กระดานสนทนาวัดบางพระ

หมวด มิตรไมตรี => รูปภาพและวีดีโอสายวัดบางพระ และ รูปภาพและวีดีโอสายอื่นๆ => รูปภาพและวีดีโอสายวัดบางพระ => ข้อความที่เริ่มโดย: ~เสน่ห์โจรสลัด~ ที่ 25 เม.ย. 2552, 12:31:14

หัวข้อ: พระอะไรเอ่ย ใส่หมวกฟาง ?????
เริ่มหัวข้อโดย: ~เสน่ห์โจรสลัด~ ที่ 25 เม.ย. 2552, 12:31:14
พระกริ่งอุปคุตอุ้มบาตร เนื้อทองสำริด หลวงพ่ออุ้น วัดตาลกง จัดสร้างปี ๒๕๔๕ จำนวน ๑,๙๙๙ องค์  :003:

(http://image.ohozaa.com/ib/5picture009.jpg)(http://img24.imageshack.us/img24/496/picture010tuu.jpg)

[url=http://image.ohozaa.com/show.php?id=32eb8e0526a4ac53e6dde84857550c73](http://image.ohozaa.com/is/3picture011.jpg) (http://image.ohozaa.com/show.php?id=6a19599d73436d34f3bd3f06f4808da3)

(http://image.ohozaa.com/ic/5picture012.jpg) (http://image.ohozaa.com/show.php?id=8afc6f630e9f69eb341e0ebb08693b5c)
หัวข้อ: ตอบ: พระอะไรเอ่ย ใส่หมวกฟาง ?????
เริ่มหัวข้อโดย: tum72 ที่ 25 เม.ย. 2552, 12:41:41
แปลกตาไปเลยอ่ะครับ นานๆจะได้เห็นอย่างนี้สักที ขอบคุณท่านโจรที่นำมาเอื้อเฟือกันนะครับ
ผมยังเด็กน้อยด้อยความรู้นัก วงการนี้ยังมีของแปลกตา ให้ผมต้องศึกษาอีกเยอะเลย โลกนี้ช่างกว้างใหญ่เหลือเกิน
หัวข้อ: ตอบ: พระอะไรเอ่ย ใส่หมวกฟาง ?????
เริ่มหัวข้อโดย: gottkung ที่ 25 เม.ย. 2552, 12:49:35
พระอุปคุต หลวงปู่อุ้น วัดตาลกง
อีกหนึ่งของดีที่ราคถูก (ตอนแรก)
แต่ตอนนี้ไม่ใช่แล้วแหะๆๆ :075:
หัวข้อ: ตอบ: พระอะไรเอ่ย ใส่หมวกฟาง ?????
เริ่มหัวข้อโดย: •••--สายัณ--••• ที่ 25 เม.ย. 2552, 02:29:42
พระอุปคุต ที่เห็นเป็นหมวก ก็คือใบบัว ครับ
สมัยก่อนๆ เขาเรียกว่าพระบัวเข็ม
หัวข้อ: ตอบ: พระอะไรเอ่ย ใส่หมวกฟาง ?????
เริ่มหัวข้อโดย: ۞เณรน้อยเส้าหลิน۞ ที่ 25 เม.ย. 2552, 03:16:16
พระอุปคุต ที่เห็นเป็นหมวก ก็คือใบบัว ครับ
สมัยก่อนๆ เขาเรียกว่าพระบัวเข็ม

ตามพุทธประวัติพระอุปคุตท่านจำพรรษาอยู่ในสะดือทะเล   เป็นพระอรหันต์ขีณาสพอีกรูปหนึ่งที่ทรงญาณทัสนะได้อย่างรวดเร็ว  มีญาณที่ไม่ขัดข้องครับ

ขอบนอบน้อมพระอรหันต์ขีณาสพด้วยเศียรเกล้า
ตัมมะหัง  สังฆัง  อะภิปูชะยามิ
ตัมมะหัง  สังฆัง  สิระสานะมามิ
หัวข้อ: ตอบ: พระอะไรเอ่ย ใส่หมวกฟาง ?????
เริ่มหัวข้อโดย: ~เสน่ห์ต้นน้ำ~ ที่ 25 เม.ย. 2552, 05:18:45
มีของดีอีกแล้วครับท่าน
หัวข้อ: ตอบ: พระอะไรเอ่ย ใส่หมวกฟาง ?????
เริ่มหัวข้อโดย: nutagul ที่ 25 เม.ย. 2552, 06:27:51
 ตอนนี้ยังพอหาได้(หรือเปล่า)ครับ
หัวข้อ: ตอบ: พระอะไรเอ่ย ใส่หมวกฟาง ?????
เริ่มหัวข้อโดย: job@love ที่ 25 เม.ย. 2552, 06:57:51
พระอุปคุต ที่เห็นเป็นหมวก ก็คือใบบัว ครับ
สมัยก่อนๆ เขาเรียกว่าพระบัวเข็ม

