมารดารู้สึกเสียดายเวลาที่ผ่านมาเป็นอย่างมาก ที่ไม่ได้สัมผัสอมตธรรม จึงพูดกับท่านเป็นเชิงต่อว่า "ลูกรัก ทำไมจึงเพิ่งมาให้อมตธรรมนี้แก่แม่เล่า"

   จากนั้น พระสารีบุตรก็เชิญให้มารดาออกไปพัก เนื่องจากดึกมากแล้ว ครั้นนางสารีพราหมณีออกไปแล้ว พระสารีบุตรจึงนิพพานในเวลาอรุณขึ้น ตั้งแต่นั้นมา โยมมารดาก็หันมานับถือพระพุทธศาสนา ได้ทำการสร้างวัดขนาดใหญ่ในหมู่บ้าน เปิดประตูต้อนรับพระสงฆ์จากจตุรทิศ มีทรัพย์เท่าไรก็นำออกมาทำบุญอย่างเต็มที่ ได้สั่งสมบุญจนตลอดชีวิต

   นี่คือการตอบแทนคุณอันยิ่งใหญ่ คือการ ปิดนรก เปิดสวรรค์ และยกใจมารดาสู่พระนิพพาน การพลิกใจโยมมารดาที่เป็นมิจฉาทิฐิให้เป็นสัมมาทิฐิ เป็นสิ่งที่ลูกชายทั้งหลายควรศึกษาและปฏิบัติตามโดยแท้

   พรรษานี้เป็นโอกาสดีที่ลูกผู้ชายควรให้โอกาสตนเองในการศึกษาธรรมะ

   ให้โอกาสตนเองในการศึกษาความจริงของชีวิต

   ให้โอกาสตนเองที่จะได้ชำระกาย วาจา ใจ ให้บริสุทธิ์ ผ่านการบำเพ็ญศีล สมาธิ ปัญญา

   ให้โอกาสตนเองในการตอบแทนพระคุณอันยิ่งใหญ่ของบิดามารดา

   และให้โอกาสตนเองในการใช้สิทธิพิเศษเป็นสาวกของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอย่างแท้จริง

...

   วันเข้าพรรษาแม้มีหลายครั้ง สักครั้งที่ลูกผู้ชายควรบวชให้ได้อย่างน้อย ๑ พรรษา เพื่อคุณค่าตลอดชีวิต...


ที่มา : วารสาร"อยู่ในบุญ" ปีที่ ๙ ฉบับที่ ๑๐๕ เดือนกรกฎาคม พ.ศ.๒๕๕๔


582
ขอบคุณพี่ทรงกลดด้วยนะครับที่นำหัวใจพระพุทธศาสนามาลงให้เพื่อนสมาชิกได้อ่านศึกษากัน อนุโมทนาด้วยครับ สาธุ สาธุ

ธรรมที่องค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสเทศนาภิกษุผู้บรรลุอรหัตผล ล้วนแล้วแต่เป็นเอหิภิกขุอุปสัมปทา ทั้ง ๑,๒๕๐ รูป ไว้ ณ พระเวฬุวัน ในวันมาฆปูรณมีบูชา ซึ่งถือได้ว่าเป็นหัวใจของพระพุทธศาสนา เรียกว่า "โอวาทปาฏิโมกข์" (หาอ่านเพิ่มเติมได้ในหนังสือสวดมนต์ทั่วไป) นำมาขยายความไว้ดังนี้ครับ

ขันตี ปะระมัง ตะโป ตีติกขา
แปลว่า - ความอดทน คือความอดกลั้น เป็นตบะอย่างยิ่ง

นิพพานัง ปะระมัง วะทันติ พุทธา
แปลว่า - พระพุทธเจ้าทั้งหลาย ตรัสว่า พระนิพพานเป็นเยี่ยม

นะ หิ ปัพพะชิโต ปะรูปะฆาตี
แปลว่า - ผู้ล้างผลาญผู้อื่น, ไม่ชื่อว่าเป็นบรรพชิต

สะมะโณ โหติ ปะรัง วิเหฐะยันโต
แปลว่า - ผู้เบียดเบียนผู้อื่น, ไม่ชื่อว่าเป็นสมณะเลย

เอตัง พุทธานะ สาสะนัง ฯ
แปลว่า - นี้เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย




สัพพะปาปัสสะ อะกะระณัง
แปลว่า - การไม่ทำบาปทั้งปวง หนึ่ง

กุสะลัสสูปะสัมปะทา
แปลว่า - การบำเพ็ญกุศลให้ถึงพร้อม หนึ่ง

สะจิตตะปะริโยทะปะนัง
แปลว่า - การกลั่นจิตของตนให้ผ่องแผ้ว หนึ่ง

เอตัง พุทธานะ สาสะนัง ฯ
แปลว่า - นี้เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย



อะนูปะวาโท
แปลว่า - การไม่เข้าไปว่าร้ายกัน หนึ่ง

อะนูปะฆาโต
แปลว่า - การไม่เข้าไปล้างผลาญกัน หนึ่ง

ปาฏิโมกเข จะ สังวะโร
แปลว่า ความสำรวมในพระปาฏิโมกข์ หนึ่ง

มัตตัญญุตา จะ ภัตตัสมิง(อ่านว่า ตัด  - สะ - หมิง)
แปลว่า - ความเป็นผู้รู้ประมาณในโภชนาหาร หนึ่ง

ปันตัญจะ สะยะนาสะนัง
แปลว่า - การนอนการนั่งอันสงัด หนึ่ง

อะธิจิตเต จะ อาโยโค
แปลว่า - การประกอบความเพียรในอธิจิต หนึ่ง

เอตัง พุทธานะ สาสะนัง ฯ
แปลว่า - นี้เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย

************************************

584
แบ่งกันชม จิ้งจกสองหางหลวงปู่หลิว วัดไร่แตงทอง



และอีก ๒ องค์ จากเพื่อนกัลยาณมิตรครับ


                                  :114: :114: :114: :114: :114: :114: :114: :114: :114: :114: :114: :114:

585
ตามนั้นครับพี่เจมส์ เหรียญแรก ศิษย์ของหลวงพ่อท่านนึง(เป็นข้าราชการตำรวจชั้นผู้ใหญ่)สร้างถวาย ในโอกาสคล้ายวันเกิดครับ.

586
การบวชเป็นสิ่งที่ดีงามครับเห็นด้วย........แต่จะว่าไปแล้วจะบวชที่ไหนก็ได้ไม่ใช่เหรอครับ :062:
ถ้าจำไม่ผิดดูจากชื่อเวปแล้วมีเคเบิ้ลเป็นของตัวเองช่องนึงเลยนี่ครับเวบนี้เอาเถอะครับถึงขนาด Contact Us ลงโฆษณาให้เองเลยผมก็โอเคครับ

ถูกต้องครับ อุปสมบทได้ทุกวัดทั่วประเทศไทยครับ :001:

อานิสงส์การบวช ผู้บวชได้ ๖๔ กัป , บิดามารดาผู้บวชได้ ๓๒ กัป(แม้ไม่ต้องอนุโมทนา) , ผู้ขวนขวายช่วยกิจงานบวชได้ ๑๖ กัป , ผู้ร่วมอนุโมทนาได้ ๘ กัป

"ถึงแม้จะมีผู้วิเศษเก็บดอกไม้จนหมดป่าหิมพานต์ แล้วนำมาบูชาพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตั้ง ๑,๐๐๐ พระองค์ กระทำดังนี้ทุกวัน ผลบุญจากการบูชานั้น ก็ไม่เท่าผลบุญจากการบวชในพระพุทธศาสนา"

"พุทธพจน์"

ผ้าไตรจีวร คือ ธงชัยของพระอรหันต์ ผู้ที่จะอุปสมบทได้ก็จะต้องไม่ขัดกับพระธรรมวินัย อาทิเช่น ห้ามผู้ที่เคยอุปสมบทแล้วต้องอาบัติปาราชิกกลับมาบวชใหม่ , ผู้อุปสมบทต้องเป็นชายมีอายุครบ ๒๐ ปี บริบูรณ์ เป็นต้น

สำหรับวัตถุประสงค์ในการบวชที่แท้จริงตามที่ได้กล่าวต่ออุปัชฌาย์ท่ามกลางสงฆ์คือ"กระทำพระนิพพานให้แจ้ง"

แต่ก็มีการกระทำ ๕ อย่างที่หากได้กระทำลงไปแล้ว จะมีผลตามกลับมาคือ"ห้ามสวรรค์ ห้ามนิพพาน" ถือว่าเป็นกรรมหนักในทางพระพุทธศาสนา เรียกว่า "อนันตริยกรรม"

อนันตริยกรรม มี ๕ ประการ ประกอบด้วย

๑.ฆ่าบิดา ๒.ฆ่ามารดา ๓.ฆ่าพระอรหันต์ ๔.ทำพระพุทธเจ้าให้ห้อพระโลหิต ๕.ยังสงฆ์ให้แตกกัน

โดยเฉพาะข้อ๕พระเดชพระคุณหลวงพ่อที่เคารพท่านได้เมตตากล่าวไว้ว่า"พุทธบุตรต้องเป็นหนึ่งเดียวกัน เหมือนดวงตะวันที่มีดวงเดียว"ฝากไว้ครับ

ร่วมอนุโมทนาบุญบวชพระ ๑ แสนรูปเข้าพรรษาทั่วไทยด้วยนะครับ สาธุ สาธุ อนุโมทามิ.

587
เป็นภาพวัดถ้ำเสือ จังหวัดกาญจนบุรี คนละที่กับวัดถ้ำเสือ จังหวัดกระบี่ ชื่อเหมือนกันครับ.

588
บารมีแม่ซื้อ สร้างจากปรอท ที่ปกติเป็นของเหลว แต่หลวงปู่ลมัยท่านสามารถทำให้ปรอทกลายเป็นของแข็งได้ครับ เห็นแปลกดีเลยนำมาให้ชมกันครับ









ภาพนี้จะเห็นชัดเจนครับ ปรอทเหลวๆกลิ้งไปกลิ้งมา


ด้านหลังกล่องครับ


 :114:ศึกษาและสะสมนะครับ :114:

589
ต้องลองเข้าไปสอบถามท่านพระอาจารย์ริห์ที่วัดดูแล้วครับประเด็นนี้

เพิ่มเติมเล็กน้อยครับ สำหรับหลวงพ่อฟักตัวผมเองเคยเห็นเป็นพิมพ์สมเด็จคะแนนอยู่ครับ ส่วนเหรียญนั้นไม่มีข้อมูลครับ
เหรียญหลวงปู่ต๊อกก็ไม่เคยเห็นครับ ต้องลองสืบค้นดูครับ
เหรียญหลวงน้าดินที่ผมลงไว้ไม่น่าใช่รุ่นแรกของท่านครับ เป็นเหรียญเลื่อนสมณศักดิ์.

590
กราบนมัสการพระอาจารย์ครับ ฝากกราบนมัสการหลวงพี่กบ วัดถ้ำเสือด้วยครับ :054:

591
ไล่เลียงลำดับเจ้าอาวาสเอาพอที่จะสืบมาได้นะครับ

หลวงปู่กลิ่น - หลวงปู่ขำ - หลวงปู่ต๊อก - ......ฯ - หลวงพ่อฟัก - หลวงน้าดิน(พระครูโฆสิตวรคุณ) - พระอาจารย์ริห์(ปัจจุบัน)

ส่วนในด้านมงคลวัตถุ น่าจะมีสร้างมาตั้งแต่สมัยหลวงพ่อฟัก(หรือไม่ก็ก่อนท่านนิดหน่อย)

เท่าที่พอมีข้อมูลอยู่บ้างก็จะเป็นยุคหลวงน้าดินเป็นเจ้าอาวาส ว่ากันว่าหลวงน้าดินท่านเรียนกับหลวงปู่หิ่ม วัดบางพระด้วยเช่นกัน ท่านเองก็ออกวัตถุมงคลไว้หลายชนิดด้วยกัน

ในช่วงยุคหลังๆวัตถุมงคลของทางวัดห้วยพลูจะได้รับความอนุเคราะห์จากพระเดชพระคุณหลวงพ่อเปิ่นเสียเป็นส่วนใหญ่

นำภาพวัตถุมงคลวัดห้วยพลูมาให้ชมเล็กน้อยครับ

รูปเก่าหลวงปู่ขำ สำหรับผู้ที่เคารพศรัทธาหลวงปู่ขำแนะนำให้เซฟไว้ได้เลยครับ เพราะภาพนี้เป็นภาพเก่าหาชมยากจริงๆ


พระสมเด็จเนื้อผงกระดูกผี,เหรียญเลื่อนสมณศักดิ์หลวงน้าดิน



เหรียญพระประธานวัดห้วยพลู


เหรียญหลวงปู่ขำ ปี๒๕๓๖ เหรียญนี้ได้รับการอฐิษฐานจิตจากหลวงพ่อเปิ่นด้วย (เคยได้มาเป็นถุงใหญ่ๆหลายร้อยเหรียญ แต่ก็แจกไปจนเกือบหมดตามระเบียบ)


เหรียญหลวงพ่อเปิ่น ออกวัดห้วยพลู ปี๒๕๓๔


ปิดท้ายด้วยเหรียญหลวงปู่หิ่ม วัดบางพระ พระอาจารย์อีกรูปหนึ่งของหลวงน้าดิน วัดห้วยพลู(เหรียญนี้ออกที่ป้ายเขต)


 :114: :114: :114: :114: :114: :114: :114: :114: :114: :114: :114: :114: :114: :114: :114:

592
"ใจ"ไป แต่"กาย"อยู่ครับ :001: อ่านไม่ผิดครับ "ใจไปแต่กายอยู่" :001:

593
หลวงปู่อั๊บเมตตาให้ไว้ก่อนไปทำงานที่สิงค์โปร์๑ปีเต็ม เพื่อเป็น"ปุญญานุสฺสติ"(ผู้ตามระลึกถึงบุญ)










วันพรุ่งนี้(อาทิตย์ที่ ๑๒ มิถุนายน ๒๕๕๔)ช่วงบ่าย เพื่อนสมาชิกท่านใดว่างก็อย่าลืมไปรับบุญใหญ่ที่วัดพระปฐมเจดีย์ราชวรมหาวิหารกันนะครับ
สาธุ สาธุ อนุโมทามิ.


594
ข้อพิจารณาเนืองๆ ๕ ประการ ในบท"อภิณหปัจจเวกขณ์" (หาอ่านได้ในมนต์พิธีทั่วไป)

ชราธัมโมมหิ  ชะรัง อะนะตีโต
แปลว่า - เรามีความแก่เป็นธรรมดา ยังไม่ล่วงพ้นความแก่ไปได้
 
พะยาธิธัมโมมหิ  พะยาธิง  อะนะตีโต
แปลว่า - เรามีความเจ็บเป็นธรรมดา ยังไม่ล่วงพ้นความเจ็บไปได้
 
มะระณะธัมโมมหิ  มะระณัง  อะนะตีโต
แปลว่า - เรามีความตายเป็นธรรมดา ยังไม่ล่วงพ้นความตายไปได้
 
สัพเพหิ  เม  ปิเยหิ  มะนาเปหิ  นานาภาโว  วินาภาโว
แปลว่า - เราจะต้องพลัดพรากจากของรักของชอบใจด้วยกันหมดทั้งสิ้น
 
กัมมัสสะโกมหิ  กัมมะทายาโท
แปลว่า - เรามีกรรมเป็นของตน เป็นทายาทแห่งกรรม
 
กัมมะโยนิ   กัมมะพันธุ
แปลว่า - มีกรรมเป็นกำเนิด มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์
 
กัมมะปะฏิสะระโน   
แปลว่า - มีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัย

ยัง กัมมัง กะริสสามิ
แปลว่า - เราจักทำกรรมใดๆไว้
 
กัลยาณัง วา ปาปะกัง วา
แปลว่า - ดีหรือชั่วก็ตาม
 
ตัสสะ  ทายาโท  ภะวิสสามิ
แปลว่า - เราจักต้องรับผลของกรรมนั้น.



595
พระจูฬปันถกลูบผ้าขาวแล้วบรรลุธรรม สาธุ สาธุ

596
อาบัติสังฆาทิเสส มีทั้งหมด ๑๓ ข้อ จัดเป็นอาบัติหนัก แต่เป็นสเตกิจฉาคือสามารถแก้ไขได้ โดยสงฆ์เป็นผู้ลงโทษให้อยู่กรรม(เข้าปริวาส)และสงฆ์เองเป็นผู้ระงับ (ในที่นี้สงฆ์ต้องตั้งแต่ ๒๐ รูปขึ้นไป)

ปฐมสังฆาทิเสส

ภิกษุแกล้งทำให้น้ำอสุจิเคลื่อน เว้นไว้แต่ฝันเปียก ต้องสังฆาทิเสส

ภิกษุแกล้งทำให้น้ำอสุจิเคลื่อนโดยตั้งใจ แค่น้ำอสุจิออกมาเพียงแมลงวันกินอิ่ม(คิดดูครับว่าแมลงวันตัวนิดเดียวกินอิ่มได้คงนิดเดียวเช่นกันปริมาณมันน้อยมากๆจริงๆ) ต้องอาบัติสังฆาทิเสส หากแค่พยายามทำให้เคลื่อนต้องอาบัติถุลลัจจัย.

เว้นไว้แต่ฝันเปียกไม่เป็นอาบัติครับ

หาอ่านเพิ่มเติมได้ในนวกะภูมิ,วินัยมุข,นักธรรมชั้นตรีฯนะครับ กราบอนุโมทนาด้วยครับท่าน.


597
กรวดน้ำกันไปทำไม ทำไมถึงต้องกรวดน้ำ?

   เป็นคำถามที่เชื่อว่าเป็นข้อสงสัยของหลายๆคน จะลองนำที่มาของการกรวดน้ำมาเล่าให้ฟังพอสังเขปนะครับ

ย้อนไปในสมัยพุทธกาล ในขณะที่พระมหาบุรุษเจ้าชายสิทธัตถะกำลังบำเพ็ญเพียรทางจิตเพื่อหวังตรัสรู้พระสัพพัญญุตญานอยู่ใต้ต้นอัสสัตถพฤกษ์ หรือที่รู้จักในนาม"ต้นโพธิ์" เหล่าทวยเทพพยาดาทั้งหมื่นโลกธาตุก็สาธุการแซ่ซ้องสรรเสริญพระมหาบุรุษดังไปก้องภพ พร้อมทั้งมาห้อมล้อมแห่ชมพระบารมีจนนับประมาณมิได้

พญาวัสสวดีมาร มารผู้หยาบช้า ได้ยินเสียงดังนั้นแล้วก็เห็นท่าไม่ดีเกรงว่าพระมหาบุรุษจะตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จึงหาทางขัดขวางพระมหาบุรุษ โดยทรงช้างคีรีเมขล์เนรมิตแขนตั้งพัน ถือศาสตรวุธครบสรรพ พร้อมยกพลเสนามารมามากมาย แล้วก็เข้าล้อมบัลลังก์ของพระมหาบุรุษไว้

หมู่มวลเทพยดาทั้งหลายเห็นดังนั้น ก็เกิดอาการหวาดกลัวจึงหนีไปอยู่ที่สุดขอบจักรวาล ปล่อยให้พระมหาบุรุษอยู่เผชิญหน้ากับบรรดาพหลพลมารเหล่านั้น

พญามารพร้อมเสนามารทั้งหลายต่างก็เข้าทำอันตรายแก่พระมหาบุรุษต่างๆนานา แต่ไม่ว่าจะด้วยอาวุธศาสตราหรือฤทธิ์ที่แสดงออกมาเพียงใด ก็ไม่ทำให้พระมหาบุรุษไหวติงได้เลย ซ้ำศาสตาวุธทั้งหลายก็กลายสภาพเป็นดอกไม้ของหอมบูชาพระมหาบุรุษเสียอีก

เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว พญามารจึงได้กล่าวตู่พระมหาบุรุษว่า บัลลังก์ที่พระมหาบุรุษประทับอยู่นี้เป็นของตน ขอพระมหาบุรุษจงเลิกบำเพ็ญเพียรแล้วลุกออกจากบัลลังก์ที่ประทับนี้เสียเถิด

พระมหาบุรุษจึงกล่าวกับพญามารว่า บัลลังก์นี้สำเร็จขึ้นแล้วด้วยบุญของเราที่ได้บำเพ็ญมานับอสังไขยยกัปป์ จักนับจักประมาณมิได้

ฝ่ายพญามารจึงท้วงขึ้นว่า ท่านมีพยานรับรู้หรือไม่ เรา(พญามาร)มีพยานคือพลพยุหเสนามารที่ห้อมล้อมอยู่ ณ ที่นี้ที่ยืนยันว่าบัลลังก์นี้เป็นของเรา

ฝ่ายพระมหาบุรุษที่ประทับอยู่เพียงลำพัง จึงทรงนั่งประทับปางมารวิชัย(ลักษณะเช่นเดียวกับพระพุทธรูปปางมารวิชัย)มือขวาวางอยู่ที่หัวเข่าข้างขวาแล้วชี้นิ้วลงไปที่พื้นดิน

ทันใดนั้นนางวสุนธรา หรือที่เรียกว่า "พระแม่ธรณี"จึงปรากฏกายขึ้น พร้อมเป็นพยานให้พระมหาบุรุษ โดยกล่าวว่า ในอดีตชาติทุกๆชาติจนถึงปัจจุบัน เมื่อพระมหาบุรุษบำเพ็ญบุญสร้างกุศลแล้วทุกครั้งก็จะหลั่งน้ำไว้ที่ผืนดิน แล้วพระแม่ธรณีจะรองรับเก็บน้ำนั้นไว้ที่มวยผม

เพื่อให้เป็นที่ประจักษ์ พระแม่ธรณีจึงบีบมวยผมของตน

ทันใดนั้นสายธารธาราได้หลั่งไหลปานน้ำในพระมหาสมุทรทั้ง๔ จนเข้าท่วมพญามารพร้อมเสนาให้ราบไปพร้อมกับสายน้ำที่บีบออกมาจากมวยผมของพระแม่ธรณี พญามารจึงพ่ายแพ้ไปในที่สุด พระมหาบุรุษก็ได้บรรลุพระสัพพัญญุตญาณเป็น"พระสัมมาสัมพุทธเจ้า"ในเวลาถัดมา

และนี่จึงเป็นที่มาของการกรวดน้ำครับ คือการกรวดน้ำฝากไว้กับพระแม่ธรณีตามอย่างพระมหาบุรุษในครั้งนั้น

คำถามต่อมาเอ๊ะ...แล้วปัจจุบันทำไมต้องนำน้ำที่กรวดแล้วไปรดต้นไม้ด้วย

หากลองอ่านที่มาของการกรวดน้ำแล้วก็จะทราบว่า ให้เทน้ำไว้ที่ดินสะอาด(ฝากพระแม่ธรณีไว้) แต่ปัจจุบันผู้หลักผู้ใหญ่คนแก่คนเฒ่า มักจะบอกว่าให้นำน้ำที่กรวดแล้วไปรดต้นไม้ นี่อาจจะเป็นเพราะว่าให้น้ำนั้นได้ใช้ประโยชน์อย่างอื่นไปด้วย ดีกว่าการเทลงดินอย่างเดียวแล้วไม่เกิดประโยชน์อะไร แต่หากนำไปรดต้นไม้ก็ช่วยให้ต้นไม้ในวัดเจริญเติบโตไปอีกด้วย วัดก็ร่มรื่นน่าชม เป็นสัปปายะเหมาะแก่การประพฤติปฏิบัติธรรม

คำถามต่อมาที่เป็นประเด็นไว้เกี่ยวกับการใช้คำว่าเหมาะสมหรือไม่อย่างไร

อุทิศ คือ"การให้" ครับ เราจะอุทิศให้สำเร็จประโยชน์แก่ใครก็ได้ครับ ดังคำแปลใน"บทกรวดน้ำอิมินา"(หาอ่านได้ในมนต์พิธีทั่วไป)

อิมินา ปุญญะกัมเมนะ อุปัชฌายา คุณุตตะรา
คำแปล- ด้วยบุญนี้ อุทิศให้ อุปัชฌาย์ ผู้เลิศคุณ

อาจะริยูปะการาจะ มาตาปิตา จะ ญาตะกา (ปิยา มะมัง)
คำแปล - และอาจารย์ ผู้เกื้อหนุน ทั้งพ่อแม่ และปวงญาติ

สุริโย จันทิมา ราชา คุณะวันตา นะราปิ จะ
คำแปล - สูรย์จันทร์ และราชา ผู้ทรงคุณหรือสูงชาติ

พรัหมะมารา จะ อินทา จะ โลกะปาลา จะ เทวะตา
คำแปล - พรหม มาร และอินทราช ทั้งทวยเทพ และโลกบาล

ยะโม มิตตา มะนุสสา จะ มัชฌัตตา เวริกาปิ จะ
คำแปล -  ยมราช มนุษย์มิตร ผุ้เป็นกลาง ผู้จองผลาญ

สัพเพ สัตตา สุขี โหนตุ ปุญญานิ ปะกะตานิ เม
คำแปล - ขอให้สุขศานติ์ทุกทั่วหน้า อย่าทุกข์ทน บุญผองที่ข้าทำจงอำนวยศุภผล

สุขัง จะ ติวิธัง เทนตุ ขิปปัง ปาเปถะ โว มะตัง
คำแปล - ให้สุขสามอย่างล้น ให้ลุถึงนิพพานพลัน

อิมินา ปุญญะกัมเมนะ อิมินา อุททิเสนะ จะ
คำแปล - ด้วยบุญนี้ที่เราทำ และอุทิศให้ปวงสัตว์

ขิปปังหัง สุละเภ เจวะ ตัณหุปาทานะเฉทะนัง
คำแปล - เราพลันได้ ซึ่งการตัด ตัวตัณหา อุปาทาน

เย สันตาเน หินา ธัมมา ยาวะ นิพพานะโต มะมัง
คำแปล - สิ่งชั่วในดวงใจ กว่าเราจะถึงนิพพาน

นัสสันตุ สัพพะทา เยวะ ยัตถะ ชาโต ภะเว ภะเว
คำแปล - มลายสิ้นจากสันดาน ทุกๆ ภพ ที่เราเกิด

อุชุจิตตัง สะติปัญญา สัลเลโข วิริยัมหินา
คำแปล - มีจิตตรง และสติปัญญาอันประเสริฐ พร้อมทั้งความเพียรเลิศเป็นเครื่องขูดกิเลสหาย

มารา ละภันตะ โนกาสัง กาตุญจะ วิริเยสุ เม
คำแปล - โอกาส อย่าพึงมี แก่หมูมารทั้งสิ้นทั้งหลาย เป็นช่อง ประทุษร้ายทำลายล้างความเพียรจม
 
พุทธาทิปะวะโร นาโถธัมโม นาโถ วะรุตตะโม
คำแปล -  พระพุทธผู้วรนาถ พระธรรมที่พึ่งอุดม

นาโถ ปัจเจกะพุทโธ จะ สังโฆ นาโถตตะโร มะมัง
คำแปล - พระปัจเจกะพุทะสมทบ พระสงฆ์ ที่ผึ่งพยอง

เตโสตตะมานุภาเวนะ มาโรกาสัง ละภันตุ มา
คำแปล - ด้วยอานุภาพนั้น อย่าเปิดโอกาสให้แก่มาร เทอญ.


สรุปว่าใช้อุทิศได้ทุกคน,สิ่ง,อย่าง ไม่ต้องกังวลกับการเลือกใช้คำ เพราะบทสรุปก็คือ"เมตตาจิตเราแผ่ไปถึงก็จะถึงผู้รับครับ"

 :114: :114: :114: :114: :114: :114: :114: :114: :114: :114: :114: :114: :114: :114: :114:

598
คงไม่ต้องนำไปคืนแล้วนะครับ ยินดีด้วยครับ :001:

599
ขอบคุณท่านทรงกลดมากครับ เนื้อหาเข้าใจง่ายได้สาระเป็นอย่างยิ่งครับ

เพิ่มเติมครับ

ภพ ๓ ประกอบด้วย กามภพ๑ รูปภพ๑ อรูปภพ๑ มีทั้งหมด ๓๑ ภูมิ ได้ชื่อว่าเป็นคุกสำหรับจองจำสรรพสัตว์ที่ยังต้องเวียนว่ายตายเกิดไม่รู้จักจบสิ้น ทางเดียวที่จะออกจากคุกนี้ได้คือการกำจัดกิเลสให้หมดสิ้นไปจนเข้าถึง"พระนิพพาน"

แบ่งคร่าวๆได้ ๒ คือฝ่ายสุคติ,ฝ่ายทุคติ

ฝ่ายสุคติ(สถานที่ซึ่งใครได้อยู่แล้วย่อมเป็นสุข) มี ๒๗ ภูมิได้แก่

มนุสสภูมิ(ภูมิของมนุษย์)๑ เทวภูมิ(ภูมิของเทวดา)๖ ไล่เรียงไปตั้งแต่ จาตุมหาราชิกา,ดาวดึงส์,ยามา,ดุสิต,นิมมานรดี,ปรนิมมิตวสวัตตี.

รูปภพ ประกอบด้วย พรหมทั้ง ๑๖ ชั้น .อรูปภพ ประกอบด้วย อรูปพรหม ๔ ชั้น

และที่จะกล่าวถึงนั่นคือ ฝ่ายทุคติ(สถานที่ที่เต็มไปด้วยความทุกข์)เรียกว่า "อบายภูมิ" มี ๔ แห่ง คือ

๑.นิรยภูมิ หรือที่เรียกทั่วไปว่า"นรก" มีทั้งหมด ๘ ขุมใหญ่เรียกว่า"มหานรก" ขุมบริวาร ๑๒๘ ขุม เรียกว่า "อุสสทนรก"(การลงทัณฑ์จะเบากว่าในมหานรก) ขุมย่อย ๓๒๐ ขุม เรียกว่า "ยมโลก"(การลงทัณฑ์จะเบากว่าในอุสสทนรก) รวมทั้งสิ้น ๔๕๖ ขุม

๒.เปตติวิสยภูมิ หรือเรียกว่า"ภูมิเปรต" อยู่บริเวณซอกเขาตรีกูฏ บางส่วนมีปะปนอยู่กับมนุษย์โลกด้วยแต่เป็นภพที่ละเอียดกว่า เหตุที่ทำให้เกิดเป็นเปรตเพราะ อกุศลกรรมตระหนี่หวงแหนทรัพย์เป็นหลัก

๓.อสุรกายภูมิ มีความคล้ายเปรตมากแยกได้ยาก มีความเป็นอยู่แสนลำบากเช่นเดียวกับเปรต แต่หนักไปทางกระหายน้ำมากกว่าอาหาร เหตุที่ทำให้เกิดเป็นอสุรกายเพราะโลภอยากได้ของผู้อื่นในทางที่มิชอบ

๔.ติรัจฉานภูมิ คือภูมิของสัตว์เดียรัจฉาน(มีลำตัวไปทางขวาง อกขนานพื้นและจิตใจก็ขวางจากหนทางพระนิพพานด้วย)อยู่ปะปนกับมนุษย์ทั่วไป

สำหรับการทำบุญอุทิศไปให้ผู้ตายที่เสวยผลกรรมอยู่ในนิรยภูมิ(นรก)

ในมหานรก ๘ ขุมใหญ่ และในขุมบริวารอุสสทนรก ๑๒๘ ขุม สัตว์นรกที่อยู่ในทั้ง ๒ ส่วนนี้ มิอาจรับผลบุญที่มีผู้อุทิศไปให้ได้  ถามว่าแล้วผลบุญที่อุทิศให้นั้นจะไปอยู่ไหน คำตอบคือ ผลบุญนั้นจะไปรออยู่ที่"ยมโลก" สัตว์นรกที่ทำกรรมหนักจะไปอยู่ในมหานรก เมื่อใช้กรรมจนเบาบางลงมาบ้างแล้วก็จะไปใช้กรรมต่อที่อุสสทนรก และเมื่อใช้กรรมในอุสสทนรกจนเบาบางแล้วก็จะไปใช้กรรมต่อที่ยมโลก เมื่อมาอยู่ที่ยมโลกนี้จึงจะได้รับบุญที่มีผู้อุทิศมาให้ได้

ข้อแนะนำ จะมีอยู่ ๑ วันที่ใน"นิรยภูมิ" หรือ นรก หยุดการลงทัณฑ์ชั่วคราว หากมีผู้ทำบุญแล้วอุทิศไปให้ สัตว์นรกนั้นก็จะได้รับผลบุญในทันที วันนั้นก็คือ "วันธรรมสวนะ" หรือที่เราเรียกกันว่า "วันพระ" นั่นเอง

ฉะนั้น ทุกวันพระและทุกๆวันก็อย่าลืมทำบุญและอุทิศส่วนบุญกุศลไปให้ผู้ล่วงลับกันนะครับ.


 :114: :114: :114: :114: :114: :114: :114: :114: :114: :114: :114: :114: :114: :114: :114:

600
เนื้อวัวกระเบือ และ สัตว์ที่อยู่ในป่าไม่กินครับ 11; 11;
                       
ปรกติข้าพเจ้า ไปตลาดจะเลือกซื้อสัตว์ที่ตายแล้วครับ เช่น ปลา ไก่ หมู กุ้ง ไม่รู้บาปรึเปล่าครับ :075: :075:
                                                                                                                   
ขอบคุณท่าน sams ที่นำลิงค์เว็บมาให้พี่น้องวัดบางพระได้ชมครับ :053: :053:
                                                                                                                                                                 
(ขออนุญาตเข้ามาชมคลิป ขอบคุณมากครับ) :054: :054:

หลวงปู่บอกว่า..........

...แต่ก็เป็นของบริสุทธิ์โดยส่วนสาม คือไม่ได้เห็น ไม่ได้ยิน และเขา
ไม่ได้ฆ่าเพื่อเจาะจงเรา และเราก็แสวงหามาโดยชอบธรรมแล้ว

ตามนั้นครับท่านทรงกลด

พิจารณาอาหารก่อนรับประทาน ว่าประกอบไปด้วยธาตุ ๔ คือ ดิน น้ำ ไฟ ลม ที่มาประชุมกันอย่างพอเหมาะ

เมื่ออาหารอันประณีตได้มาสัมผัสกับร่างกายของเราซึ่งประกอบไปด้วยธาตุ ๖ คือ ดิน น้ำ ไฟ ลม อากาศ วิญญาณ อาหารใหม่ก็จะกลายเป็นอาหารเก่า กลายเป็นของไม่น่าดูไม่น่าชม

เรารับประทานอาหารเข้าไปเพื่อบำบัดเวทนาเก่า คือ ความหิว ความกระหาย และเราก็จะไม่ทำให้เกิดเวทนาใหม่ขึ้นมาเช่นกัน คือ ความจุก เสียด แน่นจนเกินไป

เมื่อพิจารณาได้ดังนี้แล้วเราก็จะได้ชื่อว่ารับประทานอาหารอย่างไม่ประมาทมัวเมา ไปหลงติดในรูป รส สัมผัสของอาหาร

และที่สำคัญอาหารที่รับประทานเข้าไปก็เพื่อใช้เป็นกำลังในการสร้างความดีแก่ตนเอง และสังคมครับ

"หมั่นสั่งสมบุญบารมีให้เข้มข้นทับทวี ปฏิบัติธรรมให้เข้าถึงพระภายใน"

601








***************************************************************************

602
















                           **********************





603
กฏกติกา และ มารยาท ในการใช้งานกระดานสนทนาเว็บไซต์ วัดบางพระ

๗. ห้ามตั้งกระทู้ใดๆ ที่เกี่ยวกับการประกาศโฆษณาชวนเชื่อ หลอกลวงต่างๆ

๘. ไม่อนุญาตให้มีการแสวงหาผลประโยชน์ใดๆ ในการการซื้อขายแลกเปลี่ยน ทั้งทางตรงและทางอ้อมผ่านกระดานสนทนาเว็บไซต์ วัดบางพระ (ปรับปรุง: ๓๑ ก.ค. ๕๒)

๙. ห้ามตั้งกระทู้ที่มีเนื้อหา ไปในทางโฆษณาบอกประกาศ เพื่อส่อเจตนาในทางซื้อขายหรือแลกเปลี่ยนใดๆ ทั้งสิ้น (ปรับปรุง: ๓๑ ก.ค. ๕๒)

๑๐. เพื่อรักษาสิทธิส่วนบุคคลและเพื่อป้องกันเหตุไม่พึงประสงค์อันจะเกิดขึ้น ดังนั้นห้าม วางเบอร์โทรศัพท์ วางลิงค์ อีเมล์ ที่อยู่ โดยเด็ดขาด (เพิ่มเติม: ๓๑ ก.ค. ๕๒)

604
อานิสงส์การรักษาศีล

อาราธนาศีล ๕ รับสัจจะรักษาศีล ๕ โดยมีพระภิกษุเป็นพยานรับรู้แล้ว พระท่านก็จะต่อด้วยบทที่ว่า

"สีเลนะสุคะติงยันติ"  แปลว่า ศีลเป็นเหตุให้ถึงสุคติโลกสวรรค์

"สีเลนะโภคะสัมปะทา" แปลว่า ศีลเป็นเหตุให้ถึงพร้อมด้วยโภคทรัพย์

"สีเลนะนิพพุติงยันติ" แปลว่า ศีลเป็นเหตุให้ถึงพระนิพพานอันประเสริฐ

"ตัสมาสีลังวิโสทะเย" แปลว่า เพราะเหตุนั้นพึงชำระศีลให้หมดจด

                               :114: :114: :114:
!!!พุทธังสะระณังคัจฉามิ ธัมมังสะระณังคัจฉามิ สังฆังสะระณังคัจฉามิ!!!


605
ลองอัพโหลดภาพมาให้ดูนะครับ เพื่อง่ายต่อการพิจารณา ลองศึกษาวิธีลงรูปตามนี้นะครับ

http://www.bp.or.th/webboard/index.php?topic=2148.0

โชคดีครับผม :001:

606
หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี


หลวงปู่ทอง ไม่ทราบประวัติเห็นเก่าดี ท่านใดทราบประวัติการสร้างรบกวนชี้แนะด้วยนะครับ


สมเด็จแช่มล้าน


สมเด็จวัดเกศไชโยปี ๒๕๒๑


ภาพเก่าหลวงปู่สด วัดปากน้ำภาษีเจริญ ขอบคุณท่านเอ็มอีกครั้งครับ

ฝากภาพปลัดรายงานความคืบหน้าตัวนี้ไว้ด้วยละกันครับ


ส่งท้ายด้วยผ้ายันต์ผืนนี้


ฝันดีราตรีสวัสดิ์หลับในอู่ทะเลบุญนะครับเพื่อนสมาชิกทุกท่าน :001:

607
ลองใช้แถบค้นหาที่หน้ากระดานสนทนาดูนะครับ เพื่อนสมาชิกเคยนำมาลงไว้ เท่าที่ผมหาเจอก็ตามนี้ครับ

http://www.bp.or.th/webboard/index.php?topic=835

http://www.bp.or.th/webboard/index.php?topic=836.0

http://www.bp.or.th/webboard/index.php?topic=837

 :001:"กระดานสนทนาวัดบางพระ แหล่งรวมสหวิทยาการ" :001:

608
เมื่อวานนี้มีโอกาสไปร่วมงานพระราชเพลิงศพคุณพ่อของลุงต้อที่วัดละหาร บางบัวทอง นนทบุรี

เลยถือโอกาสเข้าไปกราบสักการะพระบรมสารีริกธาตุซึ่งประดิษฐานภายในพระอุโบสถวัดละหาร รับชมบรรยากาศกันเลยนะครับ











"สักครั้งหนึ่งในชีวิต ของผู้ที่ได้เกิดมาใกล้ชิดพระพุทธศาสนา"

กลับเข้ามาในงานพระราชทานเพลิงศพ


ลุงต้อกับลูก


*********************************************************

609
เก็บภาพบรรยากาศภายในวัดดอนยายหอมวันนี้มาฝากเพื่อนสมาชิกครับ

พระอุโบสถและศาลาธรรมโสฬส


อีกมุมหนึ่งของพระบุโบสถ


ในวันนี้ช่วงสายในพระบุโบสถใช้ทำสังฆกรรมพิธีบรรพชาอุปสมบทครับ


มณฑปประดิษฐานรอยพระพุทธบาทจำลองที่ได้รับการบูรณะใหม่อย่างงามตา


หอระฆัง


ตึกจันฺทสุวณฺโณ


ในศาลากัมมัฏฐานประดิษฐานสังขารพระครูเกษมธรรมนันท์(หลวงพ่อแช่ม)


สุดท้ายท้ายสุดเข้ากราบนมัสการและร่วมถวายสังฆทานกับท่านเอ็มไร่ขิงแด่พระครูสังฆรักษ์อวยพร ท่านแข็งแรงขึ้นมากครับ


ปล.อนุโมทนาบุญกับท่านเอ็มไร่ขิงกับบุญถวายสังฆทานวันนี้ด้วยนะครับ สาธุ สาธุ :001: :114:

610
สวัสดีครับพี่ พัน ร. มทบ.๑๑

จากที่พี่ พัน ร. มทบ.๑๑ ได้ตั้งกระทู้ชี้แจงปัญหาที่เกิดขึ้นของการใช้งานในกระดานสนทนาวัดบางพระนี้ประเด็นเกี่ยวกับการตั้งกระทู้ประชาสัมพันธ์งานบุญ

ก่อนอื่นต้องขอโทษพี่พัน ร. มทบ.๑๑ ด้วยนะครับ เนื่องจาก contactus นั้นมีผมกับหลวงพี่เว็บรับผิดชอบตรงนี้อยู่เพียง ๒ คน การทำงานเลยอาจจะมีข้อผิดพลาดเกิดขึ้น เหตุเพราะไม่ค่อยได้เข้าไปตรวจดูว่ามีเพื่อนสมาชิกท่านใดส่งรายละเอียดข่าวประชาสัมพันธ์งานบุญมาให้ช่วยประชาสัมพันธ์ในกระดานสนทนาวัดบางพระไว้บ้าง
ปัญหาที่ตามมาก็คือ ลงประชาสัมพันธ์เองแล้วทางทีมงานก็ลบกระทู้นั้น(เนื่องจากผิดกฎกติกาการใช้งานกระดานสนทนาวัดบางพระ)
ตรงนี้มันเป็นผลพวงมาจากที่ไม่ค่อยได้เข้าไปตรวจสอบข้อความใน contactus
ทางทีมงานก็ทำไปตามหน้าที่ระเบียบข้อบังคับของทางกระดานสนทนาครับ ด้วยเหตุปัจจัยต่างๆนานา ผมน้อมรับผิดตรงนี้ไว้นะครับ ต้องขอโทษพี่พัน ร. มทบ.๑๑ ไว้ด้วยนะครับ ขอโทษจริงๆครับ :054:

การประชาสัมพันธ์งานบุญเป็นสิ่งที่ดีครับ เสมือนว่าเรามีแสงจากเปลวประทีปที่ให้ความสว่างอยู่กับตัวแล้ว แต่เราก็สละแบ่งปันแสงสว่างนี้ไปให้กับอีกหลายๆคนได้มีแสงนำทางด้วย เป็นการชี้ทางสร้างบุญที่น่ายกย่องสรรเสริญ แต่ทว่าในสังคมปัจจุบัน ก็มีเหตุการณ์บางอย่างที่อาจจะผิดวัตถุประสงค์ไปบ้าง เช่นมีการแอบอ้าง หรือมีผลประโยชน์กับสิ่งนั้นๆอยู่ แล้วนำมาขยายต่อเพื่อประโยชน์ของตนด้วยเทคนิควิธีการต่างๆที่บางสิ่งบางอย่าง เราเองก็คาดไม่ถึง ตรงนี้น่ากลัวครับ ดังนั้นแล้วทุกข้อความที่เพื่อนสมาชิกส่งรายละเอียดมาให้ช่วยประชาสัมพันธ์นั้น ทางทีมงานจึงต้องมีการตรวจสอบรายละเอียดอย่างเคร่งครัดสักนิดนึง เพื่อเป็นการการันตีความถูกต้องของข่าวสารนั้นๆ และประโยชน์ที่แท้จริงที่สุดนั้นคือ "เพื่อให้เพื่อนสมาชิกได้รับข่าวสารที่ถูกต้องแม่นยำไม่มีข้อผิดพลาดหรือตกเป็นเครื่องมือของมิจฉาชีพที่มาแสวงหาผลประโยชน์ในที่นี้"

สำหรับทีมงานผู้ดูแลนั้น ทุกๆคนก็ต่างเสียสละทั้งเวลา,แรงกาย,แรงใจมาช่วยกันสรรค์สร้างสิ่งดีๆให้เป็นระเบียบเรียบร้อยตามกติกาที่ร่วมกันตั้งขึ้นไว้ บางครั้งบางทีก็อาจจะมีอนิฏฐารมณ์เข้ามาในใจบ้าง ด้วยสภาวะความกดดันของปัญหาต่างๆที่เข้ารุมล้อม พร้อมที่จะเป็นบททดสอบในด้านการทำงาน สิ่งนี้ก็เป็นอีกเรื่องที่อยากฝากขอความเห็นใจกับเพื่อนสมาชิกทุกท่านด้วยนะครับ ทุกสิ่งอย่างที่ทางทีมงานได้ทำไปนั้นเพื่อประโยชน์สูงสุดของเพื่อนสมาชิกทุกท่านจริงๆ ไม่ได้มีอคติหรือความเอนเอียงใดๆทั้งสิ้น ปุถุชนคนธรรมดาที่ยังไม่หมดกิเลสก็อาจจะทำพลั้งขาดยั้งคิดพิจารณาไปบ้างอะไรบ้าง สิ่งต่างๆเหล่านี้มีเกิดขึ้นในทุกๆสังคม อยู่ที่ว่าจะเปิดใจยอมรับฟังความเห็นและทำความเข้าใจในปัจจัยสภาวะที่รุมกดดันอยู่หรือเปล่าเท่านั้นครับ

หากว่ามีสิ่งหนึ่งประการใดที่ทำให้เกิดความไม่เข้าใจในกลุ่มเพื่อนสมาชิก ก็ต้องกล่าวคำว่าขอโทษจากใจจริงนะครับ ต่อจากนี้จะพยายามดูแลเรื่องงานประชาสัมพันธ์ให้มากขึ้นครับ ขอบคุณครับ :114:


611

ปัจจุบันแนวคิดและหลักสูตรที่สอนให้คนมีเหตุผลไม่หลงเชื่องมงาย ในทำนองเดียวกับคำสอนของพระพุทธองค์เมื่อ 2500 ปีก่อน ได้รับการบรรจุเป็นวิชาบังคับว่าด้วยการสร้างทักษะการคิดหรือที่เรียกว่า "การคิดเชิงวิจารณ์" (Critical thinking) ไว้ในกระบวนการเรียนรู้ในมหาวิทยาลัยของประเทศพัฒนาแล้ว[/size]

:001:โยนิโสมนสิการ :001:

612
หากต้องการสืบค้นข้อมูลก็ลองใช้แถบค้นหาที่หน้ากระดานสนทนาดูนะครับ

เรื่องเหล็กไหลมีเพื่อนสมาชิกลงไว้เยอะมากครับ ดังนี้เป็นต้น.

http://www.bp.or.th/webboard/index.php?topic=1895.0

613

นำภาพ ๓ มิติ หลวงปู่สด วัดปากน้ำภาษีเจริญ มาแจกเพื่อนสมาชิกจำนวน ๒๗ ใบ

กติกาการรับภาพดังนี้

   -ให้ลงชื่อแจ้งความประสงค์ขอรับภาพไว้ในกระทู้นี้ พร้อมกับเล่าประสบการณ์งานบุญในวันวิสาขบูชาที่ผ่านมา เพื่อให้เพื่อนสมาชิกได้ร่วมอนุโมทนาบุญกัน (หรือประสบการณ์งานบุญที่ท่านได้ทำในวันอื่นๆก็ได้)

   -๑ ภาพต่อ ๑ ท่าน สำหรับเพื่อนสมาชิก ๒๗ ท่านแรกที่ลงชื่อขอรับภาพในกระทู้นี้เท่านั้น
 
   -ส่งซองเปล่าติดแสตมป์ ๓ บาท พร้อมจ่าหน้าซองที่อยู่ของท่านเอง ส่งมามาตามที่อยู่ซึ่งจะแจ้งไปทาง pm


:114: :114: :114:

อนุโมทนาบุญกับเพื่อนสมาชิกทุกท่าน
ที่ได้ร่วมแบ่งปันประสบการณ์งานบุญให้ได้ร่วมอนุโมทนากันนะครับ
 :001:สาธุ สาธุ :001:

615





นำบุญมาฝากเพื่อนสมาชิกทุกท่านนะครับ สาธุ สาธุ

.........................................................................

