เวลาประมาณ 06.00 น.ที่วัดเทพศิรินทราวาส สมเด็จพระญาณวโรดม เจ้าอาวาสวัดเทพศิรินทร์ และกรรมการมหาเถรสมาคม(มส.) ได้มรณภาพโดยอาการสงบที่กุฎิ ปิยะสมบัติกุล ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจาก พระเสกสันต์ ศิริวรรณ พระอุปัฏฐาก(พระผู้ดูแล) สมเด็จพระญาณวโรดม ว่า เมื่อช่วงเวลา 05.30-05.45 น สมเด็จญาณวโรดมมีอาการไอ และมีเสมหะ โดยไอเพียง 2 ครั้ง ก็หมดสติ หัวใจหยุดเต้น จึงได้นำตัวส่งโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ซึ่งคณะแพทย์ได้ให้ความช่วยเหลืออย่างเต็ม แต่ก็ไม่สามารถช่วยชีวิตได้ เนื่องจากสมเด็จพระญาณวโรดมชราภาพมากทำให้มรณภาพในที่สุด รวมสิริอายุ ได้ 93 ปี 8 เดือน พรรษาที่ 72
พระเสกสันต์ กล่าวอีกว่า ก่อนหน้านี้ สมเด็จพระญาณวโรดม มีอาการป่วยมาตั้งแต่ปี 2549 ด้วยอาการเส้นเลือดในสมองตีบ ประกอบกับมีโรคประจำตัวคือ มีโรคหัวใจและโรคไต ทำให้ต้องเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลโดยตลอด จนกระทั่งเมื่อวันที่ 6 พ.ย.ที่ผ่านมา ท่านมีอาการเป็นหวัด ไอ มีน้ำมูก ทางแพทย์จึงได้จัดยาให้รับประทาน และพาท่านไปพักต่างอากาศยังต่างจังหวัด ท่านก็มีอาการดีขึ้น แต่พอกลับมาอาการไอก็กำเริบขึ้นมาอีก ประกอบกับท่านแพ้ยาปฏิชีวนะ ยาฆ่าเชื้อต่างๆ แพทย์จึงไม่สามารถถวายยาดังกล่าวให้ฉันท์ จึงทำให้ไม่หายขาด และมาเกิดอาการไอจนทำให้มรณภาพ ส่วนกำหนดการในการประกอบพิธีบำเพ็ญกุศลศพ สมเด็จพระญาณวโรดมไม่ต่ำกว่า 100 วัน ที่ศาลากวีนิรมิต หรือศาลากลางน้ำ วัดเทพศิรินทราวาส
ขณะเดียวกันที่ศาลากลางน้ำ เจ้าหน้าที่จากสำนักพระราชวัง ได้มาจัดเตรียมสถานที่ โดยมีการนำโกฐไม้ 12 ซึ่งโกฐพระราชทานตามชั้นยศสมณศักดิ์ พร้อมทั้งจัดเตรียมสถานที่ในการพระราชทานน้ำสรงศพ จากนั้นเวลา 13.00 น.ขบวนเคลื่อนศพสมเด็จพระญาณวโรดม มาถึงบริเวณศาลากลาง โดยมีคณะศิษยานุศิษย์ มารอรับศพในบริเวณดังกล่าวเป็นจำนวนมาก จากนั้นทางวัดได้เปิดให้คณะสงฆ์วัดเทพศิรินทร์ นำโดยพระพรหมเมธี ผู้ช่วยเจ้าอาวาสประกอบพิธีสรงน้ำศพ โดยมีคณะนักเรียนโรงเรียนวัดเทพศิรินทร์ และศิษยานุศิษย์ เข้าร่วม พร้อมทั้งมีคณะสงฆ์และแม่ชีจากวัดต่างๆในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑลเข้าสรงน้ำศพอย่างต่อเนื่อง
จนกระทั่งเวลา 17.00 น.สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินพระราชทานนน้ำหลวงสรงศพ โดยการบำเพ็ญกุศลอยู่ในพระบรมราชานุเคราะห์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเป็นเวลา 7 วัน ส่วนเวลาการตั้งศพ ทางคณะสงฆ์กำลังพิจารณาว่า จะตั้งไว้กี่วันแต่จะมากกว่า 100 วัน
สำหรับประวัติสมเด็จพระญาณวโรดม นามเดิมว่า ประยูร พยุงธรรม เกิดเมื่อวันที่ 9 มีนาคม 2459 ที่อ.จันตคาม จ.ปราจีนบุรี จบการศึกษาชั้น ป.5 ที่โรงเรียนประชาบาลประจำอ.จันตคาม จากนั้นได้เดินทางมาศึกษาต่อที่กรุงเทพฯโดยอยู่ที่วัดเทพศิรินทร์ และได้บรรพชาเป็นสามเณรที่วัดเทพศิรินทร์ เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม 2476 และอุปสมบทเป็นพระภิกษุ เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2480 โดยจำพรรษาที่วัดเทพศิรินทร์มาตลอด พร้อมทั้งได้เลื่อนสมณศักดิ์มาเป็นลำดับ จนกระทั่ง เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2546 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯสถาปนาขึ้นเป็นสมเด็จพระราชาคณะสพรรณบัฏที่ สมเด็จพระญาณวโรดม
สมเด็จพระญาณวโรดม ถือเป็นพระสงฆ์ ที่ริเริ่มโครงการต่างๆให้แก่คณะสงฆ์มากกว่า 100 โครงการ เช่น เปิดโรงเรียนพระสังฆาธิการ โครงการอบรมภิกษุพัฒนาภูมิภาค โครงการอบรมวิชาเคหพยาบาลแก่พระภิกษุและแม่ชี เป็นต้น นอกจากนี้ ยังเป็นผู้เรียบเรียง แปล และจัดพิมพ์หลักสูตรนักธรรม ธรรมศึกษา ทุกชั้น เป็นภาษาอังกฤษ บทสวดมนต์ภาษาอังกฤษ เพื่อเผยแผ่แก่ชาวต่างชาติ อีกทั้ง สมเด็จพระญาณวโรดม ยังถือเป็นผู้มีความสามารถด้านการศึกษาจนได้รับการแต่งตั้งให้เป็นอุปนายกสภามหาวิทยาลัยมหามกุฎราชวิทยาลัย(มมร.)ด้วย
พระเทพปริยัติวิมล อธิการบดีมมร.ในฐานะลูกศิษย์ผู้ใกล้ชิด กล่าวว่า สมเด็จพระญาณวโรดม ท่านเป็นอดีตอธิการบดีมมร. ปัจจุบันดำรงตำแหน่งอุปนายกสภามหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย อีกทั้งท่านเจ้าประคุณยังดำรงตำแหน่งเป็นประธานกรรมการที่ปรึกษาสำนักฝึกอบรมพระธรรมทูตคณะธรรมยุต ท่านได้สร้างผลงานให้แก่คณะสงฆ์อย่างมากมาย ทั้งในด้านปกครอง งานเผยแผ่ โดยเฉพาะด้านการศึกษาของคณะสงฆ์ ท่านจะสนับสนุนเรื่องการศึกษาทั้งเรื่องตำราเรียน อุปกรณ์ ทุนการศึกษา หรือแม้แต่ให้กำลังใจกับพระทุกรูป ก่อนหน้านี้ ท่านยังได้เป็นประธานในพิธีเปิดห้องสมุดที่มหามกุฏฯ แห่งใหม่ที่ศาลายา ท่านเจ้าประคุณยังได้ปรารภว่า ต้องการให้มหามกุฏฯ ได้รวบรวมหนังสือตำราที่มีคุณค่าไว้มากๆ เพื่อให้พระภิกษุหรือผู้ที่ได้เข้าไปใช้บริการห้องสมุดได้นำไปต่อยอดความรู้เกิดประโยชน์อย่างมหาศาล การมรณภาพของท่านเจ้าประคุณ ถือเป็นความสูญเสียของคณะสงฆ์เป็นอย่างมาก
พระมหาปัญญา ปญฺญาวุฑฺโฒ รองอธิการบดีฝ่ายบริหาร มมร. กล่าวว่าการมรณภาพของสมเด็จพระญาณวโรดมนับว่าเป็นการสูญเสียพระผู้ใหญ่ที่มีคุณูปการต่อวงการพระพุทธศาสนนาเป็นอย่ามากโดยเฉพาะในด้านการศึกษาของคณะสงฆ์ที่ท่านได้เป็นผู้ริเริ่มและบุกเบิกให้มีการจัดการศึกษาระดับปริญญาตรี-ปริญญาเอกของฝ่ายธรรมยุตและยังได้เป็นอดีตเลขาธิการมมร.หรือตำแหน่งอธิการบดีมมร.คนที่ 2 และปัจจุบันยังเป็นอุปนายกสภามหาวิทยาลัยมมร.ด้วย นอกจากงานด้านการศึกษาแล้วสมเด็จพระญาณวโรดมยังเป็นผู้ริเริ่มให้มีพระธรรมทูตไทยในต่างประเทศด้วย
http://www.bangkokbiznews.com/home/detail/politics/politics/20091118/87065/%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B9%87%E0%B8%88%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%8D%E0%B8%B2%E0%B8%93%E0%B8%A7%E0%B9%82%E0%B8%A3%E0%B8%94%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%88%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%9E%E0%B8%A8%E0%B8%B4%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%A3%E0%B9%8C.html
ขอบคุณ ที่มาของข่าว กรุงเทพ ธุระกิจ
รูปท่าน ตอนมีที่มา งานบวช ตัวผมเองครับ
ถ่ายรูป ร่วมกันครับ คนนั่งผู้หญิงเสื้อสีฟ้า นั่นละ คุณแม่ผมเองครับ เป็นหลานท่าน ครับ คุณแม่ผมจะเรียกท่านว่า หลวงน้า ยูร ผมจะเรียกท่าน หลวงตา ครับ
ท่านมาเป็น ประธาน ในงานบวช ผมเองครับ มาเทศสอนก่อนบวช ตอนเป็น นาค นั่นละครับ ท่านยังอยากให้ผม ไปบวชที่ วัดเทพศิรินทร์ เลย แต่ติดตรงที่
บ้านเดิม ผมอยู่ แถวๆ คลองตัน จะมา โปรดมารดา บินทบาตร ก็ไม่ถึงแน่ คุณแม่เลยให้บวช ที่ วัดเทพลีลา(รามคำแหง) เดินมา ถึงคลองตันนั่นละครับ ทุกวัน ไม่เคยขาด 1 พรรษา เต็มๆ
มาให้ คุณแม่ ใด้ ใส่บาตร ลูกชาย คนเล็ก อย่างผม นี่ละครับ
ตอนคุณแม่ผมยังมี ชีวิตอยู่ (ท่านเสียไป 10 กว่าปีแล้วครับ) เวลา วันเกิด หลวงตาประยูร ทุกปี คุณแม่ จะไปงาน ทุกครั้งไป ท่านจะทำบุญวันเกิด ให้ตัวท่านเอง เลี้ยงพระ
ทำบุญที่ วัดเทพศิรินทร์ นั่นละครับ บางครั้ง ผมก็ขับรถ ไปส่งท่าน ส่วนมาก จะเป็น พี่ชายผมครับ กับพี่สาว ไปทุกปี ไม่เคยขาด ผมไปไม่กี่ครั้งครับ
ตอนที่ผม จะสึก ลาสิขา ผมก็ ไปกราบบอกท่าน นี่ละครับ ว่าจะขอสึก ไปทำมาหากิน เป็น ฆารวาส ท่านให้ ของดี ติดตัวมาหลาย อย่างเหมือนกันครับ เป็นพระ เจ้าคุณนร
ตอนดูข่าวทีวี ก็ตกใจ นั่นละครับ โทรคุยกับบรรดา พวกพี่ๆ เขาก็บอกว่า เขารู้กันแล้ว กำลังนัดวัน ที่จะรวมตัวกันไป อยู่ครับ
เฉพาะ ญาติๆ ที่ อ.ประจันตคามนี่ ผมว่า งานนี้ มากันเป็น รถบัส นั่นละครับ ผมก็เกิด ที่นั่นละครับ อ.ประจันตคาม จ.ปราจีนบุรี
ขอกราบ ใว้ อาลัย ท่าน ใว้ ณ ที่นี้ ด้วยครับ หลวงตา ประยูร (สมเด็จพระญาณวโรดม)