ตามพุทธประวัติพระอุปคุตท่านจำพรรษาอยู่ในสะดือทะเล   เป็นพระอรหันต์ขีณาสพอีกรูปหนึ่งที่ทรงญาณทัสนะได้อย่างรวดเร็ว  มีญาณที่ไม่ขัดข้องครับ

ขอบนอบน้อมพระอรหันต์ขีณาสพด้วยเศียรเกล้า
ตัมมะหัง  สังฆัง  อะภิปูชะยามิ
ตัมมะหัง  สังฆัง  สิระสานะมามิ

เพิ่มเติมให้ พี่สายัณ และ ท่านเณรน้อยเส้าหลิน

พระอุปคุตหรือพระบัวเข็มคือองค์เดียวกัน
ลักษณะของภาคเหนือ เป็นพระนั้งก้มหน้ามีใบบัวคลุมเศียร มีจุดตามหัวไหล่และหน้าผากเข้าเรียกว่าเข็มตือจุดฝังพระธาตุ ใต้ฐานจะมีสัตว์น้ำใบบัวและดอกบัว
ลักษณะของเขมร เป็นพระนั้งสมาธิอยู่ในหอยหรือเป็นพระนั้สมาธิถือดอกบัว

พระอุปคุตเป็นพระอรหันต์พุทธสาวกหลังพุทธกาล 200 กว่าปี  ชอบจำพรรษาที่ใต้สมุทร (สะดือทะเล)

เมื่อพระเจ้าอโศกมหาราชผู้มีความศรัทธาต่อพระพุทธศาสนา ได้มีพระราชประสงค์ สร้างสถูปเจดีย์ขึ้น ๘๔,๐๐๐องค์
ครั้นสร้างเสร็จก่อนพิธีสมโภชน์พระสถูปเจดีย์ ได้มีพญามารมาก่อกวนในงาน พญามารตนนั้นคือ พระยามารวัสวดี คู่อริเก่าของพระพุทธเจ้า
พระเจ้าอโศกมหาราชจึงได้อาราธนาพระอุปคุตท่าน ให้มาคุ้มครองความสงบเรียบร้อยในพิธี
พญามารก่อกวนทำรายพิธีครั้งนี้ เข้าใจว่าเมื่อไม่มีพระพุทธ คงไม่มีใครขวางได้ แต่กลับถูกพระอุปคุตเนรมิตสุนัขเน่าเหม็นผูกติดคอพญามาร
ซึ้งแก้อย่างไรก็ไม่ออก จึงทำให้พญามารละพยศหมดความอหังการ
หัวข้อ: ตอบ: พระอะไรเอ่ย ใส่หมวกฟาง ?????
เริ่มหัวข้อโดย: ~@เสน่ห์เอ็ม@~ ที่ 25 เม.ย. 2552, 06:58:54
สุดยอด จริงๆ ครับ ขลังมาก หลวงพ่ออุ้น ท่านเก่งมาก ครับ
หัวข้อ: ตอบ: พระอะไรเอ่ย ใส่หมวกฟาง ?????
เริ่มหัวข้อโดย: ปุญฺญานุสฺสติ(สิบทัศน์) ที่ 25 เม.ย. 2552, 08:51:20
สุดยอดเลยครับท่านโจรฯ เพชรบุรียกให้เลยครับ  :015:
หัวข้อ: ตอบ: พระอะไรเอ่ย ใส่หมวกฟาง ?????
เริ่มหัวข้อโดย: *Tato* ที่ 25 เม.ย. 2552, 09:07:58
สวยค่ะ

เพิ่งเคยเห็น

หัวข้อ: ตอบ: พระอะไรเอ่ย ใส่หมวกฟาง ?????
เริ่มหัวข้อโดย: PYT ที่ 25 เม.ย. 2552, 10:24:43
ตำนาน พระอุปคุต

 

จากการค้นหาข้อมูลของพระอุปคุตนั้น เราทราบเพียงว่า ท่านเกิดหลังพระพุทธเจ้า เสด็จปรินิพพานแล้ว ประมาณ พ.ศ. 218 ปี แต่ไม่ทราบภูมิเดิมของท่านละเอียด ว่าเป็นบุตรของใคร เกิดในวรรณะอะไร และที่ไหน

