(http://img225.imageshack.us/img225/8974/lpkh01.jpg)
ย้อนไปสักยี่สิบกว่าปีที่อำเภอโขงเจียม จังหวัดอุบลราชธานี มีพระหลวงปู่รูปหนึ่งเป็นที่ศรัทธาของชาวบ้าน ท่านมีนามว่า " คำคะนิง จุลมณี " แห่งวัดถ้ำคูหาสวรรค์
หลวงปู่คำคะนิงนั้น ท่านเป็นพระที่ไม่เหมือนใคร กล่าวคือท่านเคยผ่านการเป็นฤษีชีไพรมาก่อนถึง ๑๕ ปีก่อนที่จะค่อยบวชเป็นพระ เมื่อบวชเป็นพระแล้วก็มักแสวงหาธรรมอันแปลก ๆ ด้วยการธุดงค์ไปตามที่ต่าง ๆ ซึ่งส่วนใหญ่ก็อยุ่ตามป่าเขานั่นเอง
และแล้วครั้งหนึ่งที่เมืองเชียงตุง....
หลวงพ่อปานแห่งวัดบางนมโค จ.พระนครศรีอยุธยา ท่านได้พาคณะศิษย์ท่องธุดงค์ในเขตป่าของเมืองแห่งนี้และได้มาปะทะหน้ากับชีปะขาวคำคะนิง หลวงพ่อปานเห็นสารรูปของคนผู้นี้แล้ว ถึงกับตะลึงเลยทีเดียว
เพราะตอนนั้นหลวงปู่คำคะนิงมีผมยาวถึงเอว หนวดเครารกรุงรัง ห่มผ้าขาดวิ่น มองไม่ออกว่าเป็นสีอะไร
หลวงพ่อปานท่านได้กล่าวขึ้นลอย ๆ ว่า " เออ...นี่ พระหรือคนเนี่ย "
หลวงปู่คำคะนิงในเพศชีปะขาวได้ยินเกิดอยากลองภูมิกับหลวงพ่อปานดู จึงถามกลับออกไปว่า " ไอ้พระนั่นมันอยู่ที่ไหนล่ะ "
" ก็เห็นผมยาว เสื้อผ้าขาดปุปะมองไม่ออกว่าเป็นสีอะไร แล้วใครเขาจะรู้ล่ะว่าพระหรือคน " หลวงพ่อปานโต้กลับ
หลวงปู่คำคะนิงตั้งคำถามใหม่ " พระมันอยู่ที่ผมหรือไง "
" ไม่ใช่ "
" พระมันอยู่ที่ผ้านุ่งหรือเปล่า "
" ไม่ใช่ "
" อ้าว แล้วพระมันอยู่ที่ไหนกันล่ะ " หลวงปู่คำคะนิงใช้คำถามจี้
หลวงพ่อปานตอบฉับพลันทันที " พระน่ะอยู่ที่ใจสะอาด "
หลวงปู่คำคะนิงยิ้มเยาะก่อนบอกออกไป " แล้วมาถามทำไมว่าพระหรือคน "
" เห็นผมเผ้ายาวรุงรัง ใครจะไปรู้ว่าพระหรือคนกันแน่ " หลวงพ่อปานก็ยังไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ
" พระบ้านพระเมือง พระกินข้าวชาวบ้านแบบนี้อวดดี เห็นทีต้องเห็นดีกัน "
หลวงปู่คำคะนิงกล่าวเสร็จก็คว้าหวายยาวร่วมวาเห็นจะได้ ขว้างไปเบื้องหน้าหลวงพ่อปาน จากหวายมันก็กลายเป็นงูใหญ่ท่าทางดุร้ายเตรียมฉกกัด หลวงพ่อปานเห็นเช่นนั้น ท่านก็ทำจิตเป็นสมาธิแล้วหยิบใบไม้ขว้างขึ้นสู่อากาศ กลายเป็นนกอินทรีย์ขนาดใหญ่ โฉบเฉี่ยวเอางูขึ้นไปสะบัดฟัดเหวี่ยงบนอากาศอยู่พักใหญ่
ในที่สุด งูก็พลัดตกลงดินกลายเป็นช้างตัวมหึมากำลังตกมัน ส่วนนกอินทรีย์ก็ถลาลงสู่พื้นดิน กลายเป็นเสือโคร่งใหญ่มีความดุร้ายไม่แพ้กัน สัตว์ทั้งสองชนิดเข้าโรมรันพันตูจนฝุ่นคลุ้งไปหมด แต่แล้วจู่ ๆ สัตว์ทั้งสองกลับสลายหายไป ฝ่ายหนึ่งกลายเป็นลูกไฟเข้าเผาผลาญ ในขณะที่อีกฝ่ายกลายเป็นพายุฝนเข้าแก้ทางกัน
ทั้งหลวงพ่อปานและชีปะขาวคำคะนิงต่างหัวเราะด้วยความชอบใจในอิทธิอภิญญาของกันและกัน ต่างฝ่ายชมกันและกันและถ่อมตนใส่กัน แต่ศิษย์ของหลวงพ่อปานที่ร่วมธุดงค์มาด้วย รู้ดีว่าท่านทั้งสองต่างก็มีอภิญญาด้วยกันทั้งคู่....
( ว้าว...เขียนเรื่องนี้แล้วชักอยากรู้จังว่าหากท่านขุนพันธ์เมืองใต้ประลองกำลังฤทธิ์กับยอดขุนพลเมืองนครปฐม แล้วผลมันน่าจะตื่นเต้นเพียงใดน๊อ.. :004: :004: )
(http://img225.imageshack.us/img225/205/normal1.jpg)
*********************
[]ลูกขอน้อมกราบนมัสการบูชาแด่ดวงพระวิญญาณอันศักดิ์สิทธิ์ขององค์หลวงปู่คำคะนิง จุลมณีแห่งวัดถ้ำคูหาสวรรค์และดวงพระวิญญษณอันศักดิ์สิทธฺขององค์พระเดชพระคุณหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค จ.พระนครศรีอยุธยาด้วยความเคารพสักการะอย่างสูงสุดในหัวใจ[/color][/color]
สุวัจชัย สมไพบูลย์