หัวใจพ่อ-น้ำใจแม่
สมัยหนึ่ง แคว้นอัลลกัปปะเกิดขาดแคลนอาหารอย่างรุนแรง ชายผู้หนึ่งชื่อ โกตุหลิก (โก ตุ หะ ลิก) เห็นว่าไม่อาจครองชีพโดยผาสุกในแคว้นนั้นได้ จึงพาภรรยาชื่อกาลีและบุตรน้อยคนหนึ่ง มุ่งหน้าไปเมืองโกสัมพี มีเสบียงอาหารติดมือเพียงเล็กน้อย
เดินทางด้วยเท้าอยู่หลายวัน เสบียงที่ติดตัวหมดลง ระยะทางก็ยังอีกไกล สองสามีภรรยาผลัดเปลี่ยนกันอุ้มลูกน้อยได้รับความเดือดร้อนแสนสาหัส โกตุหลิกผู้สามีจึงขอให้ทิ้งบุตรเสีย อ้างว่า เมื่อเขาทั้งสองยังมีชีวิตอยู่ย่อมสามารถมีบุตรได้อีก แต่กาลีผู้เป็นภรรยาไม่ยอมให้ทำเช่นนั้น
ในคราวที่มารดาเป็นผู้อุ้ม เธอจะประคองบุตรอย่างทะนุถนอมเสมือนประคองพวกดอกไม้ ฝ่ายสามีเมื่อถึงคราวอุ้มก็อุ้มไปอย่านั้นเอง พอทราบว่าลูกหลับ จึงออกอุบายให้ภรรยาเดินนำหน้าไปก่อน ตนเองเข้าไปใกล้พุ่มไม้แห่งหนึ่ง แล้วทิ้งลูกไว้ที่พุ่มไม้นั้นแล้วเดินตามภรรยาไป
นางกาลีเหลียวหลังกลับมาไม่เห็นลูกถามทราบความแล้ว นางก็คร่ำครวญขอร้องให้สามีกลับไปนำลูกมา แต่ปรากฎว่าบุตรของเขาสิ้นใจ ในขณะที่เขากำลังอุ้มกลับมานั่นเอง
นายโคบาลผู้อารี
สองสามีภรรยาเดินทางต่อไปจนมาถึงบ้านนายโคบาล วันนั้นที่บ้านนายโคบาลมีงานมงคล และที่เรือนของนายโคบาลนั้น มีพระปัจเจกพุทธเจ้ารูปหนึ่งมาฉันอาหารอยู่เป็นประจำ
วันนั้น นายโคบาลได้จัดแจงข้าวปายาสไว้เป็นพิเศษ สำหรับถวายพระปัจเจกพุทธเจ้าและเพื่องานมงคล ขณะนั้นเขาเห็นสองสามีภรรยาเดินมามีร่างกายซูบผอม อิดโรย ถามดูทราบความแล้วก็เกิดเมตตา จึงเลี้ยงดูด้วยข้าวปายาส (เข้าที่ปรุงด้วยน้ำนมสด) เป็นอันมาก
เนื่องจากอดอาหารมาถึง ๗-๘ วัน นายโกตุหลิกจึงบริโภคมากจนเกิดประมาณ ฝ่ายนายโคบาลเมื่อเลี้ยงดูสองสามีภรรยาเสร็จแล้ว จึงเริ่มบริโภคเองบ้าง โกตุหลิกนั่งดูเห็นเขาเอาข้าวปายาสให้นางสุนัขนอนอยู่ใต้ตั่ง คิดอยู่ในใจว่า นางสุนัขตัวนี้ มีบุญจริงหนอได้กินอาหารอย่างดีอย่างนี้ทุกวันๆ
คืนนั้นเอง อาหารจำนวนมากที่นายโกตุหลิกกินเข้าไปไม่อาจจะย่อยได้ เขาถึงแก่ความตายในคืนนั้น และบังเกิดในท้องนางสุนัขนั่นเอง
ที่มา
http://www.watsamma.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=252056