จากการสันนิษฐานตามตำนาน พระเถระอุปคุต น่าจะเป็นชาวเมืองปาตลีบุตร เมื่อบวชแล้วบำเพ็ญเพียร จนสำเร็จเป็นพระอรหันต์ขีณาสพ สำเร็จอภิญญาต่างๆ จนสามารถแสดงอภินิหาร เป็นที่เล่าลือมาจนทุกวันนี้ มีปฏิปทาดำเนินไปในทางสันโดษ มักน้อย นัยว่าท่านเนรมิตเรือนแก้ว (กุฏิแก้ว) ขึ้นในท้องทะเลหลวง (สะดือทะเล)   แล้วก็ลงไปอยู่ประจำ ที่กุฏิแก้วตลอดเวลา เมื่อมีเหตุเภทภัยเกิดขึ้นในพระศาสนา หรือเมื่อมีพิธีกรรมใหญ่ๆ หรือมีผู้นิมนต์ ท่านก็จะขึ้นมาช่วยเหลือ ด้วยความเต็มใจเสมอ

สรุปรวมความได้ว่า ท่านเป็นพระเถระสำคัญองค์หนึ่ง ในสมัยพระเจ้าอโศกมหาราช (ผู้นำกองทัพธรรมแผ่กระจายไปทั่วโลก) เป็นพระเถระผู้เปี่ยมด้วยพุทธานุภาพ และฤทธิ์เดชเกรียงไกร สามารถปราบพญามารและกำจัดสิ่งชั่วร้าย ที่จะมาทำลายพิธีกรรมใหญ่ ๆ มาแต่ครั้งโบราณ

เรื่องราวก็มีอยู่ว่า เมื่อประมาณปลายพุทธศตวรรษที่ 2 หลังพุทธปรินิพพาน ณ นครปาตลีบุตราชธานี (ปัจจุบันคือเมืองปัตนะ ภาคใต้อินเดีย) พระเจ้าอโศกมหาราช ผู้ครองราชสมบัติในขณะนั้น ทรงเลื่อมใสในพระพุทธศาสนาเป็นอย่างยิ่ง ตามตำนานกล่าวว่า ได้ทรงสร้างพระวิหารและพระสถูป มากมายทั่วทั้งชมพูทวีป (เค้าว่ามากถึงแปดหมื่นสี่พันองค์) เป็นผู้รวบรวมและขุดค้นพระบรมสารีริกธาตุ เพื่อจะนำไปบรรจุในสถูปที่พระองค์ทรงสร้างไว้ทุกแห่ง

เมื่อการบรรจุพระบรมสารีริกธาตุเสร็จเรียบร้อยแล้ว พระองค์ก็ทรงปรารภ ที่จะจัดให้มีการฉลองสมโภช พระสถูปเจดีย์ทั้งหมดนั้น เป็นการมโหฬารยิ่ง ตลอด 7 ปี 7 เดือน 7 วัน และเพื่อให้การฉลองสมโภช เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ปราศจากอุปสรรค จึงใคร่จะอาราธนาพระสงฆ์ขีณาสพ ที่ทรงอิทธิฤทธิ์ มาเป็นผู้คุ้มครองงาน ให้ปราศจากการรบกวนจากมารร้ายต่าง ๆ

แต่พระสงฆ์ในนครปาตลีบุตร ไม่มีรูปใดที่จะสามารถ เป็นผู้คุ้มครองงานมหกรรมอันยิ่งใหญ่นี้ ให้พ้นจากภัยทั้งหลายทั้งปวงได้ (โดยเฉพาะภัยจากพญาวัสสวดีมาร ผู้มีฤทธิ์ยิ่งกว่าภูตผีปีศาจทั้งหลาย) นอกเสียจากพระอุปคุตเถระผู้เดียวเท่านั้น พระสงฆ์ทั้งปวงจึงตั้งตัวแทน ๒ รูป ลงไปอาราธนาพระอุปคุตเถระผู้เรืองฤทธิ์   มาช่วยรักษาความปลอดภัย ในงานสมโภชครั้งนี้ ซึ่งกล่าวกันว่า พระอุปคุตเถระองค์นี้ มีปกติสันโดษอยู่องค์เดียว เข้าฌานสมาบัติเสวยวิมุตติสุข อยู่ในมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ ภายในปราสาทแก้วที่เนรมิตขึ้น เหนือรัตนะบัลลังก์ จะออกจากสมาบัติ เหาะขึ้นมาบิณฑบาต ในโลกมนุษย์ ในวันพุธเพ็ญกลางเดือนเท่านั้น


