กระดานสนทนาวัดบางพระ

หมวด มิตรไมตรี => บทความ บทกวี => ข้อความที่เริ่มโดย: รวี สัจจะ... ที่ 10 มี.ค. 2552, 01:30:17

หัวข้อ: พระธุดงค์กับการหลงป่า
เริ่มหัวข้อโดย: รวี สัจจะ... ที่ 10 มี.ค. 2552, 01:30:17
    การออกธุดงค์ของพระภิกษุสงฆ์เป็นการฝึกหัดปฏิบัติตนตามข้อวัตรปฏิบัติธุดงควัตร13ข้อ เพื่อฝึกตนให้ทนต่อความยากลำบาก ทางกายและทางจิต ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย ออกจากความวุ่นวายของสังคม เข้าสู่ป่าเพื่อหาสถานที่วิเวก เพื่อจะลดผัสสะสิ่งที่มากระทบ สถานที่วิเวกทำให้จิตวิเวก จิตวิเวกก่อให้เกิดสมาธิวิเวก นั่นคือสิ่งที่ครูบาอาจารย์ท่านสอนมา
   ในการเดินธุดงค์นั้น มันต้องพบกับอุปสรรคและปัญหา เพื่อที่จะทำให้เราได้พิจารนา ดังคำสอนที่ว่า"ทุกข์ไม่มาปัญญาไม่มีบารมีไม่เกิด"ต้องเผชิญกับความเหนื่อย ความเมื่อย ความล้าและความหิว เป็นการฝึกฝนความอดทน ขันติบารมี การเดินแต่ละก้าวของพระธุดงค์นั้นต้องมีสติและสัมปชัญญะอยู่ทุกขณะจิต เป็นการฝึกสติไปในตัว เพื่อเพียรเผากิเลสให้เร้าร้อน รู้เท่าทันในอารมณ์ที่มากระทบและเกิดขึ้นในจิต พิจารนาให้เห็นคุณเห็นโทษ เห็นประโยชน์และมิใช่ประโยชน์ ในอารมณ์เหล่านั้น
    เมื่อเราเหนื่อย เมื่อเราหิว เมื่อเราร้อน เมื่อเราล้า กิเลสจะผุดขึ้นมา ความเห็นแก่ตัว ความขี้เกียจ ความมักง่ายความกลัวทั้งหลายและความเอาแต่ใจตนเองจะเกิดขึ้น ถ้าเราขาดสติที่จะเขาไปพิจารนาให้รู้เท่าทัน กิเลสเหล่านั้นมันจะครอบงำจิตเรา ให้กระทำตามความต้องการของกิเลส
    สิ่งที่ได้กล่าวมานั้น คือแนวทางปฏิบัติของพระธุดงค์กรรมฐาน ที่เป็นมาแต่โบราณจนถึงปัจจุบัน ถ่ายทอดกันมาจากพ่อแม่ครูบาอาจารย์ เป็นพื้นฐานสำหรับพระรุ่นใหม่ที่จะเดินก้าวไปสู่การฝึกหัดปฎิบัติ ข้อวัตรของพระภิกษุสงฆ์ เพื่อทรงไว้ซึ่งพระธรรมวินัย
เป็นไปโดยชอบประกอบด้วยกุศล ฝึกตนให้พ้นจากวัฏตะสงสาร โดยการประหารซึ่งกิเลสและตัณหา ปรารถนาซึ่งความพ้นทุกข์
ให้บรรลุสุขคือพระนิพพาน
   แต่ในปัจจุบันนี้ ส่วนใหญ่มิได้เป็นไปอย่างเช่นนั้น ปากพากันบอกว่าไปธุดงค์ แต่ละองค์ที่เห็นมาล้วนแล้วแต่พากันไปท่องเที่ยว
เพื่อที่จะได้มาคุยอวดกันว่า "ข้าผ่านมาแล้ว" เหมือนการออกไปทำใบปริญญา ได้มาแล้วโอ้อวดกัน (ออกไปไม่เห็นกิเลส กลับได้กิเลสเพิ่มกลับมา)
   ไม่มีพระธุดงค์องค์ใดไม่หลงป่า เพราะเส้นทางในป่านั้นมันเปลี่ยนแปลงไปในทุกฤดูกาล แต่ที่ท่านผ่านมาได้นั้น เพราะท่านมี สติและปัญญา มีความเพียรและขันติ มีสมาธิที่มั่นคง  ไม่หลงตกใจเมื่อภัยมา  อุปสรรคและปัญหาคือเครื่องท้าทาย คือบททดสอบภูมิธรรมภูมิปัญญา  ว่าเราปฏิบัติถึงไหนแล้ว "พระธุดงค์หลงป่าเป็นเรื่องธรรมดา แต่อย่าหลงกิเลส"
                                                                ฝากไว้เป็นข้อคิดเพื่อสะกิดเตือนใจ
                                                                   เชื่อมั่น-ศรัทธา-ปรารถนาดี
                                                                            รวี สัจจะ
                                                                     วจีพเนจร-คนรอนแรม
หัวข้อ: ตอบ: พระธุดงค์กับการหลงป่า
เริ่มหัวข้อโดย: nutagul ที่ 10 มี.ค. 2552, 02:40:18
ใช่ครับ พระธุดงค์จุดมุ่งหมายคือโมกธรรม กำจัดกิเลศ ระหว่างทางเป็นธรรมดาที่จะมีเหตุการณ์ต่างๆเกิดขึ้นได้เสมอ แต่พระธุดงค์ย่อมไม่หวั่นไหว มีแต่จะยอมตายถวายชีวิตเป็นพุทธบูชาแสวงหาหนทางหลุดพ้น ฉะนั้นการหลงป่าจึงเกิดขึ้นกับพระธุดงค์เกือบจะทุกรูป
                                                                                                    ด้วยความเคารพครับ
หัวข้อ: ตอบ: พระธุดงค์กับการหลงป่า
เริ่มหัวข้อโดย: ชลาพุชะ ที่ 10 มี.ค. 2552, 03:40:22
ได้ความรู้มากครับ
หัวข้อ: ตอบ: พระธุดงค์กับการหลงป่า
เริ่มหัวข้อโดย: #DeKdOy# ที่ 10 มี.ค. 2552, 03:59:24

