แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Topics - nut@coffee

หน้า: [1]
1
วันนี่ไปวัดมา เห็นมีการ รณรงค์เรื่องไม่ให้สูบบุหรี่ในวัดครับ แต่เห็นบุคคลคนนึง ได้เดินเข้าไปนกุฏิหลวงพี่นัน ทั้งๆที่มีผู้คนนั่รอ สักอยุ่เยอะพอประมาณแต่ชายผู้นั้นเมาถึงก้อ นั่งสูบบุหรี่อย่างสบายใจโดยไม่สนใจคนรอบข้างเลย การกระทำแบบนี่สมควรแล้วหรือ

2
อยากทราบว่าที่วัดบางพระมียันต์เทพรัญจวน หรือ เปล่าครับ

3
รวมสมาชิก (มิตรไมตรี) / ยันต์หนีบ
« เมื่อ: 03 ต.ค. 2553, 11:52:34 »
ยันต์หนีบ
คำว่าหนีบ ในที่นี้หมายถึง ประกบ การบีบรัด การกดทับ โดยวิธีทำนั้นจะกระทำโดย การนำแผ่นเงิน แผ่นคำหรือแผ่นตอง โดยเอาทั้ง 2 ด้านของแผ่นยันต์มาประกบเข้าสิ่งของที่อยู่ข้างใน ทำให้บุคคลที่ถูกทำด้วย การทำยันต์หนีบ ตกอยู่ในอาการลุ่มหลงผู้ที่ทำ เกิดความสิเน่หา เกิดความรักใคร่ ลุ่มหลง ซึ่งถือว่าเป็นศาสตร์แห่งวิชาทางไสยศาสตร์ที่มีชื่อเสียงโด่งดัง และนิยมกันมากในสายล้านนาตั้งแต่อดีตจวบจนถึงปัจจุบันครับซึ่งหากนึกถึงวิชายันต์หนีบที่มีชื่อเสียงโด่งดังอย่างมาก ในสายล้านนานั้น ก็คงต้องนึกถึงเกจิรุ่นเก่าจอมขมังเวทย์อย่างครูบาวัง วัดบ้านเด่น จังหวัดตากครับ ซึ่งจากประสบการณ์ที่ผมได้ศึกษาเกี่ยวกับไสยศาสตร์ที่เกี่ยวกับภูมิปัญญาของทางล้านน
านั้น พบว่ายันต์หนีบของแต่ละเกจิอาจารย์ และแต่ละสำนักนั้นจะพบว่าไม่เหมือนกันเลย อันนี้เคยไปสอบถามผู้รู้ในทางล้านนามาถึงสาเหตุนี้ ก็พบว่าการทำยันต์หนีบของทางล้านนานั้นไม่มีมาตรฐานที่ตายตัวครับ ซึ่งพบว่าแต่ละสำนักแต่ละสายนั้นจะมีการผูกยันต์ขึ้นมาใช้เองครับ เรียกว่าเป็นสูตรเฉพาะของแต่ละสำนักเลยก็ว่าได้ บางแห่งพบว่ามีการลงอักขระเป็นตัวเลขก็มี บางแห่งเป็นตัวอักขระคาถาก็มี บางแห่งเป็นรูปผู้ชายกับผู้หญิงก็มี และบางแห่งที่เห็นเป็นรูปสัตว์เช่นเสือกับวัว หนูกับแมวก็มี แต่จากหลักฐานทางโบราณศาสตร์พบว่า ที่นิยมแพร่หลายที่สุดนั้น มักจะนิยมเป็นตารางและลงอักขระยันต์ทางล้านนามากกว่า เพราะถ้าเป็นรูปสัตว์นั้นเขาถือคติว่า อาจมาจากวิชาสายของทางภาคกลางหรือทางอีสานได้ ซึ่งโบราณจารย์ท่านจึงไม่ค่อยนิยมกันมากนัก ซึ่งสาเหตุนั้นก็เพื่อต้องการรักษาเอกลักษณ์ดั้งเดิมในศาสตร์ของทางล้านนาไว้ครับ อีกอย่างหากเอ่ยถึงวิชายันต์หนีบนี้ ชายหาญในล้านนาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน จะรู้ดีครับว่ามีสรรพคุณทางมหาเสน่ห์เยี่ยมยอดเพียงใด

