กระดานสนทนาวัดบางพระ

หมวด ธรรมะ และ นอกเหตุ เหนือผล => สนทนาภาษาผู้ประพฤติ, กฎแห่งกรรม และ ประสบการณ์วิญญาณ => สนทนาภาษาผู้ประพฤติ => ข้อความที่เริ่มโดย: รวี สัจจะ... ที่ 05 ส.ค. 2553, 07:37:10

หัวข้อ: รอยทางและรอยธรรม...๔ ส.ค..๕๓
เริ่มหัวข้อโดย: รวี สัจจะ... ที่ 05 ส.ค. 2553, 07:37:10
ตถตาอาศรม ริมฝั่งโขง
 ๕ สิงหาคม ๒๕๕๓
.......รอยทาง......
                   ฝนตกหนักตั้งแต่ตีสองกว่า ตื่นขึ้นมาปิดหน้าต่าง เพราะฝนสาดเข้ามา
เมื่อตื่นแล้วไม่กลับไปนอนต่อ เพราะกลัวจะหลับยาว เลยเวลาที่จะออกไปบิณฑบาตร
นั่งพิจารณาธรรม ดูจิต ดูความคิดของตนเอง จนได้เวลาจึงออกไปบิณฑบาตรตามปกติ
กลับมาจากบิณฑบาตรทำกิจวัตรของสงฆ์ตามปกติ สายๆเข้าไปในเมืองเพื่อซื้อวัสดุอุปกรณ์
ที่จะมาต่อรถพ่วงบรรทุกเรือยาว เพื่อนำไปแข่งตามที่ต่างๆ มีคนสงสัยและถามอยู่เสมอว่า
ทำไมต้องไปเสียเงินเสียเวลากับการทำเรือแข่ง ก็ตอบเขาไปว่า มันเป็นการทำงานมวลชน
ญาติโยม วัยรุ่นจะได้เข้าวัด เพราะเวลาเช้าและเวลาเย็นจะต้องมาซ้อมพายเรือกันที่หน้าวัด
ทำให้เกิดความคุ้นเคยกัน และสามารถที่จะเรียกใช้แรงงานของกลุ่มวัยรุ่นนั้นได้ เพราะคุ้นเคย
เห็นหน้ากันทุกวัน ให้เขามาเล่นอยู่ในวัด ดีกว่าปล่อยพวกเขาให้ไปเที่ยวเตร่อยู่ข้างนอกวัด
จะได้มีเวลาพูดคุยสนทนา สอดแทรกธรรมะให้แก่พวกเขาเหล่านั้น
.......รอยธรรม.......
                   ตื่นตั้งแต่ตีสองกว่า เพราะว่าฝนตกและลมพัดแรง ทำให้ฝนสาดเข้ามาในศาลา
เมื่อตื่นขึ้นมาแล้ว ก็ไม่กลับไปนอนต่อ นั่งพิจารณาธรรม ดูกาย ดูจิต ดูความคิดของตนเองที่เกิดขึ้น
เพราะเกิดความขัดแย้งกันขึ้นในใจของเรา ว่าจะออกไปบิณฑบาตรดีหรือไม่ เพราะว่าฝนกำลังตกอยู่
จิตที่ประกอบด้วยถีนมิทธะคือความขี้เกียจ ให้เหตุผลว่า...ฝนตกเดินบิณฑบาตรลำบาก เปียกและลื่น
ญาติโยมเขาคงจะไม่ออกมาใส่บาตรกันหรอก  ส่วนจิตที่เป็นกุศลก็ให้เหตุผลว่า...เอาร่มไปด้วยป้องกัน
ไม่ให้เปียก เดินให้มีสติเพิ่มขึ้น ถ้าเราไม่ออกไปบิณฑบาตร ญาติโยมเขาจะรอ ทำให้เขาเสียเวลาเสีย
ศรัทธา ความรู้สึกของคนที่เฝ้ารอมันเป็นอย่างไร ซึ่งเราก็รู้อยู่ ต่อสู้กับความคิดของตนเองจนได้ข้อสรุป
คือออกไปบิณฑบาตร มีญาติโยมมานั่งกางร่มเฝ้ารอใส่บาตรเท่าเดิม ศรัทธาของโยมมิได้ถอยลงเพราะ
ฝนตก เกิดความปิติขึ้นมา ที่ไม่ได้ทำลายศรัทธาของญาติโยม ไม่ทำให้เขาผิดหวัง ไม่ทำให้่เขาต้องรอ
บางครั้งการที่เรามองอะไรด้านเดียว โดยเอาความรู้สึกของเรามาเป็นตัวตัดสินใจนั้น ก็อาจจะทำให้เิกิด
ความผิดพลาดขึ้นมาได้ เราควรมองอะไรๆให้รอบด้าน ใช้วิจารณญาณเหตุและผล ในการตัดสินใจที่จะ
ทำอะไรลงไป ทำให้คิดถึงคำสอนของสมเด็จโตขึ้นมา เรื่อง "กระจกหกด้าน " เดินพิจารณาธรรมตลอด
เส้นทางของการบิณฑบาตร
........รอยกวี........
                        มองอะไร  มองไป  ให้ทุกด้าน
                        ตั้งสมมุติ  (ติ)ฐาน  ขึ้นมาใหม่
                        มองทั้งดี   ทั้งร้าย   คู่กันไป
                        มองโดยใช้่  เหตุผล เป็นต้นทุน
                                       ใช้เหตุผล  หักล้าง ในทางก่อ
                                        แล้วเติมต่อ  ใช้ธรรมะ  มาเกื้อหนุน
                                        ละความชอบ ส่วนตัว    มาเป็นทุน
                                        คิดถึงบุญ    กุศล     เป็นหนทาง
                      สมเด็จโต   กล่าวไว้   ในครั้งก่อน
                      ท่านได้สอน ให้มอง   ทั้งสองอย่าง
                      เอากระจก    หกด้าน  เป็นแนวทาง
                      มองทุกอย่าง  ให้เห็น  ความเป็นจริง
                                       เมื่อเห็นธรรม   เข้าใจธรรม  จงทำต่อ
                                        ธรรมนั้นหนอ   จะประสาน  ในทุกสิ่ง
                                        สัจจธรรม       นั้นหรือ      คือความจริง
                                        สรรพสิ่ง         คือธรรม    ที่นำทาง
                      มองทุกสิ่ง    เป็นธรรม   นำความคิด
                      มองทั้งถูก    และผิด     เป็นแบบอย่าง
                      มองให้เห็น    มองให้รอบ  ไปทุกทาง
                      มองทุกอย่าง  โดยสติ     แล้วตริตรอง
                                         ในโลกนี้    มีทั้งมืด  และสว่าง
                                         ทั้งสองอย่าง คิดไว้  ในสมอง
                                         ก่อนจะทำ  ควรคิด   และตริตรอง
                                         อย่าได้ลอง  ทำไป  ใช้อารมณ์
                     จงครวญคิด   พินิจ   และศึกษา
                     ไตร่่ตรองมา  ให้เห็น  เป็นเหมาะสม
                     อย่าทำไป     ด้วยว่า  ค่านิยม
                     จงชื่นชม      คุณธรรม ทำให้ดี
                                     ตามจังหวะ   เวลา   และโอกาศ
                                     อย่าประมาท  ทำไป  ให้ถูกที่
                                     ถูกบุคคล    ถูกสถาน  ถูกวิธี
                                     จงทำดี   ให้ถูกดี   จะดีเอย...
                                           ๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐
                                   ด้วยความปรารถนาดีและไมตรีจิต
                                          รวี สัจจะ-สมณะไร้นาม
๕ สิงหาคม ๒๕๕๓ เวลา ๐๘.๕๓ น. ณ ศาลาน้อย ริมน้ำโขง ชายขอบประเทศไทย
                                     