      "หลงป่าได้ แต่อย่าหลงกิเลส" ชอบประโยคนี้มากครับ ขอบคุณครับ
หัวข้อ: ตอบ: พระธุดงค์กับการหลงป่า
เริ่มหัวข้อโดย: ~@เสน่ห์เอ็ม@~ ที่ 10 มี.ค. 2552, 04:13:15

      "หลงป่าได้ แต่อย่าหลงกิเลส" ชอบประโยคนี้มากครับ ขอบคุณครับ

ชอบคำนี้เหมือนกัน ครับ ..ในสมัยก่อน พระที่ธุดง ยอมแม้แต่สละชีวิต เพื่อ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ และ เพื่อฆ่ากิเลศ ครับ
หัวข้อ: ตอบ: พระธุดงค์กับการหลงป่า
เริ่มหัวข้อโดย: อชิตะ ที่ 10 มี.ค. 2552, 04:19:16
เดินป่าหรือเข้าป่า ไม่มีหรอกครับ ที่จะไ่ม่หลง เจ้าหน้าที่เองยังหลงเลย อาศัยว่า มีวิทยุสื่อสารและGPS

อันตรายร้อยแปด ที่สำคัญที่สุด คือใจของเราเอง เดินป่า ไ้ด้อะไรมากมาย จะได้เห็นใจกันว่าเพื่อนแท้แค่ไหนก็ตอนหลงป่านี่ละครับ

ป่าเขาใหญ่ ยังมีอะไรที่คาดไม่ถึงอีกเยอะ  

ท่านรอดมาได้ก็ดีใจครับ  เดินไปถึงทุ่งงูเหลือมไม่ธรรมดาเลย  ถ้าไม่ใช่ว่าเป็นพระเป็นคนธรรมดา ผมว่าเรียบร้อยไปแล้ว

