กระดานสนทนาวัดบางพระ

หมวด มิตรไมตรี => บทความ บทกวี => ข้อความที่เริ่มโดย: gottkung ที่ 03 ต.ค. 2552, 12:23:37

หัวข้อ: ว่าด้วยเรื่องของเตโชกสิน
เริ่มหัวข้อโดย: gottkung ที่ 03 ต.ค. 2552, 12:23:37
(http://img180.imageshack.us/img180/2397/buddhag.jpg)

โบราณจารย์ ส่วนอารมณ์ของฌาณ จะเป็นไปในขั้นตอนของ อานาปานสติ ตามที่ได้กล่าวมาแล้วในข้างต้น ให้มีความรู้ใกล้เคียงกับการกำหนดรู้ลมหายใจเข้าออก ดังนี้
@ เมื่อหายใจ เข้า ให้กำหนดคำภาวนาในกองกสิณ นั้นๆ เช่น....... “เตโช“
@ เมื่อหายใจ ออก ให้กำหนดคำภาวนาในกองกสิณ นั้นๆ เช่น...... “กสิณัง“
....... การกำหนดภาพนิมิตของกสิณเบื้องต้น
............โบราณจารย์ ให้ดู เปลวไฟ ที่จุดไฟจากตะเกียง หรือเทียนไข ท่านหมายเอาส่วนกลางของเปลวไฟนั้น.... หากเป็นกองไฟควรที่จะคัดกระดาษให้เป็นช่องกลมเส้นผ่าศูนย์กลาง ประมาณ ๓ นิ้ว วางไว้ระหว่าง ตากับ องค์กสิณไฟนั้น เป็นการกำหนดรูปทรงที่เหมาะกับ เพื่อง่ายกับความจำหรือสีที่มีความคล้ายคลึงกัน ตามแต่สถานกาล ที่ธุดงค์ไป เช่นดวงพระอาทิตย์ยามเช้า และพลบค่ำ ที่มีสีแดงเพลิง หรือดอกไม้ ใบไม้ หิน ที่มีสีแดงก็อนุโลมใช้แทนกันได้
............ให้ลืมตามองแล้วกำหนดจำภาพ กสิณไฟนั้น เมื่อมีความมั่นใจได้ก็ให้หลับตา กำหนดภาพให้ติดตาติดใจนั้นต่อไป ในระยะแรกๆภาพจะไม่ทรงตัว ภาพกสิณในใจนั้นหายไปให้ท่านลืมตามองในองค์กสิณนั้นใหม่ อีกครั้ง
............ปฏิภาคนิมิต ( หมายถึง กลับกัน ไป/มา ) ในระยะแรกๆนิมิตของกสิณไฟจะกลับกันไป/มา คือปรากฏแล้วหายไป แล้วปรากฏขึ้นมาใหม่
- อารมณ์ฌานในอานาปานสติ มักอยู่ที่ ขณิกสมาธิ
............อุคคหนิมิต (หมายถึง ขั้นอุกฤต หรือมั่นคงแน่นอนนั้นเอง ) นิมิตของกสิณไฟจะมั่นคง
ระหว่างทรงอารมณ์
- อารมณ์ฌานในอานาปานสติ มักอยู่ที่ อุปจารสมาธิ
............ภาพกสิณของกสิณไฟในนิมิต จะเปลี่ยนแปลงไปตามลำดับของฌาณไป
๑.เมื่อกำลังในทรงตัวในฌาณที่๑ ภาพกสิณไฟ ทรงตัวดีแล้วภาพสินนั้นจะเปลี่ยนไป
............ฌาณที่ ๑ หยาบ ภาพกสิณไฟจากอาการเลื่อนไหว จนเห็นเป็น ไฟหนาทึบเป็นลูกกลมขนาดที่ เจาะรู
- อารมณ์ฌานในอานาปานสติ มักอยู่ที่ ฌาณที่ ๑ หยาบ
............ฌาณที่ ๑ กลาง ภาพกสิณไฟ จะเป็น จนเห็นเป็น ลูกกลมขนาดที่ เจาะรูสีขาวผิวนอกเงาวาวเริ่มโปร่งใสบ้าง
- อารมณ์ฌานในอานาปานสติ มักอยู่ที่ ฌาณที่ ๑ กลาง
............ฌาณที่ ๑ ละเอียด ภาพกสิณไฟ จะเป็น จนเห็นเป็น ลูกกลมขนาดที่ เจาะรู โปร่งใสคล้ายแก้วทึบ
- อารมณ์ฌานในอานาปานสติ มักอยู่ที่ ฌาณที่ ๑ ละเอียด
๒.เมื่อกำลังในทรงตัวในฌาณที่๒ภาพกสิณไฟ ทรงตัวดีแล้วภาพกสิณนั้นจะเปลี่ยนไป
............ฌาณที่ ๒ หยาบ ภาพกสิณไฟ จะเป็น แก้วทึบ เทียบกับการมองด้วยสายตาสามารถมองผ่านมีความใส ๒ ส่วนใน ๔ ส่วนผิวนอกเงาวาวเล็กน้อย
- อารมณ์ฌานในอานาปานสติ มักอยู่ที่ ฌาณที่ ๒ หยาบ
............ฌาณที่ ๒ กลาง ภาพกสิณไฟ จะเป็น แก้วทึบเทียบกับการมองด้วยสายตาสามารถมองผ่านมีความใส ๒ ส่วนใน ๔ ส่วนผิวนอกเงาวาวมากขึ้น
- อารมณ์ฌานในอานาปานสติ มักอยู่ที่ ฌาณที่ ๒ กลาง
............ฌาณที่ ๒ ละเอียด ภาพกสิณไฟ จะเป็น แก้วทึบเทียบกับการมองด้วยสายตาสามารถมองผ่านมีความใส ๒ ส่วนใน ๔ ส่วน ผิวนอกเงาวาวมากสุด
- อารมณ์ฌานในอานาปานสติ มักอยู่ที่ ฌาณที่ ๒ ละเอียด
๓.เมื่อกำลังในทรงตัวใน ฌาณที่ ๓ ภาพกสิณไฟ ทรงตัวดีแล้ว ภาพสินนั้นจะเปลี่ยนไป
............ฌาณที่ ๓ หยาบ ภาพกสิณไฟ จะเป็น แก้วโปร่งใสมาก เทียบกับการมองด้วยสายตาสามารถมองผ่านมีความใส ๓ ส่วนใน ๔ ส่วน ภายในองค์กสิณไฟ ก็จะมีความเป็นประกายพรึกเล็กน้อย หรือ ๑ ส่วนใน ๓ ส่วน ผิวนอกเงาวาวเล็กน้อย
- อารมณ์ฌานในอานาปานสติ มักอยู่ที่ ฌาณที่ ๓ หยาบ
............ฌาณที่ ๓ กลาง ภาพกสิณไฟ จะเป็นแก้วโปร่งใสมาก เทียบกับการมองด้วยสายตาสามารถมองผ่านมีความใส ๓ ส่วนใน ๔ ส่วน ภายในองค์กสิณไฟ ก็จะมีความเป็นประกายพรึกปานกลางหรือ ๒ ส่วนใน ๓ ส่วน ผิวนอกเงาวาวมากขึ้น
- อารมณ์ฌานในอานาปานสติ มักอยู่ที่ ฌาณที่ ๓ กลาง
............ฌาณที่ ๓ ละเอียด ภาพกสิณไฟ จะเป็นแก้วโปร่งใสมาก เทียบกับการมองด้วยสายตาสามารถมองผ่านมีความใส ๓ ส่วนใน ๔ ส่วน ภายในองค์กสิณไฟ ก็จะมีความเป็นประกายพรึกมากสุด หรือ ๓ ส่วนใน ๓ ส่วน ผิวนอกเงาวาวมากสุด
- อารมณ์ฌานในอานาปานสติ มักอยู่ที่ ฌาณที่ ๓ ละเอียด

๔.เมื่อกำลังในทรงตัวใน ฌาณที่ ๔ ภาพกสิณไฟทรงตัวดีแล้ว ภาพสินนั้นจะเปลี่ยนไป
............ฌาณที่ ๔ หยาบ ภาพกสิณไฟ จะเป็น แก้วโปร่งใสมาก เทียบกับการมองด้วยสายตาสามารถมองผ่านมีความใส ๔ ส่วนใน ๔ ส่วน ภายในองค์กสิณไฟ ก็จะมีความเป็นประกายพรึกทั้งองค์กสิณ มีการส่องสว่างจากจาภายในออกมาภายนอก ๑ ใน ๓ ส่วน ผิวนอกเงาวาวเล็กน้อย
- อารมณ์ฌานในอานาปานสติ มักอยู่ที่ ฌาณที่ ๔หยาบ
............ฌาณที่ ๔ กลาง ภาพกสิณไฟ จะเป็นแก้วโปร่งใสมาก เทียบกับการมองด้วยสายตาสามารถมองผ่านมีความใส ๔ ส่วนใน ๔ ส่วน ภายในองค์กสิณไฟ ก็จะมีความเป็นประกายพรึกทั้งองค์กสิณ มีการส่องสว่างจากจาภายในออกมาภายนอก ๒ ใน ๓ ส่วน ผิวนอกเงาวาวมากขึ้น
- อารมณ์ฌานในอานาปานสติ มักอยู่ที่ ฌาณที่ ๔ กลาง
............ฌาณที่ ๔ ละเอียด ภาพกสิณไฟ จะเป็นแก้วโปร่งใสมาก เทียบกับการมองด้วยสายตาสามารถมองผ่านมีความใส ๔ ส่วนใน ๔ ส่วนภายในองค์กสิณไฟ ก็จะมีความเป็นประกายพรึกทั้งองค์กสิณ มีการส่องสว่างจากจาภายในออกมาภายนอก ๓ ใน ๓ ส่วนผิวนอกเงาวาวมาก
............ประดุจโหลแก้วผิวบางทรงกลม ใส่เพชรเจียรนัยแล้วเม็ดเล็ก เท่าเม็ดทราย ที่สามารถเรืองแสงสว่างใสได้ ใส่ไว้จนเต็มองค์กสิณนั้นเอง
- อารมณ์ฌานในอานาปานสติ มักอยู่ที่ ฌาณที่ ๔ ละเอียด
............เมื่อท่านสามารถที่จะทรงอารมณ์ฌาณในอานาปานสติ + กสิณ ...จนมมีความคล่องตัวตามลำดับฌาณ ลำดับกสิณแล้ว ควรที่จะเข้าสลับฌาณ สลับกสิณ จนคล่องตัว
............จากนั้นก็นำผลของฌาณในอนาปานสติ+กสิน มาเป็นกำลังในวิปัสสนาญาณ จนเกิดปัญญาว่า กสิณถึงจะเป็นสิ่งดีในฝ่ายกุศล แต่ก็หาความเที่ยงแท้แน่นอนไม่ได้ มีความเกิดในเบื้องต้น เปลี่ยนแปรงในทามกลาง ในที่สุดก็เสื่อมสลายไป เป็นธรรมดา
............กายสังขารของเราก็เช่นกันหาความเที่ยงแท้แน่นอนมิได้ ดังความเปลี่ยนแปรงของกสิน ก็ความทุกข์ทั้งหลายที่เป็นส่วนหนึ่งให้เราต้องเกิดทุกข์ได้แก่
๑) รูปราคา....เห็นรูป แล้วตั้งอุปทานว่า รูปนั้นเป็นของเรา มีในเรา จึงเป็นทุกข์
๒) อรูปราคา...ไม่มีของจริงให้เห็นรูป แต่ยึดติดในการปรุงแต่งว่าเป็นรูปในใจ หรือนิมิต แล้วตั้งอุปทานว่า อรูปนั้นเป็นของเรา มีในเรา จึงเป็นทุกข์
............ดังนี้หารเรายังคงยึดติดทั้ง รูป ทั้งอรูป ย่อมก่อให้เกิดภพชาติ ด้วยหวังต้องการใน ความเป็น รูป และ อรูปว่าเป็นของเรา
............เราย่อมเวียนตายเวียนเกินในภพภูมิทั้งสี่ ได้แก่ อบายภูมิ มนุษยโลก เทวะโลก พรหมโลก อย่างไม่มีที่สิ้นสุด เมื่อเป็นเช่นนั้น เราจะขอเพียงเพื่อ อยู่เพื่อ อาศัยทั้งรูปทั้งอรูป ชั่วคราว เมื่อหมดหน้าที่ของการเป็นมนุษย์ในชาตินี้ เมื่อใดขอไป “ พระนิพพาน “ เมื่อนั้น   
“””””””””””””””””””””””””””””””””””
ขอขอบคุณข้อมูลอ้างอิงจาก เวปไซต์แพนทาวน์ดอทคอมนะครับ
หวังว่าคงเป็นประโยชน์แก่ผู้ที่สนใจได้ไม่มากก็น้อยครับ
หัวข้อ: ตอบ: ว่าด้วยเรื่องของเตโชกสิน
เริ่มหัวข้อโดย: ~เสน่ห์โจรสลัด~ ที่ 03 ต.ค. 2552, 03:41:10
ขอบคุณที่นำมาให้อ่านนะครับ ถ้าจะศึกษาจริงๆ ควรมีครูอาจารย์หรือผู้ที่จำนาญในการเพ่งกสินอยู่ด้วย ...  :114:
หัวข้อ: ตอบ: ว่าด้วยเรื่องของเตโชกสิน
เริ่มหัวข้อโดย: รวี สัจจะ... ที่ 03 ต.ค. 2552, 09:28:31
อ่านและศึกษาประดับความรู้ได้ แต่ถ้าจะปฏิบัติจริงนั้นต้องมีครูบาอาจารย์ช่วยคุมการปฏิบัติ
เพราะเป็นการฝึกจิตเชิงพลังาน มีโอกาศที่จะหลงอารมณ์ได้ง่าย เพราะอาศัยรูปนิมิตเป็นอารมณ์
เป็นรูปฌาน...และเป็นการฝึกเรื่องธาตุ...ฉะนั้นต้องรู้จักการปรับธาตุ ปรุงธาตุ แต่งธาตุให้ได้ก่อน
จึงจะฝึกกสินในหมวดธาตุได้ หรือต้องเป็นผู้ที่มีของเก่าจากอดีตชาติที่เคยได้มาแล้ว จึงจะทำได้
ด้วยตนเอง...เพราะมีเป็นจำนวนมากที่ฝึกกสินด้วยตนเองแล้วหลงอารมณ์เพี้ยนไป...ในตำรากับของจริงนั้น มันแตกต่างกัน มันมีข้อปลีกย่อยอีกมากมาย...จึงขอเตือนไว้ด้วยความปรารถนาดี...
หัวข้อ: ตอบ: ว่าด้วยเรื่องของเตโชกสิน
เริ่มหัวข้อโดย: ~@เสน่ห์เอ็ม@~ ที่ 03 ต.ค. 2552, 10:17:15
อ่านและศึกษาประดับความรู้ได้ แต่ถ้าจะปฏิบัติจริงนั้นต้องมีครูบาอาจารย์ช่วยคุมการปฏิบัติ
เพราะเป็นการฝึกจิตเชิงพลังาน มีโอกาศที่จะหลงอารมณ์ได้ง่าย เพราะอาศัยรูปนิมิตเป็นอารมณ์
เป็นรูปฌาน...และเป็นการฝึกเรื่องธาตุ...ฉะนั้นต้องรู้จักการปรับธาตุ ปรุงธาตุ แต่งธาตุให้ได้ก่อน
จึงจะฝึกกสินในหมวดธาตุได้ หรือต้องเป็นผู้ที่มีของเก่าจากอดีตชาติที่เคยได้มาแล้ว จึงจะทำได้
ด้วยตนเอง...เพราะมีเป็นจำนวนมากที่ฝึกกสินด้วยตนเองแล้วหลงอารมณ์เพี้ยนไป...ในตำรากับของจริงนั้น มันแตกต่างกัน มันมีข้อปลีกย่อยอีกมากมาย...จึงขอเตือนไว้ด้วยความปรารถนาดี...

กราบมนัสการและขอบพระคุณพระอาจารย์มากครับ...

ขอบคุณเพื่อนก๊อตด้วยครับสำหรับข้อมูล
หัวข้อ: ตอบ: ว่าด้วยเรื่องของเตโชกสิน
เริ่มหัวข้อโดย: derbyrock ที่ 03 ต.ค. 2552, 10:29:24
ขอบคุณก๊อตสำหรับข้อมูลดีๆน่ะครับ
กราบนมัสการขอบพระคุณพระอาจารย์ครับ
หัวข้อ: ตอบ: ว่าด้วยเรื่องของเตโชกสิน
เริ่มหัวข้อโดย: ~เสน่ห์ack01~ ที่ 03 ต.ค. 2552, 02:58:49
กราบนมัสการขอบพระคุณพระอาจารย์ที่เมตตาตักเตือนครับ....

...จากที่ได้เคยศึกษา มีคนเสียสติมาเยอะแล้วจริงๆครับ...


...เรียนกสิณต้องมีครูบาอาจารย์ควบคุมครับ...
หัวข้อ: ตอบ: ว่าด้วยเรื่องของเตโชกสิน
เริ่มหัวข้อโดย: PeAwPeed ที่ 04 ต.ค. 2552, 02:32:24
กราบนมัสการขอบพระคุณพระอาจารย์ค่ะ :054:

ขอบคุณ ท่านก๊อต ที่นำมาให้อ่านด้วยนะคะ  
 
หัวข้อ: ตอบ: ว่าด้วยเรื่องของเตโชกสิน
เริ่มหัวข้อโดย: Jesus ที่ 04 ต.ค. 2552, 01:24:08
ขอบคุณมากครับ