ผู้เขียน หัวข้อ: การเจริญสติภาวนาในหมวด...อนุสสติ ๑๐  (อ่าน 2112 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ รวี สัจจะ...

  • รองประธาน
  • *****
  • กระทู้: 1137
  • รวี สัจะ-สมณะไร้นาม-วจีพเนจร
    • ดูรายละเอียด
    • รวี สัจจะ สมณะไร้นาม (เคลื่อนไหวดุจสายลม)
ตถตาอาศรม ริมฝั่งโขง ชายขอบประเทศไทย
๑๗ กรกฎาคม ๒๕๕๓ เวลา ๐๘.๐๘ น.
      ช่วงเวลาที่ผ่านมานั้น ได้รับนิมนต์ให้ไปบรรยายธรรมเกี่ยวกับการปฏิบัติตามสถานที่ต่างๆอยู่เสมอ
ซึ่งในสมัยปัจจัจุบันนี้ มีผู้ให้ความสนใจเกี่ยวกับการปฏิบัติเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ และมีความเปลี่ยนแปลง
ไปในทางที่ดี มีคนหนุ่มสาวและเยาวชนหันมาศึกษาและปฏิบัติธรรมกันมากขึ้น ผิดกับในอดีตที่ผ่านมา
ที่จะมีเฉพาะคนมีอายุเป็นส่วนใหญ่ที่ให้ความสนใจและมาปฏิบัติธรรมกัน ซึ่งอาจจะสืบเนื่องมาจากสื่อสาร
ที่รวดเร็วและมีการนำเสนอธรรมมะในสังคมออนไลน์โลกของไอที ที่เป็นอยู่ในขณะนี้ ทำให้เข้าถึงข้อมูล
ได้ง่าย รวดเร็ว และมีหลากหลายรูปแบบในการนำเสนอ
    การปฏิบัติธรรมที่เกี่ยวกับการเจริญสติภาวนานั้น ในหลักของพระพุทธศาสนามีอยู่ ๔๐ แนวทางด้วยกัน
เรียกกันว่า กรรมฐาน ๔๐ ซึ่งถ้าผิดแผกแตกต่างไปจากนี้ ถือว่าเป็นแนวทางนอกพระพุทธศาสนาที่พระพุทธองค์
ไม่ได้บัญญัติไว้ ซึ่งในสมัยยุคปัจจุบันนี้ ได้มีผู้ค้นคิดวิธีปฏิบัติแบบใหม่ๆเกิดขึ้นมามากมาย และได้มีการเผยแผ่
เปิดสอนเปิดอบรมกัน มีการโฆษณาชักชวนกันอย่างชัดเจน จึงเป็นเรื่องที่ต้องใช้โยนิโสมนสิการคือการพิจารณา
โดยแยบคาย สำหรับการกลั่นกรองข้อมูลหรือแหล่งข่าวในแนวทางการปฏิบัติของแต่ละสำนักให้ละเอียดถี่ถ้วน
เสียก่อน โดยหาเหตุและผล เทียบเคียงกับหลักของพระพุทธศาสนา ว่าจัดอยู่ในกรรมฐานทั้ง ๔๐ กองหรือไม่
เพื่อจะได้ไม่หลงทางและเกิดความงมงายในการประพฤติปฏิบัติธรรม
    กรรมฐานที่จะกล่าวถึงในวันนี้ก็คือ กรรมฐานในหมวดของ อนุสสติ ๑๐ ซึ่งเป็นการเจริญสติตั้งแต่พื้นฐานง่ายๆ
และในขั้นที่สูงขึ้นไป " อนุสสติ " นั้น คือการระลึกถึงเนืองๆหรืออารมณ์ที่ควรระลึกถึงอยู่บ่อยๆ เพื่อให้จิตมีความสงบ
เพลิดเพลินในการระลึกอยู่กับสิ่งเหล่านั้น และในสิ่งที่ระลึกถึงนั้น ต้องเป็นไปโดยชอบ ประกอบด้วยกุศล เป็นมงคลต่อชีวิต
เป็นกุศลจิต คือไม่เป็นภัยต่อชีวิต ไม่เป็นพิษต่อผู้อื่น ไม่ฝ่าฝืนธรรมวินัยและศีลธรรมอันดีงาม
    อนุสสตินั้น มีอยู่ ๑๐ อย่างด้วยกัน คือ
 ๑.พุทธานุสสติ การระลึกถึงพระพุทธเจ้าและพระคุณของพระองค์
 ๒.ธัมมานุสสติ  การระลึกพระธรรมคำสอนของพระพุทธองค์ ที่ทรงตรัสสอนไว้
 ๓.สังฆานุสสติ  การระลึกนึกถึงพระสงฆ์สาวกของพระพุทธองค์  ที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ
 ๔.สีลานุสสติ   การระลึกนึกถึงศีลและอานิสงส์ของศีลที่เราประพฤติปฏิบัติมา
 ๕.จาคานุสสติ  การระลึกนึกถึงบุญกุศลในเรื่องทานการบริจาคที่เราได้ทำมา
 ๖.เทวตานุสสติ การระลึกนึกถึงคุณธรรมที่ทำให้เป็นเทวดาก็คือความละอายและเกรงกลัวต่อบาป ที่เราได้กระทำมาแล้ว
 ๗.มรณานุสสติ การระลึกนึกถึงความตายที่จะเกิดขึ้นในภายหน้า เพื่อให้เราไม่ประมาทในเวลาที่เหลืออยู่
 ๘.กายคตานุสสติ การระลึกนึกถึงร่างกายของเรานี้ เพื่อให้เกิดความรู้ความเข้าใจ และไม่เข้าไปยึดถือในกายนี้จนเกินไป
 ๙.อานาปานุสสติ  การระลึกอยู่กับลมหายใจเข้าออกของเรา เพื่อให้มีสติอยู่กับกาย ไม่ส่งจิตไปวุ่นวายกับสิ่งอื่น
๑๐.อุปสมานุสสติ  การระลึกนึกถึงความสงบ ความดับของทุกข์ คือการระลึกนึกถึงคุณของพระนิพพาน
   การระลึกนึกคิดทั้ง ๑๐ ประการนี้ก็เพื่อให้เกิดความสงบ ยังอยู่ในหมวดของสมถะกรรมฐาน คือความเป็นสมาธิ จิตสงบ
ซึ่งเราสามารถที่จะเริ่มจากการระลึกถึงจากสิ่งที่ง่ายๆไปก่อน เช่นเรื่องทานการบริจาค เรื่องของความดีที่เราได้กระทำมาแล้ว
เรื่องของการที่เราสามารถหักห้ามใจไม่กระทำในสิ่งที่ผิดทั้งหลาย เพื่อเป็นการปรับจิตปรับใจของเราให้มีพื้นฐานแห่งกุศลจิต
คือมีความคิดอยู่กับสิ่งที่ดี เรียกว่าฝึกคิดให้ดี ให้เวลาอยู่กับความคิดที่ดีให้มากขึ้น เพราะความดีและเรื่องดีๆนั้น เมื่อเราระลึกนึกคิด
มันจะทำให้จิตของเราเพลิดเพลิน เพลิดเพลิดอยู่กับสิ่งที่เป็นกุศล ทำให้เกิดความศรัทธาความเชื่อ ปสาทะความเลื่อมใสเพิ่มขึ้น
ใจของเรานั้นก็จะมีความสุขอยู่กับบุญกุศลที่เราได้ทำมา เรียกว่าเป็นการสร้างพื้นฐานแห่งการระลึกนึกคิดเพื่อให้จิตอยู่กับความดี
แล้วจึงฝึกระลึกนึกคิดในขั้นต่อไปที่ละเอียดกว่าเช่นเรื่องกายคตานุสสติ อานาปานุสสติ มรณานุสติ อุปสมานุสติ ซึ่งเป็นการระลึก
ที่ละเอียดยิ่งขึ้น และต้องมีพื้นฐานกำลังของสติและกุศลจิตดีแล้วจึงจะระลึกได้และทรงไว้ได้นานในการระลึกรู้ในสิ่งเหล่านั้น
    สิ่งที่สำคัญของการระลึกรู้ก็คือต้องมีพื้นฐานแห่งกุศลจิตเป็นที่ตั้ง เพื่อให้มีพลังแห่งสติที่เป็นกุศล จึงควรที่จะเริ่มต้นในการฝึก
การระลึกรู้ในสิ่งที่ง่ายๆให้ได้เสียก่อน คือในเรื่องของศีล เรื่องของทาน เพื่อให้มีพื้นฐานของความสงบและความเพลิดเพลินในกุศล
ทุกอย่างต้องเริ่มต้นที่พื้นฐาน แล้วเราค่อยต่อยอดให้สูงยิ่งๆขึ้นไปในสิ่งที่ดีทั้งหลาย
     จึงขอฝากไว้ให้คิด พิจารณา และอย่าได้เชื่อทันที ที่ได้อ่านบทความนี้ จงนำไปทดลอง ใตร่ตรอง ใคร่ครวญ ทบทวน ปฏิบัติดู
แล้วจึงจะเชื่อหรือจะปฏิเสธ ตามเหตุและผลที่ท่่านได้ทดลองฝึกหัดปฏิบัติมา
             เชื่อมั่น-ศรัทธา-ปรารถนาดี-ด้วยไมตรีจิต
                รวี สัจจะ-สมณะไร้นาม-วจีพเนจร
๑๗ กรกฎาคม ๒๕๕๓ เวลา ๐๙.๒๑ น. ณ ศาลาน้อย ริมฝั่งแม่น้ำโขง ชายขอบประเทศไทย