และในครั้งนี้เอง พระอุปคุตเถระ ถูกพระภิกษุสองรูป ผู้ได้อภิญญาสมาบัติ ชำแรกมหาสมุทร ลงมาถึงตัวท่านแจ้งว่า ให้ท่านจงเป็นธุระ ป้องกันพญามารอย่าให้รบกวนงานฉลองพระสถูปเจดีย์ ของพระเจ้าอโศกมหาราชได้

เมื่อพระอุปคุตเถระได้รับนิมนต์ ก็เดินทางมานมัสการ และรายงานตัวต่อคณะสงฆ์ในวันรุ่งขึ้น พระเจ้าอโศกมหาราช จึงได้เสด็จเข้ามานมัสการคณะสงฆ์ เพื่อขอทราบเรื่อง ผู้จะที่จะมาทำหน้าที่รักษาการ งานฉลองสมโภชพระสถูปเจดีย์ เมื่อพระองค์ทรงทราบ ว่าผู้ที่จะมาทำหน้าที่นี้ คือพระอุปคุตเถระ   ก็ทรงนึกแคลงพระทัย เนื่องจากพระอุปคุตเถระนั้น มีร่างกายผ่ายผอมดูอ่อนแอ ก็ทรงไม่แน่ใจ เกรงจะทำหน้าที่ได้ไม่สมบูรณ์ แต่ไม่ทรงตรัสว่ากระไร

ครั้นรุ่งเช้าวันใหม่ ขณะที่พระอุปคุตหาเถระ ออกบิณฑบาตในนครปาตลีบุตรนั้น พระเจ้าอโศกมหาราช ใคร่จะทดสอบฤทธิ์พระเถระ   จึงทรงปล่อยช้างซับมัน (ช้างตกมัน) ให้เข้าทำร้ายพระเถระ พระมหาอุปคุตเถระเห็นดังนั้น จึงสะกดช้าง ที่กำลังวิ่งเข้ามา ให้หยุดอยู่กับที่ ไม่ไหวติงประดุจช้างที่สลักด้วยศิลา พระเจ้าอโศกมหาราช ทอดพระเนตรเห็นดังนั้น ก็ทรงเลื่อมใส จึงเสด็จไปขอขมาพระเถระ พระมหาอุปคุตเถระ ก็ให้อภัยทั้งแก่พระเจ้าอโศกมหาราช และพญาคชสาร

เมื่อเห็นว่าพระอุปคุตเถระ มีฤทธิ์เดชมาก พระเจ้าอโศกมหาราช ก็ทรงวางพระทัย   ตรัสสั่งให้เตรียมฉลองสมโภช พระสถูปเจดีย์ทั้งหมด ด้วยการปลูกปะรำร้านโรง ประดับธงทิว และประทีปโคมไฟ ตลอดระยะทางกึ่งโยชน์ ทำให้ตามแนวฝั่งแม่น้ำคงคา สว่างไสวไปทั่วทั้งบริเวณ

บรรลุฤกษ์งามยามดีตามที่กำหนดไว้ บรรดาพระสงฆ์ขีณาสพ และพระสงฆ์ปุถุชน ตลอดจนพุทธศาสนิกชน ทั้งในนครปาตลีบุตร และต่างแดนจากจตุรทิศ ก็เริ่มหลั่งไหลเข้าสู่บริเวณงาน พร้อมเครื่องสักการบูชา เพื่อร่วมพิธีฉลองสมโภช พระบรมสารีริกธาตุที่บรรจุอยู่ในมหาเจดีย์   และเจดีย์ ทั้งแปดหมื่นสี่พันองค์ ด้วยความเลื่อมใส ศรัทธาเป็นอย่างยิ่ง

และในเวลานี้เอง พญามาร (พญาวัสสวดีเทพบุตรมาร) ก็มุ่งหน้าเข้ามาในงานกับเค้าเหมือนกัน ทั้งนี้ก็เพื่อที่จะก่อความวุ่นวาย ต่างๆ นานา ทั้งบันดาลให้เกิดลมพายุ ทั้งแปลงร่างเป็นสัตว์ป่า และสัตว์หิมพานต์ แต่ทุกครั้งก็โดนพระอุปคุตเถระ กำราบได้หมด และสุดท้าย เพื่อให้พญามาร ออกไปจากบริเวณพิธี พระอุปคุตเถระ จึงเนรมิตร่างหมาเน่าขึ้นมาตัวหนึ่ง แล้วดึงประคตจากเอวของท่าน ออกมาผูกร่างหมาเน่านั้น คล้องคอพญามารไว้ แล้วสำทับว่าไม่ว่าใครก็ตาม (นอกจากท่านเอง) จะเอาหมาเน่านี้ออก จากคอพญามารไม่ได้ แล้วขับพญามารออกไป จากบริเวณงานทันที