616
นำมงคลวัตถุของหลวงพ่อพูล วัดไผ่ล้อมมาให้ชมครับ เพื่อน้อมรำลึกถึงวันคล้ายวันมรณะภาพของท่านซึ่งตรงกับวันวิสาขบูชาพอดี

ภาพหลวงพ่อพูลนั่งปรกอฐิษฐานจิตท่านจารให้ครับใบนี้

ในวันมรณะภาพผมได้ไปเข้าร่วมพิธีไหว้ครูของทางวัด พอช่วงบ่ายๆก็ได้ทราบว่าท่านมรณะภาพแล้ว
เลยร่วมบุญเก็บของที่ระลึกถึงท่านวันนั้นไว้ครับ




องค์นี้พิเศษครับขุนแผนจิ๋ว

:114: :114: :114:

617
อนุโมทนาบุญด้วยนะครับพี่เจมส์ ได้ของมาเก็บซะเยอะเชียว :015:

618
น่าจะประมาณนี้หรือเปล่าครับ



พระผงนั่งเสือตะกรุดทองคำ

619
   พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ รวมเรียกว่า "พระรัตนตรัย" อันเป็นที่พึ่งที่ระลึกอันสูงสุดของพวกเราชาวพุทธศาสนิกชนทั้งหลาย
สิ่งอื่นที่จะเป็นที่พึ่งที่ระลึกนอกจากนี้ไม่มีอีกแล้ว

ด้วยคุณของพระรัตนตรัยอันมีพระคุณอันไม่มีประมาณ ไม่มีสิ่งใดอันมีคุณเหนือพระรัตนตรัยไปได้อีกแล้ว

เพียงแค่ตั้งจิตให้มั่นแล้วกล่าวคำขอถึงพระรัตนตรัยด้วยความเคารพนอบน้อม ดังนี้

นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุทธัสสะ(๓จบ)
แปล - "ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคเจ้า พระองค์นั้น ซึ่งเป็นผู้ไกลจากกิเลส ดับเพลิงกิเลสเพลิงทุกข์สิ้นเชิง ตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เอง"

พุทธัง สรณัง คัจฉามิ  
แปล - "ข้าพเจ้า ขอถึง ซึ่งพระพุทธเจ้า ว่าเป็นสรณะ ว่าเป็นที่พึ่ง ที่ระลึกอันสูงสุดฯ"

ธัมมัง สรณัง คัจฉามิ  
แปล - "ข้าพเจ้า ขอถึง ซึ่งพระธรรมเจ้า ว่าเป็นสรณะ ว่าเป็นที่พึ่ง ที่ระลึกอันสูงสุดฯ"

สังฆัง สรณัง คัจฉามิ  
แปล - "ข้าพเจ้า ขอถึง ซึ่งพระสงฆ์เจ้า ว่าเป็นสรณะ ว่าเป็นที่พึ่ง ที่ระลึกอันสูงสุดฯ"

ทุติยัมปิ พุทธัง สรณัง คัจฉามิ
แปล - "ข้าพเจ้า ขอถึง ซึ่งพระพุทธเจ้า ว่าเป็นสรณะ ว่าเป็นที่พึ่ง ที่ระลึกอันสูงสุด แม้ในครั้งที่สองฯ"

ทุติยัมปิ ธัมมัง สรณัง คัจฉามิ  
แปล - "ข้าพเจ้า ขอถึง ซึ่งพระธรรมเจ้า ว่าเป็นสรณะ ว่าเป็นที่พึ่ง ที่ระลึกอันสูงสุด แม้ในครั้งที่สองฯ"

ทุติยัมปิ สังฆัง สรณัง คัจฉามิ  
แปล - "ข้าพเจ้า ขอถึง ซึ่งพระสงฆเจ้า ว่าเป็นสรณะ ว่าเป็นที่พึ่ง ที่ระลึกอันสูงสุด แม้ในครั้งที่สองฯ"

ตะติยัมปิ พุทธัง สรณัง คัจฉามิ
แปล - "ข้าพเจ้า ขอถึง ซึ่งพระพุทธเจ้า ว่าเป็นสรณะ ว่าเป็นที่พึ่ง ที่ระลึกอันสูงสุด แม้ในครั้งที่สามฯ"

ตะติยัมปิ ธัมมัง สรณัง คัจฉามิ  
แปล - "ข้าพเจ้า ขอถึง ซึ่งพระธรรมเจ้า ว่าเป็นสรณะ ว่าเป็นที่พึ่ง ที่ระลึกอันสูงสุด แม้ในครั้งที่สามฯ"

ตะติยัมปิ สังฆัง สรณัง คัจฉามิ  
แปล - "ข้าพเจ้า ขอถึง ซึ่งพระธรรมเจ้า ว่าเป็นสรณะ ว่าเป็นที่พึ่ง ที่ระลึกอันสูงสุด แม้ในครั้งที่สามฯ"

   เคยสังเกตกันบ้างหรือเปล่าว่า เวลาที่เราถวายทานเสร็จพระสงฆ์ท่านก็จะขึ้นสวดบท "ยะถาวาริวหาฯ" คือบทอุทิศกุศลด้วยการกรวดน้ำ พอจบลงที่คำว่า"มะนิโชติระโสยะถาฯ" ก็จะขึ้นต่อด้วยบทให้พร หรือที่เรียกว่า "อนุโมทนากถา" เชื่อเหลือเกินว่า หากทราบความหมายแล้วนำมาประยุกต์ใช้ ย่อมบังเกิดศุภมงคลแก่ชีวิตอย่างแน่นอน

   นำตัวอย่างจาก ๑ ในบทอนุโมทนากถา ชื่อบท "มงคลจักรวาฬน้อย" มานำเสนอ เพื่อเป็นการตอกย้ำพระคุณของพระรัตนตรัยอันไม่มีประมาณ(ศึกษาเพิ่มเติมได้ในหนังสือมนต์พิธีทั่วไป)

บทมงคลจักรวาฬน้อย

สัพพะพุทธานุภาเวนะ
แปล - "ด้วยอานุภาพแห่งพระพุทธเจ้าทั้งปวง"

สัพพะธัมมานุภาเวนะ
แปล - "ด้วยอานุภาพแห่งพระธรรมทั้งปวง"

สัพพะสังฆานุภาเวนะ
แปล - "ด้วยอานุภาพแห่งพระสงฆ์ทั้งปวง"

พุทธะระตะนัง ธัมมะระตะนัง สังฆะระตะนัง
ติณณัง ระตะนานัง อานุภาเวนะ
แปล - "ด้วยอานุภาพแห่งรัตนสาม คือ
พุทธรตนะ ธรรมรตนะ สังฆรตนะ
"

จะตุราสีติสะหัสสะธัมมักขันธานุภาเวนะ
แปล - "ด้วยอานุภาพแห่งพระธรรมขันธ์แปดหมื่นสี่พัน"

ปิฏะกัตตะยานุภาเวนะ ชินะสาวะกานุภาเวนะ
แปล - "ด้วยอานุภาพแห่งพระไตรปิฏก ด้วยอานุภาพแห่งพระสาวกของพระชินเจ้า"
 
สัพเพ เต โรคา สัพเพเต ภะยา
แปล - "สรรพโรคทั้งหลายของท่าน สรรพภัยทั้งหลายของท่าน"

สัพเพ เต อันตะรายา สัพเพ เต อุปัททะวา
แปล - "สรรพอันตรายทั้งหลายของท่าน สรรพอุปัทวะทั้งหลายของท่าน"

สัพเพ เตทุนนิมิ ตตา สัพเพ เต อะวะมังคะลา
แปล - "สรรพนิมิตร้ายทั้งหลายของท่าน สรรพอวมงคลทั้งหลายของท่าน"

วินัสสันตุ อายุวัฑฒะโก ธะนะวัฑฒะโก สิริวัฑฒะโก
แปล - "จงพินาศไป ความเจริญอายุ ความเจริญทรัพย์ ความเจริญสิริ"

ยะสะวัฑฒะโก พะละวัฑฒะโก วัณณะวัฑฒะโก
แปล - "ความเจริญยศ ความเจริญกำลัง ความเจริญวรรณะ"

สุขะวัฑฒะโก โหตุ สัพพะทาฯ
แปล - "ความเจริญสุข จงมี(แก่ท่าน)ในกาลทั้งปวง"

ทุกขะโรคะภะยา เวรา โสกา สัตตุ จุปัททะวา
แปล - "ทุกข์โรคภัย แลเวรทั้งหลาย ความโศกศัตรูแลอุปัทวะทั้งหลาย"

อะเนกา อันตะรายาปิ วินัสสันตุ จะ เตชะสา
แปล - "ทั้งอันตรายทั้งหลายเป็นอเนก จงพินาศไปด้วยเดช"

ชะยะสิทธิ ธะนัง ลาภัง โสตถิ ภาคยัง สุขัง พะลัง
แปล - "ความชำนะความสำเร็จทรัพย์ลาภ ความสวัสดี ความมีโชค ความสุข กำลัง"

สิริ อายุ จะ วัณโณ จะ โภคัง วุฑฒี จะ ยะสะวา
แปล - "สิริอายุแลวรรณะ โภคะความเจริญแลความเป็นผู้มียศ"

สะตะวัสสา จะ อายู จะ ชีวะสิทธี ภะวันตุ เตฯ
แปล - "แลอายุยืนร้อยปี แลความสำเร็จกิจในความเป็นอยู่จงมีแก่ท่านฯ"

 :114: :114: :114: :114: :114: :114: :114: :114: :114: :114: :114: :114: :114: :114: :114: :114: :114:

ปล.เพิ่มเติมความรู้ที่ได้จากท่าน"กันยา"

   "ปัญญา คือ ความรอบรู้ในกองสังขาร"

620
อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ อัจริยะบุคคลที่ได้รับการขนานนามว่าบุรุษผู้ฉลาดที่สุดแห่งศตวรรษ

ใช้คำเรียกพระพุทธศาสนาว่า "ศาสนาแห่งจักรวาล"(เหตุที่ใช้คำนี้เพื่อเลี่ยงประเด็นการโต้แย้งทางทัศนคติทางศาสนา) เคยกล่าวไว้ว่า

"ศาสนาที่แท้จริงต้องไม่สอนให้คนกลัวชีวิต กลัวความตาย และสร้างศรัทธา อย่างคนตาบอด

หากแต่สอนให้ทุ่มเท หาความรู้อย่างมีเหตุผล"

621
ภิกษุรูปเดียว เรียกว่า "บุคคล"

ภิกษุ ๒ - ๓ รูป เรียกว่า "คณะ"

ภิกษุตั้งแต่ ๔ รูปขึ้นไป เรียกว่า "สงฆ์"

   สังฆทานตามที่กล่าวไว้ข้างต้น มิใช่หมายถึงรูปลักษณะที่เราท่านคุ้นเคย เป็นกระป๋องสีเหลืองใส่ของไว้บ้าง เป็นของใส่ไว้ในกระติกบ้างฯ

สังฆทาน คือ การถวายทานที่ไม่เฉพาะเจาะจงลงไปรูปใดรูปนึงในสงฆ์ คือถวายให้เป็นของสงฆ์ อานิสงส์นั้นมหาศาล ผู้ต้อประสงค์บุญใหญ่พึงทำสังฆทานเป็นนิจ

   ตอนจะถวายสังฆทานก็ดี ควรให้สงฆ์ขอมติสมมติให้ทานเหล่านั้นเป็นสังฆทานเสียก่อน เมื่อสงฆ์ลงมติเห็นชอบแล้วก็จะได้เกิดประโยชน์แก่สาธุชนผู้หวังบุญเต็มที่ ถือเป็นการสำเร็จตามความประสงค์ของผู้ถวายทานด้วย

   ส่วนเรื่องกระป๋องสังฆทานที่มีวางจำหน่ายกันโดยทั่วไปนั้น ลองวิเคราะห์ตาม "มหาปทายีสูตร" ดังนี้

 "ผู้ให้ของที่พอใจ ย่อมได้ของที่พอใจ
 ผู้ให้ของที่เลิศ ย่อมได้ของที่เลิศ
 ผู้ให้ของที่ดี ย่อมได้ของที่ดี
 ผู้ให้ของที่ประเสริฐ ย่อมเข้าถึงฐานะอันประเสริฐ
 นระใดให้ของที่เลิศ ให้ของที่ดี และให้ของที่ประเสริฐ นระนั้นจะเกิด ณ ที่ใดๆย่อมมีอายุยืน มียศ ณ ที่นั้นๆ"

เลือกเองจัดเองจะสะดวกและสำเร็จประโยชน์สูงสุดครับ

                         :114: :114: :114:


622
:002:เสริมอีกนิดว่า"สายธรรมต้นตำรับ" :002:
:114: :114: :114: :114: :114:

623
สวยครับพี่เจมส์พี่เอ๊กซ์ ข้อมูลท่านนกแน่นมากครับ :016:

ด้านหลังเหรียญระบุว่า "ปิโยเทวะ มะนุสสานัง" แปลว่า "เป็นที่รักของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย" :001:

624
พอดีได้ลายแทงจากท่านอชิตะ เลยไม่รอช้ารีบไปร่วมบุญที่วัดชายนา จ.เพชรบุรี

ที่วัดวันนี้ค่อนข้างจะเงียบเหงาไปบ้างซักนิด ก็อาจจะเป็นเพราะสภาพดินฟ้าอากาศที่ไม่ค่อยเอื้ออำนวยเท่าไหร่

นำบุญมาฝากเพื่อนสมาชิกทุกท่านให้ได้ร่วมอนุโมทนากันครับ สาธุ สาธุ :001:






อิ่มบุญกันเรียบร้อยแล้ว ก็ตามมาด้วยของฝากเล็กๆน้อยๆ :001:

ตะกรุดต่อลำไส้


ขุนแผนรุ่นแรก


ขุนแผนรุ่น๒


ปิดท้ายเพชรพญาธร


                   :114: :114: :114: :114: :114: :114: :114: :114: :114: :114: :114: :114:




625
   บวชแล้วต้องประพฤติพรหมจรรย์ และเป้าหมายของการบวชตามที่กล่าวให้สัจจะกับพระอุปัชฌาย์ในท่ามกลางสงฆ์คือ"การทำพระนิพพานให้แจ้ง" ฉะนั้น กิจของพรหมจรรย์ คือ การประพฤติปฏิบัติธรรมเพื่อเป้าหมายสูงสุดทางพระพุทธศาสนา(พระนิพพาน)
   
   ทบทวนตามปฏิโลม - ในเมื่อสภาวะจิตเข้าสู่พระนิพพานแล้ว กิจที่ต้องทำคือ"ประพฤติพรหมจรรย์"ย่อมจบสิ้นตามไปด้วยครับ :001: 
ถ้าผมจะเปรียบเทียบกับทางโลก
นิพพาน คือ เป้าหมาย(goal)
กิจของพรหมจรรย์ คือ แผนปฎิบัติการ(action plan)

เมื่อทำปฏิบัติจนบรรลุเป้าหมายแล้ว ก็จบแผนปฏิบัติการได้

ผิดถูกประการใดโปรดอภัย :054:
พรหมจรรย์ เป็นแค่ "ส่วนหนึ่งของแผนปฏิบัติการ"(Part of the plans)

หลักใหญ่น่าจะอยู่ที่เอกายนมรรค - มหาสติปัฏฐาน ครับ :001:

626
ไม่ขัดครับ :001:

อาสวักขยญาณ ไม่ใช่ญาณที่ทำให้สิ้นกิเลส แต่คือ ญาณที่ทำให้ทรงหยั่งรู้อริยสัจ ๔(ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค) เป็นเพียง"รู้การกำจัดกิเลส"

ซึ่งอาสวักขยญาณนี้เป็นบาทของการบรรลุ"พระสัพพัญญุตญาณ"ครับ :001:
ขอบคุณครับที่ให้ความกระจ่าง :054:
มือใหม่ต้องศึกษากันต่อไปยาวๆ :002:

ถามเพิ่มครับ คำว่า พรหมจรรย์สิ้นแล้ว กับ พรหมจรรย์อยู่จบแล้ว
หมายความว่าอะไรครับ ไม่เข้าใจ :010:  :086:
///กิจของพรหมจรรย์สิ้นแล้ว,อยู่จบแล้ว///

ผมนึกถึงประโยคนี้ตอนเข้าอุปสมบทนะครับ
"สัพพะทุกขะ นิสสะระณะ,นิพพานะ สัจฉิกะระณัตถายะ , อิมัง กาสาวัง คะเหตวา,ปัพพาเชถะ มัง ภันเต , อะนุกัมปัง อุปาทายะ"

คำแปล
"ขอท่านโปรดเอ็นดู รับผ้ากาสาวะ(ย้อมน้ำฝาด) นี้แล้ว จงให้ข้าพเจ้าบรรพชาเถิด ขอรับ เพื่อกระทำให้แจ้งพระนิพพาน เป็นเครื่องสลัดทุกข์ทั้งปวง"

   บวชแล้วต้องประพฤติพรหมจรรย์ และเป้าหมายของการบวชตามที่กล่าวให้สัจจะกับพระอุปัชฌาย์ในท่ามกลางสงฆ์คือ"การทำพระนิพพานให้แจ้ง" ฉะนั้น กิจของพรหมจรรย์ คือ การประพฤติปฏิบัติธรรมเพื่อเป้าหมายสูงสุดทางพระพุทธศาสนา(พระนิพพาน)
   
   ทบทวนตามปฏิโลม - ในเมื่อสภาวะจิตเข้าสู่พระนิพพานแล้ว กิจที่ต้องทำคือ"ประพฤติพรหมจรรย์"ย่อมจบสิ้นตามไปด้วยครับ :001:  





627
อ้างถึง
ยามสาม:ทรงบรรลุ "อาสวักขยญาณ" คือ รู้วิธีกำจัดกิเลสด้วยอริยสัจ ๔

ผมอ่านบทขยายความในนี้ไม่ทราบว่าถูกต้องไหม
http://www.oknation.net/blog/buddhabath/2010/09/16/entry-7
ที่บอกว่า....อาสวักขยญาณไม่ใช่ญาณทำกิเลสให้สิ้น และ อาสวักขยญาณควรแปลว่า ญาณทำพรหมจรรย์ให้สิ้นเพราะหยั่งรู้ทันว่ากิเลสสิ้นแล้ว กิจจบแล้ว พรหมจรรย์สิ้นแล้ว ไม่ต้องเจริญอีก ไม่ต้องทำอีก ไม่ต้องฝึกอีกแต่สติและสมาธิก็มีเองได้ เกิดเองได้, ดับเองได้

กับข้อความข้างล่างนี้ ขัดแย้งกันไหม (พระไตรปิฎก ฉบับสยามรัฐ เล่ม ๙)

http://nkgen.com/427.htm
[๓๓๖] ภิกษุนั้น เมื่อจิตเป็นสมาธิ บริสุทธิ์ผ่องแผ้ว ไม่มีกิเลส
ปราศจากอุปกิเลส อ่อน ควรแก่การงาน ตั้งมั่น ไม่หวั่นไหว อย่างนี้
ย่อมโน้มน้อมจิตไป(พิจารณา)เพื่ออาสวักขยญาณ ย่อมรู้ชัดตามความเป็นจริงว่า
นี้ทุกข์ นี้ทุกขสมุทัย นี้ทุกขนิโรธ นี้ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา
เหล่านี้อาสวะ นี้อาสวสมุทัย นี้อาสวนิโรธ นี้อาสวนิโรธคามินีปฏิปทา
เมื่อเธอรู้เห็นอย่างนี้  จิตย่อมหลุดพ้น แม้จากกามาสวะ แม้จากภวาสวะ แม้จากอวิชชาสวะ
เมื่อจิตหลุดพ้นแล้ว ก็มีญาณว่าหลุดพ้นแล้ว รู้ชัดว่าชาติสิ้นแล้ว พรหมจรรย์อยู่จบแล้ว
กิจที่ควรทำ ทำเสร็จแล้ว กิจอื่น เพื่อความเป็นอย่างนี้มิได้มี.


ขอบคุณครับ
ไม่ขัดครับ :001:

อาสวักขยญาณ ไม่ใช่ญาณที่ทำให้สิ้นกิเลส แต่คือ ญาณที่ทำให้ทรงหยั่งรู้อริยสัจ ๔(ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค) เป็นเพียง"รู้การกำจัดกิเลส"

ซึ่งอาสวักขยญาณนี้เป็นบาทของการบรรลุ"พระสัพพัญญุตญาณ"ครับ :001:

628
พระพุทธศาสนาถือกำเนิดเกิดขึ้นมาจะครบ ๒,๕๙๙ ปีแล้ว

"ชีวิตนี้คือช่วงต่อลมหายใจของพระพุทธศาสนา"

นำภาพงานฉลองวิสาขบูชาของฮ่องกงมาให้ชมครับ.



ที่มาของภาพ : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ๙ พฤษภาคม ๒๕๕๔.

*เช่นกันครับท่านทรงกลด - "พรุ่งนี้วันพระ ทำใจให้เข้าถึงพระภายใน"*


629
หลวงน้าสัญญา เป็นผู้ที่ช่วยหลวงปู่เพิ่มทำเบี้ยด้วยนะครับ รู้สึกจะเป็นคนสุดท้าย
เหรียญท่านคงยังไม่หมดครับ ต้องเช่าที่กุฏิ ใช่ไหมครับพี่สิบทัศน์
ไม่ทราบเช่นกันผม แนวสะสมอย่างเดียวครับ

เหรียญนี้ไปตามมาจากเพชรบุรีครับ :001:

630
วันวิสาขบูชา วันพระพุทธเจ้า

************************

   ดูกรภิกษุทั้งหลาย เอกบุรุษเมื่ออุบัติขึ้นในโลก ย่อมอุบัติขึ้นเพื่อประโยชน์แก่ชนหมู่มาก เพื่ออนุเคราะห์ชาวโลก เพื่อประโยชน์สุขแก่เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย เอกบุรุษผู้เลิศ คือ พระตถาคตสัมมาสัมพุทธเจ้า

   ช่วงนี้ใกล้ถึงวาระมหามงคลสำหรับเหล่าพุทธศาสนิกชนอีกครั้งหนึ่ง นั่นคือ วันวิสาขบูชา ซึ่งเป็นวันคล้ายวันประสูติ ตรัสรู้ และปรินิพพาน ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ตรงกับวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๖ ฉะนั้น วันวิสาขบูชาจึงเป็นวันที่เราควรมาตรึกระลึกนึกถึงพระคุณอันยิ่งใหญ่ของพระพุทธองค์จะได้เกิดความปีติใจว่า เป็นบุญลาภอันประเสริฐที่เกิดมาเป็นมนุษย์ พบพระพุทธศาสนา ได้สั่งสมบุญกุศลที่จะนำตนไปสู่สวรรค์นิพพาน เพราะพุทธบารมีธรรมอันไม่มีประมาณนี่เอง

ความหมายของวันวิสาขบูขา

   คำว่า วิสาขบูขา แปลว่า "การบูชาพระพุทธเจ้า เนื่องในวันเพ็ญเดือนวิสาขะ" ซึ่งตรงกับวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๖ ตามปฏิทินจันทรคติของไทย ซึ่งมักจะตรงกับเดือนพฤษภาคม แต่ถ้าปีใดมีอธิกมาส คือ มีเดือน ๘ สองหน ก็เลื่อนไปเป็นวันขึ้น ๑๕ ค่ำ กลางเดือน ๗ หรือราวเดือนมิถุนายน วันวิสาขบูชา เป็นวันที่ ๓ เหตุการณ์สำคัญที่เกี่ยวกับวิถีชีวิตของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เวียนมาบรรจบกันในวันเพ็ญเดือน ๖ แม้จะมีช่วงระยะเวลาห่างกันหลายสิบปี ซึ่งเหตุการณ์อัศจรรย์ ๓ ประการ ได้แก่
   ๑.วันวิสาขบูชาเป็นวันที่พระพุทธเจ้าประสูติ
   เมื่อพระนางสิริมหามายา พระมเหสีของพระเจ้าสุทโธทนะ แห่งกรุงกบิลพัสดุ์ ทรงพระครรภ์แก่จวนจะคลอด พระนางเสด็จแปรพราชฐานไปประทับ ณ กรุงเทวทหะ เพื่อทรงให้กำเนิดพระราชโอรสในตระกูลของพระนาง ตามประเพณีนิยมในสมัยนั้น ขณะเสด็จแวะพักผ่อนพระอิริยาบถใต้ต้นสาละ ณ สวนลุมพินีวัน พระนางก็ได้ประสูติพระราชโอรสใต้ต้นสาละนั้น ซึ่งตรงกับวันเพ็ญเดือน ๖ ครั้นพระกุมารประสูติได้ ๕ วัน ก็ได้รับการถวายพระนามว่า "สิทธัตถะ" แปลว่า "ผู้มีความสมหวังดังใจปรารถนา"
   เมื่อข่าวการประสูติแพร่ไปถึงอสิตาบสผู้มีความคุ้นเคยกับพระเจ้าสุทโธทนะ ดาบสจึงเดินทางไปเข้าเฝ้า เมื่อเห็นพระราชกุมารก็ทำนายได้ทันทีว่า "พระราชกุมารนี้จักได้เป็นพระพุทธเจ้า" แล้วกราบลงแทบพระบาทของพระกุมาร พระเจ้าสุทโธทนะทอดพระเนตรเห็นเหตุการณ์นั้นทรงรู้สึกเปี่ยมล้นด้วยปีติ ถึงกับทรุดพระองค์ลงอภิวาทพระราชกุมารตามอย่างดาบส
   ๒.วันวิสาขบูชาเป็นวันที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้
   หลังจากออกผนวชได้ ๖ ปี มีพระชนมายุ ๓๕ พรรษา เจ้าชายสิทธัตถะก็ทรงตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า ณ ใต้ร่มไม้ศรีมหาโพธิ์ ฝั่งแม่น้ำเนรัญชรา ตำบลอุรุเวลาเสนานิคม ในตอนเช้ามืดของวันพุธ ขึ้น ๑๕ ค่ำ ปัจจุบันสถานที่ตรัสรู้แห่งนี้เรียกว่า "พุทธคยา" เป็นตำบลหนึ่งของเมืองคยา แห่งรัฐพิหารของอินเดีย
   สิ่งที่ตรัสรู้ คือ อริยสัจ ๔ เป็นความจริงอันประเสริฐ ๔ ประการ เมื่อพระพุทธเจ้าเสด็จไปที่ต้นมหาโพธิ์ และทรงเจริญสมาธิภาวนาจนได้บรรลุญาณ ๓ คือ ยามต้น:ทรงบรรลุ "ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ" คือ ทรงระลึกชาติในอดีตได้ ยามสอง:ทรงบรรลุ "จุตูปปาตญาณ" คือ การรู้แจ้งการเกิดและดับของสรรพสัตว์ทั้งหลาย ยามสาม:ทรงบรรลุ "อาสวักขยญาณ" คือ รู้วิธีกำจัดกิเลสด้วยอริยสัจ ๔ คือ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค ได้ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ในคืนวันเพ็ญเดือน ๖
   ๓.วันวิสาขบูชาเป็นวันที่พระพุทธเจ้าปรินิพพาน
   เมื่อพระพุทธองค์ได้ตรัสรู้และแสดงธรรมเป็นเวลานานถึง ๔๕ ปี จนมีพระชนมายุได้ ๘๐ พรรษา ได้ประทับจำพรรษา ณ เวฬุวคาม ใกล้เมืองเวสาลี แคว้นวัชชี ระหว่างนั้นทรงประชวรอย่างหนัก ขณะเดียวกันพระองค์ได้เสวยสุกรมัททวะที่นายจุนทะตั้งใจทำถวาย แล้วเกิดอาพาธ แต่ทรงอดกลั้นมุ่งเสด็จไปยังเมืองกุสินารา ประทับ ณ ป่าสาละ เพื่อเสด็จดับขันธปรินิพพาน
   เมื่อถึงยามสุดท้ายของคืนนั้น พระพุทธองค์ก็ทรงประทานปัจฉิมโอวาทว่า "ดูกรภิกษุทั้งหลาย สังขารทั้งหลายย่อมมีความเสื่อมไปเป็นธรรมดา ท่านทั้งหลายจงยังกิจทั้งปวงอันเป็นประโยชน์ของตนและประโยชน์ของผู้อื่นให้บริบูรณ์ด้วยความไม่ประมาทเถิด" หลังจากนั้นก็เสด็จดับขันธปรินิพพาน

ประวัติความเป็นมา
วันวิสาขบูชาในประเทศไทย

   ปรากฏหลักฐานว่า วันวิสาขบูชาเริ่มต้นครั้งแรกในประเทศไทยตั้งแต่สมัยกรุงสุโขทัยเป็นราชธานี สันนิษฐานว่าได้รับแบบแผนมาจากลังกา เมื่อประมาณ พ.ศ. ๔๒๐ พระเจ้าภาติกุราช กษัตริย์แห่งกรุงลังกา ได้ประกอบพิธีวันวิสาขบูชาขึ้น เพื่อถวายเป็นพุทธบูชา จากนั้นกษัตริย์ลังกาพระองค์อื่นๆ ก็ปฏิบัติประเพณีวิสาขบูชานี้สืบทอดต่อกันมา เมื่อมีพระสงฆ์มาเผยแผ่ในประเทศไทยจึงนำประเพณีนี้เข้ามาด้วย
   สำหรับการปฏิบัติประเพณีวิสาขบูชาในสมัยสุโขทัยนั้น มีการบันทึกไว้ในหนังสือนางนพมาศว่า เมื่อถึงวันวิสาขบูชา พระเจ้าแผ่นดิน ข้าราชบริพารทั้งฝ่ายใน รวมทั้งประชาชนชาวสุโขทัย จะช่วยกันประดับตกแต่งพระนครด้วยดอกมไ พร้อมกับจุดประทีปโคมไฟให้ดูสว่างไสวไปทั่วพระนคร เป็นเวลา ๓ วัน ๓ คืน เพื่อเป็นการบูชาพระรัตนตรัย ขณะที่พระมหากษัตริย์และบรมวงศานุวงศ์ก็ทรงศีล และทรงบำเพ็ญพระราชกุศลต่างๆ ครั้นตกเวลาเย็นก็เสด็จพระราชดำเนินไปยังพระอารามหลวง เพื่อทรงเวียนเทียนรอบพระประธาน ส่วนชาวสุโขทัยจะรักษาศีล ฟังธรรม ถวายสลากภัต สังฆทาน แด่พระภิกษุสามเณร บริจาคทานแก่คนยากจน ทำบุญไถ่ชีวิตสัตว์ ฯลฯ

วันวิสาขบูชา
วันสำคัญสากลของสหประชาชาติ

   เนื่องจากวันวิสาขบูชาล้วนมีเหตุการณ์ต่างๆที่เกี่ยวข้องกับการถือกำเนิดของพระพุทธศาสนา ดังนั้นพุทธศาสนิกชนทั่วโลกจึงให้ความสำคัญกับวันวิสาขบูชานี้ และในวันที่ ๑๓ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๔๒ องค์การสหประชาชาติได้ยอมรับญัตติที่ประชุมกำหนดให้วันวิสาขบูชาเป็นวันสำคัญของโลก โดยเรียกว่า Vesak Day ตามคำเรียกของชาวศรีลังกา ผู้ยื่นเรื่องให้สหประชาชาติพิจารณา นอกจากนี้ยังกำหนดให้วันวิสาขบูชาเป็นวันหยุดวันหนึ่งขิงสหประชาชาติอีกด้วย เพื่อให้ชาวพุทธทั่วโลกได้มีโอกาสบำเพ็ญบุญเนื่องในวันประสูติ ตรัสรู้ และปรินิพพานของพระบรมศาสดา โดยการที่สหประชาชาติได้กำหนดให้วันวิสาขบูชาเป็นวันสำคัญของโลกนั้นได้ให้เหตุผลไว้ว่า องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงเป็นมหาบุรุษผู้ให้ความเมตตาต่อหมู่มวลมนุษย์ เปิดโอกาสให้ทุกศาสนาสามารถเข้ามาศึกษาพระพุทธศาสนาเพื่อพิสูจน์หาข้อเท็จจริงได้โดยไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนมานับถือศาสนาพุทธ และทรงสั่งสอนทุกคนโดยใช้พระมหากรุณาธิคุณ โดยไม่คิดค่าตอบแทน
   วิสาขบูชา วันแห่งการสถาปนาพระพุทธศาสนาให้เป็นแสงสว่างส่องนำทางสรรพสัตว์ไปสู่สวรรค์นิพพาน
   วิสาขบูชา วันที่พระพุทธเจ้าทรงมีชัยชนะเหนือหมู่มารและมีชัยชนะที่ไม่มีวันกลับมาแพ้
   วิสาขบูชา วันที่พวกเราเหล่าพุทธบริษัทจะได้ทำทั้งอามิสบูชาและปฏิบัติบูชาต่อองค์พระบรมศาสดา ด้วยการเข้าวัดฟังธรรม ปฏิบัติธรรม บำเพ็ญบุญ ทำทาน รักษาศีล เจริญภาวนา ดำเนินตามรอยบาทพระศาสดา และรักษาวันแห่งความมหัศจรรย์นี้ไว้ให้เป็นประเพณีอันดีงามยืนยงคงอยู่เคียงคู่โลกตลอดไป.


****************************************************

จากวารสารอยู่ในบุญ ปีที่ ๙ ฉบับที่ ๑๐๓ เดือนพฤษภาคม พ.ศ.๒๕๕๔
เรื่อง : พระมหาเสถียร สุวณฺณฐิโต ป.ธ.๙ / พระมหาวิริยะ ธมฺมสารี ป.ธ.๙

    :114: :114: :114: :114: :114: :114: :114: :114: :114:

631
สวยมากครับไม่ทราบว่าที่วัดยังมีให้บูชาอยู่รึป่าวครับ
ไม่ทราบเช่นกันครับ มาแนวสะสมอย่างเดียวครับ :001:

632




ที่นำมาให้ชมเป็นเนื้ออัลปาก้าครับ หมายเลข "๗" หนึ่งใน ๔๙๙ เหรียญ :001:

 :114:ศึกษาและสะสมนะครับ :114:

633
รับชมกันเลยละกันครับ



































กุฏิหลวงปู่เจือวันนี้


จัดระเบียบรับของที่ระลึก


พระครูโกวิทสุตการ(หลวงพ่อพระมหาระพิน)(พระกรรมวาจาจารย์ข้าพเจ้า) เจ้าอาวาสวัดโคกเขมา จ.นครปฐม เมตตามาช่วยงานประชาสัมพันธ์ :054:


พระอาจารย์ปลิ๋ว(พระกรรมวาจาจารย์ข้าพเจ้าอีกรูป) เจ้าอาวาสวัดท่าใน จ.นครปฐม ประชาสัมพันธ์จัดระเบียบรับของที่ระลึก :054:


กราบนมัสการพระมหาสุรศักดิ์ วัดประดู่ จ.สมุทรสงคราม


ปิดท้ายด้วยของที่ระลึก ได้รับความเมตตาจากหลวงพ่อพระมหาสุรศักดิ์ เขียนให้ด้านหลังภาพ


           :114: :114: :114: :114: :114: :114: :114:

634
ผมทํางานพวกจับโจรผู้ร้ายมีคนอยากฆ่าผมเยอะอยากได้คาถาไว้ป้องกันตัว

ท่องมนต์ไปแล้ว อย่าลืมอ่านพิจารณาคำแปลของมนต์ไปด้วยนะครับ

จากบท"กะระณียะเมตตะสุตตัง"ในพระปริตร (หาอ่านเพิ่มเติมได้ในมนต์พิธีทั่วไป)

เมตตัญจะ สัพพะโลกัสมิง* มานะสัมภาวะเย อะปะริมาณัง
คำแปล-"บุคคลพึงเจริญเมตตา มีในใจไม่มีประมาณไปในโลกทั้งสิ้น"

อุทธัง อะโธ จะ ติริยัญจะ
คำแปล-"ทั้งเบื้องบน เบื้องต่ำ เบื้องเฉียง"

อะสัมพาธัง อะเวรัง อะสะปัตตัง
คำแปล-"เป็นธรรมอันไม่คับแคบ ไม่มีเวร ไม่มีศัตรู"

ติฎฐัญจะรัง นิสินโน วา
คำแปล-"ผู้เจริญเมตตาจิตนั้น ยืนอยู่ก็ดี เดินไปก็ดี นั่งแล้วก็ดี"

สะยาโน วา ยาวะตัสสะ วิคะตะมิทโธ
คำแปล-"นอนแล้วก็ดี เป็นผู้ปราศจากความง่วงนอนเพียงใด"

เอตัง สะติง อะธิฏเฐย**ยะ
คำแปล-"ก็ตั้งสติอันนั้นไว้เพียงนั้น"
 
พรัหมะ***เมตัง วิหารัง อิธะมาหุ
คำแปล-ับัณฑิตทั้งหลาย กล่าวกิริยาอันนี้ว่า เป็นพรหมวิหาร ในพระศาสนานี้"

ทิฏฐิญจะ อะนุปะคัมมะ สีสะวา
คำแปล-"บุคคลที่มีเมตตา ไม่เข้าถึงทิฏฐิ เป็นผู้มีศีล"

ทัสสะเนนะ สัมปันโน
คำแปล-"ถึงพร้อมแล้วด้วยทัศนะ(คือโสดาปัตติมรรค)"

กาเมสุ วิเนย****ยะ เคธัง
คำแปล-"นำความหมกมุ่นในกามทั้งหลายออก"
 
นะ หิ ชาตุ คัพภะเสย*****ยัง ปุนะเรตีติฯ
คำแปล-"ย่อมไม่ถึงความนอน(เกิด)ในครรภ์อีก โดยแท้ทีเดียว"

**********************************************

*กัสมิง อ่านว่า กัด - สะ - หมิง
**เฐย อ่านหว่า ไถ
***พรัหมะ อ่านว่า พรัม - มะ
****เนย อ่านว่า ไน
*****เสย อ่านว่า ไส

**********************************************

อสชฺฌายมลา มนฺตา      อนุฏฺฐานมลา ฆรา

มลํ วณฺณสฺส โกสชฺชํ      ปมาโท รกฺขโต มลํฯ

"มนต์ทั้งหลาย   มีการไม่ท่องบ่นเป็นมลทิน

เรือน      มีความไม่หมั่นเป็นมลทิน

ความเกียจคร้าน   เป็นมลทินของผิวพรรณ

ความประมาท   เป็นมลทินของผู้รักษา"

***พุทธพจน์***


 :114: :114: :114: :114: :114:

635
ขอร่วมด้วยครับ เมื่อครั้งหลวงพ่อเปิ่นนำบุญพาไปเที่ยวสมุย และนำเข้ากราบนมัสการท่านพุทธทาสภิกขุ




636
ส่วนตัวไม่ชอบครับ เคยโดนมาเหรียญนึง.

