กระดานสนทนาวัดบางพระ

หมวด มิตรไมตรี => บทความ บทกวี => ข้อความที่เริ่มโดย: รวี สัจจะ... ที่ 29 พ.ค. 2554, 09:10:01

หัวข้อ: เรื่องเล่าจากเขาเรดาร์ "ตถตาอาศรม "บทที่เก้า
เริ่มหัวข้อโดย: รวี สัจจะ... ที่ 29 พ.ค. 2554, 09:10:01
ตถตาอาศรม เขาเรดาร์ บ้านบึง ชลบุรี
อาทิตย์ที่ ๒๙ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๕๔
.....ลองออกไปท่องเที่ยวในโลกไอที พบว่ามีบทความธรรมะและบทกวีที่ได้เขียน
แพร่กระจายอยู่ในที่ต่างๆมากมาย ซึ่งบางที่ก็มีมารยาท ให้เครดิตต่อเจ้าของผลงาน
และเว็บฯที่นำมา บางที่ก็ขโมยทรัพย์สินทางปัญญา ลบที่มาและใส่ชื่อตนเองลงไป
ซึ่งสิ่งทั้งหลายเป็นธรรมดดาของมนุษย์โลก ที่มีความคิดและจิตสำนึกที่แตกต่างกัน
ซึ่งตัวผู้เขียนนั้นไม่ได้สงวนลิขสิทธิ์ เพียงเพื่อจะถ่ายทอดความรู้สึกคิดและมุมมอง
เผยแผ่ธรรมะออกไป ซึ่งธรรมะทั้งหลายนั้นไม่มีใครเป็นเจ้าของ เป็นของที่อยู่คู่กับ
ธรรมชาติ คู่โลกกันมา เพียงแต่การใช้ภาษานั้น อาจจะแตกต่างกันในสำนวนและลีลา
แต่เนื้อหาและความหมายต่างก็ไปในทิศทางเดียวกัน คือการสร้างสรรค์ให้โลกนี้นั้น
สงบและร่มเย็น ชี้ให้เห็นคุณและโทษของกิเลสทั้งหลาย เป็นไปเพื่อความจางคลาย
ในทิฏฐิมานะและอัตตา ตัณหาและอุปทาน ธรรมะนั้นจึงไม่ควรมีการสงวนลิขสิทธิ์
ยึดถือมาเป็นของผู้ใดแต่ผู้เดียว ทุกอย่างนั้นขึ้นอยู่กับความรู้สึกนึกคิดและจิตสำนึก
ของแต่ละคน ที่จะแสวงหาผลประโยชน์จากธรรมะนั้น....
.....เรื่องเล่าจากเขาเรดาร์ "ตถตาอาศรม "บทที่เก้า.....
...กาพย์ยานี๑๑...
...มองหา  ก็มองเห็น           ซึ่งความเป็น  ในโลกนี้
หลายหลาก  และมากมี        ได้พบเห็น  เป็นประจำ
เห็นแล้ว  เก็บมาคิด             มาพินิจ  ให้เห็นธรรม
ก่อเกิด  กุศลกรรม               รู้เข้าใจ  ในความจริง
ทุกสิ่ง  นั้นเคลื่อนไหว          แปรเปลี่ยนไป  ในทุกสิ่ง
ไม่เคย  จะหยุดนิ่ง              ล้วนเกิดดับ  ธรรมดา
เกิดขึ้น แล้วตั้งอยู่               มองให้รู้  เห็นปัญหา
ใช้จิต  ใช้ปัญญา                มองทุกอย่าง  ว่างอัตตา
วางจิต  ให้เป็นกลาง            จะไม่สร้าง  ซึ่งปัญหา
ลดละ  ในอัตตา                 เดินตามธรรม ดำเนินไป
มองหา ทั้งสองด้าน             มองให้ผ่าน  สู่ข้างใน
ดีชั่ว  จงดูไป                     มองให้เห็น  ทั้งสองทาง
ทั้งโทษ  และทั้งคุณ           มองและหมุน หาช่องว่าง
รู้แล้ว  ก็ละวาง                  จิตเข้าใจ ก็เห็นธรรม
ดีชั่ว  ใครกำหนด               หรือเป็นกฏ  ผลของกรรม
สิ่งคิด  และสิ่งทำ               ล้วนใจเรา  กำหนดมา
ทุกอย่าง เริ่มจากจิต            จากความคิด  ส่งออกมา
จึงเกิด  เป็นปัญหา              เพิ่มกิเลส ให้แก่ตน
เพ่งโทษ  ผู้อื่นเขา              เท่ากับเอา  มาปะปน
กิเลส  ในใจตน                  เป็นทบเท่า ทวีคูณ
...มองหา  ก็มองเห็น           มองให้เป็น  สิ่งดับสูญ
อย่าเอา  มาเพิ่มพูน             จงปล่อยปละ  และละวาง
วางใจ  และวางจิต              จงอย่าคิด  จิตเข้าข้าง
มองหา  ในเส้นทาง             สู่สงบ  และร่มเย็น
สงบ  สยบได้                    สิ่งเคลื่อนไหว  ในที่เห็น
วางใจ  วางจิตเป็น               ใจสงบ  เมื่อพบธรรม....
          ...ด้วยความปรารถนาดีและไมตรีจิต...
          ...รวี สัจจะ-สมณะไร้นาม-วจีพเนจร...
๒๙ พฤษภาคม ๒๕๕๔ เวลา ๐๙.๐๙ น. ณ ตถตาอาศรม บ้านบึง ชลบุรี


