บ่อพระแสง-บ่อพระขรรค์
บ่อพระแสงและบ่อพระขรรค์ (บ่อแรกคือบ่อพระแสง บ่อถัดไปคือบ่อพระขรรค์)บ่อพระแสง เป็นบ่อดินขนาดใหญ่ ลึก 10 เมตร มีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 20 เมตร เป็นบ่อที่มีคุณภาพของสินแร่ดีกว่าบ่ออื่นๆ ในบริเวณแหล่งแร่น้ำพี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งบ่อนี้สงวนไว้สำหรับทำพระแสงดาบถวายสำหรับพระมหากษัตริย์เท่านั้น จึงได้ชื่อว่า "บ่อพระแสง"
บ่อพระขรรค์ เป็นบ่อดินขนาดย่อมกว่าบ่อพระแสง มีความลึกประมาณ 7 เมตร และมีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 12 เมตร บรรพบุรุษได้สงวนบ่อนี้ไว้เพื่อนำเอาเหล็กจากบ่อนี้ไปถลุงทำพระขรรค์ถวายพระมหากษัตริย์เท่านั้น จึงเรียกกันมาแต่โบราว่า "บ่อพระขรรค์"
บ่อขุดสินแร่เหล็กทั้งสองบ่อนี้ เป็นบ่อเหล็กที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในบริเวณแหล่งแร่เหล็กน้ำพี้ และเชื่อกันว่ามีความศักดิ์สิทธิ์ที่สุด และเป็นบ่อเหล็กที่มีคุณภาพดีที่สุดในประเทศไทย
พิพิธภัณฑ์พื้นบ้านบ่อเหล็กน้ำพี้
หุ่นจำลองแสดงวิธีการถลุงเหล็กแบบโบราณในปี พ.ศ. 2541 นายชัยพร รัตนนาคะ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุตรดิตถ์ (ในสมัยนั้น) ได้เห็นว่า บ่อเหล็กน้ำพี้เป็นแหล่งแร่เหล็กทางธรรมชาติที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ของชาติ และเป็นสถานที่สำคัญยิ่งแห่งหนึ่งของจังหวัดอุตรดิตถ์ ควรส่งเสริมให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวและศึกษาประวัติศาสตร์สำหรับผู้สนใจ จึงได้อนุมัติงบประมาณเพื่อจัดสร้างพิพิธภัณฑ์พื้นบ้านบ่อเหล็กน้ำพี้ โดยทำการเปิดเมื่อ วันที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2542 โดยทำการบูรณะปรับปรุงภูมิทัศน์โดยรอบบริเวณบ่อเหล็กน้ำพี้ และได้จัดสร้างพิพิธภัณฑ์พื้นบ้านบ่อเหล็กน้ำพี้ สำหรับนักท่องเที่ยวและผู้สนใจได้เข้าศึกษาถึงภูมิปัญญาพื้นบ้านแบบโบราณ โดยเฉพาะอย่างยิ่งได้มีการจัดแสดงเครื่องมือเครื่องใช้โบราณและจัดแสดงหุ่นการถลุงเหล็กแบบโบราณตั้งแต่เริ่มขุดหาแร่เหล็กจนถึงการถลุงจนได้เหล็กน้ำพี้ที่นำมาใช้ประโยชน์ได้ ซึ่งนับว่าเป็นแหล่งเรียนรู้ภูมิปัญญาไทยที่น่าสนใจและให้ความรู้ด้านการถลุงเหล็กแบบโบราณได้อย่างดียิ่ง
ศาลเจ้าพ่อบ่อเหล็กน้ำพี้
ศาลเจ้าพ่อบ่อเหล็กน้ำพี้บริเวณทิศเหนือของบ่อพระแสงและบ่อพระขรรค์ มีศาลเจ้าพ่อบ่อเหล็กน้ำพี้ตั้งอยู่ ซึ่งมีเรื่องเล่าเป็นตำนานของชาวน้ำพี้สืบมาว่าบ่อเหล็กน้ำพี้ มีปู่ธรรมราชที่เป็นเจ้าพ่อบ่อพระแสงสถิตย์อยู่ในศาลนี้เพื่อคอยปกปักษ์รักษาบ่อเหล็กสำคัญคือบ่อพระแสงและบ่อพระขรรค์
ศาลนี้เป็นสร้างที่สร้างขึ้นใหม่มีลักษณะทรงไทยสีขาว พื้นปูด้วยหินอ่อน ภายในตั้งรูปเจ้าพ่อ ๓ ตน หล่อด้วยเหล็กน้ำพี้ทั้งองค์ สร้างด้วยงบประมาณจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยเมื่อปี พ.ศ. 2534 เพื่อเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของชาวน้ำพี้และเป็นศูนย์รวมสักการะสำหรับผู้ศรัทธา ซึ่งนับว่าเป็นสถานที่ ๆ มีความศักดิ์สิทธิ์ที่สำคัญยิ่งอีกแห่งหนึ่งของจังหวัดอุตรดิตถ์
การอนุรักษ์การตีดาบโลหะน้ำพี้แบบโบราณ
การตีขึ้นรูปดาบเหล็กน้ำพี้แบบโบราณปัจจุบันชาวบ้านน้ำพี้ยังคงสืบทอดวิธีการถลุงเหล็กและการตีขึ้นรูปดาบเหล็กน้ำพี้มาแต่โบราณ ดังปรากฏเตาถลุงเหล็กน้ำพี้ของชาวบ้านกระจายอยู่ทั่วไป แต่แหล่งที่เป็นที่ถลุงแร่และตีดาบที่สำคัญจะอยู่บริเวณทางไปบ่อเหล็กน้ำพี้ ซึ่งจะสามารถพบเห็นการตีดาบน้ำพี้แบบโบราณได้ตลอดเส้นทาง ซึ่งผู้สนใจสามารถเยี่ยมชมได้อย่างใกล้ชิด เป็นการเรียนรู้จากต้นแหล่งภูมิปัญญามรดกไทยที่ยังมีชีวิตอยู่จนถึงปัจจุบัน
ของที่ระลึกบ้านน้ำพี้
ของที่ระลึกในร้านค้าวิสาหกิจชุมชนของตำบลน้ำพี้ในปัจจุบันชาวบ้านน้ำพี้ส่วนใหญ่ยึดอาชีพเกษตรกรรมและหารายได้เสริมจากการทำของที่ระลึกจากเหล็กน้ำพี้ เช่นการทำดาบเหล็กน้ำพี้, การทำสายสร้อยลูกประคำแร่เหล็กน้ำพี้, การทำพระเครื่องจากแร่เหล็กน้ำพี้ ซึ่งนับว่าเป็นแหล่งทำของที่ระลึกประจำจังหวัดที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งของจังหวัดอุตรดิตถ์ โดยสินค้าที่ระลึกจากบ้านน้ำพี้ได้รับรางวัลสินค้า OTOP คุณภาพ ๔ ดาว ซึ่งเป็นเครื่องรับรองถึงคุณภาพสินค้าของบ้านน้ำพี้ได้อย่างดี
เนื่องจากปัจจุบันแร่เหล็กน้ำพี้หายากและมีราคาต่อกิโลกรัมกว่าพันบาทขึ้นไป ชาวบ้านน้ำพี้ส่วนใหญ่จึงนำเหล็กน้ำพี้มาทุบเป็นผงและผสมกับดินข้างบ่อเหล็กน้ำพี้เพื่อนำมาทำเป็นวัตถุมงคลของที่ระลึก โดยนิยมนำมาทำเป็นสร้อยประคำหรือพระผงออกจำหน่ายด้วย
ผู้สนใจสามารถซื้อสินค้าเหล่านี้ได้จากร้านค้าวิสาหกิจชุมชนที่ตั้งอยู่บริเวณบ่อเหล็กน้ำพี้ หรือจะไปศึกษาการทำดาบแบบโบราณและหาซื้อจากชาวบ้านโดยตรงก็สามารถทำได้ โดยจะสามารถหาซื้อได้ในราคาที่ถูกกว่าที่มีจำหน่ายในร้านค้าวิสาหกิจชุมชนที่ตั้งอยู่บริเวณบ่อเหล็กน้ำพี้
ขอขอบคุณ เครดิสจากเว็บ http://th.wikipedia.org ครับ