ผู้เขียน หัวข้อ: แอ่ววัด - แอ่วเวียงเชียงใหม่  (อ่าน 3026 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ streetway21

  • ควรบูชาบุคคลผู้ที่ควรบูชา
  • ตติยะ
  • ***
  • กระทู้: 32
  • ฟ้ามีตา เทวดามีจริง
    • ดูรายละเอียด
แอ่ววัด - แอ่วเวียงเชียงใหม่
« เมื่อ: 28 ก.ย. 2552, 07:35:09 »
แอ่ววัด - แอ่วเวียงเชียงใหม่

     อาณาจักรล้านนา นับได้ว่าเป็นอาณาจักรที่มีความเจริญรุ่งเรืองทางพระพุทธศาสนาสูงสุด จึงปรากฎให้เห็นวัดวาอารามในเขตอ. เมืองของจังหวัดเชียงใหม่อยู่มากมาย เป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธรูปสำคัญ ๆ ซึ่งเป็นที่เคารพสักการะของพุทธศาสนิกชน และเป็นแหล่งโบราณสถานที่รวบรวมเอาศิลปะ สถาปัตยกรรมที่วิจิตรบรรจงสวยงามที่ควรค่าต่อการอนุรักษ์ รักษาสืบไป
     ไหว้พระ 9 วัด ในเวียงเชียงใหม่ การไหว้พระ 9 วัด เป็นการเสริมสร้างความเป็นสิริมงคลให้แก่ชีวิต โดยเฉพาะวัดที่มีชื่อดี นามมงคล จะช่วยเสริมบารมีในชีวิตของพุทธศาสนิกชนผู้มีจิตศรัทธาอีกด้วย ซึ่งแต่ละวัดล้วนแล้วแต่เป็นวัดที่มีประวัติความเป็นมาอันยาวนาน และมีความสำคัญในจังหวัดเชียงใหม่

 

1. วัดเชียงมั่น ตั้งอยู่ที่ ถ. ราชภาคินัย ต. ศรีภูมิ โทร. 0 5321 3170
วัดเชียงมั่น เป็นวัดแรกที่สร้างขึ้นในจังหวัดเชียงใหม่ เมื่อปี พ.ศ.1840 ศิลาจารึกวัดเชียงมั่น กล่าวว่า หลังจากที่พญางำเมือง พญาร่วง และพญามังราย สร้างเมืองเชียงใหม่เสร็จสมบูรณ์แล้ว ทั้งสามพระองค์ทรงโปรดให้ก่อเจดีย์ที่หอนอนบ้านเชียงมั่น ซึ่งใช้เป็นที่ประทับชั่วคราวเพื่อควบคุมการสร้างเมืองเชียงใหม่ ต่อมา พระองค์ทรงยกพระตำหนักที่ประทับถวายเป็นพระอาราม ให้ชื่อว่า “วัดเชียงมั่น” เป็นที่ประดิษฐานพระเสตังคมณี หรือพระแก้วขาว เป็นพระพุทธรูปแก้วผลึกสีขาวปางมารวิชัย เป็นที่เคารพ สักการะของชาวเชียงใหม่

2.วัดพระสิงห์ ตั้งอยู่ที่ ถ. สามล้าน ต. พระสิงห์ โทร. 0 5327 5139
วัดพระสิงห์ (พระธาตุประจำปีมะโรง) เป็นวัดที่สำคัญของนครเชียงใหม่ เพราะเป็นวัดที่มีประวัติยาวนานกว่า 655 ปี สมัยแรก วัดนี้ได้ชื่อว่า “วัดลีเชียงพระ” หมายความว่า วัดที่ตั้งใกล้ตลาดกลางเมือง ในสมัยกษัตริย์ลำดับที่ 8 แห่งราชวงศ์มังราย ได้อัญเชิญพระพุทธสิหิงค์มาประดิษฐานในวัดนี้ จึงเรียกว่า “วัดพระสิงห์” ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา วัดพระสิงห์ได้รับสถาปนาเป็นพระอารามหลวงชั้นเอก ประเภทวรมหาวิหาร วัตถุสถานในวัด ทั้งพระอุโบสถ วิหารลายคำ วิหารหลวง หอไตร และภาพจิตรกรรมในวิหารลายคำ จึงทรงคุณค่า วัดแห่งนี้จึงเป็นที่รวมของตัวอย่างศิลปกรรม และสถาปัตยกรรมล้านนามากที่สุด

3.วัดเจดีย์หลวง (วัดโชติการาม) ตั้งอยู่ที่ ถ. พระปกเกล้า ต. ศรีภูมิ โทร. 0 5334 2252
วัดเจดีย์หลวง เป็นวัดที่มีเจดีย์ใหญ่ที่สุด ตั้งอยู่กลางใจเมืองเชียงใหม่ วัดนี้สร้างขึ้นในสมัยกษัตริย์องค์ ที่ 7 แห่งราชวงศ์มังราย (พญาแสนเมืองมา) เพื่อสนองดวงวิญญาณของพญากือนา ผู้เป็นบิดา ที่ไปบังเกิดเป็นเทวดาสิงสถิตย์อยู่ใต้ร่มไทรใหญ่เมืองพุกาม และต้องการให้พญาแสนเมืองมาสร้างเจดีย์ที่ใหญ่ที่สุด ในปี พ.ศ. 2024 สมัยของพญาติโลกราชพระองค์โปรดให้ช่างสร้างเป็นเจดีย์องค์ใหญ่ สูงถึง 92 เมตร ฐานกว้างด้านละ 54 เมตร ต่อมาสมัยพระนางเจ้าจิระประภาครองเมืองเชียงใหม่ ได้เกิดแผ่นดินไหวทำให้ยอดเจดีย์โค่นลงมา จากนั้นกรมศิลปากรได้ดำเนินการบูรณะเสริมความมั่นคงองค์พระเจดีย์ในส่วนที่เหลืออยู่ ให้แข็งแรงเป็นหลักฐานสำคัญทางประวัติศาสตร์สืบไป

 4.วัดชัยมงคล ตั้งอยู่ที่ ถ. เจริญประเทศ ต. ช้างคลาน โทร. 0 5328 0671
วัดชัยมงคล อยู่ริมแม่น้ำปิง สร้างราวสมัยพระเจ้าติโลกราช กษัตริย์นครเชียงใหม่ ในสมัยที่เชียงใหม่ถูกพม่าปกครอง วัดนี้ถูกเรียกว่า วัดอุปาเพ็ง หรือ วัดอุปาพอก จนถึงสมัยรัชกาลที่ 5 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ เปลี่ยนมาเรียกชื่อวัดนี้ว่า วัดชัยมงคล ลักษณะของเจดีย์วัดชัยมงคล เป็นศิลปะพม่า-มอญ

5.วัดดวงดี ตั้งอยู่ที่ ถ. พระปกเกล้า ต. ศรีภูมิ โทร. 0 5321 4728
วัดดวงดี เดิมชื่อ “วัดต้นหมากเหนือ” ไม่ปรากฏหลักฐานว่าสร้างขึ้นเมื่อใด สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นหลังจากพญามังรายสร้างเมืองเชียงใหม่แล้ว และมีเจ้านายเมืองเชียงใหม่องค์หนึ่งเป็นผู้คิดค้นการสร้าง ลักษณะของวิหารและโบสถ์เป็นแบบพื้นเมืองล้านนา มีลวดลายแกะสลักไม้ประดับสถาปัตยกรรมที่สวยงาม

6.วัดลอยเคราะห์ ตั้งอยู่ที่ ถ. ลอยเคราะห์ ต. ช้างคลาน โทร. 0 5327 3873
วัดลอยเคราะห์ เดิมชื่อว่า วัดร้อยข้อ (วัดฮ้อยข้อ) สร้างขึ้นในสมัยกษัตริย์องค์ที่ 6 แห่งราชวงศ์มังราย วัดนี้จึงมีอายุราว 500 ปี ในสมัยที่ล้านนาตกเป็นเมืองขึ้นของพม่า วัดแห่งนี้ไม่ได้รับการบูรณะปฏิสังขรณ์ จึงมีสภาพทรุดโทรมมาก และกลายเป็นวัดร้างกว่า 20 ปี ต่อมา ในสมัยพญากาวิละปกครองล้านนา พระองค์ทรงบูรณะซ่อมแซมวัดให้อยู่ในสภาพสมบูรณ์ พระองค์ทรงกวาดต้อนพลเมืองเชียงแสนและโปรดให้ชาวเชียงแสนตั้งบ้านเรือนอยู่ ณ เวียงชั้นนอกด้านขวาของประตูท่าแพ ทางทิศตะวันออกของเมืองเชียงใหม่ ซึ่งเป็นบริเวณวัดลอยเคราะห์ในปัจจุบัน ศิลปสถาปัตยกรรมเป็นแบบพื้นเมืองของชาวล้านนา มีพระพุทธรูปปางถวายเนตรและพระเจ้าทันใจ ประดิษฐานอยู่

7. วัดดับภัย ตั้งอยู่ที่ ถ. สิงหราช ต. ศรีภูมิ โทร. 0 5322 2964
วัดดับภัย เดิมชื่อ “วัดอภัย” หรือ “วัดตุงกระด้าง” มีตำนานเล่าว่า เมื่อพญาอภัยล้มป่วยทำการรักษาอย่างไรก็ไม่ทุเลา จึงตั้งจิตอธิษฐานต่อหน้าหลวงพ่อดับภัย อาการเจ็บป่วยก็หายไปพลัน พญาอภัยจึงให้บริวารลูกหลานตั้งบ้านเรือนบริเวณวัด และบูรณะปฏิสังขรณ์ จึงเรียกชื่อใหม่ว่าวัดดับภัย เป็นวัดที่มีสถาปัตยกรรมแบบพื้นเมืองล้านนา วัดแห่งนี้มีบ่อน้ำอยู่หน้าวิหาร เชื่อว่าเป็นบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ สมัยพระเจ้าอินทวโรรส เจ้าหลวงเชียงใหม่องค์ที่ 8 เสด็จกลับจากกรุงเทพ ฯ ต้องแวะมาวัดดับภัย เพื่อนำน้ำในบ่อนี้ไปสรงน้ำพระพุทธมนต์ ก่อนแวะไปวัดเชียงยืนเพื่อสืบดวงชะตา

8. วัดเชียงยืน ตั้งอยู่ที่ ถ. มณีนพรัตน์ ต. ศรีภูมิ โทร. 0 5321 1654
เป็นวัดโบราณแห่งหนึ่งซึ่งมีโบสถ์แปดเหลี่ยมที่เก่าแก่ด้วยรูปแบบศิลปะพม่า แม้ตัวโบสถ์จะทรุด โทรมตามกาลเวลา ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปพม่า ห้ามผู้หญิงเข้าตามความเชื่อของชาวล้านนาที่มีความเชื่อว่าสถานที่ประกอบพิธีทางศาสนาหรือพิธีสำคัญ ๆ เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ต้องการความสะอาดบริสุทธิ์ ตำนานกล่าว ไว้ว่า หากกษัตริย์องค์ใดจะขึ้นครองราชย์ต้องมานมัสการพระประธานที่วัดนี้ก่อน จนเป็นธรรมเนียม ประเพณี แต่ก็ยกเลิกไปเมื่อครั้งเชียงใหม่ตกอยู่ภายใต้การปกครองของพม่า

 9. วัดหมื่นเงินกอง ตั้งอยู่ที่ ถ. สามล้าน ต. พระสิงห์
วัดหมื่นเงินกองเป็นวัดที่สร้างขึ้นในสมัยราชวงศ์มังราย เป็นสถาปัตยกรรมแบบพื้นเมืองล้านนา ในย่านสามล้านอันเป็นที่พักขุนนางชั้นสูง หมื่นเงินกองเป็น ชื่อของอำมาตย์ท่านหนึ่งในรัชกาลของพญากือนาที่ได้โปรด ฯ ให้ไปอาราธนาพระสุมนเถระที่กรุงสุโขทัยมาเผยแพร่ศาสนาในล้านนา จึงสันนิษฐานว่ามหาอำมาตย์ท่านนี้สร้างวัดนี้ขึ้นมาเพื่อเป็นอนุสรณ์แก่ตนเอง

