ผู้เขียน หัวข้อ: พระปิลินทวัจฉะ ผู้มีวาจาสิทธิ์  (อ่าน 2123 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ ทรงกลด

  • ผู้อาวุโส
  • *****
  • กระทู้: 2199
  • เพศ: ชาย
  • ศิษย์หลวงโด่ง.....
    • ดูรายละเอียด
วันที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2555 เวลา 19:08:53 น.

บทความพิเศษ
 
เสฐียรพงษ์ วรรณปก


ท่านรูปนี้ เกิดในตระกูลพราหมณ์วัจฉโคตร นามเดิมว่า ปิลินทะ เรียกรวมกันว่า ปิลินทวัจฉะ เป็นชาวเมืองสาวัตถี

ท่านสนใจในเรื่องจิตเป็นพิเศษถึงกับออกบวชเป็นปริพาชกสำเร็จวิทยาการอันเรียกว่า "จูฬคันธาระ" นัยว่าทำให้มีฤทธิ์ และสามารถทายใจคนอื่นได้

ต่อมา วิชาจูฬคันธาระเสื่อม จึงคิดหาทางเรียนวิชามหาคันธาระ ตามที่ผู้รู้เล่าว่าผู้ที่เรียนสำเร็จแล้วจะไม่เสื่อม มีคนบอกว่าพระพุทธเจ้าทรงวิชาชั้นสูงนี้ จึงไปขอบวชเป็นศิษย์พระองค์

พระพุทธเจ้าตรัสบอกกรรมฐานที่เหมาะแก่จริตของท่านให้ไปบำเพ็ญ ท่านได้กรรมฐานจากพระพุทธเจ้า คิดว่าเป็นวิชามหาคันธาระ จึงตั้งอกตั้งใจปฏิบัติตาม ไม่นานก็ได้บรรลุพระอรหัตผลพร้อมปฏิสัมภิทา (ความแตกฉานในด้านต่างๆ)

คือแตกฉานในอรรถ แตกฉานในธรรม แตกฉานในนิรุตติ และแตกฉานในปฏิภาณ แตกฉานใน (อ่านในคำอธิบายใน พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม ของ ท่านเจ้าคุณพระธรรมปิฎกเอาก็แล้วกัน ถ้าอยากได้รายละเอียด)



ท่านมีอิทธิฤทธิ์เหาะเหินเดินอากาศได้ แถมมีวาจาสิทธิ์อีกต่างหาก แต่ท่านมักมีคำพูดติดปาก ฟังไม่ค่อยไพเราะ คือคำว่า "ไอ้ถ่อย" (วสลิ) ไม่มีเจตนาพูดคำหยาบ แต่มันติดปากแก้ไม่หาย ภาษาพระเรียกว่า "เป็นวาสนา" ที่สั่งสมมายาวนานหลายภพหลายชาติ (คนละความหมายกับภาษาไทยที่ใช้กันอยู่นะครับ)

วันหนึ่ง มีพ่อค้าดีปลี ขนดีปลีผ่านหน้าท่านไป เพื่อเอาไปขายที่ตลาด ท่านปิลินทวัจฉะ จะถามว่า "บรรทุกอะไรมา ไอ้ถ่อย"

บุรุษเจ้าของดีปลีฉุนกึกเลย "พระอะไรวะ พูดจาไม่เข้ารูหูคน ไม่น่าเป็นพระเลย" จึงร้องตอบไปว่า "บรรทุกขี้หนูเว้ย ไอ้ถ่อย"

โต้ตอบสะใจแล้วก็ขับยานบรรทุกดีปลีต่อไป หารู้ไม่ว่าเกิดเหตุการณ์ประหลาดขึ้นกับตัวเอง พอไปถึงตลาดก็จอดยาน เตรียมขนดีปลีออกมาวางขาย ก็ตกตะลึงดุจถูกผีหลอกกลางวันแสกๆ

ดีปลีได้กลายเป็นขี้หนูไปหมดทั้งเล่มเกวียน

บุรุษหนุ่มร้องเสียงหลง จนผู้คนพากันมารุมล้อม ถามไถ่ว่าเกิดอะไรขึ้น เมื่อเขาเล่าเรื่องราวให้ฟัง บุรุษคนหนึ่งในกลุ่มชนนั้นกล่าวว่า

"พระที่ท่านว่านั้น คงจะเป็นพระคุณเจ้าปิลินทวัจฉะ เป็นแน่นอน ท่านผู้มีอิทธิฤทธิ์ วาจาสิทธิ์ เพราะคุณล่วงเกินพระอรหันต์เข้า คุณจึงประสบชะตากรรมเช่นนี้ ทางที่ดีไปขอขมาท่านเสีย"

บุรุษหนุ่มเจ้าของดีปลี กลับไปตามหาพระปิลินทวัจฉะ พบท่านแล้วก็กราบขอขมาที่ได้ล่วงเกินท่านโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์

ทันทีที่ท่านกล่าวว่า "ข้ายกโทษให้ ไอ้ถ่อย ขอให้ขี้หนูกลายเป็นดีปลีเหมือนเดิม เท่านั้น ขี้หนูทั้งเล่มเกวียนก็กลับกลายเป็นดีปลีตามคำพูดของท่านจริงๆ

ี่
ที่มา
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1327052647&grpid=no&catid&subcatid
เว ทา สา กุ กุ สา ทา เว....ทา ยะ สา ตะ ตะ สา ยะ ทา...สา สา ทิ กุ กุ ทิ สา สา...กุ ตะ กุ ภู ภู กุ ตะ กุ

ออฟไลน์ ทรงกลด

  • ผู้อาวุโส
  • *****
  • กระทู้: 2199
  • เพศ: ชาย
  • ศิษย์หลวงโด่ง.....
    • ดูรายละเอียด
ตอบ: พระปิลินทวัจฉะ ผู้มีวาจาสิทธิ์
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: 26 ม.ค. 2555, 06:11:57 »
ศักดิ์สิทธิ์อะไรเช่นนั้น

สิ่งที่พระท่านว่าวาสนานี้ เป็นความเคยชินชนิดที่แกะไม่ออก เป็นเรื่องไม่ดี แต่ภาษาไทยเอาคำว่าวาสนา มาใช้ในแง่ดี เช่น วาสนาบารมี มีวาสนาดี เป็นต้น ทางพระท่านกล่าวว่า พระอรหันต์นั้นละกิเลสได้ แต่ละวาสนาไม่ได้ เฉพาะพระพุทธเจ้าเท่านั้น ที่ทรงละได้ทั้งกิเลสและวาสนา

เพราะเหตุนี้ จึงมีเรื่องเล่าว่าพระสารีบุตร หลังบรรลุธรรมและได้เป็นพระอัครสาวกเบื้องขวาแล้ว ท่านก็ละวาสนาของท่านไม่ได้ เวลาท่านไปที่ไหน ที่บรรยากาศสวยงามท่านก็จะ "อิน" ในบรรยากาศนั้นมากขึ้นถึงกระโดดโลดเต้นด้วยความยินดี พระเล็กเณรน้อยก็นินทาว่า "อะไรกัน พระผู้ใหญ่ไม่สำรวมเลย กระโดดโลดเต้นยังกะเด็ก"

พระพุทธเจ้าทรงทราบเรื่อง จึงตรัสกับภิกษุเหล่านั้นว่า "อย่าตำหนิสารีบุตรเลย นี้เป็นวาสนาของเธอ เพราะเธอเคยเกิดเป็นลิงหลายร้อยชาติติดต่อกัน"

ครับ ในกรณีพระปิลินทวัจฉะ ก็เช่นนั้น พระพุทธเจ้าตรัสว่า พระปิลินทวัจฉะเคยเกิดเป็นพราหมณ์ติดต่อกันห้าร้อยชาติ มีความถือตัวในความเป็นพราหมณ์ วาจาเช่นนี้จนชิน มาชาตินี้คำพูดอย่างนี้จึงเป็นวาสนาของปิลินทวัจฉะแก้ไม่หาย แต่เธอไม่มีเจตนาพูดคำหยาบ



เขียนมาถึงตรงนี้ นึกถึงหลวงพ่อคูณท่านชอบใช้คำพ่อขุน คือ กูมึงจนติดปาก ไม่มีใครถือท่าน เพราะรู้ว่าท่านมิได้มีเจตนาจะให้เป็นคำหยาบ นี้แหละเป็นวาสนาของหลวงพ่อคูณ ใครอย่าไปเกณฑ์ให้ท่านพูดเป็นอย่างอื่น เดี๋ยวเกิดเรื่อง อย่างที่เคยเล่าต่อๆ กันมา (เล่าอย่างไร ลองกระซิบถามคนในวงการดูก็แล้วกัน ผมเคยเขียนถึงมาหลายครั้งแล้ว ไม่อยากจะฉายซ้ำอีก)

หลวงพ่อปิลินทวัจฉะ ถึงจะพูดไม่ค่อยไพเราะหู แต่ท่านมีเมตตากรุณาสูงยิ่ง ชอบช่วยเหลือคนตกทุกข์ได้ยาก ดังวันหนึ่งได้ใช้อิทธิฤทธิ์เหาะไปนำเด็กสองคนที่โจรลักพาตัวไปมาคืนพ่อแม่ เป็นที่ชื่นชมโสมนัสของพ่อแม่เด็กและญาติวงศ์ในตระกูล

แต่ก็ไม่วายถูกพระเล็กพระน้อยค่อนแคะเอา หาว่าท่านปิลินทวัจฉะไปแย่งเอาทรัพย์สมบัติของพวกโจรต้องอาบัติ แน่ะ กล่าวหาอะไรเชยๆ อย่างนั้น จนพระพุทธองค์ตรัสว่า การที่ปิลินทวัจฉะจะไปนำเด็กคืนมามิใช่การลักขโมยของ เป็นการกระทำที่เกิดจากความกรุณา ต้องการช่วยเหลือคนที่ตกอยู่ในอันตรายหรือได้รับทุกข์ เป็นเรื่องที่พึงสรรเสริญมากกว่าตำหนิ นั้นแหละครับ เสียงซุบซิบ (หาเรื่อง) จึงสงบลง

ท่านปิลินทวัจฉะได้รับยกย่องจากพระพุทธองค์ว่าเป็นผู้เลิศกว่าผู้อื่น ในทางเป็นที่รักของมนุษย์และเทวดาทั้งหลาย

พระที่คนรักนั้นหาได้ง่าย แต่ที่ทั้งคนและเทวดารักนี้ หามิได้ง่ายๆ นะครับ

ที่มา
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1327052647&grpid=no&catid&subcatid

ออฟไลน์ puyusuk1

  • สัตตมะ
  • **
  • กระทู้: 970
    • ดูรายละเอียด
    • อีเมล
ตอบ: พระปิลินทวัจฉะ ผู้มีวาจาสิทธิ์
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: 29 ม.ค. 2555, 09:55:57 »
ขอบคุณครับ