ผมชอบเดินป่า   :005: :005:
หัวข้อ: ตอบ: พระธุดงค์กับการหลงป่า
เริ่มหัวข้อโดย: รวี สัจจะ... ที่ 10 มี.ค. 2552, 06:09:16
ไปในที่ ที่เขาต้องการให้ไป
พักอาศัยแล้วใจเป็นสุข
ใจไม่เป็นทุกข์ ทุกอย่างย่อมสบาย
ความเจริญในธรรมงอกงามเพิ่มพูน
นับว่าเป็นบุญของตัวเราแล้ว
หัวข้อ: ตอบ: พระธุดงค์กับการหลงป่า
เริ่มหัวข้อโดย: เด็กนอกวัด ที่ 10 มี.ค. 2552, 06:27:26
เดินป่าหรือเข้าป่า ไม่มีหรอกครับ ที่จะไ่ม่หลง เจ้าหน้าที่เองยังหลงเลย อาศัยว่า มีวิทยุสื่อสารและGPS

อันตรายร้อยแปด ที่สำคัญที่สุด คือใจของเราเอง เดินป่า ไ้ด้อะไรมากมาย จะได้เห็นใจกันว่าเพื่อนแท้แค่ไหนก็ตอนหลงป่านี่ละครับ

ป่าเขาใหญ่ ยังมีอะไรที่คาดไม่ถึงอีกเยอะ  


ท่านรอดมาได้ก็ดีใจครับ  เดินไปถึงทุ่งงูเหลือมไม่ธรรมดาเลย  ถ้าไม่ใช่ว่าเป็นพระเป็นคนธรรมดา ผมว่าเรียบร้อยไปแล้ว

ผมชอบเดินป่า   :005: :005:

เที่ยวป่าบ่อยมากไม่ดีนะเมฆ แต่อย่าไปป่าเดียวกันละอันตราย :095:
หัวข้อ: ตอบ: พระธุดงค์กับการหลงป่า
เริ่มหัวข้อโดย: อชิตะ ที่ 10 มี.ค. 2552, 08:14:05
เดินป่าหรือเข้าป่า ไม่มีหรอกครับ ที่จะไ่ม่หลง เจ้าหน้าที่เองยังหลงเลย อาศัยว่า มีวิทยุสื่อสารและGPS

อันตรายร้อยแปด ที่สำคัญที่สุด คือใจของเราเอง เดินป่า ไ้ด้อะไรมากมาย จะได้เห็นใจกันว่าเพื่อนแท้แค่ไหนก็ตอนหลงป่านี่ละครับ

ป่าเขาใหญ่ ยังมีอะไรที่คาดไม่ถึงอีกเยอะ  


ท่านรอดมาได้ก็ดีใจครับ  เดินไปถึงทุ่งงูเหลือมไม่ธรรมดาเลย  ถ้าไม่ใช่ว่าเป็นพระเป็นคนธรรมดา ผมว่าเรียบร้อยไปแล้ว

ผมชอบเดินป่า   :005: :005:

เที่ยวป่าบ่อยมากไม่ดีนะเมฆ แต่อย่าไปป่าเดียวกันละอันตราย :095:

โฮ๊ะๆ โหะๆ Ho ho .... มันไม่ใช่และ..ท่านชิน  ไม่ใช่โต้งกับมิวนะท่าน

ขอเป็นป่านารีผลดีกว่าครับ จะสอยให้หมดต้นเลย  :016:
หัวข้อ: ตอบ: พระธุดงค์กับการหลงป่า
เริ่มหัวข้อโดย: ~เสน่ห์กวาง~ ที่ 10 มี.ค. 2552, 08:28:11
ข่าว : เจอแล้ว พระธุดงค์ 2 รูปหลงในเขาใหญ่ สภาพอิดโรยหนัก (มติชนออนไลน์)

