กระดานสนทนาวัดบางพระ
หมวด มิตรไมตรี => รวมสมาชิก (มิตรไมตรี) => ข้อความที่เริ่มโดย: weller99 ที่ 10 พ.ค. 2552, 11:29:52
-
แบบว่า กลัวโน้นกลัวนี้ อยากให้ของอยู่กับเรานานๆ
บางทีระวังตัวแจ..จนกลายเหมือนเป็นโรคจิตเลยอะครับ
น้องชายที่ชอบมาแกล้งกอดเอว ผมก็แบบไม่ให้มันมายุ่งกะตัวผม
จนบางทีรู้สึกมันจิตๆยังไงไม่รู้ครับ มันไม่เป็นธรรมชาติหนะครับ
-
ท่านว่าให้เดินทางสายกลาง ครับ อย่าให้เป็นทุกข์นักเลยหนักไปก็ผ่อนบ้าง
สิ่งสำคัญที่สุดคือ ความดีสิคงทน บุญกุศลสิทนนาน
งูเห่ารอดใต้ราวตากผ้า ก็ยังเป็นงูเห่าที่มีพิษ ของไม่เสื่อมหากใจคนไม่เสื่อม ครับ
หมั่นทำบุญ สร้างความดีสิแน่นอน
-
ถ้ามันตึงมากก็ลองหย่อนลงนิดนึง.... :045:
ถ้ามันหย่อนไปก็ตึงขึ้นไปอีกหน่อย.... :003:
ดำเนินชีวิตให้เป็นปกติเถอะครับ..แต่หมั่นสวดมนต์ ทำความดีเพิ่มขึ้นอีกหน่อยครับ
ของแบบนี้อยู่ที่ใจครับ...สู้ สู้ :016:
-
ว่าด้วยทางสายกลางครับ
เทวเม ภิกขะเว อันตา ปัพพะชิเตนะ นะ เสวิตัพพา
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บรรพชิตไม่ควรปฏิบัติให้หนักไปในส่วนที่สุด ๒ อย่าง คือ
โย จายัง กาเมสุ กามะสุขัลลิกานุโยโค **โน (ถ้ามีการตรวจคำหยาบ..ตรงนี้ให้ออกเสียงว่า ฮีโน..นะครับ) คัมโม โปถุชชะนิโก อะนะริโย อะนัตถะสัญหิโต
การประพฤติปฏิบัติตนเพื่อแสวงหาความสุขอยู่ใน รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัสที่น่ารักน่าปรารถนา ซึ่งเป็นธรรมอันเลว เป็นเหตุให้ต้องมีบ้านเรือน เป็นธรรมของคนผุ้ครองเรือนผู้หนาไปด้วยกิเลส ไม่ใธรรมอันจะนำจิตใจออกจากกิเลส ไม่เป็นประโยชน์ต่อการปฏิบัติเพื่อให้จิตหลุดพ้นจากกิเลสเครื่องรัดรึงใจทั้งหลาย นี่อย่างหนึ่ง
โย จายัง อัตตะกิละมะถานุโยโค ทุกโข อะนะริโย อะนัตถะสัญหิโต ฯ
และอีกอย่างหนึ่ง คือ การประพฤติปฏิบัติด้วยการทรมานร่างกายให้ได้รับความลำบาก ซึ่งมีแต่ทำให้ใจเป็นทุกข์ทรมานอย่างเดียว ไม่เป็นทางนำจิตใจออกจากกิเลส และไม่เป็นประโยชน์ต่อการปฏิบัติเพื่อให้จิตหลุดพ้นจากกิเลสเครื่องรัดรึงใจท้งหลาย ฯ (หรืออีกนัยหนึ่งคือ เร่งหักโหมปฏิบัติธรรมจนเกินกำลัง เพื่อหวังจะได้บรรลุมรรคผลเร็ว ๆ )
เอเต เต ภิกขะเว อุโภ อันเต อะนะปะคัมมะ มัชฌิมา ปะฏิปะทา ตะถาคะเตนะ อะภิสัมพุทธา
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ตถาคตได้รู้ข้อปฏิบัติอันเป็นทางสายกลาง โดยไม่เข้าไปใกล้ส่วนที่สุด ๒ อย่างนั้นแล้ว ด้วยปัญญาอันยิ่ง
จักขุกะระณี ญาณะกะระณี อุปะสะมายะ อะภิญญายะ สัมโพธายะ นิพพานายะ สังวัตตะติฯ
ข้อปฏิบัติอันเป็นทางสายกลางนั้น สามารถทำดวงตาคือ ปัญญา ทำญาณเครื่องรู้ ให้เป็นไปเพื่อใจสงบระงับจากกิเลส เพื่อความรู้ยิ่ง เพื่อความรู้ดี และเพื่อทำให้กิเลสดับไปจากจิตคือเข้าสู่พระนิพพาน ฯ
กะตะมา จะ สา ภิกขะเว มัชฌิมา ปะฏิปะทา ตะถาคะเตนะ อะภิสัมพุทธา จักขุกะระณี ญาณะกะระณี อุปะสะมายะ อะภิญญายะ สัมโพธายะ นิพพานายะ สังวัตตะติ ฯ
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ข้อปฏิบัติอันเป็นทางสายกลาง ซึ่งสามารถทำดวงตาคือ ปัญญา ทำญาณเครื่องรู้ ให้เป็นไปเพื่อใจสงบระงับจากกิเลส เพื่อความรู้ยิ่ง เพื่อความรู้ดี และเพื่อให้กิเลสดับไปจากจิตคือเข้าสู่พระนิพพาน ที่ตถาคตรู้แล้วด้วยปัญญาอันยิ่งนั้น คือการปฏิบัติอย่างไร?
อะยะเมวะ อะริโย อัฏฐังคิโก มัคโค ฯ
ข้อปฏิบัติอันเป็นทางสายกลางนี้ คือ ทางนำไปสู่ความไกลจากกิเลสเครื่องรัดรึงใจทั้งหลาย มี ๘ อย่าง ฯ
เสยยะถีทัง
ข้อปฏิบัติเหล่านี้คือ
- สัมมาทิฏฐิ
ปัญญาอันเห็นชอบ ( คือ เห็นอริยสัจ )
- สัมมาสังกัปโป
ความดำริชอบ ( คิดจะออกจากกาม ไม่คิดอาฆาตพยาบาท ไม่คิดเบียดเบียน )
- สัมมาวาจา
วาจาชอบ ( ไม่พูดโกหก ไม่พูดคำหยาบ ไม่พูดคำส่อเสียด ไม่พูดเพ้อเจ้อเหลวไหล )
- สัมมากัมมันโต
การงานชอบ ( เว้นจากการทุจริต เช่น โกงแรงงานเขาเป็นต้น และทำการงานที่ไม่มีโทษ )
- สัมมาอาชีโว
การเลี้ยงชีวิตชอบ ( หากินโดยไม่ผิดกฎหมาย ไม่ผิดศีล ไม่ผิดธรรม ไม่ผิดประเพณี )
- สัมมาวายาโม
ความเพียรชอบ ( เพียรละชั่ว ประพฤติดีเพื่อให้มีคุณธรรมประจำใจ และเพื่อให้ได้คุณธรรมสูงยิ่ง ๆ ขึ้นไป )
- สัมมาสะติ
การระลึกชอบ ( ระลึกนึกถึง อนุสสติ ๑๐ ประการ มีพระนิพพานเป็นที่สุด และระลึกในมหาสติปัฏฐาน ๔ )
- สัมมาสะมาธิ ฯ
การตั้งจิตไว้ชอบ ( การทำสมาธิให้อารมณ์ตั้งมั่นในอนุสสติ ๑๐ ประการนั้น ) ฯ
( หรือกล่าวโดยย่อ มรรค ๘ ประการนี้ก็คือ ศีล สมาธิ ปัญญา )
อะยัง โข สา ภิกขะเว มัชฌิมา ปะฏิปะทา ตะถาคะเตนะ อะภิสัมพุทธา จักขุกะระณี ญาณะกะระณี อุปะสะมายะ อะภิญญายะ สัมโพธายะ นิพพานายะ สังวัตตะติ ฯ
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ทางเหล่านี้แล คือ ข้อปฏิบัติอันเป็นทางสายกลาง ซึ่งสามารถทำดวงตาคือ ปัญญา ทำญาณเครื่องรู้ ให้เป็นไปเพื่อใจสงบระงับจากกิเลส เพื่อความรู้ยิ่ง เพื่อความรู้ดี และเพื่อทำให้กิเลสดับไปจากจิตคือเข้าสู่พระนิพพาน ที่ตถาคตรู้แล้วด้วยปัญญาอันยิ่ง ฯ
คงมีประโยชน์บ้าง
-
เคร่งไปก็ไม่ดี เป็นทุกข์แก่ตนเองและคนรอบข้าง
หย่อนไปก็ไม่ดี ของจะเสื่อมจะหลุดไป
เพระฉะนั้น เอาตามสมควรครับ แล้วแต่เหตุการณ์และสถานที่ครับ
ขอให้มีใจศรัทธาและเชื่อมั่น ระลึกถึงคุณครูบาอาจารย์ท่าน ก็เป็นการดีแล้วครับ
-
ตามพวกพี่ๆๆด้านบนอ่ะครับ ก้นึกถึงหลวงพ่อไว้นะครับ จะได้ไม่คิดมาก :015:
-
ของอย่างนี้อยู่ที่จิตใจมากกว่า จิตเป็นผลของอารมณ์ อารมย์เกิดมากจากความคิด
ถ้าคุณมีจิตใจที่เข้มแข็ง อารมณ์ของคุณก็จะไม่คิดพุ่งพ่าน ความคิดก็จะมีคิดระแวงครับ
หมั่นทำสมาธิครับผม :016: :015:
-
ทอง ก็เป็นทอง
งู ก็เป็นงู
ดักแด้ ไหงกลายเป็นผีเสือ
ลูกอ๊อด ไหงกลายเป็นกบ
คิดมาก ความดันโลหิตสูง
เอาเป็นกลางๆ ดีกว่า :005: :005:
-
ข้อห้ามต่างๆครูบาอาจารย์ท่านล้วนแต่แฝงกุสโลบาย
ให้ศิษย์ประพฤติตนเป็นคนดีครับ
ถ้าเราถือมั่นมากเกินไปใจไม่เป็นสุข ก็เกิดความทุกข์
กังวลไปเรือ่ยๆ ทางที่ดีก็ปล่อยวางและหมั่นสวดมนต์ไหว้พระบ่อยๆ
น่าจะช่วยได้บ้างนะครับ :001:
-
ถ้ามันหนักนักก็ปล่อยวางซะมั่งครับ เอาแต่พอดีจะได้สบายใจ ถ้าเสื่อมได้ง่ายๆชีวิตนี้คงไม่มีความสุขแน่ๆครับ อาจารย์ให้มาดีแล้วยังไงก็ศักดิ์สิทธิ์ครับ ถือให้ได้ตามกฎของอาจารย์ที่ให้มาก็พอครับ อย่าเอากฎโน่นกฏนี่มาถือให้วุ่นวายใจเลยครับ ชีวิตจะไม่มีความสุขเอาครับ :002:
-
ทำตนให้เป็นคนดีของพ่อแม่ อุปการะเลี้ยงดูท่านให้มีความสุขตามอรรถภาพ ดูแลครอบครัว กระทำตนเป็นคนดีไม่สร้างภาระให้สังคม หมั่นสวดมนต์ไหว้พระระลึกถึงครูอาจารย์ ทำบุญทำทานตามกำลัง ไม่กระทำการใดๆที่ผิดต่อข้อห้ามของสำนัก เท่านี้ของที่ได้มาก็ไม่มีวันเสื่อม แล้วครับท่าน
-
เดินสายกลางดีกว่าน่ะครับ อย่าตึงเกินไป ข้อห้ามมีอยู่ไม่กี่ข้อ อย่ากังวลเลยครับ
-
เอาเป็นว่า คิดดีทำดีก้พอครับ เดินทางสายกลางดีกว่านะครับ
-
แค่มีศรัทธาครับ :002:
-
อย่างนี้เรียกศรัทธา ตั้งมั่นจริงๆ ดีกว่าอีกหลายคนสักไปเสียปล่าว... ไม่ระแวดระวังคำสอนใดๆ เลย!
relaxค่ะ ไม่มีอะไรหรอก! เป็นคนดีเท่าที่จะทำได้... และอย่าลืม ทำดีเพื่อสังคมด้วยค่ะ.. :077:
-
ผมว่าอย่าไปเครียดมากเลยนะครับ
ลองทำใจให้สบาย แล้วมาดูข้อห้ามใหม่ว่าเขาห้ามทำอะไรบ้าง
แล้วก็ค่อยๆปรับตัวไปครับ อย่าตึงเกินไป ที่สำคัญคือต้องถือศีล 5 ให้ได้ครับ
หมั่นสวดมนต์ นึกถึงหลวงพ่อ หมั่นทำบุญ ที่สำคัญต้องทำใจให้สบายครับ
ถ้ามีของดีแล้วใจไม่สบายก็จะมีแต่ทุกข์นะครับ ค่อยๆเป็นค่อยๆไป
ของอย่างนี้ถ้าเราทำดีไม่มีวันเสื่อมครับ
-
แบบนี้ออกเครียดเกินไปแล้วครับ ของจะเสื่อมไม่เสื่อมอยู่ที่จิตใจครับ ถ้าจิตเราคิดดีทำดี ถือศีล 5 ได้ประจำไม่ด่าพ่อด่าแม่ เราหรือคนอื่น ไม่กล่าวติฉินนินทาครูบาอาจารย์ ของก็ไม่เสื่อมครับ
จะกินอะไรก็กินไปเถอะครับ ถ้าไม่ใช่เนื้อคน :079: จะรอดราวอะไรก็รอดไปเถอะครับ ครูบาอาจารย์ท่านก็
ออกมาจากที่เดียวกันนี่แหละ มันไม่ใช่ของต่ำอะไรเลย ถ้าไม่มีสิ่งนี้เราเองก็คงไม่ได้ออกมาสู่โลกครับ
จะเชื่ออะไรก็ให้มีสติครับ เชื่อแบบมีศรัทธากับ งมงาย นี่ต่างกันนะครับ
คิดดีทำดี แค่นี้ไม่ว่าผีหรือเทวดา ก็คุ้มครองครับ ไม่ถึงมือยันต์หรอกครับ
-
ศีล คือ ปกติครับ ทำตัวปกติไม่ต้องระแวงเรื่องรอบข้างว่าจะมาทำให้ของเสื่อม ระแวงว่าจะทำอย่างไรจิตใจจะไม่เสื่องลงไปด้วยดีกว่าครับ :054:
-
ไม่มีอะไรทีน่ากังวล ตราบใดที่เรายังทำความดี ปฏิบัติตามคำสั่งสอนของครูอาจารย์ ยึดมั่นในสิ่งที่มี แล้วสิงนั้นจะคงอยู่กับเราตลอดไป
-
อย่าอยู่ด้วยความหวาดกลัว.... :069:
-
ความกลัวเป็นสิ่งที่เราคิดขิ้นมา..เอง.!!
-
ทำใจให้สบายๆค่ะ
-
แวะมาให้กำลังใจนะครับ...
สาระมากมายพี่น้องได้เจียรนัยให้ฟังกันไปครอบคลุมครบถ้วนแล้วครับ...
ศรัทธา เชื่อมั่น มั่นทำดี ชีวีเป็นสุขจ้า ...{^_^}...