ผิดพลาดขออภัยครับ.

637
พระเดชพระคุณหลวงพ่อที่เคารพท่านเมตตาสั่งสอนให้ข้อคิดไว้ว่า

"ไม่สู้ ไม่หนี ทำดีเรื่อยไป"

"เรื่องส่วนตัวให้วางอุเบกขา เรื่องพระพุทธศาสนาต้องเอาอุเบกขาวาง".

638
ข้ามกลับมาเกาะฮ่องกง ไปกราบขอพรเจ้าแม่กวนอิมที่อ่าวรีพลส์เบย์ ครั้งนี้ผมไปฮ่องกงครั้งที่10และทุกครั้งที่ไปผมมักจะไม่พลาดที่จะไปกราบเจ้าแม่กวนอิมที่นี่

สะพานนี้เชื่อกันว่าถ้าได้ข้ามชีวิตจะยืนยาวขึ้นอีก3ปี ข้ามไปแล้วขากลับเดินอ้อมน่ะครับอย่าข้ามสะพานกลับ

ปล.ที่ไปฮ่องกงบ่อยเพราะพ่อตาผมเป็นคนฮ่องกงครับ

ที่ประจำเช่นกันครับ เสร็จแล้วก็ข้ามสะพาน ๓ รอบ ตบท้ายที่โยนเหรียญใส่ปากปลา :001:

สนุกไปอีกแบบครับ ขอบคุณเฮียตี๋มากครับสำหรับภาพทริปนี้ :001:

639
ภาพในอดีตของคณะนักเรียนโรงเรียนสหศึกษาบาลีที่สอบได้เปรียญธรรม ในพิธีมอบพัดเปรียญพร้อมของรางวัล และทำบุญประจำปีโรงเรียนสหศึกษาบาลี เมื่อปี ๒๕๑๐ (วัดพระปฐมเจดีย์ จังหวัดนครปฐม)



พระธรรมสิริชัย(ชิต) เจ้าคณะภาค ๑๔ ในสมัยนั้น ประทานโอวาทแก่นักเรียนบาลีที่สอบเปรียญธรรมได้ ในภาพนี้มี พระราชธรรมาภรณ์(หลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม) และพระครูอุตรการบดี วัดห้วยจระเข้ ร่วมอยู่ด้วย



นักเรียนแถวที่ ๓ รูปที่ ๑ คือ พระมหาสุเทพ ผุสฺสธมฺโม สอบได้ ป.ธ.๓ ปัจจุบันเป็น "พระธรรมปริยัติเวที" (ป.ธ.๙,พธ.ม,พธ.ด.,ศศ.บ.)เจ้าคุณะภาค ๑๕ เจ้าอาวาสวัดพระปฐมเจดีย์ราชวรมหาวิหาร จังหวัดนครปฐม

นักเรียนแถวที่ ๔ รูปที่ ๔ คือ พระมหาชัยวัฒน์ ปญฺญาสิริ สอบได้ ป.ธ.๕ ปัจจุบันเป็น "พระราชรัตนมุนี" (ป.ธ.๙,พธ.ม.) เจ้าคณะจังหวัดนครปฐม รองเจ้าอาวาสวัดพระปฐมเจดีย์ราชวรมหาวิหาร

 
:114: :114: :114: :114: :114: :114: :114:
บูชาคุณครูอุปัชฌาย์ทั้ง๒รูป
:114: :114: :114:

640
พระรัตนตรัย เป็นทั้งที่พึ่งที่ระลึกอันสูงสุดของพวกเราชาวพุทธศาสนิกชนทั้งหลาย

สิ่งอื่น ที่จะเป็นที่พึ่งที่ระลึกของเรา ไม่มีอีกแล้ว

ดังนั้น จึงขอเรียนเชิญพุทธศาสนิกชนทุกท่าน

ตั้งใจน้อมระลึกบูชาสรรเสริญคุณของพระรัตนตรัยอันไม่มีประมาณ

ด้วยการสวดมนต์ทำวัตรเช้า - ทำวัตรเย็น ทุกวันนะครับ.

สาธุ สาธุ อนุโมทามิ.


641
พรหมวิหาร ๔

แฝงหลักธรรมนำแสงสว่าง สาธุๆ

642
   ระดับของภิกษุเรียกตามพรรษา

ภิกษุผู้บวชใหม่ พรรษาตั้งแต่ ๑ - ๕ เรียกว่า "พระนวกะ"

ภิกษุที่มีอายุพรรษา ระหว่าง ๕ - ๑๐ พรรษา เรียกว่า "พระมัชฌิมะ"

ภิกษุที่มีอายุพรรษาเกิน ๑๐ พรรษาขึ้นไปแต่ยังไม่ถึง ๒๐ พรรษา เรียกว่า "พระเถระ"

ภิกษุที่มีอายุพรรษาตั้งแต่ ๒๐ พรรษาขึ้นไป เรียกว่า "พระมหาเถระ"

   เสริมเพิ่มเติมวิธีนับพรรษา

๑ พรรษา เท่ากับ ๓ เดือน (ในที่นี้จะนับจากวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๘ ถึง ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๑ คือช่วงระยะเวลาเข้าพรรษาถึงออกพรรษา)

เพื่อง่ายแก่การเข้าใจ "ผ่านช่วงการเข้าพรรษามาแล้วกี่ครั้ง ก็จะเท่ากับอายุพรรษานั่นเอง"

เช่น บวชมาแล้ว ๑๕ พรรษา ก็จะเท่ากับ ๑๕ ปีในทางโลก ในทางธรรมคือผ่านการเข้าพรรษามาแล้วทั้งหมด ๑๕ พรรษา

หรือ หากบวชได้ครบ ๓ เดือน แต่ไม่ได้บวชอยู่ในช่วงวันเข้าพรรษาถึงวันออกพรรษา ก็ยังนับพรรษาที่ ๑ ไม่ได้นั่นเอง

*หมายเหตุ - การนับพรรษาจะเป็นการนับแบบต่อเนื่องไปตามลำดับ แต่หากลาสิกขา(สึก)ออกมาแล้วกลับไปบวชใหม่ ก็ต้องเริ่มนับพรรษาที่ ๑ ใหม่ด้วยเช่นกัน

   ความหมายและระเบียบของพระนวกะ

(ก)นวกะ แปลว่า ผู้ใหม่, ผู้บวชใหม่, พระใหม่ เรียกว่า พระนวกะ

นวกะ พระวินัยใช้หมายถึงภิกษุที่มีพรรษายังไม่ครบ ๕

นวกะ เป็นพระที่นับว่ายังเป็นผู้ใหม่คือยังมีพรรษาไม่ครบ ๕ จึงยังต้องอยู่ในความปกครองดูแลของพระอุปัชฌาย์ซึ่งพระวินัยเรียกว่ายังต้องถือนิสสัยอยู่

พระนวกะ มีระเบียบว่าจะต้องศึกษาเล่าเรียนพระธรรมวินัยเพื่อรักษาตนทุกรูป สำหรับพระนวกะผู้อยู่จำพรรษาแรก เจ้าอาวาสและเจ้าคณะผู้ปกครองจะจัดการเรียนการสอนให้เป็นพิเศษโดยเฉพาะ ก่อนออกพรรษาจัดให้มีการสอบด้วย เรียกว่า สอบชั้นนวกภูมิ หรือ สอบนวกภูมิ.

**********************************

*(ก)จากสารานุกรมเสรี วิกิพีเดีย อ้างอิงพระธรรมกิตติวงศ์ (ทองดี สุรเตโช) ป.ธ. ๙ ราชบัณฑิต พจนานุกรมเพื่อการศึกษาพุทธศาสน์ ชุด คำวัด, วัดราชโอรสาราม กรุงเทพฯ พ.ศ. ๒๕๔๘.

ลงไว้เพื่อการศึกษานะครับ หวังว่าคงเป็นประโยชน์บ้างไม่มากก็น้อย.

:114: :114: :114: :114: :114: :114:


643
อ้างถึง
ปล.ไม่ต้องขอนะครับ เพราะมีไว้แจก(เอ๊ะ...ยังไง :002: )

ช่วยขยายความด้วยครับ

ขอบคุณครับ :054:
แล้วแจกที่ไหนอ่ะค่ะ................. :002: :002: :002:
ผมว่าแจกในกระทู้นี้ใช่มั้ยครับ :070: :070: :070: :043:ใครอยากได้ดูให้นานๆและเก็บภาพไว้

ไม่ต้องขอครับ ถ้าเจอกันผมแจกให้เลยครับตามนั้น :002:

644
ขอเรียนให้ทราบนะครับว่า.........

ผมได้ติดตามอ่านข้อความของท่าน
ท่านเขียน ตอบได้เฉียบคมมากครับ สมกับเป็น "เณรน้อยเส้าหลิน" :054:
 :054:



ปริยัติท่านแน่นมากๆครับ  :054:

645
สีผึ้งเมตตา สาริกาลิ้นทอง หลวงพ่ออวยพร วัดดอนยายหอม (อฐิษฐานจิต ๘ ตุลาคม ๒๕๕๒)





ตลับขาวจารตัวนะสีทองนี้เป็นชุดแรกๆที่หลวงพ่อสร้างครับ


ส่วนตลับสีชมพูนี้ผมมีไว้แจกครับ :001:


นำมาให้เพื่อนสมาชิกชมกันนะครับ

ปล.ไม่ต้องขอนะครับ เพราะมีไว้แจก(เอ๊ะ...ยังไง :002:)

:114: :114: :114: :114: :114:

646
เหรียญสร้างหอประชุม ปี ๒๕๓๗ ด้านหน้าหลวงพ่อแช่ม ด้านหลังหลวงพ่ออวยพร

ได้มาพร้อมกับเหรียญรุ่นแรก ไว้จะนำเสนอในโอกาสต่อไปครับ





:114: :114: :114: :114: :114:

647
กราบนมัสการหลวงพ่อทอง ร่วมไว้อาลัยด้วยครับ.

ขอบคุณสำหรับข่าวสารนะครับ.

648


บังเอิญจริงๆครับ ไปพบเจอกับหลวงพี่ท่านที่วัด

หากเพื่อนสมาชิกยังพอจำกันได้ ใช่ครับคือท่าน"เณรน้อยเส้าหลิน" ครับ

นำภาพมาให้เพื่อนสมาชิกร่วมอนุโมทนากันนะครับ

กราบอนุโมทนากับพระต่ายด้วยนะครับ สาธุ สาธุ อนุโมทามิ.



649
ขอขอบคุณมากๆสำหรับบทความชุดใหญ่ๆนี้ อ่านแล้วรู้สึกได้อะไรเยอะมากชอบค่ะ ขออนุญาตเซฟลงเครื่องเลย
เชื่อคำว่าเจ้ากรรมนายเวรมาก บางคนแค่เจอหน้ากันทำไมถูกชะตากันจังเลย ช่วยเหลือเกื้อกูลกันดี
แต่บางคนที่เรายังไม่รู้จักเขา ไม่เคยทำอะไรให้เขา ยังโดนหาเรื่องก่อนบ้างหมันไส้เราบ้าง นั่นคงเป็นเพราะทำกันมาชาติก่อน ทุกวันนี้เวลาเจอคนแบบนี้ พยายามอโหสิค่ะ อิมินาให้เขาเยอะๆ (ถ้าเป็นเมื่อก่อนไม่ได้เป็นคนใจร้อนนะ)

ขอรบกวนถามเจ้าของกระทู้หรือใครที่ทราบหน่อยค่ะ ร้านแฟนเราที่บ้านขายข้าวแกง แต่ละวันต้องไปซื้อวัตถุดิบเยอะมากเพราะเป็นร้านใหญ่ พวกปลาดุกผัดเผ็ดต้องซื้อปลาสดๆมาฆ่าทำอาหารแบบนี้ หรือเนื้อสัตว์ที่ตายจากตลาดแล้ว อย่างนี้บาปมากไหมคะ แล้วต้องอุทิศบุญด้วยไหม ตัวเราสายทำบุญอยู่แล้ว ตอนนี้ไม่ได้ไปช่วยแฟนทำธุรกิจตรงนี้หรอก แต่อนาคตถ้าต่อไปเราแต่งไปอยู่บ้านแฟนทำธุรกิจตรงนี้ด้วยก้อกลัว
รบกวนผู้รู้ด้วยนะคะขอบคุณค่ะ


องค์แห่งการฆ่า มี ๕ ประการดังนี้

๑.สัตว์นั้นมีชีวิต

๒.รู้ว่าสัตว์นั้นมีชีวิต

๓.มีจิตคิดจะฆ่า

๔.พยายามฆ่าสัตว์นั้น

๕.สัตว์นั้นตายด้วยความพยายามนั้น

หากทำครบองค์ประกอบทั้ง ๕ ข้อนี้ ก็ถือว่าทำผิดศีลข้อ ๑ ปาณาติบาต

   มาต่อที่ประเด็นว่าบาปมากน้อยแค่ไหน การฆ่าสัตว์จะให้โทษมากโทษน้อยขึ้นอยู่กับ

๑.คุณของสัตว์นั้น - สัตว์ที่ให้คุณมากก็จะบาปมากตามไปด้วย

๒.ขนาดกายของสัตว์นั้น - ยิ่งขนาดกายของสัตว์ที่ฆ่าใหญ่เท่าไหร่ก็บาปมากขึ้นเท่านั้น

๓.ความพยายาม - พยายามมากก็บาปมาก

๔.เจตนาหรือกิเลส - หากไม่มีเจตนาหรือหย่อนเจตนา บาปก็จะลดลงมาตามลำดับ

***สรุป***

   การที่ไปซื้อปลาสดแล้วนำมาฆ่าเองเพื่อประกอบอาหาร ผิดศีลข้อ ๑ ,การที่ไปซื้อปลาที่ตายแล้วนำมาประกอบอาหาร ไม่ผิดศีลแต่อย่างใด

เพราะไม่มีองค์ประกอบแห่งการฆ่าเลยแม้แต่ข้อเดียว


ขอเสริมเรื่อง "บุญกิริยาวัตถุ ๑๐"(แปลว่า ทางมาแห่งบุญ ๑๐ ประการ) หากเราทำบุญอย่างใดอย่างหนึ่งใน ๑๐ อย่างนี้ บุญก็ย่อมเกิดกับเรา

๑.ทานมัย - บุญจากการทำทาน

๒.สีลมัย - บุญจากการรักษาศีล

๓.ภาวนามัย - บุญจากการเจริญสมาธิภาวนา

๔.อปจายนมัย - บุญจากการอ่อนน้อมถ่อมตน

๕.ไวยาวัจมัย - บุญจากการช่วยเหลืองานที่ถูกที่ควร

๖.ปัตติทานมัย - บุญจากการอุทิศส่วนกุศลให้แก่ผู้อื่น

๗.ปัตตานุโมทนามัย - บุญจากการอนุโมทนา

๘.ธัมมัสสวนมัย - บุญจาการฟังธรรม

๙.ธัมมเทสนามัย - บุญจาการแสดงธรรม

๑๐.ทิฏฐุชุกัมม์ - บุญจากการทำความเห็นให้ตรงตามความเป็นจริง(สัมมาทิฏฐิ)

   การอุทิศส่วนกุศล เข้ากับบุญกิริยาวัตถุข้อที่ ๖.ปัตติทานมัย - บุญจากการอุทิศส่วนกุศล ทำเป็นประจำก็ดีครับ เป็นการสั่งสมบุญเพิ่มได้อีกทางหนึ่ง

ฉะนั้นแล้วผมก็ขอรับบุญกับท่าน "jidarsarika" ด้วยการอนุโมทนา(บุญกิริยาวัตถุข้อ ๗)ด้วยนะครับ


สาธุ สาธุ อนุโมทามิ

:114: :114: :114:

650

****************************************************************************

651
จัดมาให้ชมกันเป็นแพคคู่ ๒ เหรียญนะครับ



:114: :114: :114: :114: :114: :114: :114:

652
คาถาด้านหลัง อ่านว่าอย่างไรครับ ไคร่รู้ครับ

ขอบคุณครับ :054:


"เมอะมะอุ

นาสังสิโม

อุทังอะโธ

จะพะกะสะ

นะมะพะทะ

มะอะอุ"

654
:001:ขบวนรถสรงน้ำพระสัญจร วัดโคกเขมา :001:










รับบุญสรงน้ำพระกันถ้วนหน้าแล้ว ก็ได้รับแจกวัตถุมงคลเป็นที่ระลึกด้วย

ซึ่งเป็นชุดเดียวกันกับที่มอบให้สาธุชนที่ร่วมบุญบูรณะกุฏิเก่าหลวงพ่อเปิ่น วัดโคกเขมา.

"สมเด็จองค์ปฐมหลังยันต์เกราะเพชรเสาร์๕"

รายละเอียดตามกระทู้นี้ครับ

http://www.bp.or.th/webboard/index.php?topic=22459


:114: :114: :114:อนุโมทนาสาธุการร่วมกันนะครับ :114: :114: :114:

655
เหรียญสวยดีครับ เห็นแล้วอดยิ้มไม่ได้ :002:แบ่งมาให้ชมกันนะครับ :002:



:114: :114: :114:โอม สันติ สันติ สันติ :114: :114: :114:

รายละเอียดเพิ่มเติม

พุทธาภิเศก ณ พระวิหารหลวง วัดพระปฐมเจดีย์ราชวรมหาวิหาร จังหวัดนครปฐม วันจันทร์ที่ ๒๖ ตุลาคม ๒๕๕๒ เวลา ๑๘.๐๐ น.

รายนามพระเกจิวุฒาจารย์ที่นั่งปรกแผ่เมตตาจิต อาทิ

หลวงปู่แย้ม วัดสามง่าม , หลวงปู่เจือ วัดกลางบางแก้ว , หลวงปู่อั๊บ วัดท้องไทร , หลวงพ่ออวยพร วัดดอนยายหอม ,

หลวงพ่ออุเทน วัดท่าไม้ , หลวงพ่อพูน วัดบ้านแพน ,  หลวงพ่ออิฐ วัดจุฬามณี , หลวงพ่อพร วัดป่าธรรมโสภณ ,

หลวงพ่อไพโรจน์ วัดห้วยมงคล , หลวงพ่อห่วย วัดห้วยทรายใต้ , หลวงพ่อเสริมชัย วัดหลวงพ่อสดธรรมกายาราม ,

หลวงพ่อสุข วัดเขาตะเครา , หลวงพ่อยิ้ม วัดลาดปลาเค้า , หลวงพ่อประทวน วัดอรุณราชวราราม เป็นต้น

:114: :114: :114: :114: :114:

656
มณฑป วัดดอนยายหอม สร้างในสมัยของพระราชธรรมาภรณ์(หลวงพ่อเงิน) พ.ศ.๒๕๐๙ (สร้างพร้อมกับกุฏิยายหอม)

โดยหลวงพ่อเงินท่านมีดำริให้สร้างเพื่อประดิษฐานรอยพระพุทธบาทจำลอง ไว้ให้สาธุชนได้สักการะบูชา

("เนื่องด้วยในขณะนั้นหลวงพ่อมีอายุมากและสุขภาพร่างกายไม่ค่อยแข็งแรง เกรงว่าจะสนองศรัทธาญาติโยมได้ไม่ทั่วถึง

หลวงพ่อเงินท่านจึงคิดหาทางให้ผู้มีทุกข์ร้อนที่มาหาถึงวัดได้มีทางระบายทุกข์ กับให้มีสถานที่สำหรับเคารพสักกระประจำวัดด้วย" -

ความเห็นจากคณะศิษย์จัดพิมพ์หนังสืออนุสรณ์ทำบุญอายุ ๘๐ ปี หลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม)


   ครั้นเวลาล่วงเลยมา มณฑปที่ประดิษฐานรอยพระพุทธบาทจำลองนี้ ก็ได้ชำรุดทรุดโทรมลงไปตามลำดับ

ต่อมาในปี พ.ศ.๒๕๕๒ ท่านพระครูสังฆรักษ์อวยพร รองเจ้าอาวาสวัดดอนยายหอม จึงได้บูรณะมณฑปประดิษฐานรอยพระพุทธบาทจำลองขึ้นใหม่

และในการนี้เอง หลวงพ่ออวยพรท่านได้นำเหล็กเก่าจากมณฑปประดิษฐานรอยพระพุทธบาทจำลองนี้ มาทำเป็นมีดหมอ เพื่อหาทุนบูรณะปฏิสังขรในครั้งนี้

จำนวนการสร้างมีแค่ ๒๐๐ เล่ม (ปัจจุบันหมดแล้วเหลือเพียงตำนาน) ตัวด้าม-ปลอกทำจากไม้ หุ้มเงินแท้ ใบมีดรันนัมเบอร์ 1-200 หลวงพ่อจารเองทุกเล่ม

หลวงพ่ออวยพร อฐิษฐานจิตปลุกเสกเดี่ยว และนำเข้าทุกพิธีที่ท่านได้รับนิมนต์ให้ไปนั่งปรกอฐิษฐานจิตตลอดพรรษา

นำภาพมาให้ชมกันครับ

พระครูสังฆรักษ์อวยพร ฐิติญาโณ รองเจ้าอาวาสวัดดอนยายหอม จ.นครปฐม






:114: :114: :114:นำมาลงไว้เป็นเพื่อศึกษานะครับ :114: :114: :114:

657
สงกรานต์ปีใหม่ เข้าวัดใกล้บ้านว่าจะไปนมัสการพระครูสังฆรักษ์อวยพร วัดดอนยายหอม แต่ไม่พบท่าน

สอบถามได้ความว่า ตอนนี้ท่านอาพาธรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล เลยถือโอกาสไปนิมนต์พระฉันเพลที่บ้าน

พร้อมกับเก็บของที่ระลึกความหมายดีๆ มาให้เพื่อนสมาชิกชมกันครับ.


เหรียญปฐมนครามหาทวารวดี เนื้ออัลปาก้า(หลวงพ่ออวยพร วัดดอนยายหอม อฐิษฐานจิตตลอดไตรมาส ๒๕๕๓)

   ด้านหน้าเป็นพระพุทธรูปปางประทานพรศิลปะทวาราวดี ตามประวัติค้นพบทั้งหมด ๔ องค์ ที่บริเวณโบราณสถานทุ่งพระเมรุ

องค์จริงสร้างจากหินแกะสลัก ณ ปัจจุบัน พระพุทธรูปทั้ง๔ องค์ได้กระจายไปอยู่ตามสถานที่ต่างๆได้แก่ วัดพระปฐมเจดีย์ นครปฐม ๒ องค์

(พระประธานอุโบสถ๑,พระศิลาขาว๑),พิพิธภัณฑ์สถานเจ้าสามพระยา พระนครศรีอยุธยา ๑ องค์ ,พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ กรุงเทพฯ ๑ องค์

พระพุทธรูปปางประทานพรศิลปะทวาราวดีจึงถือเป็นสื่อสัญลักษณ์ ที่แสดงถึงความเจริญรุ่งเรืองของเมืองโบราณทวารวดี

ที่มีศูนย์กลางอยู่แถบจังหวัดนครปฐม,สุพรรณบุรี อันเป็นสถานที่แห่งแรกที่พระพุทธศาสนามาสร้างหลักปักรากฐานไว้ จนดำรงคงอยู่ถึงปัจจุบันนี้ครับ


ด้านหลังเหรียญ ตรงกลางเป็นรูปกงล้อธรรมจักร มีอักษรมคธอยู่ด้านล่าง พร้อมคำแปลเป็นบาลี และภาษาไทยล้อมรอบว่า

"เยธมฺมา เหตุปฺปภวา เตสํ เหตุ ตถาคโต อาห เตสญฺจโย นิโรโธ เอวํ วาที มหาสมโณ"

"ธรรมเหล่าใดมีเหตุเป็นแดนเกิด พระตถาคตเจ้าทรงแสดงเหตุเกิดและเหตุดับเหล่านั้น พระมหาสมณมีปกติตรัสเช่นนั้น"

(เป็นที่น่าสังเกตอีกอย่างนึงคือ บริเวณหลังพระอุโบสถวัดพระปฐมเจดีย์ ก็มีอักษรมคธดังกล่าวจารึกไว้ด้วย)

พระคาถาเยธัมมาฯนี้ มีความเชื่อมาแต่ครั้งโบราณกาล ว่าสามารถปกป้องคุ้มภัยให้แก่ผู้บูชาได้

ดังที่ปรากฏพบจารึกในใบลาน , แผ่นโลหะ ฯ มานานนับพันปี (เคยทัศนาหลักฐานชั้นต้นค้นพบแถบบามิยันนำมาจัดแสดงนิทรรศการที่พุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม)

ในสมัยก่อนนิยมจารึกพระคาถานี้ลงในวัสดุต่างๆแล้วพกพาติดตัวด้วยความเชื่อว่าสามารถปกป้องคุ้มภัยได้


*เหรียญเดียวมีทั้งรูปแสดงแทนองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้ตรัสรู้เองโดยชอบ

**พระธรรมคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

***ได้รับการอฐิษฐานจิตจากพระสงฆ์ผู้ปฏิบัติตามพระธรรมคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

ครบองค์รัตนตรัย (รัตน=แก้ว,ตรัย=๓,รัตนตรัย=แก้วสามประการ)


"พุทธังสะระณังคัจฉามิ ธัมมังสะระณังคัจฉามิ สังฆังสะระณังคัจฉามิ

ขอถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ว่าเป็นสรณะ ว่าเป็นที่พึ่งที่ระลึกอันสูงสุด ที่พึ่งที่ระลึกอื่นไม่มีอีกแล้ว"

:114: :114: :114:เอาบุญมาฝากเพื่อนสมาชิกทุกๆท่านนะครับ สาธุๆ :114: :114: :114:

659
เหรียญเลื่อนสมณศักดิ์หลวงน้าดิน วัดห้วยพลู ปี ๒๕๒๗ (กะไหล่เงิน)

ด้านหน้า

ด้านหลัง

ได้มาพร้อมกับภาพรับพัดยศ


 :001:อยากได้ไว้บูชาบอกได้นะครับมีแจกหลายเหรียญ :001:

660
การสร้างสถานที่ปฏิบัติธรรมถวายไว้ในพระพุทธศาสนา จะมีอานิสงส์โดยย่อ คือ

๑.จะเป็นผู้มีสมบัติมาก ทั้งที่ดิน ทรัพย์สินเงินทอง บริวาร

๒.จะเป็นผู้มีดวงปัญญาแทงตลอดทั้งทางโลกและทางธรรม

๓.จะอุดมไปด้วยลาภ ยศ สรรเสริญ สุข ปิดอบายไปสวรรค์

๔.เป็นที่รักของมหาชนเป็นอันมาก ไปถึงไหนก็จะได้รับการต้อนรับอย่างดีเยี่ยมในทุกที่ทุกสถาน ทั้งมนุษย์โลกและเทวโลก

๕.จะได้เกิดในตระกูลสัมมาทิฐิ มีพวกพ้องบริวารที่ดีอยู่ในหมู่บัณฑิตนักปราชญ์

๖.แม้ละโลกไปแล้ว ก็จะมีบริวารมาก ทิพยสมบัติมาก มีวิมานสว่างไสว

๗.จะมีรูปสมบัติ ทรัพย์สมบัติ คุณสมบัติ ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข บรรลุมรรคผลนิพพาน เป็นต้น



:114:ผู้ให้อาหาร ชื่อว่า ให้กำลัง :114:

 :114:ผู้ให้เสื้อผ้า ชื่อว่า ให้วรรณะ :114:

 :114:ผู้ให้ยานพาหนะ ชื่อว่า ให้ความสะดวกสบาย :114:

 :114:ผู้ให้สถานที่ ชื่อว่า ให้ทุกสิ่งทุกอย่าง :114:

 :114:ผู้ให้ธรรมทาน ชื่อว่า ให้อมฤตธรรม :114:


 :001:ขอกราบอนุโมทนากับผู้ร่วมบุญทุกท่านด้วยนะครับ :001:

661
:001: :001: :001:สรุปกิจกรรม :001: :001: :001:

:053:ขอแสดงความยินดีกับท่าน คนรักษ์พระ และ ท่าน Pujchong ด้วยนะครับ ที่ได้รับของรางวัลไปในครั้งนี้ :053:

ประวัติเหรียญหลวงพ่อแดง วัดศรีมหาโพธิ์ (ที่นำมาแจกในกิจกรรมครั้งนี้)



   หลวงพ่อแดง วัดศรีมหาโพธิ์ เป็นพระพุทธรูปที่ชาวนครชัยศรีนับถือ สักการะบูชา มีคำกล่าวจนติดปากว่า"หลวงพ่อแดง แสงกายสิทธิ์"

ปัจจุบันประดิษฐานอยู่ด้านหลังพระอุโบสถวัดศรีมหาโพธิ์ มีผู้คนต่างไปสักการะบูชาอย่างไม่ขาดสาย

สำหรับเหรียญที่นำแจกในกิจกรรมครั้งนี้ เป็นเหรียญรุ่นแรก ออกในปี พ.ศ.๒๕๑๓ ด้านหน้าเป็นรูปหลวงพ่อแดง ด้านหลังเป็นยันต์

เหรียญนี้ออกพร้อมกับผ้ายันต์รุ่นแรกของทางวัดศรีมหาโพธิ์ ซึ่งปัจจุบันทั้งเหรียญและผ้ายันต์ต่างหาชมได้ยาก

นำผ้ายันต์รุ่นแรกมาให้ชมกันครับ


พระคณาจารย์ที่มาร่วมปลุกเสกอาทิ หลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม,หลวงพ่อน้อย วัดธรรมศาลา,หลวงพ่อเต๋ วัดสามง่าม,หลวงปู่เพิ่ม วัดกลางบางแก้ว เป็นต้น

 :114: :114: :114:ไว้พบกันกิจกรรมครั้งหน้านะครับ :114: :114: :114:

662






ปิดท้ายด้วยสติ๊กเกอร์สมัยหลวงพ่อเปิ่นครับ.


663
วันเสาร์ที่ ๑๙ มีนาคม ๒๕๕๔ วัดบางพระมี ๒ งานใหญ่ คือนอกจากจะเป็นวันไหว้ครูประจำปีแล้ว

ยังตรงกับวันคล้ายวันเกิดพระครูอนุกูลพิศาลกิจ(หลวงพ่อสำอางค์)อีกด้วย.

รวบรวมมงคลวัตถุวัดบางพระมาให้ชมกันครับ.

มาเริ่มกันที่เหรียญรุ่นแรกหลวงพ่อสำอางค์



ตามด้วยรวบรวมมงคลวัตถุหลวงพ่อเปิ่น





















664

   
นำเหรียญหลวงพ่อเปิ่นปี ๓๗ มาแจกจำนวน ๒ เหรียญ


พร้อมกับเหรียญหลวงพ่อแดง วัดศรีมหาโพธิ์ (เป็นเหรียญเก่าประวัติจะนำมาลงในโอกาสต่อไป)



แจกให้กับเพื่อนสมาชิกกระดานสนทนาวัดบางพระ ชาย ๑ ชุด,หญิง ๑ ชุด.(๑ชุดประกอบด้วยเหรียญหลวงพ่อเปิ่น๑,เหรียญหลวงพ่อแดง๑)

แจกในวันงานไหว้ครู(๑๙/๐๓/๕๔) ไม่มีคำถามให้ร่วมสนุก เพียงเจอกันก็ขอรับรางวัลได้เลย!!!

แล้วพบกันครับ( :089:ปุญฺญานุสสติ :089:)


   

665
น้อมบูชาคุณอุปัชฌาย์อาจารย์

กราบนมัสการลาพระอาจารย์เสริฐ วัดศรีมหาโพธิ์  ซึ่งได้มรณะภาพ ด้วยโรคหัวใจล้มเหลวมา ณ ที่นี้ด้วยครับ

พระครูพิทักษ์โพธิ์วัฒน์(พระอาจารย์เสริฐ) เจ้าคณะตำบลศรีมหาโพธิ์ เจ้าอาวาสวัดศรีมหาโพธิ์ อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม
ภาพจาก-เว็บไซต์วัดพระปฐมเจดีย์

"เมื่อเรายังไม่พบญาณ ได้แล่นท่องเที่ยวไปในสงสารเป็นอเนกชาติ

แสวงหาอยู่ซึ่งนายช่างปลูกเรือน คือตัณหาผู้สร้างภพ

การเกิดทุกคราว เป็นทุกข์ร่ำไป

นี่แน่ะ นายช่างปลูกเรือน เรารู้จักเจ้าเสียแล้ว เจ้าจะทำเรือนให้เราไม่ได้อีกต่อไป

โครงเรือนทั้งหมดของเจ้าเราหักเสียแล้ว ยอดเรือนเราก็รื้อเสียแล้ว

จิตของเราถึงแล้วซึ่งสภาพที่อะไรปรุงแต่งไม่ได้อีกต่อไป

มันได้ถึงแล้วซึ่งความสิ้นไปแห่งตัณหา ดังนี้แล.."

"พุทธพจน์"


666
สุดยอดเลยครับ  25;แต่ลุงว่ายังขาดอยู่อย่างหนึ่งนะ..
ก็ สีผึ้งเมตตามหานิยม ของท่านไงล่ะ. :054:.
มีหรือเปล่าเอามาโชว์กันหน่อย  หรือว่าใช้ไปหมดแล้ว. 21;..

เหลืออยู่นิดหน่อยครับ ไม่ได้ใช้หมดนะครับ แต่โดนขอแบ่งไปหมด :002:


เพิ่มเติม - เบี้ยแก้



ลูกอม



ชันโรง


667
   หลังจากpackingเสื้อเรียบร้อยพร้อมจัดส่งแล้วเมื่อคืนนี้ :010:

รุ่งขึ้นเช้าวันที่ ๑๕ มีนาคม เวลา ๘.๑๙น. ท่านพระครูอนุกูลพิศาลกิจ(หลวงพ่อสำอางค์) เจ้าอาวาสวัดบางพระ ได้เมตตาอธิษฐานจิตเสื้อที่ระลึกรุ่น ๓ ณ สำนักงานวัดบางพระ



เสร็จสรรพเรียบร้อยสมบูรณ์แบบ..ได้เวลาจัดส่งให้กับสมาชิกที่สั่งจองไว้ :002:

ถึงแม้จะมีอุปสรรคเป็นเม็ดฝนที่หยาดลงมาบ้างประปรายแต่ก็มิใช่ปัญหา :058:(ทำเอาเกือบแย่เหมือนกันนะครับนั่น :075:)


ถึงที่ทำการไปรษณีย์นครชัยศรี ด้วยยอดรวมจำนวนเสื้อกว่า ๕๐๐ ตัว บิลใบเสร็จเลยยาวเป็นหางว่าวอย่างที่เห็น :073:



***แจ้งรายละเอียดการรับเสื้อทางไปรษณีย์***

- สำหรับการรับเสื้อทางไปรษณีย์ ทางไปรษณีย์จะจัดส่งให้ท่านภายในวันที่ ๑๖ - ๑๗ มีนาคมนี้ พรุ่งนี้เตรียมรอรับได้เลยครับ

:114: :114: :114:ขอให้มีความสุขทุกๆคนนะครับ :114: :114: :114:

668
เลขที่ออก.............   V

                     V

      V

      V

      V

      V

      V

      02.30น. :011:

669
ชุดเครื่องราง

ตะกรุดผงอิทธิเจ-ปิดทอง
ปลัดขิก
ผ้ายันต์บูชาครู




670
ชุดหลวงปู่ทวด
หลวงปู่ทวดพิมพ์สี่เหลี่ยมฝังตะกรุดเงินคู่ (จำนวนสร้าง ๑๖ องค์)

หลวงปู่ทวดเนื้อว่านพิมพ์เตารีดหลังฝังหัวนอโม

หลวงปู่ทวดเนื้อว่านพิมพ์เตารีดออกวัดเก่าเจริญธรรม

หลวงปู่ทวดเนื้อว่านพิมพ์พระรอด

เพิ่มเติม-พระพุทธสิหิงค์,พระปิดตาพังพกาฬเนื้อว่าน

671
ชุดดวงตราพุทโธมหาลาภ

ดวงตราพุทโธพิมพ์เล็กเนื้อแดง

ดวงตราพุทโธพิมพ์ใหญ่ก้นครก ๓ สี

ดวงตราพุทโธพิมพ์เล็กเนื้อดำโรยแร่



673
ศีล=>คือทางมาแห่งรูปสมบัติ

ศีล หมายถึง ปกติ(๑),ความตั้งใจที่จะงดเว้นจากความชั่ว ความทุจริต และสิ่งไม่ดีทุกประการ(๒)

ดังที่พระสารีบุตรกล่าวไว้ในคัมภีร์ปฏิสัมภิทามรรคว่า

ศีล คือ เจตนา ความตั้งใจ ที่จะงดเว้นจากกายทุจริต ๓ (ไม่ฆ่าสัตว์ ไม่ลักทรัพย์ ไม่ประพฤติผิดในกาม)

และวจีทุจริต ๔ (ไม่พูดเท็จ ไม่พูดคำหยาบ ไม่พูดส่อเสียด ไม่พูดเพ้อเจ้อ)

ศีลเป็นบ่อเกิดแห่งความสงบ ความดีงาม เนื่องจากศีลเป็นคุณธรรมที่ช่วยรักษากาย วาจา ให้เป็นระเบียบเรียบร้อย

การรักษาศีลให้บริสุทธิ์จะทำให้ใจสงบ ปลอดกังวล ช่วยให้บรรลุธรรมได้โดยง่าย

ศีลจึงเป็นคุณธรรมที่จะนำไปสู่กุศลธรรมเบื้องสูง คือ สมาธิ และปัญญา

ศีล มี ๓ ประเภท คือ ศีล ๕ (เบญจศีล) ศีล ๘ (อุโบสถศีล) และปาริสุทธิศีล (มหาศีล)


ศีล ๕ เป็นพื้นฐานที่ทำให้มนุษย์สามารถอยู่ร่วมกันในสังคมได้อย่างสันติ

มนุษย์ แปลว่าสัตว์ที่มีจิตใจสูงส่ง สัตว์ที่รู้จักใช้เหตุผล

มนุษย์มีเหตุผล รู้จักยับยั้งชั่งใจ แต่สัตว์ไม่มีสิ่งเหล่านี้

เมื่อใดที่มนุษย์มีศีล ๕ ครบ ความเป็นมนุษย์ก็สมบูรณ์ กาย,วาจา,ใจก็เป็นปกติ เมื่อใดศีล ๕ ขาด ความเป็นมนุษย์ก็ลดลง

ศีล ๕ จึงเป็นเครื่องบ่งชี้ศักดิ์ศรีแห่งความเป็นมนุษย์ ที่ใช้แบ่งแยกความเป็นมนุษย์หรือเป็นสัตว์ได้

หน้าที่ของศีลจึงมีไว้เพื่อกำจัด"โทสะ"ในจิตใจมนุษย์

...เมื่อเรารักษาศีล ศีลก็จะรักษาเรา...

674
ด้านหน้า

ด้านหลัง

675
อ้างถึง
1.โมคคัลลานะ เมื่อเธอมีสัญญาอย่างใดแล้ว เกิดความง่วงขึ้น เธอจงทำไว้ในใจซึ่งสัญญาอย่างนั้นให้มาก จะเป็นเหตุให้ละความง่วงได้
ไม่เข้าใจข้อนี้ครับ
ท่านใดที่ทราบความหมายกรุณา อธิบายด้วยครับ
ขอบคุณครับ :054:


สัญญา คือ ความจำได้หมายรู้ ในที่นี้หมายถึงธรรมที่ได้สดับมาแล้ว ได้เรียนมาแล้ว.

ขยายอรรถเพื่อให้ง่ายแก่การเข้าใจได้มากขึ้น

๑. พิจารณาถึงธรรมตามที่ได้สดับแล้ว ได้เรียนมาแล้ว

๒. สาธยายธรรมที่ได้สดับแล้ว ได้เรียนมาแล้วโดยพิศดาร

๓. ยอนหูทั้งสองข้าง แล้วเอามือลูบตัว

๔. ลุกขึ้นยืน เอาน้ำล้างหน้าตา เหลียวดูทิศทั้งหลาย แหงนดูดาว

๕. ทำในใจถึงอาโลกสัญญา ตั้งความสำคัญว่า กลางวันหรือกลางคืนย่อมมีแสงสว่างเหมือนกัน

๖. อธิษฐานการเดินจงกรม สำรวมอินทรีย์ ไม่คิดไปภายนอก

๗. สำเร็จสีหไสยา ซ้อนเท้าเหลื่อมเท้า มีสติสัมปชัญญะในการนอน การหลับ และการตื่น

ต่อจากนั้น พระพุทธองค์ได้แสดงพระสูตรเทศนาธรรม พระโมคคัลลานะได้น้อมจิตไปตามกระแสแห่งธรรมของพระพุทธองค์

จบพระธรรมเทศนา พระโมคคัลลานะได้บรรลุอรหัตตผลหลังจากอุปสมบทแล้ว ๗ วัน.



676
การพูดเท็จต้องประกอบด้วยองค์ ๔ คือ

๑.เรื่องไม่จริง

๒.มีจิตคิดจะพูดให้ผิดไปจากความจริง

๓.พยายามที่จะพูดให้ผิดไปจากความจริง

๔.คนฟังเข้าใจความหมายตามที่พูดนั้น

หากครบองค์ประกอบทั้ง ๔ นี้ ถือว่าศีลข้อ ๔ ขาด(ศีลขาด)

ถ้าหากไม่ครบองค์ประกอบทั้ง ๔ อาจจะ ๓ , ๒ หรือ ๑ เรียกว่า ศีลทะลุ , ศีลด่าง , ศีลพร้อย ตามลำดับ

ก็ล้วนเป็นบาปทั้งสิ้น เพียงแต่มีโทษมากน้อยต่างกัน.


677
"อย่าเห็นแก่ความชั่วเล็กน้อย จึงได้กระทำ"

"อย่าเห็นว่าเป็นความดีเล็กน้อย จึงไม่กระทำ"

"มีเพียงคุณงามความดีและสติปัญญาเท่านั้น จึงจะเอาชนะใจผู้คนทั้งปวง"

นำมาปรับใช้ได้กับทุกบทบาททุกสถานะทุกหน้าที่ในสังคม ว่ากันไปตามวิถีแห่งการดำเนินชีวิต ภายใต้กรอบของการดำรงชีพในแนวทางนั้นๆ หรือเป็นไปตามเครื่องควบคุมกายควบคุมวาจา

ที่ปกติชนแสดงไว้และให้นิยามเรียกสิ่งนั้นว่าคือ "ศีล" นั่นเอง(ศีล หมายถึง "ปกติ" คนมีศีลก็คือคนที่ปกติหรือพระที่มีศีลก็คือพระที่มีความเป็นปกติในความเป็นพระเป็นต้น)

หวังว่าจะเป็นประโยชน์แก่ท่านทั้งหลายไม่มากก็น้อย

ธรรมะสวัสดี.