ใช่หวังจะดังเด่น  จึงมาเป็นสมณะ
เพียงหวังจะลดละ  ซึ่งมานะและอัตตา
เร่ร่อนและรอนแรม ไปแต่งแต้มแสวงหา
สัญจรร่อนเร่มา  ผ่านร้อยป่าและภูดอย
ลาภยศและสรรเสริญ  ถ้าหลงเพลินจิตเสื่อมถอย
พาใจให้เลื่อนลอย  จิตเสื่อมถอยคุณธรรม
       ปณิธานในการปฏิบัติธรรม

ออฟไลน์ ~@เสน่ห์เอ็ม@~

  • ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย พระคุณบิดามารดาผู้มีพระคุณ แล ครูบาอาจารย์ผู้เกื้อหนุน สาธุ..
  • เด็กวัด
  • *****
  • กระทู้: 5894
  • เพศ: ชาย
  • ศิษวัดบางพระ
    • ดูรายละเอียด
ตอบ: การเจริญสติภาวนาในหมวด...อนุสสติ ๑๐
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: 17 ก.ค. 2553, 09:59:05 »
กราบมนัสการพระอาจารย์ที่เคารพ  :054:

ขอกราบขอบพระคุณสำหรับความรู้และคำสั่งสอน ศิษย์จะนำไปปฏิบัติตาม  :054:

 :054:   :054:   :054:

ออฟไลน์ nayfertity

  • หลับปุ๋ย
  • สัตตมะ
  • **
  • กระทู้: 315
  • เพศ: หญิง
  • Just-->ปุ๋ย
    • MSN Messenger - nayfertity@hotmail.com
    • ดูรายละเอียด
    • อีเมล
ตอบ: การเจริญสติภาวนาในหมวด...อนุสสติ ๑๐
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: 17 ก.ค. 2553, 10:12:08 »
กราบนมัสการพระอาจารย์
มีข้อเดียวที่หนูทำไม่ค่อยจะได้ คือ
"อานาปานุสสติ  การระลึกอยู่กับลมหายใจเข้าออกของเรา เพื่อให้มีสติอยู่กับกาย ไม่ส่งจิตไปวุ่นวายกับสิ่งอื่น"
เพราะหนูเป็นคนที่ทำอะไรมักจะขาดสติ และความคิดที่รอบคอบ มักจะคิดน้อย ขาดการไตร่ตรอง
จึงส่งผลให้ตนเองต้องเดือดร้อนกับการกระทำโดยไม่คิดอยู่เสมอแต่สิ่งที่หนูทำก็ไม่เคยส่งผลร้ายกับใคร
กราบขอบพระคุณค่ะ

ออฟไลน์ รวี สัจจะ...