        เจ้าหน้าที่พบพระธุดงค์ 2 รูปจากสำนักสงฆ์เขาไห้ จ.สุพรรณบุรี ที่ธุดงค์ป่าเขาใหญ่แล้วพลัดหลงเข้าไปในในป่าลึกแล้ว บริเวณทุ่งเขาแหลม ห่างจากที่ทำการอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ประมาณ 10 กิโลเมตร ซึ่งพระธุดงค์มีสภาพอิดโรย เนื่องจากขาดน้ำและอาหารหลายวัน ซึ่งเจ้าหน้าที่ชุดค้นหาจะได้ติดต่อวิทยุสื่อสาร เพื่อขอเฮลิคอปเตอร์เข้าไปรับตัวพระธุดงค์ทั้ง 2 รูปดังกล่าวแล้ว





                                                [ ข่าวมากจากเว็บ กระปุก ดอท คอม ค่ะ^^]
หัวข้อ: ตอบ: พระธุดงค์กับการหลงป่า
เริ่มหัวข้อโดย: อชิตะ ที่ 10 มี.ค. 2552, 08:32:45
ข่าว : เจอแล้ว พระธุดงค์ 2 รูปหลงในเขาใหญ่ สภาพอิดโรยหนัก (มติชนออนไลน์)

        เจ้าหน้าที่พบพระธุดงค์ 2 รูปจากสำนักสงฆ์เขาไห้ จ.สุพรรณบุรี ที่ธุดงค์ป่าเขาใหญ่แล้วพลัดหลงเข้าไปในในป่าลึกแล้ว บริเวณทุ่งเขาแหลม ห่างจากที่ทำการอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ประมาณ 10 กิโลเมตร ซึ่งพระธุดงค์มีสภาพอิดโรย เนื่องจากขาดน้ำและอาหารหลายวัน ซึ่งเจ้าหน้าที่ชุดค้นหาจะได้ติดต่อวิทยุสื่อสาร เพื่อขอเฮลิคอปเตอร์เข้าไปรับตัวพระธุดงค์ทั้ง 2 รูปดังกล่าวแล้ว





                                                [ ข่าวมากจากเว็บ กระปุก ดอท คอม ค่ะ^^]

สาธุ บุญรักษา 

งานนี้ N73 เป็นฮีโร่ครับท่าน ถ้าไม่มีโทรมาละยุ่งเลย

งานนี้ได้ออก เจาะใจ ตีสิบ กันบ้างนะครับหลวงพี่   อยู่ในป่าเจออะไรบ้าง ใครๆก็อยากรู้  :005:  :005:
หัวข้อ: ตอบ: พระธุดงค์กับการหลงป่า
เริ่มหัวข้อโดย: โองการยันนะรังสี ที่ 10 มี.ค. 2552, 08:51:36
ขอบพระคุณ ท่าน รวี สัจจะ  มากๆเลยครับสำหรับ บทความดีๆ

ประโยคนี้ได้แง่คิดมากเลยครับ "พระธุดงค์หลงป่าเป็นเรื่องธรรมดา แต่อย่าหลงกิเลส"

พระธุดงค์กับการหลงป่า ถ้าเปรียบเทียบมาเป็นคนทั่วไป ก็คงจะได้เป็น มนุษย์ผู้หลงใหลในกิเลส

เพราะทุกวันนี้ มนุษย์เรามัวแต่หลงอยู่ในกิเลสกันเสียส่วนใหญ่ ความอยากมี ความอยากได้ ความอยากรวย

นั่นก็เท่ากับเราหลงอยู่ในป่าแห่งกิเลส ดังนั้นเราต้องหาทางออกจากป่าแห่งกิเลสนั้นด้วยการ ตัดซึ่งกิเลสทั้งหมด จึงจะเป็นทางออก

จากป่าแห่งกิเลสนี้ได้ ไม่ใช่ว่าหาทางออกด้วยการสนองกิเลสนะครับ ต้องตัดกิเลสทั้งอย่างเดียว