678
พระขุนเเผนหลวงพ่อพูล.. เนื้อตะเคียนมีน้อยกว่าเนื้องาช้างมากครับ องค์พระหลวงพ่อจะเจิมเเป้งหอมไว้เเละซีนด้วยซองพลาสติกใสทุกองค์  ใต้ฐานจะมีตะกรุดเงินฝังไว้(เเบบที่ท่านขุนเเผนบอก) พิมพ์องค์พระเเละกุมารทองด้านหลังจะมีความคมชัดเเละเนื้อพระจะดูนิ่มตากว่านี้ครับ..เป็นกำลังใจให้ครับ... :002:
ชี้แจงในประเด็นพระขุนแผนกุมารทองหลวงพ่อพูล วัดไผ่ล้อมครับ

   ในช่วงที่ปลุกเสกพระรุ่นนี้ หลวงพ่อพูลอาพาธหนักอยู่ในห้องพิเศษที่ทางวัดสร้างขึ้น ไม่สามารถไปปลุกเสกในพระอุโบสถได้ ทางคณะกรรมการวัดจึงโยงสายสิญจน์มาให้หลวงพ่อพูลปลุกเสก และเปิดให้บูชาในวันไหว้ครูของทางวัด ซึ่งตรงกับวันมรณะภาพของหลวงพ่อพูลพอดี(ร่วมอยู่ในพิธีด้วยวันนั้น) ในวันนั้นมีให้บูชา ๓ เนื้อ คือ ๑.เนื้อผงงาคชสาร ๒.เนื้อผงตะเคียน ๓.เนื้อโลหะสามกษัตริย์ หลังจากนี้คือเนื้อพิเศษอื่นๆที่ทางวัดนำออกให้บูชาทีหลังไม่ทราบประวัติครับ

   พระเนื้อผง จะซีนอยู่ในซองพลาสติคทุกองค์ ในส่วนองค์ที่มีแป้งเจิมนั้นไม่ใช่ตัวชี้วัดว่ามีแป้งเจิมแล้วจะเป็นพระแท้แต่ประการใด องค์ที่มีแป้งเจิมจะเป็นองค์ที่แกะจากซองพลาสติคแล้วนำไปให้หลวงพี่น้ำฝน,พระลูกวัด ท่านเจิมให้เสียมากกว่า

   ใต้ฐานพระขุนแผนกุมารทองเนื้อผง จะมีแผ่นปั๊มสีเงิน มีอักษรขอมอ่านได้ว่า"สุนะโมโล" เป็นคาถาหัวใจขุนแผนติดอยู่

   สำหรับเนื้อผงตะเคียน มีหลายวรรณะ แก่เนื้อไม้,แก่เนื้อผง ว่ากันไป(จากประสบการณ์ที่บูชาในพิธีกว่า๕๐องค์) ไม่ถือเป็นข้อยุติ เท่าที่จะสังเกตได้ก็เรื่องพิมพ์ทรง ความคมชัด และแผ่นปั๊มสีเงินใต้ฐานพระ

   ในส่วนพระขุนแผนกุมารทองของท่าน jobuba  ที่นำมาลงให้ชมนี้ ไม่ดีครับ ผิดตั้งแต่กล่อง

   เป็นกำลังใจให้ต่อไปครับ :114:

679
ศรัทธา(สัทธา)ในทางพระพุทธศาสนา หมายถึง ความเชื่อในสิ่งที่ควรเชื่อ เป็นความเชื่อที่ประกอบไปด้วยปัญญาและเหตุผล ไม่ใช่น้อมใจไปเชื่อตามเขา โดยปราศจากการใคร่ครวญ
มี ๔ ประการ ได้แก่

๑.กัมมสัทธา - เชื่อกรรม คือสิ่งที่บุคคลทำจะดีหรือชั่วมีผล
๒.วิปากสัทธา - เชื่อผลของกรรม คือเชื่อว่าที่บุคคลได้รับความสุขหรือทุกข์ก็เพราะกรรมดีหรือกรรมชั่วที่ตนได้ทำไว้
๓.กัมมัสสกตาสัทธา - เชื่อความที่สัตว์มีกรรมเป็นของตน
๔.ตถาคตโพธิสัทธา - เชื่อปัญญาตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า

สรุปได้ว่า
จะศรัทธาในสิ่งใดเรื่องใดก็แล้วแต่ อย่าลืมใช้ปัญญา(ความรอบรู้ในกองสังขาร)พิจจารณาประกอบด้วยเสมอ
"ขึ้นต้นด้วยศรัทธา ลงท้ายด้วยปัญญาเสมอ"

680
ได้ข่าวว่าหลวงพี่นันท่านอาพาธ เลยเข้าไปเยี่ยมพร้อมนำน้ำปานะไปถวายที่โรงพยาบาลเมื่อวันที่18 มี.ค.53
สุขภาพท่านแข็งแรงขึ้นตามลำดับครับ :001:


681
สวยงามมากครับ เนื้อทองคำ
กระผมอยากจะเรียนถามว่า รูปหล่อหลวงพ่อองค์นี้ ออกปีไหนเหรอครับ
เรื่องรายละเอียดปีสร้างผมเองก็ไม่ทราบเช่นกันครับ ได้มาเป็นชุด รอคุณลุงอเมซิ่งหรือท่านหอมเชียงมาช่วยอีกแรงนะครับ

เนื้อเงิน


เนื้อนวะ




682
มาช้าไปนิด แต่ก็ขอร่วมอวยพรในวันเกิดที่ผ่านมาด้วยนะครับท่านโจ :114:

683
สาธุ งดงามนักแล ขอกราบนมัสการหลวงพี่เก่งที่นำมาให้ชมกัน ขอบคุณครับ  :016:
ขออภัยด้วยนะครับที่ไม่ได้แจ้งไว้ ถือโอกาสนี้แจ้งเลยละกันนะครับ
กระผมลาสิกขาบทแล้วครับ ช่วงก่อนงานไหว้ครูวัดบางพระครับ
ขอบคุณท่านขุนแผนเช่นกันครับ :001:

684
ด้านหน้าของเหรียญ

ด้านหลังของเหรียญ

นับได้ว่าเป็นเหรียญรุ่นแรกของหลวงพ่อสำอางค์ อฐิษฐานจิตปลุกเสกโดยหลวงพ่อเปิ่น จัดสร้างราวปี๒๕๓๐
ที่นำมาให้ชมกันนี้เป็นเนื้อพิเศษ กะไหล่เงิน พบเห็นที่ไหนอย่าปล่อยให้พลาดนะครับ

685
ห่างหายไปนาน กลับมาคราวนี้ขอนำรูปหล่อหลวงพ่อเปิ่น เนื้อทองคำ มาฝากให้เพื่อนๆชมกันครับ





686
เนื่องจากเกิดข้อผิดพลาดทางเทคนิคในขั้นตอนของการผลิต

จึงทำให้ขนาดของเสื้อบางไซต์ที่ผลิตออกมามีขนาดที่ไม่ตรงกับที่ระบุไว้

คือ SSชาย , Sชาย , Mชาย (ขนาดเล็กกว่าที่ระบุไว้)

เพื่อประโยชน์ของสมาชิกที่ได้รับเสื้อแล้ว แต่ใส่ไม่ได้

ทางเว็บไซต์วัดบางพระจึงมีข้อสรุปว่า

ท่านใดที่เสื้อมีปัญหา(เฉพาะไซต์ SSชาย , Sชาย , Mชาย เท่านั้น) และต้องการที่จะเปลี่ยนเสื้อตัวใหม่ไซต์เดิม

ขอให้แจ้งความประสงค์ไว้ได้ในกระทู้นี้ (แจ้งชื่อที่อยู่เบอร์โทรศัพท์ติดต่อ พร้อมทั้งจำนวนเสื้อและขนาดของเสื้อที่ต้องการจะเปลี่ยน)

ได้ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2553.

***ทางเราจะจัดทำให้ใหม่ตามจำนวนที่ลงชื่อแจ้งไว้ในกระทู้นี้***

ทางคณะผู้จัดทำเว็บไซต์วัดบางพระต้องขออภัยสมาชิกทุกท่านเป็นอย่างสูงกับกรณีดังกล่าว.




687
รีบตอบครับรีบตอบ :001:

(เข้ามาตอบกระทู้เป็นคนแรก) :001:

688
***ข่าวฝากจากหลวงพี่ติ่ง***

***บูชาพานครู ๑๕๙ บาท***

***ผู้เข้าร่วมพิธีจะได้รับเหรียญหลวงพ่อเปิ่นเป็นที่ระลึก***

691
-เหรียญมงคลโชค ปี๓๙ สร้างโดยหลวงพ่อสำอางค์ หลวงพ่อเปิ่นปลุกเสกครับ

-เนื้อทองแดงรมดำ ไม่มีโค้ดครับ

-ยันต์ตัวเดียวกับที่ใช้ลงแปดทิศครับ

-โมทนาด้วยนะครับ

692

:001:ทายเข้ามากันได้นะครับ :001:

693
หลวงปู่ท่านกล่าวไว้ว่า "ทำอะไรก็ให้นึกถึงหลวงปู่ไว้"

"สุโกปัญจะ นะชาลีติ" "พระอรหังขันโธ กุมกัณฑ์ยักโข พระโมคคัลลายันติ"

.ขึ้นต้นด้วยศรัทธาลงท้ายด้วยปัญญาเสมอ.

694
รายละเอียดตามนี้ครับ
http://www.bp.or.th/webboard/index.php/topic,13255.html

เตรียมตัวกับเสื้อตามสะดวกเหมาะกับกาละเทศะนะครับ

.ขึ้นต้นด้วยศรัทธาลงท้ายด้วยปัญญาเสมอ.

695
ลูกอมเสืออาคมหลวงพ่อพูล วัดไผ่ล้อม ก้นนอกจากฝังตะกรุดแล้วยังมีมวลสารที่เป็นเขี้ยวงาต่างๆของหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพธิ์,หลวงพ่อปาน วัดบางเหี้ย,งากำจัดกำจาย,งากระเด็น,หลวงพ่อนก วัดสังกะสีฯ ในส่วนชนวนที่เป็นโลหะก็ได้นำเสือของสำนักต่างๆมาหล่อเป็นชนวนอาทิหลวงพ่อวงษ์ วัดปริวาส,หลวงพ่อไสว วัดปรีดารามฯแผ่นจารจากคณาจารย์อีกมากมาย ดีนอกดีในโดยเฉพาะนวะหล่อโบราณซึ่งเทเป็นปฐมฤกษ์ เก็บรักษาดีๆนะครับ.

696
ใกล้เข้ามาทุกขณะนับเวลาก็อีกประมาณ๗๐วัน งานไหว้ครูวัดบางพระก็จะเริ่มขึ้นอีกครั้ง

ไว้พบปะทักทายกันครับศิษย์พี่ศิษย์น้องศิษย์วัดบางพระทุกๆท่าน :001:

697
แจ้งข่าวความคืบหน้าล่าสุด

ขณะนี้ได้แบบเสื้อเรียบร้อยแล้ว คงยังต้องปรับแต่งอีกนิดหน่อย

อดใจอีกนิดไม่นานเกินรอนะครับ.


698
แวะเวียนมาที่วัดบางพระมาขอดวงตราพุทโธมหาลาภไว้ไปใช้ติดตัวได้นะครับ เจริญพร :001:

699
ลูกอมเสืออาคมหลวงพ่อพูลวัดไผ่ล้อมเกินบรรยายครับ(วันเปิดจองก็ไปเข้าแถวเหมือนกันแต่ทว่ายอดจองเต็มเสียก่อนเลยอดตามระเบียบ)

ตอนนี้มีลูกอมของพระอาจารย์เมสันต์(หลวงโด่ง)อยู่จำนวนหนึ่ง(ท่านประธานมอบไว้ให้)

มารับได้ที่วัดนะครับ :001:


700


:114:ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน :114:

701
ข่าวล่าสุด

ขณะนี้อยู่ในช่วงออกแบบ จะแล้วเสร็จในเร็วๆนี้

หากมีความคืบหน้าอย่างไรจะรีบนำมาแจ้งให้ทราบกันต่อไปครับ.

702
เมี่อวันที่1ได้ไปลงน้ำมันกับอาจารย์ติ่งมาคับได้มาครบเลย9ยอด 8ทิศ งบน้ำอ้อย เลยอยากจะถามพี่น้องว่าถ้าจะไปลงหมึกจะต้องลงหัยครบ3ยันต์เลยป่าวคับ ว่าจะวนหลายพานเพราะว่าอยู่ค่อนข้างไกลหัวหินนะคับ จกะว่าจะขออหลวงน้าต้อย หลวงพี่ญานะคับ ขอคำชี้แนะด้วยครับ

http://www.bp.or.th/webboard/index.php/topic,13950.html

ลองคลิกที่ลิ้งค์ดูนะครับ :010:

ลงน้ำมันมาแล้ว จะสักหมึกต่อก็ต้องไปตามเสตปเดิมครับ เก้ายอดเป็นปฐม ถือว่าเป็นยันต์ครู จากนั้นก็จะต่อสาริกา,แปดทิศ,งบน้ำอ้อยฯ อันนี้ไม่ตายตัว แล้วแต่พระอาจารย์ท่านจะเมตตาให้ละกันนะครับ ขอให้โชคดี :001:

703
รวมสมาชิก (มิตรไมตรี) / ตอบ: เสาร์ 5
« เมื่อ: 04 ธ.ค. 2552, 09:28:24 »
เสาร์ 5 เดือน 5 ตามประเพณีไทยนิยม นับกันตามข้างขึ้นข้างแรม อย่าง วันเสาร์ แรม 5 ค่ำเดือน 5 หรือวันเสาร์ขึ้น 5 ค่ำเดือน 5 เป็นต้น ซึ่งมีความเชื่อกันมาตั้งแต่โบราณว่าเป็น "วันฤกษ์มงคล" วันโชคชัย วันแข็ง วันกระทิง เหมาะแก่การประกอบพิธีอันเป็นมงคล หรือพิธีกรรมต่างๆ ที่เกี่ยวกับการจัดสร้างและปลุกเสกวัตถุมงคลและเครื่องรางของขลัง หรือแม้กระทั่งในเรื่องการทำคุณไสย ที่นิยมเรียกกันว่า "ไสยดำ" ซึ่งเป็นเดรัจฉานวิชา โดยปกติข้างขึ้นจะเรียกว่า เสาร์ห้าเพศผู้ ส่วนข้างแรมจะเรียกเสาร์ห้าเพศเมีย มีความเชื่อว่า ถ้าปีใดตรงกับเสาร์ห้าเพศผู้ ปีนั้นจะแรงมากนิยมปลุกเสกเครื่องรางของขลังนานๆ ถึงจะมีเสาร์ 5 สักครั้ง ไม่ได้มีทุกปี นอกจากนี้บางตำรายังบอกด้วยว่า วันที่ขึ้น-แรม ตรงกับเดือน เช่น 1 ค่ำเดือนอ้าย 2 ค่ำเดือนยี่ 3 ค่ำเดือนสาม ก็ถือว่าเป็น วันกระทิง เช่นกัน

ที่มา-ข่าวสด

704
มีทำบุญเลี้ยงพระเวลา ๘.๐๐น. บนศาลาการเปรียญครับ :001:

705
ไม่น่าจะทันหลวงพ่อเปิ่นนะครับ ถ้าไม่ผิดจะเป็นปี๔๘ ผิดพลาดขออภัยครับ

706















ขอพระองค์ทรงพระเจริญ

ที่มา:นิรนาม

708
ลองขอท่านดูครับ หลวงพี่ท่านใจดี :001:

709


เจอเค้าที่วัดก็ทักทายกันได้นะครับ ฉายา"โด่งกิโลเดียว" เสือโด่งประจำวัด :092::004:

710
:001:โพธิ์เผือก&บางพระ :001:

712
ข่าวสารงานบุญใหญ่ที่ชายไทยมีโอกาสในมหากุศลครั้งนี้ ขอฝากไว้ด้วยนะครับ(ปุญญานุสฺสติ(สิบทัศน์))


บวชพระ 1 แสนรูป
ทุกหมู่บ้านทั่วไทย
ร่วมใจฟื้นฟูศีลธรรมทั้งแผ่นดิน

    
ขอเชิญชายไทยแท้ ทุกหมู่บ้านทั่วไทย
ร่วมจารึกประวัติศาสตร์ของชาติและชีวิต
ด้วยการบวชพระ 100,000 รูป ทุกหมู่บ้านทั่วไทย
ตั้งแต่วันที่ 19 มกราคม - 8 มีนาคม พ.ศ.2553(รวม 49 วัน)

    
คุณสมบัติ
 กำหนดการ
1. เป็นชายแท้อายุ 20 – 60 ปี วันเริ่มอบรม วันอังคารที่ 19 มกราคม 2553  
2. จบการศึกษา มัธยมศึกษาปีที่ 3 ขึ้นไป วันบรรพชา วันเสาร์ที่ 6 กุมภาพันธ์ 2553
3. สุขภาพแข็งแรง ไม่เป็นโรคติดต่อ โรคจิตประสาท  วันอุปสมบท วันที่ 8 – 10 กุมภาพันธ์ 2553  
    หรือโรค ประจำตัวร้ายแรงอื่นๆ และไม่ติดยาเสพติด วันลาสิกขา วันจันทร์ที่ 8 มีนาคม 2553
4. ร่างกายไม่ทุพพลภาพ หรือมีรอยสักนอกร่มผ้าเมื่อครองจีวร  
5. มีคุณสมบัติอื่นๆ ของผู้บวชตามกฎมหาเถรสมาคม  
    
ระยะเวลาดำเนินการ  
ระยะเวลาอบรมและอุปสมบท 19 มกราคม – 8 มีนาคม 2553 ระยะเวลา 49 วัน  
    
สถานที่  
สถานที่อบรมและบรรพชา วัดพระธรรมกาย และวัดต่างๆทุกภูมิภาคทั่วประเทศ
    
ผลที่คาดว่าจะได้รับ  
1. เป็นมหากุศล สร้างความร่มเย็นและนำความเจริญรุ่งเรืองมาสู่ แผ่นดินไทย
2. เกิดความร่วมมือในทางสร้างสรรค์ระหว่างวัดและชุมชนทั่วประเทศ เพื่อการพัฒนาท้องถิ่นอย่างยั่งยืนต่อไป  
3. สร้างผู้นำในการเป็นต้นแบบทางศีลธรรมให้เกิดขึ้นในสังคมทุก ภาคส่วนทั่วประเทศ
4. ผู้เข้าอุปสมบทได้เรียนรู้หลักธรรมนำไปใช้ในการดำเนินชีวิต  
    
หลักการและเหตุผล  
แผ่นดินไทยได้ชื่อว่าเป็นแผ่นดินธรรม ที่พระพุทธศาสนาปักหลักอย่าง มั่นคงมายาวนานนับพันปี กระแสธรรมคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ซึม แทรกไปในทุกจังหวะชีวิตของชาวไทย เกิดเป็นประเพณี วัฒนธรรมชาวพุทธอัน งดงาม จนได้รับการกล่าวขานเป็น “สยามเมืองยิ้ม” ดินแดนแห่งความสุขบน มนุษยโลก คำตอบของการดำรงความรุ่งเรืองและความสุขของประชาชาติไทยก็คือ การดำรงรักษาพระพุทธศาสนาให้มั่นคงคู่ผืนแผ่นดินไทย ซึ่งหัวใจของพระพุทธ ศาสนา คือศาสนทายาทที่มั่นคงในพุทธธรรม ดังนั้นการสืบทอดรักษาประเพณี การบวชของชายไทยให้เข้มแข็ง จึงเป็นสิ่งสำคัญยิ่งต่อธำรงความรุ่งเรืองของพระ พุทธศาสนา ซึ่งเป็นภาระรับผิดชอบของพุทธบริษัทไทยทุกคน จากโครงการอุปสมบทหมู่ 7,000 รูป 7,000 ตำบล ที่จัดขึ้นระหว่าง วันที่ 22 สิงหาคม ถึง 11 กันยายน พ.ศ. 2552 ที่ผ่านมา ได้รับการตอบรับ จากพุทธบริษัททั่วไทย ตื่นตัวกันทำหน้าที่ชวนผู้มาสมัครบวชได้มากกว่า 13,000 คน และมีผู้เข้าบรรพชาอุปสมบท ถึง 10,685 คน ทำให้คณะสงฆ์ สาธุชน และหน่วยงานองค์กรต่างๆ ที่มีส่วนแห่งความสำเร็จดังกล่าว เห็นพ้อง ต้องกันว่า ควรจัดให้มีโครงการอุปสมบทหมู่ครั้งยิ่งใหญ่เช่นนี้อีก และควรขยาย ไปยังวัดต่างๆ ที่มีความพร้อมทุกภูมิภาคทั่วประเทศ เพื่อร่วมกันฟื้นฟูศีลธรรม ในทุกชุมชนทั่วแผ่นดินไทย จึงได้เกิดโครงการอุปสมบทหมู่ 100,000 รูป ทุกชุมชนทั่วไทย ให้พุทธบริษัทไทยได้สร้างบุญใหญ่อีกวาระหนึ่ง ซึ่งจะเป็นผล ให้ประเทศไทยเป็นดินแดนแห่งสันติสุขเป็นแบบอย่างแก่โลกในอนาคตอันใกล้นี้
  
วัตถุประสงค์   1.เพื่อให้กระแสธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แผ่ปกคลุมทั่วผืนแผ่นดิน ไทยให้ดับร้อน ฝ่าภัยวิกฤติไปสู่ความเข้มแข็งและเจริญรุ่งเรืองต่อไป
2.เพื่อให้ประชาชนทุกชุมชนทั่วประเทศได้ร่วมสั่งสมบุญบารมีในโครงการอุปสมบทหมู่และ เป็นแบบอย่างอันดีให้เกิดโครงการเช่นนี้ขึ้นทั่วประเทศไทย
3.เพื่อให้ผู้อุปสมบทได้มีโอกาสศึกษาและปฏิบัติธรรมเพื่อเป็นหลักในการดำเนินชีวิตอย่าง ถูกต้องสืบไป  
  
เริ่มรับสมัครตั้งแต่ วันที่ 1 ธันวาคม 2552 นี้เป็นต้นไป


สอบถามเพิ่มเติม : ศูนย์กัลยาณมิตรในจังหวัดของท่าน หรือโทร. 02-831-1000
ดูรายละเอียดและสมัครออนไลน์ไดที่ www.dmyCenter.com ดาวน์โหลดใบสมัครได้ที่ http://www.dmycenter.com/site/index.php?option=com_phocadownload&view=category&id=3:&Itemid=88
ผู้สมัครไม่เสียค่าใช้จ่ายในการบวช

ข่าวฝากงานบุญโดย ۞เณรน้อยเส้าหลิน۞

713
ดูไม่ดีทั้ง๒องค์ครับ :001:

715
โอ้ว 01;...ขุนแผนหลวงพ่อตัด วัดชายนา รอวาสนามาโปรดกันต่อไป 05;

716
 :001:ถวายน้ำมันแช่เขี้ยวเสือโคร่งกับหลวงพี่มาร์คไป ท่านนำไปเทรวมกับน้ำมันที่ใช้สักครับ :002:

*ตามตำราน้ำมันแช่เขี้ยวเสือโคร่งเมตตาดีมากๆ*

720
แจ้งให้ทราบ

เจ้าคณะภาค ๑๔ มีคำสั่งห้ามอาจารย์ฆราวาสสักยันต์ในวัดบางพระ

โดยให้ออกไปภายในสิ้นปีนี้

ก็ตามที่แจ้งนะครับ มีคำสั่งลงมา ยุบฆราวาสหรือจะทั้งหมดก็ต้องปฏิบัติตาม ตั้งแต่สมัยที่หลวงพ่อเปิ่นท่านยังดำรงสังขารอยู่ ก็ไม่มีฆราวาสสักในวัดอยู่แล้ว เกิดขึ้น คงอยู่ ดับไป เป็นธรรมดาครับ หลากหลายมุมมองอาจจะวิจารณ์กันไปต่างๆนานา แต่ทุกอย่างก็ต้องมีเหตุผลในตัวมันเองอยู่แล้ว หาใช่ว่าไม่มีความยุติธรรม พึงคิดไว้อยู่เสมอว่า "เวรกรรมยุติธรรมที่สุด" หรือนี่อาจจะเป็นจุดเริ่มต้น?


721
พอดีมีคนเอามาให้คับ

แกะดูข้างในมีแผ่นไม่ทรายว่าตะกั้วหรืออะไร ลงอัษระ หกตัวอะคับ

อิสวาสุ

สุสวาอิ.

722
 :001:ไม่ต้องกลัวว่าไม่ทันนะครับ ทันแท้แน่นอน รอติดตามกันครับ :001:

724
ของหลวงปู่กาหลง ครับ

ผมว่าแท้ ๑ เสียงนะครับ  เพราะมีโค๊ดตัวเลข ไม่น่าจะมีปลอมครับ  :001:
องค์นี้มีโค้ด แต่ปลอมครับ :001:

725
ไปเห็นมากับตาแล้วที่กระบี่ ก่อนลงไปนั่งบนกระทะทำไมมีของรองไว้เยอะจัง

รายการทีวีก็ชมนะครับ ตีสิบ ทีมงานลองจุ่มมือลงในกระทะที่น้ำมันเดือด แต่เค้าบอกว่าไม่ร้อน

ฤาษีสมพิศบอกว่า ใช้ไสยศาสตร์คู่กับวิทยาศาสตร์ :001:

ฝากไว้ครับ :001:

พุทธังสรณังคัจฉามิ

ธัมมังสรณังคัจฉามิ

สังฆังสรณังคัจฉามิ.

727
แบบนี้มีไม่กี่ที่ครับในวัดบางพระ

กุฏิพระมหาสมชาย


728
ตามที่ได้แนะนำกันไปแล้วครับ ขอเพิ่มเติมเล็กน้อย เพื่อให้เข้าใจได้ง่ายขึ้น

พิมพ์พระประธานใหญ่ สังเกตดูเกศจะทะลุซุ้ม

พิมพ์เส้นด้าย ฐานล่างสุดจะเป็นร่อง

หรืออีกวิธีลองสังเกตที่ด้านหลัง แต่ละพิมพ์จะไม่เหมือนกันครับ :001:

729
 :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:
กระทู้นี้ตั้งขึ้นมาเพื่อให้สมาชิกที่เพิ่งสมัครเข้ามาใช้งาน(หรือจะเป็นสมาชิกเก่าก็ไม่ว่ากัน) ได้รายงานตัว แนะนำตัว ฝากเนื้อฝากตัวฯ



แนะนำตัวผ่านกระทู้นี้ได้เลยนะครับ

กระดานสนทนาวัดบางพระ ยินดีต้อนรับทุกท่านด้วยความจริงใจ.
     
                                                                                                                                                
 :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:

ขออนุญาตลบกระทู้รายงานตัวที่เคยตั้งกันมาทั้งหมดนะครับ

730
:017:วัดบางพระไม่จัดพีธีปลุกเสกวัตถุมงคลใหญ่ๆบ้างครับอยากให้วัตถุมงคลของวัดบางพระ ลงหนังสือพระเครื่องต่างๆบ้างครับ
ผมก็ศรัทธาหลวงพ่อเปิ่นมากเหมือนกันครับ  ขอบคุณครับ
:054:
วันนี้ ณ กุฏิพระอุดมประชานาถ(หลวงพ่อเปิ่น) เวลาประมาณ๑๓.๐๐ น. มีพิธีพุทธาพิเษกวัตถุมงคล


731
ที่กุฏิหลวงพี่ญาด้านล่างมี หลวงพี่ญา , หลวงพี่มาร์ค , หลวงพี่ตูน , หลวงพี่นัน

ถามมาว่าอาจารย์สักที่นั่งทางขวามือของหลวงพี่ญา ในกุฏิด้านล่างไม่มีพระอารย์ท่านใดนั่งสักทางด้านขวามือของหลวงพี่ญาท่านเลยนะครับ  :010:

ถ้าจะเรียงพระอาจารย์ที่นั่งสักทางซ้ายมือของหลวงพี่ญาไปก็ หลวงพี่มาร์ค,หลวงพี่ตูน,หลวงพี่นัน.

732



ขออนุญาต ท่านโจรสลัด นะครับ เพิ่มเติมหน่อย
ในบรรดาเครื่องรางของขลังยอดนิยมของท่านมีอยู่ด้วยกัน 3 ชนิด คือ ตะกรุดหนังเสือ ปลัดขิก และเสือปืนแตกซึ่งได้รับความนิยมมาก จนกระทั่งมูลค่าในการเช่าบูชาพุ่งขึ้นไม่หยุด โดยเฉพาะรุ่นแรกๆ จนทำให้มี "ของปลอม" ออกมาแจมด้วย ซึ่งถึงปัจจุบันนี้ท่านได้อนุญาตให้จัดสร้างออกมาแล้วรวม 4 รุ่น โดยเสือปืนแตกทุกรุ่นสร้างแบบงานหล่อโบราณ ในรูปลักษณะเสือกำลังกระโจนหรือกระโดด มีขนาดความยาวประมาณ 5.5 ซ.ม. สูงประมาณ 1.6 ซ.ม. และต้องมี "ยันต์มหาเบา" อันเป็นยันต์ประจำตัวของหลวงปู่แย้ม

สำหรับเสือปืนแตกรุ่น 4 ช่วงนี้กำลังเป็นที่สะสมบูชากันอย่างมาก เนื่องจากเกิดประสบการณ์ความศักดิ์สิทธิ์ให้ลูกศิษย์ได้ตื่นตะลึงกัน อีกแล้ว โดยเสือรุ่นนี้เข้าพิธีปลุกเสกใต้โบสถ์เสือ-มังกรศักดิ์สิทธิ์ เมื่อ วันศุกร์ที่ 25 ก.ย.2552 ท่าม กลางฝนฟ้า คะนองที่เทกระหน่ำจนฉ่ำเย็นเป็นเวลานับชั่วโมง เกจิอาจารย์ที่นั่งปรกอธิษฐานจิตก็ไม่ใช่อื่นไกล แต่เป็น 2 เกจิอาจารย์ที่รักใคร่ศรัทธาของหลวงปู่แย้ม คือ หลวงปู่แย้ม วัดสามง่าม อ.ดอนตูม จ.นครปฐม และคือ "หลวงปู่เก๋ วัดปากน้ำ" จ.นนทบุรี ส่วน "หลวงปู่แย้ม วัดตะเคียน" ด้วยเหตุที่กายสังขารของท่านไม่แข็งแรง นั่งนานๆ ไม่ไหว คณะศิษย์จึงนำไปให้ท่านอธิษฐานจิตเดี่ยวในห้องที่จำวัด


ใครรู้จักพี่ที่อยู่กับหลวงปู่แย้มบ้างครับ ศิษย์เอกหรือป่าวครับ


 
จำไม่ผิดจะเป็นท่าน kill นะครับคนเสื้อดำ :001:

733
ติดตามดูมาหลายศุกร์ ไม่รู้ว่าจะออกอากาศวันไหน พาดไปศุกร์เดียว อดดูจนได้

ไว้ไปชมทีวีย้อนหลังเอาครับ  :001:

ขอบคุณท่านนกมากนะครับผม :002:

734
ดีครับเห็นท่านโดดเดียวจ้องอยู่ :001:

735
แนะนำให้ลดขนาดรูปภาพลงหน่อยจะดีมากเลยครับ เพราะโหลดช้ามาก :010:

736
ชุมแพ ขอนแก่น :001:

737
ชัดเจนครับ เคยมีเยอะอยู่เหมือนกัน แต่ก็แจกไปจนจะหมดตามระเบียบ

ถ้าข้อมูลไม่พลาดจะเป็น ๑๘ นะครับ รักษาดีๆนะครับ.

738
เห็นชื่อเป็นมงคลดี นำมาให้ชมกันครับ




741
:054:กราบนมัสการหลวงพี่เว็บ...ครับ :054:

"จะกัดกันไปทำไม? จะกัดกันไปเพื่ออะไร?"

แค่เชือกแห่งความสะใจเพียงเส้นเดียว กัดกันแย่งกันอยู่ได้ ไม่ได้เกิดประโยชน์อะไรขึ้นมาเลย

742
เห็นท่านกลับมาแล้วครับ.

743
ตามไปดูนะครับ แค่ดูนะครับ :010:
http://www.bp.or.th/webboard/index.php/topic,4673.0.html

744
มาได้ทุกวันครับ ค่าครู ๒๕ บาทเท่านั้นไม่ขาดไม่เกิน บูชาพานครูดอกไม้ธูปเทียนบุหรี่ ที่วัดมีจัดเตรียมไว้อำนวยความสะดวกอยู่แล้ว ลายสักก็แล้วแต่พระอาจารย์ท่านจะพิจจารณาตามความเหมาะสมของแต่ละบุคคลไป ถ้าต้องการรายละเอียดเพิ่มเติมจากนี้ก็ใช้แถบค้นหาของบอร์ดได้ครับ.

745
รุ่นแรกปี ๑๕ ทันหลวงพ่อเงินด้วยครับเหรียญนี้  :016:

746
ถามมาตอบไป มีครับ :010:

747
ผ้ายันต์บัวบังใบหรือเปล่าครับที่ห่อกุมารสีทองไว้

749
หลวงพี่ตูนท่านเมตตาบอกมาว่าลองมองดีๆเป็นบัวบังใบได้ด้วยเหมือนกัน :002:ยังมองไม่ออกเลยครับ :010:

750
วันเสาร์ที่ ๒๔ ตุลาคม ๒๕๕๒ มีงานแข่งเรือยาวประเพณี ชิงถ้วยพระราชทานพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาสยามบรมราชกุมารี

วันอาทิตย์ที่ ๒๕ ตุลาคม ๒๕๕๒ ทอดกฐินวัดบางพระ

รับกฐินเสร็จก็น่าจะสักปกตินะครับ.

751
โยมโดดเดียวอย่างที่บอกไว้ครับ ขอทราบข้อมูลเพิ่มเติมหน่อยนะครับ





752
ร่วมด้วยช่วยแบ่งปันบรรยากาศวัดถ้ำเสือวิปัสสนา จ.กระบี่

พระอวโลกิเตศวรกวนอิม


หลวงพ่อจำเนียร ปลุกเสกวัถุมงคล ในห้องเก็บวัตถุมงคลของวัดถ้ำเสือวิปัสสนา


ความสำเร็จที่รออยู่ข้างหน้า ขึ้นมาถึงยอดเขาสำเร็จจนได้ มาวัดถ้ำเสือหากไม่ได้ขึ้นยอดเขาก็เหมือนมาไม่ถึง


บรรยากาศโดยรอบ





753
วันนี้ เอารูปลูกๆมาให้ชมครับ



อ่ะน่ะ

ไม่ทราบว่าองค์สีขาว องค์กลางอ่ะครับ

เป็นน้องกุมารจากที่ใดเหรอครับ

 :009:  :009:  :009:
หลวงพ่อพูล วัดไผ่ล้อม จ.นครปฐม นะครับเท่าที่ดู :001:

754
มาสรุปผลกิจกรรมร่วมสนุกชิงรางวัลกันนะครับ


มีผู้ร่วมตอบคำถามในครั้งนี้ทั้งหมด ๒๘ ท่านด้วยกัน สรุปว่าไม่มีใครตอบถูกต้องเลยแม้สักคนเดียว  :075:

ประมาณ ๘๕.๗๑% ทำผิดกติกาที่ตั้งไว้ (๒๔ คน)

อีกประมาณ ๑๔.๒๙% ถึงแม้จะทำถูกต้องตามกติกาแล้วก็ตาม แต่ก็ยังตอบคำถามกันผิดอยู่ (๔ คน)

ก่อนจะเฉลยลองมาทบทวนโจทย์กันดูสักนิดนะครับ

๑.  กรุณาปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด หากไม่ปฏิบัติตาม ถือว่าทำผิดกติกา
๒.  คุณมีเวลาเพียง ๓ นาทีเท่านั้นในการตอบคำถาม ตอบเร็ว ส่งคำตอบไว ภายใน ๓ นาที
๓.  กรุณาอ่านให้จบทั้งหมดก่อนแล้วจึงค่อยตอบคำถาม

ส่วนนี้คือคำชี้แจงแนะนำก่อนตอบคำถาม ทำผิดกติกาที่ชี้แจงไว้เสียส่วนใหญ่ โดยเฉพาะข้อที่ ๓

และถ้าปฏิบัติตามข้อที่ ๓ อย่างเคร่งครัด ก็จะสังเกตเห็นคำสั่งที่แท้จริงในข้อที่ ๑๖ ที่มีว่า

"๑๖.ขอให้ทุกๆคนโชคดีในการร่วมสนุกชิงรางวัลในครั้งนี้สุดท้ายนี้ขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัยอันมีคุณอันหาประมาณไม่ได้โปรดดลบัลดาลให้ผู้ร่วมกิจกรรมและสมาชิกเว็บไซต์วัดบางพระทุกท่านจงประสบแต่ความสุขความเจริญคิดหวังสิ่งใดที่เป็นไปโดยชอบประกอบด้วยกุศลก็ขอให้สัมฤทธิ์ผลสมหวังตามปรารถนามีสุขภาพพลามัยสมบูรณ์แข็งแรงไม่มีโรคภัยไข้เจ็บเข้ามาเบียดเบียนเป็นที่รักใคร่ของผู้คนทั้งหลายเป็นลูกที่ดีของคุณพ่อคุณแม่อันตรายใดๆก็ขอจงอย่าได้เข้ามาแผ้วพานทำกิจการงานใดๆก็ขอให้ทำมาค้าขึ้นให้ได้เป็นเศรษฐีมหาเศรษฐีใจบุญค้ำจุนพระพุทธศาสนาตราบจนถึงที่สุดแห่งธรรมให้ทำเฉพาะข้อสิบเอ็ดกับข้อสิบสามเท่านั้นหวังว่าคงจะไม่ยากจนเกินไปร่วมสนุกง่ายๆได้รางวัลแถมยังได้ความรู้ทางพระพุทธศาสนาควบคู่กันไปอีกด้วยได้ประโยชน์คุ้มค่าครับกิจกรรมนี้ขอให้สำเร็จสมหวังกันทุกๆคนทุกๆท่านนะครับโชคดีจงมีแก่ทุกคนพูดมาเสียยืดยาวประเดี๋ยวจะเกินเวลาสามนาทีไปก็ขอยุติลงไปแต่เพียงเท่านี้นะครับเจริญพร."

มีคนส่งข้อความเข้ามาถามกันพอสมควรว่า "หลวงพี่เล่นตั้งคำถามซะเยอะแยะแล้วให้เวลาทำแค่ ๓ นาที ใครจะไปทำทันหล่ะ :075:" ชี้แจงตรงนี้เลยละกันนะครับ ถามแค่สองข้อ คือข้อ ๑๑ กับข้อ ๑๓ แค่นั้นครับ และหวังว่า ๓ นาทีกับการตอบคำถามแค่ ๒ ข้อ คงจะทำกันทันเวลาที่กำหนดนะครับ :002:

ทีนี้มาถึงคำเฉลย

ข้อ ๑๑ ถามว่า รวมเวลาที่พระพุทธองค์ทรงเผยแผ่ศาสนารวมเวลาได้กี่ปี :062:

คำตอบคือ ๔๕ ปีครับ(โดยนำพระชนม์มายุของพระพุทธองค์เมื่อดับขันธ์ปรินิพพานลบออกด้วยพระชนม์มายุขณะตรัสรู้คือ ๘๐ - ๓๕ ก็จะได้คำตอบว่า ๔๕ ปี)

ข้อ ๑๓ ถามว่า ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบันพระพุทธศาสนาเกิดขึ้นมาแล้วกี่ปี :062:

คำตอบคือ ๒,๕๙๗ ปีครับ(เริ่มนับตั้งแต่วันตรัสรู้ คือก่อนพุทธศักราช ๔๕ ปี แล้วนำมาบวกกับปีพุทธศักราช ณ ปัจจุบันคือ พุทธศักราช ๒,๕๕๒ ก็จะได้ ๔๕ + ๒,๕๕๒ = ๒,๕๙๗ ปี

สรุปอย่างเป็นทางการว่ากิจกรรมร่วมสนุกตอบปัญหาชิงรางวัลครั้งนี้ไม่มีผู้ตอบถูกนะครับ

คราวนี้พลาดไปไม่เป็นไร รอกิจกรรมร่วมสนุกชิงรางวัลในครั้งต่อไป เร็วๆนี้

ขอบคุณทุกท่านที่ร่วมสนุกกันนะครับ เจริญพร.


