ผู้เขียน หัวข้อ: คุณค่าของวันเวลาที่ผ่านไป ๗ สค. ๕๔ ...  (อ่าน 1044 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ รวี สัจจะ...

  • รองประธาน
  • *****
  • กระทู้: 1137
  • รวี สัจะ-สมณะไร้นาม-วจีพเนจร
    • ดูรายละเอียด
    • รวี สัจจะ สมณะไร้นาม (เคลื่อนไหวดุจสายลม)
คุณค่าของวันเวลาที่ผ่านไป ๗ สค. ๕๔ ...
ตถตาอาศรม เขาเรดาร์ บ้านบึง ชลบุรี
จันทร์ที่ ๘ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๔
            วันเวลาของชีวิตที่ผ่านไป ใช้ชีวิตตามปกติวิสัยที่เคยเป็นมา เหมือนกับว่าไม่ได้ทำอะไร
ภายนอกนั้นเลคื่อนไหวไปตามปกติ พบปะพูดคุยสนทนา แลกเปลี่ยนกับผู้มาเยี่ยมเยือนทั้งหลาย
เมื่อเขาลากลับไปทุกอย่างก็คืนสู่ความเป็นปกติ เพราะการปฏิบัตินั้นเป็นการทำที่จิต ไม่ใช่ที่กาย
มีสติและสัมปชัญญะ ระลึกรู้อยู่ภายใน มีความรู้ตัวทั่วพร้อม ในสิ่งที่คิดและกิจที่กำลังกระทำ
ไม่ใช่การสร้างรูปแบบภายนอกขึ้นมา เพื่อให้ผู้อื่นรู้ว่าเราเป็นผู้ปฏิบัติธรรม มันไม่ใช่การแสดง
ออกทางกาย แต่เป้าหมายของการปฏิบัติธรรมนันคือการพัฒนาที่จิต เปลี่ยนแปลงความคิด
พัฒนาจิตให้มีคุณธรรม น้อมนำจิตนั้นเข้าสู่ความเป็นกุศล ฝึกฝนจนให้เกิดความชำนาญ
ในกระบวนการแห่งความคิดจิตสำนึกทั้งหลาย ด้วยการมีสติและสัมปชัญญะที่เป็นกุศล
ควบคุณตน ในสิ่งที่กำลังคิดและกิจที่กำลังทำ ไม่ให้อกุศลกรรมเกิดขึ้นมาได้ในขณะนั้น.....
               ใช้เวลาทบทวนแนวทางการปฏิบัติในมหาสติปัฏฐานสูตร  พิจารณาสภาวะธรรมในแต่ละฐาน
ทำความรู้ความเข้าใจในการพิจารณาในกาย เวทนา จิต ธรรม กำหนดรู้การเกิดขึ้น  ตั้งอยู่ และการดับไป
ทั้งภายนอกและภายใน คือที่เกิดขึ้นทางกายและทางจืต มีสติและสัมปชัญญะควบคู่เสมอกันอยู่ทุกขณะ
เพราะว่าถ้าไปเน้นสติแต่เพียงอย่างเดียวนั้น มันจะนำจิตไปสู่สภาวะธรรมของสมถะกรรมฐาน คือความนิ่งสงบ
มหาสติปัฏฐานนั้นเป็นการปฏิบัติของวิปัสสนากรรมฐาน จึงต้องมีความรู้ตัวทั่วพร้อม คือต้องมีสัมปชัญญะประกอบ
คอยควบคุมจิต มีสมาธิอยู่ในระดับขณิกสมาธิไม่ปล่อยให้ลงลึกจนเกินไปในองค์ฌาน เพราะจะทำให้การพิจารณา
นั้นมันขาดหายไป จิตจะติดอยู่ในความสงบ สภาวะธรรมของสมถะนั้นเป็นไปในองค์แห่งฌานทั้ง ๔ มีสมาธิควบคุมอยู่
จึงรู้เฉพาะที่สิ่งเพ่ง  สิ่งที่พิจารณา แต่วิปัสสนานั้นมันจะเห็นการเกิดดับของสรรพสิ่ง คือก่อนที่จะเกิดขึ้น ขณะเกิดขึ้น
สภาวะที่ตั้งอยู่ และเหตุที่ทำให้ดับไป คือรู้นอก รู้ใน รู้กาย รู้จิต รู้ความคิด รู้การกระทำ มีความรู้ตัวทั่วพร้อมกับกายและจิต
มันเป็นการตามดู ตามรู้ ตามเห็น มันไม่ตื่นเต้นเหมือนการเจริญสมถะกรรมฐาน ที่มี วิตก วิจาร ปิติ สุข และเอตคตารมณ์
จึงเป็นเรื่องยากสำหรับผู้ที่เคยปฏิบัติสมถะกรรมฐานมาก่อน ในการที่จะยกจิตขึ้นสู่วิปัสสนา เพราะส่วนใหญ่จะติดอยู่ในอารมณ์ของสมถะ พึงพอใจในความสงบนิ่งของอารมณ์สมาธิ ไม่อยากจะคิด ไม่อยากจะพิจารณา เหมือนที่เคยกล่าวไว้ในเรื่องการปฏิบัติที่ ว่า " ทำสิ่งที่ไม่มีให้มีขึ้น  รักษาสิ่งที่มีนั้นไม่ให้เสื่อมหาย ทำสิ่งที่มีนั้นให้เหมือนกับไม่มี " นี้คือขบวนการทางจิตแห่งการปฏิบัติ " สูงสุดคืนสู่สามัญ " เพราะการเจริญวิปัสสนานั้นดูจากภายนอกแล้ว เหมือนกับไม่ได้ทำอะไรเลย เพราะเป็นการกระทำที่จิต....มันไม่มีรูปแบบภายนอกที่ตายตัว ว่าต้องมีท่าทางอย่างนั้น ท่าทางอย่างนี้ จึงจะเป็นการปฏิบัติวิปัสสนา มันอยู่ที่จิตคือการมีสติและสัมปชัญญะ ควบคุมการจิต ควบคุมความคิดและการกระทำ มันเป็นการทำภายใน รู้ได้เฉพาะตนเท่านั้นเอง ว่าเรากำลังทำอะไรอยู่กำลังคิดอะไรอยู่ และสิ่งที่คิดและที่ทำนั้นเรามีเจตนาอย่างไร เป็นไปโดยชอบประกอบด้วยกุศลหรือไม่ " ไม่มีใครรู้ซึ้ง เท่าหนึ่งจิต "ในสิ่งที่กำลังคิดและกำลังกระทำเท่าตัวของเราเอง
 ถ้าเรามีสติและสัมปชัญญะที่สมบูรณ์อยู่ทุกขณะจิต ทุกเวลาของชีวิตที่ผ่านไป นั้นคือการได้ปฏิบัติเข้าหากุศลธรรม
น้อมนำชีวิตไปสู่ทิศทางที่ดี จึงเป็นสิ่งที่ควรคิดและกิจที่ควรทำ......
                เชื่อมั่น-ศรัทธา-ปรารถนาดี-ด้วยไมตรีจิต
                     รวี สัจจะ-สมณะไร้นาม-วจีพเนจร
๘ สิงหาคม ๒๕๕๔ เวลา ๐๘.๓๐ น. ณ ตถตาอาศรม บ้านบึง ชลบุรี
ใช่หวังจะดังเด่น  จึงมาเป็นสมณะ
เพียงหวังจะลดละ  ซึ่งมานะและอัตตา
เร่ร่อนและรอนแรม ไปแต่งแต้มแสวงหา
สัญจรร่อนเร่มา  ผ่านร้อยป่าและภูดอย
ลาภยศและสรรเสริญ  ถ้าหลงเพลินจิตเสื่อมถอย
พาใจให้เลื่อนลอย  จิตเสื่อมถอยคุณธรรม
       ปณิธานในการปฏิบัติธรรม