ฝากให้สมาชิก พิจารณาบทความให้ดี แล้วตีใจความสำคัญให้แตก กันนะครับ


อย่าคิดแต่เพียงแค่ตอบกระทู้เพื่อความสนุกสนาน


หัวข้อ: ตอบ: พระธุดงค์กับการหลงป่า
เริ่มหัวข้อโดย: อชิตะ ที่ 10 มี.ค. 2552, 09:08:48
ขอบพระคุณ ท่าน รวี สัจจะ  มากๆเลยครับสำหรับ บทความดีๆ

ประโยคนี้ได้แง่คิดมากเลยครับ "พระธุดงค์หลงป่าเป็นเรื่องธรรมดา แต่อย่าหลงกิเลส"

พระธุดงค์กับการหลงป่า ถ้าเปรียบเทียบมาเป็นคนทั่วไป ก็คงจะได้เป็น มนุษย์ผู้หลงใหลในกิเลส

เพราะทุกวันนี้ มนุษย์เรามัวแต่หลงอยู่ในกิเลสกันเสียส่วนใหญ่ ความอยากมี ความอยากได้ ความอยากรวย

นั่นก็เท่ากับเราหลงอยู่ในป่าแห่งกิเลส ดังนั้นเราต้องหาทางออกจากป่าแห่งกิเลสนั้นด้วยการ ตัดซึ่งกิเลสทั้งหมด จึงจะเป็นทางออก

จากป่าแห่งกิเลสนี้ได้ ไม่ใช่ว่าหาทางออกด้วยการสนองกิเลสนะครับ ต้องตัดกิเลสทั้งอย่างเดียว

ฝากให้สมาชิก พิจารณาบทความให้ดี แล้วตีใจความสำคัญให้แตก กันนะครับ

[shake]อย่าคิดแต่เพียงแค่ตอบกระทู้เพื่อความสนุกสนาน[/shake]
[/color]




น้อมรับคำแนะนำครับผม ลองมาดูในทางให้เกิดประโยชน์นะครับ

ธุ ด ง ค วั ต ร ๑ ๓ ป ร ะ ก า ร

ใน พระพุทธศาสนา มีข้อปฏิบัติที่พระภิกษุนิยมบำเพ็ญกัน เป็นการฝืนความต้องการของกิเลส เพื่อไล่กิเลสออกจากใจ มีด้วยกัน ๑๓ ประการ

เรียกว่า ธุดงควัตร พระภิกษุที่บำเพ็ญธุดงควัตร เราเรียกท่านว่า พระธุดงค์

แต่ธุดงควัตรนี้ ไม่ได้จำกัดเฉพาะพระภิกษุ แม้ฆราวาสก็ปฏิบัติได้เป็นบางข้อ

ธุดงควัตร ๑๓ ประการ แบ่งเป็น ๔ หมวด ให้เลือกปฏิบัติได้ตามกำลังศรัทธา คือ

ห ม ว ด ที่ ๑ เ กี่ ย ว กั บ เ ค รื่ อ ง แ ต่ ง ตั ว


๑. ใช้แต่ผ้าบังสุกุลที่ชักมาได้เท่านั้น แม้จะได้มาทางอื่น เช่นมีคนถวายให้กับมือก็ไม่ใช้
๒. ใช้เฉพาะผ้าไตรจีวรเพียง ๓ ผืนเท่านั้น คือมีสบง จีวร สังฆาฏิ อย่างละผืน ใช้ผ้าอื่นๆ อีกนอกจาก ๓ ผืนนี้ไม่ได้
เรา ลองคิดดู ทำถึงขั้นนี้แล้ว กิเลสมันจะร้อนตัวสักแค่ไหน คนนิสัยขี้โอ่ อวดมั่งอวดมี รักสวยรักงามพิถีพิถันกับเครื่องแต่งตัวจนเกินเหตุ ชนิดที่เสื้อผ้าเป็นตู้ๆ ก็ยังไม่พอใจนั้น เจอธุดงค์ ๒ ข้อนี้เข้าก็สะอึกแล้ว

