:054:ตั้งแต่รู้สึกตัวและตื่นลืมตา จนถึงเวลาหัวถึงหมอนก่อนจะหลับ เราต้องพบกับเรื่องราวมากมายหลายหลาก และถ้าหากเราไม่รู้จักคิด
และพิจารณา มันก็จะพาให้ใจเราสับสนและวุ่นวายกลายเป็นทุกข์ เพราะใจเราไปเก็บเอามาทุกเรื่องที่เจอะเจอ เราจึงต้องหมั่นฝึกจิตฝึกคิด
และฝึกจบเป็นเรื่องๆไป ฝึกจัดข้อมูลเสียใหม่ในส่วนความจำของเรา ฝึกคัดแยกข้อมูลข่าวสารที่รับรู้ สิ่งไหนมีสาระ สิ่งไหนไม่มีสาระ สิ่งไหน
เป็ยขยะ สิ่งไหนที่เอากลับไปใช้ได้ สิ่งไหนมีความหมายและเป็นประโยชน์ เราต้องรู้จักแยกแยะมีประโยชน์เก็บไว้ ส่วนที่ใช้อะไรไม่ได้ก็ทิ้งไป
จัดเรียงข้อมูลไว้เป็นหมวดหมู่ ว่าสามารถอยู่ในหมวดหมู่ใด ด้วยการสงเคราะห์เทียบเคียงกับหลักธรรมทั้งหลาย ว่าสงเคราะห์กับธรรมในข้อใด
จนเราเข้าใจ แล้วจึงจัดเก็บ สมองส่วนที่เก็บความจำมันก็จะทำงานของมันเอง
:054:การทำงานของจิตนั้น เหมือนเรากำลังทำปริญญา...เทียบเคียงได้ว่า
ปริญญาตรี...คือการฝึกความจำและฝึกตีความ เพื่อทำความเข้าใจ
ปริญญาโท...คือการฝึกหาข้อมูล หาที่มาที่ไป เพื่อให้เข้าใจในกระบวนการเหล่านั้น
ปริญญาเอก...คือการวิจัย การทดลอง ลงมือปฏิบัติ เพื่อให้รู้ชัดและเห็นจริง
ซึ่งเทียบเคียงได้กับหลักดำเนินการทางจิต...คือ
ปริยัติ....คือการเรียนรู้ทุกสิ่งทุกอย่าง เพื่อเป็นแนวทางในการปฏิบัติ การฟัง การอ่าน การพูดคุย การดู คือการเรียนรู้
ปฏิบัติ...เอาความรู้ทั้งหลายมาทดลองทำ ตามที่รู้ ตามที่เห็น และตามที่เข้าใจ ว่ามันใช่หรือมิใช่ เหมาะสมหรือไม่ รู้ได้ด้วยการปฏิบัติ
ปฏิเวท...คือบทสรุปในข้อมูลทั้งหลายที่ได้นำมาทดลองทำมาแล้ว และออกมาเป็นผลสำเร็จ
:054:ในวันหนึ่งๆเราต้องรับรู้เรื่องราวมากมาย ทั้งทางดีและทางร้าย ทั้งความวุ่นวายและความสงบนิ่ง ทั้งเรื่องจริงและเรื่องไม่จริง
ถ้าเราไม่นิ่ง ไม่มีสติสัมปชัญญะ เราก็จะตามมันไม่ทัน เขาไปมีส่วนร่วนในเรื่องราวอารมณ์เหล่านั้น มันก็จะวุ่นวาย สับสน และทกข์ไปด้วย
เราคือผู้ดู ผู้ชม ไม่ใช่ผู้แสดง ไม่ใช่ผู้กำกับ...ฉะนั้นจงอย่ากระโดดเข้าไปเป็นผู้แสดงเสียเอง ปล่อยให้เขาแสดงกันไป เรามีหน้าที่เป็นผู้ดู
ดูจนจบ และจบแล้วให้มันจบไป ดูเรื่องใหม่ต่ออีก...ดูให้จบเป็นเรื่องๆไป และเรื่องที่จบไปแล้วก็ไมต้องไปสนใจ ดูเรื่องใหม่ที่กำลังแสดง
ดูไปวิเคราะห์ไป ทำความเข้าใจกับมันไป และเมื่อมันจบ เราก็ต้องจบด้วย แต่ถ้าเรายังไม่จบ ยังค้างคาใจ พอเรื่องใหม่แสดงเราก็จะไม่มีสมาธิ
ที่จะดู เลยทำให้ไม่รู้เรื่อง และบางครั้งเอาทั้งเรื่องเก่าเรื่องใหม่มาปนกัน มันจึงไม่ได้เรื่องและไม่รู้เรื่อง สิ้นเปลืองพลังสมองโดยใช่เหตุ
ไม่เกิดประโยชน์ ซ้ำยังเป็นโทษต่อตัวเอง....
:059:คือข้อคิดและหลักการดำเนินชีวิตที่จะทำให้ไม่สับสนและวุ่นวาย ไม่เป็นทุกข์
:054:แด่สภาวะธรรมในยามเช้าและเรื่องราวที่ได้รับรู้
:016:แด่ทุกอย่างที่เป็นครู สอนให้รู้อารมณ์ธรรม
รวี สัจจะ-สมณะไร้นาม
๑๘ กรกฎาคม ๒๕๕๒ เวลา ๐๙.๔๒ น. ณ ศาลาน้อยริมน้ำโขง ชายแดนประเทศไทย