ด้วยความอับอาย พญามารก็ออกมาจากบริเวณงาน และพยายามแก้ร่างสุนัขเน่า ออกด้วยฤทธานุภาพ แต่ทำอย่างไร ก็ไม่สามารถแก้ได้ เพราะเมื่อเอามือทั้งสอง ต้องสายประคตที่คล้องคอทีไร ต้องมีไฟลุกขึ้นไหม้คอ และมือทันที สุดจะแก้ไขด้วยตนเองได้ ก็ไปหาที่พึ่งอื่น (ที่คิดว่าน่าจะช่วยได้)

แต่ถึงแม้จะไปหาท้าวมหาราชทั้งสี่ พระอินทร์ ท้าวยามา ท้าวสันดุสิต ท้าวนิมิตเทวราช ตลอดจนท้าวสหัสบดีพรม ก็ไม่มีใครสามารถช่วยได้ ต่างได้แต่แนะนำว่า ให้พญามารไปขอขมา และขอความเมตตา จากพระเถระผู้นั้นเสียดีกว่า

พญามารเห็นดังนั้น จึงจำใจต้องกลับไปหาพระเถระ อ้อนวอน ให้ช่วยเอาซากหมาเน่าออกจากคอให้ แล้วจะไม่มารบกวน การจัดงานอีก พระอุปคุตเถระก็อนุโลมตาม แต่ยังไม่ไว้ใจพญามารนัก   เกรงพญามาร จะกลับมาทำลายพิธีในภายหลัง จึงเดินนำพญามาร ไปยังเขาใหญ่ลูกหนึ่ง แล้วเอาร่างหมาเน่าทิ้งลงเหว และเนรมิตให้สายประคตยาวขึ้น แล้วพันคอพญามาร ไว้กับเขาลูกนั้น พร้อมทั้งแจ้งว่า เมื่อเสร็จพิธีฉลองสมโภช พระมหาเจดีย์สิ้นสุดลงแล้ว   จึงจะแก้โซ่ออก ปล่อยให้พญามารเป็นอิสระ (7 ปี 7 เดือน 7 วัน)

เวลาผ่านไปตามที่ตกลงกัน การจัดงานสมโภชน์ ก็สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี พระอุปคุตเถระ จึงกลับมาหาพญามาร โดยแอบอยู่ห่างๆ เพื่อฟังเสียงพญามารว่า ละพยศร้ายหรือยัง

พญามารเอง เมื่อจากทิพยวิมานอันบรมสุข มารับทุกขเวทนาเช่นนี้ ก็ละพยศร้ายในสันดาน หวนนึกถึงพระพุทธโคดม จึงกล่าวสดุดี ในความเมตตากรุณา ของพระพุทธเจ้า ในเรื่องที่ทรงมีมหากรุณาธิคุณ อันยิ่งใหญ่ว่า ?ทรงบำเพ็ญสิ่งอันเป็นที่สุดหามิได้ เป็นที่พึ่งพำนักแก่สัตว์โลกทั้งมวล ในกาลทุกเมื่อ พระองค์นั้น เป็นผู้ประเสริฐหาผู้เสมอเหมือนมิได้ อนึ่ง   ในกาลก่อน ข้าพเจ้าได้ทำร้ายพระองค์ โดยประการต่างๆ แต่พระองค์ ก็ยังทรงมหากรุณาธิคุณ มิได้กระทำการโต้ตอบ แก่ข้าพเจ้าเลย มาบัดนี้ สาวกของพระองค์นามว่าอุปคุต ไม่มีเมตตาแก่ข้าพเจ้าเลย กระทำกับข้าพเจ้า ให้ได้รับความทุกข์ทรมานแสนสาหัส และได้รับความอับอาย เป็นอย่างยิ่ง ถ้าหากว่าข้ายังมีบุญกุศล ที่ได้สั่งสมไว้แต่กาลก่อน ข้าพเจ้าขอตั้งจิตอธิษฐาน ปรารถนาเป็นพระสัพพัญญูในอนาคต ดังเช่นพระองค์ต่อไป?

   

กล่าวได้ว่า การตกระกำลำบากในครั้งนี้ ทำให้พญามาร ซึ่งความจริงแล้ว ในอดีตชาติ (ในยุคของพระกัสสปพุทธเจ้า) เคยมีจิตตั้งมั่น ที่จะบำเพ็ญเพียร ให้ได้เป็นพระพุทธเจ้าเช่นกัน แต่ที่ได้กระทำการขัดขวาง พุทธศาสดาของพระพุทธโคดม ก็ด้วยความริษยา พระพุทธโคดม (มีมิจฉาทิฐิ) เนื่องด้วยพระองค์ ได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าก่อนตน ทั้งๆ ที่ตนบำเพ็ญบารมี มามากพอสมควรเหมือนกัน แต่การกระทำในแต่ละครั้ง ก็มิได้ล่วงเกิน ทำบาปหนักแต่ประการใด

เมื่อพระอุปคุตเถระ ได้ยินคำปรารภดังนั้น ก็เห็นว่าพญามารสิ้นพยศแล้ว จึงแก้โซ่ออก ปล่อยให้พญามารเป็นอิสระ พร้อมทั้งขอขมาพญามาร และบอกว่า การกระทำครั้งนี้ ก็เพื่อให้พญามาร ระลึกได้ถึงพุทธภูมิ ที่ท่านเคยปรารถนาไว้เท่านั้นเอง มิได้มีเจตนา ที่จะล่วงเกินประการใด ซึ่งพญามารก็เข้าใจด้วยดี


ต่อจากนั้นพระเถระ ก็ได้ขอให้พญามาร เนรมิตกาย เป็นพระพุทธองค์ เพื่อจะได้เห็น เป็นพุทธานุสติบ้าง ซึ่งพญามารก็รับคำ แต่ขอร้องว่า เมื่อเห็นเขาเนรมิตกาย เป็นพระพุทธองค์แล้ว อย่าหลงกราบไหว้เป็นอันขาด เพราะจะให้เขาบาปหนัก

ครั้นเมื่อพญามารเนรมิตกาย เป็นพระพุทธเจ้า ประกอบด้วยมหาปุริสลักษณะ และฉัพพรรณรังสี อันวิจิตร มีพระอัครสาวกเบื้องซ้าย เบื้องขวา แวดล้อมด้วย มหาสาวกทั้งหลายเป็นบริวาร เสด็จเยื้องย่าง ด้วยพุทธลีลาอันงดงามยิ่ง พระเถระ และบรรดาพุทธบริษัททั้งหลาย เห็นเช่นนั้น ก็ลืมตัวพากันถวายนมัสการ ทำเอาพญามารตกใจ รีบคืนร่างเดิม และท้วงติงว่า ทำให้ตนมีบาปหนัก แต่พระเถระ ก็กล่าวให้พญามารสบายใจว่า ทุกคนกราบไหว้พระพุทธเจ้า และพญามารก็ไม่บาปหรอก จะได้กุศลมากกว่า


จากนั้นพญามาร ก็กลับคืนสู่สวรรค์ ชั้นที่ 6 วิมานของตน และนับแต่นั้นมา พญามารได้มีจิตอ่อนน้อมเลื่อมใส ในพระพุทธศาสนา หมดสิ้นน้ำใจริษยา และบำเพ็ญบารมี เพื่อพุทธภูมิต่อไป

หมายเหตุ
เนื้อเรื่องได้กล่าวถึง พระพระกัสสปพุทธเจ้า ดังนั้นเพื่อความเข้าใจ ในการอ่าน ขอเสริมว่าตามตำนาน โลกเรานั้น แบ่งช่วงเวลาเป็นกัลป์ ซึ่งแต่ละช่วง ในแต่ละกัลป์ ก็จะมีพระพุทธเจ้า ที่มาตรัสรู้ โปรดบรรดาสัตว์โลก เป็นคราวไป ดังนั้นพระพุทธเจ้า จึงมีหลายพระองค์ ซึ่งเวลาหนึ่งกัลป์นั้นนานนัก (กัลป์ที่เราอยู่นี้ มีพระพุทธเจ้า มาตรัสรู้แค่ 5 พระองค์ และมีหลายๆ ช่วงในแต่ละกัลป์ ที่ปราศจากพระพุทธศาสนา โดยสิ้นเชิง ดังนั้นถือว่าเราโชคดีมาก ที่เกิดมาพบพระพุทธศาสนาในชาตินี้

ขอบคุณที่มา : www.phuketindex.com (http://www.phuketindex.com)


(http://img205.imageshack.us/img205/444/73225793.jpg)

พอดีเอามาทำความสะอาดครับ แต่ไม่รู้ที่มาครับ ได้มาจากพ่อ ..

เห็นว่า เวลาบูชา ต้องตั้งพานใส่น้ำ อย่าให้น้ำแห้งครับ ...

