กระดานสนทนาวัดบางพระ

หมวด มิตรไมตรี => บทความ บทกวี => ข้อความที่เริ่มโดย: รวี สัจจะ... ที่ 11 มี.ค. 2553, 06:33:48

หัวข้อ: วิถีทางสู่ความเป็นจอมยุทธ...ภาคจบ
เริ่มหัวข้อโดย: รวี สัจจะ... ที่ 11 มี.ค. 2553, 06:33:48
ริมฝั่งแม่น้ำพุมดวง วัดบางเดือน พุนพิน สุราษฎร์ธานี
๑๑ มีนาคม พ.ศ.๒๕๕๓ เวลา ๑๘.๑๐ น.
              " วิถีทางสู่ความเป็นจอมยุทธ" เป็นคำพูดหรือวลีหนึ่งที่มักจะเอ่ยถึงสำหรับนักปฏิบัติธรรม
คือการกระทำการปฏิบัติ คล้ายกับการฝึกวิทยายุทธในนิยายกำลังภายในของจีน ซึ่งนิยายกำลังภายใน
ของจีนนั้น ก็เอาหลักการของพุทธศาสนามาเป็นแนวทาง มีหลักคุณธรรมเข้ามาสอดแทรกให้คติเตือนใจ
การปฏิบัติธรรมนั้นก็เช่นกันคือ"ทำของที่ยังไม่มีให้มีขึ้นเกิดขึ้น  ของที่มีแล้วเกิดขึ้นแล้วนั้น รักษาไว้ไม่ให้เสื่อม
ไม่ให้สูญหายสลายไป ทำของที่มีที่เกิดขึ้นแล้ว รักษาไว้ดีแล้ว ให้เหมือนกับไม่มี" นี้คือกระบวนยุทธของการ
ปฏิบัติธรรม...ทำของที่ไม่มีให้มีขึ้นให้เกิดขึ้น คือการฝึกฝนปฏิบัติ เจริญสติเพื่อให้มีสมาธิจิตที่สงบนิ่ง นั่นคือ
การเจริญภาวนาปฏิบัติกรรมฐานตามที่ครูบาอาจารย์ท่านสั่งสอนมา ตามแนววิชากรรมฐานของแต่ละสำนัก
เมื่อสมาธิเกิดขึ้นแก่นักปฏิบัติแล้ว ก็ต้องรักษาทรงไว้ซึ่งสมาธินั้นให้มั่นคง มีความชำนาญแคล่วคล่องในการ
เข้าออกในอารมณ์สมาธินั้น คือความเป็นวสี รู้วิธีเข้าออกในอารมณ์ฌาน ซึ่งต้องผ่านการฝึกฝนอยู่อย่างสม่ำเสมอ
เมื่อจิตมีสมาธิที่มั่นคงแล้ว เข้าใจในสภาวะขององค์ฌาน เข้าออกอธิษฐานเข้าออกได้ตามที่ต้องการแล้ว
ก็ถึงกระบวนการยกจิตขึ้นสู่วิปัสสนากรรมฐาน คือเห็นการเกิดดับของสรรพสิ่ง เห็นความเป็นจริงในพระไตรลักษณ์
เห็นทุกข์ เห็นภัย เห็นโทษ เห็นประโยชน์และมิใช่ประโยชน์ของสรรพสิ่ง เห็นรูปเห็นนาม ตามความเป็นจริง
จิตละทิ้งจากการยึดถือ เข้าสู่ขบวนการ ลดมานะ ละทิฏฐิ ถอนอุปาทาน ตามรู้เห็นดูจิตอยู่กับปัจจุบันธรรม
        การปฏิบัติธรรมนั้นเปรียบได้กับ การแสวงหา ยกตัวอย่างให้เห็นได้ดังนี้ว่า เหมือนเราแสวงหาของที่เรายังไม่มี
เราอยากจะได้สิ่งของสิ่งนี้ เราต้องมีความพยายาม หาเหตุหาปัจจัยเพื่อที่จะได้มา สะสมเงินทองเพื่อให้พอที่จะซื้อหา
หรือพยายามกระทำสร้างมันขึ้นมา จนมันสำเร็จตามความปรารถนาได้สิ่งที่ต้องการมา และเราต้องเก็บรักษาสิ่งของสิ่งนั้น
ทำความรู้จักกับมัน ใช้งานมันจนชำนาญแคล่วคล่องคุ้นเคย เก็บรักษามันไว้ในที่อันสมควร เมื่อถึงเวลาก็หยิบขึ้นมาใช้ได้ทันที
ไม่ต้องถืออวดอยู่ตลอดเวลา เก็บรักษาไว้ในที่อันเหมาะสม
         นักปฏิบัติธรรมก็เช่นกัน ต้องรู้จักครอบงำประกาย ไม่ใช่โอ้อวดตัวโชว์อวดให้เขารู้ว่าเราเป็นผู้ปฏิบัติธรรม
เพราะการปฏิบัตธรรมนั้น มิใช่การแสดง มิใช่เป็นไปเพื่อการโอ้อวดประกวดกัน เพื่อให้เขากล่าวสรรเสริญยกย่อง
แต่เป็นไปเพื่อความสงบ สะอาด สว่าง ละวางจากมานะและอัตตา เพื่อความจางคลายของกิเลส ตัณหา อุปาทาน
ซึ่งการปฏิบัติธรรมนั้นต้องเกิดจากความคิดจิตที่เป็นกุศลการเริ่มต้นที่ที่ต้องและดีงาม ความเจริญในธรรมจึงบังเกิด
เพราะคำว่า"ภาวนานั้นคือการกระทำให้ดีขึ้น พัฒนาขึ้น สิ่งที่เรียกว่าพัฒนาขึ้นดีขึ้นนั้น ก็คือความดี คือกุศลทั้งหลาย
จึงขอฝากไว้ให้เป็นข้อคิดสะกิดเตือนใจแก่ผู้ใคร่ในธรรมทั้งหลาย โปรดได้นำไปคิดและพิจารณาใคร่ครวญดูว่า
    "เรามีความปรารถนาในการปฏิบัติธรรมเพราะอะไร สิ่งที่เราคาดหวังตั้งใจไว้นั้น มันเป็นกุศลจิตหรือไม่" 
ไม่มีใครรู้ซึ้งเท่าหนึ่งจิต สิ่งที่เรานึกคิดเรารู้อยู่แก่ใจ ว่าเราคิด เราหวังอะไร ในการปฏิบัติธรรม...
          เชื่อมั่น-ศรัทธาในธรรมคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
                 ด้วยความปรารถนาดีและไมตรีจิตแด่มวลมิตรทุกผู้คน
                            รวี สัจจะ-สมณะไร้นาม-วจีพเนจร
๑๑ มีนาคม พ.ศ.๒๕๕๓ เวลา ๑๘.๓๓ น. ณ  ริมฝั่งแม่น้ำพุมดวง วัดบางเดือน พุนพิน สุราษฎร์ธานี
หัวข้อ: ตอบ: วิถีทางสู่ความเป็นจอมยุทธ...ภาคจบ
เริ่มหัวข้อโดย: ~เสน่ห์ack01~ ที่ 12 มี.ค. 2553, 07:51:35
การปฏิบัติธรรมนั้นก็เช่นกันคือ"ทำของที่ยังไม่มีให้มีขึ้นเกิดขึ้น  ของที่มีแล้วเกิดขึ้นแล้วนั้น รักษาไว้ไม่ให้เสื่อม
ไม่ให้สูญหายสลายไป ทำของที่มีที่เกิดขึ้นแล้ว รักษาไว้ดีแล้ว ให้เหมือนกับไม่มี" นี้คือกระบวนยุทธของการ
ปฏิบัติธรรม


กราบนมัสการขอบพระคุณพระอาจารย์ครับ....
หัวข้อ: ตอบ: วิถีทางสู่ความเป็นจอมยุทธ...ภาคจบ
เริ่มหัวข้อโดย: ~เสน่ห์โจรสลัด~ ที่ 13 มี.ค. 2553, 01:47:05
ขอบพระคุณพระอาจารย์ ...  :054: