บทความโดย - อาจารย์ราม วัชรประดิษฐ์
ในประเทศไทยนั้นมีพระพุทธรูปมากมายหลายแบบหลายสมัย ซึ่งแต่ละแบบแต่ละสมัยก็จะมีความแตกต่างทางศิลปะตามอิทธิพลของถิ่นกำเนิดและศิลปะต้นแบบ "พระพุทธรูปเชียงแสน" เป็นพระพุทธรูปอีกศิลปะหนึ่งที่สำคัญและมีต้นกำเนิดจากทางภาคเหนือครับผม
ตามหลักฐานทางประวัติศาสตร์ ภาคเหนือของประเทศไทยเคยเป็นที่ตั้งอาณาจักรอันกว้างใหญ่ชื่อว่า "อาณาจักรเชียงแสน" ในราวรัชสมัยพระเจ้าอนุรุทมหาราชแผ่อำนาจเข้ามาปกครองเมืองเชียงแสน พระองค์ได้นำเอาพระพุทธศาสนาลัทธิหินยาน (เถรวาท) อย่างพุกามเข้ามาเผยแผ่ ซึ่งส่วนหนึ่งได้รับอิทธิพลจากพุทธศาสนาลัทธิหินยานที่เข้ามาทางประเทศอินเดียฝ่ายเหนือผ่านมอญและพม่า
อาจจะเป็นด้วยเหตุนี้เอง การสร้างพระพุทธรูปจึงได้รับอิทธิพลจากพระพุทธรูปศิลปะอินเดียสกุลช่างปาละ ซึ่งมีพุทธลักษณะที่สำคัญคือ พระรัศมีทำเป็นแบบดอกบัวตูมหรือลูกแก้ว ขมวดพระเกศาทำเป็นก้นหอยใหญ่ พระพักตร์กลมอมยิ้ม พระหนุ (คาง) เป็นปม ลำพระองค์อวบอูมสมบูรณ์ พระอุระนูน ชายสังฆาฏิเหนือพระอังสาซ้ายสั้นและปลายแตกเป็นปากตะขาบ นิยมสร้างเป็นปางมารวิชัย ขัดสมาธิเพชร และปรากฏพระบาททั้งสองข้าง และตั้งชื่อพระพุทธรูปศิลปะแบบนี้ว่า "พระพุทธรูปศิลปะเชียงแสน" เชื่อกันว่าเป็นแบบอย่างของพระพุทธรูปรุ่นแรกๆ ของไทย
"พระพุทธรูปเชียงแสน" ไม่ได้มีจำกัดอยู่เฉพาะที่เมืองเชียงแสนเท่านั้น แต่ได้ขยายขอบข่ายออกไปถึงเมืองเชียงใหม่ ลำพูน แพร่ น่าน และเลยเข้าไปยังเมืองหลวงพระบางและนครเวียงจันทน์ ด้วยพระเจ้าไชยเชษฐาแห่งเมืองเวียงจันทน์ ได้เข้ามามีอำนาจอยู่ในนครเชียงใหม่ช่วงระยะหนึ่ง และกวาดต้อนชาวเชียงใหม่ที่มีฝีมือในการสร้างพระพุทธรูป ไปสร้างพระพุทธรูปในเขตเมืองหลวงพระบางและเมืองเวียงจันทน์ จึงได้เกิดเป็นพุทธรูปศิลปะอีกแบบหนึ่งขึ้นมาเรียกว่า "พระเชียงแสนลาว" หรือ "พระพุทธรูปแบบเชียงแสนนอกเมือง" มีอายุเทียบได้ราวพุทธศตวรรษที่ 20 ประมาณอายุใกล้เคียงกับ "พระพุทธรูปศิลปะเชียงแสนสิงห์ 3" หรือสมัยอยุธยา ยังมีการค้นพบในแถบภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทยโดยทั่วไป ซึ่งเป็นต้นแบบฝีมือสกุลช่างปั้นพระพุทธรูปในภาคตะวันออกเฉียงเหนือในสมัยต่อมา พระพุทธรูปเชียงแสนยังได้รับอิทธิพลและแบบอย่างจากพุทธศิลปะประเทศลังกา ซึ่งเผยแผ่เข้ามาทางภาคใต้ของประเทศไทย เกิดเป็นพุทธศิลปะอีกแบบหนึ่งเรียกว่า "พระพุทธรูปเชียงแสนลังกาวงศ์"
สรุปว่าพระพุทธรูปเชียงแสนนั้น มีมาก มายหลายสกุลช่าง และได้มีการสืบสานการสร้างตลอดมาเป็นระยะเวลายาวนานหลายร้อยปี พุทธลักษณะหลักมีดังนี้ พระเกศทำเป็นพระเกศบัวตูม พระศกทำเป็นขมวดก้นหอย และเม็ดพระศกค่อนข้างเขื่อง พระพักตร์อวบอูมดูสมบูรณ์ และปรากฏรอยยิ้มเล็กน้อย พระเนตรเป็นแบบเนตรเนื้อ (ไม่ฝังมุก) พระหนุเป็นรอยหยิก พระวรกายอวบอ้วนสมบูรณ์ ชายสังฆาฏิสั้นอยู่เหนือราวนมและแตกเป็นปากตะขาบ ซึ่งจะเรียกว่า "พระพุทธรูปเชียงแสนสิงห์ 1" ถ้ายาวเลยราวนมลงมาเรียกว่า "พระพุทธรูปเชียงแสนสิงห์ 2" และสุดท้ายถ้ายาวลงมาจรดพระหัตถ์ จะเรียกว่า "พระพุทธรูปเชียงแสนสิงห์ 3" ครับผม