ห ม ว ด ที่ ๒ เ กี่ ย ว กั บ ก า ร กิ น

๑. ฉันแต่อาหารที่บิณฑบาตมาได้เท่านั้น ใครจะใส่ปิ่นโตใส่หม้อแกง มาถวายที่วัดก็ไม่ฉัน บิณฑบาตมาได้เท่าไรก็ฉันเท่านั้น

๒. เดินบิณฑบาตไปตามลำดับตรอกหรือหมู่บ้านในแนวที่กำหนดไว้เท่านั้น ไม่ใช่มานึกๆ เอาว่า ไปบ้านนั้นจะได้มาก บ้านนี้จะได้น้อย เลยเลือกบิณฑบาตเป็นบางบ้านตามใจชอบ อย่างนั้นไม่ได้

๓. ฉันอาสนะเดียว คือถ้าฉันเสร็จ ลุกจากอาสนะแล้ว ก็ไม่รับอาหารอีก ไม่ฉันอะไรอีก ซึ่งก็เท่ากับว่าฉันวันละมื้อเดียว เรียกกันว่า ""ฉันเอกา""

๔. ฉันสำรวม คือฉันอาหารในบาตร ไม่ใช้ภาชนะอื่น เอาอาหารทั้งหมด ทั้งคาวทั้งหวานใส่ลงรวมกันในบาตรแล้วฉัน

๕. เมื่อลงมือฉันแล้วไม่รับประเคนอีก ใครจะนำอาหารมาถวายให้อีกก็ไม่รับ

ทั้ง ๕ ข้อนี้เป็นตบะเกี่ยวกับการกิน ใช้แก้นิสัยตามใจปากตามใจท้อง ไม่ต้องพูดถึงว่าจะลักเขากิน โกงเขากิน แม้แต่ของที่ได้มาดีๆ นี่แหละ ก็ตัดความฟุ้งเฟ้อลง พวกนิสัยกินจุบกินจิบ จะกินนั่นจะกินนี่ พิรี้พิไรไม่รู้จักกระเป๋าของตนเอง ตลอดจนกิเลสประเภทที่ยุใจเราให้ทำผิดเพราะเห็นแก่ปากแก่ท้อง พอเจอธุดงค์ ๕ ข้อนี้เข้าก็งง

ห ม ว ด ที่ ๓ เ กี่ ย ว กั บ ที่ อ ยู่ อ า ศั ย

๑. อยู่ในป่านอกละแวกบ้านเท่านั้น ไม่มาอาศัยอยู่ตามแหล่งชุมชน

๒. อยู่ตามร่มไม้เท่านั้น ไม่อาศัยอยู่ในเรือน ไม่อาศัยนอนในกุฏิศาลา ปักกลดนอนใต้ร่มไม้กันเลย

๓. อยู่กลางแจ้งเท่านั้น ในกุฏิก็ไม่นอน ใต้ร่มไม้ก็ไม่นอนกันละ ปักกลดนอนกลางแจ้งกันเลย

๔. อยู่ในป่าช้าเท่านั้น เข้าปักกลดนอนในป่าช้ากันเลย จะนั่งนอนบน หลังโลงศพ หรือปักกลดนอนใต้ต้นไม้ในป่าช้าก็เอา

๕. อยู่ในที่ที่คนอื่นจัดให้ ไม่เลือกที่อยู่ เขาจัดให้พักที่ไหนก็พักที่นั่น โปรดพินิจดู เรื่องโกงที่โกงทาง ดื้อแพ่งเพราะที่อยู่ ไม่ต้องพูดถึงกัน เพียงแค่นิสัยติดที่ ชอบที่นอนนุ่มๆ บ้านหรูๆ เครื่องอำนวยความสะดวกพร้อม กิเลสเรื่องที่อยู่อาศัย พอเจอธุดงค์ ๕ ข้อนี้เข้าก็เผ่นหนีกันกระเจิง