ออฟไลน์ berm

  • สิ่งที่ควรทำคือความดี..สิ่งที่ควรมีคือคุณธรรม..สิ่งที่ควรจำคือ...บุญคุณ
  • อัฏฐมะ
  • ***
  • กระทู้: 1008
  • เพศ: ชาย
  • อยู่คนเดียวระวังความคิด อยู่กับมิตรระวังวาจา
    • ดูรายละเอียด
    • อีเมล
ตอบ: คุณค่าของวันเวลาที่ผ่านไป ๗ สค. ๕๔ ...
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: 08 ส.ค. 2554, 08:45:39 »
กราบนมัสการพระอาจารย์
ทุกคนย่อมมีปัญหาของตัวเองเกิดขึ้นตลอดเวลา  อยู่ที่ใครเลือกที่จะเดินหนีปัญหา...หรือเลือกที่จะแก้ไขปัญหา

ออฟไลน์ boomee

  • สัตตมะ
  • **
  • กระทู้: 339
  • เพศ: ชาย
    • ดูรายละเอียด
    • อีเมล
ตอบ: คุณค่าของวันเวลาที่ผ่านไป ๗ สค. ๕๔ ...
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: 08 ส.ค. 2554, 11:22:50 »
กราบนมัสการครับพระอาจารย์ :054: :054:
หากตัวท่านไรซึ่งความหวัง  กายท่านจะคงอยู่เพื่อสิ่งใด

ออฟไลน์ derbyrock

  • คณะกรรมการ
  • *****
  • กระทู้: 2494
  • เพศ: ชาย
  • สติมา ปัญญาเกิด........ปัญหามา ปํญญามี.......
    • MSN Messenger - derbyrock@hotmail.com
    • ดูรายละเอียด
    • อีเมล
ตอบ: คุณค่าของวันเวลาที่ผ่านไป ๗ สค. ๕๔ ...
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: 08 ส.ค. 2554, 10:59:19 »
เพราะการปฏิบัตินั้นเป็นการทำที่จิต ไม่ใช่ที่กายมีสติและสัมปชัญญะ ระลึกรู้อยู่ภายใน มีความรู้ตัวทั่วพร้อม ในสิ่งที่คิดและกิจที่กำลังกระทำ ไม่ใช่การสร้างรูปแบบภายนอกขึ้นมา เพื่อให้ผู้อื่นรู้ว่าเราเป็นผู้ปฏิบัติธรรม มันไม่ใช่การแสดงออกทางกาย
กราบนมัสการพระอาจารย์ครับ คนส่วนใหญ่ที่พบเจอก็ยังยึดมั่นในรูปแบบภายนอก เช่นการปฎิบัติธรรมนั้นค้องนุ่งขาวห่มขาวและต้องทำที่วัดหรือสถานปฎิบัติธรรมเท่านั้น ฉะนั้นพวกเขาเหล่านั้นก็จะปฎิบัติธรรมกันปีละ3วันหรือ7วัน น่าเสียดายที่เขาไม่นำมาใช้ในชีวิตประจำวัน ยังจำคำสอนของพระอาจารย์ที่เคยสอนผมไว้ให้ปฎิบัติที่ใจ ภายนอกให้เหมือนเดิมแต่เปลี่ยนภายในให้หมด เป็นคำสอนที่ทำให้ผมผสานโลกเข้าหาธรรม มีชีวิตอยู่ในโลกใบเดิมแต่มีธรรมนำทาง แม้มีใครหลายคนไม่เข้าใจและคิดว่าการสนใจในธรรมของผมเป็นเรื่องเสแสร้งเพราะภายนอกผมไม่เปลี่ยนแปลงไม่นุ่งขาวห่มขาวไม่พูดช้าตามรูปแบบที่ควรจะเป็น แต่ผมก็ไม่โต้ตอบอะไรเพราะผมรู้ว่าผมเป็นอย่างไรครับ

ความสุขที่แท้จริงรอคอยคุณอยู่.......เพียงแค่คุณนั่งลงแล้วหลับตา