ผู้เขียน หัวข้อ: กลอนธรรมมะ ....  (อ่าน 2463 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ ~@เสน่ห์เอ็ม@~

  • ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย พระคุณบิดามารดาผู้มีพระคุณ แล ครูบาอาจารย์ผู้เกื้อหนุน สาธุ..
  • เด็กวัด
  • *****
  • กระทู้: 5894
  • เพศ: ชาย
  • ศิษวัดบางพระ
    • ดูรายละเอียด
กลอนธรรมมะ ....
« เมื่อ: 14 ก.ค. 2553, 11:28:42 »
ตัวกู-ของกู


ถ้าจะอยู่ ในโลกนี้ อย่างมีสุข

อย่าประยุกต์ สิ่งทั้งผอง เป็นของฉัน

มันจะสุม เผากระบาล ท่านทั้งวัน

ต้องปล่อยมัน เป็นของมัน อย่าผันมา

เป็นของกู ในอำนาจ แห่งตัวกู

มันจะดู วุ่นวาย คล้ายคนบ้า

อย่างน้อยก็ เป็นนกเขา เข้าตำรา

มันคึกว่า "กู-ของ-กู" อยู่ร่ำไป

จะหามา มีไว้ ใช้หรือกิน

ตามระบิล อย่างอิ่มหนำ ก็ทำได้

โดยไม่ต้อง มั่นหมาย ให้อะไรๆ

ผูกยึดไว้ ว่า "ตัวกู" หรือ "ของกู"ฯ


.......................................................................
"สักกายทิฏฐิ" หมายถึง ความยึดถือว่า กายกับใจนี้เป็นของตน เมื่อมีความรู้สึกคิดเช่นนั้นแล้ว เขาก็หวงแหน อยากให้มันดีให้มันเที่ยงแท้ถาวร เพื่อประโยชน์แก่ "ตัวเขา" โดยธรรมชาติที่แท้นั้น มันไม่มีอะไรที่จะเป็นของเขาได้เลย แต่ความหลงผิด ทำให้เขาเข้าใจว่ามันมีอะไรๆ เป็นของเขาจนได้ โดยเหตุนี้ สิ่งที่เป็นเพียงธาตุดินน้ำลมไฟ อากาศธาตุ วิญญาณธาตุ ที่รวมกลุ่มกันอยู่ ก็ถูกยึดถือเป็นกายและใจ "ของเขา" มันจึงมีลักษณะเป็น ความเห็นแก่ตัว แล้วก็ทำอะไรๆ ไปในลักษณะที่เป็นความทุกข์ยากลำบากแก่ตัวเองและแก่ผู้อื่น ปัญญาอย่างโลกๆ ก็ส่งเสริม "ตัวตน-ของตน" ให้หนักยิ่งขึ้น ต่อเมื่อได้รับการศึกษาอบรมที่ถูกทาง หรือปฏิบัติที่ถูกต้องตามหลักแห่งพุทธศาสนา เขาจึงจะไม่อาจมี "ตัวตน-ของตน" ชนิดที่จะไปฆ่าไปลัก หรือเบียดเบียนผู้อื่น และจะเริ่มนึกถึงการที่กายทุกกาย หรือธาตุทุกกลุ่ม เป็นเพื่อเกิดแก่เจ็บตายอย่างเดียวกัน จึงลดความหมายมั่นปั้นมือที่จะเอาประโยชน์ จากผู้อื่นมาเป็นของตนเองล้วนๆ ดังแต่ก่อน

ความลดไปแห่งสักกายทิฏฐินี้ ทำให้เกิดความสงบเย็น ความสงบเย็นทำให้เกิดสติสัมปชัญญะ สติสัมปชัญญะก็ทำความปลอดภัยให้แก่ตนเองและผู้อื่น ถ้าเพียงแต่คนเราสามารถ ละสังโยชน์ข้อที่ ๑ นี้ได้เท่านั้น โลกนี้ก็จะเปลี่ยนแปลงไป อย่างหน้ามือเป็นหลังมือ อย่างน้อยที่สุด การเบียดเบียนกันจะหายไปจากโลก มีแต่การเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่กันอย่างแท้จริง เข้ามาแทน




ท่านพระอาจารย์พุทธทาส .....ภิกขุ เวป http://www.buddhadasa.com/history/budprofile1.html
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14 ก.ค. 2553, 11:38:40 โดย เอ็มเมืองไร่ขิง »

ออฟไลน์ boatza

  • "เกิดมาทั้งที ต้องดีให้ได้"
  • ปัญจมะ
  • *****
  • กระทู้: 85
  • เพศ: ชาย
    • MSN Messenger - phanuwitzas@hotmail.com
    • ดูรายละเอียด
    • อีเมล
ตอบ: กลอนธรรมมะ ....
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: 14 ก.ค. 2553, 11:34:04 »
ขอบคุณสำหรับกลอนดีๆครับ

ออฟไลน์ รวี สัจจะ...

  • รองประธาน
  • *****
  • กระทู้: 1137
  • รวี สัจะ-สมณะไร้นาม-วจีพเนจร
    • ดูรายละเอียด
    • รวี สัจจะ สมณะไร้นาม (เคลื่อนไหวดุจสายลม)
ตอบ: กลอนธรรมมะ ....
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: 14 ก.ค. 2553, 11:57:35 »
กราบนมัสการ...ท่านหลวงพ่อพุทธทาส แห่งสวนโมกขพลาราม ไชยา สุราษฎร์ธานี
ครั้งหนึ่งในชีวิต เคยได้อาศัยบารมีและสถานที่ของหลวงพ่อพุทธทาสศึกษาและปฏิบัติธรรม
ยังจำคำสอนของหลวงพ่อได้อยู่เสมอ " เลิกเสียเถอะสมถะ มาเอาธรรมะเพื่อความหลุดพ้นดีกว่า "
แต่ศิษย์นี้ด้อยปัญญา ไม่สามารถปฏิบัติได้ตามคำสั่งสอนความปรารถนาดีของหลวงพ่อได้ จึงกราบขออภัยไว้ ณ ที่นี้
   ๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐
ถ้าจะศึกษาธรรมะของตามแนวของหลวงพ่อพุทธทาสนั้น เราต้องค้นคว้า ศึกษาจากเริ่มแรกคือ เรื่อง " ตัวกู-ของกู "
เสียก่อนให้เข้าใจ เพื่อความจางคลายของอัตตา แล้วจึงมาศึกษาธรรมะในขั้นที่สูงต่อไป เพื่อจะได้เข้าใจธรรมที่แท้จริง
ไม่ใช่เอาความคิดเห็นของตนเองมาตีความ ขยายความในหัวข้อธรรมทั้งหลายนั้น แล้วท่่านจะเห็นธรรมในธรรม....
ใช่หวังจะดังเด่น  จึงมาเป็นสมณะ
เพียงหวังจะลดละ  ซึ่งมานะและอัตตา
เร่ร่อนและรอนแรม ไปแต่งแต้มแสวงหา
สัญจรร่อนเร่มา  ผ่านร้อยป่าและภูดอย
ลาภยศและสรรเสริญ  ถ้าหลงเพลินจิตเสื่อมถอย
พาใจให้เลื่อนลอย  จิตเสื่อมถอยคุณธรรม
       ปณิธานในการปฏิบัติธรรม