กราบนมัสการครับ อ้างถึง : "......... อริยมรรคมีองค์๘นั้นเป็นมัชฌิมาปฏิปทา คือทางสายกลางแห่งการดำเนินชีวิตที่ไม่ผิดทำนอง
คลองธรรม ซึ่งมีหลายระดับชั้นตามกำลังของผู้ปฏิบัติ อย่างหยาบปานกลางและละเอียดตามความเหมาะสม
ของภูมิธรรมของแต่ละบุคคล ........." รบกวนถามพระอาจารย์ด้วยภูมิปัญญา อันน้อยนิด ว่า ..... ความต่างของผู้ปฏิบัติอย่างหยาบ ปานกลาง และ ละเอียด สำหรับเรื่องนี้ต่างกันอย่างไรครับ /// กราบขอคำสอนสั่งครับ :054:ขอบคุณครับ
สำหรับเรื่องนี้นั้น พอจะอธิบายได้ดังนี้คือ มรรคองค์แปดอย่างหยาบก็คือการปฏิบัติของฆราวาสผู้ครองเรือน ที่ต้องมีชีวิตและภาระกิจ
ติดอยู่ในทางโลก ยังต้องดูแลหาเลี้ยงครอบครัว บุตร ภรรยา บิดามารดาหรือบริวาร ยังมีการงานในทางโลกที่ต้องกระทำ ดั่งที่ได้บรรยายเอาไว้
ในข้างต้น นั้นคือมรรคองค์แปดสำหรับฆราวาสผู้ครองเรือนในการดำเนินชีวิตควบคู่ไปทั้งในทางโลกและทางธรรม ส่วนระดับกลางและปราณีตนั้น
คือการปฏบัติของนักบวชของสมณะผุ้ประสงค์ความหลุดพ้นจากกองกิเลสทั้งหลาย ซึ่งจะต้องทำให้ยิ่งขึ้นไปกว่าฆราวาสผู้ครองเรือน เป็นไปตาม
อริยมรรคองค์๘อันได้แก่
๑.สัมมาทิฏฐิ คือเห็นอริยสัจ ๔ เห็นพระไตรลักษณ์ หรือเห็นปฏิจจสมุปบาท เห็นการเกิดดับโดยสภาวะแห่งความจริง
๒.สัมมาสังกัปปะ หมายถึงความนึกคิดในทางสละออกจากกาม ออกจากความพยาบาท และออกจากการเบียดเบียนซึ่งกันและกัน
๓.สัมมาวาจา หมายถึงการพูดคำสัตย์ ไม่พูดส่อเสียด ไม่พูดเพ้อเจ้อ พูดคำสุภาพอ่อนดยน พูดแต่สิ่งที่เป็นสาระ
๔.สัมมากัมมันตะ หมายถึงการดำเนินชีวิตที่ไม่เบียดเบียนชีวิตสัตว์ทั้งหลาย ไม่ลักทรัพย์ฉ้อโกงเอาเปรียบ ไม่ประพฤติผิดในกาม
๕.สัมมาอาชีวะ หมายถึงการเว้นจากมิจฉาชีพ ประกอบสัมมาอาชีพ
๖.สัมมาวายามะ หมายถึงความเพียร ๔ประการคือ เพียรระวังอกุศลธรรมที่ยังไม่เกิดขึ้น มิให้เกิดขึ้น เพียรประหารอกุศลธรรมอันเป็นบาป
ที่เกิดขึ้นแล้วให้สิ้นไป เพียรสร้างกุศลธรรมที่ยังไม่เกิดให้เกิดขึ้น เพียรรักษากุศลธรรมที่เกิดขึ้นแล้วให้เจริญยิ่งขึ้น
๗.สัมมาสติ หมายถึงการเจริญสติปัฏฐาน ๔มีการพิจารณาให้เห็นกายในกาย เวทนาในเวทนา จิตในจิต และธรรมในธรรม
๘.สัมมาสมาธิ หมายถึงการเจริญจิตในองค์ฌาน๔ อันได้แก่ปฐมฌาน ทุติยฌาน ตติยฌานแปละจตุตถฌาน
ซึ่งถ้าเราพิจารณาแล้วมันเป้นเรื่องที่ทำได้ยากสำหรับฆราวาสผู้ครองเรือน และยุ่งยากในภาษาที่จะสื่อและเข้าใจ
เพราะมันเป็นเรื่องละเอียดอ่อนที่ต้องทำอยู่ภายในกายและจิตของเรา ซึ่งเหมาะสมกับสมณะผู้ต้องการละกิเลสโดยตรง
แต่ถ้่าย้อนกลับไปอ่านที่เขียนบรรยายมาข้างต้นนั้น มันเป็นเรื่องที่เราสามารถจะกระทำได้ปฏิบัติได้ เพราะมันเหมาะสมกับเรา
ทุกสิ่งทุกอย่างไม่มีอะไรดีที่สุด มีเพียงความเหมาะสมที่สุด ตามจังหวะ เวลา โอกาศ สถานที่และบุคคล ธรรมะนั้นก็เช่นกัน
ต้องเลือกเฟ้นให้เหมาะสมกับตัวเรา บทบาทและหน้าที่ของเรา ความเจริญในธรรมจึงจะบังเกิดขึ้น...
ด้วยความปรารถนาดีและไมตรีจิต
รวี สัจจะ-สมณะชายขอบ