ปรากฏการณ์ของขึ้น สีสันและมนต์เสน่ห์..."วันไหว้ครูหลวงพ่อเปิ่น"
คมชัดลึก : "๙ ปี" แห่งการมรณภาพ "พระอุดมประชานาถ" หรือ "หลวงพ่อเปิ่น" อดีตเจ้าอาวาสวัดบางพระ อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม (เมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๔๕ เวลา ๑๐.๕๕ น. อายุ ๗๙ ปี พรรษา ๕๔) ที่ลูกศิษย์ขนานนามให้เป็น "เทพเจ้าแห่งลุ่มแม่น้ำนครชัยศรี" แต่พระสงฆ์ที่เป็นลูกศิษย์ยังคงสืบทอดการสักยันต์ตามตำราของหลวงพ่อเปิ่นไว้อย่างสมบูรณ์ ในวันไหว้ครูหลวงพ่อเปิ่น ถือเป็นวันชุมนุมลูกศิษย์นับหมื่นคนจากทั่วทุกสารทิศ ยังคงแห่ร่วมพิธีไหว้ในวันเสาร์ของเดือนกุมภาพันธ์ หรือเดือนมีนาคม เป็นประจำทุกปี เพื่อเป็นการระลึกถึงครูบาอาจารย์เป็นสำคัญ
ในปีนี้ "งานไหว้ครูหลวงพ่อเปิ่น" จัดขึ้นวันเสาร์ที่ ๑๙ มีนาคม ๒๕๕๔ เวลา ๐๙.๓๙ น. สาเหตุที่ทำพิธีกันในวันเสาร์ บูรพาจารย์กล่าวไว้ว่า วันเสาร์เป็นวันที่แข็งที่สุด พิธีการอันใดที่วัดจัดขึ้นในวันนี้ จะมีกฤตยานุภาพเข้มแข็งมาก วันบูชาครูเป็นวันที่เสมือนหนึ่งเป็นการแสดงความกตัญญูกตเวทีน้อมระลึกเคารพนับถือบุญคุณของบูรพาจารย์ ครูบาอาจารย์ คณาจารย์ผู้ประสิทธิ์ประสาทวิชาความรู้ วิชาไสยเวท คาถาอาคม คัมภีร์ต่างๆ ให้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ตั้งมั่นกระทำแต่ความดี
พิธีไหว้ครูหรือบูชาครูของหลวงพ่อเปิ่น เป็นพิธีของพระเกจิอาจารย์ที่บูชาบูรพาจารย์ บวงสรวงพรหม เทพยดา สิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ กล่าวกันว่าระหว่างที่องค์ท่านบริกรรมพระคาถา วิปัสสนากรรมฐานระลึกถึงครูบาอาจารย์สิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ องค์ต่างๆ จะเข้าประทับหมุนเวียนกันไปนับเป็นจำนวนพันๆ ภาค อย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นองค์พ่อแก่ฤาษี หรือบูรพาจารย์ พระอาจารย์ต่างๆ ตลอดจนเทพเทวดาเบื้องบน ก็มาร่วมพิธีให้เข้มขลังศักดิ์สิทธิ์ยิ่งขึ้น
ในคืนก่อนวันไหว้ครู (คืนวันศุกร์ที่ ๑๘ มีนาคม ๒๕๕๔) พระที่ทำหน้าที่สักยันต์ของวัด รวมทั้งลูกศิษย์ของหลวงพ่อเปิ่นที่ได้รับการครอบครูสักยันต์ ต้องนั่งสักยันต์ตั้งแต่เช้าวันศุกร์ บางรูปบางคนต้องนั่งสักยันต์ไปถึงรุ่งเช้าของวันเสาร์ ซึ่งเป็นวันไหว้ครู โดยผู้ที่มาสักยันต์อยากได้ลายยันต์ไปเข้าพิธีในวันนี้
ยิ่งใกล้เวลา ๐๙.๓๙ น. ลานโล่งด้านหน้ารูปหล่อหลวงพ่อเปิ่น เบียดเสียดยัดเยียด ผู้คนพากันนำพานดอกไม้มาบูชาครู ส่วนภายในวงสายสิญจน์ ผู้คนนั่งเบียดเสียดแออัดกันเต็มสนามรอบสายสิญจน์ที่ดูแคบไปถนัดใจ
ปรากฏการณ์อย่างหนึ่งที่น่าสนใจในวันไหว้ครู คือ ศิษย์คนใดสักยันต์รูปสัตว์ชนิดใดก็จะแสดงอาการของสัตว์ชนิดนั้นๆ ตลอดช่วงพิธีไหว้ครู ซึ่งเป็นภาพที่น่าตื่นตาตื่นใจของผู้ที่ไม่เคยได้เห็นมาก่อนเป็นอย่างยิ่ง
คนที่ของขึ้น ส่วนใหญ่มักเกิดกับคนที่มีความเลื่อมใส จิตใจตั้งมั่นยึดมั่นในครูบาอาจารย์ อ่อนไหวง่าย เมื่อหลับตาระลึกถึงครูบาอาจารย์ท่าน พวกที่สักอักขระที่เป็นรูปลักษณ์ต่างๆ เช่น ผู้ที่สักรูปเสือเผ่น ก็กางเล็บกระโดดโจนทะยานวิ่งเข้าหาหลวงพ่อหน้าปะรำพิธี ผู้ที่สักเป็นรูปหนุมานก็กระโดดโลดเต้นตีลังกาเข้าหา ที่สักหมูป่าก็แผดเสียงร้องก้อง วิ่งเข้าหาหลวงพ่อ บนพื้นดินก็มีคนคลานเลื้อยเหมือนปลาไหล บางคนของขึ้น ก็ทำท่าทางยกมือเหมือนถือไม้เท้าเดินกระย่องกระแย่ง ลักษณะเหมือนฤาษี
ครั้นได้ฤกษ์ พิธีเริ่มขึ้นเวลา ๐๙.๓๙ น. พระครูอนุกูลพิศาลกิจ หรือหลวงพ่อสำอาง เจ้าอาวาสวัดบางพระ ได้เดินผ่านหมู่ลูกศิษย์ที่พนมมือกราบไหว้ตลอดระยะทาง จนขึ้นสู่ปะรำพิธี หมู่ลูกศิษย์ที่อยู่ในวงสายสิญจน์บางคนก็เกิดอาการที่เรียกว่า "ของขึ้น" ที่น่าแปลกก็คือ ภายหลังจบพิธีไม่พบร่องรอยบาดแผล ถลอก หรือเลือดตกยางออกให้เห็นเลย
เมื่องานพิธีบูชาครู บูรพาจารย์สิ้นสุดลงแล้ว ลูกศิษย์บางคนก็เข้ามาขอเครื่องบายศรี ผลไม้ต่างๆ อาหารคาวหวานมากินเพื่อเป็นสิริมงคล พอหลวงพ่อลงมาจากปะรำพิธีกลับมาที่กุฏิ เครื่องบูชาเซ่นสังเวยบนปะรำพิธีก็หายวับไปกับตาไม่มีอะไรเหลือ แม้แต่โอ่งน้ำมนต์ที่มีน้ำมนต์เต็มโอ่งก็แห้งขอด งานบูชาครูก็เป็นอันจบสิ้นพิธี ท่ามกลางความยินดีปรีดาของเหล่าลูกศิษย์ที่อิ่มเอิบไปด้วยแรงบุญอันเป็นสิ่งที่เป็นมงคลสูงสุดที่เขาเหล่านั้นได้รับ เหลือไว้แต่ตำนานพิธีบูชาครูอันเข้มขลัง
เพื่อนขึ้น-ขึ้นตามเพื่อน
"อาการของขึ้น มีทั้งขึ้นจริงและขึ้นตามเพื่อน รายที่ขึ้นตามเพื่อน เพราะถ้าไม่ขึ้นอาจจะคิดไปเองว่าไม่ขลัง จึงต้องทำแกล้งบ้าง รายที่แกล้งขึ้นจะสังเกตได้ง่ายๆ คือ ขึ้นบ่อยครั้งมากเกินไป" นี่คือข้อสังเกตของ พระอาจารย์อภิญญา คนุตฺตโม หรือหลวงพี่ญา
อาการของขึ้นในวันไหว้ครูนั้น หลวงพี่ญา บอกว่า อาการของขึ้นมากที่สุดน่าจะเป็นเสือเผ่น รองลงมาเป็นฤาษี (พ่อแก่) หนุมาน ลิงลม หมูทองแดง และปลาไหล ที่เป็นเช่นนี้เพราะมีคนสักยันต์รูปเสือเผ่นมากกว่าสัตว์อื่นๆ
ส่วนจำนวนลูกศิษย์ที่มาสักยันต์เพิ่มขึ้น มีเหตุปัจจัยหลายอย่าง อาทิ คนในสังคมปัจจุบันขาดกำลังใจ และเชื่อว่า อักขระเลขยันต์ของหลวงพ่อเปิ่นสามารถช่วยบรรเทาทุกข์ได้
ส่วนจำนวนลูกศิษย์ที่เพิ่มขึ้นนั้น หลวงพี่ญา บอกว่า มาจาก ๓ เหตุผล คือ ๑.คำเล่าขานของคนรุ่นก่อนๆ ๒.การคมนาคมที่สะดวกขึ้น และ ๓.การเสนอข่าวของสื่อมวลชน บางวันมีคนมาตั้งแต่ ๖ โมงเช้า สักยันต์ไปจนถึงมืดค่ำก็มี ถ้าเป็นวันเสาร์-อาทิตย์ อาจจะเป็นร้อยคน เหตุที่คนสักมากขึ้น เพราะสภาพสังคมขาดที่พึ่งทางใจ สักแล้วจะทำให้ชีวิตดีขึ้น ส่วนใหญ่จะเป็นพวกเมตตามหานิยม คุ้มครองให้เกิดความปลอดภัย
ทั้งนี้ หลวงพี่ญา พูดไว้อย่างน่าคิดว่า "ใครที่สักยันต์จากสำนักวัดบางพระ ใช่ว่าสักไปแล้วจะขลัง มีพุทธคุณเข้มขลังเสมอไป ทั้งนี้ ต้องยึดหลักปฏิบัติอย่างเคร่งครัด คือ ๑.ศีล ๕ อย่าให้ขาด โดยเฉพาะข้อ ๓ ห้ามผิดลูกเขาเมียเขา เที่ยวซ่องโสเภณี ใครผิดข้อนี้ข้อเดียว พุทธคุณของยันต์ไม่แสดงปาฏิหาริย์ นอกจากนี้แล้ว ยังมีข้อห้ามสำหรับคนสักยันต์อีก คือ ๑.ห้ามผิดลูกเมียเขา ๒.ห้ามด่าบุพการี ๓.ห้ามกินน้ำเต้า มะเฟือง และ ๔.ห้ามลอดไม้ค้ำกล้วย ตะพานหัวเดียว
"อาการของขึ้นมีทั้งขึ้นจริงและขึ้นตามเพื่อน รายที่ขึ้นตามเพื่อน เพราะถ้าไม่ขึ้นอาจจะคิดไปเองว่าไม่ขลัง จึงต้องทำแกล้งบ้าง รายที่แกล้งขึ้นจะสังเกตได้ง่ายๆ คือ ขึ้นบ่อยครั้งมากเกินไป"
เรื่อง... "ไตรเทพ ไกรงู"
ภาพ... "ประเสริฐ เทพศรี"