ห ม ว ด ที่ ๔ เ กี่ ย ว กั บ ก า ร ดั ด นิ สั ย เ กี ย จ ค ร้ า น

๑. อยู่ในอิริยาบถ ๓ คือยืน เดิน นั่ง ไม่นอน ง่วงมากก็ยืน เดิน อย่างมากก็นั่งหลับแต่ไม่ยอมนอน ไม่ให้หลังแตะพื้น

หมวด ที่ ๔ นี้มีอยู่ข้อเดียว พวกที่ติดนิสัยขี้เกียจ เช้าเอน เพลนอน บ่ายพักผ่อน ดึกๆ จำวัด พอเจอธุดงค์ข้อนี้เข้าก็หาย
หากใครมีนิสัยชอบผัดวันประกันพรุ่ง จะลองรักษาธุดงควัตรข้อนี้ดูบ้างก็ดีเหมือนกัน จะรักษาสัก ๑ วัน ๓ วัน ๕ วัน ๗ วัน ก็ตามกำลัง
สำหรับผู้ปฏิบัติธรรมทำสมาธิ ถ้าใจเริ่มสงบแล้ว การอยู่ในอิริยาบถ ๓ นี้ จะทำให้สมาธิก้าวหน้าเร็วมาก และถ้าสมาธิดีก็จะไม่ง่วง
มีพระภิกษุบางรูปรักษาธุดงควัตรข้อนี้ได้นาน ๓ เดือน ๗ เดือนก็มี บางรูปรักษาตลอดชีวิต
เช่น พระมหากัสสปะ ท่านอยู่ในอิริยาบถ ๓ ยืน เดิน นั่ง ไม่นอนได้ตลอดชีวิตโดยไม่ง่วงเลย
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงยกย่องว่าเป็นเอตทัคคะในธุดงคคุณ

ทั้ง หมดนี้รวม เป็นธุดงควัตร ๑๓ ข้อ จัดเป็นตบะชั้นยอดในพระพุทธศาสนา ความมุ่งหมายเพื่อจะกำจัดกิเลสออกจากใจให้เด็ดขาด ในทางปฏิบัติใครจะเลือกทำข้อใดบ้างก็ได้ และจะทำในระยะใดก็ให้ตั้งใจอธิษฐานสมาทานธุดงค์เอง
หัวข้อ: ตอบ: พระธุดงค์กับการหลงป่า
เริ่มหัวข้อโดย: ปุญฺญานุสฺสติ(สิบทัศน์) ที่ 10 มี.ค. 2552, 09:24:28
คมกินใจ หลงป่าแต่อย่าหลงกิเลส อนุโมทนาด้วยครับผม  :054:
หัวข้อ: ตอบ: พระธุดงค์กับการหลงป่า
เริ่มหัวข้อโดย: Chotipat ที่ 10 มี.ค. 2552, 09:36:16
ชอบกระทู้นี้จังได้ทั้งความรู้และคำคมขอบคุณทุกท่านครับ :053:
หัวข้อ: ตอบ: พระธุดงค์กับการหลงป่า
เริ่มหัวข้อโดย: ۞เณรน้อยเส้าหลิน۞ ที่ 10 มี.ค. 2552, 10:33:32
คำคม บทความดี  มีสาระครบถ้วนครับ

อนุโมทนาบุญด้วยครับ

(http://www.watsanfran.com/library/khipapanyanusorn/cover/khippapanyanusorn_cover.jpg)

พระเดชพระคุณหลวงพ่อทูล  ขิปปปัญโญ

ตอนที่ครั้งหลวงพ่อทูล ขิปปปัญโญ  ยังมีชีวิตอยู่  ท่านเคยเล่าให้บรรดาลูกศิษย์ฟัง  ผมก็นั่งอยู่ด้วย  ท่านบอกว่า "ต่อไปพระธุดงค์จะลำบากกันมากกว่านี้นะ  เมื่อก่อนเดินเข้าไปในป่า มีแหล่งน้ำ ลำธาร มากมาย แต่ตอนนี้ต้องเดินไปไกลมาก กว่าจะถึงแหล่งน้ำ  บางทีพระธุดงค์ก็ไม่ได้สรงน้ำกันหลายวัน เพราะไม่มีแหล่งน้ำใหญ่ๆ   ท่านบอกว่า ต่อไปจะลำบากกันจริงๆ  สงสารพระที่จะแสวงหาโมกขธรรม หาทางพ้นทุกข์"

