ผู้เขียน หัวข้อ: ความสุขหาได้ที่ไหน ?  (อ่าน 1028 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ nsp8428

  • ก็หมวยนี่คะ
  • ฉัฏฐะ
  • *
  • กระทู้: 193
  • เพศ: หญิง
  • ชีวิตก้าวไปข้างหน้า วันเวลาไม่เดินถอยหลัง
    • ดูรายละเอียด
    • www.nsp8428@hotmail.com
    • อีเมล
ความสุขหาได้ที่ไหน ?
« เมื่อ: 04 ต.ค. 2553, 07:41:35 »
          ชีวิตของทุกๆคนที่ผ่านพ้นไปในรอบปีหนึ่งๆ นับว่าเป็นลาภอย่างยิ่ง เมื่อถึงวันเกิดบรรดาผู้ที่นับถือพระพุทธศาสนา
จึงถือเป็นปรารถเหตุทำบุญน้อยหรือมาก เพื่อฉลองอายุที่ผ่านมาและเพื่อความเจริญอายุพร้อมทั้งวรรณ สุข พล ยิ่งขึ้น
ความเจริญอายุ วรรณ สุข พล เป็นพรที่ทุกๆ คนปรารถนา แต่พรเหล่านี้หาได้เกิดขึ้นด้วยลำพังความปรารถนาเท่านั้นไม่
ย่อมเกิดขึ้นจากการทำบุญ ฉะนั้นคนไทยเราส่วนมากจึงยินดีในการทำบุญ และยินดีได้รับพรอนุโมทนาจากพระสงฆ์หรือ
ผู้ใหญ่ และยินดีรับประพรมน้ำพระพุทธมนต์ในที่สุดแห่งการทำบุญถือว่า เป็นสิริมงคล

          พิจารณาดูถึงพฤติกรรมในเรื่องนี้โดยตลอดแล้ว จะเห็นว่าพึงเป็นสิริมงคลจริง เพราะสาระสำคัญของเรื่องนี้ อยู่ที่
ว่าได้ทำบุญแล้วคำอวยพรต่างๆจึงตามมาทีหลังสนับสนุนกันให้จิตใจมีความสุขขึ้ันในปัจจุบันทันที ความสุขอันบริสุทธิ์
นี้แหละคือบุญ 
ดังมีพุทธภาิษิตตรัสไว้แปลความว่า "ท่านทั้งหลายอย่ากลัวต่อบุญเลย คำว่าบุญนี้เป็นชื่อแห่งความสุข"
หมายถึงความสุขที่บริสุทธิ์ คือความสุขอันเกิดจากกรรมที่บริสุทธิ์ ซึ่งก็เรียกว่าบุญเช่นเดียวกัน พระพุทธเจ้าได้ตรัสไว้
แปลความว่า "ผู้ที่ได้ทำบุญไว้ บันเทิงเบิกบานเพราะเห็นความบริสุทธิ์แห่งกรรมของตน ผู้ที่ทำบาปไว้อับเศร้า เห็นเพราะ
ความเศร้าหมองแห่งกรรมของตน"

          อันกรรมที่บริสุทธิ์เกิดจากจิตใจที่บริสุทธิ์ เพราะสงบความโลภ โกรธ หลง ประกอบด้วยธรรมมีเมตตากรุณาเป็นต้น
จะเห็นได้จากจิตใจของผู้ที่ทำการบริจาคในการทำบุญต่างๆ ของผู้ที่รักษาศีล และอบรมจิตใจกับปัญญา ใครๆ ที่เคยทำทาน
รักษาศีล และอบรมจิตกับปัญญาดังกล่าว ย่อมจะทราบได้ว่ามีความสุขอย่างไร

          ตรงกันข้ามกับจิตใจที่เร่าร้อนด้วยกิเลสต่างๆ และแม้จะได้อะไรมาด้วยกิเลสมีความสุขตื่นเต้น ลองคิดดูให้ดีแล้ว
จะเห็นว่าเป็นความสุขจอมปลอม เพราะเป็นความสุขของคนที่หลงไปแล้ว เหมือนความสุขของคนที่ถูกเขาหลอกลวงนำไป
ทำร้่ายด้วยหลอกให้ตายใจและดีใจด้วยเครื่องล่ออย่างใดอย่างหนึ่ง คนที่ตายใจเสียเพราะเหตุนี้คือคนที่ประมาทไปแล้ว
ดังที่พระพุทธเจ้าตรัสว่า "คนประมาทแล้วเหมือนคนตาย" ไม่อาจจะเห็นสัจจะคือความจริงตามธรรมของพระพุทธเจ้า
อาจคัดค้านคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าได้ อย่างที่คิดว่าตนฉลาด ไม่มีอะไรจะช่วยบุคคลประเภทนี้ได้ นอกจากการทำบุญ
เพราะการทำบุญทุกครั้งไปย่ิอมเป็นการฟอกชำระจิตใจให้บริสุทธิ์สะอาดขึ้นทุกที เหมือนอย่างการอาบน้ำชำระร่างกาย
ซึ่งทำให้ร่างกายสะอาดสบาย เมื่อจิตใจมีความสะอาดบริสุทธิ์ขึ้นตามสมควรแล้วจะมองเห็นได้เองว่าความสุขที่บริสุทธิ์
แท้จริงนั้นเกิดจากกรรมที่บริสุทธิ์เท่านั้น
จะได้ปัญญาซาบซึ้งถึงคุณพระทั้งสามว่า "ความเกิดขึ้นของพระพุทธะทั้งหลาย
ได้เกิดสุขจริง ความพร้อมเพรียงของสงฆ์คือหมู่ให้เกิดสุขจริง ความเพียรของหมู่ที่่พร้อมเพรียงกันให้เกิดดฃสุขจริง"

          ผู้ที่มีจิตใจดี กรรมและความสุขที่บริสุทธิ์ดังนี้ ชื่อว่าผู้มีบุญ อันได้ทำแล้วในปัจจุบัน เป็นผู้ที่มีความมั่นคงในตนเอง
อย่างที่ใครๆ หรืออะไรจะทำลายมิได้ และจะเจริญพรคือ อายุ วรรณ สุข พล ยิ่งๆ ด้วยเดชบุญ













     ขอขอบคุณที่มา จากหนังสือชีวิตลขิตได้ พระนิพนธ์สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก