ผู้เขียน หัวข้อ: บันทึกธรรม...๑๔ ก.ย.๕๒...อนากุลา จะ กัมมันตา...  (อ่าน 1676 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ รวี สัจจะ...

  • รองประธาน
  • *****
  • กระทู้: 1137
  • รวี สัจะ-สมณะไร้นาม-วจีพเนจร
    • ดูรายละเอียด
    • รวี สัจจะ สมณะไร้นาม (เคลื่อนไหวดุจสายลม)
ได้จำวัตรหลับนอนตอน ๑๒.๐๐ น.
ตื่นประมาณ ๑๔.๓๐ น.ทำภาระกิจส่วนตัวเสร็จแล้วลงไปดูงาน
และเดินดูความเรียบร้อยภายในวัด อะไรขาดหรืออะไรบกพร่องจะได้แก้ไข
จนกระทั่งได้เวลาทำวัตรสวดมนต์เย็นจึงได้ลงไปศาลาเพื่อทำกิจของสงฆ์
ทำวัตรเย็นเสร็จกลับขึ้นศาลาที่พักเพื่อจารอักขระลงยันต์ในแผ่นทอง
เพื่อที่จะเอาไปทำตะกรุดฝังที่องค์พระหลวงปู่ทวดพิมพ์สี่เหลียม
แผนกทำวัตถุมงคลแจ้งมาว่ามวลสารที่ผสมไว้ทำได้อีกประมาณ ๑๐ ครก
เลยขอออกรุ่นพิเศษฝังตะกรุดไว้ใช้กันเองประมาณ ๒๕๐ องค์
ซึ่งฝังตะกรุดองค์ละ ๒ ดอก รวมแล้ว ๕๐๐ ดอก
เนื่องจากแผ่นทองที่ทำตะกรุดนั้นมีขนาดเล็กจึงลงอักขระได้เพียงตัวเดียว
จึงตัดสินใจลงตัว "พุท "และตัว "โธ"อย่างละดอกเพื่อเอาไปฝังที่องค์พระ
เขียนไปก็ภาวนา "พุทโธ"ในตัวทั้งขณะเขียนและม้วนตะกรุด
ตั้งจิตระลึกถึงพุทธานุสสติขอบารมีของพระพุทธเจ้าและพระโพธิสัตย์ทั้งหลาย
ให้ช่วยปกปักรักษาและคุ้มครองวัตถุมงคลและผู้ที่ครอบครองวัตถุมงคลนั้น
เริ่มทำตั้งแต่ตอนทุ่มครึ่งจนกระทั่งถึงเวลา ๐๕ ๐๐ น.ของวันใหม่
เพราะทำแล้วเกิดความเพลิดเพลินจนลืมดูเวลาผ่านไปเกือบ ๑๐ ชั่วโมง
เพราะว่าเมื่อลงมือทำงานแล้วจะไม่ปล่อยให้ค้างคาคือจะทำให้เสร็จไป
เพราะเมื่อเสร็จแล้วเราจะได้ไปทำสิ่งอื่นต่อไปอีก ไม่ต้องมาคอยกังวลใจ
กับการงานที่ยังทำไม่เสร็จ" อนากุลา จะ กัมมันตา"การทำงานไม่คั่งค้างเป็นมงคลของชีวิต
และขณะที่เราทำงานนั้น จิตมันจะเป็นสมาธิ และมีอารมณ์ต่อเนื่อง
แต่ถ้าเราทำแล้วหยุดทิ้งไว้ แล้วกลับมาทำใหม่ เราก็ต้องมาเริ่มตั้งจิตใหม่
ซึ่งมันจะขาดความต่อเนื่องและสม่ำเสมอในอารมณ์....
 :059:งานเข้าอีกแล้ว......
เขียนบันทึกธรรมยังไม่ทันได้สรุป
มีญาติโยมคนป่วยมาขอความสงเคราะห์ให้ช่วยเหลือ
เพราะไปหาหมอมาทั่วแล้วแต่รักษาไม่หายและหมอก็หาสาเหตุไม่ได้ว่าเป็นโรคอะไร
ไปหามาหมดทั่งหมอหลวง หมอผ๊ หมอทรงเจ้า สุดท้ายจึงจะมาหาพระเพราะว่าหมดตัวมาแล้ว
จึงต้องสงเคราะห์ช่วยเหลือเขาไปตามกำลังและสติปัญญาของเรา
วิเคราะห์อาการของโรคตามวิชาแพทย์ศาสตร์สมัยปัจจุบัน จึงรู้ว่าเกิดจากการอักเสบของลำใส้
วิเคราะห์ต่อไปว่าทำไมรักษากับหมอหลวงจึงไม่หาย จึงรู้ว่าเกิดจากผลกรรมที่ทำมา
วิเคราะห์ต่อไปว่ากรรมอย่างนี้มีผลมาจากกรรมใด โดยการใช้จิตถามจิต แล้ววางจิตให้ว่าง
เพื่อรอรับคลื่นสัญญานของกรรมที่เขาทำมาให้ปรากฏ ขึ้นในความว่างของจิต
เป็นเทคนิคในการฝึกตัวดู ตัวรู้ ตัวเห็น โดยการป้อนข้อมูลในสิ่งที่อยากจะรู้ แล้วจึงเข้าสู่ความว่าง
สิ่งที่เกิดขึ้นครั้งแรกในความว่างนั้น คือสิ่งที่เราอธิษฐานจิตอยากจะรู้
และสิ่งที่เกิดขึ้นในอันดับต่อไปส่วนใหญ่จะเป็นการปรุงแต่งของจิต(สิ่งที่เราคิดไปเอง)
สติต้องมีความฉับไวในการบันทึกข้อมูลที่เกิดขึ้น เพราะมันเพียงชั่วระยะช้างกระดิกหู งูแลบลิ้น
ที่คลื่นสัญญานในสิ่งที่เราอธิษฐานไว้มันปรากฏ นี่คือเทคนิคของการฝึกตัวดู ตัวรู้ ตัวเห็น
ส่วนสมาธิในการรักษานั้นเป็นจิตที่มีพลังงานและต้องชำนาญในเรื่องธาตุ
เพราะการเจ็บไข้ได้ป่วยนั้น เกิดมาจากความบกพร่องของธาตุในกายมากเกินไป หรือน้อยเกินไป
ต้องเข้าใจเรื่องการปรับธาตุ แต่งธาตุ หนุนธาตุ เพื่อให้เกิดความสมดุลย์ขึ้นในกาย
ซึ่งต้องใช้สมาธิจิตที่มีพลังงาน ส่วนการดูนั้นเป็นจิตที่โปร่งโล่งเบาและว่างไม่มีพลังงาน
นี่คือกระบวนการในการฝึกจิตฝึกสมาธิเพื่อใช้งานในการสงเคราะห์ญาติโยมเพื่อสร้างบารมี
.....สงเคราะห์ญาติโยมตามหน้าที่ สร้างขวัญและกำลังใจให้แก่เขา ให้เขามีความหวัง
แล้วกำลังใจเขาจะกลับมา ความเชื่อมั่นศรัทธาก็เกิดขึ้น และเป็นการง่ายที่จะช่วยเหลือเขา
รักษาเสร็จแจกยาให้ไปต้มทานเพื่อช่วยเสริมและปรับธาตุในกายของเขาให้มีความสมดุลย์
กำลังใจกลับมาอาการก็ดีขึ้น หน้าตาก็แจ่มใส เพราะว่าใจเขามีกำลังขึ้นมาแล้ว
การเป็นพระนั้นต้องเข้าใจและใช้หลักจิตวิยาอยู่เสมอ..เพื่อที่จะสร้างศรัทธา...
 :059:แด่การทำงานที่คือการปฏิบัติธรรม :059:
            เชื่อมั่น-ศรัทธา-ปรารถนาดี
  รวี สัจจะ-สมณะไร้นาม-กลุ่มยุทธธรรมสัญจร
๑๕ กันยายน ๒๕๕๒ เวลา ๐๙.๔๐ น. ณ ศาลาน้อยริมน้ำโขง ชายแดนประเทศไทย
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15 ก.ย. 2552, 11:24:48 โดย RaveeSajja »
ใช่หวังจะดังเด่น  จึงมาเป็นสมณะ
เพียงหวังจะลดละ  ซึ่งมานะและอัตตา
เร่ร่อนและรอนแรม ไปแต่งแต้มแสวงหา
สัญจรร่อนเร่มา  ผ่านร้อยป่าและภูดอย
ลาภยศและสรรเสริญ  ถ้าหลงเพลินจิตเสื่อมถอย
พาใจให้เลื่อนลอย  จิตเสื่อมถอยคุณธรรม
       ปณิธานในการปฏิบัติธรรม

ออฟไลน์ prathomsak

  • สัตตมะ
  • **
  • กระทู้: 631
  • เพศ: ชาย
  • โอม หนุมานะ
    • MSN Messenger - prathomsak-pong@hotmail.com
    • ดูรายละเอียด
    • www.hi5.com
    • อีเมล
กราบนมัสการ หลวงอาครับ หลวงอาทำงานจนลืมเวลาพักผ่อนอีกแล้วครับ   :069: รักษาสุขภาพด้วยนะครับ  :054: :054: :054:
เวลาของเรามีน้อยนัก หมั่นทำบุญทำกุศลกันเถิด จักเกิดผล

ออฟไลน์ ~เสน่ห์ack01~

  • ผู้คุมกฎ
  • *****
  • กระทู้: 5330
  • เพศ: ชาย
  • " ไม่เมาเหล้าแล้วเรายังเมารัก"
    • ดูรายละเอียด
" อนากุลา จะ กัมมันตา"การทำงานไม่คั่งค้างเป็นมงคลของชีวิต

กราบนมัสการขอบพระคุณที่เมตตาสอนครับ...

...กราบขอบพระคุณที่เมตตาชี้ให้เห็นเหตุและผลในเชิงจิตวิทยาด้วยครับ...

ทำบุญ วันคล้ายวันเกิด หลวงพ่อเปิ่น วัดบางพระ
วันอาทิตย์ ที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๕ 

ออฟไลน์ derbyrock

  • คณะกรรมการ
  • *****
  • กระทู้: 2494
  • เพศ: ชาย
  • สติมา ปัญญาเกิด........ปัญหามา ปํญญามี.......
    • MSN Messenger - derbyrock@hotmail.com
    • ดูรายละเอียด
    • อีเมล
" อนากุลา จะ กัมมันตา"การทำงานไม่คั่งค้างเป็นมงคลของชีวิต
กราบนมัสการพระอาจารย์ครับ ประโยคนี้อาจเปลี่ยนวิธีการทำงานของผมได้เลยน่ะครับ เพราะบางครั้งจะคิดว่าเหนื่อยนักก็พักก่อน จนบางครั้งก็ค้างคางานไว้ทั้งๆที่ถ้าทำต่อก็เสร็จได้ ต่อจากนี้คงต้องเปลี่ยนครับ กราบขอบพระคุณพระอาจารย์ครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15 ก.ย. 2552, 08:26:18 โดย derbyrock »

ความสุขที่แท้จริงรอคอยคุณอยู่.......เพียงแค่คุณนั่งลงแล้วหลับตา

ออฟไลน์ รวี สัจจะ...

  • รองประธาน
  • *****
  • กระทู้: 1137
  • รวี สัจะ-สมณะไร้นาม-วจีพเนจร
    • ดูรายละเอียด
    • รวี สัจจะ สมณะไร้นาม (เคลื่อนไหวดุจสายลม)
" อนากุลา จะ กัมมันตา"การทำงานไม่คั่งค้างเป็นมงคลของชีวิต
กราบนมัสการพระอาจารย์ครับ ประโยคนี้อาจเปลี่ยนวิธีการทำงานของผมได้เลยน่ะครับ เพราะบางครั้งจะคิดว่าเหนื่อยนักก็พักก่อน จยบางครั้งก็ค้างคางานไว้ทั้งๆที่ถ้าทำต่อก็เสร็จได้ ต่อจากนี้คงต้องเปลี่ยนครับ กราบขอบพระคุณพระอาจารย์ครับ
ทำต่อให้มันเสร็จ แล้วเราจะได้พักอย่างเต็มที่โดยไมมีความกังวล และความคิดของเราก็เช่นกัน เราต้องคิดให้มันจบ
ให้ได้ข้อสรุป ใช้จิตถามจิต คิดจนมันจบ แล้วจึงไปคิดถึงเรื่องอื่นอีกต่อไป ฝึกให้คิดเป็นระบบ แล้วความสงบจะเกิดขึ้นในขณะที่เราคิด
เพราะจิตเรามีสมาธิคือจดจ่อและตั้งมั่นในสิ่งนั้น ไม่ฟุ้งซ่านและสับสนทางความคิด เพราะจิตเราตั้งมั่น มีสมาธิในการทำงาน
ซึ่งเราอาจจะฝึกได้โดยการใช้โสต(หูของเรา)ในการฟังเสียงเพลงแล้วเอาจิตของเราไปจดจ่อที่เสียงใดเสียงหนึ่งเช่นเสียงกลอง
ให้ใจจดจ่ออยู่กับเสียงกลองเพียงอย่างเดียว ไม่ไปสนใจในเสียงเครื่องดนตรีชนิดอื่น จนได้ยินเสียงกลองเพียงเสียงเดียว
เป็นการฝึกจิตเพื่อตัดสิ่งที่เราไม่สนใจที่มารบกวนจิตของเราให้ออกไป เพื่อนำมาใช้ในชีวิตประจำวันของเราในสังคมที่แสนจะวุ่นวาย
"สภาพรอบข้างเคลื่อนไหวและวุ่นวาย แต่ภายในของเราจะสงบนิ่งไม่หวั่นไหว" เพราะเราได้ฝึกจิตเพื่อตัดสิ่งกระทบได้แล้ว