คาถาบูชาครับ

คำบูชาพระอุปคุต

อุปะคุตโต จะ มะหาเถโร สัมพุทเธนะ วิยากะโต มารัญจะ มาระพะลัญจะ โส อิทานิ มะหาเถโร นะมัสสิตะวา ปะติฎฐิโต อะหัง วันทามิ อิทาเนวะ อุปะคุตตัง จะ มาหาเถรัง ยัง ยัง อุปัททะวัง ชาตัง วิธัง เสติ อะเสสะโต มะหาลาภัง ภะวันตุเม ฯ
หรือ (แบบย่อ) อุปะคุตโต จะ มะหาเถโร ยักขาเทวา นะระปูชิโต โสระโห ปัจจะ ยาทิมปิ มะหาลาภัง ภะวันตุเม ฯ


(เกิดโชคลาภและคุ้มกันภัยภิบัติอันตรายทั้งปวง)



คำบูชาพระมหาอุปคุต

นะโม ๓ จบ

พระมหาอุปคุตโต พระมหาอุปคุตตัง จะมหาเถโร สัพเพชะนา พะหูชะนา อิถีชะนา มามังพุทธะจิตตัง จะมหาลาโภ พุทธะธัมโม จะมหาลาภัง พุทธะสังฆัง จะมหาสัจจัง สัพพะลาภัง ภะวันตุเม ฯ
อุปคุตตะ จะมหาเถโร สัพพะเสน่หาปุพชิโต โสระโห อุปะคุตะ ปัจจะยา ธิมะหิ อุตตะโม โหติ สัพพะทุกขะ สัพพะภะยะ สัพพะโรคะ พุทธา ธัมมา สังฆา อานุภาเวนะ วินาสสันติ ฯ


(นิยมสวดบูชาพระบัวเข็ม หรือ พระธาตุอุปคุต)



คำบูชาขอลาภพระอุปคุต

มหาอุปคุตโต จะมหาลาโภ พุทโธลาภัง สัพเพชะนา พะหูชะนา ราชาปุริโส อิถีโยมานัง นะโมโจรา เมตตาจิตตัง เอหิจิตติจิตตัง ปิยังมะมะ สะเทวะกัง สะพรหมมะกัง มะนุสสานัง สัพพะลาภัง ภะวันตุเม ฯ
เอหิจิตติ จิตตังพันธะนัง อุปะคุตะ จะมหาเถโร พุทธะสาวะกะ อานุภาเวนะ มาระวิชะยะ นิระภะยะ เตชะปุญณะตา จะเทวะตานัมปิ มะนุสสานันปิ เอหิจิตตัง ปิยังมะมะ อิมังกายะ พันธะนัง อะทิถามิ ปะอัยยิสสุตัง อุปัจสะอิ ฯ


วิธีสวดขอลาภ

ให้จุดธูปเทียนบูชา พร้อมกับดอกไม้หอม เครื่องหอมน้ำหอมต่างๆ เทหยดใส่ในขันน้ำมนต์ ณ ที่บูชาพระในร้านค้าขาย หรืออาคารสำนักงาน แล้วอธิษฐานขอให้กลิ่นควันธูปเทียน ลมพัดไปทางไหน ของให้ดลใจผู้คนเข้ามาอุดหนุนตลอด ขอให้ดำเนินกิจการด้วยความราบรื่น มีความสำเร็จสมปรารถนาทุกประการ เมื่ออธิษฐานจุดธูปเทียนบูชาแล้ว ให้สวด นะโม ๓ จบ และสวดคำบูชาขอลาภพระอุปคุต ๑ จบ แล้วทำน้ำมนต์สวดด้วย คำบูชาขอลาภพระมหาอุปคุต อีก ๑ จบ เสร็จแล้ว เอาน้ำมนต์ประพรมร้านค้า และสินค้าในร้านค้า หรือทำธุรกิจ ก็ให้เอาน้ำมนต์ประพรมภายในสำนักงานและอุปกรณ์ต่างๆ ที่เป็นเครื่องมือเครื่องใช้ในการทำธุรกิจนั้นทั้งหมด


คาถาพระมหาอุปคุตผูกมาร

นะโม ๓ จบ

มหาอุปคุตโต มหาอุปคุตตัง กายะพันทะนัง อมยิสะ พุทธังทะเถโร ธัมมังทะเถโร สังฆังทะเถโร ปะอัยยะสุตัง อุปัจสะอิ อิมังกายะพันทะนัง อะทิถามิ ฯ
(คาถาพระมหาอุปคุตผูกมาร มีอานุภาพความศักดิ์สิทธิ์มาก เสกด้วยสายสิญจน์ทำเป็นมงคลสวมคอ หากปลุกเสกครบ ๑๐๘ ครั้งสามารถป้องกันภูตผีปีศาจทั้งปวง และป้องกันอุปัทวอันตรายต่างๆ ถ้าเสก ๓ - ๗ คาบ ผูกคอหรือคล้องคอคนถูกผีเจ้าเข้าสิง จะเจ็บปวดร้องครวญครางโหยหวยอย่างน่าเวทนา ถ้าจะให้ผีที่สิงอยู่ออกไป ให้ถอดหรือแก้ด้ายผูกคอออก แล้วเอาด้ายนี้ตีปัดตามตัวคนที่ถูกผีสิงอยู่ ผีจะอยู่ไม่ได้จะเผ่นออก และไม่กล้ากลับมารบกวนคนในบ้านอีก และยังมีการปลุกเสกในทางพิชิตโรคาพาธได้วิเศษนัก)


คำบูชาพระบัวเข็ม

นะโม ๓ จบ

กิจจะมาคะอุปคุตโต อะมะหาเถโร สัมพุทเธวิยาคะโต มาระรัญจะ โสอิทานิ จะมะหาเถโร นะมัดปะสิทตะวาปะ ถิติโกอหัง วันทามิ พาเนวะอุปคุตตัง จะมะ หาเถรัง ยังยังอุปัทธะวังชาติ วิทังเสนติ อะเสสะโต นโมพุทธายะ
พระบัวเข็มจะมะหาเถโร สัพพะลาภังภะวันตุเม อิติปิโสภะคะวา พุทโธชัยโย ธัมโมชัยโย สังโฆชัยโย เมตตา ฉิมพาลีจะมะหา เถโร สัพพะลาภัง ตะวันตุเม ฯ
ชัยยะตัง ปัตถะพีตับภัง สามินโท โสราชาปูเชมิ ฯ

หรือ

จิตติจิตติ มิตติเอหิมะมะ อุปปะคุตโต จะมะหาเถโร นานาปาระมิ สัมมะปัณโน อิติปิโสภะคะวา มะอะอุเมตตา จะมะหาราชา สัพพะสะเนหา จะปูชิตา สัพพะทุกขัง มะหาลาภัง สัพพะโกพัง วินาสสันติ

หัวข้อ: ตอบ: พระอะไรเอ่ย ใส่หมวกฟาง ?????
เริ่มหัวข้อโดย: อชิตะ ที่ 25 เม.ย. 2552, 11:05:44
งดงามมากครับ ท่านโจรฯ  มีของดีเยอะมากมาย  สาธุๆ 
หัวข้อ: ตอบ: พระอะไรเอ่ย ใส่หมวกฟาง ?????
เริ่มหัวข้อโดย: ชลาพุชะ ที่ 25 เม.ย. 2552, 11:22:01
ได้ความรู้จริงๆครับ กระทู้นี้ ขอบคุณทุกๆท่านนะครับ
หัวข้อ: ตอบ: พระอะไรเอ่ย ใส่หมวกฟาง ?????
เริ่มหัวข้อโดย: ~เสน่ห์กวาง~ ที่ 26 เม.ย. 2552, 12:00:50
อุ้ย

ดูสวยงามดีจังค่ะ

แปลกตา

ดูๆไปคล้ายๆพระจีนแฮะ :095:
หัวข้อ: ตอบ: พระอะไรเอ่ย ใส่หมวกฟาง ?????
เริ่มหัวข้อโดย: N!c ที่ 26 เม.ย. 2552, 12:04:21
งดงามจ้าโจ...และขอบคุณพี่ๆทุกท่านที่แบ่งปันความรู้ครับ
หัวข้อ: ตอบ: พระอะไรเอ่ย ใส่หมวกฟาง ?????
เริ่มหัวข้อโดย: porvfc ที่ 26 เม.ย. 2552, 12:42:14
สวยดีค่ะ ขอบคุณทุกท่านสำหรับรูปภาพและข้อมูลนะคะ :054:
หัวข้อ: ตอบ: พระอะไรเอ่ย ใส่หมวกฟาง ?????
เริ่มหัวข้อโดย: PeAwPeed ที่ 26 เม.ย. 2552, 05:05:07
พระอุปคุต ที่จำพรรษา บำเพ็ญเพียรอยุ่ในสะดือทะเล
ปกติจะเห็นอยู่ในหอยสังข์ พิมพ์นี้สวยแปลกตาดีค่ะ



ขอบคุณท่านโจรสลัด และ พี่น้องชาว เวปวัดบางพระ ที่ร่วมแบ่งปัน ทั้งเนื้อหาความรู้...ด้วยนะคะ
  :089:
หัวข้อ: ตอบ: พระอะไรเอ่ย ใส่หมวกฟาง ?????
เริ่มหัวข้อโดย: ~เสน่ห์ack01~ ที่ 26 เม.ย. 2552, 05:36:25
พระอุปคุตหลวงพ่ออุ้นวัดตาลกง สวยงามจริงครับ :016: