ผู้เขียน หัวข้อ: พบผีกลางวัน....พระอาจารย์จำเนียร  (อ่าน 17032 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ ทรงกลด

  • ผู้อาวุโส
  • *****
  • กระทู้: 2199
  • เพศ: ชาย
  • ศิษย์หลวงโด่ง.....
    • ดูรายละเอียด
พบผีกลางวัน


 ขณะที่อยู่ วัดสุคนธาวาส ช่วงออกพรรษาแล้ว อาตมาได้เดินธุดงค์ทุกปี ไปไหนระหว่างออกพรรษาเงินก็ไม่เอา ไปไหนก็เดินหรือจะมีญาติโยมช่วยจ่ายค่ารถให้เป็นตอน ๆ บางครั้งมีพระติดตามช่วยจ่ายค่ารถให้ บางแห่งได้มีลูกศิษย์รับส่งให้เป็นช่วง ๆ บ้าง
 ตอนนั้นอาตมาไม่จับเงิน เพิ่งมาจับเงินที่วัดถ้ำเสือนี่เอง เพราะเป็นประธานสงฆ์ ต้องรับผิดชอบมากมายในกิจที่ต้องใช้เงิน



 อาตมาได้ออกเดินธุดงค์ทุกปี บางปีก็ได้เจอเสือเจอช้าง บางปีไปถึงเชียงราย เชียงของ ไปเพื่อศึกษาหาความรู้ต่าง ๆ จากผู้รู้ไปอยู่วัดนั้นคืนหนึ่ง วัดนี้คืนหนึ่ง แล้วเดินธุดงค์ต่อไป
 ครั้งหนึ่งอาตมาเจอพระภิกษุแก่องค์หนึ่งเดินป่ามานาน ชำนาญในเส้นทางเขมร ลาว และพม่า
 อาตมาได้ถามหลวงพ่อว่า
 “ท่านจะไปทางไหน”
 หลวงพ่อท่านท่านก็บอกว่า
 “ผมจะไปทางพม่า”
 อาตมาก็ขอร่วมเดินธุดงค์ไปด้วย จนกระทั่งจะเข้าพม่ากับท่าน ๆ ก็บอกว่า
 “อย่าโกนคิ้วนะ อยู่เป็นพระพม่าไปเลยแล้วเที่ยวได้หมด เพราะพระทางการก็ไม่เกี่ยวด้วยไม่ต้องทำพาสปอร์ตเดินทางอะไรเขาไม่เกี่ยว ขอให้ท่านอย่าโกนคิ้ว”
 ทั้งนี้วันหนึ่งพอฉันเช้าเสร็จก็เดินทางต่อ ท่านก็พูดว่า
 “ระหว่างเชียงของ เขตเชียงรายต่อแดนพม่า แถวนี้มีพวกผีกะเหรี่ยงอยู่ คุณอยากเห็นไหม
 ผีกระเหรี่ยงมันจะเดินนำหน้า ช่วงตอนเย็นพระอาทิตย์กำลังจะตก ผีพวกนี้จะเดินนำหน้าทันที คุณอย่าทัก อย่าพูดนะ แต่ดูได้ ถ้าพูดด้วยจะหายทันที”
 อาตมาก็เดินตามหลังท่านไป ก็คุยเรื่องอื่นบ้าง อะไรบ้าง แล้วท่านก็ชีให้อาตมาดู บอกว่า
 “เห็นหรือยังล่ะ”
 อาตมาบอกว่า
 “เห็นแล้ว”
 “แต่งตัวเหมือนพวกกะเหรี่ยงน่ะเต็มยศเลย ตานี้ไม่ปิด ลืมตาไปตลอดไม่กะพริบ เดินหันหลังให้ เราเดินไล่ไปเลย ไล่ไปให้ทัน”
 พอผีกระเหรี่ยงเดินออกข้างทางก็หายแวบไปเลย ไปไหนก็ไม่รู้ มองหาก็ไม่เห็น ก็เลยถามหลวงพ่อไปว่า
 “หลวงพ่อครับ มันหายไปไหนหาไม่เจอ”
 หลวงพ่อก็บอกว่า
 “เห็นเหมือนกันว่ามันเดินออกข้างทาง แล้วหายไปทันทีเลย”

http://www.oknation.net/blog/My-fais/2009/12/10/entry-46
เว ทา สา กุ กุ สา ทา เว....ทา ยะ สา ตะ ตะ สา ยะ ทา...สา สา ทิ กุ กุ ทิ สา สา...กุ ตะ กุ ภู ภู กุ ตะ กุ

ออฟไลน์ ทรงกลด

  • ผู้อาวุโส
  • *****
  • กระทู้: 2199
  • เพศ: ชาย
  • ศิษย์หลวงโด่ง.....
    • ดูรายละเอียด
ตอบ: พบผีกลางวัน....พระอาจารย์จำเนียร
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: 04 พ.ย. 2554, 04:18:42 »
พบผีกลางวัน 2/3
พระอาจารย์จำเนียร วัดถ้ำเสือ กระบี่

 แล้วหลวงพ่อก็พูดต่ออีกว่า
 “อยากเห็นอีกไหม ต้องค้างคืนที่นี่ หรือย้อนหลังไปก็ได้ แล้ววันพรุ่งนี้ออกเดินทางก็จะเจออีก (ผีกระเหรี่ยงตนนี้เป็นผู้หญิงอายุประมาณ ๓๐ ปี วิธีดูว่าคนนี้เป็นผีหรือคน เป็นอมนุษย์หรือไม่ให้ดูตา ถ้าเป็นมนุษย์ต้องกะพริบตา แต่ถ้าเป็นวิญญาณเขาจะไม่กะพริบตา ถ้าแปลงกายมาเป็นมนุษย์ตาจะสีแดงกว่าตามนุษย์ ถ้าเป็นพญานาคแปลงกายเป็นมนุษย์ ตาจะมีสีฟ้า ถ้าเป็นเทวดาแปลงกาย ตาเหมือนมนุษย์ แต่ทุกประเภทถ้าเป็นวิญญาณแล้วจะไม่กะพริบตา อีกประการหนึ่งคือเท้าจะไม่ติดพื้นจะลอยอยู่สูงจากพื้นนิดหนึ่ง)
 อาตมาก็บอกท่านว่า
 “เย็นมากแล้วหลวงพ่อ ไปพม่ากันดีกว่า”
 ตกลงเดินทางกันต่อ ระยะทางก็ห่างจากหมู่บ้านกะเหรี่ยงมากแล้ว จวนจะมืดพอดี ก็เลยหาที่ปักกลดกัน
 หลวงพ่อท่านว่า
 “จะปักกลดตรงนี้ล่ะ”
 อาตมาก็ว่า
 “จะปักตรงนี้หรือ มันมีรอยช้างนี่แล้วรอยเท้าช้างก็มีขนาดใหญ่ ช้างคงตัวใหญ่มาก
 หลวงพ่อครับ พ่อผมเป็นพระธุดงค์มาก่อน ท่านบอกว่าเวลาปักกลดอย่าไปปักที่ทางช้างเดิน ทางลม พัดแรง”
 หลวงพ่อก็ว่า
 “...ผมเดินป่ามานานมากกว่าคุณ ราว ๆ ๕๐ ปีได้แล้ว ดูซิว่า มีแมลงมุมชักใยที่รอยช้างแล้ว ช้างไม่ผ่านมานานแล้ว”
 อาตมาพูดต่อไปอีกว่า
 “ก็ถูกอย่างที่หลวงพ่อว่า แต่พ่อผมบอกว่า ถ้ามันกลับมา มันก็จะเดินเส้นทางที่เคยเดิน มันจะไม่เดินนอกทาง”
 “เรื่องของคุณ นิมนต์ๆ ผมปักตรงนี้แล้ว”
 อาตมาก็เลยไปปักกลดอยู่อีกแห่งหนึ่งตรงจอมปลวก แล้วบนจอมปลวกนั้นมีต้นไม้อยู่ ก็เลยเอาเหล็กขอเกี่ยวเข้ากับกิ่งไม้แล้วขึงลงมาแขวนกลด ซึ่งอยู่ห่างจากบริเวณที่หลวงพ่อปักกลดมากพอสมควร
 พอตกดึกเกือบเที่ยงคืนแล้ว เสียงดังลั่นไปหมด มีเสียงไม้หักดังสะเทือนไปหมด เดินใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ พอมาใกล้ ๆ จึงแลเห็นเป็นช้าง
 อาตมาก็คอยดูว่าถ้าช้างมันหันหัวมาทางอาตมาก็จะวิ่งอย่างเดียว แต่ไม่เห็นหลวงพ่อถอยไปไหน ยังคงอยู่ในกลด
 พอช้างไปหมดแล้วเงียบไปหมด กลดหลวงพ่อก็มืด อาตมาก็คิดว่าช้างทั้งโขลงเหยียบยิ่งกว่าทำนาเสียอีก แน่นอนต้องตาย แต่ก็จะลองเรียกท่านดู หากท่านยังไม่ตายก็จะหาว่าเราไม่มีเมตตา ก็เรียกท่าน
 “หลวงพ่อครับๆ”
 พอเรียกหลายคำท่านก็ขานว่า
 “ครับ ๆ”
 อาตมาก็หาหลวงพ่อว่าอยู่ตรงไหนได้ยินแต่เสียง ก็เลยเอาไฟฉายส่องดูเห็นกลดของท่านม้วนกลมเลยหลวงพ่อเล่าว่า
 “ช้างตัวหัวหน้ามาถึงก่อน แล้วก็จับกลดและตัวท่านม้วนไปทั้งกลด และก็วางไว้ข้างทาง แล้วมันหันหน้ามามองมันยืนเฝ้าเลย มันสะบัดหูปุ๊กปั๊กได้ยินชัดเจนดี แต่เห็นไม่ชัด เห็นแต่งายาวขาว ๆ จนโขลงช้างเดินไปหมด หัวหน้าช้างจึงไป แล้วเป็นอย่างที่คุณเห็นนี่แหละ”
 อาตมาเลยตัดสินใจตัดกลดเอาท่านออกมา ปรากฏว่าขาและแขนหักท่านเดินไม่ได้ ปวดบวมและเจ็บมาก
 รอจนรุ่งสว่างแล้ว อาตมาก็ไปตามพวกกะเหรี่ยงลูกศิษย์ท่าน เพื่อให้ช่วยรักษา เขาบอกว่ามียาดีไม่เกิน ๗ วัน ก็หาย เดินได้เหมือนเดิม
 ส่วนอาตมาก็ขอเดินทางต่อไปคนเดียว เลยไปพม่าไม่ได้ เพราะไม่มีใครนำทาง กลับไปเชียงรายดีกว่า ก็ถามทางเขาว่าทางไหนไปเชียงราย ก็ต้องเดินตัดภูเขา
 อาตมาก็เดินไปเรื่อย ๆ จนถึงต้นไม้ใหญ่ นึกว่าจะนั่งดีหรือจะนอนดี แต่พอมองผ่านต้นไม้ใหญ่ก็เห็นเสือลายพาดกลอนแม่ลูกอ่อน ตัวใหญ่มาก
 สัญชาตญาณกลัวตายก็เอากลดที่แบกปักลงไป แล้วเอามือป้องกันตัว ก็ว่าถ้าเสือมาทางไหนก็ถูกกลดก่อนล่ะ
 สำหรับเสือแม่ลูกอ่อนก็มอง แล้วถอยหลังนิดหนึ่ง พอลูกมันวิ่งมันก็วิ่งตามลูกไปเลย


http://www.oknation.net/blog/My-fais/2009/12/10/entry-46

ออฟไลน์ ทรงกลด

  • ผู้อาวุโส
  • *****
  • กระทู้: 2199
  • เพศ: ชาย
  • ศิษย์หลวงโด่ง.....
    • ดูรายละเอียด
ตอบ: พบผีกลางวัน....พระอาจารย์จำเนียร
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: 04 พ.ย. 2554, 04:20:07 »
พบผีกลางวัน 3/3
พระอาจารย์จำเนียร วัดถ้ำเสือ กระบี่



อาตมาก็เดินต่อไป ข้ามภูเขามาออกเชียงราย ใช้เวลาเดินทาง ๓ วันก็ถึงเชียงราย
ทีหลังไม่เอาแล้ว เพราะอาตมาเดินป่าไม่ค่อยชำนาญ เย็นก็เย็นมากยิ่งเวลากลางคืนหนาวเย็นน่าดูจนนอนแทบไม่ได้ ต้องลุกขึ้นออกกำลังกาย
พอถึงเชียงรายแล้ว อาตมาก็ขอถุงพลาสติก เพราะเอาผ้าคลุมไม่อยู่มันเย็นเฉียบเข้าไปข้างใน อาตมาเลยเอาถุงพลาสติกมารัดที่มือที่เท้า พอร้อนก็ต้องเอาออก ทำสลับกันไปเรื่อย
 อาตมาเดินทางผ่านหมู่บ้านกะเหรี่ยง ชาวบ้านเตือนว่าในหุบเขาข้างหน้านั้นงูดุมาก ไปถึงก็เจองูจงอางจริง ๆ มันชูคอยกหัวขึ้นขู่ สูงมาก อาตมาก็เอาผ้าชุบน้ำมันถือไว้ คอยดูพอมาใกล้ก็จุดไฟเหวี่ยงแล้ววิ่งเลย เจอครั้งเดียวเท่านั้นไม่เจอมาก ก็วิ่งหนี
 อาตมาเดินทางเรื่อยมาจนถึงหมู่บ้านอีกแห่งหนึ่ง พวกกะเหรี่ยงบอกว่าท่านไปที่แห่งอื่นได้ทุกที่ แต่อย่าไปหุบเขานั่น พระหลายองค์เดินไปหาย ไม่กลับมาเลย ในป่ารกนั้นน่ะ ไม่มีใครกล้าเข้าไปเลย พวกกะเหรี่ยงก็ไม่กล้า พวกมูเซอก็ไม่กล้าเข้าไป ใครเข้าไปหายไม่ได้กลับมาเลยไม่รู้เป็นอย่างไร อาถรรพณ์อย่างไรไม่รู้
 อาตมาว่า “ต้องไป อยากรู้ว่าทำไม”
 ชาวบ้านก็ว่า “พวกอยากรู้น่ะที่ว่าอยากรู้ก็ไปตายกันทั้งนั้น ท่านอยากรู้เป็นองค์ที่เท่าไรก็ไม่รู้แล้ว”
 อาตมาก็นึกถึงว่าสมัยญี่ปุ่นเข้า เขาเล่าว่า มีงูใหญ่อยู่แล้วทหารญี่ปุ่นเดินผ่านเข้าไป ตายเป็นแถวเกือบหมด แต่คนหนึ่งเอาปืนไปพิงไว้เพราะดูว่ามันหายไปไหน ก็เลยสลับลงมาพอดีถูกปืนเกิดเลือดไหลลงมาจึงรู้ว่างู ก็เอาระเบิดไปทิ้งจนขาดเป็นท่อน ๆ ๆ เขาเล่ากันมาอย่างนั้น
 อาตมาคิดว่าต้องเป็นงูแน่ ก็เลยให้เด็กกระเหรี่ยงคนหนึ่งตัดไม้ไผ่ยาวมาให้ เดินค้ำไปข้างหน้า ค้ำไปเรื่อยคิดว่าเจองูมันยับก่อนน่ะ แทงไปทางโน้นแทงไปทางนี้ แทงลงดิน
 พอไปถึงริมป่าริมเขาที่เขาบอกว่า พระไปแล้วหาย พอแทงลงไปในดินมีตัวต่อบินขึ้นมาเป็นหมื่น ๆ ตัว เลย น่ากลัวมาก ตัวใหญ่ยาว ๆ ตัวใหญ่เกือบเท่าหัวแม่เท้า ใหญ่กว่าหัวแม่มือสักนิด ก็ยาวน่ากลัว สีดำขึ้นแล้วลงวุ๊บหายไป เอาใบไม้มาปิดทันที อะไรวะ ก็เอาไม้แหย่ลงไปอีกทีก็ขึ้นตูมบินว่อนออกมา แล้วลงวุ๊บหายไปใต้ดินและดับใบไม้เร็วมากปิดปากหลุมไว้
 อาตมาเห็นดังนั้นก็วิ่งไปหากะเหรี่ยงบอกว่า “มีต่อ มีต่อ ตัวใหญ่ ๆ”
 เขาถามว่า “อยู่ที่ไหนต่อหอยน่ะ”
 “อยู่ในรูดินเอาไม้แยงปุ๊บขึ้นมาเลย ขึ้นมาเป็นหมื่น ๆ ตัว”
 พวกเขาก็ว่า “ต่อหอย ต่อหอย ๆ ๆ” ดังกันลั่นหมด มาหมดหมู่บ้านเลย
 มาถึงก็บอกให้อาตมาออกมาเสียอย่าไปยืนดู อาตมาก็ออก เขาก็จูงมือออกมาอยู่ห่าง ๆ เขาไม่ให้ดูว่าทำอะไร เขาเอาใบไม้ไปสุมไว้ใส่เข้าไปเป็นกองแล้วเอาไฟจุด พอสุมไฟมันก็บินขึ้นมาถูกไฟตายหมด ความร้อนข้างในทำให้อากาศไม่มี ต่อหอยจึงตายหมดทั้งรัง
 พอตายหมดแล้วเขาพาอาตมาไปดูและเขาเอาไม้พาดไว้ให้อาตมาลงไปดู ก็เห็นเป็นอุโมงค์กว้างใหญ่เป็นชั้น ๆ แต่ว่าทำไม่พระหายไป บาตรก็ไม่เหลือทีแรกก่อนที่จะเผาเขาก็ว่าอยากดูไหม เอากระดูกไปพันผูกกับไม้ แล้วก็แทงใส่ลงไป มันกัดกินจนหมด ไม้ก็แหว่งไปด้วย แม้แต่ลวดเหล็กก็ยังเป็นรอย
 พอแทงไม้ลงไป กระดูกหายไปเลย แสดงว่าเป็นหมื่น ๆ พันๆ ตัวมันแย่งกันกิน ถึงบอกว่า ถ้าคนตกลงไปก็ไม่เหลือ ช้างก็ตาย เสือก็ตาย ถ้าลงไปแล้ว มันช่วยกันกินเร็วมาก
 พวกกะเหรี่ยงบอกว่า “หมูตัวไก่ตัวหรือหมาตัวหนึ่งทิ้งลงไป ตุ้มเดี๋ยวก็หายหมดเลย มันแย่งกินกันหมด เนื้อที่เหลือมันพาไปไว้ในรู้ ก็หลุมที่เขาเผาต่อหอยมันลงไปเป็นชั้น ๆ ๆ”
 อาตมาไม่ได้ลงไปหรอก ดูอยู่ที่ปากหลุม เขาก็ทำกระไดลงกันไป เขาบอกว่ากินกันทั้งหมู่บ้านไม่หมดหรอก กินกันได้เป็นเดือน ๆ ต่อหอยน่ะอันตราย อาตมาก็รอดไปได้อีก ทีหลังใครไปที่นั่นอีกไม่ตายแล้ว

http://www.oknation.net/blog/My-fais/2009/12/10/entry-46