ผู้เขียน หัวข้อ: บันทึกธรรม...๗ ก.ย.๕๒...กายตื่น จิตตื่น...  (อ่าน 1307 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ รวี สัจจะ...

  • รองประธาน
  • *****
  • กระทู้: 1137
  • รวี สัจะ-สมณะไร้นาม-วจีพเนจร
    • ดูรายละเอียด
    • รวี สัจจะ สมณะไร้นาม (เคลื่อนไหวดุจสายลม)
ลงไปช่วยงานโยธากรรมฐาน....
ปั๊มพระ สร้างศาลาหอพระ เกือบทั้งวัน
ทำงานไปดูกายดูจิตของเราในขณะที่ทำงาน
พยายามทรงไว้ซึ่งกุศลจิต คิดถึงแต่เรื่องที่ดี
ตัดความคิดอกุศลที่เกิดขึ้นให้ดับไปอย่างรวดเร็ว
ทำให้เอิบอิ่มและเพลิดเพลินในการทำงาน
ตอนเย็นโยมจากกรุงเทพฯแวะมาเยี่ยมวัด
คุยธุระและสนทนาธรรมะกันจนเป็นที่เข้าใจ
ในสิ่งที่ญาติโยมสงสัยและค้างคาใจในการปฏิบัติธรรม
โยมมีศรัทธาปวารณาขอเป็นเจ้าภาพร่วมในกฐินสามัคคี
เพื่อนจากกรุงเทพฯโทรมาสนทนาธรรมเกี่ยวกับการปฏิบัติ
เห็นการพัฒนาทางจิตทางความคิดของเพื่อนที่เปลี่ยนแปลงไป
การรู้ การเข้าใจและสามารถนำธรรมะไปใช้ในชีวิตประจำวัน
โดยสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติกับครอบครัวและผู้ร่วมงาน
ตามที่เคยบอกเขาไปว่าการปฏิบัติธรรมนั้นไร้รูปแบบแต่ไม่ไร้สาระ
ธรรมะอยู่ที่ใจไม่ใชการแสดงออก อยู่ที่การมีสติและสัมปชัญญะคุ้มครองกายคุ้มครองจิต
สนทนาธรรมกันทางโทรศัพท์กันเป็นเวลานานพอสมควร
ทุกครั้งที่ได้กล่าวธรรมและสนทนาธรรมอารมณ์ปิติจะเกิดขึ้นเสมอ
ธรรมที่รู้ที่เข้าใจจะหลั่งใหลพรั่งพรูออกมาตามสภาวะธรรมที่ทรงอยู่
อารมณ์ปิติทำให้จิตตื่นกายตื่นไม่มีนิวรณ์เพราะอยู่ในอารมณ์สมาธิ
นั่งดูกายดูจิตพิจารณาธรรมจนเวลาผ่านไปจนใกล้จะสว่าง
ออกจากอารมณ์สมาธิเขียนบท...สัมโมทนียกถาให้พระที่ท่านขอมา
นอนดูกายดูจิตพิจารณาธรรมจนหลับไปกับอารมณ์กรรมฐาน....
 :054:แด่อารมณ์ปิติในธรรมที่นำมาสู่การตื่นของกายและจิต :054:
             เชื่อมั่นและศรัทธาในธรรมะของพระพุทธองค์
             รวี สัจจะ-สมณะไร้นาม-กลุ่มยุทธธรรมสัญจร
๘ กันยายน ๒๕๕๒ เวลา ๐๙.๒๐ น. ณ ศาลาน้อยริมน้ำโขง ชายแดนประเทศไทย
ใช่หวังจะดังเด่น  จึงมาเป็นสมณะ
เพียงหวังจะลดละ  ซึ่งมานะและอัตตา
เร่ร่อนและรอนแรม ไปแต่งแต้มแสวงหา
สัญจรร่อนเร่มา  ผ่านร้อยป่าและภูดอย
ลาภยศและสรรเสริญ  ถ้าหลงเพลินจิตเสื่อมถอย
พาใจให้เลื่อนลอย  จิตเสื่อมถอยคุณธรรม
       ปณิธานในการปฏิบัติธรรม

ออฟไลน์ derbyrock

  • คณะกรรมการ
  • *****
  • กระทู้: 2494
  • เพศ: ชาย
  • สติมา ปัญญาเกิด........ปัญหามา ปํญญามี.......
    • MSN Messenger - derbyrock@hotmail.com
    • ดูรายละเอียด
    • อีเมล
ตอบ: บันทึกธรรม...๗ ก.ย.๕๒...กายตื่น จิตตื่น...
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: 08 ก.ย. 2552, 10:00:50 »
การปฏิบัติธรรมนั้นไร้รูปแบบแต่ไม่ไร้สาระ
ธรรมะอยู่ที่ใจไม่ใชการแสดงออก
อยู่ที่การมีสติและสัมปชัญญะคุ้มครองกายคุ้มครองจิต


ขอกราบนมัสการพระอาจารย์ครับ ผมตั้งมั่นจะปฎิบัติตามแนวทางคำสอนพระอาจารย์ครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08 ก.ย. 2552, 10:01:21 โดย derbyrock »

ความสุขที่แท้จริงรอคอยคุณอยู่.......เพียงแค่คุณนั่งลงแล้วหลับตา

ออฟไลน์ ทรงกลด

  • ผู้อาวุโส
  • *****
  • กระทู้: 2199
  • เพศ: ชาย
  • ศิษย์หลวงโด่ง.....
    • ดูรายละเอียด
ตอบ: บันทึกธรรม...๗ ก.ย.๕๒...กายตื่น จิตตื่น...
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: 21 มี.ค. 2554, 11:46:47 »
สัมโมทนียกถา (อ่านว่า สัมโมทะนียะ-) แปลว่า ถ้อยคำอันเป็นที่บันเทิงใจ, คำพูดที่ทำให้ประทับใจ เรียกว่า อนุโมทนากถา ก็ได้

สัมโมทนียกถา ใช้เรียกการที่ภิกษุพูดแสดงความขอบคุณหรือกล่าวถึงประโยชน์และอานิสงส์ของความดีหรือบุญกุศลที่ทายกทายิกาได้ทำ เช่นถวายอาหาร สร้างกุฏิ สร้างหอระฆังไว้ในพระพุทธศาสนาว่า กล่าวสัมโมทนียกถา

สัมโมทนียกถาเป็นเหตุให้ผู้ทำบุญนั้นเกิดความแช่มชื่นเบิกบาน เกิดความอิ่มใจในผลบุญที่ตนทำและปรารถนาจะทำบุญเพิ่มพูนอีก
การกล่าวสัมโมทนียกถาเป็นธรรมเนียมของพระสงฆ์มาแต่โบราณ โดยกล่าวเป็นภาษาไทย ใช้เวลามากน้อยแล้วแต่ผู้กล่าว และปกติจะกล่าวก่อนที่จะอนุโมทนาเป็นภาษาบาลีหรือที่รู้จักกันว่า ยถา-สัพพี
เว ทา สา กุ กุ สา ทา เว....ทา ยะ สา ตะ ตะ สา ยะ ทา...สา สา ทิ กุ กุ ทิ สา สา...กุ ตะ กุ ภู ภู กุ ตะ กุ