:001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:

755
มาตอบตอนนี้คงไม่ได้รางวัลแล้ว แต่มาเพื่อให้กำลังใจครับ  สู้สู้ พี่น้องงงง
ท่านที่ยังไม่ตอบก็ส่งคำตอบเข้ามาร่วมสนุกกันได้เรื่อยๆมีของรางวัลแจกให้กับผู้ที่ตอบปัญหาถูกต้องตามกติกาทุกๆคน(นอกเหนือจาก๕ท่านแรกที่ตอบคำถามถูก)ถือว่าเป็นรางวัลพิเศษให้กับเพื่อนสมาชิกเว็บวัดบางพระทุกคนครับเจริญพร :001:

756
มาก่อนเวลานัดหมายสักเล็กน้อย คงไม่ว่ากันนะครับ(เผื่อติดกิจนิมนต์แล้วมาโพสไม่ได้)

ผู้ตอบถูก ๕ ท่านแรก จะได้รับของรางวัลไปนะครับ คำถามไม่ยากจนเกินไป ตอบกันเข้ามาได้เรื่อยๆ(อาจจะมีของรางวัลพิเศษแจกผู้ที่ตอบถูกทุกท่าน) ปิดกระทู้วันอาทิตย์ที่ ๑๘ ตุลาคม ๒๕๕๒ เวลา ๘.๐๐ น. ไล่เลียงตามข้อไป มีคำชี้แจงเล็กน้อยนะครับเป็นกติกาสำหรับการร่วมสนุกครั้งนี้ สมาชิก ๑ ท่าน ร่วมส่งคำตอบได้ท่านละ ๑ ครั้งเท่านั้น ส่งคำตอบในกระทู้ได้เลย เริ่มกันเลยครับ

๑.  กรุณาปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด หากไม่ปฏิบัติตาม ถือว่าทำผิดกติกา
๒.  คุณมีเวลาเพียง ๓ นาทีเท่านั้นในการตอบคำถาม ตอบเร็ว ส่งคำตอบไว ภายใน ๓ นาที
๓.  กรุณาอ่านให้จบทั้งหมดก่อนแล้วจึงค่อยตอบคำถาม
๔.  พระบิดาของเจ้าชายสิทธัตถะมีพระนามว่าอะไร
๕.  พระมารดาของเจ้าชายสิทธัตถะมีพระนามว่าอะไร
๖.  พระมารดาของเจ้าชายสิทธัตถะทิวงคตเมื่อประสูติพระโอรสได้กี่วัน
๗.  เมื่อเจ้าชายสิทธัตถะมีพระชนม์มายุได้ ๗ พรรษา พระองค์ทรงศึกษาศิลปะวิทยาการกับครูชื่อว่าอะไร
๘.  เจ้าชายสิทธัตถะทรงอภิเษกสมรสกับพระนางพิมพาเมื่อพระชนม์มายุได้กี่พรรษา
๙.  เจ้าชายสิทธัตถะทรงเสด็จออกบรรพชาเมื่อพระชนม์มายุได้กี่พรรษา
๑๐. เจ้าชายสิทธัตถะตรัสรู้เป็นสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเมื่อพระชนม์มายุได้กี่พรรษา
๑๑.รวมเวลาที่พระพุทธองค์ทรงเผยแผ่ศาสนารวมเวลาได้กี่ปี
๑๒.พระพุทธเจ้าเสด็จดับขันธ์ปรินิพพานเมื่อพระชนม์มายุได้กี่พรรษา
๑๓.ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบันพระพุทธศาสนาเกิดขึ้นมาแล้วกี่ปี
๑๔.ข้อ ๑-๓ เป็นคำชี้แจงแนะนำก่อนเริ่มตอบคำถาม
๑๕.ข้อ ๔-๑๓ เป็นคำถามรวมทั้งหมด ๑๐ ข้อ ถ้าได้อ่านคงไม่ยากจนเกินไปนะครับตอบคำถามในกระทู้ได้เลย รอประกาศรายชื่อผู้ตอบถูก ในวันอาทิตย์ที่ ๑๘ ตุลาคม ๒๕๕๒
๑๖.ขอให้ทุกๆคนโชคดีในการร่วมสนุกชิงรางวัลในครั้งนี้สุดท้ายนี้ขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัยอันมีคุณอันหาประมาณไม่ได้โปรดดลบัลดาลให้ผู้ร่วมกิจกรรมและสมาชิกเว็บไซต์วัดบางพระทุกท่านจงประสบแต่ความสุขความเจริญคิดหวังสิ่งใดที่เป็นไปโดยชอบประกอบด้วยกุศลก็ขอให้สัมฤทธิ์ผลสมหวังตามปรารถนามีสุขภาพพลามัยสมบูรณ์แข็งแรงไม่มีโรคภัยไข้เจ็บเข้ามาเบียดเบียนเป็นที่รักใคร่ของผู้คนทั้งหลายเป็นลูกที่ดีของคุณพ่อคุณแม่อันตรายใดๆก็ขอจงอย่าได้เข้ามาแผ้วพานทำกิจการงานใดๆก็ขอให้ทำมาค้าขึ้นให้ได้เป็นเศรษฐีมหาเศรษฐีใจบุญค้ำจุนพระพุทธศาสนาตราบจนถึงที่สุดแห่งธรรมให้ทำเฉพาะข้อสิบเอ็ดกับข้อสิบสามเท่านั้นหวังว่าคงจะไม่ยากจนเกินไปร่วมสนุกง่ายๆได้รางวัลแถมยังได้ความรู้ทางพระพุทธศาสนาควบคู่กันไปอีกด้วยได้ประโยชน์คุ้มค่าครับกิจกรรมนี้ขอให้สำเร็จสมหวังกันทุกๆคนทุกๆท่านนะครับโชคดีจงมีแก่ทุกคนพูดมาเสียยืดยาวประเดี๋ยวจะเกินเวลาสามนาทีไปก็ขอยุติลงไปแต่เพียงเท่านี้นะครับเจริญพร.
:001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:

757
นำเรื่องราวพุทธประวัติโดยย่อคร่าวๆมาให้ได้ศึกษากันก่อน(เชื่อว่าหลายท่านก็เคยได้อ่านได้ศึกษากันมาบ้างแล้ว) อ่านกันดีๆนะครับเพราะคำถามอยู่ในนี้ทั้งสิ้น เริ่มกิจกรรม ๑๒.๐๐น. วันนี้ครับ
เจ้าชายสิทธัตถะทรงประสูติในวันขึ้น ๑๕ ค่ำเดือน ๖ พระบิดาทรงพระนามว่า พระเจ้าสุทโธนะ พระมารดาทรงพระนามว่าพระนางสิริมหามายา ขนานพระนามว่า"สิทธัตถะ" เมื่อพระชนม์มายุได้ ๕ พรรษา พราหมณ์ได้ทำนายไว้ ๒ ทางคือจักได้เป็นพระเจ้าจักพรรดิหรือไม่ก็จะได้เป็นศาสดาเอกของโลกเมื่อประสูติได้ ๗ วัน พระมารดาทิวงคต ทรงศึกษาศิลปะวิทยาการเมื่อพระชนม์มายุได้ ๗ พรรษากับครูวิศวามิตร เมื่อพระชนม์มายุได้ ๑๖ พรรษาทรงอภิเสกสมรสกับพระนางพิมพา หลังจากนั้นพระองค์ทรงทอดพระเนตรเห็นเทวทูตทั้ง ๔ คือ คนแก่ คนเจ็บ คนตาย สมณะ จึงทรงเบื่อหน่ายและคิดหาทางพ้นทุกข์ เมื่อพระชนม์มายุได้ ๒๙ พรรษา ก็จึงเสด็จออกบรรพชา ใช้เวลา ๖ ปี จึงตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์ทรงเผยแผ่พระพุทธศาสนาเป็นเวลารวมทั้งสิ้น ๔๕ ปี และเสด็จดับขันธ์ปรินิพพานเมื่อพระชนม์มายุได้ ๘๐ พรรษา จึงเริ่มนับเป็นพุทธศักราชที่ ๑ ล่วงมาถึงปัจจุบันก็ เท่ากับปี พ.ศ. คือ ๒,๕๕๒ ปีนั่นเอง

ไม่ยากจนเกินไปครับ ของรางวัลคือ พระหลวงปู่ทวด,ดวงตราพุทโธมหาลาภ ของพระอาจารย์เมสันต์(หลวงโด่ง) คมฺภีโร พระขุนแผนเสน่ห์จันทร์แดงฝังตะกรุด พ่อท่านเอ็น วัดเขาราหู ด้ายแดงผูกข้อมือหลวงพ่อจำเนียร วัดถ้ำเสือ ผ้ายันต์บัวบังใบ เหรียญหยดน้ำหลวงพ่อเปิ่นหลังนางกวัก พระหลวงปู่ทวดพิมพ์เตารีด และอื่นๆ รอติดตามกันครับเที่ยงนี้


758
ธรณีเหาะ ธรณีหัน ธรณีเหิน หายากมากๆครับสำหรับยุคสมัยนี้ แฝงไปด้วยความหมายทั้งสิ้น ขอบคุณข้อมูลเพิ่มเติมมากครับ. :001:

759
กฐินวัดบางพระวันที่ ๒๕ ตุลาคม ๒๕๕๒ ครับ

อีกงานก่อนหน้านั้นวันที่ ๒๔ ตุลาคม ๒๕๕๒ แข่งเรือประเพณี

760
มาชมภาพกันต่อนะครับ เช้าวันที่ ๗ ตุลาคม ๒๕๕๒ เดินทางไปยังวัดเขาราหูกับพระอาจารย์เมสันต์(หลวงโด่ง) คมฺภีโร

เหตุที่ได้ชื่อว่าวัดเขาราหู คงจะเป็นเพราะภูเขามีใบหน้าคล้ายพระราหู ผลงานสร้างสรรค์ของธรรมชาติโดยแท้ ลองสังเกตดูครับว่าคล้ายหรือเปล่า :001:


เข้ามาถึงวัดได้เวลาฉันเช้าพอดี จึงร่วมวงฉันเช้ากับพ่อท่านเอ็น มีโยมทำบุญเลี้ยงพระในงานบุญบวชนาค ฉันเสร็จเป็นที่เรียบร้อยก็ขึ้นไปกราบนมัสการพ่อท่านเอ็นที่ชั้น๒ของอาคาร พ่อท่านใจดีเมตตามากครับ แจกวัตถุมงคลกันถ้วนหน้า ชาวบ้านก็มาให้ท่านช่วยสงเคราะห์แทบทั้งวัน อีกคนที่ขาดเสียไม่ได้คือ โยมพี่เย(สหายของพระอาจารย์เมสันต์) ยิ้มแย้มแจ่มใสเป็นกันเอง ได้ถวายพระขุนแผนเสน่ห์จันทร์แดง ฝังตะกรุดให้พระอาจารย์เมสันต์มาจำนวนหนึ่ง โมทนาด้วยครับ

พ่อท่านเอ็นผูกข้อมือให้เด็ก
[/size]


กราบนมัสการพ่อท่านเอ็น วัดเขาราหู
[/size]


โบสถ์วัดเขาราหู
[/size]


ขึ้นไปแวะชมบริเวณสถานที่ก่อสร้างพระอุโบสถหลังใหม่ ปรึกษาหารือวางแผนงาน
[/size]


ขึ้นมณฑปไปนมัสการรอยพระพุทธบาทและรูปเหมือนหลวงพ่อพัว
[/size]





:002:ปิดท้ายแมวเหมียววัดเขาราหู ซนเอาเรื่องเลยครับ นักเลงประจำถิ่น :002:
[/size]


761
มีเบอร์ติดต่อหรือเปล่าคะ ถ้าไปถึงวัดแล้วจะเข้าไปตรงไหน..ติดต่อกับใครว่ามาสัก
สอบถามคนในวัดก็ได้ครับ ใจดีเป็นมิตรกับทุกคน

จะสักกับพระอาจารย์รูปใดก็แล้วแต่ศรัทธาครับ.

762

ติดตามพระอาจารย์เมสันต์(หลวงโด่ง) คมฺภีโร ไปยังวัดสถิตคีรีรมย์ หรืองวัดเขาราหู จังหวัดสุราษฎร์ธานี เพื่อไปกราบนมัสการพ่อท่านเพริ้ม หรือที่เราๆท่านๆรู้จักกันในชื่อ"พ่อท่านเอ็น" พระอาจารย์อีกรูปของหลวงโด่ง ขอนำประวัติวัดมาให้ได้ศึกษากันก่อนนะครับ
ประวัติวัด

         ชื่อ วัดสถิตคีรีรมย์ ตั้งอยู่หมู่ที่ ๑ ตำบลย่านยาว อำเภอคีรีรัฐนิคม จังหวัดสุราษฎร์ธานี หลักฐานสำคัญสำหรับที่ดินในการก่อสร้าง ส.ด.๑ เลขที่ ๒๐๑ หมู่ที่ ๑ ตำบลย่านยาว อำเภอคีรีรัฐนิคม โดยมี อาณาเขตดังนี้

                    ทิศเหนือ                จดคลองพุมดวง ยาวประมาณ ๙ เส้น
                    ทิศใต้                    จดเขาราหู ยาวประมาณ ๖ เส้น ๑๔ วา
                    ทิศตะวันออก           จดที่ดิน นายพ่วง ศักดา ยาวประมาณ ๓ เส้น
                    ทิศตะวันตก             จดที่ดิน นางหนีด จันทร์ปาน ยาวประมาณ ๑ เส้น

            คิดเป็นเนื้อที่ประมาณ ๒๕ ไร่ ๒ งาน ๔๐ ตารางวา ลักษณะพื้นที่โดยทั่วไปของวัดสถิตคีรีรมย์ ตั้งอยู่บนเนินเขาเตี้ยๆและริมเนินเขาติดต่อกับแม่น้ำพุมดวง เป็นพื้นที่ราบสูงและที่ราบลุ่ม บ้างไม่สม่ำเสมอกันเป็นส่วนใหญ่ ชาวบ้านเรียกขานนามว่า “ เขาจุกเภา”

           ประวัติย่อความเป็นมาของวัดสถิตคีรีรมย์ ได้ก่อสร้างเมื่อวันที่ ๒๐ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ และได้รับอนุญาตให้ตั้งวัด เมื่อวันที่ ๒๐ เมษายน  พ.ศ. ๒๔๘๐ และได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อวันที่ ๒๔ มกราคม พ.ศ. ๒๕๐๑ มีความกว้าง ๑๐.๐๐ เมตร ยาว ๒๐.๐๐ เมตร
          ผู้เป็นประธานในการก่อสร้างวัดสถิตคีรีรมย์ คือ พระเดชพระคุณท่านอาจารย์ พระครูสถิตสันตคุณ  “หลวงพ่อพัว เกสโร” อดีตเจ้าคณะอำเภอคีรีรัฐนิคม และพระอธิการเชื่อม ธมมโชโต อดีตเจ้าอาวาสวัดปราการ และเจ้าคณะตำบลท่าขนอน ซึ่งได้ขออนุญาตจากท่านขุนอนุการคหกิจ นายอำเภอคีรีรัฐนิคม และท่านขุนย่านยาวนายก กำนันตำบลย่านยาว
          เดิมชาวบ้านเรียกชื่อว่า  “วัดเขา” และเมื่อวันที่ ๒๓ เมษายน พ.ศ. ๒๔๘๓ พระเทพรัตนะกวี อดีตเจ้าคณะจังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้เดินทางกลับจากการผูกพัทธสีมา วัดเขาพัง คลองพระแสง ได้แวะเยี่ยมการก่อสร้างวัดเขาของหลวงพ่อพระครูสถิตสันตคุณ ซึ่งกำลังก่อสร้างอยู่ และได้มีความเห็นอันเป็นสมควร จึงได้ขนานนาม “วัดเขา” เป็นชื่อวัดสถิตคีรีรมย์
         สิ่งปลูกสร้างอันเป็นทรัพย์สินของวัดสถิตคีรีรมย์ ท่านพระเดชพระคุณท่านอาจารย์ พระครูสถิตสันตคุณ “หลวงพ่อพัว เกสโร” ได้ริเริ่มก่อสร้างถาวรวัตถุ ปูชนียสถานและปูชนียวัตถุประจำวัดสถิตคีรีรมย์ ได้สร้างพระพุทธบาทจำลองสี่รอยซ้อนกันเป็นชั้นๆ และก่อสร้างพระปรางค์มณฑปที่ประดิษฐานพระพุทธบาทจำลอง ๑ หลัง ก่อสร้างกุฏิถาวร ๑ หลัง และกุฏิชั่วคราวหลายหลัง มีพระภิกษุจำพรรษาปีละหลายรูปตลอดมา

       การคัดเลือกชัยภูมิที่ตั้งวัดสถิตคีรีรมย์ ท่านอาจารย์พระครูสถิตสันตคุณ (หลวงพ่อพัว เกสโร) ได้ปรึกษาหารือร่วมกับท่านเจ้าพระอธิการเชื่อม ธมมโชโต เจ้าอาวาสวัดปราการ ซึ่งเป็นเจ้าคณะตำบลท่าขนอน และเป็นเครือญาติมีศักดิ์เป็นน้าของพระอาจารย์พัว เกสโร พระอธิการเชื่อม ธมมโชโต ก็เห็นพ้องต้องกัน และลงความเห็นพร้อมกันว่า ควรก่อสร้างวัดสถิตคีรีรมย์ ที่บนไหล่เขาจุกเภา หรือเขาราหู โดยสร้างพระพุทธบาท ๔ รอย ไว้ในวัดสถิตคีรีรมย์ และมีเหตุผลในกานเลือกชัยภูมิตรงจุดนี้ เพราะประชาชนเชื่อถือว่า “เขาราหู” คือ เป็นภูเขาหลักบ้านหลักเมืองของเมืองคีรีรัฐ ซึ่งต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็นอำเภอท่าขนอน แล้วก็ได้เปลี่ยนชื่อมาเป็นอำเภอคีรีรัฐนิคม จนถึงปัจจุบันนี้ความเชื่อถือของประชาชน มีคำเล่าลือ ตามคำปรัมปรา เล่ากันว่า เมื่อครั้งก่อนบริเวณใกล้ภูเขาลูกนี้ยังเป็นทะเลอยู่ ก็มีเรือสำเภาแล่นมาชนภูเขาลูกนี้แล้วเรือสำเภาอับปางลง และปัจจุบันนี้ภูเขานี้ ภูเขาลูกนี้จึงเป็นช่องโหว่ ทางด้านติดกับแม่น้ำพุมดวง ซึ่งยังปรากฏอยู่จนบัดนี้ คนทั้งหลายจึงพากันเรียกว่า “เขาจุกเภา” หรือ “เขาจุกตะเภา” หรือ “เขาราหู” เพราะบนหน้าผา ทางด้านทิศใต้ตรงที่ตั้งเมืองคีรีรัฐนิคม มีรูปเป็นหน้าราหู พิเคราะห์ดูได้ชัดเจนและภูเขาลูกนี้ด้านทิศเหนือหยั่งลงมาในแม่น้ำพุมดวง เป็นที่น่าอัศจรรย์ ชาวบ้านนับถือกันว่าศักดิ์สิทธิ์ และเมื่อคราวแรก ฝนจกตกลงในแม่น้ำพุมดวงน้ำจะหลากมา และเมื่อหมดหน้าน้ำหลาก จะมีเสียงดนตรี เช่น ฆ้อง กลอง ดังขึ้นพอฟังได้ถนัด ครั้งละ ๓ ลูก ๆ หนึ่ง ประมาณ ๑๐-๑๕ นาที และอย่าให้มีคนส่งเสียงอื้อฉาว ถ้ามีคนส่งเสียงอื้อฉางขึ้น เสียงดนตรีจะสงบลงทันที เมื่อครั้งก่อนๆ มีคนนับถือกันมาก ประชาชนที่บรรทุกสินค้าทางเรือขึ้นล่องจะต้องจุดธูปเทียน หมากพลู สักการบูชา และจุดประทัดบวงสรวง  พระอาจารย์ พระครูสถิตสันตคุณ (หลวงพ่อพัว เกสโร) ได้ตกลงใจสร้างวัดสถิตคีรีรมย์แล้ว พร้อมทั้งหารือและขออนุญาตจากท่านขุนอนุการคหกิจ นายอำเภอบ้านท่าขนอนและขุนย่านยาว นายกกำนันตำบลย่านยาวเสร็จแล้ว ท่านอาจารย์ พระครูสถิตสันตคุณได้เริ่มลงมือสร้าง เริ่มต้นตั้งแต่ วันที่ ๓๐ เมษายน พ.ศ.๒๔๘๑ ตรงกับวันเสาร์ เดือน ๖ ขึ้น ๑ ค่ำ ปีขาล และได้ขอแรงผู้มีจิตศรัทธา ทั้งในที่ใกล้และไกลมาแผ้วถาง ปรายพื้นที่ โดยพระอธิการเชื่อม ธมฺมโชโต ผู้เป็นหัวหน้าและในคราวแรก และให้พระอธิการฟุ้ง โกวิทโท อดีตเจ้าอาวาสวัดปราการ จัดการเขียนแบบแปลน พระพุทธบาทจำลอง ๔ รอย และติดต่อนายช่างจากกรุงเทพมาเป็นผู้ควบคุมก่อสร้างในราคา ๔๕๐ บาท (สี่ร้อยห้าสิบบาท)

เจ้าอาวาสองค์แรก ชื่อ พระครูสถิตสันตคุณ มรณภาพ พ.ศ. ๒๕๐๘
พ.ศ. ๒๕๐๘ พระสมุห์เพริ้ม โกสิโย รักษาการเจ้าอาวาสได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสเมื่อวันที่ ๒ เมษายน พ.ศ. ๒๕๑๒

ที่มา - เว็บไซต์พ่อท่านเอ็น วัดเขาราหู...สุดยอดเครื่องราง "ตะกรุดไม้ไผ่ตายพราย" และ "ขุนแผนเสน่ห์จันทร์แดง"



763
สักทุกวันตามปกติครับ.

764
ของผมวันพระครับถวายขนมครกเวลากินข้าวผมก็ให้ท่านกินครับและน้ำเปล่า1แก้วครับ(ของผมก็มีของหลวงพ่อสมพงษ์ใช้ดีครับเมตตาดีเฒ่าแก่ของผมเอาไปแล้วครับ

ขอบคุณท่าน kkkkkkkk มากนะคะ มีของหลวงพ่อสมพงษ์เหมือนกันค่ะ  :017:
รุ่นแรกปี๔๐ เสียด้วยสิครับนั่น :001:

765
เสริมเพิ่มเติมรายละเอียด

ขุนแผนเสน่ห์จันทร์แดง พ่อท่านเอ็น วัดเขาราหู จ.สุราษฎร์ธานี(ฝังตะกรุด)
 :002:ลองค้นหากันดูนะครับ :002:

หลวงปู่ทวดเนื้อว่าน ของพระอาจารย์เมสันต์(หลวงโด่ง)คมฺภีโร
ตามที่กล่าวไว้ครับอัดแน่นด้วยมวลสารทั่วประเทศที่พระอาจารย์ท่านเก็บสะสมมาหลายสิบปี
และสุดยอดของดีหลวงปู่ทวดปี๙๗ นิรันตรายแห่งแดนทักษิณ

ดวงตราพุทโธมหาลาภเล็ก ของพระอาจารย์เมสันต์(หลวงโด่ง)คมฺภีโร
พระอาจารย์เมตตากล่าวไว้ว่า
" ดวงตราพุทโธ" พุทธคุณครอบจักวาล ...ด้านหน้า"พุท"ล้อมด้วยคาถา
มงกุฏพระเจ้า...ด้านหลัง"โธ"ล้อมด้วยคาถามหาลาภ.. ด้านหน้า"นะลือชาสี่ทิศ"
ด้านหลัง"หัวใจพระสิวลี"
   แต่รุ่นนี้ผู้ใช้ต้องเจริญภาวนา"พุทโธ" เพื่อเปิดประตูพลังงาน...อยู่ที่การอธิษฐานว่าจะใช้
ในทางใด...แต่ต้องเป็นไปโดยชอบ ประกอบด้วยกุศล จึงจะสัมฤทธิ์ผลตามความปรารถนา

และท้ายที่สุดสีผึ้งสูตรหุงสีผึ้งของเขาอ้อ...(ต่อวิชามาจากขุนพันธ์)(คัดลอกจากพระอาจารย์เมสันต์มาให้อ่านกัน)
ใช้หัวกระโหลกผีตายโหง ๓ หัว เป็นก้อนเส้า
ของขุนพันธ์หัวกระโหลกชื่อ ณรงค์..ธงชัย..มาดี
ของหลวงโด่ง หัวกระโหลกผีชื่อ สุขสรรค์..สัมฤทธิ์..สิทธิโชค..
เวลาหุงต้องหุงกลางแจ้ง(กลางหาว)
ลงอักขระที่กะทะ ที่ไม้ฝืน ที่ไม้พาย และที่หัวว่าน
ตำแล้วคั่นเอาน้ำว่าน มาเคี่ยวกับสีผึ้งแท้มีหัวเชื้อน้ำมันมะพร้าวลูกแรกทะลายแรก(ต้องทะลายทางทิศตะวันออกด้วย)
ถ้าเป็นทางเมตตาสงสาร...ผสมน้ำตาปลาพยูน...จะเด่นทางค้าขายคนเมตตาสงสาร ติดต่องานได้ดี
ถ้าเป็นทางเจ้าชู้ จีบสาว หรือรักใคร่หลงไหล..ผสมน้ำมันช้างตกมัน...ใครเข้าใกล้เกิดอารมณ์ใคร่สวาท
ชุดที่ทำที่วัดเก่าฯพังงา(ที่พระอาจารย์มอบให้มา)
เมื่อก่อนนั้นเวลาหุงสีผึ้งให้หลวงพ่อจำเนียร จะทำคู่กับขุนพันธ์ทุกครั้งที่วัดถ้ำเสือ
และขุนพันแกก็สอนวิธีหุงและเคล็ดวิชาทำสีผึ้งให้ เพราะว่าต้องนั่งอยู่ด้วยกันทั้งคืน คุยกันทั้งคืน
จึงได้วิชาหุงสีผึ้งสายเขาอ้อ ต่อวิชามา.

ส่วนเรื่องประสบการณ์ไม่ขอบรรยาย ลองไปค้นหากันเองนะครับ

***จำนวนจำกัดจริงๆครับ***


766
พระขุนแผนเสน่ห์จันทร์แดงของพ่อท่านเอ็น วัดเขาราหู จ.สุราษฎร์ธานีส่วนหนึ่ง

พระเนื้อว่านหลวงปู่ทวดพิมพ์ใหญ่-พิมพ์พระรอด,ดวงตราพุทโธมหาลาภเล็ก ของพระอาจารย์เมสันต์(หลวงโด่ง)คมฺภีโร

 :001:ขอจากพระอาจารย์เมสันต์มาแจกเพื่อนสมาชิกเว็บบอร์ดวัดบางพระครับ :001:

และพิเศษสีผึ้งของหลวงพ่อจำเนียร วัดถ้ำเสือวิปัสสนา จ.กระบี่,สีผึ้งของพระอาจารย์เมสันต์(หลวงโด่ง)คมฺภีโร

มารับได้ครับมีจำนวนจำกัด

กราบนมัสการพระอาจารย์ครับ

767
ขุนแผนเสน่ห์จันทร์แดง พ่อท่านเอ็น วัดเขาราหู จ.สุราษฎร์ธานี ฝังตะกรุด(สุดยอดเสน่ห์เมตตาคงกระพัน)



ผ้ายันต์เท่งคุมทัพ พระอาจารย์เมสันต์(ไปไหนมาไหนมีแต่คนเมตตา เฮฮาได้ทุกที่ :002:)



หลวงปู่ทวด วัดเก่าเจริญธรรม จ.พังงา(พิธีใหญ่สายใต้สายเขาอ้อ)



ผ้ายันต์เพชรพญาธร พระอาจารย์เมสันต์(ประสบการณ์ปาราชิกไป๓  :075::073: :075:)



ดวงตราพุทโธมหาลาภ,พระพุทธสิหิงค์หลังปิดตาพังพกาฬ พระอาจารย์เมสันต์



หลวงปู่ทวดเนื้อว่านพิมพ์เตารีด พระอาจารย์เมสันต์



หลวงปู่ทวดเนื้อว่านพิมพ์พระรอด พระอาจารย์เมสันต์



***พระเนื้อว่านของพระอาจารย์เมสันต์ทุกองค์ รวบรวมมวลสารที่เก็บสะสมมาหลายสิบปีทุกที่ทั่วไทย ๑ ในนั้นคือ พระหลวงปู่ทวดเนื้อว่าน วัดช้างให้ ปี ๒๔๙๗ กราบนมัสการพระอาจารย์เมสันต์ที่มอบไว้ให้นะครับ***

กราบนมัสการหลวงพ่อจำเนียร วัดถ้ำเสือวิปัสสนา จ.กระบี่ พระอาจารย์ของพระอาจารย์เมสันต์อีกรูปหนึ่ง



ฝากทิ้งท้ายด้วยคำสอนของหลวงปู่สุภา วัดสีลสุภาราม จ.ภูเก็ต


768
update ข่าวสารในกระดานสนทนาวัดบางพระ ณ แหลมพรหมเทพ จังหวัดภูเก็ต


769
นิทานชวนคิด คิดๆๆ คิดตามนิทาน

"การศึกษาทำให้เขารู้จักคิดและปรับปรุงตนเอง นี่คือจุดมุ่งหมายประการหนึ่งของการศึกษาที่ว่า
การศึกษาที่ประสบความสำเร็จต้องสามารถทำให้ผู้ที่เข้ารับการศึกษาเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมไปในทางที่ดีได้
ไม่เช่นนั้น ต่อให้มีการศึกษาสูงเพียงใด มากมายสักเพียงไหนก็ไร้ค่า คงเป็นเพียงหมาขี้เรื้อนที่ไม่รู้สาเหตุแห่งการคันของตัวเอง .... "

ประโยคนี้ชัดเจนเป็นที่สุดครับ

 :015:ขอบคุณมากครับสำหรับนิทาน  :015:


770
เหมือนกับที่พี่ออีดเอามาให้ที่กุฏิหลวงพี่ญาเลยครับ ไม่ทราบว่าใช่ไหมครับ เพราะว่าผมเป็นคนชว่ยเอาจิ้งจกใส่ถุงครับ ผิดผลาดประการใดขออภัยด้วยครับ
น่าจะใช่นะครับ

ร่วมแจม


771
ไม่เคยเห็นพิมพ์นี้เลยครับ .

772
อยากได้มังจังคับทำไงดีคับ
ใครมีวิธีช่วยบอกเอาบุญหน่อยคับ
                    ศิยษ์ หลวงโด่ง 
:002:ลองเข้าไปที่กุฏิรับรอง วัดเก่าเจริญธรรม พังงาดูนะครับ :002:


774
กะโหลกหมีนะครับวันนั้นสังเกตดู :001:

776
รายนามผู้บริจาคทรัพย์สร้างพระพุทธรูปบูชา ประจำปีเกิด ประดิษฐานไว้สักการะบูชา

ณ วิหารคต หลังพระบรมธาตุเจดีย์ วัดนก

ซอยพาณิชยการธนบุรี ถนนจรัญสนิทวงศ์ เขตภาษีเจริญ กรุงเทพฯ


 :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:
๑.พระพุทธรูปบูชา  ประจำปีชวด ปางโปรดอาฬกยักษ์ นั่ง ๒๙ นิ้ว
  คุณสมพันธ์  ลิมปาภรณ์ บริจาคสร้าง ๓๕,๐๐๐ บาท

๒.พระพุทธรูป ประจำปีฉลู ปางโปรดพุทธมารดา (๒๙นิ้ว)
  นางสาว ชะลอ  วิเศษเสนีย์,นางสาว จีรภัทร  บุญยการ บริจาคสร้าง ๓๕,๐๐๐บาท

๓.พระพุทธรูป ประจำปีขาล ปางโปรดผกาพรหม
  มิสเจ๊า  ไหล่หว่า,มิสหล่ำเย็กจิ๊ก ไต้หวัน คณะศิษย์หลวงพ่อเปิ่นและผู้บริจาคทั่วไป สร้างถวาย ๑๒๐,๐๐๐บาท

๔.พระพุทธรูป ประจำปีเถาะ ปางอฐิษฐานเพศบรรพชิต (นั่ง ๒๙ นิ้ว)
  ธิดา สร้างอุทิศส่วนกุศลให้ คุณแม่ปริก  วิเศษเสนีย์ ๓๕,๐๐๐ บาท

๕.พระพุทธรูป ประจำปีมะโรง ปางโปรดองค์คุลีมาลโจร (ยืน ๒.๑๕ เมตร)
  พลตรี วิชิต,พลอากาศตรีหญิง นาถเฉลียว,คุณกิตติพงศ์,คุณนาทวุฒิ  ตรีเพ็ชร์ สร้างถวาย ๓๕,๐๐๐ บาท

๖.พระพุทธรูป ประจำมะเส็ง ปางทรงรับอุทกัง (นั่ง ๒๙ นิ้ว)
  คุณสุวลี เฉื่อยฉ่ำ สร้างอุทิศให้ คุณพยนต์(ปู่พรหม)  เอมศิลปี สร้างถวาย ๓๕,๐๐๐ บาท

๗.พระพุทธรูป ประจำปีมะเมีย ปางสนเข็ม (นั่ง ๒๙ นิ้ว)
  คุณสมศักดิ์,คุณสุพิชา,พันเอก สุรวิทย์  รัตนประทุม สร้างถวาย ๓๕,๐๐๐ บาท

๘.พระพุทธรูป ประจำปีมะแม ปางประทานพร (ยืน ๒.๑๕ เมตร)
  ธิดา สร้างอุทิศให้ คุณวิเชียร(หงอ)  วิเศษเสนีย์ พี่สาว สร้างอุทิศให้ คุณเฉลิมศักดิ์  วิเศษเสนีย์ สร้างถวาย ๓๕,๐๐๐ บาท

๙.พระพุทธรูป ประจำปีวอก ปางปฐมบัญญัติ (นั่ง ๒๙ นิ้ว)
  โรงหล่อวิชัย สามพราน สร้างถวาย ๓๕,๐๐๐ บาท

๑๐.พระพุทธรูป ประจำปีระกา ปางรับมธุปายาส (นั่ง ๒๙ นิ้ว)
   คุณอมรสิริ  กลิ่นประทุม สร้างถวาย ๓๕,๐๐๐ บาท

๑๑.พระพุทธรูป ประจำปีจอ ปางชี้อัครสาวก (นั่ง ๒๙ นิ้ว)
   โรงหล่อวิชัย สามพราน สร้างถวาย ๓๕,๐๐๐ บาท

๑๒.พระพุทธรูป ประจำปีกุน ปางโปรดพญาชมพูบดี (๒๙ นิ้ว)
   คณะศิษย์หลวงพ่อเปิ่น สร้างถวายหลวงพ่อเปิ่น วัดบางพระ จำนวนเงิน ๒๔๓,๗๓๐ บาท
   เป็นเจ้าภาพเลี้ยงเพล ๑๘,๔๐๐ บาท


  :001: :001: :001:ร่วมอนุโมทนามหากุศลครั้งนี้ด้วยครับ :001: :001: :001:

777
ด้วยความเคารพครับ
   น่าจะเอามาทำเป็นมวลสารมีด
ครับ
  ขอแสดงความนับถือ
Gearmour
วันก่อนเห็นมีคนเดินเข้ามาถามหาพระอาจารย์ญาอยู่หรือเปล่า

ยังไม่รู้ว่าเป็นโยมบัฟ ท่านรัตนะแนะว่าคนนี้ศิษย์วัดท้องไทรอยู่ในบอร์ดเรา

เพิ่งทราบครับคราวหน้ามาก็มารับไปด้วยนะครับ

กราบนมันการหลวงพี่เก่งครับ ยังพอมีเหลือไหมครับ
เข้ามารับได้ครับเหลืออีกนิดหน่อยครับ

เจริญพร.
กราบนัสการหลวงพี่เก่งครับ
ถ้าไมมีอะไรผิดผลาด ผมจะเข้าไปที่วัดในวันพุธนี้ครับ แล้วผมจะเจอหลวงพี่ไหมครับ ขอบคุณครับ
:075:
คงไม่ได้เจอครับ ล่องใต้ธรรมสัญจรกับพระอาจารย์เมสันต์ระหว่างวันที่๖-๑๑ตุลาคมนี้ครับ.

แล้วท่านเก่ง   จะแวะไปกราบนมัสการหลวงพ่อเอ็น  วันไหนครับ

เผื่อทีกระผมได้เข้าไปวันนั้นด้วยครับ.

ต้องขึ้นอยู่กับพระอาจารย์เมสันต์ท่านครับว่าท่านจะเข้าไปที่วัดเขาราหูวันไหนครับ ไม่แน่อาจจะได้พบปะกันนะครับ :001:

779
ด้วยความเคารพครับ
   น่าจะเอามาทำเป็นมวลสารมีด
ครับ
  ขอแสดงความนับถือ
Gearmour
วันก่อนเห็นมีคนเดินเข้ามาถามหาพระอาจารย์ญาอยู่หรือเปล่า

ยังไม่รู้ว่าเป็นโยมบัฟ ท่านรัตนะแนะว่าคนนี้ศิษย์วัดท้องไทรอยู่ในบอร์ดเรา

เพิ่งทราบครับคราวหน้ามาก็มารับไปด้วยนะครับ

กราบนมันการหลวงพี่เก่งครับ ยังพอมีเหลือไหมครับ
เข้ามารับได้ครับเหลืออีกนิดหน่อยครับ

เจริญพร.
กราบนัสการหลวงพี่เก่งครับ
ถ้าไมมีอะไรผิดผลาด ผมจะเข้าไปที่วัดในวันพุธนี้ครับ แล้วผมจะเจอหลวงพี่ไหมครับ ขอบคุณครับ
:075:
คงไม่ได้เจอครับ ล่องใต้ธรรมสัญจรกับพระอาจารย์เมสันต์ระหว่างวันที่๖-๑๑ตุลาคมนี้ครับ.

781
ด้วยความเคารพครับ
   น่าจะเอามาทำเป็นมวลสารมีด
ครับ
  ขอแสดงความนับถือ
Gearmour
วันก่อนเห็นมีคนเดินเข้ามาถามหาพระอาจารย์ญาอยู่หรือเปล่า

ยังไม่รู้ว่าเป็นโยมบัฟ ท่านรัตนะแนะว่าคนนี้ศิษย์วัดท้องไทรอยู่ในบอร์ดเรา

เพิ่งทราบครับคราวหน้ามาก็มารับไปด้วยนะครับ

กราบนมันการหลวงพี่เก่งครับ ยังพอมีเหลือไหมครับ
เข้ามารับได้ครับเหลืออีกนิดหน่อยครับ

เจริญพร.

782
รับชมย้อนหลังกันได้นะครับที่ http://www.thaifreetv.net/tv/replay_tv.php เจริญพร. :001:

784
วันพรุ่งนี้เวลา ๐๔.๓๐น.-๐๕.๐๐น. ติดตามรับชมละครธรรมะ เรื่องทานบารมี ได้ทางช่อง ๙

จัดทำโดยวัดพระราม๙ฯ เนื่องในวโรกาส ๘ รอบ ๙๖ พรรษาสมเด็จพระญาณสังวรสมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปรินายก

"ผู้การเสือ"ร่วมแสดงด้วยครับ อย่าลืมติดตามกันนะครับ. :001:

785
ยินดีด้วยครับท่าน nok2009 ถามผู้รู้มาให้แล้วครับ

ได้รับคำตอบมาว่า เป็นลายมือของหลวงพ่อเปิ่นท่านแน่นอนครับ

รายละเอียดเพิ่มเติม-เป็นยุคท้ายๆแล้วครับ ไม่น่าเกิน ๒ ปี ก่อนมรณะภาพ

ยินดีด้วยอีกครั้งครับ :002:

786
ถ้าของปี ๑๕ คงไม่ใช่ครับ เพราะพระหลวงพ่อเงินปี๒๕๑๕จะเป็นพระปั๊มครับ รอยใต้ฐานจะเป็นวงเดือน ในภาพก็อาจจะสร้างล้อพิมพ์ออกที่อื่นก็เป็นไปได้ครับ. :001:

787
อักขระในยันต์ที่ลงรูปมาให้ดูนี้ อะสังวิสุโลปุสะพุภะ นะวาระหคุณ ไม่ใช่แบบเดียวกับเก้ายอดวัดบางพระครับ

ฉะนั้นจึงสรุปได้ว่าลงให้ไม่ได้ครับ เพราะคนละสูตรกัน สักที่ใดมาก็ไปให้ที่นั่นลงให้นะครับ.

789
น่าสนใจครับ ขอบคุณที่นำเสนอนะครับ :001:

790
ไม่น่าปลอมครับ ยินดีด้วยครับ :001:

791
ขุนกระบี่มาเป็นกองทัพเลยนะครับ :002:

792
คาถาลูกอมหนุมานครองเมืองครับ :001:

793
ขอความคิดเห็นเพื่อนสมาชิกเรื่องการจัดทำเสื้อบอร์ดวัดบางพระ(ครั้งที่๒)

ต้องการแบบไหนอย่างไร เชิญแสดงความคิดเห็นได้เต็มที่

หรือใครมีไอเดียดีๆก็ออกแบบนำเสนอผลงานมาให้ช่วยกันตัดสินก็ได้ครับ

ขอเน้นเอกลักษณ์ความเป็นไทยนะครับ



794
"การศึกษา เป็นแสงสว่างส่องโลก

อาตมาอยากเห็นบุตรหลานในท้องถิ่นนี้มีความสะดวกสบาย

และมีความสุขความเจริญโดยทั่วถึงกันทุกคน

นี่แหละคือความสุขที่แท้จริงของอาตมา"

พระอุดมประชานาถ(หลวงพ่อเปิ่น)

วัดบางพระ อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม

795
น้องขอสักตัวสิครับหลวงพี่เก่ง   03;



ตะปูสังขวานรเป็นเครื่องยึดเนื้อไม้อุโบสถที่เป็นโบสถ์เก่า
(เป็นตัวยึดเหมือนตะปู)
สังขวานรเป็นโลหะผสม ที่อยู่คู่อุโบสถ์เก่ามาเนินนาน ถือเป็นของอาถรรพ์อย่างหนึ่ง
ที่สำคัญเป็นของวัดบางพระด้วย บารมีหลวงปู่หิ่มและหลวงปู่เปิ่น


แค่เห็นภาพ ก็ขนลุกแล้วครับ  ในชีวิตคนเรา  ไม่ใช่ว่า จะใด้เห็นกันง่ายๆ  โบส ไม่ใช่จะซ่อม แบบทั้งหลังกันบ่อยๆ บางครั้งมีเป็น ร้อยๆปี

กราบมนัสการ หลวงพี่เก่ง ครับ  ที่เอามาให้ดูเป็น บุญตา

หลวงพี่ อย่าพึ่งใจดี ไปแจกใครเขาหมดละ  งัยก็ เก็บๆใว้  ให้เป็น บุญตา ผมบ้างน๊ะ ผมจะไปวัด งานทอด กฐิน นั่นละครับ ถ้าไม่รบกวนหลวงพี่จนเกินไป ขอชมของจริง

หน่อยน๊ะครับ :054:

กราบมนัสการ หลวงพี่อีกครั้งครับ  ขอบพระคุณครับ กับภาพที่นำมาให้ชม :054:
โยมพี่จ๊อบ,โยมพี่ชาญมารับที่วัดนะครับ

หรือท่านอื่นๆ เจอกันก็ขอกันได้ครับ

เหลือเก็บไว้อีกนิดหน่อยใกล้หมดแล้วครับ :001:


796


คุ้นๆน่ะครับหลวงพี่เก่ง.........อะไรเอ่ย???
นั่นแหละครับช่วยกันสกรีนถึงคุ้นๆนะครับโยมพี่เอ :002:

ม๊อคอัพขนมถุงทองเรอะ..  :004:หรือตำมวลสารอะไรอยู่ในนั้น!
ใกล้เคียงครับ มวลสารข้างในเห็นโยมพี่อ๊อดเทอร์โบ ช่วยกันใส่ขวดอยู่ เป็นผงกระดูกผีผูกคอตายครับ :002:
 
:002:  :002:  :002:๕ ตุลาคมศกนี้ รู้กัน  :002:  :002:  :002:

797

 :002: :002: :002:๕ ตุลาคมศกนี้ รู้กัน :002: :002: :002:

798

เป็นมาของอุโบสถหลังเก่าของวัดบางพระนั้นไม่มีการบันทึกเอาไว้ว่าสร้างใน สมัยใดมีเพียงการคาดคะเนเอาตามหลักฐานที่ปรากฏอยู่ในปัจจุบันคำนวณเอาจาก อายุของเนื้อแท้ของถาวรวัตถุลักษณะโบสถ์เป็นแบบมหาอุตม์พื้นที่ภายในกำแพง แก้วยกดินสูงมีสถูปเจดีย์ล้อมรอบสี่ด้านด้านหน้าหันออกสู่แม่น้ำนครชัยศรี (ท่าจีน)ด้านหน้ามีเรือสำเภาก่ออิฐถือปูนกลางลำเรือก่อขึ้นไปเป็นเจดีย์เป็น การบ่งให้ทราบว่าแถบถิ่นแถวนี้มีการค้าขายกันทางเรือเมื่อชุมชนขยายผู้คน ปัจจุบันนี้พระอุโบสถหลังเก่านั้นได้รับการบูรณะซ่อมแซมดังภาพที่ปรากฏอยู่ในปัจจุบัน 


พอดีว่าได้ตะปูพระอุโบสถหลังเก่าของวัดบางพระมาจำนวนหนึ่งเลยนำมาให้ชมกันครับ


799
พระอาจารย์มาร์คมาสักวันไหนครับ

พักนี้ท่านมาบ่อยครับทั้งวันธรรมดาและวันเสาร์อาทิตย์.

800
เดี๋ยวพรุ่งนี้ไปคลองถม จะลองแวะไปดูครับ.. :016:
วันพรุ่งนี้พระอาจารย์ตูนท่านน่าจะมาที่วัดบางพระครับ :001:

801
กราบนมัสการหลวงพี่ครับ :054: ขอเป็นกำลังใจให้นะครับหลวงพี่ต้องทำได้แน่นอน :016: เจ้าแม่กวนอิมสวยงามมากอยู่ที่วัดอะไรเหรอครับ
วัดศรีมหาโพธิ์ครับ :001:

802
เข้าสอบนักธรรมตรีสนามตำบลมาครับเก็บภาพมาฝากเล็กๆน้อยๆ

กราบนมัสการพระอาจารย์เมสันต์สำหรับคำแนะนำที่เป็นกำลังใจอย่างดีครับ

หลวงพ่อแดง แสงกายสิทธิ์



พระอวโลกิเตศวรกวนอิมองค์ประธาน



ภายในประดิษฐานพระอวโลกิเตศวรกวนอิมพันมือ



และเศียรพระอวโลกิเตศวรกวนอิมด้านหลัง



ขอปิดท้ายด้วยผ้ายันต์บัวบังใบเขียนพิมพ์โดยพระอาจารย์ตูน วัดคณิกาผล พิเศษเป็นผ้าจีวร


803
ลงนะหน้าทอง สาริกาลิ้นทอง ทำได้ทุกวันครับ

จะลงครั้งเดียวหรือกี่ครั้งก็แล้วแต่สะดวกครับ

ลงเป็นร้อยเป็นพันครั้งแต่ไม่อยู่ในศีลธรรมผลก็ยังไม่ได้เท่ากับลงครั้งเดียวแล้วยึดมั่นในความดี

เรื่องเสือเหลียวหลังแบบโจลี่ไม่ทราบครับ :010:

805
๑๐ยอด :002:

806
มีสองแบบ คือรุ่นก้มหน้าและเงยหน้าครับ
ถ้าเป็นแบบเงยหน้า ที่วัดนกยังพอมีอยู่บ้าง ราคาไม่แพงมากนักแค่หลักร้อย
ส่วนที่แบบก้มหน้า ที่วัดบางพระมีอยู่บ้างแต่น้อยมากๆ ผมเห็นมาว่าอยู่ในตู้เล็กๆที่เขาให้บูชาเขี้ยวเสือ
ภายในกุติใหญ่ริมน้ำ ให้บูชาองค์ละ 2500 บาทครับ
ตามนั้นครับ ลูกอมกุมารทองของหลวงพ่อเปิ่น บนกุฏิใหญ่ก้นทองคำ ๒๕๐๐ ครับ.

807
อยากสอบถามท่านผู้รู้ค่ะว่าถ้าเราจะไปลงนะหน้าทองจะต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้างค่ายกครู 25 บาทหรือป่าว
แล้วการลงนะมีข้อห้ามอย่างไรบ้าง หลวงพี่ท่านใดบ้างที่สามารถลงให้ได้ ตั้งใจว่าจะไปวันเสาร์นี้ ไม่ทราบว่า
ลูกศิษย์ไปหากันเยอะทุึกวันหรือป่าวค่ะ
ที่กุฏิใหญ่เข้าไปบูชาพานครูชุดเล็ก ๒๐ บาท ชุดใหญ่ ๖๐ บาท นำไปให้หลวงพ่อสำอางค์ท่านลงนะหน้าทองให้นะครับ

ส่วนมากวันเสาร์ วันอาทิตย์ และวันหยุดคนจะเยอะมากครับ.

ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมที่

http://www.bp.or.th/นะหน้าทอง

808
ไว้อาลัยกับการจากไปของหลวงพ่อด้วยครับ.

809
กราบนมัสการหลวงปู่สุภาครับ ไว้ตามพระอาจารย์ไปกราบนมัสการครับ

เนื้อหาของบทความประมาณว่าหลวงปู่สุภาคือมนุษย์ที่อายุมากที่สุด ๑๑๕ ปี

ลบสถิติเดิมที่มีการบันทึกไว้.

810
ไม่มีเสริมครับ :001:

811
กราบนมัสการพระอาจารย์ครับ

รอติดตามนางพญาเสน่ห์ทั้ง๕นะครับ :002:

812
:058:ขอ อนุญาติถามบ้างนะครับ ยังเป็นเด็กอยู่ด้อยความรู้

คำว่าผิดลูกผิดเมียชาวบ้านนี่  หมายถึงเราไปแย่งหญิงหนึ่ง มาจากชายใด

ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตาม ที่ว่ามันผิด ใช่ไหมครับ

หรือว่า ไปแย่งมาด้วย แล้วก็มีอะไรกับหญิงคนนั้น

หรือว่าผิดทั้งคู่นี่ครับ

ขอบคุณครับ :054:
:001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:

 :001:เรื่องผิดลูกเมียชาวบ้าน หมายรวมเอาถึงทั้งชายและหญิงครับ :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:
                                                    
 :001:ชายหรือหญิงที่ยังมีเจ้าของอยู่ เจ้าของในที่นี้มีตั้งแต่สามี,ภรรยา,บิดา,มารดา,ผู้ปกครอง :001:                   

 :001:ง่ายๆได้ใจความคนๆนั้นยังอยู่ในความดูแลของพ่อแม่ผู้ปกครอง หรือไม่ก็มีสามี มีภรรยาแล้ว :001: :001:          

 :001:คนที่มีเจ้าของอยู่หรืออยู่ในความดูแลของคนอื่นหากเราไปพรากเขามาก็เท่ากับกับผิดศีลข้อ๓ครับ :001:

 :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:

813
เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย หากเดินทางแล้วกระหายน้ำ โบราณท่านว่าให้นำพระปิดตาแร่บางไผ่อมไว้ในปาก ไม่กระหายน้ำแล

สุดยอดมากครับสำหรับพระปิดตาในตำนาน :001:

814
ตะกรุดจารมือบนไทยศึกษา :002: ขอบคุณที่นำมาให้ชมนะครับ อย่าลืมอาราธนาไปใช้พลังกับไทยศึกษาด้วยนะครับ เจริญพร :001:

815
ถ้าเราอยากได้เข็มใหม่ มีวิธีรึเปล่าคะ แบบซื้อมาให้ท่านสักให้ หรือแบบมีให้บูชาที่วัด อ่าค่ะ
อยากได้อย่างนั้นก็ทำถวายตามสะดวกครับอาจจะยุ่งยาก

ที่วัดไม่มีให้บูชาเข็มสักใหม่เพื่อใช้สักท่านหนึ่งท่านใดโดยเฉพาะครับ :010:

เชื่อมั่นได้ครับปลอดภัย.

816
ทุกวันนี้ยังมีให้บูชามั๊ยครับ
บูชาได้ที่กุฏิใหญ่ครับ.

817
เป็น"นะ"ตัวหนึ่งครับ รายละเอียดถ้ามีเวลาว่างจะจัดมาให้ชมครับ ในเรื่องของ"นะ"

818
เรียนรู้ที่จะอยู่อย่างไม่ประมาท

คนเรามีแค่นี้จริงๆ "เรามีความตายเป็นธรรมดาเราไม่ล่วงพ้นความตายไปได้"

ดูภาพเพื่อปลงอสุภะกรรมฐานได้เป็นอย่างดีครับ  :015:

เจริญพร.

819
แล้วเวลาทาเหล้าขาว ทาไปทางไหนยังไงอะครับ

แล้วเวลาท่องคาถาต้องท่องเวลาทาเหล้าเลยหรือป่าวครับ

หรือว่าทาก่อนแล้วค่อยท่อง

ช่วยตอบหน่อยนะคราบ...

ร่วมรณรงค์ใช้ภาษาไทยให้ถูกต้องนะครับ :001: :001:

จะทาไปทางไหนก็ได้ครับ แต่ควรทาไปในทางเดียวกัน

ตามสะดวกครับ.

820
รูปบนเป็นหุ่นจำลองสมเด็จพระพุฒาจารย์ต้นแบบอยู่ที่บ่อน้ำมนต์วัดอินทรวิหารครับ เข้าใจตรงกันครับว่าทั้งหมดคือสมเด็จพระพุฒาจารย์(โต พรหฺมรํสี)แต่เหตุที่ไม่เหมือนกันกับภาพต้นแบบเดิมนั้นเข้าใจว่าเป็นจินตนาการการสร้างสรรค์ของช่างผู้สร้างครับ.

821
ร่วมไว้อาลัยกับการจากไปของหลวงปู่ด้วยครับ.

เกิดขึ้น คงอยู่ แล้วก็ดับไปตามกาล

สังขารจะสิ้นแต่คุณงามความดีจะคงอยู่ตลอดไป.

822
พระผงสมเด็จ 9 ชั้น หลังรูปเหมือนทรงระฆัง ขนาดเท่ากล่องไม้ขีดไฟ
บรรจุตะกรุดทองคำ 9 ดอก
เนื้อผงเกสร สีขาวนวล จำนวนการสร้าง 299 องค์


พระผงสมเด็จ 9 ชั้น หลังรูปเหมือนทรงระฆัง ขนาดเท่ากล่องไม้ขีดไฟ
บรรจุตะกรุดทองคำ 9 ดอก
เนื้อผงเกสร สีเหลืองอ่อน จำนวนการสร้าง 79 องค์


พระผงสมเด็จ 9 ชั้น หลังรูปเหมือนทรงระฆัง ขนาดเท่ากล่องไม้ขีดไฟ
บรรจุตะกรุดทองคำ 3 ดอก
เนื้อผงเกสร สีเหลืองอ่อน จำนวนการสร้าง 999 องค์


พระผงสมเด็จ 9 ชั้น หลังรูปเหมือนทรงระฆัง ขนาดเท่ากล่องไม้ขีดไฟ
บรรจุตะกรุดเงิน 1 ดอก
เนื้อผงเกสร สีเหลืองอ่อน จำนวนการสร้าง 3999 องค์


            ......สัวสดี :001:
สอบถามนิดนึงครับท่านนก

พระผงสมเด็จ 9 ชั้น หลังรูปเหมือนทรงระฆัง ขนาดเท่ากล่องไม้ขีดไฟ
บรรจุตะกรุดทองคำ 9 ดอก
เนื้อผงเกสร สีขาวนวล จำนวนการสร้าง 299 องค์

และ

พระผงสมเด็จ 9 ชั้น หลังรูปเหมือนทรงระฆัง ขนาดเท่ากล่องไม้ขีดไฟ
บรรจุตะกรุดทองคำ 9 ดอก
เนื้อผงเกสร สีเหลืองอ่อน จำนวนการสร้าง 79 องค์

พระทุกองค์ที่ด้านหลังมีรันนัมเบอร์ทุกองค์เลยหรือเปล่าครับ เพราะพอดีว่ามีโยมมาขอคำปรึกษา พระของโยมเค้าตะกรุดทองคำ๙ดอกแต่ด้านหลังไม่มีรันนัมเบอร์ครับ รบกวนท่านนกหน่อยนะครับ. :001:

823
มีขุนช้างด้วยหรือเปล่าครับนั่น ขอรายละเอียดหน่อยนะครับ  :015:

ครับ มีขุนช้างด้วย ครับ
วัดละมุดหรือเปล่าครับ สุดยอดเสน่ห์เมตตา :015:

824
ถ้าไม่ทันหลวงปู่ดู่ วัดสะแก ก็อาจจะเป็นของหลวงตาม้า วัดถ้ำเมืองนะครับ

สมเด็จหลังปั๊มตราวัดลองสืบเอาจากตราวัดนะครับ :010:

825
ผมชอบดูหนังผีน่ะครับ ผีไทยผมดูเกือบทุกเรื่อง วันก่อนดูแผ่นเรื่อง 666 เรียลลีตี้ ของคุณป๋อง ตอนตีสาม ปิดไฟดูคนเดียว ได้ความเสียวสุดๆ
ตอนเด็กๆผมกลัวผีมากๆ พอเริ่มโตขึ้นจึงอยากเอาชนะความกลัวน่ะครับ เรื่องดูหนังผีเยอะจนชิน และพยายามเอาชนะความมืดให้ได้ แต่ก็มิวายใจเต้นทุกที
และก็จนป่านนี้ก็ไม่เคยโดนผีหลอกเลย(ดีแล้วครับ)

พี่ๆน้องๆ จริงๆแล้วไม่น่าจะกลัวผีเลยน้อ ของเต็มตัวซะขนาดนั้น แหะแหะ :005:
ส่งแผ่นมาให้ดูกันบ้างสิครับ :002:ถ้าไม่สะดวกมาส่งเดี๋ยวไปรับแผ่นเองก็ได้ครับ :002:ระยะทางไม่เกิน๓๐เมตร :002:

826
มีขุนช้างด้วยหรือเปล่าครับนั่น ขอรายละเอียดหน่อยนะครับ  :015:

827
ได้โปรดกรุณาแจ้งที่มาของบทความไว้ด้วยนะครับคุณไทยแท้

828
กรุณาแจ้งที่มาของบทความไว้สักนิดนะครับ ขอความร่วมมือด้วยครับ.

829


ภาพเหตุการณ์ในอดีตจะถูกเก็บอยู่ในลิ้นชักแห่งความทรงจำนี้ตลอดไป

830
บทความแจ้งที่มาไว้สักนิดก็ดีครับ.

831
อมตะวาจาของพระเดชพระคุณหลวงปู่ว่า

" วัตถุมงคลใดใด ไม่เคยคุ้มครอง คนชั่ว ไม่เคยปกป้องคนเลว"

แก่นแท้ของวัตถุมงคลจริงๆตามที่หลวงปู่ท่านได้กล่าวไว้ครับ

ขอบคุณโยมคุณลุงยันต์กลับมากครับ.

832
แล้วเหรียญแท้มีเม็ดงาป่าวครับ
บล็อคเม็ดงาเป็นของปลอมครับ.

833
หลวงพ่อมรณะภาพปี๒๕๔๕ครับ.

834
รุ่นนี้มีสร้างแค่ ๓ เนื้อ - ทองคำ , เงิน , นวะโลหะ

ในภาพกระแสวิ่งไปทางทองเหลืองจึงสรุปได้นะครับ

เก๊ ครับ

ชัดเจนเป็นที่สุดครับท่าน mangdos  :015:

835
ไม่กล้าไปนอนแล้วกุฏิริมน้ำ
ไปคราวหน้าขอไปนอนหน้าโบสถ์ดีกว่า
นึกแล้วเสียวสันหลังครับ
           ศิษย์ หลวงโด่ง
คิดดีแล้วหรือครับ :002: :002: :002:

ไว้จะนำเรื่องราวเกี่ยวกับโบสถ์มาให้อ่านกันต่อไปนะครับ :002:

836
เจอโยมบอลอยู่วันก่อนเห็นถือปลัดขิกมาให้หลวงพี่ญาปลุกเสก ใช้ไม้อะไรมาแกะหรือครับ  :015:

837
ประสบการณ์วิญญาณ / กุฏิชายน้ำ
« เมื่อ: 08 ก.ย. 2552, 10:09:21 »
เรียบเรียงมาให้ได้อ่านกันต่อครับ ครั้งนี้จะขอเล่าเรื่องของกุฏิชายน้ำ กุฏิทรงไทยทำด้วยไม้เก่าแวดล้อมด้วยต้นไม้ใบหญ้า ลมเย็นๆโชยมาจากท้องน้ำพาให้บรรยากาศเย็นสบาย แต่ที่นี่เองได้เก็บบันทึกเรื่องเล่าประสบการณ์แปลกประหลาดไว้มากพอสมควร


หลายท่านคงได้มีโอกาสเดินทางมาที่วัดบางพระกันบ้างแล้ว ด้านหน้ากุฏิใหญ่ที่ไว้สังขารของหลวงพ่อเปิ่น หากท่านลองมองไปด้านซ้ายมือก็จะพบกับทางเดินที่ทอดไปสู่ริมน้ำ ปลายทางนี้ก็จะพบกุฏิไม้ทรงไทย (ในอดีตมีกุฏิทรงไทยชายน้ำ ๒ หลัง ปัจจุบันรื้อถอนไป ๑ หลัง)


ไม้ที่นำมาใช้สร้างกุฏินั้นจะเป็นไม้เก่าที่มีโยมมาถวายไว้ ที่มาของไม้เก่าเหล่านี้ก็พอจะทราบกันดีนะครับ คนไทยสมัยก่อนเวลาจะปลูกบ้านสร้างเรือนเขาจะต้องนำเอาวันเดือนปีเกิดของเจ้าของบ้าน มาคำนวนวางแปลนบ้าน ห้องหับต่างๆก็จะต้องคำนวนเช่นกันเพื่อให้เป็นมงคลและไม่เกิดโทษเกิดภัยแก่เจ้าของบ้านเรือนที่อาศัยอยู่ สรุปก็คือเรือนที่สร้างนั้นจะต้องถูกโฉลกกับเจ้าของเรือนสร้างไว้เพื่อเจ้าของเรือนโดยเฉพาะ

หากเจ้าของเรือนได้เสียชีวิตลงก็จะไม่มีใครกล้าเข้าไปพักอาศัย เพราะเกรงกลัวเหตุเภทภัยต่างๆที่อาจจะเกิดขึ้น ส่วนมากจึงนิยมนำเรือนหรือไม้มาถวายวัด ทำเป็นกุฏิของพระสงฆ์ กุฏิไม้ในวัดบางพระแทบทุกหลังต่างก็มีที่มาแบบนี้ทั้งสิ้น




นอกจากบ้านเรือนและไม้เก่าแล้ว ก็ยังมีข้าวของเครื่องใช้ของคนตายที่เขามักนิยมนำมาถวายวัดกัน (ไม่เห็นใจพระคุณเจ้ากันบ้างเลยนะคุณโยม :075:) อย่างที่กุฏิชายน้ำหลังนี้ด้านล่างจะมีเตียงไม้อยู่ตัวหนึ่ง แรกเริ่มเดิมทีผมเองก็ไม่ทราบที่มาผ่านไปผ่านมาก็ไม่ได้คิดใส่ใจอะไร ก็เห็นเพียงว่าเป็นเตียงไม้ธรรมดาๆตัวหนึ่ง แต่พอได้ฟังว่าเตียงนี้มีโยมเขานำมาถวายวัด เป็นไม้ประดู่ชิงชัน เจ้าของเดิมชื่อเงิน เป็นหญิงสูงอายุแกนอนตายบนเตียงตัวนี้!!! :074:โอ้วชักไม่ค่อยกล้าเดินผ่านหล่ะครับ หวั่นๆอยู่เหมือนกัน


จุดที่วงกลมในภาพ ในอดีตจะมีเตียงไม้ประดู่ชิงชันวางไว้ ปัจจุบันย้ายไปแล้ว

เคยมีคนได้พบเจอเรื่องราวแปลกๆ พระเพื่อนของหลวงพี่เว็บท่านมาจากภูเก็ต ได้มาพักจำวัดและได้นอนบนเตียงตัวนี้ หลวงพี่ท่านเป็นพระกัมมัฏฐาน ก่อนนอนก็จะนั่งกัมมัฏฐานอยู่บนเตียงตัวนี้ วันดีคืนดีขณะนอนจำวัดอยู่ก็จะมีความรู้สึกเหมือนมีอะไรมานั่งทับ มองเห็นเป็นร่างดำๆทับตัวอยู่!!!(ถ้าเป็นเราๆช็อคหงายกันไปแล้ว- -) แต่หลวงพี่ท่านก็ยังคงนอนเตียงตัวนี้ต่อไป จนกระทั่งวันที่จะเดินทางกลับภูเก็ตในรุ่งเช้า ท่านก็นั่งกัมมัฏฐานเจริญสมาธิบนเตียงตัวนี้อย่างปกติ ผ่านไปสักพักก็ได้กลิ่นหอมฟุ้งลอยมาจนต้องออกมาหาว่ากลิ่นนี้มาจากไหนหาเท่าไหร่ก็ไม่พบ(คงจะเป็นการบอกให้เรารับรู้)  

เกี่ยวกับเรื่องราวแปลกๆ สมัยที่หลวงพี่พันธ์ท่านยังอยู่ที่วัดบางพระ ท่านก็มักจะมานั่งสนทนากับหลวงพี่เว็บและพระเพื่อนอยู่บนกุฏิหลังนี้อยู่เป็นประจำ ดึกๆจะสนทนาเรื่องอะไรกันดีหล่ะครับให้เข้ากับบรรยากาศ  :002: ใช่ครับหนีไม่พ้นเรื่องผีเรื่องวิญญาณ มีอยู่ครั้งหนึ่งก็นั่งสนทนากับตามปกติ สักพักกุฏิทรงไทยหลังนี้ก็ได้โยกไปคลอนมาจนรับรู้ถึงความรู้สึกได้ว่ามันโยกเองได้!!!วงสนทนาก็ได้เงียบลงพร้อมกันอย่างไม่ได้นัดหมาย ลองคิดดูนะครับกุฏิหลังนี้มีเสาปูนถึง ๑๒ ต้น แล้วมันจะโยกได้อย่างไร :074:



ด้านหน้าที่เป็นระเบียงก็เคยมีพระสงฆ์มรณภาพ หลายท่านคงเคยมานอนค้างที่กุฏิหลังนี้กันบ้างแล้วนะครับ ลองถามท่านชลาพุชะดูครับสำหรับบรรยากาศ เล่าเรื่องนี้ไปแล้วไม่รู้ว่าคราวหน้าจะมานอนค้างที่กุฏิหลังนี้อีกหรือเปล่า ท่านมรณภาพตรงบริเวณที่วงกลมสีแดงเอาไว้ครับ


จุดวงกลมสีแดงในภาพ คือบริเวณที่เคยมีพระภิกษุมรณภาพ

ด้านในกุฏิจะเป็นห้องโล่ง ด้านบนตีฝ้าไว้ หลวงพี่ท่านเล่าว่าเคยได้ยินเสียงกบร้องกันระงมบนฝ้า มันจะเป็นไปได้อย่างไรกุฏิ๒ชั้นแล้วกบที่ไหนจะขึ้นมาอยู่บนฝ้าได้ ก็ต้องปีนขึ้นไปพิสูจน์ ใช้ไฟฉายไล่ส่องดูทุกซอกทุกมุมบนแผ่นฝ้าเลยครับ แต่ผลปรากฏว่าไม่เจออะไรเลย :074: พอไม่เห็นอะไรก็ลงมายังไม่ทันหายสงสัยเสียงกบก็ดังระงมมาอีก ได้แต่นั่งมองหน้ากันเหลิกหลักๆ :074:


ไม่เฉพาะแค่ตอนกลางคืนเท่านั้นบางครั้งมากันกลางวักแสกๆเลยก็มี สมัยก่อนชั้น ๒ ด้านในจะมีเตียงของหลวงปู่หิ่มอยู่ทางด้านซ้ายมือ(ปัจจุบันย้ายไปไว้ที่กุฏิหลวงพี่เชษฐ์) ตรงหน้าต่างก็จะมีเครื่องตั้ง (เครื่องประดับตกแต่งงานศพ) นำมาทำเป็นโต๊ะหมู่บูชา กลางวันบรรยากาศดีมากครับตรงนี้ริมน้ำลมโชยน่านอนมาก เคยมีพระมานอนแต่ยังไม่หลับยังรู้สึกตัวมีสติครบถ้วน ท่านเห็นเด็กนุ่งโจงกระเบนมากราบที่ตัก!!! หลอนแทนครับแบบนี้ :074:

และเมื่อเช้านี้เองตอนไปบิณบาตรหลวงพี่เว็บท่านก็ได้ชี้ให้ดูโยมคนนึง ท่านเล่าให้ฟังว่าเคยบวชอยู่ด้วยกันตอนนี้สึกออกไปแล้ว พระบวชใหม่สมัยก่อนก็อย่างที่เคยเล่าให้ฟังมานะครับ ถึงคิวเวรตีระฆังตอนเช้าตี ๔ ก็จะต้องไปเรียกพระเพื่อนให้ไปเป็นเพื่อนกัน บรรยากาศวัดบางพระสมัยก่อนนั้นต่างกับปัจจุบันมากต้นไม้รกครึ้มน่ากลัวเอามากๆ จะไปไหนมาไหนตอนกลางคืนก็จะต้องหาคนเดินไปเป็นเพื่อนด้วย ตี๓กว่าๆของคืนนึงเป็นเวรของแกที่จะต้องตีระฆังสัญญาณ แกก็เดินมาที่กุฏิชายน้ำเพื่อจะเรียกหลวงพี่เว็บให้เดินไปเป็นเพื่อนกัน พอขึ้นมาบนกุฏิแล้วแกก็เห็นมุ้งกางกั้นประตูกุฏิไว้มีคนนอนอยู่ในมุ้งด้วย จะเข้าไปเรียกหลวงพี่เว็บด้านในกุฏิก็เกรงใจคนที่นอนอยู่ในมุ้ง ก็เลยตัดสินใจไปเรียกพระรูปอื่นที่กุฏิอื่นไปเป็นเพื่อนแทน

พอเช้าแกก็เดินมาหาหลวงพี่เว็บที่กุฏิชายน้ำอีกครั้งเพื่อบอกว่าเมื่อคืนจะมาเรียกไปเป็นเพื่อนตีระฆังด้วยแล้ว แต่เห็นมีคนกางมุ้งนอนขวางประตูทางเข้ากุฏิไว้ เกรงใจคนในมุ้งเลยไม่ได้เข้าไปเรียก หลวงพี่เว็บก็งงสิครับ ใครจะมานอนกางมุ้งหน้าประตูทางเข้ากุฏิ ไม่มี ไม่มี!! เมื่อคืนไม่มีใครมานอนกางมุ้งหน้าประตูเลย ก็เถียงกันไปมาต่างฝ่ายก็ต่างยืนยัน คนนึงยืนยันหนักแน่นว่าเห็นมีคนนอนกางมุ้งอยู่ อีกคนบอกไม่มีแน่นอน แล้วสรุปว่าคนที่นอนกางมุ้งหน้าประตูทางเข้ากุฏิเขาเป็นใครกันแน่หล่ะครับ พอจะคาดเดากันได้นะครับ :074:



ยิ่งเล่ายิ่งยาวครับขอจบไว้เพียงเท่านี้ก่อนนะครับ แล้วจะมานำเสนอเรื่องราวประสบการณ์แปลกๆ ในวัดบางพระให้ได้อ่านกันต่อไปในโอกาสหน้า

เจริญพร.

838
         นมัสการครับ พระบวชใหม่กับผีในวัดเป็นของคู่กันครับ อาจมาเพราะหากมาให้พระที่มีพรรษาเยอะๆ พระรูปนั้นคงเฉย แล้ว คิด ปลงถึงการเกิดแก่เจ็บตาย และสวดแผ่เมตตาอคทิศส่วนกุศลให้ แต่หากมาหาพระใหม่ เพื่อเป็นการทดสอบจิต 17;แต่พระเก่งถ่ายรูปออกมาได้น่ากลัวมากๆเลยนะครับ ได้มุมได้อารมณ์มากๆ ไปวัดแต่ล่ะครั้งไม่มีถาพแบบนี้เลย ไปครั้งนี้ ตื่นกลางดึกมาฉี่คนเดียวต้องรีบลุกรีบนอนแล้วครับ  26;

ครับ ปกติโยมชลาพุชะมานอนที่กุฏิชายน้ำใช่หรือเปล่าครับ ถ้าอย่างนั้นตอนต่อไปขอนำเสนอเรื่องราวของกุฏิชายน้ำละกันนะครับ โปรดติดตามตอนต่อไป  :002:

เคยได้ยินเค้าว่ากันว่านอนข้างบนกุฏิแล้วเจอไอ้เข้

หลวงพี่เก่งจำวัด ด้านบนกุฏิมีเจอ ไอ้เข้เปล่าครับ


 39; 

มีครับทั้งตัวใหญ่ตัวเล็ก เป็นจระเข้ที่สตาฟไว้นะครับ ลองไปดูได้ครับ :002:

839
นวะไม่น่าจะออกสีวรรณะแบบนี้นะครับ

840
เคยอ่านในตำราของหลวงพ่อพุฒ มีวิธีใช้หลากหลายมากครับบ้างก็นำพกติดตัวเป็นแคล้วคลาด,บูชาไว้ที่บ้านเรือนป้องกันโขมย คุณไสย์ กันกระทำ,ใส่ไว้ในตลับสีผึ้งนำสีผึ้งมาทาปากเป็นมหานิยม ว่าความคดีต่างๆ ฯ แล้วแต่จะนำไปใช้กันครับ หากอยากได้รายละเอียดเพิ่มเติมลองหาลานโพธิ์ฉบับเก่าๆมาศึกษาดูครับ.

841
เจอมาครับเลยมาช่วยเพิ่มเติม

"ท่านเป็นพระหนุ่มรูปเดียวที่เคยนั่งปรกอธิษฐานจิตปลุกเสกวัตถุมงคลร่วมกับพระเถระรุ่นเก่า อาทิ หลวงพ่อแพ วัดพิกุลทอง, หลวงพ่อมี วัดมารวิชัย, หลวงพ่อเก๋ วัดแม่น้ำ, หลวงพ่อลำไย วัดทุ่งลาดหญ้า เป็นต้น"

หลวงปู่พิมพา วัดหนองตางู เคยชมว่า "ถ้าแก่กว่านี้อีกหน่อยสมาธิกล้า ใครก็สู้ท่านไม่ได้ พระเก่งวิชาสัก รุ่นเก่าจะเสกของขึ้นมีตัวจริง" หลวงพ่อเปรื่อง วัดบางคลาน บอกตอนเสกพระกับอาจารย์สุพจน์ว่า "มหาอุดหยุดปืนอาจารย์พจน์ลงนะ ส่วนผมเอาเมตตามหาลาภเอง"

842
เคยคุยกับพระอาจารย์เมสันต์นะครับ ท่านเล่าให้ฟังว่านะมี๑๐๘ และใน๑๐๘นี้ก็จะมีแตกแยกย่อยไปได้อีกมากมายเอาที่พอทราบนะครับ

843
ตั้งใจจะลงให้ได้อ่านกันนานแล้วครับ แต่ขอเวลาพิสูจน์ให้เห็นด้วยตัวเองสักนิด ตอนนี้ได้รับรู้ได้สัมผัสเกี่ยวกับเรื่องราวแปลกๆ ในวัดบางพระแล้ว จึงมานำเสนอให้เพื่อนๆ สมาชิกได้รับทราบกันครับ

เริ่มเล่าเรื่องที่ได้สัมผัสกับตัวเองเลยนะครับ ได้มีโอกาสเข้ามาอุปสมบท ณ วัดบางพระ (เมื่อปี ๒๕๕๒) พระใหม่ก็ต้องมีหน้าที่ที่จะต้องทำกันอาทิ เรียนพระปริยัติธรรม หมั่นศึกษาทบทวนท่องจำบทสวดมนต์ หรือแม้กระทั่งการแบ่งหน้าที่ตีระฆังสัญญาณเพื่อบอกเวลาทำวัตรเช้าทำวัตรเย็น

เวลาทำวัตรเช้าของที่วัดบางพระจะเริ่มเวลา ตี ๔ ครึ่ง ก็จะต้องตีระฆังสัญญาณตอนตี ๔ เพื่อเตรียมตัว หอระฆังอยู่ด้านหน้ากุฏิหลวงพี่ญา พระบวชใหม่ก็จะสลับหมุนเวียนกันมาตีระฆังสัญญาณกันตามตารางเวรในแต่ละวัน

ที่เฝ้าสังเกตดูมาบรรยากาศช่วงตี ๓ กว่าๆ ใกล้ตี ๔ ท้องฟ้ายังมืด สายลมอันเย็นยะเยือกพัดผ่านไปมา ทุกอย่างเป็นไปด้วยความเงียบสงบ พอสัญญาณระฆังดังขึ้น เสียงที่จะต้องตามมาเสมอคงหนีไม่พ้นเสียงหมาหอนที่ชวนขนหัวลุก อันนี้ถือเป็นเรื่องปกติไม่น่าจะแปลกอะไร แต่ถ้าลองสังเกตสักนิดวันใดที่หมาหอนรับกันไปมาให้ระงมไปทั้งวัดหอนรับกันเป็นทอดๆ บางทีหอนรับกันข้ามฝั่งคลองเลยทีเดียว (ในบางครั้งบางคราวหอนรับจากในวัดออกไปยันบ้านคนตายได้เลย) เชื่อได้เลยครับในวันรุ่งขึ้นหรือให้หลังไม่เกิน ๓ วัน ๕ วัน จะต้องมีศพเข้าอย่างแน่นอน!!! แปลกแต่จริงครับ



มีหลายอย่างที่บ่งบอกได้อีกอย่าง เช่น หน้าต่างศาลาเมรุวัดบางพระ บานที่ ๓ (ช่วงบริเวณหน้ากุฏิเจ้าอาวาส) วันดีคืนดีมันก็มักจะเปิดแง้มออกมาเองเสมอๆ เชื่อกันว่าหากหน้าต่างบานที่ ๓ เปิดเองจะต้องมีศพเข้าเมรุ เรื่องนี้เท่าที่เฝ้าสังเกตเป็นไปได้บ้างแต่ไม่แน่นอนไปเสียทีเดียว ที่หน้าต่างเปิดมาเองอาจเป็นเพราะบานหน้าต่างมันตกก็เป็นได้ แต่ถ้าผมเห็นมันเปิดเองทีไรผมก็มักจะเปิดไปดูข้างในว่ามีอะไรหรือเปล่า ถ้าไม่มีก็ปิดให้สนิทไว้ตามเดิม หลอนดีนะครับ


เมรุ สถานที่เผาศพคนตาย แทบทุกวัดก็จะต้องมีเมรุไว้ใช้ประกอบพิธีที่เกี่ยวเนื่องกับคนตายเกี่ยวกับศพ ในสมัยก่อนจะเป็นแบบเชิงตะกอน เผากลางแจ้ง แล้วก็ค่อยๆ พัฒนามาเรื่อยๆ ตามกาลสมัย วัดบางพระในสมัยก่อนนั้นจะเผาศพแบบเชิงตะกอนที่บริเวณข้างโบสถ์เก่า จวบจนมาถึงในปัจจุบันได้สร้างศาลาเมรุโดยใช้ระบบไฟฟ้าในการเผา และเมรุหลังนี้นี่เองที่เป็นที่รวบรวมเรื่องราวแปลกๆ ประสบการณ์ที่เล่าสืบต่อกันเรื่อยมาในบางสิ่งก็จะได้พบได้เจอแม้ในปัจจุบันสมัย

ฟังเล่าๆ กันมาเมรุวัดบางพระนี่เจอดีกันเยอะ บ้างก็เห็นกำลังปีนปล่องเมรุเล่นกันอย่างสนุกสนาน แล้วก็ทิ้งดิ่งหัวปักลงมาที่พื้นด้านล่าง - -" หรือข้างเมรุเมื่อก่อนจะมีนำเรือไม้ตะเคียนมาตั้งไว้ ก็มักจะเห็นเป็นหญิงสาว ๓ คนมานั่งที่หัวเรือนุ่งห่มสไบ (ตอนนี้ทำเป็นช่องอุโมงค์) ฟังแล้วก็ไม่อยากจะคิดครับแต่ผมเวลาทำวัตรเช้าเสร็จตอนประมาณตี ๕ ก็ชอบเดินผ่านตรงบริเวณนั้นประจำๆ  :075:



เรื่องแปลกแต่จริงเกี่ยวกับเมรุอีกอย่างที่พิสูจน์ได้นั่นก็คือ เมรุวัดบางพระจะกินศพคู่?? กินศพคู่อย่างไรอธิบายให้ฟังครับ หากถ้ามีศพคนตายมา ๑ ศพ จะต้องมีเข้ามาอีก๑ศพอย่างแน่นอน หากเข้ามา ๓ ศพ ก็ต้องมีศพถึง ๔ ศพ จะเป็นเลขคู่ทั้งสิ้นลองสังเกตกันดูได้ครับข้อนี้

เรื่องเล่าเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้มีเยอะมากครับ ที่กำลังติดตามดูอยู่มันเป็นสถิติหรือจะเรียกว่าอาถรรพ์ของวัดบางพระก็ไม่ผิด ในช่วงเข้าพรรษาหากมีพระสงฆ์จำพรรษารวมทั้งหมดเป็นเลขคู่ ฟันธงกันลงไปได้เลยครับในช่วงเข้าพรรษาหรือหลังจากเข้าพรรษาไปบ้างเล็กน้อยจะต้องมีพระสงฆ์ในวัดมรณะภาพ ๑ รูป!!! เรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นทุกครั้งจริงๆ ปีไหนที่จำนวนพระสงฆ์ในวัดทั้งหมดรวมออกมาเป็นเลขคู่ก็หวั่นๆ กันแล้ว อย่างเช่นปีนี้ พ.ศ.๒๕๕๒ พระสงฆ์จำพรรษาในวัดพระบางพระรวมแล้วทั้งสิ้น ๔๒ รูป!!! ติดตามกันต่อไปครับว่าอาถรรพ์จะมีจริงอีกหรือเปล่า

ทั้งหมดที่เล่าสู่กันฟังนี้เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น จะพยามยามนำมานำเสนอกันในโอกาสต่อไปนะครับ



844
บทความ บทกวี / อุทเทสิกเจดีย์
« เมื่อ: 05 ก.ย. 2552, 08:06:54 »

จะกล่าวถึงเกี่ยวกับสัญลักษณ์แทนองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าคือ "อุทเทสิกเจดีย์" อันเป็นเจดียสถานที่สร้างขึ้นเพื่ออุทิศถวายต่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตลอดจนพระ พุทธศาสนา ความหมายของคำว่า "อุทเทสิกะ" ก็คือ "อุทิศ" นั่นเอง

อุทเทสิกเจดีย์ปรากฏในหลายรูปแบบ เช่น พระพุทธรูป พระเครื่อง พุทธบัลลังก์ หรือสิ่งใดก็ตามที่สร้างถวายพระพุทธศาสนาเป็นพุทธบูชา และไม่เข้าประเภท ธาตุเจดีย์ ธรรมเจดีย์ บริโภคเจดีย์ ก็สามารถนับเป็นอุทเทสิกเจดีย์ได้ทั้งสิ้น

ตั้งแต่ครั้งพุทธกาลก่อนที่จะมีการสร้างพระพุทธรูปซึ่งถือเป็นอุทเทสิกเจดีย์นั้น พุทธบริษัทนิยมสร้างเป็นสถูป-เจดีย์ประเภทต่างๆ และมีสัญลักษณ์อันสื่อถึงพระพุทธศาสนา อาทิ ดอกบัว รอยพระพุทธบาท ธรรมจักร กวางหมอบ ฯลฯ

เหตุแห่งการสร้างพระพุทธรูปขึ้นนั้น เกิดจากอิทธิพลของชนชาติกรีก โดยพระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราช แห่งมาซิโดเนีย ขยายอำนาจมาจนถึงอินเดียและได้ทิ้งร่องรอยอารยธรรมของกรีกที่มีคติความเชื่อในรูปเคารพ เมื่อผสมผสานกับอารยธรรมพื้นเมืองที่พุทธศาสนามีบทบาทอยู่บริเวณตะวันตกเฉียงเหนือของอินเดีย เรียกว่าแคว้นคันธาราฐ (ปัจจุบันคือประเทศอัฟกานิสถาน) จึงเกิดเป็น "พุทธปฏิมา" หรือ "พระพุทธรูป" ขึ้น
 


พระพุทธรูปที่สร้างขึ้นเป็นครั้งแรกจึงมีลักษณะคล้ายชนชาติกรีก พระเกศาหยิกเป็นลอน พระนาสิกโด่ง ต่อมาจึงพัฒนาเป็นพระเมาลี มีพระรัศมีและพระเกศในลักษณะต่างๆ เพื่อให้พุทธศาสนิกชนสามารถจำแนกพระพุทธองค์ออกจากพุทธสาวกได้โดยง่าย เรียกว่า "มหาปุริสลักษณะ" หรือลักษณะของมหาบุรุษ อาทิ มีพระเกศขมวดเป็นก้นหอย พระวรกายเปล่งฉัพพรรณรังสี พระ กรรณทั้งสองข้างยาวจรดพระอังสา ปลายพระหัตถ์ยาวเสมอกัน ปรากฏขนระหว่างคิ้วที่เรียกว่า อุณาโลม หรือกลางพระหัตถ์ปรากฏเป็นรูปธรรมจักร เป็นต้น ซึ่งสิ่งต่างๆ เหล่านี้กลายเป็นลักษณะสำคัญในการสร้างพระพุทธรูปสืบต่อมา

ในตำนานทางศาสนาปรากฏเรื่องราวการสร้างรูปจำลองแห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเช่นกัน หากแต่แต่งขึ้นภายหลังการสร้างพระพุทธรูปของช่างชาวคันธาราฐแล้ว เรียกว่า "ตำนานพระแก่นจันทน์" มีเนื้อความกล่าวถึงตอนพระพุทธองค์เสด็จไปแสดงธรรมโปรดพุทธมารดาบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ยาวนานถึงหนึ่งพรรษา พระเจ้าปเสนทิโกศล แห่งกรุงโกศลราช ทรงมีความรำลึกถึงยิ่งนัก จึงตรัสให้นายช่างสร้างพระพุทธรูปขึ้นด้วยไม้แก่นจันทน์แดง ให้ตรงตามพระพุทธลักษณะ แล้วประดิษฐานไว้เหนืออาสนะที่พระพุทธองค์เคยประทับ สาธุชนต่างก็พากันมาสักการบูชา

ครั้นเมื่อพระพุทธองค์เสด็จกลับจากดาวดึงส์ ด้วยพระบรมพุทธานุภาพบันดาลให้พระปฏิมาแก่นจันทน์ขยับพระวรกายเลื่อนออกจากพุทธอาสน์ แต่พระพุทธองค์ทรงทอดพระเนตรเห็นความสมบูรณ์พร้อมแห่งองค์ปฏิมาแก่นจันทน์ จึงยกพระหัตถ์ขึ้นห้ามมิให้พระแก่นจันทน์ลงจากพุทธบัลลังก์ พร้อมทั้งตรัสให้รักษาพระพุทธรูปแก่น จันทน์เอาไว้ให้เป็นต้นแบบแห่งพระพุทธ ลักษณาการของพระองค์ ซึ่งตามตำนานนี้เองเป็นที่มาของการสร้างพระพุทธรูปปางห้าม แก่นจันทน์ ในเวลาต่อมา ส่วน "พระเครื่อง" นั้น นับเนื่องเป็นลักษณะของพระพิมพ์ที่ถือเป็น "อุทเทสิกเจดีย์" ประเภทหนึ่ง โดยมีรูปแบบเช่นเดียวกับพระพุทธรูปหากแต่มีขนาดเล็กกว่า

จึงอาจกล่าวได้ว่า ความหมายของ "เจดีย์" ทางพุทธศาสนามิใช่มี "นัย" เพียงสิ่งก่อสร้างทางสถาปัตยกรรมที่มียอดแหลมขึ้นไปแต่เพียงอย่างเดียว หากยังกินความหมายครอบคลุมถึงสิ่งต่างๆ อันเกี่ยวเนื่องกับพระพุทธองค์และพระพุทธศาสนา เช่น พระธรรม เครื่องอัฏฐบริขาร พระศรีมหาโพธิ หรือต้นไม้ที่เกี่ยวข้องกับพระศาสนา ซึ่งเรียกว่า พฤกษเจดีย์ ที่อาจจะมิใช่สิ่งก่อสร้างทางสถาปัตยกรรมก็ได้ครับ


ที่มา:ข่าวสด

847
ติดต่อสอบถามกับหลวงตาจันนะครับที่กุฏิเจ้าอาวาส

หากตั้งใจมั่นจริงๆก็เตรียมท่องขานนาคไว้นะครับ (ใช้แบบอุกาสะ)

สาธุ สาธุ อนุโมทามิ เจริญพร.

848
แล้วแต่ศรัทธาครับขอให้มาทำบุญที่วัดโดยตรงไม่คำว่าปลอมครับ วัตถุมงคลที่ทันหลวงพอเปิ่นยังมีให้บูชาอยู่ครับ.

849
สวัสดีครับ

   พี่หอมเชียง ขอถามหน่อยครับ รุ่นที่พี่โชว์เนี่ยครับ

ทำไมเป็นแบไม่มีลงยา งง เหริยญ ลงยากับไม่ลงยาเหมือนกัน

หรอ ว่า คนที่บูชาไปแล้ว เอามาลงยาเอง งง มาก ๆๆๆ อยากถาม

เพื่อความกระจ่าง ครับผม ขอบคุณครับ ...

.....
สวัสดีครับ

   พี่หอมเชียง ขอถามหน่อยครับ รุ่นที่พี่โชว์เนี่ยครับ

ทำไมเป็นแบไม่มีลงยา งง เหริยญ ลงยากับไม่ลงยาเหมือนกัน

หรอ ว่า คนที่บูชาไปแล้ว เอามาลงยาเอง งง มาก ๆๆๆ อยากถาม

เพื่อความกระจ่าง ครับผม ขอบคุณครับ ...