หัวข้อ: ตอบ: รอยทางและรอยธรรม...๔ ส.ค..๕๓
เริ่มหัวข้อโดย: derbyrock ที่ 05 ส.ค. 2553, 09:05:56
เมื่อเห็นธรรม   เข้าใจธรรม  จงทำต่อ
ธรรมนั้นหนอ   จะประสาน  ในทุกสิ่ง
สัจจธรรม       นั้นหรือ      คือความจริง
สรรพสิ่ง         คือธรรม    ที่นำทาง

กราบนมัสการพระอาจารย์ครับ ขอบพระคุณที่สอนย้ำครับ ชีวิตต่อไปนี้จะเดินแนวทางนี้โดยตลอดครับ แม้จะมีหลงทางบ้าง ผิดทางบ้าง แต่ก็จะหาทางกลับมาเดินในทางธรรมให้เร็วที่สุดครับ
หัวข้อ: ตอบ: รอยทางและรอยธรรม...๔ ส.ค..๕๓
เริ่มหัวข้อโดย: berm ที่ 05 ส.ค. 2553, 09:23:00
 :054: :054: :054:กราบนมัสการพระอาจารย์ตอนเช้าครับ....ท่านนำคติคำสอนดีๆมานำเสนอให้พวกเราได้คิดและน้อมนำมาปฎิบัติใช้ในชีวิตประจำวัน..
หัวข้อ: ตอบ: รอยทางและรอยธรรม...๔ ส.ค..๕๓
เริ่มหัวข้อโดย: ~@เสน่ห์เอ็ม@~ ที่ 05 ส.ค. 2553, 03:29:15
กราบมนัสการพระอาจารย์ที่เคารพ  :054:

กราบขอบพระคุณสำหรับเรื่องราว รอยทาง รอยธรรม รอยกวี คำสอน  :054:

ศิษย์ขอนอบน้อมใว้เป็นแนวทางต่อไป  :054:
หัวข้อ: ตอบ: รอยทางและรอยธรรม...๔ ส.ค..๕๓
เริ่มหัวข้อโดย: ~เสน่ห์ack01~ ที่ 05 ส.ค. 2553, 11:22:40
                      มองทุกสิ่ง    เป็นธรรม   นำความคิด
                      มองทั้งถูก    และผิด     เป็นแบบอย่าง
                      มองให้เห็น    มองให้รอบ  ไปทุกทาง
                      มองทุกอย่าง  โดยสติ     แล้วตริตรอง


กราบนมัสการพระอาจารย์ครับ ขอบพระคุณสำหรับแนวคิดดีๆครับ

หัวข้อ: ตอบ: รอยทางและรอยธรรม...๔ ส.ค..๕๓
เริ่มหัวข้อโดย: ตามพรลิงค์ ที่ 06 ส.ค. 2553, 01:26:17
กราบนมัสการพระอาจารย์ครับ