     นอกจากนี้ ยังมีวัดสำคัญอื่น ๆ ในจังหวัดเชียงใหม่ อาทิ วัดพันเตา ตั้งอยู่ที่ ถ. พระปกเกล้า ต. พระสิงห์ โทร. 0 5381 4689 วิหารเดิมเป็นหอคำ หรือท้องพระโรงหน้าของพระเจ้ามโหตรประเทศเป็นอาคารเครื่องไม้แบบพื้นเมือง ซุ้มประตูประดับไม้แกะสลักรูปนกยูง อันเป็นสัญลักษณ์ของเจ้านายฝ่ายเหนือ วัดกู่เต้า ตั้งอยู่ที่ ต. ศรีภูมิ ติดกับสนามกีฬาเทศบาลนครเชียงใหม่ เดิมชื่อว่าวัดเวฬุวนาราม มีเจดีย์ที่มีลักษณะแปลกไปกว่าเจดีย์อื่น ๆ ในเมืองไทย คือคล้ายกับผลแตงโมวางซ้อนกันอยู่หลายลูก ชาวบ้านจึงเรียกว่าเจดีย์กู่เต้า มีตำนานเล่าว่า เจดีย์กู่เต้านี้เป็นที่บรรจุอัฐิของเจ้าฟ้าสารวดีซึ่งเป็นโอรสของพระเจ้าบุเรงนอง วัดแสนฝาง ตั้งอยู่ที่ ถ. ท่าแพ ต. ช้างคลาน เป็นย่านการค้าของพ่อค้าชาวพม่าที่มีศิลปะการก่อสร้างแบบพม่า นอกจากนี้ยังมีกุฏิเจ้าอาวาสซึ่งสร้างมานานกว่า 100 ปี วัดบุพพาราม ตั้งอยู่ที่ ถ. ท่าแพเยื้องกับวัดแสนฝาง เป็นวัดคู่เมืองเชียงใหม่ พระเมืองแก้วโปรดให้สร้างเมื่อ พ.ศ. 2039 ภายในหอมณเฑียรธรรมประดิษฐานพระพุทธรูปไม้สักขนาดหน้าตักกว้าง 1 วาเศษ มีอายุประมาณ 400 ปี ตามประวัติเล่าว่า สมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงยกทัพจากเมืองอยุธยาเพื่อขึ้นมาปราบอริราชศัตรูที่มารุกรานเมืองเชียงใหม่ เมื่อ พ.ศ. 2147 จนทัพศัตรูได้ล่าถอยไปทางเมืองแหงและเมืองต๋วน สมเด็จพระนเรศวรฯจึงพักรบและสร้าง “พระพุทธนเรศศักดิ์ชัยไพรีพินาศ” องค์นี้ขึ้น วัดป่าเป้า ตั้งอยู่ที่ ถ. มณีนพรัตน์ ต. ศรีภูมิ เป็นวัดเงี้ยวแห่งแรกในเมืองเชียงใหม่ สร้างขึ้นเมื่อประมาณ ปี พ.ศ. 2426 ลักษณะของพระธาตุที่วัดป่าเป้านี้เป็นแบบไทยใหญ่ มีการจัดประเพณีปอยส่างลองขึ้นเป็นประจำในเดือนเมษายนของทุกปี วัดช่างฆ้อง ตั้งอยู่ที่ ถ. ลอยเคราะห์ ต. ช้างม่อย สร้างเมื่อ พ.ศ. 1900 โดยชาวบ้านช่างฆ้องที่อพยพมาจาก 
เชียงแสน
สมัยต้นรัตนโกสินทร์ ภายในวัดมีหอไตรซึ่งเป็นตึกสองชั้นตกแต่งด้วยลายปูนปั้นและไม้ฉลุเป็นศิลปะผสมระหว่างจีนและพม่า ด้านนอกอาคารมีภาพวาดจิตรกรรมฝาผนังเรื่องพระเจ้าสิบชาติฝีมือช่างพื้นบ้าน ซึ่งยังคงสมบูรณ์อยู่ พระสิงห์หยกวัดอู่ทรายคำ แกะสลักจากหยกประเภท Jadeite น้ำหนัก 900 กิโลกรัม เป็นศิลปะแบบเชียงแสนประยุกต์ และได้บรรจุพระบรมสารีริกธาตุในพระเศียร พระพักตร์มีสีใส ลักษณะสงบเย็น พระสิงห์หยกประดิษฐานอยู่ที่วัดอู่ทรายคำ ตั้งอยู่ที่ ถ. ช้างม่อยเก่า ต. ช้างม่อย โทร. 0 5323 4210 วัดโลกโมฬี โทร. 0 5340 4039 ตั้งอยู่ที่ ถ. มณีนพรัตน์ ต. ศรีภูมิ เดิม วัดโลกโมฬี มีสภาพเป็นวัดร้าง เมื่อคราวเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 ได้รับการรื้อฟื้นจากการเป็นวัดร้างให้เป็นวัดที่มีพระสงฆ์จำพรรษาอยู่ โดยคณะสงฆ์จังหวัดเชียงใหม่