ตอนท้ายท่านก็เล่าต่อว่า  "ตอนหลวงพ่อเดินธุดงค์ก็ไม่ได้มีเข็มทิศแบบนักเดินป่า  เดินไปเรื่อยๆ ตรงไหนสัปปายะก็ไป  ไปคนเดียวบ้าง  ไปกันเป็นหมู่บ้าง ก็เดินกันไปเรื่อยๆ  ถ้าไม่รู้ทาง ก็อาศัยถามทางคนแถวนั้นเอา"   

พอหลวงพ่อทูลท่านเล่าจบ  ก็มีพี่ผู้หญิงท่านหนี่งถามขึ้นมาว่า "กราบนมัสการหลวงพ่อเจ้าค่ะ  ในป่ามีคนอยู่ด้วยเหรอเจ้าค่ะหลวงพ่อ  "

ท่านก็ยิ้มๆ เห็นฟันสีดำ และรอยน้ำหมากสีแดงเรื่อๆติดริมฝีปาก พร้อมกับคำพูดที่เมตตาว่า "มันก็มีหลายประเภทนะ  บางประเภทถามไปแล้ว  หลอกเราก็มี  มันจะทดสอบเรา  บางประเภทก็บอกตรงๆ  แต่ส่วนใหญ่จะไม่โกหกกันหรอก"

พี่ผู้หญิงก็ถามต่อว่า "แล้วส่วนใหญ่เป็นประเภทไหนเจ้าค่ะ"

หลวงพ่อทูลท่านก็ตอบว่า "แบบนี้นั่นแหละ"  พร้อมชี้มาที่พี่คนที่ถาม  ทุกคนต่างก็พาหัวเราะกัน และรู้ว่าท่านพูดถึงเทวดา  นางฟ้า  เพราะพี่ที่ถามเป็นคนปฏิบัติธรรมได้ดีมาก มีใบหน้าที่ผ่องใส  ชอบทำบุญเป็นประจำ

ผมยังอดที่จะเป็นห่วงพระธุดงค์ในวันข้างหน้าไม่ได้  ว่าต่อไปท่านจะหาแหล่งน้ำจากที่ไหน  เพราะในปัจจุบัน ป่าก็เริ่มเสื่อมโทรม อากาศก็ร้อนมากขึ้น แหล่งน้ำก็ไม่ค่อยจะมี 

ขอบคุณครับ
หัวข้อ: ตอบ: พระธุดงค์กับการหลงป่า
เริ่มหัวข้อโดย: รวี สัจจะ... ที่ 13 มี.ค. 2552, 11:45:29
ขอบคุณสำหรับคำติชมจากหมู่มิตร
จะถูกหรือผิดขอให้ท่านเก็บไปพิจารนา
สิ่งที่เขียนมาจากความรู้สึกแลจิตสำนึกแห่งคุณธรรม
                น้อมรับในคำติชม
                    รวี สัจจะ
วจีพเนจร...คนรอนแรม...ไร้รูปแบบแต่ไม่ไร้สาระ
หัวข้อ: ตอบ: พระธุดงค์กับการหลงป่า
เริ่มหัวข้อโดย: prathomsak ที่ 13 มี.ค. 2552, 03:15:27
ใช่ครับ พระธุดงค์สมัยนี้ลำบากครับ หาน้ำยาก ต้องกินปัสวะตนเอง  ท่านคงมีบุญบารมีมากครับ จึงรอดมาได้  อยากให้นักบินที่หลงป่า กลับคืนมาบ้างจัง  แม่เพียงร่างกายก็ยังดี  คนข้างหลังพวกเขาจะได้ไม่ต้องทุกข์ใจไปมากกว่านี้