ผู้เขียน หัวข้อ: เล่าสู่กันฟัง...รู้ตน รู้กาล รู้ประมาณ  (อ่าน 1206 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ รวี สัจจะ...

  • รองประธาน
  • *****
  • กระทู้: 1137
  • รวี สัจะ-สมณะไร้นาม-วจีพเนจร
    • ดูรายละเอียด
    • รวี สัจจะ สมณะไร้นาม (เคลื่อนไหวดุจสายลม)
๒๘ ธันวาคม ๒๕๕๒
ณ ตถตาอาศรม ริมฝั่งโขง ชายขอบประเทศไทย
                         ในช่วงที่ไปอยู่ปริวาสกรรมนั้น ได้มีเวลาปฏิบัติธรรมเต็มที่ เพราะไม่ต้องมีภาระที่จะต้องต้อนรับสงเคราะห์ญาติโยม
จึงทำให้มีเวลาที่จะปฏิบัติและทบทวนใคร่ครวญ เจริญวิมังสาธรรม ทบทวนสภาวะธรรมของอารมณ์กรรมฐานแต่ละกองที่เคยได้ปฏิบัติมา
เรียบเรียงลำดับความจำสัญญาบันทึกไว้ในสมองเสียใหม่ เพื่อไม่ให้สับสนกันในกรรมฐานแต่ละกอง เพราะเมื่อมีเพื่อนนักปฏิบัติมาขอคำ
แนะนำ สามารถที่จะสงเคราะห์เขาได้โดยไม่สับสนในสภาวะธรรมแต่ละกอง ซึ่งถ้าไม่แม่นยำแล้วอาจจะทำให้แนะนำเขาผิดพลาดไปได้
จึงจำเป็นที่จะต้องทบทวนใคร่ครวญ เรียงลำดับ อารมณ์กรรมฐานนั้นให้แม่นยำในแต่ละกอง เวลาสิบกว่าวันที่ผ่านมานั้นเป้นช่วงเวลาที่มี
คุณค่าสำหรับการปฏิบัติธรรมเป็นอย่างยิ่ง ทำให้เราได้เห็นสิ่งที่เราได้ประมาทและผิดพลาด ซึ่งที่ผ่านมานั้นเราลืมพิจารณาไปเพราะความ
เคยชินและสิ่งที่คุ้นเคย ทำให้ละเลยลืมพิจารณา ลืมพิจารณาถึงบทบาทและหน้าที่ว่ามันมีอะไรบ้างที่เราต้องกระทำและไม่ควรกระทำ
ทั้งทางกายและทางจิต ทั้งความคิดและการกระทำ  มันเหมือนกับเราอยู่ในบ้านในห้อง มุมมองของเราจึงคับแคบ เห็นแต่เพียงภายใน
บ้านในห้อง มองเห็นแต่สิ่งเฉพาะหน้า แต่เมื่อเราออกมาอยู่ข้างนอก แล้วมองย้อนกลับเข้าไป เราจะมองเห็นได้ทั้งภายนอกและภายใน
ว่ามันเป็นอย่างไร มีอะไรที่ต้องแก้ไขปรับปรุงหรือไม่ มีอะไรที่เสื่อมถอยหรือมีอะไรที่เจริญก้าวหน้า เมือเราออกมาแล้วจึงจะมองเห็น
     ซึ่งมันเหมือนกับขณะที่เรากำลังเผชิญอยู่กับปัญหา มันมีสภาวะกดดันอยู่ ทำให้เราคิดอะไรไม่ออก หาทางออกไม่เจอ แก้ปัญหา
ไม่ได้ เพราะว่าเราเข้าไปอยู่ในปัญหาซึ่งมีสภาวะกดดันบีบคั้นอยู่ ทำให้มุมมองของเรานั้นคับแคบ สมองของเรามึนงงไม่โปร่งโล่งเบา
ทำให้เราไม่เข้าใจปัญหาและตีปัญหาไม่แตก แต่เมื่อเราวางปัญหาไว้ชั่วคราว ออกมาจากปัญหา ทำกายให้สดชื่นแจ่มใส ทำใจให้โปร่ง
โล่งเบาสบาย ให้กายและจิตนั้นมีกำลังมีความพร้อม แล้วจึงน้อมจิตกลับเข้าไปดูปัญหา ค้นให้เจอที่มาคือต้นเหตุแห่งปัญหาให้เห็นที่มา
และที่เกิดของปัญหา มองผลกระทบที่ตามมาว่ามีความเกี่ยวข้องสัมพันธ์กับเราและคนรอบข้างอย่างไรและทำความเข้าใจกับปัญหา
นั้นให้แตกและชัดเจน ยอมรับในความผิดพลาดและล้มเหลวของเรา อย่าไปโทษผู้อื่นหรือไปโทษโชคชะตา เพราะว่ามันเป็นกรรมของเรา
เมื่อใจเรายอมรับในผลของกรรมนั้นแล้ว ความทุกข์ทั้งหลายก็จะคลายลง และเมื่อความทุกข์ทั้งหลายคลายลง ใจของเราก็จะสบายขึ้น
แล้วมองย้อนกลับไปสู่ปัญหาที่เกิดขึ้น โดยที่ไม่เข้าข้างตัวเองคือมองอย่างคนนอกมอง อย่าไปคิดว่าสิ่งนั้นมันเป็นปัญหาเป็นทุกข์ของเรา