  • รองประธาน
  • *****
  • กระทู้: 1137
  • รวี สัจะ-สมณะไร้นาม-วจีพเนจร
    • ดูรายละเอียด
    • รวี สัจจะ สมณะไร้นาม (เคลื่อนไหวดุจสายลม)
ตอบ: การเจริญสติภาวนาในหมวด...อนุสสติ ๑๐
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: 17 ก.ค. 2553, 10:25:27 »
กราบนมัสการพระอาจารย์
มีข้อเดียวที่หนูทำไม่ค่อยจะได้ คือ
"อานาปานุสสติ  การระลึกอยู่กับลมหายใจเข้าออกของเรา เพื่อให้มีสติอยู่กับกาย ไม่ส่งจิตไปวุ่นวายกับสิ่งอื่น"
เพราะหนูเป็นคนที่ทำอะไรมักจะขาดสติ และความคิดที่รอบคอบ มักจะคิดน้อย ขาดการไตร่ตรอง
จึงส่งผลให้ตนเองต้องเดือดร้อนกับการกระทำโดยไม่คิดอยู่เสมอแต่สิ่งที่หนูทำก็ไม่เคยส่งผลร้ายกับใคร
กราบขอบพระคุณค่ะ
       :059: ลมหายใจเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ซึ่งต้องใช้สติที่มีกำลังดีแล้ว
เราจึงจะตามมันได้ทัน และอยู่กับมันได้นานๆ เราจึงต้องกลับมาปรับพื้นฐาน
ในการฝึกคิด ฝึกสติกันใหม่ คือเริ่มจากสิ่งที่ง่ายๆ คือคิดถึงความดีที่เราได้กระทำมาแล้ว
และสิ่งนั้นมันประทับใจเรา เมื่อเราระลึกนึกถึงสิ่งนั้น ใจของเราก็จะเป็นสุข มีความเอิบอิ่ม
ความศรัทธา ความภาคภูมิใจในตัวเองก็จะเพิ่มขึ้น จิตของเราก็จะมีกำลัง พลังแห่งศรัทธา
ในสิ่งที่เป็นบุญเป็นกุศล เมื่อเราทำจิตของเราให้ไปถึงระดับนั้นได้แล้ว จึงค่อยน้อมจิตมา
ตามดูลมหายใจ(อานาปานุสสติ) จะทำให้เราปฏิบัติได้นานขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ และเมื่อจิตมันแว๊ปส่งออก
ไปคิดเรื่องอื่นอีก เราก็ต้องกลับมาเริ่มใหม่ คิดในสิ่งที่่ทำให้ใจสบายมีความสุข แล้วจึงกลับไปภาวนา
ดูลมหายใจใหม่ ทำแบบนี้ไปจนให้มีความชำนาญ การเจริญภาวนาของเราก็จะก้าวหน้าไปเรื่อยๆ

ออฟไลน์ nayfertity

  • หลับปุ๋ย
  • สัตตมะ
  • **
  • กระทู้: 315
  • เพศ: หญิง
  • Just-->ปุ๋ย
    • MSN Messenger - nayfertity@hotmail.com
    • ดูรายละเอียด
    • อีเมล
ตอบ: การเจริญสติภาวนาในหมวด...อนุสสติ ๑๐
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: 17 ก.ค. 2553, 10:35:56 »
กราบนมัสการพระอาจารย์
มีข้อเดียวที่หนูทำไม่ค่อยจะได้ คือ
"อานาปานุสสติ  การระลึกอยู่กับลมหายใจเข้าออกของเรา เพื่อให้มีสติอยู่กับกาย ไม่ส่งจิตไปวุ่นวายกับสิ่งอื่น"
เพราะหนูเป็นคนที่ทำอะไรมักจะขาดสติ และความคิดที่รอบคอบ มักจะคิดน้อย ขาดการไตร่ตรอง
จึงส่งผลให้ตนเองต้องเดือดร้อนกับการกระทำโดยไม่คิดอยู่เสมอแต่สิ่งที่หนูทำก็ไม่เคยส่งผลร้ายกับใคร
กราบขอบพระคุณค่ะ
       :059: ลมหายใจเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ซึ่งต้องใช้สติที่มีกำลังดีแล้ว
เราจึงจะตามมันได้ทัน และอยู่กับมันได้นานๆ เราจึงต้องกลับมาปรับพื้นฐาน
ในการฝึกคิด ฝึกสติกันใหม่ คือเริ่มจากสิ่งที่ง่ายๆ คือคิดถึงความดีที่เราได้กระทำมาแล้ว
และสิ่งนั้นมันประทับใจเรา เมื่อเราระลึกนึกถึงสิ่งนั้น ใจของเราก็จะเป็นสุข มีความเอิบอิ่ม
ความศรัทธา ความภาคภูมิใจในตัวเองก็จะเพิ่มขึ้น จิตของเราก็จะมีกำลัง พลังแห่งศรัทธา
ในสิ่งที่เป็นบุญเป็นกุศล เมื่อเราทำจิตของเราให้ไปถึงระดับนั้นได้แล้ว จึงค่อยน้อมจิตมา
ตามดูลมหายใจ(อานาปานุสสติ) จะทำให้เราปฏิบัติได้นานขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ และเมื่อจิตมันแว๊ปส่งออก
ไปคิดเรื่องอื่นอีก เราก็ต้องกลับมาเริ่มใหม่ คิดในสิ่งที่่ทำให้ใจสบายมีความสุข แล้วจึงกลับไปภาวนา
ดูลมหายใจใหม่ ทำแบบนี้ไปจนให้มีความชำนาญ การเจริญภาวนาของเราก็จะก้าวหน้าไปเรื่อยๆ

กราบขอบพระคุณพระอาจารย์ค่ะ หนูจะระลึกและจำคำสอนของท่านไปปฏิบัติค่ะ

ออฟไลน์ john_4682

  • สัตตมะ
  • **
  • กระทู้: 92
  • เพศ: ชาย
    • ดูรายละเอียด
ตอบ: การเจริญสติภาวนาในหมวด...อนุสสติ ๑๐
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: 17 ก.ค. 2553, 11:21:56 »
กราบขอบพระคุณพระอาจาร์ยครับที่ให้คำแนะนำและความรู้ดีๆ
ปาฏิหารย์เกิดจากศรัทธา ความเจริญก้าวหน้าเกิดจากคุณธรรม

ออฟไลน์ เร้กเก้อีสาน

  • ได้สมบัติทั้งปวง ไม่ประเสริฐเท่าได้ตน เพราะตัวตนเป็นที่เกิดแห่งสมบัติทั้งปวง
  • ฉัฏฐะ
  • *
  • กระทู้: 9
  • เพศ: ชาย
  • ผมรักที่จะนับถือ
    • MSN Messenger - suttisrak@hotmail.com
    • ดูรายละเอียด
    • อีเมล
ตอบ: การเจริญสติภาวนาในหมวด...อนุสสติ ๑๐
« ตอบกลับ #6 เมื่อ: 17 ก.ค. 2553, 11:39:29 »
กราบมนัสการพระอาจารย์ที่เคารพ ขอกราบขอบพระคุณสำหรับความรู้และคำสั่งสอน ศิษย์จะนำไปปฏิบัติตาม  :001:

ออฟไลน์ derbyrock

  • คณะกรรมการ
  • *****
  • กระทู้: 2494
  • เพศ: ชาย
  • สติมา ปัญญาเกิด........ปัญหามา ปํญญามี.......
    • MSN Messenger - derbyrock@hotmail.com
    • ดูรายละเอียด
    • อีเมล
ตอบ: การเจริญสติภาวนาในหมวด...อนุสสติ ๑๐
« ตอบกลับ #7 เมื่อ: 17 ก.ค. 2553, 11:48:51 »
กราบนมัสการพระอาจารย์ครับ กราบขอบพระคุณที่สั่งสอนครับ

ความสุขที่แท้จริงรอคอยคุณอยู่.......เพียงแค่คุณนั่งลงแล้วหลับตา

ออฟไลน์ nsp8428

  • ก็หมวยนี่คะ
  • ฉัฏฐะ
  • *
  • กระทู้: 193
  • เพศ: หญิง
  • ชีวิตก้าวไปข้างหน้า วันเวลาไม่เดินถอยหลัง
    • ดูรายละเอียด
    • www.nsp8428@hotmail.com
    • อีเมล
ตอบ: การเจริญสติภาวนาในหมวด...อนุสสติ ๑๐
« ตอบกลับ #8 เมื่อ: 17 ก.ค. 2553, 09:31:42 »
กราบนมัสการพระอาจารย์ค่ะ 

ขอบพระคุณอย่างสูง สำหรับข้อมูลดีๆเป็นประโยชน์มากค่ะ