  10. วัดศรีสุพรรณ แวะนมัสการหลวงพ่อพุทธปาฏิหาริย์ พระพุทธรูปเก่าแก่ อายุกว่า 500 ปี คู่วัดเมื่อเริ่มสร้าง (พ.ศ.2043) ในสมัยพญาแก้ว( พระเมืองแก้ว ,พ.ศ.2038 - 2068) ประดิษฐานในอุโบสถเงิน ศาสนสถานแห่งแรกของโลก ที่สร้างและประดับด้วยเงิน วัสดุแทนเงิน (แผ่นภาพอลูมิเนียม) สลักลายตามแบบศิลปะไทย บนรากฐานแห่งการคงไว้ซึ่งมรดกทางวัฒนธรรม และภูมิปัญญาท้องถิ่นการทำเครื่องเงินและการดุนลายแผ่นโลหะ
     ประวัติของกลุ่มหัตถศิลป์ล้านนา วัดศรีสุพรรณ ... ภูมิปัญญาท้องถิ่นหัตถกรรมเครื่องเงินเป็นมรดกที่สืบทอดมาจากบรรพบุรุษ แสดงถึงอาชีพและวิถีชีวิตอันเป็นเอกลักษณ์ดั้งเดิมของชาวบ้านศรีสุพรรณ บ้านหมื่นสาร ถนนวัวลาย อำเมือง จังหวัดเชียงใหม่ จากอดีตที่มีความเจริญรุ่งเรือง แต่ปัจจุบันกลับเข้าสู่สภาวะของความเสื่อมถอยมากยิ่งขึ้น ดังเป็นที่ประจักษ์แก่คนในท้องถิ่น
     จุดเริ่มต้นของการก่อตั้งกลุ่ม เกิดจากความตระหนักถึงการอนุรักษ์และพัฒนามรดกชิ้นนี้ ของเจ้าอาวาสวัดศรีสุพรรณ และนายช่างดิเรก สิทธิการ ร่วมกับภูมิปัญญาชาวบ้านในท้องถิ่น จึงได้จัดกิจกรรมแข่งขันฝีมือการดุนลายและออกร้านเครื่องเงินในโอกาสจัดงาน "มรดกล้านนา ภูมิปัญญาท้องถิ่น 500 ปี วัดศรีสุพรรณ" เมื่อ 30 มีนาคม 2543 นับเป็นจุดเริ่มต้นการก่อตั้งกลุ่มและมีพัฒนาการตั้งแต่นั้นมาจนถึงปัจจุบัน
     For more information please contact us : www.watsrisuphan.org , info@watsrisuphan.org, 053-200332, 053-202751 fax.053-202751





ที่มา : การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคเหนือ เขต ๑
http://www.tatchiangmai.org/chiangmai/chiangmai/chiangmai.php
 
 
ชาวพุทธร่วมใจกันปฏิบัติตามแนวศีล ๕๑. ไม่มุ่งร้ายทำลายผู้อื่น
๒. ไม่ทุจริตฉ้อโกง
๓. ไม่ประพฤติผิดในกาม
๔. ไม่กล่าวลวงกล่าวเท็จ
๕. ไม่เกี่ยวข้องกับสิ่งเสพติดให้โทษ