(คือการละความเป็นตัวกูของกูชั่วคราว) ที่เราไม่สามารถที่จะแก้ปัญหานั้นได้ก็เพราะเราเข้าไปยึดถือในปัญหาว่ามันเป็นมีความเป็นตัวกู
ซึ่งธรรมชาติของมนุษย์นั้น ย่อมที่จะไม่ยอมสูญเสียในสิ่งที่เคยเป็นของตน มีความรักความหวงแหนในสิ่งที่เคยครอบครองว่าเป็นของกู
ไม่ยอมเสียหรือถ้าจะเสียก็ให้เสียน้อยที่สุด มีความยึดถือและหวงแหน ซึ่งเกิดจากความเป็นตัวกูและของกู
      แต่ถ้าเป็นปัญหาของผู้อื่นแล้ว เราจะวิจารน์ขาดแนะนำแก้ไขให้เขาได้ เพราะมันไม่มีความเป็นของกู ดั่งคำโบราณที่กล่าวสอนมาว่า
"ผงเข้าตาตัวเองแก้ไม่ได้ ต้องให้คนอื่นช่วยเอาออกให้" ฟ้ารู้ครึ่ง ดินรู้หมด ทะเลรู้ลึกถึงหกวา แต่ว่าไม่รู้จักตัวของเราเอง การที่เราจะรู้จัก
ตัวของเราเองนั้น มันต้องมีสติอยู่กับกายและจิตของเรา ใจอยู่กับเนื้อกับตัว ดูหนังดูละครแล้วย้อนมาดูตัว ทำความรู้ตัวทั่วพร้อมให้เกิด
เมื่อใจอยู่กับเนื้อกับตัวแล้ว ต้องเพิ่มคุณธรรมให้กับจิต คือความรู้จักผิดชอบและชั่วดี มีการยับยั้งและควบคุมจิตไม่ให้คล้อยตามในสิ่งผิด
มีความคิดที่เป็นกุศลคือรู้จักละอายและเกรงกลัวต่อบาป ย้ำเตือนจิตไม่ให้ก้าวเดินผิดพลาดไป แล้วอุปสรรคปัญหาทั้งหลายก็จะแก้ไขได้
"อย่าปฏิเสธในทุกข์และปัญหา เพราะว่าทุกข์และปัญหานั้นจะช่วยพัฒนาจิตและความคิดของเรา"ดั่งคำผู้รู้ที่กล่าวไว้ว่า "ทุกข์ไม่มา
ปัญญาไม่มี บารมีไม่เกิด" จงตั้งสติทุกครั้งเมื่อเจอปัญหา โดยถอยออกมาตั้งหลักพักกายพักใจให้มีกำลัง แล้วจึงกลับไปแก้ไขปัญหา
อย่าเผชิญหน้าและแก้ปัญหาในสภาวะที่เครียดกดดัน เพราะสมองมันจะตันวิศัยทัศน์นั้นจะแคบลง ทำให้มองไม่เห็นทางออกของปัญหา
ตั้งสติแล้วพิจารณาอย่างรอบคอบมองให้เห็นที่เกิดของปัญหา การตั้งอยู่ของปัญหาผลกระทบของปัญหาแล้วกลับมาดูต้นทุนกำลังของเรา
ว่ามีเท่าไหร่ มีอะไรบ้าง อะไรที่สามารถที่จะเข้าไปแก้ไขได้ในขณะนั้น มองปัญหาให้แตก แยกปัญหาให้ออก แล้วเข้าไปจัดการกับปัญหา
โดยทำจากสิ่งที่ง่ายแล้วค่อยไปสู่ที่ยาก "ปัญหาทุกอย่างแก้ไขได้ถ้าเรายอมรับและยอมเสียไม่ยึดติดในความเป็นตัวกูและของกู"
 :059:ฝากไว้เป็นข้อคิดให้นำไปพิจารณา อย่าได้เชื่อทันทีและอย่าได้ปฏิเสธทันที ใคร่ครวญเสียก่อน แล้วจึงจะเชื่อหรือปฏิเสธ :059:
                           เชื่อมั่น-ศรัทธา-ปรารถนาดี-ด้วยไมตรีจิต-แด่มวลมิตรผู้ร่วมชะตากรรมบนโลกใบนี้
                                          รวี สัจจะ-สมณะไร้นาม-วจีเพเนจร-สมณะชายขอบ
๒๘ ธันวาคม ๒๕๕๒ เวลา ๑๓.๒๖ น. ณ ศาลาน้อยริมน้ำโขง ชายขอบประเทศไทย
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28 ธ.ค. 2552, 01:35:24 โดย รวี สัจจะ... »
ใช่หวังจะดังเด่น  จึงมาเป็นสมณะ
เพียงหวังจะลดละ  ซึ่งมานะและอัตตา
เร่ร่อนและรอนแรม ไปแต่งแต้มแสวงหา
สัญจรร่อนเร่มา  ผ่านร้อยป่าและภูดอย
ลาภยศและสรรเสริญ  ถ้าหลงเพลินจิตเสื่อมถอย
พาใจให้เลื่อนลอย  จิตเสื่อมถอยคุณธรรม
       ปณิธานในการปฏิบัติธรรม

ออฟไลน์ ~เสน่ห์โจรสลัด~

  • อัฏฐมะ
  • ***
  • กระทู้: 7913
  • เพศ: ชาย
  • " ถ้ามุ่งมั่นจะเป็นที่หนึ่งคุณจะเป็นที่หนึ่ง "
    • ดูรายละเอียด
ตอบ: เล่าสู่กันฟัง...รู้ตน รู้กาล รู้ประมาณ
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: 28 ธ.ค. 2552, 02:48:27 »
ยอมรับในสิ่งที่เป็น ไม่ใช่ว่าตนถูกเสมอ ใครทำอะไรก็ได้อย่างนั้น กรรมมีจริง

ขอบพระคุณหลวงพี่โด่ง ที่เมตตานำมาบอกเล่าเช่นเคยนะครับ ...  :054:

ออฟไลน์ ~เสน่ห์ack01~

  • ผู้คุมกฎ
  • *****
  • กระทู้: 5330
  • เพศ: ชาย
  • " ไม่เมาเหล้าแล้วเรายังเมารัก"
    • ดูรายละเอียด
ตอบ: เล่าสู่กันฟัง...รู้ตน รู้กาล รู้ประมาณ
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: 28 ธ.ค. 2552, 10:20:34 »
"ทุกข์ไม่มาปัญญาไม่มี บารมีไม่เกิด"
จงตั้งสติทุกครั้งเมื่อเจอปัญหา โดยถอยออกมาตั้งหลักพักกายพักใจให้มีกำลัง แล้วจึงกลับไปแก้ไขปัญหา


...กราบนมัสการขอบพระคุณ ที่เมตตาชี้แนะครับ....

ทำบุญ วันคล้ายวันเกิด หลวงพ่อเปิ่น วัดบางพระ
วันอาทิตย์ ที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๕ 

ออฟไลน์ PeAwPeed

  • I'm not MosT girls I'm Smile. I'm an angel in disguise. I'm angry. I'm a devil inside.
  • ผู้ดูแล
  • *****
  • กระทู้: 1574
  • เพศ: หญิง
  • Stay happy all...=^.*=
    • ดูรายละเอียด
ตอบ: เล่าสู่กันฟัง...รู้ตน รู้กาล รู้ประมาณ
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: 29 ธ.ค. 2552, 10:47:00 »
ซึ่งธรรมชาติของมนุษย์นั้น ย่อมที่จะไม่ยอมสูญเสียในสิ่งที่เคยเป็นของตน มีความรักความหวงแหนในสิ่งที่เคยครอบครองว่าเป็นของกู
ไม่ยอมเสียหรือถ้าจะเสียก็ให้เสียน้อยที่สุด มีความยึดถือและหวงแหน ซึ่งเกิดจากความเป็นตัวกูและของกู



กราบนมัสการขอบพระคุณ พระอาจารย์ ที่ชี้แนะค่ะ :054:

คนทุกคนย่อมใช้สิทธิในการหวงแหน ยึดติด
กับสิ่งที่เคยชิน นึกคิด ว่าเป็นของตน
รัก หวงแหน ได้...แต่เมื่อถึงวันต้องลาจากและเสียไป
ก็ต้องเปิดใจยอมรับ....เคารพสิทธิ และยอมสูญเสีย

ทุกสิ่งทุกอย่างมีเหตุผล ตามสถานะ กาลเวลา และความเป็นจริง


What can I say it all started with a simple hello
Now look at us we’ve come a long way from just a simple

ออฟไลน์ derbyrock

  • คณะกรรมการ
  • *****
  • กระทู้: 2494
  • เพศ: ชาย
  • สติมา ปัญญาเกิด........ปัญหามา ปํญญามี.......
    • MSN Messenger - derbyrock@hotmail.com
    • ดูรายละเอียด
    • อีเมล
ตอบ: เล่าสู่กันฟัง...รู้ตน รู้กาล รู้ประมาณ
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: 30 ธ.ค. 2552, 12:01:03 »
กราบนมัสการพระอาจารย์ครับ คำสอนนี้ที่พระอาจารย์เคยได้สอนผมไว้ ผมได้นำมาแก้ปัญหาของตัวเอง จนปัญหาคลี่คลายลงจนแทบไม่เป็นปัญหาเลยครับ

ความสุขที่แท้จริงรอคอยคุณอยู่.......เพียงแค่คุณนั่งลงแล้วหลับตา