วันนี้เป็นวันพระแรม ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๐
ญาติโยมมาทำบุญตักบาตรที่วัดพอประมาณ
ไหว้พระสวดมนต์ทำวัตรเช้าแล้วญาติโยมรับศีลถวายสังฆทาน
รับสังฆทาน สนทนาธรรม ให้พรญาติโยม เสร็จแล้วฉันอาหารเช้า
เสร็จพิธีที่ศาลาหอฉันเวลาประมาณ ๐๙.๐๐ น. จึงกลับขึ้นศาลาที่พัก
ญาติโยมทานข้าวเสร็จแล้วลงไปช่วยกันขนทรายปรับพื้นหอพระหอธรรม
ขนทรายปรับพื้นเสร็จเรียบร้อยเวลาประมาณ ๑๑.๓๐ น. ญาติโยมลากลับ
สรงน้ำแล้วออกไปลงอุโบสถฟังพระปาฏิโมกข์ร่วมกับพระทั้งตำบล
เพื่อพบปะพูดคุยและทำสังฆกรรมร่วมกันของพระที่จำพรรษาในเขตตำบลเดียวกัน
กลับจากลงอุโบสถฟังพระปาฏิโมกข์แล้วเข้าโบสถ์ขออยู่ปริวาสกรรม เข้ากรรมฐาน
เพื่อชำระศีลของเราให้บริสุทธิ์ โดยจะอยู่ปริวาสกรรม เข้ากรรมฐาน ๑๕ วัน
ซึ่งจะครบกำหนดออกอัพภาน ออกกรรมฐานในวันขึ้น ๑๔ ค่ำหน้า ก่อนวันปวารณา
เพราะว่าหลังออกพรรษาจะต้องออกไปบรรยายธรรม สอนกรรมฐานและไปร่วมงานพุทธาภิเสก
เราจึงต้องเข้าอยู่ปริวาสกรรม เข้ากรรมฐาน เพื่อชำระศีลของเราให้บริสุทธิ์เสียก่อน
และเพื่อที่จะได้ประพฤติปฏิบัติทบทวนสภาวะธรรมทั้งหลายที่จะต้องใช้ในการบรรยาย
เร่งความเพียรเคี่ยวจิต เพิ่มกำลังสมาธิ ทบทวนฝึกจิตในเชิงพลังงาน ให้กลับมาเหมือนเดิม
ย้ายลงไปจำวัตรปฏิบัติในพระอุโบสถ เดินจงกรม นั่งสมาธิ อธิษฐานจิตวัตถุมงคล
การอธิษฐานจิตวัตถุมงคลนั้น เราต้องจำภาพนิมิตรของวัตถุมงคลที่จะอธิษฐานจิตทุกชิ้นให้ได้ทุกชิ้น
รูปทรงสัณฐาน อักขณะเลขยันต์ สีสรรค์ มวลสาร และเจตนาในการสร้างว่าวัตถุมงคลนั้นเพื่อด้านใด
เป็นวัตถุมงคลทางเมตตามหานิยม เมตตามหาลาภ แคล้วคลาด คุ้มครอง หรือมหาอุด คงกระพัน
เพราะว่ารูปยันต์ อักขระคาถา และรูปพรรณสัณฐานของวัตถุมงคลแต่ละอย่างนั้นแตกต่างกัน
การปลุกเสกในสมัยโบราณก่อนนั้น ทางเจ้าภาพเขาจะเตรียมวัตถุมงคลที่จะปลุกเสกใส่พาน
ถวายตั้งหน้าครูบาอาจารย์ที่มาร่วมปลุกเสกทุกท่านเพื่อให้รู้ว่าต้องอธิษฐานจิตวัตถุอะไรบ้าง
และวัตถุแต่ละอย่างควรจะไปในทิศทางใด ให้เด่นด้านไหน เพราะเมื่อท่านได้เห็นวัตถุมงคลแล้วท่านจะเข้าใจ
เพื่อที่จะได้อธิษฐานจิตไปในทิศทางเดียวกันในแต่ละคาบ ซึ่งมีสัญญาญเสียงฆ้องเป็นตัวกำหนด
เริ่มเดินจิตจากอ่อนโยนคือเดินจิตจากเมตตามหานิยม เมตตามหาลาภ แคล้วคลาด คุ้มครองป้องกันคุณไสย์
มหาอุด คงกระพัน แล้วกลับมาสู่เมตตามหานิยมอีกครั้งก่อนถอนจิตออกจากอารมณ์สมาธิจบการอธิษฐาน
ซึ่งมีการเรียกรูปอาการ ๓๒ เดินธาตุ เสริมธาตุ ปลุกธาตุ เชิญเทวดามาช่วยรักษาวัตถุมงคลนั้นๆทุกชิ้น
จบด้วยการอธิษฐานจิตประจุตรึงพลังงานเพื่อป้องกันการคัดของ การสลายพลังงาน มิให้พลังงานนั้นเสื่อมถอย
และในสมัยก่อนนั้นครูบาอาจารย์ท่านจะเป็นสายเดียวกัน ศิษย์อาจารย์เดียวกัน หรือมีภูมิธรรมสมาธิที่สูง
การปลุกเสกอธิษฐานจิตจึงเป็นไปในทิศทางเดียวกันเพราะท่านมีภูมิธรรมและสมาธิที่แก่กล้าเสมอกัน
แต่ปัจจุบันงานพุทธาภิเสกส่วนใหญ่เป็นไปเพื่อสร้างภาพเพื่อหวังผลเชิงพาณิชย์เป็นธุระกิจเสียส่วนมาก
ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดก็คือการสร้างจตุคามเมื่อครั้งที่ผ่านมา หาครูบาอาจารย์ไม่ได้ก็สร้างและเชียร์เกจิใหม่ขึ้นมา
จึงมีแต่เพียงภาพ แต่ขาดซึ่งคุณภาพและพลังงาน ทำให้เกิดการเสื่อมศรัทธาโดยเร็วไว เป็นเรื่องที่น่าเศร้าใจ
จึงขอฝากไว้เป็นข้อคิดสะกิดเตือนใจแก่ท่านทั้งหลายให้คิดและพิจารณา....
:059:ด้วยความปรารถนาดีและไมตรีจิต
รวี สัจจะ-สมณะไร้นาม-กลุ่มยุทธธรรมสัญจร
๒๐ กันยายน ๒๕๕๒ เวลา ๐๗.๑๘ น. ณ ศาลาน้อยริมน้ำโขง ชายแดนประเทศไทย