ผู้เขียน หัวข้อ: เทศกาลลอยกระทง  (อ่าน 2475 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ ปุญฺญานุสฺสติ(สิบทัศน์)

  • *โปรดระวัง - สีลัพพตปรามาส, ๗ เดือน ๑๙ วันจะเก็บแต่ความทรงจำที่ดีๆไว้, ตถตา (เช่นนั้นเอง).
  • ...
  • *****
  • กระทู้: 6436
  • เพศ: ชาย
  • ผู้สอนคือผู้ลวง? ผู้เรียนคือผู้หัดที่จะลวง?
    • ดูรายละเอียด
    • เฟสบุ๊ควัดบางพระ (หลวงพ่อเปิ่น)
เทศกาลลอยกระทง
« เมื่อ: 09 พ.ย. 2554, 12:19:49 »
เทศกาลลอยกระทงมีที่มาที่ไปอย่างไร?

   ประเพณีลอยกระทงเป็นประเพณีที่มีมานานแล้ว บ้างก็ว่ามีมาตั้งแต่สมัยสุโขทัย บ้างก็บอกว่ามีมาตั้งแต่ก่อนสุโขทัย และยังมีทฤษฎีอื่น ๆ อีกหลายทฤษฎี แต่ความจริงแล้วตั้งแต่เริ่มมีประวัติศาสตร์ชาติไทยขึ้นมา ก็มีประเพณีลอยกระทงอยู่แล้ว

   ส่วนวัตถุประสงค์และความเป็นมาของการลอยกระทงมีดังนี้

   ประการแรก เป็นการบูชาพระสัมมาสัมพุทธเจ้า คือ บูชารอยพระบาทพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ริมฝั่งแม่น้ำนัมมทามหานที และบูชาพระเขี้ยวแก้วของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในเจดีย์จุฬามณีที่สวรรค์ชั้นดาวดึงส์

   ในบางท้องที่ลอยกระทงเพื่อบูชารอยพระบาทพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่ประทับรอยไว้เมื่อครั้งไปแสดงธรรมในนาคพิภพ คือมีอยู่ช่วงหนึ่งพญานาคอาราธนาพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไปแสดงธรรมในนาคพิภพ หลังจากแสดงธรรมแล้ว ขณะจะเสด็จกลับ พญานาคกราบอาราธนาให้พระองค์ช่วยประทับรอยพระบาทไว้เป็นที่ระลึก ณ ริมฝั่งแม่น้ำนัมมทามหานที พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเลยประทับรอยพระบาทเอาไว้ เพราะฉะนั้น ถึงคราววันลอยกระทงก็ถือว่าเป็นการบูชารอยพระบาทพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ระลึกถึงโอกาสที่เสด็จไปแสดงธรรมในนาคพิภพ

   บางท้องที่บูชาพระเขี้ยวแก้วของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในเจดีย์จุฬามณีที่สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ อย่างเช่นเทศกาลยี่เป็งทางเชียงใหม่ จะมีทั้งลอยกระทงและลอยโคม แต่ก่อนทั้ง ๒ อย่างนี้คู่ขนานกัน แต่ตอนนี้รู้สึกว่าลอยโคมจะมาแรงกว่าลอยกระทงในแม่น้ำ

   การลอยโคมปล่อยขึ้นฟ้านี่เองที่เป็นการจุดประทีปบูชาพระเขี้ยวแก้วของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในเจดีย์จุฬามณีที่สวรรค์ชั้นดาวดึงส์

   พระเขี้ยวแก้วของพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามีทั้งหมด ๔ พระองค์ องค์หนึ่งบรรจุอยู่ในจุฬามณีเจดีย์ บนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เมื่อถึงคราววันเพ็ญ พระอินทร์จะนำหมู่เทวดาไปบูชาพระเขี้ยวแก้วที่จุฬามณี เราเองไปไม่ถึงสวรรค์ ก็จุดโคมลอยแล้วส่งใจไปบูชาพระเขี้ยวแก้วที่จุฬามณีเจดีย์ร่วมกับพระอินทร์และพวกเทวดา

   ตอนนี้ โคมลอยยี่เป็งดังไปทั่วโลกแล้ว นักท่องเที่ยวทั้งโลกแห่มาดูยี่เป็งสันทรายที่ธุดงค์ล้านนา ซึ่งขึ้นชื่อลือชาจนฝรั่งมากันเป็นพันเป็นหมื่นคน ถือเป็นเทศกาลใหญ่ที่ทั้งทางจังหวัดและการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยต้องมาร่วมกันจัด มีคนไปร่วมงานเยอะมาก และไม่ใช่แค่นั้น เรายังไปจัดพิธีลอยโคมในวันวิสาขบูชาที่มองโกเลียด้วย จัดมาแค่ ๒-๓ ครั้งเท่านั้น ตอนนี้กลายเป็นเทศกาลประจำปีที่ใหญ่ที่สุดในประเทศมองโกเลียไปเลย มีคนเข้าร่วมงานมากมาย ที่อินเดียก็ไปจัดมาแล้ว ชาวพุทธในอินเดียเขาเห็นไทยจัด มองโกเลียจัด เขาก็จัดบ้าง เวลาจัดพิธีบวชอุบาสิกาแก้ว หลังปฏิบัติธรรมร่วมกันแล้ว ก็จัดพิธีลอยโคม เป็นการรวมใจทุกคนเพื่อบูชาพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เรียกว่าเริ่มกระจายจากประเทศไทยขยายไปหลายประเทศแล้ว

   ประการที่สอง บูชาพระแม่คงคา

   การลอยกระทงเป็นการบูชาพระแม่คงคาในวันเพ็ญพระจันทร์เต็มดวงที่มีน้ำเต็มตลิ่งบริบูรณ์ที่สุด เป็นการแสดงความขอบคุณผืนน้ำ เพราะมนุษย์เราอยู่ได้ต้องอาศัยน้ำ ตั้งแต่โบราณมา ชุมชนไหนจะสร้างเมืองต้องอยู่ติดแม่น้ำ ไม่มีแหล่งน้ำสร้างเมืองไม่ได้ ต้องสร้างอิงแหล่งน้ำทั้งนั้น ฉะนั้นในรอบ ๑๒ เดือน เดือนที่สุดที่จะทำพิธีก็คือเดือน ๑๒  เพราะว่าน้ำเต็มบริบูรณ์ แล้วชาวนาส่วนใหญ่ก็เกี่ยวข้าวเสร็จเรียบร้อย งานก็เสร็จแล้ว น้ำก็เต็มท่าได้จังหวะพอดี ก็เอาเทศกาลนี้มาลอยกระทงกันในคืนวันเพ็ญน้ำเต็มตลิ่งพระจันทร์สว่างเด่นบนฟ้า

   การบูชาน้ำก็ต้องหาอะไรที่ลอยได้ แล้วกลางคืนมืด ๆ ไม่มีแสงสว่าง มองไม่เห็นอะไร ก็ต้องบูชาด้วยความสว่าง จะเป็นความสว่างรูปแบบไหนก็แล้วแต่ท้องที่ แต่จะเหมือนกันอยู่อย่างหนึ่งคือต้องมีความสว่างเหมือนกันหมด

   ในภาคกลางบูชาด้วยกระทงที่ทำด้วยใบตองมีเทียนปัก ต่อมามีโฟมก็ใช้โฟมทำกระทง แต่บางคนไม่เอาโฟม ชอบกระทงแบบธรรมชาติ ที่ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม

   ทางเหนืออย่างจังหวัดตากขึ้นชื่อลือชาเรื่องกระทงสาย เขาเอากะลามะพร้าวมาขัดให้สะอาด แล้วเอาเทียนพรรษาหลอมมาใส่ในกะลา ตรงกลางเอาด้ายดิบมาทำเป็นไส้เทียน เตรียมไว้เป็นพันกะลาเลย ถึงคราวก็นำไปลอยในแม่น้ำปิงที่จังหวัดตาก จุดแล้วก็ลอยตาม ๆ กันไป จนบางคนที่เห็นกระทงไหลเป็นสายก็คิดว่าคงมีเชือกผูกอยู่ข้างล่าง จริง ๆ ไม่มี เผอิญแม่น้ำปิงที่ผ่านจังหวัดตาก ข้างล่างมีสันทรายอยู่ เวลาน้ำมามันจะมาเป็นร่องน้ำ เวลาปล่อยกระทงออกไปมันจะลอยไปตามร่องน้ำเป็นสาย เนื่องจากเขาปล่อยแบบต่อเนื่องกัน กระทงก็เลยไหลไปเป็นสาย เป็นภาพที่งามมาก

   เมื่อตอนประชุมเอเปค (APEC) ที่มีผู้นำทั่วโลกมาประชุมกันที่กรุงเทพฯ ไทยเราเป็นเจ้าภาพ พอเสร็จการประชุมแล้ว ตอนภาคค่ำ ที่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา เราก็ปล่อยโคมลอย โดยทางราชการติดต่อยืมทีมงานจากธุดงคสถานล้านนาที่ปล่อยโคมยี่เป็งให้มาช่วยปล่อยโคมข้างวัดพระแก้ว โคมลอยขึ้นไปบนฟ้าเป็นสาย ในแม่น้ำก็เอาทีมงานกระทงสายจากจังหวัดตากมา

   ตามปกติเขาจะดูแลเรื่องความปลอดภัยของผู้นำประเทศสูงมาก ต้องอยู่ในห้องที่มีกระจกกันกระสุน ป้องกันการลอบยิง ปรากฏว่าผู้นำประเทศไม่สนเลย เปิดประตูออกมายืนดูข้างนอกเลย แถมบางคนที่เป็นคู่สามีภรรยายังถือโอกาสโอบ ๆ กันนิดหน่อย เพราะบรรยากาศโรแมนติกสุด ๆ เขาว่าอย่างนั้นนะ บรรดาผู้นำเกิดความรู้สึกประทับใจมากว่าทำไมวัฒนธรรมไทยมีความงดงามอย่างนี้ ไม่เคยไปประชุมที่ไหนในโลกที่มีความสวยงามอย่างนี้เลย มองเห็นแม่น้ำเจ้าพระยา ฝั่งตรงข้ามก็คือพระบรมมหาราชวังและวัดพระแก้ว ซึ่งมีไฟสวยงามมาก บนฟ้ามีโคมยี่เป็งลอยขึ้นไปเป็นสาย บนผืนน้ำมีกระทงลอยมาเป็นสาย

   การบูชาพระแม่คงคาก็คือ การระลึกว่าตลอดทั้งปีที่ผ่านมา เราได้อาศัยน้ำในการดำรงชีวิต เพราะฉะนั้นต้องแสดงความขอบคุณน้ำ แสดงความขอบคุณไม่ใช่แค่ลอยกระทงเฉย ๆ ต้องรู้คุณน้ำด้วย แล้วก็ใช้น้ำอย่างคุ้มค่า ไม่ใช้ทิ้งใช้ขว้าง เพราะน้ำไม่ได้มีเหลือเฟือ ต่อไปจะแย่งน้ำกัน ตอนมีน้ำอยู่ไม่รู้สึก พอแล้งน้ำก็จะพบว่า บางครั้งถึงกับอาจจะทำสงครามแย่งชิงน้ำกัน จะเห็นคุณค่าของน้ำตอนที่ขาด เพราะฉะนั้นต้องใช้น้ำอย่างรู้คุณค่า แล้วก็ไม่ทำให้น้ำสกปรก ไม่ปล่อยของเสียลงน้ำ เป็นต้น รณรงค์ให้ทุกคนรู้จักการประหยัดน้ำ ใช้น้ำให้ถูกวิธี และไม่ทำให้แหล่งน้ำเสียหาย นี่คือการขอขมาพระแม่คงคา และแสดงความขอบคุณพระแม่คงคาที่ถูกต้อง ไม่ใช่ไปไหว้เทวดาพระแม่คงคา ไม่ใช่อย่างนั้น แต่แสดงความขอบคุณกับน้ำ ว่าเป็นสิ่งที่หล่อเลี้ยงชีวิตเรา ฉะนั้นเราต้องใช้น้ำให้คุ้มค่าและเกิดประโยชน์  ถ้าอย่างนี้ถูกหลัก

หลายคนบอกว่า การลอยกระทงเป็นการลอยทุกข์ลอยโศกให้ออกไปจากตัวเรา บางคนก็ตัดเล็บตัดผมใส่ลงไปในกระทง บางคนก็เอาเงินใส่ลงไป แล้วก็ลอยไป เป็นความเข้าใจที่ถูกต้องไหม?

   อันนี้เป็นความเชื่อที่เพิ่มขึ้นมาทีหลัง ไหน ๆ ก็ลอยไปแล้ว ก็น่าจะเอาอะไรที่มันไม่ดีลอยออกไปด้วย คิดได้อย่างนี้แล้วรู้สึกสบายใจ นั่นเป็นสิ่งที่แถมขึ้นมา แต่ความจริงแค่เอาผมใส่กระทง ตัดเล็บใส่ เอาสตางค์ใส่ลงไป มันเป็นไปไม่ได้ที่ทุกข์โศก โรคภัยต่าง ๆ จะลอยออกไป มันยังไม่ไป ถ้าต้องการให้ทุกข์โศก โรคภัย ลอยออกไปด้วยต้องสร้างบุญ ถ้าต้องการลอยทุกข์ ลอยโศก ลอยเคราะห์ ลอยภัยออกไป ในตอนกลางวันก่อนลอยกระทงให้ไปทำบุญก่อน ถวายสังฆทาน เลี้ยงพระ หรือว่าทำบุญในด้านต่าง ๆ พอกลางคืนมาลอยกระทงก็ระลึกนึกถึงบุญนี้ แล้วอธิษฐานว่า ด้วยอานิสงส์ผลบุญนี้ ขอให้ทุกข์โศก โรคภัย เคราะห์ไม่ดีทั้งหลาย ออกไปจากชีวิตข้าพเจ้าอย่างนี้ถึงจะได้ ส่วนผมหรือเล็บตัดเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็เอาไปใส่ถังขยะ

   ให้เข้าใจหลักนิดหนึ่งว่า ชีวิตคนเรามีระเบิดเวลาอยู่ ถ้าเปรียบชีวิตเราเหมือนนาวาชีวิต ระเบิดลูกนี้ก็เหมือนกับเป็นหินโสโครกใต้น้ำ เป็นทุ่นใต้น้ำที่เรามองไม่เห็น บางคนเราเห็นเขาเป็นคนดี ทำไมปุ๊บปั๊บรถชนตายไปแล้ว บางคนปุ๊บปั๊บป่วยตายไปเลย ทำให้สงสัยว่า ทำไมคนดี ๆ ตายเร็ว ที่จริงเป็นเพราะกรรมในอดีตของเขา ถ้าดูแค่ชาตินี้แล้วเขาอาจจะยังไม่ควรตาย แต่คนเราเกิดมานับภพนับชาติไม่ถ้วน ชาติก่อน ๆ ที่เขาทำไม่ดีมาก็มี มันมาส่งผลตอนนี้พอดี

   ถามว่าจะแก้อย่างไร วิธีการคือจะต้องสร้างบุญ ถ้าเราสร้างบุญก็เหมือนเติมน้ำ เหมือนเรือวิ่งอยู่ มีหินโสโครกอยู่ ถ้าเรือไปเกยหินเมื่อไหร่ก็เรียบร้อย จมเลย แต่พอน้ำสูงขึ้น เรื่อก็วิ่งผ่านไปได้ หินโสโครกก็ยังมีอยู่เหมือนเดิม แต่เรือวิ่งผ่านไปได้โดยไม่เกยตื้น เรือก็ไม่แตก เพราะน้ำหนุนให้เรือลอยผ่านไปเลย ชีวิตเราเหมือนกัน วิบากกรรมในอดีตตามมา แต่ถ้าเราสร้างบุญแล้ว บุญจะหนุนส่งให้นาวาชีวิตของเราสูงขึ้น แล้วลอยข้ามวิบากกรรมนั้นไปได้

   เพราะฉะนั้น อยู่ ๆ ไปลอยกระทงเฉย ๆ เคราะห์กรรมยังไม่ได้หายไปนะ ต้องไปสร้างบุญก่อน แล้วก็ตั้งใจสวดมนต์นั่งสมาธิเป็นพิเศษด้วย เพราะวันเพ็ญเป็นวันดี ลอยกระทงเสร็จแล้วกลับมานั่งสมาธิ สวดมนต์ แล้วก็เปิด DMC ดู ใจจะได้อยู่ในบุญกุศล ถ้าลอยกระทงแล้วคิดว่าลอยเคราะห์ ลอยโศกไปแล้ว เสร็จแล้วไปดื่มสุรา แล้วก็ตีหัวกัน กรรมใหม่ก็ตามมาเลย บางครั้งไปเล่นดอกไม้ไฟกันแล้วไฟไหม้บ้านก็มี เพราะฉะนั้นจะผ่านทุกข์โศกโรคภัยไปได้ ต้องสร้างบุญ นี่คือหัวใจ

วัตถุประสงค์ของการจุดดอกไม้ไฟคืออะอไร?

   การจุดดอกไม้ไฟเป็นสิ่งที่เพิ่มมาทีหลัง พูดง่าย ๆ ว่า เมื่อมีงานเทศกาล มีการลอยกระทง ก็พยายามหาอะไรที่ทำให้คึกคักสนุกสนาน

ควรอนุรักษ์หรือควรคำนึงถึงอะไรบ้างเกี่ยวกับประเพณีลอยกระทง?

   ควรคำนึงถึงเป้าหมายดั้งเดิม คือ ๑. บูชาพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ๒. ระลึกถึงคุณของน้ำ แล้วบริหารจัดการน้ำอย่างถูกต้องตามหลักวิชา

ปัจจุบัน ความคิดเรื่องการลอยกระทงอย่างเดิมเปลี่ยนไปมากไหม?

   คิดว่ายังมีอยู่ แต่ว่าอาจจะไม่ชัดมากนัก บางคนก็ชัด บางคนก็ไม่ชัด ส่วนใหญ่อาจจะนึกว่าเป็นประเพณีก็เลยรักษาประเพณีเอาไว้ แต่ความเข้าใจว่า ประเพณีนี้มีเพื่ออะไรอาจจะไม่ถึงกับชัดเจนมากนัก

ทำไมเขาถึงกำหนดให้วันเพ็ญเดือน ๑๒ เป็นวันลอยกระทง?

   อย่างที่บอกไปแล้วว่า ถ้าจัดงานวันเดือนมืดกับเดือนสว่างอันไหนดีกว่า ก็ต้องเดือนเพ็ญที่สว่างไสว เพราะฉะนั้นงานสำคัญ ๆ เขาจะจัดตรงกับวันเพ็ญ ซึ่งปีหนึ่งมีอยู่ ๑๒ ครั้ง การลอยกระทงถ้าจัดหน้าแล้งก็ไม่มีน้ำ ลอยไม่ได้ เลยต้องเลือกเดือนที่มีน้ำบริบูรณ์ที่สุด ซึ่งก็คือเดือน ๑๒ ที่น้ำนองเต็มตลิ่ง

บรรดาพุทธศาสนิกชนที่เป็นวัยรุ่นและผู้ปกครองควรปฏิบัติอย่างไรในเทศกาลลอยกระทง?

   ต้องระวัง เพราะว่าการลอยกระทงต้องลอยกลางคืน ต้องรอให้พระจันทร์ขึ้นก่อน พอมืด ๆ อากาศเย็น ๆ หนาว ๆ จะค่อนข้างโรแมนติก เพราะฉะนั้นวัยรุ่นหรือหนุ่มสาวก็ชักจะคิดฟุ้งซ่าน เนื่องจากโอกาส จังหวะ อารมณ์ และบรรยากาศพาไป ถ้าไม่ระมัดระวังให้ดีก็อาจจะเกิดเรื่องเสียหายได้ พ่อแม่ก็ควรจะดูแลลูกด้วย ถ้าไปด้วยกันเป็นครอบครัวได้ก็จะดี ใขณะเดียวกันฝ่ายหญิงก็ควรจะต้องรู้ว่า เราต้องรักนวลสงวนตัวเราถึงจะมีค่า ถ้าไปทำอะไรแบบปล่อยตัวปล่อยใจไปง่าย ๆ เขาจะไม่เห็นค่า แล้วจะเกิดความเสียหายตามมาในภายหลัง

   อย่าให้เทศกาลที่ควรจะเป็นการบูชาพระสัมมาสัมพุทธเจ้ากลายเป็นทางมาของเรื่องไม่ดี อย่างนี้ไม่ถูกต้อง ควรทำให้ถูกวัตถุประสงค์ คือ บูชาพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แล้วระลึกถึงคุณของน้ำ ขณะเดียวกันก็ให้ระวังของแถมที่จะตามมา ซึ่งจะเป็นความเสียหายต่าง ๆ คือ การเมาสุรา การทะเลาะวิวาท แล้วก็เรื่องชายหญิง ตรงนี้ต้องระวังให้ดี ให้เราป้องกันข้อเสียแล้วเสริมข้อดี จะได้เป็นการรักษาอนุรักษ์ประเพณีลอยกระทงไว้อย่างถูกต้องและดีงาม.

๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐

ที่มา : บทสัมภาษณ์ “ข้อคิดรอบตัว” วารสาร ”อยู่ในบุญ” ปีที่ ๙ ฉบับที่ ๑๐๙ เดือนพฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๕๔ หน้า ๖๘

เรื่องโดย : พระมหาสมชาย ฐานวุฑโฒ (M.D.;Ph.D.)

ออฟไลน์ noppanut

  • ฉัฏฐะ
  • *
  • กระทู้: 34
    • ดูรายละเอียด
    • อีเมล
ตอบ: เทศกาลลอยกระทง
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: 09 พ.ย. 2554, 08:51:33 »
 :017:ขอบคุณมากๆ ครับเป็นความรู้ที่ดีมากๆ ครับ :017:

ออฟไลน์ tum_ohayo

  • ตติยะ
  • ***
  • กระทู้: 64
    • ดูรายละเอียด
ตอบ: เทศกาลลอยกระทง
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: 09 พ.ย. 2554, 09:47:19 »
การบูชาพระแม่คงคาก็มีการลอยครับ แต่ไม่ได้มาลอยแบบในปัจจุบัน ในประเทศอินเดียก็ทำกระทงกันง่ายๆ ไม่ได้มานั่งตัดหยวกพับใบตองปักธูปเทียน แค่เอาใบตองมาพับให้ลอยน้ำ ใส่ดอกไม้ และจุดประทีปลอยในแม่น้ำ แต่ในประวัติศาสตร์มันไม่มีคำว่าลอยกระทง เหตุผลการลอยกระทงสมัยสุโขทัยมันคนละอย่างกับปัจจุบัน อย่าลืมว่าสมัยสุโขทัยไม่ได้อุดมสมบูรณ์อย่างที่เข้าใจ ไม่ใช่ในน้ำมีปลาในนามีข้าวเหมือนบ้านเมืองในอุดมคติของคนไทย แต่กลับมีการทำชลประทาน คนปกติคงไม่เอาอะไรไปลอยเล่นในแหล่งน้ำนั้น

ไม่มีนางนพมาศทำกระทงอะไรอย่างที่เข้าใจ นางนพมาศหรือท้าวศรีจุฬาลักษณ์เป็นลักษณะของผู้หญิงในอุดมคติของคนไทย มาจากหนังสือเรื่อง นางนพมาศ หรือ ตำรับท้าวศรีจุฬาลักษณ์ แต่งในสมัยรัชกาลที่3 แล้วคำว่าเผาเทียนเล่นไฟอาจไม่ใช่ลอยกระทง แต่คนรุ่นหลังนำไปโยงกับลอยกระทง แล้วการลอยกระทงแบบที่เห็นในปัจจุบัน มันมาจากงานประณีตศิลป์ในรั้วในวังมากกว่าเป็นงานของชาวบ้านตาสีตาสา แล้วการลอยกระทงแบบในราชสำนักก็คนละอย่างกับลอยกระทงในปัจจุบัน แน่นอนว่ากระทงแบบในวังมันต้องอลังการงานสร้าง เพราะมันเป็นพระราชพิธีครับ

ป.ล.นางนพมาศหรือท้าวศรีจุฬาลักษณ์ไม่เคยทำกระทงลอย เพราะไม่มีประวัติศาสตร์บันทึกไว้ว่าเป็นลูกใครกันแน่

ออฟไลน์ •••--สายัณ--•••

  • อัฏฐมะ
  • ***
  • กระทู้: 1322
  • อัครมหาเศรษฐีผู้ใจบุญ ทุกภพชาติ
    • ดูรายละเอียด
    • อีเมล
ตอบ: เทศกาลลอยกระทง
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: 09 พ.ย. 2554, 11:27:20 »
การบูชาพระแม่คงคาก็มีการลอยครับ แต่ไม่ได้มาลอยแบบในปัจจุบัน ในประเทศอินเดียก็ทำกระทงกันง่ายๆ ไม่ได้มานั่งตัดหยวกพับใบตองปักธูปเทียน แค่เอาใบตองมาพับให้ลอยน้ำ ใส่ดอกไม้ และจุดประทีปลอยในแม่น้ำ แต่ในประวัติศาสตร์มันไม่มีคำว่าลอยกระทง เหตุผลการลอยกระทงสมัยสุโขทัยมันคนละอย่างกับปัจจุบัน อย่าลืมว่าสมัยสุโขทัยไม่ได้อุดมสมบูรณ์อย่างที่เข้าใจ ไม่ใช่ในน้ำมีปลาในนามีข้าวเหมือนบ้านเมืองในอุดมคติของคนไทย แต่กลับมีการทำชลประทาน คนปกติคงไม่เอาอะไรไปลอยเล่นในแหล่งน้ำนั้น

ไม่มีนางนพมาศทำกระทงอะไรอย่างที่เข้าใจ นางนพมาศหรือท้าวศรีจุฬาลักษณ์เป็นลักษณะของผู้หญิงในอุดมคติของคนไทย มาจากหนังสือเรื่อง นางนพมาศ หรือ ตำรับท้าวศรีจุฬาลักษณ์ แต่งในสมัยรัชกาลที่3 แล้วคำว่าเผาเทียนเล่นไฟอาจไม่ใช่ลอยกระทง แต่คนรุ่นหลังนำไปโยงกับลอยกระทง แล้วการลอยกระทงแบบที่เห็นในปัจจุบัน มันมาจากงานประณีตศิลป์ในรั้วในวังมากกว่าเป็นงานของชาวบ้านตาสีตาสา แล้วการลอยกระทงแบบในราชสำนักก็คนละอย่างกับลอยกระทงในปัจจุบัน แน่นอนว่ากระทงแบบในวังมันต้องอลังการงานสร้าง เพราะมันเป็นพระราชพิธีครับ

ป.ล.นางนพมาศหรือท้าวศรีจุฬาลักษณ์ไม่เคยทำกระทงลอย เพราะไม่มีประวัติศาสตร์บันทึกไว้ว่าเป็นลูกใครกันแน่

นางนพมาศ หรือ ท้าวศรีจุฬาลักษณ์ ทำกระทงลอย แน่นอน แม้ว่า ไม่มีประวัติศาสตร์เขียนไว้รับรอง
แต่ทุกสิ่ง ทุกอย่าง ก็ล้วน มีเรื่องราวของ พงศาวดาร บันทึกไว้ เป็นคำบอกเล่าสืบต่อกันมา ถ้าต้องการหลักฐานบันทึกตาม
ประวัติศาสตร์ พ่อขุนศรีอินทราทิต พ่อขุนเม็งราย พ่อขุนบางกลางท่าว เป็นโอรสของใคร ?

ของบางอย่าง ไม่ใช่ต้องใช้ประวัติศาสตร์ ระบุเสมอไป ต้องอ้างอิงพงศาวดาร บ้าง
สรุป พระเจ้าตากสินมหาราช ทรงสวรรคต ด้วยท่อนไม้จัน ตามประวัติศาสตร์ หรือไม่?

ออฟไลน์ tum_ohayo

  • ตติยะ
  • ***
  • กระทู้: 64
    • ดูรายละเอียด
ตอบ: เทศกาลลอยกระทง
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: 09 พ.ย. 2554, 11:44:41 »
นางนพมาศ หรือ ท้าวศรีจุฬาลักษณ์ ทำกระทงลอย แน่นอน แม้ว่า ไม่มีประวัติศาสตร์เขียนไว้รับรอง
แต่ทุกสิ่ง ทุกอย่าง ก็ล้วน มีเรื่องราวของ พงศาวดาร บันทึกไว้ เป็นคำบอกเล่าสืบต่อกันมา ถ้าต้องการหลักฐานบันทึกตาม
ประวัติศาสตร์ พ่อขุนศรีอินทราทิต พ่อขุนเม็งราย พ่อขุนบางกลางท่าว เป็นโอรสของใคร ?

ของบางอย่าง ไม่ใช่ต้องใช้ประวัติศาสตร์ ระบุเสมอไป ต้องอ้างอิงพงศาวดาร บ้าง
สรุป พระเจ้าตากสินมหาราช ทรงสวรรคต ด้วยท่อนไม้จัน ตามประวัติศาสตร์ หรือไม่?

พงศาวดารก็ต้องดูด้วยว่ามันชำระมากี่ครั้ง กรณีการสวรรคตของพระเจ้าตาก ท่านไม่ได้สวรรคตเพราะ"ท่อนจันทน์"แน่นอน เหมือนเรื่องพระนเรศวรประกาศเอกราช ซึ่งในประวัติศาสตร์เป็นไปไม่ได้ เมื่อหลายร้อยปีก่อนไม่มีคำว่า"เอกราช"หรือ"อิสรภาพ" เพราะสมัยนั้นไม่มีแนวคิดเรื่องเขตแดนใดๆ เรื่องพระนเรศวรประกาศเอกราชไม่มีในประวัติศาสตร์แน่นอน

ออฟไลน์ ปุญฺญานุสฺสติ(สิบทัศน์)

  • *โปรดระวัง - สีลัพพตปรามาส, ๗ เดือน ๑๙ วันจะเก็บแต่ความทรงจำที่ดีๆไว้, ตถตา (เช่นนั้นเอง).
  • ...
  • *****
  • กระทู้: 6436
  • เพศ: ชาย
  • ผู้สอนคือผู้ลวง? ผู้เรียนคือผู้หัดที่จะลวง?
    • ดูรายละเอียด
    • เฟสบุ๊ควัดบางพระ (หลวงพ่อเปิ่น)
ตอบ: เทศกาลลอยกระทง
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: 09 พ.ย. 2554, 07:42:22 »
ประเด็นของบทความนี้ ก็เพื่อสะท้อนให้ตระหนักถึงฐานะและบทบาทของผู้ที่เรียกตนเองว่าเป็น พุทธศาสนิกชน , เป็นชาวพุทธ , ผู้ที่เรียกตนเองว่าเป็นสาวกของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน (มิใช่เป็นแค่ชาวพุทธในทะเบียนบ้าน) ครับ :001:

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09 พ.ย. 2554, 07:42:48 โดย ปุญฺญานุสฺสติ(สิบทัศน์) »

ออฟไลน์ ۞เณรน้อยเส้าหลิน۞

  • สัตตมะ
  • **
  • กระทู้: 1560
  • เพศ: ชาย
  • ไม่สู้ ไม่หนี ทําดีเรื่อยไป
    • ดูรายละเอียด
ตอบ: เทศกาลลอยกระทง
« ตอบกลับ #6 เมื่อ: 10 พ.ย. 2554, 08:37:06 »

พุทธัง  สะระณัง  คัจฉามิ   ข้าพเจ้าขอถึงพระพุทธเจ้าว่าเป็นที่พึ่งที่ระลึกอันสูงสุด  ที่พึ่งที่ระลึกอื่นยิ่งกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว

ธัมมัง  สะระณัง  คัจฉามิ    ข้าพเจ้าขอถึงพระธรรมคำสั่งสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่าเป็นคำสอนอันสูงสุด  คำสอนอื่นยิ่งกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว

สังฆัง  สะระณัง  คัจฉามิ    ข้าพเจ้าขอถึงพระสงฆ์ผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติตรง ปฏิบัติชอบ ตามสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่าเป็นที่พึ่งที่ระลึกอันสูงสุด  นักบวชอื่นที่จะเป็นที่พึ่งที่ระลึกยิ่งกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว

ขอใ้ห้ทุกท่านลองคิดพิจารณาดูว่าทำไมก่อนพระให้ศีล จะต้องสอนเราำขอถึงไตรสรณคมน์เสียก่อนครับ


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10 พ.ย. 2554, 08:37:56 โดย ۞เณรน้อยเส้าหลิน۞ »
ครูผู้บริสุทธิ์ ครูผู้หมดกิเลสเครื่องเศร้าหมอง
ครูผู้มี"พระปัญญาธิคุณ พระมหากรุณาธิคุณ พระบริสุทธิคุณ" อย่างประมาณมิได้
บรมครูผู้นั้นคือ "สมเด็จพระพุทธเจ้า"
ขอนอบน้อมกราบกรานพระบรมศาสดา

ออฟไลน์ ปุญฺญานุสฺสติ(สิบทัศน์)

  • *โปรดระวัง - สีลัพพตปรามาส, ๗ เดือน ๑๙ วันจะเก็บแต่ความทรงจำที่ดีๆไว้, ตถตา (เช่นนั้นเอง).
  • ...
  • *****
  • กระทู้: 6436
  • เพศ: ชาย
  • ผู้สอนคือผู้ลวง? ผู้เรียนคือผู้หัดที่จะลวง?
    • ดูรายละเอียด
    • เฟสบุ๊ควัดบางพระ (หลวงพ่อเปิ่น)
ตอบ: เทศกาลลอยกระทง
« ตอบกลับ #7 เมื่อ: 10 พ.ย. 2554, 09:58:34 »
นัตถิ เม สะระณัง อัญญัง พุทโธ เม สะระณัง วะรัง
สรณะอื่นของข้าพเจ้าไม่มี พระพุทธเจ้าเป็นสรณะอันประเสริฐของข้าพเจ้า

นัตถิ เม สะระณัง อัญญัง ธัมโม เม สะระณัง วะรัง
สรณะอื่นของข้าพเจ้าไม่มี พระธรรมเป็นสรณะอันประเสริฐของข้าพเจ้า

นัตถิ เม สะระณัง อัญญัง สังโฆ เม สะระณัง วะรัง
สรณะอื่นของข้าพเจ้าไม่มี พระสงฆ์เป็นสรณะอันประเสริฐของข้าพเจ้า

อนุโมทนากับท่าน "เณรน้อยเส้าหลิน" ด้วยนะครับ สาธุ สาธุ