วิธีการใช้

เมื่อต้องการจะทำพิธีหนีบจิตของคนรักให้เกิดความรักและเกิดความลุ่มหลงในตัวเรานั้น เขาให้ผู้ที่จะกระทำไปยืนที่ใต้ร่มโพธิ์ทางทิศใต้ คอยจนมีใบโพธิ์ร่วงจากกิ่งด้านทิศใต้ หากพบว่าเป็นใบโพธิ์คว่ำให้เป็นตัวแทนของผู้ชาย หากพบว่าใบโพธิ์หงายก็ให้เป็นตัวแทนของผู้หญิง ให้จำไว้ให้ดี อย่าทำสลับกันเด็ดขาดเพราะแทนที่จะทำให้เขาเกิดความลุ่มหลงในตัวเรา อาจกลับเป็นเราที่ไปลุ่มหลงเขาแทนมากกว่า แล้วจึงนำมาตัดเป็นแผ่นขนาดเท่ากับแผ่นยันต์หนีบ จากนั้นเขียนชื่อ วันเดือนปี เกิดของเราและบุคคลนั้นลงไปในใบโพธิ์ แล้วเสียบลงไปที่ช่องอักขระยันต์ แล้วให้นำติดตัวพกใส่กระเป๋าเสื้อหรือห้อยคอไว้เสมอ หรือบางคนอาจจะสอดยันต์หนีบไว้ใต้หมอน หรือใต้เตียงให้ตรงบริเวณกึ่งกลางลำตัวของเราก็ได้ ให้สังเกตุดูว่าภายใน 3 วัน 7 วัน ว่าเขามีอาการเปลี่ยนแปลงไปบ้างไหม ลองดูเถิดแล้วจะรู้เองครับ ว่ายันต์หนีบของทางล้านนาที่มีชื่อเสียงโด่งดังมาอย่างยาวนานเป็นเช่นไร

เครดิต http://xchange.teenee.com/XXXXXXXXXXXX



ขออนุญาตแก้ไขลิงค์นะครับ เนื่องจากลิงค์ที่คุณวางมีเนื้อหาเกี่ยวกับการซื้อขาย

๙. ห้ามตั้งกระทู้ที่มีเนื้อหา ไปในทางโฆษณาบอกประกาศ เพื่อส่อเจตนาในทางซื้อขายหรือแลกเปลี่ยนใดๆ ทั้งสิ้น

                                                                                                      ผู้ดูแลบอร์ด

4
อยากทราบว่า วัดบางพระ สักยันต์นารีสวน หัวใจขุนแผน จูงนาง เพชรพยาธร ม้าเสพนาง กวางเหลียวหลัง หรือเปล่าครับ เห็นกระทู้เก่าๆมีโพสกันอยุ่บ้าง ถ้ามีพระอาจารย์ท่านใดสักครับ

5
ไสยศาสตร์คืออะไร?
ไสยศาสตร์ เป็นวิชาเกี่ยวกับเวทมนตร์ คาถา และ เลขยันต์ ประกอบกับการใช้อำนาจสมาธิจิต การสาธยายเวทมนตร์คาถา การภาวนา และการปลุกเสก

ลัทธิไสยศาสตร์ คือการรวมอำนาจจิต รวมพลังงานทางจิตซึ่งได้ทำการอบรมจิตใจให้มีความยึดมั่น เชื่อถือ อย่างจริงจัง ดำเนินไปตามหลักทางไสยศาสตร์ ตามวิธีการนั้น ๆ ก็จะสามารถแสดงฤทธิ์ปาฎิหารย์ได้ด้วยกระแสคลื่นแห่งพลังอำนาจจิตอันแรงกล้า ของ มโนภาพ สมาธิ จิตตานุภาพ ทั้งสามประการนี้ จึงเป็นบ่อเกิดแห่งอำนาจที่ประหลาดมหัศจรรย์ขึ้นได้

ลัทธิไสยศาสตร์ ได้เกิดขึ้นมาก่อนพุทธกาล ในคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ ไตรเพท ในลัทธิของพราหมณ์ ได้แบ่งออกเป็น 4 ประเภทคือ

