ผู้เขียน หัวข้อ: ยิ่งสูงก็ยิ่งหนาว (เพราะไม่กล้าที่จะลงมาต่ำ)  (อ่าน 4248 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ รวี สัจจะ...

  • รองประธาน
  • *****
  • กระทู้: 1137
  • รวี สัจะ-สมณะไร้นาม-วจีพเนจร
    • ดูรายละเอียด
    • รวี สัจจะ สมณะไร้นาม (เคลื่อนไหวดุจสายลม)
กุฏิทรงไทยชายน้ำ วัดบางพระ นครชัยศรี
   ๑๘ มีนาคม ๒๕๕๔
                        ช่วงนี้อากาศเปลี่ยนแปลง ลมแรงอากาศหนาว บนภูเขายิ่งหนาวหนัก นั่งทบทวนธรรม
ท่ามกลางกระแสลมหนาว ถึงเรื่องราวที่ได้พบเห็น นำมาเขียนเป็นบทความธรรมะเพื่อให้เข้ากับบรรรยากาศ
"ยิ่งสูงก็ยิ่งหนาว " คือเรื่องราวและมุมมองที่เราต้องศึกษา เป็นสุภาษิตโบราณที่เปรียบเปรยถึงผู้คนที่มียศ
มีตำแหน่งที่สูง ซึ่งจะพบกับความโดดเดี่ยว ความหวาดระแวง ความเหงาลึกๆ ความรู้สึกที่อ้างว้าง ท่ามกลาง
ผู้คนที่มากมาย แต่คล้ายเหมือนกับอยู่คนเดียว เพราะว่าเขาเหล่านั้น ไม่กล้าที่จะลงมาต่ำ ทำตัวสบายๆ
เพราะการที่เข้าไปยึดติดกับกระแสแห่งโลกธรรม มันก็เลยทำให้ "ยิ่งสูงก็ยิ่งหนาว "
                       กระแสโลกแบบโลกๆ คือการแก่งแย่งแข่งขัน ดิ้นรนแสวงหา เพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งที่ตนเอง
นั้นต้องการที่จะให้มีและให้เป็น ในเรื่องของ ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข และความปรารถนาที่ไม่อยากจะพบกับ
ความเสื่อม ลาภ เสื่อมยศ คำนินทา ทุกข์ ปรารถนาในโลกียสุขทั้งหลาย จึงต้องดิ้นรนขวนขวาย แก่งแย่ง
แสวงหาเพื่อสนองตอบความต้องการของตัวเขาเองและพยายยามที่จะหนีจากสิ่งที่ไม่ปรารถนาให้มี ให้เป็น
ทั้งหลาย คือการไม่ยอมรับซึ่งความจริงของโลกธรรมทั้งหลาย
                    กระแสทางแห่งธรรม คือเส้นทางที่เดินไปสู่การละวางไม่ยึดติดและไม่ยึดถือในโลกธรรมทั้ง ๘
แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธซึ่งโลกธรรมอันเป็นกระแสแห่งโลก เพราะธรรมนั้นอยู่คู่กับโลกและโลกก็ต้องอยู่คู่กับธรรม
การอยู่เหนือกระแสแห่งโลกนั้น ก็คือการที่ไม่เข้าไปยึดติดและยึดถือในโลกธรรมทั้งหลาย พึงพอใจในสิ่งที่มี
ในสิ่งที่เป็นและสิ่งที่ควรจะได้ ได้มาก็ไม่ลิงโลดดีใจจนเกินเหตุ ไม่ได้ก็ไม่เสียใจจนฟูมฟาย ทำหน้าที่ของตน
ตามบทบาทและหน้าที่ สถานะภาพของตนเอง ทุกสิ่งอย่างนั้น ถ้าเราไม่เข้าไปยึดถือ ใจของเราก็จะไม่เป็นทุกข์
เพราะโลกธรรม ๘ นั้นเป็นเรื่องกรรมและวิบากแห่งกรรม ยอมรับความจริงในสิ่งที่เกิดขึ้น สร้างกรรมดีในปัจจุบัน
เพื่อให้เป็นเหตุและปัจจัยที่จะส่งผลต่อไปในอนาคต กำหนดรู้อยู่กับปัจจุบันธรรม
                    จากสำนวนสุภาษิตที่ว่า " ยิ่งสูงก็ยิ่งหนาว " เกิดขึ้นก็เพราะการที่ไม่กล้าจะลงต่ำ คือทิฏฐิมานะ
อัตตา ที่เรียกว่า " ศักดิ์ศรี " มันค้ำไว้ เพราะการที่เข้าไปยึดถือในยศ ในตำแหน่ง ซึ่งมันเป็นเพียงสมมุติบัญญัติ
เป็นเพียงหัวโขนที่เขาเอามาสวมใส่ให้ ซึ่งไม่นานก็ย่ิ่อมมีการเปลี่ยนแปลง ไปตามกฏคือเกิดขึ้น ตั้งอยู่และดับไป
คลื่นลูกใหม่ย่อมมาแทนคลื่นลูกเก่า เป็นไปตามกฏพระไตรลักษณ์ คือความเป็น อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
                    สิ่งที่ทำให้หนาวนั้น มันไม่ใช่ความสูงของตำแหน่งหน้าที่และชื่อเสียง แต่เป็นความยึดถือแห่งตัวตน
อันเกิดจากมานะทิฏฐิและอัตตา การประเมินค่าตนเองสูงเกินไป หลงในหัวโขนที่เขาเอามาสวมใส่ให้ ยึดถือว่าเป็น
ของจริง เป็นชีวิตจริง  มองผู้อื่นต่ำไป เรียกง่ายๆก็คือการหลงตนเอง มันจึงต้องบกับความเหงา ความโดดเดี่ยว
เต็มไปด้วยความหวาดระแวง เพราะการที่ไม่ยอมลดละซึ่งมานะและอัตตา ไม่กล้าที่จะกลับคืนสู่สามัญ มันจึงทำให้
ู้สึกว่า " ยิ่งสูงก็ยิ่งหนาว "...ที่สุดของกระบวนท่า ก็คือการไร้กระบวนท่า
                              ...ที่สุดของกระบี่ ก็คือการไร้ซึ่งกระบี่ เพราะกระบี่อยู่ที่ใจ
                              ...สูงสุดย่อมคืนสู่สามัญ นั้นคือ จอมยุทธที่แท้จริง...
                                      ด้วยความปรารถนาดีและไมตรีจิต
                                         รวี สัจจะ- สมณะไร้นาม
๑๘ มีนาคม ๒๕๕๔ เวลา ๑๖.๐๐ น. ณ กุฏิทรงไทยชายน้ำ วัดบางพระ นครชัยศรี
ใช่หวังจะดังเด่น  จึงมาเป็นสมณะ
เพียงหวังจะลดละ  ซึ่งมานะและอัตตา
เร่ร่อนและรอนแรม ไปแต่งแต้มแสวงหา
สัญจรร่อนเร่มา  ผ่านร้อยป่าและภูดอย
ลาภยศและสรรเสริญ  ถ้าหลงเพลินจิตเสื่อมถอย
พาใจให้เลื่อนลอย  จิตเสื่อมถอยคุณธรรม
       ปณิธานในการปฏิบัติธรรม

ออฟไลน์ derbyrock

  • คณะกรรมการ
  • *****
  • กระทู้: 2494
  • เพศ: ชาย
  • สติมา ปัญญาเกิด........ปัญหามา ปํญญามี.......
    • MSN Messenger - derbyrock@hotmail.com
    • ดูรายละเอียด
    • อีเมล
...ที่สุดของกระบวนท่า ก็คือการไร้กระบวนท่า
...ที่สุดของกระบี่ ก็คือการไร้ซึ่งกระบี่ เพราะกระบี่อยู่ที่ใจ
...สูงสุดย่อมคืนสู่สามัญ นั้นคือ จอมยุทธที่แท้จริง...

กราบนมัสการพระอาจารย์ครับ แนวทางที่พระอาจารย์สอนสั่ง ทำให้โลกและธรรมปรับเข้าหากันได้ง่ายขึ้นน่ะครับ

ความสุขที่แท้จริงรอคอยคุณอยู่.......เพียงแค่คุณนั่งลงแล้วหลับตา

ออฟไลน์ ทรงกลด

  • ผู้อาวุโส
  • *****
  • กระทู้: 2199
  • เพศ: ชาย
  • ศิษย์หลวงโด่ง.....
    • ดูรายละเอียด
กราบนมัสการพระอาจารย์ครับ
ขออนุญาตขยายความ
----------
โลกธรรม 8

บอร์ดธรรมะวัดประยุรวงศาวาส

 
"โลกธรรม 8 หมายถึง เรื่องของโลกซึ่งมีอยู่ประจำกับชีวิต สังคมและโลกของมนุษย์ เป็นความจริงที่ทุกคนต้องประสบด้วยกันทั้งนั้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ไม่ว่าจะชอบหรือไม่ชอบก็ตาม อยู่ที่ว่า ใครจะประสบมาก หรือประสบน้อยช้าหรือเร็วกว่ากัน

โลกธรรม แบ่งออกเป็น 8 ชนิด จำแนกออกเป็น 2 ฝ่ายควบคู่กัน ซึ่งมีความหมายตรงข้ามกัน คือ ฝ่ายอิฏฐารมณ์ อารมณ์ที่น่าปรารถนาและฝ่ายอนิฏฐารมณ์ อารมณ์ที่ไม่น่าปรารถนา ดังนี้

โลกธรรมฝ่ายอิฏฐารมณ์ คือ ฝ่ายที่มนุษย์พอใจมี 4 เรื่อง คือ

1. ได้ลาภ หมายความว่า ได้ผลประโยชน์ ได้ทรัพย์สินเงินทอง ได้บ้านเรือนหรือที่สวน ไร่นา

2. ได้ยศ หมายความว่า ได้รับแต่งตั้งให้มีฐานันดรสูงขึ้น ได้ตำแหน่ง ได้อำนาจเป็นใหญ่เป็นโต

3. ได้รับสรรเสริญ คือ ได้ยิน ได้ฟัง คำสรรเสริญคำชมเชย คำยกยอ

4. ได้สุข คือ ได้ความสบายกาย สบายใจ ได้ความเบิกบาน ร่าเริง ได้ความบันเทิงใจ

โลกธรรมฝ่ายอนิฏฐารมณ์ คือ ฝ่ายที่มนุษย์ไม่พอใจมี 4 เรื่อง คือ

1. เสียลาภ หมายความว่า ลาภที่ได้มาแล้วเสียไป

2. เสื่อมยศ หมายถึง ถูกลดความเป็นใหญ่ ถูกถอดออกจากตำแหน่ง ถูกถอดอำนาจ

3. ถูกนินทา หมายถึง ถูกตำหนิติเตียนว่าไม่ดี ถูกผู้อื่นพูดถึง ความไม่ดีของเราในที่ลับหลังเรียกว่าถูกนินทา

4. ตกทุกข์ คือ ได้รับความทุกข์ทรมานกายทรมานใจ

ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้ ไม่มีอะไรเที่ยง ไม่มีอะไรแน่นอน ไม่มีอะไรเป็นตัวของเราเอง ไม่มีใครในโลกนี้จะพบแต่ความสมหวังตลอดชีวิต จะต้องพบกับคำว่าผิดหวังบ้าง

ผู้มีปัญญาได้รับการศึกษาอบรมมาอย่างดีแล้ว พึงทำใจเอาไว้กลางๆ ว่า มีคนนินทา ก็ต้องมีคนสรรเสริญ มีสุขก็ต้องมีทุกข์ มีลาภย่อมเสื่อมลาภ มียศก็ย่อมเสื่อมยศ หากเราหวังอะไรเกินเหตุ เมื่อเวลาเราผิดหวัง ไม่สมหวัง ให้ทำใจไว้ว่านั่นคือโลกธรรมทั้ง 8 คือ มีได้ก็ต้องเสื่อมได้ เป็นของธรรมดาในโลกนี้ ไม่ว่าสัตว์หรือบุคคลใด ก็ย่อมหนีสิ่งเหล่านี้ไปไม่พ้น เมื่อเกิดมาเป็นมนุษย์ ก็ย่อมหนีสิ่งเหล่านี้ไปไม่พ้นอย่างแน่นอน เพราะเมื่อไม่สมปรารถนาที่ตัวเองคิดไว้ จะได้ไม่ต้องมานั่งเสียอกเสียใจ รำพึงรำพันกับตัวเองถึงความไม่สมหวัง จะได้ไม่ต้องเป็นทุกข์มาก

เพราะฉะนั้น จงใช้สติปัญญาหมั่นพิจารณาอยู่เนืองๆ ว่า สิ่งใดมีเกิดขึ้น ก็ต้องมีเสื่อมไปเป็นของธรรมดา เหมือนโลกธรรมทั้ง 8 ประการ เราเกิดมาเป็นมนุษย์ ทุกคนจะต้องตกอยู่ในโลกธรรม 8 กันถ้วนหน้า จะได้ไม่ต้องเศร้าโศกเสียใจเป็นทุกข์ สามารถดำรงชีวิตอยู่ในโลกนี้อย่างเป็นสุข"
http://www.oknation.net/blog/mettapc/2009/07/11/entry-1
เว ทา สา กุ กุ สา ทา เว....ทา ยะ สา ตะ ตะ สา ยะ ทา...สา สา ทิ กุ กุ ทิ สา สา...กุ ตะ กุ ภู ภู กุ ตะ กุ