หัวข้อ: ตอบ: เรื่องเล่าจากเขาเรดาร์ "ตถตาอาศรม "บทที่เก้า
เริ่มหัวข้อโดย: saken6009 ที่ 29 พ.ค. 2554, 10:06:09
ขอน้อมนำเอาไปปฏิบัติครับ 17; 17;
 
กราบนมัสการ พระอาจารย์ มา ณ.ที่นี้ด้วยครับ :054: :054:   รักษาดูแลสุขภาพด้วยนะครับ :054: :054:
 
กราบขอบพระคุณ สำหรับ บทความ บทกวี อันทรงคุณค่ายิ่งที่นำมาให้พี่น้องศิษย์วัดบางพระได้อ่านครับ
                                                                                                                                                                                                         
(ขออนุญาตเข้ามาอ่าน เพื่อเป็นความรู้ ขอบพระคุณมากครับ) :054: :054:
   
 
หัวข้อ: ตอบ: เรื่องเล่าจากเขาเรดาร์ "ตถตาอาศรม "บทที่เก้า
เริ่มหัวข้อโดย: โบตั๋นสีขาว ที่ 29 พ.ค. 2554, 10:11:19
กราบนมัสการพระอาจารย์คะ ขอบพระคุณ สำหรับ บทความ บทกวี บทกาพย์ บทกลอน คะ :090: :054: :090:
หัวข้อ: ตอบ: เรื่องเล่าจากเขาเรดาร์ "ตถตาอาศรม "บทที่เก้า
เริ่มหัวข้อโดย: ทรงกลด ที่ 29 พ.ค. 2554, 09:07:36
กราบนมัสการท่านพระอาจารย์ฯ  :054:

ขออนุญาตขยายความเพื่อการศึกษาเพิ่มเติมครับ ผิดถูกประการใดโปรดชี้แนะสั่งสอนด้วยครับ :054:
======================
จิต คือธรรมชาติที่รู้อารมณ์ หรือธรรมชาติที่ทำหน้าที่ เห็น ได้ยิน รู้กลิ่น รู้รส รู้สึกต่อการสัมผัสถูกต้องทางกาย และรู้สึกนึกคิดทางใจ จิตนี้ไม่ว่าจะเกิดแก ่สัตว์เดรัจฉาน มนุษย์ เทวดา หรือพรหมก็ตาม ย่อมมีการรู้อารมณ์เป็นลักษณะ เหมือนกันทั้งสิ้น
         
          จิต เป็นธรรมชาติชนิดหนึ่งที่มองไม่เห็น สัมผัสด้วยกายไม่ได้ ไม่มีรูปร่างสัณฐาน สีสัน วรรณะใด ๆ แต่เป็นธรรมชาติชนิดหนึ่งที่มีอยู่จริงๆ เป็นปรากฏการณ์ของธรรมชาติฝ่ายนามธรรม ที่เกิดขึ้น ตั้งอยู่ แล้วก็ดับ ไปอย่างรวดเร็ว โดยอาศัยเหตุอาศัยปัจจัยต่าง ๆ ทำให้เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไปตามกฎของธรรมชาติ
         
          อำนาจของจิตมีอยู่มากมาย เช่น มีอำนาจในการกระทำ การพูด การคิด การสั่งสมกรรมดี กรรมชั่ว นอกจากนี้ยังมีอำนาจในการสร้างฤทธิ์ ทำสมาธิ ทำฌาน ทำอภิญญา และอื่น ๆ ให้เกิดขึ้นได้อย่างมหัศจรรย์
         
          จิต จะเกิดดับอย่างรวดเร็วมาก ชั่วเวลาลัดนิ้วมือเดียว จิตจะมีการเกิดดับถึงแสนโกฏิขณะ คือ ๑,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐ ครั้ง (หนึ่งล้านล้านครั้ง) จึงเป็นการยากที่บุคคลจะรู้เท่าทันได้

ที่มา
http://buddhism-online.org/Section02A_03.htm
หัวข้อ: ตอบ: เรื่องเล่าจากเขาเรดาร์ "ตถตาอาศรม "บทที่เก้า
เริ่มหัวข้อโดย: derbyrock ที่ 30 พ.ค. 2554, 10:00:09
มองหา ทั้งสองด้าน             มองให้ผ่าน  สู่ข้างใน
ดีชั่ว  จงดูไป                     มองให้เห็น  ทั้งสองทาง
ทั้งโทษ  และทั้งคุณ           มองและหมุน หาช่องว่าง
รู้แล้ว  ก็ละวาง                  จิตเข้าใจ ก็เห็นธรรม

กราบนมัสการพระอาจารย์ครับ จะน้อมนำไปปฎิบัติครับ
หัวข้อ: ตอบ: เรื่องเล่าจากเขาเรดาร์ "ตถตาอาศรม "บทที่เก้า
เริ่มหัวข้อโดย: ทรงกลด ที่ 30 พ.ค. 2554, 10:52:36
ขออนุญาตนำภาพที่เขาเรดาร์มาลงครับ

(http://bp.or.th/uploads/data/image/llzpff-931292.jpg)