ฤคเวทย์ เป็นคำฉันท์ใช้สำหรับสวดมนต์และสรรเสริญพระเจ้า
ยชุรเวทย์ เป็นคำร้อยแก้วให้สำหรับท่องบ่นเวลาบวงสรวงบูชาพระเจ้า
สามเวทย์ เป็นคำฉันท์ใช้สำหรับสวดมนต์ทำพิธีถวายน้ำโสม
อาถรรพเวทย์ เป็นคัมภีร์ประกอบด้วยเวทยมนต์คาถาเรียกผีสาง เทวดาให้ช่วยป้องกันอันตรายให้ และให้มีการแก้อาถรรพ์ ทำพิธีสาปแช่งให้เป็นอันตรายได้ด้วย

อาถรรพเวทย์
อาถไสยศาสตร์. อาถรรพเวทย์ในคัมภีร์ไสยศาสตร์ แยกออกเป็น 2 นิกาย คือ

นิกายขาว (White System) เป็นวิชาที่ใช้ในทางดี คือช่วยเหลือมนุษย์ให้มีสุขปลอดภัย
นิกายดำ (Black System) เป็นวิชาที่ใช้ในทางชั่ว คือทำให้เกิดอันตรายแก่ผู้อื่น

คัมภีร์แสดงถึงความศักดิ์สิทธิ์ทางเวทมนตร์คาถา
มี 8 ประเภทคือ

พระเวทย์แก้โรคต่าง ๆ
พระเวทย์ประสาน
พระเวทย์สะเดาะ เช่น สะเดาะกุญแจและโซ่ตรวน
พระเวทย์ป้องกันตัว เช่น คาถาแคล้วคลาด
พระเวทย์แสดงปาฎิหาริย์
พระเวทย์ทำอันตรายผู้อื่น
พระเวทย์แก้ภูติผีปีศาจ เช่น คาถาสะกดวิญญาณ
พระเวทย์ทำเสน่ห์ เช่น มนตร์เทพรำจวญ
ไสยศาสตร์อาจารย์แบ่งออกเป็นกลุ่มใหญ่ๆ ได้ 3 กลุ่ม คือ ได้แก่ ไสยศาสตร์เพื่อการรักษา เป็นไสยขาว ได้ชื่อเช่นนี้เพราะเป็นประโยชน์ต่อผู้คน เช่น การสะเดาะเคราะห์ ต่อชะตารักษาโรค กลุ่มต่อมาคือไสยศาสตร์เพื่อการป้องกัน ได้แก่ คาถาคงกระพันชาตรี ผ้ายันต์ เสื้อยันต์ สักยันต์เป็นรูปต่างๆ และกลุ่มสุดท้ายคือไสยศาสตร์เพื่อการทำลาย ประเภทนี้เรียกอีกอย่างว่าไสยศาสตร์ดำหรือมนต์ดำ เนื่องจากมีความชั่วร้ายประกอบอยู่ ลักษณะการใช้ ทำให้ผู้อื่นทุกข์ทรมานหรืออาจถึงเสียชีวิตได้

เครดิต ชมรมอนุรักษ์การสักยันต์ไทย

6
รอดเพราะบารมีหลวงพ่อ เกิดจากวันนี่ผมขับรถมอเตอร์ไซไปหาแม่ครับ ซึ่งตอนผมกินเข้าอยุ่ก็คิดว่าจะไปหาแม่
ข้าวนั้นจากอร่อยๆก็กลับขำกินไม่ได้เลย สักพักเจ็บหลังตงที่สักอ่ะครับ แล้วรู้สึกเหมือนว่ายันต์ที่สักไปจะนูนขึ้นมาครับ
ผมก็คิดว่าทำไมมันแปลกๆจังวันนี่ ก็ไม่ได้คิดอะไรพอหยิบกุญแจรถคับมีความรุสึกเหมือนว่าจะต้องมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นกับเราแน่ๆ
ผมก็นึกถึงหลวงพ่อครับว่าให้คุ้มครองผมอย่าให้เดอุบัติเหตุหรืออันตรายใดๆเลย แล้วก็ขับรถออกไปแต่ตอนเข้าโค้ง
ในหมู่บ้านนี่ครับมันมีน้ำอยุ่ครับ แต่ไม่ถึงกับ หนองพื้นครับ พอเข้าโค้งเท่านั้นแหละ รถสะบัดครับ สะบัดขณะกำลังโค้งอยุ่ครับ
ใจผมหายไปชั่วขณะ คิดว่ารถล้มแล้ว แต่รถไม่ล้มครับ เซไป เซมา หักไป หักมา ครับ จนคนแถวนั้นเข้าบอกว่า
โค้งสะบัดซะขนาดนี่ยังไม่ล้มอีก ผมก็ได้ครับ ครับ ทั้งที่ยัง งง ว่า รอดมาได้ไงเนี่ย คิดว่าจะอยุ่ตรงนั้นซะแล้ว
บารมีหลวงพ่อคุ้มครองไว้ครับ เล่าสู่กันฟังครับ