.....
ตอบแทนให้นะครับ มีเงินลงยาขนาด๓เซนติเมตรกว่าๆ กับ เงินเพียวๆจัมโบ้ขนาด๕เซนติเมตรครับ

850
เหรียญหลวงปู่เนื้อเงินลงยาด้านในสีแดงรอบนอกสีน้ำเงิน ซ้ำครับท่านนก

แต่ว่าทำไม่เหรียญบน "องค์หลวงปู่เป็นสีทอง " อ่ะครับน้องสงสัย


 15;


เงินลงยาหน้ากากทองคำ(ชุดกรรมการ)ครับ.

สวัสดีครับ

   หลวงพี่เก่ง แล้วเหรียญที่ขอบลงยาสีส้ม ตัวหนังสือนูน

หลวงพ่อเปิ่น ที่เป็นตัวหนังสือสีทอง ละครับ ชุดกรรมการหรอป่าวครับ

.....
อ่านจากข้อมูลของท่านนกนะครับเฉพาะเงินลงยาหน้ากากทองคำเท่านั้นครับที่เป็นชุดกรรมการ.

851
ปาฏิหาริย์รอยสักและพระผงของขวัญรุ่นอาเสี่ย

เคยได้แต่อ่านเรื่องราวที่บันทึกเล่าต่อๆกันมา วันนี้มีโอกาสได้เห็นตัวจริงเสียจริง

ขอบคุณท่านอชิตะมากครับ

852
เกี่ยวกับเรื่องพระพุทธศาสนาน่ะครับ แรกๆก็อ่านดีๆอยู่หรอก แต่พอไปอ่านตรง ของ  พระพยอม ท่านน่ะครับ ท่านให้ความเห็นเรื่องวัตถุมงคล เตรื่องรางของขลัง ในอีกแง่นึง ผมเองก็แปลกใจเหมือนกัน  ผิดพลาดประการใด ผมขอ อภัยอย่างสูงด้วยครับ       
ลองหาอ่านหนังสือของท่านทัตตะชีโวดูนะครับจะกระจ่างยิ่งขึ้น.

853
มิทราบว่าท่านอยู่กุฎิไหนครับ
หลวงพี่ตูนท่านมาช่วยสักอยู่ที่กุฏิหลวงพี่ญาครับ .

854
เหรียญหลวงปู่เนื้อเงินลงยาด้านในสีแดงรอบนอกสีน้ำเงิน ซ้ำครับท่านนก

แต่ว่าทำไม่เหรียญบน "องค์หลวงปู่เป็นสีทอง " อ่ะครับน้องสงสัย


 15;


เงินลงยาหน้ากากทองคำ(ชุดกรรมการ)ครับ.

855
ผู้หญิงไม่ใช่หรือคร๊าบ :004:

856
ตามเก็บภาพมาได้บางส่วน เข้าไปเห็นตอนกำลังเทปูนเพื่อเตรียมบรรจุตะกรุดและวัตถุมงคลใต้ฐาน คืบหน้าเพิ่มเติมอย่างไรจะรีบแจ้งให้ทราบต่อไป










857
สิบทัศน์กับโคนสมอปีสร้างใกล้เคียงกันครับราวๆปี๒๔๙๖ (ประมาณเอานะครับอาจคลาดเคลื่อนได้บ้างเล็กน้อย)

โคนสมอออกให้วัดบางช้างใต้ (แถบย่านนี้มาขอบารมีหลวงพ่อเงินกันเยอะครับอาทิ วัดวังน้ำขาว,วัดทุ่งรีฯ) ส่วนตัวชอบนะครับ สภาพอย่างนี้

เจริญพร.

858
สวยดีนะครับ หากจะเพ้นท์สีก็นำมาให้ชมกันบ้างนะครับ สรุปว่าเมื่อวานไม่ได้รับอะไรมาเลย ไว้โอกาสหน้าครับ.

859
ได้มาจากforward mail

มันอาจตอกย้ำความ เจ็บปวดกับคุณในเรื่องนี้ แต่เรื่องนี้เป็นสิ่งที่ควรเผยแพร่
เพื่อตอกย้ำคนที่ได้ชื่อว่าลูกทุกคนให้หันกลับมาดูคนที่ส่งเสียคุณเลี้ยงดูคุณมา ด้วยความเหนื่อยยาก
วันนี้เราหันไปเหลียวท่านบ้างหรือเปล่า ก่อนจะไม่มีโอกาสดูแล
เมื่อท่านจากเราไปแล้วการจัด งานใหญ่โตมันไม่มีประโยชน์อะไร เวลาท่านอยู่ทำไมไม่ทำ?
ความรู้สึกของน้องคนหนึ่งที่ บรรยายออกมาจากใจ ในขณะที่....ผมก็เป็นเช่นเด็กวัยรุ่นทั่วๆไป
เรียน เที่ยว นอน กิน ดึกๆผมก็โทรคุยกับแฟนของผม
ซึ่งทั้งหมดเหล่านี้มันก็เป็นกิจวัตรประจำวันของผมและผม ก็เชื่อว่าใครๆเค้าก็ทำแบบนี้กัน
 'จ้า ตัวเอง วันนี้กินข้าว รื้อยาง'
'กินกับอะไรบ้าง แล้วตอนกินตัวเองคิด ถึงเค้ามั้ยเนี่ย'
'รู้มั้ยตัวเอง ถ้าเค้าเป็นผีเนี่ย เค้าอยาก เป็นกระสือที่รักจะได้เห็นใจไง'
'ตัวเองวางก่อนดิ ก่อน ดิ'
ประโยคต่างๆที่ผมได้คิดและ คัดสรร เตรียมพร้อมมาต่างๆก่อนโทร
ผมยังคงใช้เวลาส่วนใหญ่ตอน ดึกไปกับการคุยโทรศัพท์ ระยะเวลาอันผมได้ใช้ไปในแต่ละครั้งนั้น
พอรู้สึกอีกทีก็ผ่านไปหลายชั่วโมงแล้ว แต่ผม ก็ไม่ชอบนะ หากใครจะมาว่าผมไร้สาระ
ก็ไม่เห็นหรอคนส่วนใหญ่เค้า ก็ทำกัน 'เอ้อ เกือบลืมไปอีกอย่าง
กิจวัตรอีกอย่างนึงของผม ก็คือ แม่ของผมมักชอบโทรหาผมทุกวัน'
'ตอนนี้ลูกอยู่หอรึ ยัง'
'เย็นนี้กินข้าวอิ่มมั้ย' 'วันนี้เรียนเป็นยังไง บ้าง'
'อย่าไปเที่ยวที่ไหนไกลนะ' โธ่!คำถามเดิมๆ
ผม ก็ตอบไปแบบเดิมๆ แม่ผมก็ไม่เบื่อซักที ยังคงโทรหาผมเป็น ประจำ
โชคดีที่ผมพยายามตัดบทคุย ผมกับแม่น่ะ คุยกันไม่กี่นาทีก็วางแล้ว ก็มันไม่มีอะไรจะคุยจะให้ผมทำยังไง'
จนกระทั่งวันนั้น
'ตัวเองตอบเค้าได้รึยัง ว่ารักเค้ามั้ย' 'เร็วๆสิ
เค้ายังอุฒส่าห์บอกรักตัวเองไปแล้ว นะ'
'แล้วยังจะใจร้ายไม่บอกรักเค้าอีก หรอ'
ติ๊ดๆ ติ๊ดๆ เสียงจาก โทรศัพท์บอกผมว่ามีสายซ้อน
ผมมองไปที่หน้าจอมันขึ้นชื่อ ว่า 'Home'
'โธ่ แม่โทรมาทำไมตอนนี้เนี่ย กำลัง เข้าด้ายเข้าเข็มเลย'
ผมไม่สลับสายผม ผมยังคงคุยกับสุดที่รัก ของผมต่อไป
เพราะผมรู้ว่าสิ่งที่แม่จะคุยกับผมก็คงเป็นประโยค เดิมๆ
'และนั่นก็เป็นโอกาสสุดท้าย ที่ผมจะมี
โอกาสฟังเสียงของแม่'
หลังจาก นั้นไม่นานทางญาติของผมโทรมาแจ้งผมว่า
เมื่อคืนนี้บ้านของผมถูก ขโมยเข้า และแม่ของผมขัดขืน
และได้ต่อสู้กับโจร จึงถูกโจรใช้มีด แทงเข้าที่ท้อง
แม่เสียชีวิตเพราะทนพิษบาดแผลไม่ไหว ญาติของ ผม
เล่าอีกว่าตอนไปพบศพแม่นั้น ในมือของแม่กำโทรศัพท์ไว้ แน่น
และเบอร์โทรออกล่าสุดของเธอไม่ใช่โทร
แจ้ง ตำรวจหรือเรียกรถพยาบาล แต่แม่เลือกที่จะโทรหา 'ผม'
สิ่งสุด ท้ายในชีวิตที่แม่ผมเลือกที่จะทำคือ
โทรศัพท์หาผมเพื่อฟังเสียง ของผม
วินาทีนั้นน้ำตาของผมไหล อาบแก้ม ผมพูดอะไรไม่ออก มือและตัวของผมสั่น
วันนั้นผมเลือกที่ จะคุยกับแฟนผม ดีกว่าที่จะคุยกับแม่ของผม ผู้หญิงคนเดียวใน โลก
ที่คุยกับผมเป็นคนแรกในชีวิต ผู้หญิงคนเดียวที่ ผมสามารถที่จะคุยกับเธอได้ทุกเวลา
โดยที่ผมไม่ต้องเตรียมบทพูด ใดๆ ไม่ต้องกังวลว่าเธอจะประทับใจหรือไม่ ไม่ ต้องมีมุข ไม่ต้องมีคำหวานใดๆ
คนเดียวในโลกที่โทรมาหาผมเพียง แค่ฟังผมพูดประโยคเดิมๆ คน
เดียวในโลกที่ไม่ว่าโทรศัพท์เธอจะโปรโมชั่นแพงแค่ไหนก็ยังโทรหาผม
'และคนเดียวในโลกที่เลือกคุยกับผม ในวินาทีสุดท้ายในชีวิต'
ในบาง ครั้งประโยคที่ว่า 'ไม่มีคำว่าสาย หากเราคิดที่จะแก้ตัว'
มันก็ ไม่เป็นความจริง
'เพราะบางปรากฏการณ์ในโลก เกิดขึ้นได้แค่ครั้ง เดียว'
อาจเป็นเพราะเวรกรรมของผม หลังจากนั้น
ไม่นานแฟนผมที่ผมใช้เวลาคุยกับเธอวันหลายๆชั่วโมงคุยกับเธอก็ทิ้งผม ไป
วันนี้ผมเริ่มเข้าใจชีวิตมากขึ้น
หลายๆอย่าง ที่คนส่วนใหญ่ทำ มิได้หมายถึงสิ่งที่ถูกต้องเสมอไป
เพราะตัวเรา เท่านั้นที่เป็นผู้ต้องรับผลการ
กระทำของเราเอง 'เราจะรู้ว่า สิ่งใดสำคัญ ก็ต่อเมื่อเราต้องเสียมันไป'
ทุกวันนี้ผมนั่งมอง โทรศัพท์ รอ
ที่จะตอบคำถามเดิมๆให้ผู้หญิงคนหนึ่ง ฟัง
แต่ผู้หญิงคนนั้นคงไม่มีอีก แล้ว

860
-หลวงพี่ตั๊กท่านเรียนจากใครหรอคับ
-ใช้หมึกเบอร์เดียวกันกับพระมหาสมชายมั้ยคับ
-สักแล้วไปให้หลวงพี่ติ่งเป่าได้มั้ยคับ
-ทำไมค่าครูพระมหาสมชายไม่เท่าที่อื่นคับ
 ขอบคูณผู้รู้คับ
-ไม่ได้คำตอบที่แน่ชัดครับ ได้แค่ว่าเข็มสักที่ใช้เป็นของหลวงพ่อเปิ่น

861
ถ้าเราประสงค์ที่จะเปลี่ยนชื่อ เราจะต้องทำอย่างไรบ้างครับ เพราะเมื่อก่อนเราสามารถเข้าไปแก้ไขในข้อมูลส่วนตัวของเราได้ แต่ตอนนี้ไม่สามารถแก้ไขเองได้แล้ว รบกวนให้คำแนะนำด้วยนะครับ ขอบคุณครับ :054:

862
สืบเนื่องจาก"๑๘๑๘..."ผู้การเสือ" (ภาค 18)(ตอนที่ 2).. ๑๘๑๘ "
อ้างถึง
ชิงรางวัล ครั้งที่ 4

         คำถาม ? ภาษาอังกฤษตัวแรกที่เขียนในบทความตั้งแต่ภาค 1-18 คือ คำว่าอะไร ? มีความหมายอะไร ? (ที่ใช้ภาษอังกฤษบ้าง เพราะต้องการสอดแทรก สอนภาษาอังกฤษไปในตัว เช่นในคำว่า ?congratulations?!! ต้องมี ?s? เสมอ...ป้าย + ซุ้ม วันรับปริญญา ก็ผิดกันเยอะ ถ้าเอารูป show ฝรั่ง ตอนต่อ โท+เอก เมืองนอกจะอายเขา)
        รางวัล ? ?พระผง ลพ.เปิ่น หน้าเสือใหญ่? ให้มากระซิบบอกผม (แจกในวันที่ 12 ส.ค. นี้) หมายเหตุ เฉพาะ 12 ท่านแรก !!

เฉลยคำตอบคือคำว่า "TOPLESS"

มีผู้ตอบถูกท่านเดียว รับรางวัลพิเศษเป็นพระไพรีพินาศ ๖๐ ปี"ผู้การเสือ" คือ สีกา"porvfc"
ขอแสดงความยินดีครับ :053:

อ้างถึง
ชิงรางวัล ครั้งที่ 5

           เป็นรางวัล ?สุดยอดแฟนพันธุ์แท้ผู้การเสือประจำปี 2552?
        ถามว่า ? มีรูปยันต์ในตัวผู้การเสือมีกี่ยันต์(ไม่รวมอักขระล้อม) เฉพาะ
?งบอ้อย นับเป็น 1, สร้อยสังวาร ,นับเป็น 1? ใช้วิธีจับฉลาก ปิดกล่อง 08.30 จับฉลาก 09.09
(12 ส.ค. 2552)  หมายเหตุ 1 ชื่อนามแฝง ต่อ 1 ใบสลาก
        รางวัล ? ลพ.ญามอบให้มา-
?กวางเหลียวหลัง,ขี่เพชรพญาธร? เหมาะกับชายหนุ่ม + หญิงสาว ไม่เหมาะกับผู้มีอายุเกิน 60 ปี เช่น ผู้การเสือ เพราะพลานุภาพเกินกำลัง...ให้ ?อ๊อด + เอ? จัดการเรื่องการจับฉลากให้ยุติธรรม มีเพียง 1 รางวัล
[/size]

เฉลยคำตอบคือ "๕๐ ยันต์"

ผู้ตอบถูกคือ "เด็กป่า" ได้รับรางวัล?กวางเหลียวหลัง,ขี่เพชรพญาธร? ขอแสดงความยินดีครับ :053:


และเมื่อวานนี้"ผู้การเสือ"ได้ทำพิธีลงนะหน้าทองและจารน้ำมันให้กับสมาชิกและผู้ที่มาร่วมงานวันเกิดหลวงพ่อเปิ่น ปัจจัยค่าครูทั้งหมด "ผู้การเสือ"นำถวายบูชาครู ถวายหลวงพี่ญาทั้งหมด อนุโมทนาด้วยครับ




ช่วงเที่ยงเกิดปรากฏการณ์"พระอาทิตย์ทรงกลด"พร้อมกับเสียงสาธุการ"หลวงพ่อรับรู้แล้ว หลวงพ่อรับรู้แล้ว"


ปล.ขอบคุณโยมพี่เยที่มอบพระพุทธปาฏิหาริย์ พ่อท่านเอ็น วัดเขาราหูมาไว้แจกในงานจำนวน ๖๐๐ องค์ ๑๒๐,๐๐๐ บาท(หนึ่งแสนสองหมื่นบาทถ้วน) อนุโมทนาด้วยครับ.

พบกันครั้งต่อไป ๒๕ ตุลาคม ๒๕๕๒ งานทอดกฐินวัดบางพระ...

863
กิจกรรมของ"ผู้การเสือ"ในวันงานคล้ายวันเกิดหลวงพ่อเปิ่น ๑๒ สิงหาคม ๒๕๕๒

๑."ผู้การเสือ และ ภควา"สำหรับผู้ที่ติดตามข่าวสารจากหนังสือ ในวันงานพรุ่งนี้(๑๒ สิงหาคม ๒๕๕๒) เริ่มเวลา ๐๘.๐๙ น. รับแจก"ผ้ายันต์ ผู้การเสือ"ทำถวายหลวงพ่อเปิ่น ปี ๕๐
***รายละเอียดกติกาการรับแจกระบุไว้ในหนังสือ***

๒."ผู้การเสือ" ลงนะหน้าทอง (มหานิยม) - ผิวทองผ่องโสภา ใครเห็นหน้า ให้คิดยินดี สุดที่จะรัก

๓."ผู้การเสือ" ลงนะมหาเศรษฐี - เงินล้าน + เร่งลาภ
**ทั้งหมด ถวายหลวงพี่ญา (บูชาครู)

๔."ผู้การเสือ" ลงเข็มจารน้ำมัน ปลุกเสกโดยหลวงพี่ญา + ทองคำเปลว ปลุกเสกโดยหลวงพี่ญา

864
อ้างถึงกระทู้ "ลูกศิษย์ที่ดีของหลวงพ่อเปิ่น ลูกกตัญญูของแม่"
ผมขออนุญาต ตั้งกระทู้ สำหรับผู้ที่ไม่สามารถไปรับของรางวัลได้นะครับ

ตัวผมเองในวันพรุ่งนี้ ผมคงไปรับของรางวัลไม่ได้
ผมของอนุญาติให้พี่ตี๋ หรือ username : derbyrock
รับของรางวัลแทนผมนะครับ

ขอบคุณสำหรับของรางวัลที่ได้รับครับ   :054: :054: :054:




ดูรายละเอียดเพิ่มเติมสำหรับผู้ที่ได้รับรางวัลได้ที่

http://www.bp.or.th/webboard/index.php/topic,11524.html

ของคุณ j_kirsada จะฝาก คุณ derbyrock ไว้นะครับ.

 

865
ลำดับที่   รายชื่อผู้ได้รับรางวัล   ลำดับสมาชิก
๑   kkkkkkkk   ๕๓๒๘   รับแล้ว
๒   jaturong      ๓๗๖๙   รับแล้ว
๓   kongkeha   ๔๒๗๕
๔   เอก นนทบุรี   ๙๔๗
๕   รัช สุทธิสาร   ๕๐๓๙   รับแล้ว
๖   eXeCuTioNz - IX   ๓๙๑๓
๗   tor.20   ๔๓๙๕
๘   ณ.อยุธยา   ๓๖๔๔      รับแล้ว
๙   อุณาโลม   ๒๗๕๗
๑๐   TTTUTTT   ๓๒๖๗
๑๑   ปุญฺญานุสฺสติ(สิบทัศน์)   ๑๗๖๘   รับแล้ว
๑๒   ชลาพุชะ   ๓๑๘๔      รับแล้ว
๑๓   derbyrock   ๓๘๖๘   รับแล้ว
๑๔   Jamesrongchai   ๔๐๔๑   รับแล้ว
๑๕   ชินฺนปญฺชร   ๑๐๕๘
๑๖   ตั้ม/พรหมนิมิตร   ๔๒๒๒
๑๗   ก้านยาว   ๕๑๔๕
๑๘   Artistic (อาร์ต)   ๕๑๗๔
๑๙   ลูกชายพ่อสังวรณ์   ๗๙๓
๒๐   Pig_Never_Die   ๔๑๘๕
๒๑   mawin_14   ๓๙๙๔
๒๒   k911   ๔๑๐๘      รับแล้ว
๒๓   SiMPle   ๓๘๖๒
๒๔   ยอดรัก..บางแค   ๕๑๑๓
๒๕   น้องลิงน้อย   ๓๐๗๗   รับแล้ว*sudfish2499รับแทน*
๒๖   Sak1459   ๔๐๕๔
๒๗   ผู้หญิงธรรมดา   ๔๙๒๔
๒๘   kaitak   ๓๓๓๘      รับแล้ว
๒๙   porvfc   ๓๘๗๒      รับแล้ว
๓๐   prathomsak   ๓๒๖๙   รับแล้ว
๓๑   เณรน้อยเส้าหลิน   ๒๔๐๗   รับแล้ว*ปุญฺญานุสฺสติ(สิบทัศน์)รับแทน
๓๒   to   ๑๕๓๓
๓๓   porpar   ๓๐๖๔
๓๔   Teeครับผม   ๒๔๖๑   รับแล้ว
๓๕   พ่อขุนผาเมือง   ๕๐๖๖
๓๖   หนึ่ง   ๒๔๙๐
๓๗   ไทยแท้   ๕๒๐๘
๓๘   คงกระพัน_นะจ้า   ๕๒๑๗
๓๙   peachsama   ๔๙๕   รับแล้ว*นายตะกรุดรับแทน*
๔๐   somboon matkeaw   ๑๑๓๖
๔๑   kaitip   ๕๓๙
๔๒   PAE   ๓๕๒๓      รับแล้ว
๔๓   j_kirsada   ๑๙๗๐   รับแล้ว*derbyrockรับแทน*
๔๔   บอส ดินเเดง   ๔๗๓๑
๔๕   sudfish2499   ๓๐๑๘   รับแล้ว
๔๖   ปาท่องโก๋   ๔๒๗๗      รับแล้ว*ชลาพุชะรับแทน*
***รวม ๔๖ ท่านนะครับขอบพระคุณพระอาจารย์อีกครั้งครับ.***

ติดต่อรับรางวัลได้ที่ ศาลาชาติ ศาสน์ กษัตริย์ กุฏิหลวงพี่ญา ตั้งแต่เวลา ๗.๐๐ น. เป็นต้นไป

ชี้แจงเพิ่มเติม "หลวงปู่ทวดพิมพ์สี่เหลี่ยม หลังยันต์ห้าแถว ฝังหัวเสือหลวงพ่อเปิ่น" มีจำนวน ๔๑ องค์
อีก ๕ องค์จะเป็น หลวงปู่ทวดพิมพ์สี่เหลี่ยม หลังยันต์ห้าแถว แบบธรรมดาไม่ฝังหัวเสือ
เพื่อเป็นการไม่ได้เปรียบเสียเปรียบกัน ให้สุ่มหยิบเอานะครับ
"มือดีได้ มือร้ายไม่ต้องเสียใจ" ขอมอบ "ดวงตราพุทโธมหาลาภ" ของพระอาจารย์โด่งให้ ๕ ท่านที่เลือกได้พระแบบไม่ฝังหัวเสือครับ

866
นมัสการพระอาจารย์ครับ ยินดีกับทุกๆท่านที่ร่วมกิจกรรมกันนะครับ

"รักคุณแม่กันมากๆนะครับ" :001:


867
ไปรับบาตรมาครับ สาธุชนมากมายน่าปลื้มใจจริงๆ

กลั่นใจใสๆไว้รองรับผลบุญกันอย่างเต็มที่

สุขใจทั้งผู้ให้และผู้รับครับ

สาธุ สาธุ อนุโมทามิ...

868
หัวใจ ๑๐๘.

869
มีถวายด้วยหรือเปล่าครับ อนุโมทนาด้วยครับ...

870
เยอะเลยนะครับ ถวายสักดอกได้หรือเปล่าครับเนี่ยะท่านนก  :002:

871
รายนามพระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์  เนื่องในงานทำบุญวันคล้ายวันเกิด หลวงพ่อเปิ่นวันที่ ๑๒ สิงหาคม ๒๕๕๒
๑.พระครูสุจิตตาภรณ์         วัดนก

๒.พระครูธีรธรรมานันท์      วัดบางแวก

๓.พระครูสังฆรักษ์ชะออม      วัดบางพระ

๔.พระครูวิมลธรรมธาดา      วัดระฆัง

๕.พระครูภัทรกิจวิมล         วัดโพธิ์เผือก

๖.พระมหารัตนะ         วัดหนองกระโดน

๗.พระอาจารย์หน่อย         วัดนก

๘.พระอาจารย์เขียด         วัดเกาะวังไทร

๙.พระอาจารย์ไพรวัลย์      วัดโคกเขมา

๑๐.พระอาจารย์เข็ม         วัดระฆัง

๑๑.พระครูศรีสุตากร         วัดกลางบางพระ

๑๒.พระครูสมุห์สุนทร(หม่อง)      วัดพระขาว

๑๓.พระอาจารย์ไมท์         วัดมารวิชัย


872
กรุแตกหรอครับ ท่านเอ็ม สวยงามทั้งนั้นเลย
อยากถามท่านเอ็มครับ ผมมีเหรียญหลวงพ่อพันธ์
วัดดอนยายหอม รุ่น 1 ท่านทราบมั้ยครับว่าหลวงพ่อพันธ์ คือใคร :062:
หลวงพ่อประพันธ์ ท่านเป็นเจ้าอาวาสวัดดอนยายหอม รูปปัจจุบัน ท่านเรียนวิชาจากหลวงพ่อเงินด้วยครับ ถ้าจำไม่ผิดเหรียญรุ่นแรกของท่านออกปี ๓๙ หรือเปล่าครับไม่แน่ใจ เคยเข้าไปที่เห็นที่ศาลาประดิษฐานสังขารหลวงพ่อเงินอยู่ครับ...

873
**ท่านปุญฺญานุสฺสติ(สิบทัศน์)

ได้มีเมตตาจิต มอบ++พระพุทธปาฏิหารย์++(ฝังตะกรุด+โรยแร่+ฝังพลอย+เศษพระ)
                         หลวงพ่อเอ็น วัดเขาราหู  จ.สุราษฎ์ธานี

จำนวนหนึ่ง เพื่อแจกจ่ายแด่สมาชิก และท่านที่มาร่วมงานบุญ ในวันที่ 12 สิงหาคม 2552
  จะมอบหมายให้ท่าน โองการฯ ช่วยเป็นธุระดำเนินการด้วย


ขอขอบคุณ และอนุโมทนา  ท่านเก่ง ณ ที่นี้อีกวาระหนึ่ง

                                             


                             

                         
"พระพุทธปาฏิหาริย์" พ่อท่านเอ็น วัดเขาราหูนี้ โยมพี่เย(อำพล สุขปาน) นำมาถวายเพื่อร่วมบุญในครั้งนี้ครับ อนุโมทนากับโยมพี่เยด้วยครับ สาธุ สาธุ อนุโมทามิ...

***สำหรับรายละเอียดของ" พระพุทธปาฏิหาริย์" ไว้รอโยมพี่เล้งมาบอกกล่าวเล่าเรื่องให้ฟังกันนะครับ...

874
ในภาพคือ "เหรียญหล่อพระร่วงโรจนฤทธิ์" พิมพ์ใบมะยมใหญ่ วัดพระปฐมเจดีย์ราชวรมหาวิหาร จ.นครปฐม ในราวปีพุทธศักราช ๒๔๗๒ พิมพ์ใบมะยมใหญ่นี้ แบ่งย่อยได้อีก ๓ พิมพ์ พิมพ์ทรงด้านหน้าเหมือนกันทุกประการ ด้านหลังมีแบบ

๑.หลังยันต์(ดังตัวอย่างในรูป)

๒.ด้านหลังรูปองค์พระปฐมเจดีย์ไม่มีหนังสือ

๓.ด้านหลังรูปองค์พระปฐมเจดีย์มีหนังสือ

ยินดีด้วยนะครับที่มีของดีไว้บูชา...

875
หน้าวัวพิมพ์นี้ (หน้าวัวมี๒พิมพ์อีกพิมพ์หลังมฤคทายวัน) มีที่หลวงพ่ออวยพรท่านสร้างย้อนยุคด้วยครับ ในภาพไม่มีปัญหา...

876
กราบนมัสการหลวงพ่อฤาษีลิงดำครับ แจ้งที่มาของบทความ ภาพประกอบไว้สักนิดก็ดีครับ...

877
สายตาสะดุดที่พระของขวัญวัดปากน้ำกับมเหศวรครับ...

878
มีให้รับชมแล้วในกระทู้

http://www.bp.or.th/webboard/index.php/topic,10303.0.html

ตั้งกระทู้โดยโยมคุณลุงยันต์กลับ บทความโดยโยมพี่สมบูรณ์...

879
๑.ยันต์นะหน้าพระครับ

๒.ขอดูภาพครับที่ว่าทรงเสมา (ส่วนในรูปคือ ธงสั้น ปี๓๘ ครับ)...

880
ตามนี้นะครับ คลายเครียดจากเรื่องเครียดๆให้หายเครียด...

[youtube=425,350]T_UxhPbMyy8[/youtube]


881
อนุโมทนาครับคุณโยมตี๋ กราบนมัสการหลวงพ่อโสธรครับ

มีพระหลวงพ่อโสธรอยู่องค์นึง รุ่น"ทองประทาน"  (มวลสารที่นำมาจัดสร้างคือทองคำเปลวที่ปิดทับองค์หลวงพ่อโสธรองค์จริง ทองคำเปลวที่ผู้ศรัทธาเดินทางมาสักการะแล้วปิดทององค์หลวงพ่อโสธรตลอดเวลาร้อยกว่าปีมานั้น ทางวัดได้บูรณะโดยลอกทองคำเปลวรวมทั้งเศษปูนที่หุ้มองค์พระออกรวมน้ำหนักได้ถึง ๑๒๐ กิโลกรัม จึงนำมาเป็นมวลสารจัดสร้างหลวงพ่อโสธรรุ่น "ทองประทาน" )

ขอมอบให้ผู้ที่ตอบปัญหาถูกว่า "๑.พระอุโบสถวัดบางพระ(พระอุโบสถที่ใช้ทำสังฆกรรมปัจจุบัน) ต.บางแก้วฟ้า อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม สร้างขึ้นในปีพุทธศักราชที่เท่าไร?,๒.สมัยเจ้าอาวาสรูปใด?๓.นับตั้งแต่พุทธศักราชที่สร้างจนถึงปัจจุบันรวมอายุได้กี่ปี?"

๑ รางวัลสำหรับผู้ตอบถูกคนแรกคือ พระหลวงพ่อโสธร รุ่น"ทองประทาน" เนื้อผงสีดำปัดทองพิมพ์เล็ก ๓.๕ ซ.ม. ๑ องค์

ปิดรับคำตอบวันที่ ๑๑ สิงหาคม ๒๕๕๒ เวลา ๘.๐๐ น. (หรือในกรณีที่มีผู้ตอบถูกแล้ว)

ผู้ตอบถูกรับพระกับผมได้ในวันที่ ๑๒ สิงหาคม ๒๕๕๒ ที่กุฏิหลวงพี่ญา เจริญพร...

882
วัตถุมงคลชุดที่ปลุกเสกในฤกษ์สุริยุปราคา (๒๒ กรกฎาคม ๒๕๕๒) รายละเอียดสอบถามให้แล้วนะครับ แต่รายละเอียดไว้จะแจ้งให้ทราบอีกทีนึง หลวงพี่นันท่านเกริ่นมาว่ามีวัวธนูด้วยครับ ถ้าได้รับข่าวสารอะไรเพิ่มเติมจะรีบนำมาแจ้งให้ทราบกันครับ ...

883
หลังสวยมากๆครับ ว่าแต่ว่าหลวงพี่หมี อยู่กุฎิไหนครับ คือว่าผมไม่เคยสักกับท่านเลยครับ
ท่านสักอยู่ที่หอสวดมนต์ครับ (ด้านหลังกุฏิเจ้าอาวาส)...

884
ยันต์หอมเชียงบนหลังลุงอ้วนนี้ ได้รับทราบมาว่า เป็นฝีเข็มพระอาจารย์ต้อยครับ ...

885
อยู่ในชุดรุ่นสุดท้าย ไหว้ครูปี พ.ศ.๒๕๔๕   คร่าวๆเท่าที่พอจำได้ ชุดนั้นจะมีลูกอมหนุมานขนาดบูชา(รมดำ+เพ้นสี) ,ฤาษีหน้าเสือ(กาลสิทธิ์)ขนาดบูชา(รมดำ+เพ้นสี) ,เสือนั่งคู่ขนาดบูชา(รมดำ+เพ้นสี) ,ลูกอมเสือ(ทองคำ,เพ้นสี,,แบลคเรเดี้ยมฯ) , ลูกอมหัวเสือ(ทองคำ,เงินฯ) ,ลอคเกตหลังขุนแผนสะดุ้งกลับ ฯลฯ

ทันหลวงพ่อเปิ่นแน่นอนครับ ออกปี ๒๕๔๕ (รุ่นสุดท้าย) สรรพคุณก็แล้วแต่ครับ.

886
พระร่วงกรุวัดกลาง ตำนานยอดขุนพลอีกหน้าของนครปฐม ที่นับวันจะหาได้ยากยิ่งเต็มที...

887
ไปอ่านมาแล้วอยากให้ได้อ่านกันบ้าง ระบายความรูสึกออกมาเป็นคำพูดมิได้ นี่คือพระมหากษัตริย์ยอดกตัญญู พระผู้เป็นพ่อของพสกนิกรชาวไทยทุกท่านทุกคน


"ในหลวง-สมเด็จย่า" องค์ต้นแบบของพสกนิกร
จากความทรงจำของชายวัย85ปี

ย้อนไปเมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2538
เป็นวันที่ทวยราษฎร์ต้องเศร้าโศกเสียใจอย่างที่สุด
เพราะเป็นวันสวรรคตของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี "สมเด็จย่า" อันเป็นที่รักยิ่งของปวงชนชาวไทย และในวันที่ 18 กรกฎาคม ของทุกปี ถือเป็น "วันศรีนครินทร์"
ซึ่งพสกนิกรชาวไทยต่างน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ เพื่อรำลึกถึงพระองค์ มติชน ขอนำเสนอ เรื่องราวดีๆ บันทึกไว้ในหนังสือ "หยุดความเลวที่...ไล่ล่าคุณ" ของ พ.อ.(พิเศษ)ทองคำ ศรีโยธิน ที่ได้บรรยายถึงความประทับใจที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงปฏิบัติต่อสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ราชเลขาฯของสมเด็จย่ามาแถลงในที่ประชุมต่อหน้าสื่อมวลชนว่า
ก่อนสมเด็จย่าจะสิ้นพระชนม์ปีเศษ ตอนนั้นอายุ
93 ในหลวงเสด็จจากวังสวนจิตรไปวังสระปทุมตอนเย็นทุกวัน ไปกินข้าวกับแม่ ไปคุยกับแม่ ไปทำให้แม่ชุ่มชื่นหัวใจ
พอเขาแถลงถึงตรงนี้ เสด็จไปกินข้าวมื้อเย็นกับแม่
สัปดาห์ละกี่วัน...ทราบไหมครับ?
5 วัน

มีใครบ้างครับ? ที่อยู่คนละบ้านกับแม่
แล้วไปกินข้าวกับแม่สัปดาห์ละ
5 วัน
หายาก... ในหลวงมีโครงการเป็นร้อยเป็นพันโครงการ
มีเวลาไปกินข้าวกับแม่สัปดาห์ละ 5 วัน พวกเรา ซี 7 ซี 8 ซี 9 ร้อยเอก พลตรี อธิบดี ปลัดกระทรวง ไม่เคยไปกินข้าวกับแม่ บอกว่างานยุ่ง แม่บอกว่าให้พาไปกินข้าวหน่อย บอกว่าไม่มีเวลา จะไปตีกอล์ฟ ทุกครั้งที่ในหลวงไปหาสมเด็จย่า ในหลวงต้องเข้าไปกราบที่ตัก แล้วสมเด็จย่าก็จะดึงตัวในหลวงเข้ามากอด กอดเสร็จก็หอมแก้ม ตอนสมเด็จย่าหอมแก้มในหลวง อาจารย์คิดว่าแก้มในหลวงคงไม่หอมเท่าไร เพราะไม่ได้ใส่น้ำหอม แต่ทำไมสมเด็จย่าหอมแล้วชื่นใจ เพราะท่านได้กลิ่นหอมจากหัวใจในหลวง หอมกลิ่นกตัญญู ไม่นึกเลยว่าลูกคนนี้จะกตัญญูขนาดนี้ จะรักแม่มากขนาดนี้..

ตัวแม่เองคือสมเด็จย่าไม่ได้เป็นเชื้อพระวงศ์ เป็นคนธรรมดาสามัญชน เป็นเด็กหญิงสังวาลย์ เกิดหลังวัดอนงค์เหมือนเด็กหญิงทั่วไป เหมือนพวกเราทุกคนในที่นี้ ในหลวงหน่ะ...เกิดมา เป็นพระองค์เจ้า เป็นลูกเจ้าฟ้า ปัจจุบันเป็นกษัตริย์ เป็นพระเจ้าแผ่นดินอยู่เหนือหัว แต่ในหลวงที่เป็นพระเจ้าแผ่นดิน หัวใจลูกที่เคารพแม่ กตัญญูกับแม่อย่างนี้ หาไม่ได้อีกแล้ว คนบางคน พอเป็นใหญ่เป็นโต ไม่กล้าไหว้แม่ เพราะแม่มาจากเบื้องต่ำ เป็นชาวนา แต่นี่ในหลวงเทิดแม่ไว้เหนือหัว นี่แหละครับความหอม นี่คือเหตุที่สมเด็จย่าหอมแก้มในหลวงทุกครั้ง ท่านหอมความดี หอมคุณธรรม หอมความกตัญญูของในหลวง หอมแก้มเสร็จแล้วก็ร่วมโต๊ะเสวย

...มีอยู่เรื่องหนึ่งที่จำได้แม่น สมเด็จย่าเล่าว่า
ตอนเรียนหนังสือที่สวิส ในหลวงยังเล็กอยู่ เข้ามาบอกว่า อยากได้รถจักรยาน เพื่อนๆ เขามีจักรยานกัน แม่บอกว่า ลูกอยากได้จักรยาน ลูกก็เก็บสตางค์ที่แม่ให้ไปกินที่โรงเรียนไว้สิ เก็บมาหยอดกระปุกวันละเหรียญ สองเหรียญ พอได้มากพอ ก็เอาไปซื้อจักรยาน พอถึงวันปีใหม่ สมเด็จย่าก็บอกว่า
"ปีใหม่แล้ว เราไปซื้อจักรยานกัน เคาะกระปุก...ดูซิว่ามีเงินเท่าไร?" มากกว่าเงินที่มีในกระปุกอีก มีเมตตาให้เงินลูก ให้ไม่ได้ให้เปล่า สอนลูกด้วย สอนให้ประหยัด สอนว่าอยากได้อะไร ต้องเริ่มจากตัวเรา คำสอนนั้นติดตัวในหลวงมาจนทุกวันนี้ เขาบอกว่าในสวนจิตรเนี่ย...
คนที่ประหยัดที่สุดคือในหลวง

คราวหนึ่งในหลวงป่วย สมเด็จย่าก็ป่วย ไปอยู่ศิริราชด้วยกัน
แต่อยู่คนละมุมตึก ตอนเช้าในหลวงเปิดประตู แอ๊ด...ออกมา พยาบาลกำลังเข็นรถสมเด็จย่าออกมารับลมผ่านหน้าห้องพอดี ในหลวงพอเห็นแม่ รีบออกจากห้องมาแย่งพยาบาลเข็นรถ มหาดเล็กกราบทูลว่า ไม่เป็นไร ไม่ต้องเข็น
มีพยาบาลเข็นให้อยู่แล้ว ในหลวงมีรับสั่งว่าแม่ของเรา ทำไมต้องให้คนอื่นเข็น เราเข็นเองได้ นี่ขนาดเป็นพระเจ้าแผ่นดิน เป็นกษัตริย์ ยังมาเดินเข็นรถให้แม่ ยังมาป้อนข้าว
ป้อนน้ำให้แม่ ป้อนยาให้แม่ ให้ความอบอุ่นแก่แม่ เลี้ยงหัวใจแม่ ยอดเยี่ยมจริงๆ เห็นภาพนี้แล้วซาบซึ้ง...

..ในหลวงเฝ้าสมเด็จย่าอยู่จนถึงตี 4 ตี 5 เฝ้าแม่อยู่ทั้งคืน จับมือแม่ กอดแม่ ปรนนิบัติแม่ จนกระทั่ง "แม่หลับ..."
จึงเสด็จกลับ พอไปถึงวัง เขาโทรศัพท์มาแจ้งว่า สมเด็จย่าสิ้นพระชนม์ ในหลวงรีบเสด็จกลับไปศิริราช เห็นสมเด็จย่านอนหลับตาอยู่บนเตียง พระพักตร์ในหลวงตรงกับหัวใจแม่
"ขอหอมหัวใจแม่เป็นครั้งสุดท้าย" ซบหน้านิ่งอยู่นาน แล้วค่อยๆ เงยพระพักตร์ขึ้น น้ำพระเนตรไหลนอง ต่อไปนี้....จะไม่มีแม่ให้หอมอีกแล้ว เอามือกุมมือแม่ไว้ มือนิ่มๆ ที่ไกวเปลนี้แหละ ที่ปั้นลูกจนได้เป็นกษัตริย์ เป็นที่รักของคนทั้งบ้านทั้งเมือง ชีวิตลูก แม่ปั้น มองเห็นหวี ปักอยู่ที่ผมแม่ ในหลวงจับหวี ค่อยๆ หวีผมให้แม่ หวี...หวี...หวี...หวี ให้แม่สวยที่สุด แต่งตัวให้แม่ ให้แม่สวยที่สุด ในวันสุดท้ายของแม่...
เป็นภาพที่ประทับใจอาจารย์ที่สุด...เป็นสุดยอดของลูกกตัญญู...หาที่เปรียบไม่ได้อีกแล้ว


อาตมาขออนุโมทนาบุญกับคุณโยมม่วย เพชรตระกูลชาติ (โยมเหล่าโกอยู่หมวย) ที่ได้พิมพ์หนังสือแจกเป็นธรรมทาน สาธุ สาธุ อนุโมทามิ ...

888
อนุโมทนาด้วยครับ...

ขอบคุณหลวงพี่เก่งครับ...ตกลงเมมการ์ดยังหาไม่เจอใช่ป่าวครับหลวงพี่ เสียดายจังครับ

ถูกต้องนะครับ...

889
วันพุธที่ ๒๒ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๕๒

๐๖.๐๙ น. "ผู้การเสือ" กราบสังขารหลวงพ่อเปิ่นที่กุฏิใหญ่ เพื่อแจ้งวัตถุประสงค์พร้อมอธิษฐานให้งานสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี

หลวงพี่นันเมตตามอบเทียนชัยมาให้ ๒ เล่มพร้อมธูปที่จะใช้จุดบูชา ณ อุทยานฤาษี







เวลา ๐๖.๒๙ น. อาจารย์วิจิตร คณะ ๓ วัดปรินายก เป็นประธานจุดเทียนชัย "ผู้การเสือ" จุดธูป ๙๙ ดอก เพื่อบูชาฤาษีทั้งหมด คนรักษ์พระจุดธูป ๓๓ ดอก เพื่อบูชาหลวงพ่อเปิ่น ,หลวงปู่หิ่ม และสิ่งศักดิ์สิทธิ์บริเวณด้านหน้ากุฏิหลวงพี่ญา พร้อมกันนั้น "ผู้การเสือ" ได้สวดคาถาบูชาพระอาทิตย์ขึ้นตามตำหรับหลวงพ่อเกษม เขมโก












เวลา ๐๗.๐๙ น. เป็นฤกษ์แรกที่เกิดสุริยุปราคา (จะต้องรอเวลาไปอีก ๖๑ ปี พ.ศ.๒๖๑๓ ถึงจะเกิดเหตุการณ์สุริยุปราคาเต็มดวงอีกครั้งหนึ่ง) หลวงพี่ญาได้นำแป้งเจิมไปกราบหลวงปู่หิ่มพร้อมกับวางแป้งเจิมไว้บนมือของรูปหล่อหลวงปู่หิ่ม พอได้ฤกษ์ "ผู้การเสือ" ยกแป้งมาให้หลวงพี่ญาเจิมแผ่นป้าย (นะ อะ อุ) พร้อมกับปิดทองคำเปลวที่ละ ๓ แผ่น รวม ๙ แผ่น พระสงฆ์ ๓ รูปสวดชยันโต เสร็จพิธี คณะผู้ดำเนินงานทุกท่านได้รับความเมตตาจากหลวงพี่ญาปิดทองและเจิมหน้าผากกันทุกคน




ปล. "ผู้การเสือ" ฝากมาบอกว่างานนี้สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดีเพราะคนรักษ์พระ และคณะผู้ดำเนินงานทุกท่าน ขอขอบคุณไว้ ณ โอกาสนี้ Thanks.

890
  ฆราวาสที่สักที่กุฏิท่านพระมหาสมชายมีใครบ้างที่ฝีเข็มสวยๆแบบว่าอยากได้ลายสวยๆเพราะเรื่องพุทธคุณนั้นของหลวงปู่เชื่อใจได้ครับ

อ.ติม และอีกหลายท่าน...

891
ตามธรรมเนียมปฏิบัติที่ปฏิบัติสืบเนื่องกันมา ตั้งแต่สมัยที่หลวงพ่อเปิ่นดำรงค์สังขารอยู่ แต่ท่านไม่ได้สักเองแล้ว ให้บรรดาลูกศิษย์ของท่านนั้นสักให้ พอสักเสร็จแล้วก็จะต้องมารับการเป่าครอบจากหลวงพ่อเปิ่นอีกครั้งหนึ่ง จึงจะเรียกได้ว่า "สัก" ได้อย่างบริบูรณ์

เมื่อสิ้นพระเดชพระคุณหลวงพ่อเปิ่นแล้ว พระครูอนุกูลพิศาลกิจ (หลวงพ่อสำอางค์ ปภสฺสโร) เจ้าอาวาสวัดบางพระรูปปัจจุบัน ก็ได้สืบสานงานของหลวงพ่อเปิ่นท่านต่อ สักเสร็จแล้วมาเป่าครอบกันอีกครั้งก็ดีนะครับ เพื่อความสมบูรณ์บริบูรณ์ของการสัก .

892
นมัสการหลวงพ่อแช่ม วัดตาก้อง จ.นครปฐม สุดยอดพระเกจิระดับตำนานของจังหวัด .

893
ชี้แจงแถลงไขสำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

ต้องออกหมายเรียก ๓ ครั้งจึงจะออกหมายจับได้ และตำรวจจะมาออกหมายจับเองไม่ได้เช่นกัน ต้องให้ศาลเป็นผู้ออกหมายจับเท่านั้น


"ผู้การเสือ" อยากจะติดต่อทั้ง ๒ ท่าน เพื่อที่จะมาช่วยงานในวันครบรอบวันเกิดหลวงพ่อเปิ่น ๘๖ ปี (วันพุธที่ ๑๒ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๕๒ นี้)

ติดต่อทาง pm กลับไปหาต้นน้ำด้วยนะครับ...


"ผู้การเสือ"...

894
ปริญญาโท ศึกษาศาสตร์มหาบัณฑิต(พัฒนศึกษา) มหาวิทยาลัยศิลปากร

วิทยานิพนธ์ : บทบาท หลวงพ่อเปิ่น ฐิตคุโณ กับงานพัฒนาชุมชน

ระดับยอดเยี่ยม (Excellent)


ร่วมแสดงความยินดีกับ หลวงพี่เว็บ... ด้วยนะครับ .

895
สมเด็จวัดระฆัง รุ่น ๑๐๐ ปี ไม่คลาดเคลื่อนจะเป็นปี ๒๕๑๕ ครับ .

897
กราบสักการะหลวงพ่อโต พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ประจำเมืองสุพรรณบุรี ภาพวรรณคดีขุนช้าง-ขุนแผน เป็นเรื่องราวที่มีคุณค่าอยู่ในตัวเองมากมาย ถ่ายทอดออกมาได้เป็นอย่างดีครับ ขอบคุณมากครับ .

898
คาถาอาราธนาพระเครื่องไม่ยากแก่การจำ

พุทธธังอาราธนานัง ธรรมมังอาราธนานัง สังฆังอาราธนานัง

พุทธธังประสิทธิเม ธัมมังประสิทธิเม สังฆังประสิทธิเม .

ส่วนพระคาถาชินบัญชร ก็ตามสะดวกนะครับ ตั้งแต่ปุตตะกาโม...ไปจนถึง....จะรามิชินะปัญชะเรติ .บทนำของพระคาถาชินบัญชรคือคาถาอาราธนาพระสมเด็จครับ .

ใช่ครับตามท่านเลยครับ ทุกทีผมจะท่อง นะ-โม-พุท-ถา-ยะ-นะ-มะ-พะ-ทะ-จะ-ภะ-กะ-สะ ครับกำไว้ที่มือแล้วท่องครับ จะถูกไมเนี่ย บางที่ก็จะมีท่องต่อเสริม แล้วแต่ว่าวันไหนจะเอาอะไร อย่างวันนี้ก็ มะ-อะ-อุ ด้วยครับ ผิดถูกอย่างไรถามผู้รู้หน่อยครับ

ตามสะดวกครับ ตามนั้นนะครับ นะ-โม-พุท-ธา-ยะ-นะ-มะ-พะ-ทะ-จะ-ภะ-กะ-สะ .

899
วันพุธที่ ๒๒ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๕๒



ฆ้องใหญ่หน้าโบสถ์เก่ามีราหูอมจันทร์และอมพระอาทิตย์ ลักษณะพิเศษไม่เหมือนที่ใดเฉพาะวัดบางพระเท่านั้น เวลาจุดธูปต้องใช้ธูปสีดำบูชา



ด้านหนึ่ง - สุริยะประภา อีกด้านหนึ่ง - จันทรประภา





ลพ.นัน บอกว่า วันนี้เหมะสำหรับการปลุกเสก " ของแข็ง " เช่น ควายธนู , วัวธนู



" ผู้การเสือ " เป็นเจ้าพิธีครั้งแรก โดยกราบไหว้บูชาหลวงพ่อเปิ่นเป็นอันดับแรกด้วยธูป ๑๕ ดอก



พระครูอนุกูลพิศาลกิจ เจ้าอาวาสชั้นเอก (หลวงพ่อสำอางค์ ปภสฺสโร) เจ้าอาวาสวัดบางพระ ผู้สืบทอดวิทยาคมจากพระเดชพระคุณหลวงพ่อเปิ่นเทพเจ้าแห่งลุ่มน้ำนครชัยศรี เป็นประธานในพิธี จุดธุปเทียน



" ผู้การเสือ " อ่านโองการบูชาพระอาทิตย์ตก ( ตำหรับหลวงพ่อเกษม เขมโก )



" ผู้การเสือ " อาราธนาพระปริตร





หลวงพ่อสำอางค์ เจ้าอาวาสวัดบางพระ เป็นประธานนั่งปรก ( สายสิญจน์ที่ล้อมรอบประรำพิธีโยงมาจาก รูปหล่อหลวงพ่อเปิ่นและหลวงปู่หิ่ม , หลวงพ่ออยู่ , หลวงพ่อเปลี่ยน )



วัตถุมงคลเฉพาะวัดบางพระที่นำเข้าปลุกเสก



สุดยอดเกจิอาจารย์สายวัดบางพระ ได้แก่ พระครูสังฆรักษ์ชออม ( หลวงพี่ออม ) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดบางพระ , หลวงพี่นัน , หลวงพี่ปาด , หลวงตาจัน ร่วมปลุกเสก ( ฤกษ์เริ่มพิธี ๐๘.๐๙ น. บรรยากาศเริ่มมืดครึ้ม ฝูงนกต่างบินกลับเข้าใต้จั่วและหลังคามณฑป จวบจนกระทั่งฟ้าเริ่มสว่างใส ฝูงนกต่างบินออกจากจั่วและหลังคามณฑป ในเวลา ๐๘.๕๕ น. เป็นอันจบพิธี บัดดลนั้นสายพิรุณต่างโปรยปรายประหนึ่งเทวดาประทาน ถือว่าเป็นพิธีที่สุดยอด ในพิธีหนึ่งแห่งวัดบางพระ )

ข้อมูลจาก " ผู้การเสือ " .




900
สวยงามอิกแล้วครับ ท่าน โองการ เหรียญนี้ออกปีใหนครับ
ขบคุณที่นำมาให้ชมน้ะครับ  :054: :054: :054:
น่าจะออกปี ๒๕๔๘ นะครับ พระเดชพระคุณหลวงปู่ทิม วัดพระขาว มาร่วมนั่งปรกอฐิษฐานจิตให้ด้วยครับ .

901
คาถาอาราธนาพระเครื่องไม่ยากแก่การจำ

พุทธธังอาราธนานัง ธรรมมังอาราธนานัง สังฆังอาราธนานัง

พุทธธังประสิทธิเม ธัมมังประสิทธิเม สังฆังประสิทธิเม .

ส่วนพระคาถาชินบัญชร ก็ตามสะดวกนะครับ ตั้งแต่ปุตตะกาโม...ไปจนถึง....จะรามิชินะปัญชะเรติ .บทนำของพระคาถาชินบัญชรคือคาถาอาราธนาพระสมเด็จครับ .

902
ไสยยาสน์บางขุนพรหมหรือเปล่าครับ .

903
ด้านหน้ากุฏิหลวงพี่ญาวันนี้ ( วันอังคารที่ ๒๑ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๕๒ )  หลวงพี่ญาเมตตาจารปากกาที่ด้านหลังแผ่นป้าย " ชาติ ศาสน กษัตริย์ " ทำด้วยไม้มะค่า กว้าง ๔๔ เซนติเมตร ยาว ๒๖๕ เซนติเมตร หนา ๑ นิ้ว ครึ่ง .




เริ่มไล่เลียงจากด้านซ้ายไปขวา " นะชาลีติ , เฑาะว์ , ... , เฑาะว์ , พุทธซ้อน "







เสร็จจากพิธีเจิมป้าย " ผู้การเสือ " แจกพระและเป่าให้กับผู้มาร่วมพิธีทุกท่าน



ดำเนินการควบคุมติดตั้งโดย " คนรักษ์พระ "



***หมายเหตุ รายละเอียดลำดับขั้นตอนจะมาแจ้งให้ทราบอีกครั้งหนึ่ง รับชมภาคต่อไปในวันพรุ่งนี้***

904
มีท่านเดียวเท่านั้นคือ ดร.ไมตรี บุญสูง

ช่วงหลังมาหลวงพ่อเปิ่นท่านไม่ได้สักเอง แต่เป็นผู้เป่าครอบให้ทีหลัง .

905
๑ ชีวิต กับอีกหลายร้อยหลายพันคำบอกเล่าบรรยายประสบการณ์ที่ไม่มีวันจบสิ้น ทุกอย่างล้วนถูกบันทึกลงในหน้าประวัติศาสตร์ที่ไม่อาจจะลืมเลือน 

แม้จะเป็นบันทึกหน้าสุดท้าย แต่มันจะเป็นจุดเริ่มต้นที่คอยจุดประกายความศรัทธาของลูกศิษย์วัดบางพระทุกท่านทุกคนที่ได้เข้ามาศึกษาเข้ามาเก็บเกี่ยวประสบการณ์ความรู้

ขออนุโมทนาจากใจจริงครับท่านผู้การ .



906
อ้างถึง
2.   มีเทพมา 5-6 องค์ พูดภาษาเทพด้วย ผมไม่เข้าใจความหมาย จึงสื่อให้พูด พูดให้เข้าใจจึงแปลเป็นภาษามนุษย์ ฟังได้ว่า ? มาแนะนำตัว..ดีใจ..มาคารวะ..ให้ทำต่อไป..เป็นบุญแก่ตัวเอง..และต่อลูกศิษย์ ลูกหา..สรุปว่า มาอำนวยพรให้..?บางองค์นั่งอยู่นาน ไม่ไปซะที..ลพ.ญา จึงใช้วิธีอัญเชิญ..แบบพิเศษ..จึงร่ำลาไป..

ได้เห็นวิธีอัญเชิญแบบพิเศษของหลวงพี่ญาแล้ว สรุปว่า วิธีนี้ได้ผลชะงัดนักแล ไม่รู้ว่าสงวนลิขสิทธิ์หรือไม่ แต่แนะนำว่าหากจะนำไปใช้ก็ให้เห็นตามความเหมาะสม ร่างทรงศีรษะลั่นมากไปอาจจะต้องไปรับการตรวจเช็คประสาทว่าได้รับความกระทบกระเทือนมากน้อยเพียงใด  :043: :005:

...

อนุโมทนาด้วยครับท่านผู้การ วันงานพบปะกันครับ .

907
ใช้หนี้เก่า สร้างหนี้ใหม่ สงเคราะห์กันไปตามกาลเวลา นี่แหละหน้าที่ของคน ทำแล้วจักเห็นคุณค่าของตนเอง สาธุ ด้วยนะครับท่านผู้การ .

908
ณ ปัจจุบันจะหาผู้ที่เป่ายันต์เกราะเพชรได้ยากเต็มที ผมเองก็มีโอกาสได้เป่ายันต์เกราะเพชรกับหลวงพ่อฤาษีลิงดำ ตามที่ท่านผู้การได้กล่าวไว้ครับ ยันต์เกราะเพชรเป่าแล้วไม่ต้องไปเป่าซ้ำอีก อีกข้อสำคัญคือ ควรตั้งสัจจะให้มั่น เพราะยันต์เกราะเพชรนี้ เป่าได้ครั้งเดียว ไม่มีการทำของเสื่อมแล้วไปเป่าใหม่ เสื่อมแล้วเป่าอีกอย่างไรก็ไม่มีทางได้ครับ สายหลวงพ่อฤาษีลิงดำก็จะมีวัดท่าขนุน .

910
อนุโมทนาครับผู้การ วันอาทิตย์ที่  16 สิงหาคม 2552 จะไปประเดิมฝังบ้างครับ .

911
กราบนมัสการครับพระอาจารย์

" ยังกัมมัง กะริสสามิ กัลยาณัง วา ปาปะกัง วา "

เราจะทำกรรมอันใดๆไว้ จะเป็นกรรมงามกรรมดีที่เป็นกุศลหรือ หรือจะเป็นกรรมชั่วกรรมลามกที่เป็นบาป .

" ตัสสะ ทายาโท ภะวิสสามิ  "

เราจะต้องเป็นผู้รับผลของกรรมนั้น .




912
เหตุอันใดช้างจึงมีความสำคัญกับเมืองไทยของเรา

" มีข้าวกินเพราะควาย มีแผ่นดินไทยก็เพราะช้าง

องค์นเรศวรสร้าง เอกราชบนหลังพลายพัทธกอ "

..........................................................






913
น้อมระลึกถึงพระคุณแม่ พระในใจของลูก พระผู้มีแต่ให้ ขอบคุณข่าวสารนะครับ .

914
เข้าพรรษาแล้วดืมสุรา ของจะเสื่อมไหมครับ :075: :075: เห็นคนแก่แถวบ้านเขาบอกให้งดเหล้าเข้าพรรษาครับ
ไม่เสื่อม แต่ไม่ควร

เพราะเหล้าทำให้ขาดสติ คนขาดสติก็มักจะทำอะไรโดยไม่ได้คิด แล้วมันก็จะเกิดแต่ปัญหาตามมา ปัญหาบางอย่างมันไม่อาจจะแก้ไขอะไรได้ ต้องยอมรับชะตากรรม ยอมรับผลของการกระทำของตนเอง

เหล้า ทำให้เสีย เสียอะไร -  เสียทรัพย์ , เสียสติ , เสียเวลา , เสียสุขภาพ ฯ

เลิกเหล้าเข้าพรรษานะครับ ถ้าทำได้ตลอดไปก็จะดีมากๆ ไม่ใช่เพื่อใคร แต่เพื่อตัวเราเอง และเพื่อคนที่รักเราและคนที่เรารัก เอาช่วงเวลาเข้าพรรษานี้ค่อยๆลด ค่อยๆละ ค่อยๆเลิก เอาชนะใจตนให้ได้ กำลังใจจากคนรอบข้างมีให้อยู่เสมอ .

915
ช่วงเข้าพรรษาพระอาจารย์ที่วัดบางพระ สักยันต์ให้ตามปกติครับ .

916
สื่อถึงอารมณ์ความรู้สึกได้เป็นอย่างดีครับสำหรับรูปภาพ ต้องยกความชอบให้คนถ่ายละนะครับ ขอบคุณภาพบรรยากาศมากนะครับ ไปไหนมาไหนอย่าลืมพกกล้องตัวน้อยไปเก็บภาพมาให้ชมกันอีกนะครับ .

917
ไว้ถามรายละเอียดมาให้นะครับ เห็นอยู่ประจำที่คอโยมโด่ง ( เคยได้ฟังรายละเอียดมาคร่าวๆแต่ลืมครับ ขออภัย ) .

918
สาธุครับคุณโยมผู้การ ถือเป็นสุดยอดปรารถนาอีกชิ้นนึงสำหรับภูทราวดี พระดีพิธีบริสุทธิ์ รอติดตามในภาค 18 ต่อนะครับ .

919
สาธุด้วยนะครับโยมก๊อต ไปไหนคราวหน้าอย่าลืมเก็บภาพมาฝากกันอีกนะครับ .

920
ขอบคุณครับท่านนก รู้จักหน้ารู้จักตัวเอง

ขอลงไว้เป็นแนวศึกษาครับ เคยอ่านของหลวงปู่ทิม วัดพระขาว จะพอสรุปออกมาได้ว่า

คนเรามีอยู่หน้าเดียว แต่มีหลายหัวโขน .


921
หลวงปู่ท่านก็ชราภาพมากแล้ว ศิษย์มาท่านก็ต้องต้อนรับขับสู้สงเคราะห์ให้ถึงที่สุด เห็นใจท่านกันบ้างนะครับ ยิ่งกระแสกุมารทองของทางวัดสามง่ามดังออกไปอีก คนมากันเยอะแน่ๆ แนะนำว่าหากบูชาวัตถุมงคลของหลวงปู่แล้ว นำไปใช้นำไปบูชาได้เลยครับ ไม่ต้องนำไปให้หลวงปู่ท่านอฐิษฐานจิตอีกรอบก็ได้ เพราะท่านทำไว้อย่างเต็มที่แล้ว ไม่ดีจริงก็คงไม่นำออกมาให้บูชากันครับ เรื่องจารอีกอย่างหนึ่ง ไม่จำเป็นก็อย่าไปรบกวนท่านเลยครับ เวลาจารต้องใช้แรงกดอย่างมาก สงสารหลวงปู่นะครับ

" ใจจึงหน่ายจึงเหนือยจึงเมื่อยล้า วุ่นผวาว่อนไหวถูกไล่ต้อน

เกิดแล้วก่อล่อแล้วเร้นเย็นแล้วร้อน ไม่พักผ่อนเพียงสักคราวเฝ้าฟู

  รู้และเห็นเป็นไปตามใจอยาก   จึงเหมือนฉากกั้นขวางกำบังอยู่

หยุดเสียทีหยุดเสียเถิดเปิดประตู  เพื่อให้รู้และได้เห็นตามเป็นจริง "

922
        ผมแปลกใจมากเลย สมัยสุโขทัย อยุธยา ธนบุรี รัตนโกสินตอนต้น ข้าราชการ ต้องมีรอยสัก บางรอยสัก ต้องเจ้านายใหญ่ๆถึงจะสักได้ด้วยซ้ำ มาหายไปช่วงไหนผมก็ไม่ทราบแต่เสียดายในความเป็นไทย ก็อย่างที่หลายๆท่านตอบ สักได้แต่ต้องอยู่ในร่มผ้าครับ

ในสมัยสังคมศักดินา มีการแบ่งผู้คนออกเป็นประเภทใหญ่ๆได้ 2 ประเภท คือ

๑.ชนชั้นปกครอง ได้แก่ กษัตริย์ , พระบรมวงศานุวงศ์ , ขุนนาง , มูลนาย

๒.ชนชั้นถูกปกครอง ได้แก่ ไพร่ และทาส

( ส่วนพระสงฆ์นั้นเป็นผู้อยู่คั่นระหว่างกลาง คอยประสานสัมพันธ์ระหว่างชนชั้น )

คนธรรมดาทั่วไปจะจัดอยู่เป็นไพร่ ไพร่นี่ถือว่าเป็นปัจจัยสำคัญของการได้มาซึ่งอำนาจ ไพร่จึงมีไว้เพื่อแสดงอำนาจของกำลังคน ไพร่มีแบ่งแยกย่อยออกมาได้หลากหลายประเภท อาทิ ไพร่หลวง ( ไพร่ของพระมหากษัตริย์ ) , ไพร่สม ( ไพร่ของมูลนายที่กษัตริย์พระราชทาน )

เพื่อความสะดวกในการควบคุมกำลังคนนั้น จึงต้องสักเลก เพื่อสังกัดกรมกองต่างๆให้มีระเบียบ และเพื่อผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจของอาณาจักร ( เกณฑ์แรงงานไพร่มาใช้แรงงานในด้านต่างๆตามกำหนดเช่น เข้าเดือนออกเดือน สำหรับไพร่ที่มีฐานะก็อาจจะส่งส่วยแทนแรงงานก็ได้ )

ที่กล่าวมาอยากจะชี้ให้เห็นว่ารอยสักในสมัยเริ่มเเรกนั้นมีประโยชน์ในการแบ่งกำลังคนไปตามกรมกองต่างๆ ต่อมาอาจจะมีเรื่องของความเชื่อศรัทธานำมาประยุกต์สร้างสรรค์ให้เข้ากับรอยสัก พร้อมกับปลูกฝังค่านิยมศีลธรรม ซึ่งก็คือกุศโลบายให้ผู้ที่สักนั้นประพฤติดีประพฤติชอบ เพื่อรอยสักจะได้คงความขลังความศักดิ์สิทธิ์เอาไว้

รอยสัก เป็นขวัญกำลังใจอีกอย่างของทหารหาญในสมัยโบราณกาล สร้างความหึกเหิม รอยสักนี้บรรพบุรุษของเราได้ใช้เพื่อที่จะต่อสู้รักษาบ้านเมืองให้ดำรงคงอยู่ไว้เพื่อลูกหลานในอนาคต ซึ่งก็คือพวกเราๆท่านๆในทุกวันนี้นี่เอง ใครที่ดูถูกดูแคลนรอยสักผมเองก็ไม่เห็นด้วยสักเท่าไหร่ มองคนสักว่าเป็นคนขี้คุกบ้าง สกปรกน่ารังเกียจบ้าง อะไรต่อมิอะไรอีกมากมาย โปรดพึงสำนึกเถิดว่ารอยสักช่วยธำรงค์รักษาผืนแผ่นดินนี้ไว้ให้พวกท่านได้อยู่ได้กินได้อาศัย อย่าไปมีอคติกับรอยสักเลยหนอ

สำหรับปัจจุบันข้าราชการไม่รับผู้ที่มีรอยสัก กติกาสังคมมีว่าอย่างนั้นเราก็ต้องปฏิบัติตาม จะไปเปลี่ยนแปลงอะไรไปก็ไม่ได้ การสักยังมีทางเลือกอยู่ คือ สักหมึกกับน้ำมัน แนะนำว่าข้าราชการสักน้ำมันก็ได้นะครับ พุทธคุณไม่ได้แตกต่างอะไรกับหมึกเลยแม้แต่น้อย กุศโลบายทำความดีกับรอยสักก็ยังคงเหมือนกัน คิดก่อนทำ แล้วจะเกิดสุข คิดมากๆมองให้รอบด้าน ดูผลที่จะตามมาในภายหลัง แล้วจะตัดสินใจได้เองครับ ตนให้คำตอบตนเองได้ดีที่สุด .

923
สอนได้ดีครับนิทานเรื่องนี้ สาธุด้วยครับ . :001:

924
ลายสือไทย ไม่น่ามีปัปัญหาครับ เท่าที่เคยเห็นรายละเอียดผ่านตามา อฐิษฐานจิตโดย หลวงพ่อเกษม เขมโก สุสานไตรลักษณ์ จ.ลำปาง .

925
รวมสมาชิก (มิตรไมตรี) / ตอบ: where2
« เมื่อ: 10 ก.ค. 2552, 06:13:17 »
พระอุโบสถวัดพระขาว อ.บางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา

926
เป็นตัวอย่างที่น่ายกย่องเรื่องการรับน้องอย่างสร้างสรรค์ สาธุครับ สาธุ .

927
แยบคายมากๆครับสำหรับคาถาบทนี้

อันศัตรู ก็เปรียบเสมือน ผู้มาทดสอบกำลังใจ ลองปรับมุมมองของคำว่า " ศัตรู " เสียใหม่ สุขจึงบังเกิดครับ .


928
กราบนมัสการพระอาจารย์ครับ ความคิดในจิตใจ มันมีเกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา เกิดขึ้น ดำรงค์อยู่ ดับไป แต่ต้องฝึกข่มจิตตนเองไม่ให้ตกไปในทางอกุศลในทุกๆโอกาส ตอนี้กำลังนำหลักปฏิบัติที่พระอาจารย์เมตตาสอนมาไปใช้ครับ เป็นประโยชน์มากๆเลยครับ ขอบพระคุณพระอาจารย์มากๆครับ .

929
กราบนมัสการพระอาจารย์ครับ

" เกิดขึ้น คงอยู่ ดับไป " ทุกสิ่งอย่างล้วนเป็นธรรมดาอยู่ในวังวนดังกล่าว ไม่มีสิ่งใดจีรังทุกอย่างล้วนต้องดับหายไป จะมีแต่ความดีเท่านั้นที่จะคงอยู่ .

930
ฝากถามท่าน salapao หน่อยครับว่าวงกลมด้านล่าง 2 วง
สีน้ำเงินกับสีแดง เป็นกุฏิพระอาจารย์ท่านใดหรอครับ
เห็นมีแต่วงกลมไว้ ไงรบกวนด้วยนะครับ
บอกกล่าวไว้ให้นะครับ

ในวงกลมสีน้ำเงิน คือ กุฏิหลวงพ่อสมชายครับ

ส่วนในวงกลมสีแดง  คือ กุฏิหลวงพี่ต้อยครับ .

931
กราบนมัสการหลวงตาเผือดครับ

ขอบคุณคุณโยมอเมซิ่งมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ .

932
อนุโมทนากับทั้งสองคนด้วยนะครับ เป็นตัวอย่างที่ดีให้กับเยาวชนรุ่นใหม่ในเรื่องการการเข้าวัดทำบุญ และอย่างยิ่งในวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาเช่นนี้ .

933
ประเพณีที่สะท้อนความคิดความเชื่อเกี่ยวเนื่องกับพระพุทธศาสนา จากบรรพบุรุษเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน หน้าที่ของเราชาวพุทธก็ควรทำนุบำรุงรักษาสิ่งที่ดีงามเหล่านี้ไว้ให้คงอยู่สืบไป อนุโมทนาด้วยครับ .

934
แท้ครับสำหรับเศียรฤาษีกาลสิทธิ์ของ คุณ damage ที่วัดบางพระก็ยังมีให้บูชาครับ เป็น ๑ ในวัตถุมงคลชุดไหว้ครู ๒๕๕๒ .

935
ยันต์หอมเชียง ตามที่สอบถามพระอาจารย์ท่านเมตตากล่าวให้ฟังว่า ยันต์น์หอมเชียงนี้ สักเสร็จแล้วไม่ต้องเป่าปลุกเสก ก็มีความขลังมีพุทธคุณในตัวเองอยู่แล้ว .

936
สาธุครับ กรรมเป็นตัวกำหนดทุกสิ่งทุกอย่าง ทุกอย่างล้วนเกิดแต่กรรม " เพราะสิ่งนี้มี จึงมีสิ่งนี้ "

หมั่นประพฤติปฏิบัติกุศลกรรมกันเข้าไว้นะครับ .

937
อิระชาคะตะระสา

ระชาคะตะระสาอิ .

ชาคะตะระสาอิระ .

คะตะระสาอิระชา .

ตะระสาอิระชาคะ .

938
ไม่ทราบว่า ช่วงเข้าพรรษา
พระอาจารย์ที่วัดบางพระ  ยังคงสักตามปกติรึเป่า ครับ

สักตามปกติครับ .

939
อยากทราบว่าตะกรุด วชน ตอกโค๊ดกับไม่ตอกโค๊ดต่างกันอย่างไรคับ
แล้วอยากทราบว่าหลวงพ่อท่านจารเองหรือป่าวดูยังไงอะครับ
จากที่ได้รับความรู้จากคุณโยมเมฆ ตะกรุดวัดชายนาจะมีอยู่ ๒ ลักษณะ คือ

๑. ตะกรุดปั๊ม จะใช้เครื่องปั๊มยันต์,อักขระ ลงไปบนแผ่นตะกั่ว ( อย่างในภาพด้านบนของกระทู้นี้ )

๒.ตะกรุดจารมือ หลวงพ่อตัดท่านไม่ได้จารเอง ผู้จารคือพระอาจารย์ทิน

ทั้ง ๒ แบบนี้ ได้รับการปลุกเสกโดยหลวงพ่อตัดเหมือนกันทั้งสิ้น จึงไม่มีความแตกต่างอะไรกันมากนัก

ในเรื่องของโค้ด วชน ผมจำรายละเอียดเรื่องปีได้ไม่แน่นอนนัก ตะกรุดของทางวัดมีทั้งตอกโค้ดและไม่ตอกโค้ด แต่พุทธคุณไม่แตกต่างกันอย่างแน่นอนเพราะทุกดอกผ่านการปลุกเสกจากหลวงพ่อตัดเหมือนกัน .

940
อนุโมทนาครับคุณโยม มงคลชีวิตข้อที่ ๓ " การบูชาบุคคลที่ควรบูชา " เป็นมงคลสูงสุด สังขารคงหลือไว้แต่คุณงามความดี .

941
อนุโมทนาครับคุณโยม งานวันที่ 12 สิงหาคม 2552 นะครับ ท่านบอกกล่าวมาครับ .

942
หาชมได้ยากทั้งนั้นเลยครับ ด้านล่างใช่ภูธราวดี ปี 06 หรือเปล่าครับ ขอความรู้ครับ.

943
นมัสการครับพระอาจารย์ เคยปฏิบัติแล้วหยุดตรงความรู้สึกที่ไม่มีตัวเรา ร่างกายเรานั้นไม่มี จับได้แต่ลมหายใจเข้าออก รู้สึกสบายๆ บทความของพระอาจารย์มีประโยชน์มากทีเดียวครับ ทำให้เข้าใจในนิมิตได้มากขึ้นทีเดียว แรกๆได้ยินพูดกันว่านั่งแล้วเห็นดวงแก้วเห็นองค์พระที่กลางกาย ใจขณะนั้นก็อยากครับ อยากจะเห็นอยากจะสัมผัสดูบ้าง แต่ยิ่งอยากก็ยิ่งไม่เจอกลัววุ่นวายในจิตใจเข้าไปอีก จึงลองสบายๆปล่อยวาง จนได้มาแค่นี้ครับ จะฝึกต่อไปครับ  .

944
บทความ บทกวี / ตอบ: สวัสดีชาวโลก...
« เมื่อ: 06 ก.ค. 2552, 09:38:30 »
ขอบคุณครับพระอาจารย์ .

945
เนื้อหากินใจ เพื่อความสมัครสมานสามัคคี เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของเพื่อนสมาชิกเราครับ ขอบคุณครับพระอาจารย์ :001:

946
" พระคาถากำกับพระขุนแผนกุมารทอง หลวงพ่อพูล วัดไผ่ล้อม จ.นครปฐม "

ตั้งนะโม ๓ จบ

กุมาโรมามะมะ เอหิจิตตังปิยังมะมะ

โอมฟ้าฟื้นเจริญศรี ศรีกูงามเหมือนขุนแผน แขนกูงามเหมือนแขนพระนารายณ์ กายกูงามเหมือนกายพระพรหม ขนกูงามเหมือนขนนกกาน้ำ

นะรำไรรักใคร่เห็นหน้า โมละลวยช่วยพามา พุทถามหา ทาร้องทัก นะกะโรโหติ

จงมาบังเกิดเป็นนะเมตตา ซื้อง่ายขายดีมีกำไร ซื้อง่ายขายคล่อง มีเงินมีทอง เหลือกินเหลือใช้ .

947
รับทราบครับ ขอบคุณมากครับผม ร่วมด้วยช่วยกันเป็นผู้นำบุญครับ  :054:

948
กราบนมัสการพระอาจารย์ครับ  :054:

949
อีก 1 อดีตพระเกจิอาจารย์ผู้เรืองนามแห่งเมืองกรุงเก่า สุดยอดครับ  :001:

950
แต่ละเหรียญงามหยดทั้งนั้นเลยนะครับพี่นก ขอบคุณมากครับ  :001:

951
บทความ บทกวี / ตอบ: ยิ้ม ยิ้ม ยิ้ม
« เมื่อ: 04 ก.ค. 2552, 09:37:25 »
ขอบคุณพี่นกมากครับ สำหรับบทความรอยยิ้ม  :002: ยิ้มกันเข้าไว้ " ยิ้มแล้ว รวย "  :002: :002:

952
วัดปราสาทบุญญาวาสหรือเปล่าครับ ไม่ชี้ชัด  :001:

953
" รู้จักพอ ก่อสุข ทุกสถาน "    " จิตหาญใจพ้นทุกข์ สุขด้วยธรรม "

954
ครูบาเจ้าเกษม เขมโก สุสานไตรลักษณ์ จ.ลำปาง ( เขลางค์นคร ) ครับ  :001:

955
กราบนมัสการพระอาจารย์ครับ ดังที่อริสโตเติลกล่าวไว้ มนุษย์เป็นสัตว์สังคม จะต้องพบปะดำเนินชีวิตมีกิจกรรมร่วมกัน การที่จะอยู่ร่วมกันอย่างปกติสุขพึงใช้สติให้มาก ยอมรับเปิดกว้างในด้านความคิด ก็จะพบแสงธรรมแห่งสันติสุขครับ  :001:

956
หาชมได้ยากจริงๆครับท่านหอมเชียง สุดยอดอีกแล้วนะครับ เมืองกาญจน์ไม่ค่อยได้มีโอกาสไป เลยไปตามหลวงพ่ออุตมะที่วัดเกาะวังไทรแทนครับ  :001:

957
สวยมากเลยนะครับพี่นก ชอบจังครับชุดนี้  :015:

958
กราบนมัสการพระอาจารย์ครับ แตกต่างแต่อย่าแตกแยก สาธุครับ  :054:

959
ขอบคุณครับพี่นก อนุโมทนาด้วยนะครับ  :054:

960
กราบนมัสการพระอาจารย์ครับ เนื้อเพลงนี้ประทับใจผมมากเลยครับ อ่านไปนึกเปรียบเทียบกับตัวเองไป " ดวงดารา " ดาวใจดวงนั้น คือกำลังใจที่ทำให้ผมได้ยืนหยัดอยู่จนทุกวันนี้ครับ  :054:

961
งามครับผม เก็บสายอยุธยาตัวจริงเลยนะครับนี่ ขอบคุณที่นำมาให้ชมกันครับ  :001:

962
กราบนมัสการพระอาจารย์ครับ รอทำนองขับกล่อมออกมาเป็นเสียงเพลง ครับ  :001:

963
งามมากเลยครับพี่เจมส์ ยินดีด้วยนะครับ

ของท่าน yodrak  ออกปี 2534 ครับ  :001:
 

964
กราบนมัสการครับ ขอบคุณภาพมากๆเลยนะครับ เห็นแล้วประทับใจมากครับ  :001:

965
บทความ บทกวี / ตอบ: อารมณ์
« เมื่อ: 02 ก.ค. 2552, 09:37:38 »
จิตรับรู้เท่าทันอารมณ์ ขอบคุณมากครับพี่นก  :001:

966
สวยๆกันทั้งนั้นเลยครับ เอกลักษณ์ของลอคเกตครับ  :001:

967
นั่งพานเสาร์ 5 เนื้อผงหลวงปู่ทิม วัดพระขาว สวยมากครับท่านเอ ขอบคุณที่นำมาให้ชมกันนะครับ

" หลวงปู่ทิม วัดพระขาว พระผู้เมตตาต่อชนทุกชั้น "

กราบนมัสการหลวงปู่ทิมครับ  :054:

968
รวมสมาชิก (มิตรไมตรี) / ตอบ: w h e r e
« เมื่อ: 02 ก.ค. 2552, 09:05:03 »
กระทู้แจกรางวัลหรือครับนี่   :005:  กราบนมัสการพระพุทธรูปหลวงพ่อโต , สมเด็จพระพุฒาจารย์โต ( พรหมรังษี ) ด้วยครับ  :054:

เห็นพระพักตร์พระประธานแล้วอดนึกถึงขรัวโตไม่ได้ ประวัติการสร้างน่าสนใจน่าติดตามมากครับ ลองหาอ่านดูนะครับ  :002:

ยินดีกับพี่เอ็กด้วยนะครับ  :053:

969
สวยมากเลยครับพี่นก ฤกษ์ดี พิธีสุดยอดจริงๆครับ ขอบคุณที่นำมาให้ชมได้ศึกษากันนะครับ  :001:

970
กราบนมัสการพระอาจารย์ครับ เชื่อมั่น - ศรัทธาในความดี สาธุครับ  :054:

971
12 สิงหาคม 2466 เป็นไปได้นะครับนี่ เหลื่อเชื่อจริงๆครับลุงต้อ ขอบคุณนะครับที่เล่าสู่กันฟัง  :001:

972
สาธุครับคุณลุงยันต์กลับ บารมีของหลวงปู่โดยแท้ครับ จึงบังเกิดความอัศจรรย์เช่นนี้ น้อมกราบนมัสการหลวงปู่ทิมอย่างสุดซึ้งครับ  :054:

973
ฤาษีสวยมากเลยครับพี่นก รอวาสนาอีกเช่นเคยครับ  :016:

974
ขอบคุณครับพี่นก เคยไปกราบสักการะมาครั้งนึงครับ วัดสวยมากครับ  :001:

975
เห็นสิงห์ของเพื่อนเอ็มแล้วคิดถึงของผมไม่ได้
สิงห์กระโจน เหมือนกัน
แต่ของผมมีงวงเพิ่มมาด้วย อิอิอิ^ ^


คชสิงห์งามมากครับท่านก๊อต สุดยอด  :015:

976
ประทับใจมากครับ ขอบคุณภาพพี่นาวมากนะครับ สำหรับภาพ อบอุ่นจริงๆครับ ขอบคุณพี่ๆทุกท่านด้วยนะครับ  :054:

ยังไม่ได้ของดีจาก พี่สิบทัศน์ เลย :070:

สงสัยจะหมดย้ามก่อนแล้ว :005:
เทหมดย่ามไว้ที่ท่านผู้การเสือครับ  :002:มีพระผงจักรพรรดิสูตรหลวงปู่ดู่ วัดสะแก อฐิษฐานจิตโดยหลวงตาม้า วัดถ้ำเมืองนะ และกระเบื้ององค์พระปฐมเจดีย์ ไว้โอกาสหน้านะครับ เพื่อนเบ้นคอนเฟิร์มไว้แล้วครับสำหรับพระที่จะเตรียมไว้แจกโอกาสหน้า  :001:

977
ขอบคุณเฮียตี๋และท่านต่ายมากนะครับ สำหรับความรู้เรื่องกสิน เป็นประโยชน์สำหรับผู้ที่ต้องการจะศึกษามากครับ  :001:

978
ขอบคุณภาพครับท่านข้าวหลามตัด กราบนมัสการพระอุปัชฌาย์ ( เจ้าอาวาสวัดพระปฐมเจดีย์ราชวรมหาวิหาร ) หลวงพ่อชัยวัฒน์ วัดพระปฐมเจดีย์ , หลวงพ่อเพี้ยน วัดตุ๊กตา และพระอาจารย์ทุกๆรูปครับ  :054:

979
ขอบคุณภาพครับพี่นาว เห็นพี่เอ๊กสู้ตายนอนหลับตาพริ้มเลย ( หรือเปล่า  :004: ) ได้ฟิวส์จริงๆครับ อิอิ  :004: :004: :004:

980
ขอบคุณภาพครับพี่โชว์ ขอบคุณสำหรับน้องหมีตัวน้อยด้วยนะครับ รอชมกันต่อครับ  :002:

981
ขอบคุณมากครับที่นำประวัติของท่านมาให้ได้ศึกษากัน เหรียญลงยาสวยมากๆเลยครับ  :001:

983
พบปะเพื่อนสมาชิกอบอุ่นดีครับ เป็นกันเอง ช่วยกันเสียบลูกชิ้น ช่วยกันปิ้ง คนละไม้คนละมือ คนละคำสองคำ หนุบหนับๆ  :004: โอกาสหน้าพบปะกันอีกนะครับ  :002:

984
ขอบคุณที่นำมาให้ชมกันนะครับ  :016:

985
รูปสวยมากเลยครับพี่นก ขอบคุณข้อมูลมากครับ สุดยอดอีกเช่นเคยครับ  :015:

986
บทความ บทกวี / ตอบ: ตีนกับตา
« เมื่อ: 01 ก.ค. 2552, 05:54:24 »
ทุกอย่างสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน พึ่งพาอาศัยกัน ทุกอย่างจะดีครับ ขอบคุณพี่นกมากนะครับ  :001:

987
ขอบคุณบทความครับพี่นก สาธุด้วยนะครับ  :054:

988
ท่านใดยังไม่ได้รับก็ติดต่อมาไว้ก่อนนะครับ

รักษาสิทธิ์ของท่านกันครับ

ขอบคุณท่านต้นมากนะครับ  :001:

989
ยินดีด้วยนะครับเฮียตี๋ ไว้เจอกันโอกาสหน้านะครับ สาธุครับ  :001:

990
ขอบคุณภาพครับเฮียศักดิ์ดา เก็บได้ทุกรายละเอียดจริงๆนะครับ ร่วมบุญกันครับสาธุๆ  :054:

991
ประทับใจมากครับ ขอบคุณภาพพี่นาวมากนะครับ สำหรับภาพ อบอุ่นจริงๆครับ ขอบคุณพี่ๆทุกท่านด้วยนะครับ  :054:

992
ขอบคุณภาพมากนะครับพี่โคมแก้ว พี่เอ๊กเราไหงเป็นงั้นไปได้หล่ะครับ อิอิ ไว้เจอกันในโอกาสต่อไปนะครับ ขอบคุณครับ  :002:

993
ขอบคุณมากครับ บทความนี้ดีมากครับ  :001:

994
ขอบคุณภาพทุกๆท่านนะครับ กราบนมัสการพระอาจารย์ด้วยครับ  :054:

995
กราบนมัสการพระอาจารย์นะครับ รอชมภาพบรรยากาศในวันงานครับ  :054: :114:

996
ได้อ่านแล้วรอยยิ้มปรากฏขึ้นมา คำคมประจำวัน  " คนหลายใจไม่น่ากลัว ยุงหลายตัวน่ากลัวกว่า " ^_^ กราบนมัสการพระอาจารย์ครับ  :054: :114:

997
งามจังครับพี่ชาติ สายเขาอ้อสุดยอดมากเลยครับ  :015:

998
สวยมากครับท่านหอมเชียง รอวาสนาบ้างครับ  :053:

999
กราบนมัสการพระอาจารย์ครับ

พรุ่งนี้ไว้ร่วมบุญครับ ร่วมน้อมรำลึกถึงหลวงพ่อเปิ่น  :114:

หน้า: [1] 2 3 4 5 6 7