7
วิธีทำ น้ำมันพราย...มนต์ดำสายล่าง

ในบรรดาอาถรรพ์ด้านทำเสน่ห์ด้วยไสยศาสตร์ "น้ำมันพราย" ถือว่าเป็นสุดยอดของมนต์ดำสายล่างที่เข้มขลังและน่ากลัวที่สุด

น้ำมันพราย คือ น้ำมันที่ได้มาด้วยการใช้เทียนรนจากศพของหญิงตายทั้งกลม คือ หญิงตั้งครรภ์แล้วเสียชีวิตขณะลูกยังอยู่ในท้อง ผู้ที่สามารถรนน้ำมันพรายมาได้ จะต้องเป็นผู้ที่มีวิชาอาคมทางไสยศาสตร์แก่กล้า มีกำลังใจเข้มแข็งสูงมาก เพราะจะต้องเผชิญกับความน่าเกลียดน่ากลัวและน่าสยดสยองอย่างถึงที่สุด หรืออาจเผชิญกับอิทธิฤทธิ์ของวิญญาณผีตายทั้งกลมได้ทุกเมื่อ

หากไม่มีวิชาอาคมเข้มขลังและมีจิตใจที่มั่นคงอย่างแท้จริง มีสิทธิ์ที่จะเสียสติ เพราะความตื่นตะหนกสุดขีด กลายเป็นคนวิกลจริตฟั่นเฟือง หรืออาจถึงกับตายได้ง่ายๆ

น้ำมันพรายมีฤทธิ์ในทางชั่วร้าย และมีอาถรรพ์อันเข้มขลังอย่างยิ่ง หากเอาน้ำมันพรายไปแตะต้องสัมผัสถูกเนื้อของหญิงใด จะทำให้หญิงนั้นเกิดความปฏิพัทธ์ลุ่มหลงรักใคร่ในชายผู้เป็นเจ้าของน้ำมันพรายอย่างไร้สติ มีอาการเพ้อครั่งประหนึ่งคนบ้า ต้องซมซานไปหาเจ้าของน้ำมันพรายเพื่อให้เขาเชยชม ไม่ว่าจะกลางวันหรือกลางคืน

และเป็นที่เศร้าเสียอย่างยิ่งที่ หญิงเคราะห์ร้ายคนนั้นจะกลายเป็นคนสติฟั่นเฟือนป้ำๆ
เป๋อๆ คุ้มดีคุ้มร้ายไปชั่วชีวิต และการถอนฤทธิ์น้ำมันพรายให้ออกไปจากตัวนั้น กระทำได้ยากยิ่ง หรืออาจไม่ได้เลย หากผู้ถอนไม่มีจิตตานุภาพแก่กล้าจริงๆ

จุดประสงค์ในการใช้น้ำมันพรายมักเกิดจากชายที่หมายปองหญิง ซึ่งเขาไม่มีน้ำใจไมตรีตอบสนอง หรือตัวเองเป็นชายต่ำต้อยด้วยคุณสมบัติและทรัพย์สมบัติ แต่หวังอยากจะร่วมภิรมย์สมสู่กับหญิงสูงศักดิ์ เข้าทำนองดอกฟ้ากับหมาวัด ซึ่งไม่มีทางบรรจบพบกันได้ เพราะชาติตระกูลแตกต่างกันดุจฟ้ากับดิน

ชายผู้มีใจโฉดชั่ว จึงได้หาทางใช้น้ำมันพรายกับหญิงนั้นให้สมประสงค์ของตัวเอง โดยไม่คำนึงว่าจะส่งผลร้ายแก่ผู้หญิงคนนั้นอย่างไรบ้าง

การลนน้ำมันพรายนั้น ขั้นแรก จะต้องคอยสดับตรับฟังข่าวคราวว่ามีศพผู้หญิงตายทั้งกลมอยู่ที่ใดก่อน สำหรับหญิงตายทั้งกลมที่หมอผีผู้เรืองวิชาต้องการรนเอาน้ำมันพราย หากถึงแก่ความตายด้วยอาการเจ็บไข้ได้ป่วย ถือว่ายังไม่เฮี๊ยน ไม่ขลัง แต่ถ้าตายด้วยการฆ่าตัวตาย ถูกฆ่าตาย เป็นอุบัติเหตุตาย ว่าง่ายๆ คือตายโหง ถือว่าน้ำมันพรายจะเข้มขลังอย่างยิ่ง เพราะวิญญาณผู้ตายทั้งกลมจะมีอิทธิฤทธิ์แรงกล้าเปนพิเศษ

แต่ศพที่ตายจากการฆ่าตัวตายนั้นถือว่าฤทธิ์แรงมาก ทำให้หญิงที่ตั้งครรภ์ตายด้วยการฆ่าตัวตายนั้นเป็นที่ต้องการของหมอผี เนื่องจากเป็นวิญญาณดุร้ายเต็มด้วยอำนาจของโทสะ น้ำมันพรายที่ได้จากศพเช่นนี้ จะมีพลังความขลังสูงมากเป็นพิเศษ

เตรียมสิ่งของเครื่องมือเครื่องใช้ในการประกอบพิธีไปเอาน้ำมันพรายครบครัน รอจนถึงคืนที่ 3 หลังจากฝังศพ ก็เดินทางไปยังป่าช้าแห่งนั้นอย่างเงียบๆ ในตอนดึกสงัด

เมื่อเข้าเขตป่าช้า สิ่งแรกที่ต้องทำคือ ขออนุญาตนายป่าช้าก่อน นายป่าช้านี้เรียกว่า "ยายกะลาตากะลี" การขอนุญาตนายป่าช้าจะมีเครื่องเซ่นใส่กระทงสามเหลี่ยมทำด้วยกาบกล้วย เครื่องเซ่นมี
ข้าวสวย 3 ปั้น ไข่ต้ม 3 ลูก ปลา 3 หัว
หางปลา 3 หาง บุหรี่ 3 มวน เหล้าขาว 1 ขวด
จากนั้นก็จุดธูป 1 ดอก บริกรรมเรียกวิญญาณนายป่าช้ามารับเครื่องเซ่นสังเวย แล้วขอนุญาตนายป่าช้าว่าจะมารนเอาน้ำมันพรายจากศพหญิงตายทั้งกลมชื่อนั้นชื่อนี้(ระบุให้ชัดเจน) หากนายป่าช้าอนุญาตก้อขอให้ธูปดับทันที ถ้าไม่อนุญาตก้อขอให้ธูปลามต่อไปจนหมดดอก

หลังจากอธิษฐานบอกกล่าวแล้วหมอผีก้อจะสังเกตดูว่าธูปที่จุดไว้เป็นอย่างไร หากธูปที่ส่องแสงเรืองๆนั้น ได้ดับสนิทลงในเวลาไม่ถึงอึดใจ แสดงว่านายป่าช้าไม่ขัดข้อง เมื่อเป็นเช่นนั้นการรนน้ำมันพรานก้อถือว่าด่านแรกได้ผ่านไปด้วยดี แต่ถ้านายป่าช้าไม่อนุญาต หมอผีจำเป็นต้องล้มเลิกการรนเอาน้ำมันพรายแต่เพียงเท่านี้

ขืนยังดื้อดึงจะรนเอาน้ำมันพรายให้ได้ นายป่าช้าจะคุมผีทั้งป่าช้ามาทำร้ายจนถึงขั้นตาย แม้จะมีวิชาอาคมขลังแค่ไหน ก็ยากที่จะต้านทานวิญญาณอันแก่กล้าจำนวนมากมายเป็นกองทัพได้

เมื่อผ่านขั้นแรกแล้ว คณะหมอผีก้อพากันไปที่หลุมศพหญิงตายทั้งกลมคนนั้น ซึ่งจะสังเกตได้ง่าย เพราะเหนือมูลดินหลุมศพ มีหนามพุทราวางเกลี่ยไว้ตลอดหลุม หนามเหล่านี้มีไว้มิใช่ป้องกันสุนัขหรือสัตว์อื่นมาคุ้ยหลุมศพ แต่เป็นการกระทำของสัปเหร่อที่มีอาคม วางหนามพุทราสะกดเพื่อไม่ให้วิญญาณผีตายทั้งกลมออกมาอาละวาด

หมอผีจะสั่งรื้อเอาหนามพุทราออกให้หมดระหว่างที่รื้อหนามออก จะต้องบริกรรมคาถาถอน หรือคลายมนต์สะกดไปด้วย

เมื่อหนามพุทราถูกกวาดออกไปหมดเกลี้ยง หมอผีจะต้องหาหินสะกด 3 ก้อน ซึ่งวางเรียงไว้ด้านศีรษะผีตายทั้งหลม ถ้าได้หิน 3 ก้อนแล้ว หมอผีจะต้องใช้อาคมตรวจดูว่าหินก้อนใดที่สัปเหร่อลงอาคมสะกดไว้ จากน ั้นก็ต้องถอนคาถาสะกดออก

การป้องกันไม่ให้วิญญาณผีตายทั้งกลมอาละวาดเป็นวิชาไสยศาสตร์แขนงหนึ่งที่สัปเหร่อจะต้องเรียนรู้คาถาสะกดหรือตรึงวิญญาณให้อยู่แต่ในหลุมศพ หลังจากถอนมนต์สะกดจากหินออกไปแล้ว หมอผีจะใช้มีดหมอปักดินแล้วงัดเปิดขึ้นมารอบๆหลุมศพทั้ง 8 ทิศ เป็นการเบิกธรณีก่อนที่จะให้ผู้ติดตามขุดเอาดินปากหลุมออกจนถึงฝาโลง เมื่องัดฝาโลงให้ตะปูถอนเขยื้อนขึ้นมาหมดทุกตัว แต่ยังไม่เปิดฝาโลงออก หมอผีจะให้ผู้ที่ติดตามถอยอยู่ห่างๆ เพราะเป็นช่วงเวลาที่สำคัญ ผู้เปิดฝาโลงก็คือหมอผี ทันทีที่ฝาโลงถูกเปิดออกกลิ่นเน่าเหม็นของศากอศุภะ ซึ่งกำลังขึ้นอืด เพราะไม่ได้ฉีดยารักษาศพ จะกระจายตลบไปทั่วอาณาบริเวณ และในเสี้ยวเวลาที่ฝาโลงถูกพลิกเปิดถือกันว่าเป็นห้วงเวลาอันตรายสำหรับหมอผี

เพราะผีตายทั้งกลมที่วิญญาณเฮี๊ยนจริงๆจะแผลงฤทธิ์ในจังหวะนี้ เนื่องจากมนต์ที่สะกดถูกถอนออกจนหมด

ในรายที่ผีเฮี๊ยนมันจะหวีดร้องเสียงยะเยือกแล้วร่างจะทะลึ่งพรวดเหยียดยาวสูงลิบลิ่ว เป็นการหลอกหลอนซึ่งๆ หน้า ถ้าหมอผีไม่ได้เคี่ยวกำกับวิญญาณร้ายมาอย่างโชกโชน มีหวังพิธีแตกเอาง่ายๆ

แต่หมอผีที่สมาธิแก่กล้าก้อจะยริกรรมคาถาไปเรื่อยๆ จนกำราบวิญญาณร้ายให้อ่อนกำลังลงจนกว่าร่างที่ยืดยาวจะหดตัวต่ำลงมากระทั่ง มานั่งประจัญหน้ากัน

คราวนี้หมอผีจะทำการตัดด้ายตราสังที่มัดข้อมือออก แล้วบอกกล่าวให้ผีรู้ว่าจะมาขอเอาน้ำมันพราย จะให้หรือไม่? ถ้าให้จะให้ตรงไหน? ถ้าผียินยอม ผีก้อจะบอกไปว่าบริเวณใดที่จะให้ใช้ไฟรนได้

เทียนที่จะใช้รนเอาน้ำมันพรายต้องทำจากขี้ผึ้งแท้ ยาวเท่า 1 ศอกของหมอผี ไส้เทียนใช้ด้าย 80 เส้นมาฝั้น ระหว่างฝั้นก็ต้องบริกรรมคาถาสะกดวิญญาณไปด้วย และจะต้องบริกรรมไม่ให้ขาดตอน จนกว่าการทำเทียนจะสิ้นสุด เมื่อใช้เทียนรนจนน้ำเหลืองหรือน้ำมันละลายหยด ให้ใช้ชามโคม หรือถ้วยกระเบื้องไปรองรับ ซึ่งจะได้น้ำมันจากศพอย่างมากก็ไม่เกิน 10 หยด เมื่อได้น้ำมันมาแล้วก็เทรวมกับน้ำมันซึ่งเตรียมใส่ขวดปากกว้าง น้ำมันที่เตรียมมานี้ไมาใช่น้ำมันธรรมดา

เป็นน้ำมันที่ได้มาโดยการผสมผสานระหว่างน้ำมันมะพร้าวซึ่งเคี่ยวจากมะพร้าวล้างหน้าศพ 7 ศพ และขี้ผึ้งปิดปากผีอีก 7 ศพ

มะพร้าวล้างหน้าศพก็คือมะพร้าวที่สัปเหร่อผ่าเอาน้ำมาล้างหน้าศพก่อนเผา หลังจากผ่ามะพร้าวแล้วจะต้องไม่ให้มะพร้าวถูกพื้นดินให้เก็บไว้ในที่สูง แล้วขูดเอาเนื้อมะพร้าวทั้ง 7 ลูก ไปเคี่ยวจนเป็นน้ำมัน แล้วเอาขี้ผึ้งที่ใช้ปาก จมูก ตา หู ศพ 7 ศพ นำไปเคี่ยวรวมกับน้ำมันมะพร้าวจนเข้ากันดี แล้วจึงเทใส่ขวดรวมไว้

หลังจากรนเอาน้ำมันพรายเสร็จแล้ว ก้อให้มัดด้ายตราสังที่ข้อมือของศพไว้ดังเดิม การได้น้ำมันพรายจากผีตายทั้งกลมขั้นแรกมาแล้ว ยังใช่ไม่ได้ทันที จะต้องนำมาทำพิธีหุงต่อไปอีกจึงจะใช้ได้ การหุงหรือเคี่ยวน้ำมันพรายในขั้นตอนต่อไปให้เอาถ่านเผาผีที่หัวกองฟอนมา 7 แห่ง เพื่อใช้เป็นเชื้อเพลิงสำหรับเคี่ยวน้ำมันพราย

สถานที่เคี่ยวน้ำมันพรายให้ผสมผสานกลมกลืนกับน้ำมันมะพร้าวและขี้ผึ้งปิดปากผีคือทางสามแพร่ง ซึ่งเป็นที่เปลี่ยวส่วนไม้พายที่ใช้คนต้องใช้กิ่งพุทราตายพรายชี้ไทางทิศตะวันออกมาเ
หลาทำเป็นไม้พายเท่านั้น ระหว่างที่เคี่ยวหมอผีต้องบริกรรมคาถากำกับตลอดเวลา

เมื่อหุงหรือเคี่ยวน้ำมันพรายได้ดีแล้วต้องเอาไปเสกต่อในโบสถ์อีก ตำแหน่งที่วางขวดใส่น้ำมันพรายบนโบสถ์จะต้องดูว่าสายตาของพระประธานซึ่งทอดพระเนตรลงมาตกกระทบพื้น ณ ที่ใด ให้เอาขวดน้ำมันพรายวางตรงตำแหน่งนั้น แล้วบริกรรมเสกคาถาลงไป โดยเริ่มตั้งแต่พระอาทิตย์ขึ้นจนถึงเวลาที่แสงพระอาทิตย์สาดเข้ามาในโบสถ์ได้ระดับกับพระเนตรของพระประธาน แล้วจึงหยุดบริกรรมคาถา ให้กระทำแบบนี้ในโบสถ์ทั้งหมด 7 โบสถ์ จึงถือว่าสิ้นสุดพิธีกรรม น้ำพรายที่ได้ถือว่านำไปใช้งานได้แล้ว

การมีน้ำมันพรายไว้ครอบครองจะวางทิ้งไว้เฉยๆ ก้อไม่ได้ ทุกๆวันจะต้องนำอาหารคาวหวานมาเซ่นเป็นประจำ เพราะของสิ่งนี้มีวิญญาณของผีตายทั้งกลมสิงอยู่ด้วย


น้ำมันพราย คนธรรมดาคุมไม่เป็น ไม่มีคาถากำกับ ใช้แล้วอันตราย ทั้งคนใช้ทั้งคนโดนของ ใครโดนของสติจะวิปลาส รักษาไม่หายครับ แต่หากนำมาหุงใหม่กับสีผึ้งผสมว่านอาถรรพ์ทำเชื้อให้อ่อนลงโดยเกจิผู้มีวิชาอาคมแก่กล้า คุมวิญญานพรายได้ถาวร จะส่งผลดีช่วยเหลือเราได้ ใช้ในทางที่ถูกต้อง ไม่ผิดศีล ไม่ผิดเมียใคร ได้ผลแล้ว ทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้เขา จะส่งผลบุญให้เขาได้บุญพ้นจากวิบากกรรมนี้ได้เร็วขึ้น หากใช้ทางที่ผิดอาจเกิดผลเสียหายภายหลัง ของแบบนี้ครูบาอาจารย์ท่านสาปแช่งไว้

เครดิต http://fws.cc/moobankataakom/index.php?topic=56.0

ถ้าซ้ำขออภัยด้วยนะครับ

8
ใครมีคาถานะอกแตกบ้างครับ

9
หลวงพี่บอกมาว่า เป้น บัวบังใบครับ

ใครรู้พุทธคุณ แนะนำทีครับ

10
รวมสมาชิก (มิตรไมตรี) / ว่านผีโพง
« เมื่อ: 14 ก.ย. 2553, 11:54:52 »
ผมอยากทราบว่าควรนำวานผีโพงไปไว้ที่ไหนดีคับ และนี่คือรายละเอียดบางส่วนของว่านี่คับ

เผอิญได้ว่านผีโพงมาคับ ที่แรกก็ไม่รุ้จัก คนที่เขาให้บอกว่า เป็นตะกรุดพญาว่านโพง

แต่ศึกษาไปๆศึกษมาๆ เขาเรียกกันว่า ว่านผีโพง เป็นของทางเหนือคับและที่ให้มามีคาถากำกับมาด้วย

เขาบอกกันว่าผู้ที่เลี้ยงจะต้องมีวิชาอาคมที่แข็งแกร่งมาก ต้องคุ้มให้ได้ไม่อย่างนั้นจะทำร้ายคนเลี้ยงเอง

และว่านผีโพงนี่ชอบของสดคับ ตอนแรกที่ได้มาก็ใส่กล่องแล้วเอา สมเด็จพระพุฒาจารย์โต วางไว้บนกล่องอีกทีคับ

ก็ไม่มีปันหาอะไร แล้วน้าผมได้เอาไปห้อน ซึ้งน้าก็มีวิชาทางไสยศาสตร์อาคมมากพอสมควรอยู่คับ

แต่พอจับเท่านั้นแหละคับ ก็บอกว่าแรงมาก พอเอาไปก็รู้สึกว่าเริ่มมีอะไรเข้ามาในตัว เริ่มมีอาการแลบลิ้น

แระหิวอยุ๋ตลอดเวลา แรงก็ค่อยแรงขึ้นๆเรื่อยๆ แต่ตอนี่ได้เอาไปไว้ที่ ศาลพระภูมิแล้วคับ

แต่ผมกังวลใจว่าถ้าเอาไว้อย่างนั้นแล้วมีใครเอาไป กลัวว่าจะเกิดอาการแบบนี่กับคนอื่นอ่ะคับ

เลยอยากทราบว่า จะเอาไว้ที่ไหนดีคับ ไว้ที่วัดได้หรือป่าวคับ

11
อยากทราบว่าที่วัดบางพระ มียันต์มัจฉานุ ไหมคับ

12
ฝากถามอีกทีคับ หลังเพื่อนคับ


13
ยันต์อะไรคับ เพื่อนผมฝากถามมาคับ





14
สักหมึกอ่ะคับ โดนน้ำได้ไหมคับ

หรือโดนได้แต่ห้ามถูสบู่

แนะนำทีคับ

15
อยากสักยันต์ 5 แถว แต่ไม่เคยสักเลย จะต้องสักยันต์อื่นก่อนไหมคับ

หน้า: [1]