แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - tum_ohayo

หน้า: [1]
1
กรณีของพ่อแม่ ไม่เกี่ยวว่าขลังหรือไม่ขลัง เพราะแต่เดิมคือสิ่งที่ย้ำเตือนถึงพระคุณของพ่อแม่ ผู้ให้ความเคารพและกตัญญูต่อพ่อแม่ย่อมมีความสุขความเจริญ ในมงคลสูตรกล่าวดีแล้วว่าการบำรุงเลี้ยงดูพ่อแม่คือสิ่งมลคลสูงสุดสำหรับผู้ปฏิบัติ ใครปฏิบัติย่อมมีความสุขความเจริญ เวลามีสมบัติของพ่อแม่ติดตัว อยากให้นึกถึงเรื่อง"มาตุคุณ"และ"ปิตุคุณ"มากกว่ามาคิดว่าจะเอาสมบัติหรือชิ้นส่วนของร่างกายมาทำเป็นเครื่องรางชิ้นไหน? ผมจะไม่ได้ห้ามคุณจขกท. แต่อยากถามว่าในยามก่อนๆได้ดูแลท่านอย่างดีที่สุดแล้วหรือยัง? ได้ปฏิบัติตนตามหลักที่บุตรพึงกระทำหรือไม่? บางทีคนรุ่นหลังให้ความสำคัญกับ"วัตถุ"มากกว่าเรื่องจิตใจ เพียงแค่ลูกปฏิบัติตนตามทำนองคลองธรรม ปฏิบัติตนตามที่พ่อแม่สอนสั่งเหมือนยามที่ท่านมีชีวิต แม้ท่านสิ้นลมก็ยังมีความประพฤติที่ดี แต่นานวันเข้าของทุกอย่างถูกโยงเป็นเครื่องรางของขลังหมด ผมกลับคิดว่าสำหรับพ่อแม่เพียงแค่จำหน้าท่านได้แล้วปฏิบัติตามที่ท่านเคยสอนสั่ง น่าจะเพียงพอแล้วครับ

2
ความคิดส่วนตัว พ่อแม่ควรอยู่ในใจมากกว่านะครับ ทำเป็นล็อกเก็ตรูปพ่อแม่ติดตัว สิ่งที่เอาติดตัวควรเป็นพวกชายผ้าถุงมากกว่า ส่วนเส้นผมหรือเล็บก็เก็บไว้บนหิ้งบูชา ส่วนพระก็เก็บไว้คุ้มครองตนเอง บางครั้งสิ่งที่มาจากร่างกายพ่อแม่ อาจเป็นเครื่องเตือนสติถึงความ"ไม่เที่ยง"ของชีวิต ทำอะไรมีความตายอยู่เบื้องหน้า เป็นเครื่องเตือนใจเกี่ยวกับ"มรณานุสติ" ระลึกถึงความไม่ประมาท

3
ที่ผมทราบส่วนใหญ่ไม่มีใครสักช้างหรือครุฑ ถามกลับว่าทำไมต้องสักรูปสัตว์ที่เป็นเทพพาหนะด้วยครับ??? ถ้าจะสักก็ต้องสักรูปเทพองคืนั้นลงไปด้วย(แก้เคล็ดว่าควบคุมสัตว์พาหนะ) จริงๆช้างเอราวัณมีมาก่อนกวนเกษียรสมุทรแล้ว เป็นช้างที่มีความสวยงามถูกตาต้องใจพระอินทร์ท่านเลยนำมันขึ้นสวรรค์ แล้วตอนนั้นระหว่างที่พระอินทร์ขี่ช้าง พ่อแก่ทุรวาสขึ้นไปบนสวรรค์เพราะมีคนนำดอกไม้กลิ่นหอมรุนแรงมาถวายแต่พ่อแก่ท่านไม่ชอบเลยนำไปให้พระอินทร์ พระอินทร์ก็รับไว้แต่เอาพวงมาลัยไปวางบนหัวช้าง แล้วช้างทรงของพระอินทร์มันเป็นสัตว์เดรัจฉานมาแต่กำเนิด มันไม่รู้ว่ามาลัยนั่นพ่อแก่ทุรวาสนำมาถวาย ไม่ใช่สัตว์เทพเหมือนนาค ครุฑ แล้วช้างทรงมันได้กลิ่นฉุนของดอกไม้เลยคลั่งและฟาดงวงฟาดงาเหยียบพวงมาลัยนั้น
พ่อแก่ปรี๊ดดดดดแตก โมโหสุดขีด บอกว่าพระอินทร์ไม่ให้เกียรติตนเอง เอาพวงมาลัยไปวางบนหัวช้าง แถมช้างยังเหยียบพวงมาลัย เลยสาปให้ต่อไปเทพทำสงครามแพ้พวกอสูร หลังจากคำสาปนั้นช้างทรงพระอินทร์ก็หายไป เท่ากับพระอินทร์หมดจากความเสื่อมนั้น เลยเป็นที่มาของการกวนเกษียรสมุทรเพื่อให้เกิดน้ำอมฤต

4
ช้างเอราวัณหรือช้างไอราวัตเป็นช้างทรงของพระอินทร์ ในบันทึกไม่ได้บอกว่ามีลักษณะเป็นอย่างไร เป็นช้างธรรมดาครับ เป็นช้างที่เกิดในการกวนน้ำอมฤตพระอินทร์นำขึ้นวิมานอมราวดี ในทางศิลปะทำเป็นรูปช้างธรรมดาเหมือนช้างบนโลกนี้ ถ้าทำให้พิศดารทำเป็นช้างมี3งวง 5งวง 7งวง หรือทำหลายๆหัว

แต่ช้าวเอราวัณในคติไทยส่วนใหญ่ทำเป็น3หัว มากสุดคือ33หัว

5
การสักยันต์ในสมัยโบราณมันไม่มีน้ำยาฆ่าเชื้อ ไม่มีแอลกอฮอล์
ผมว่าต้องมีตัวยาหรือสมุนไพรอะไรสักอย่างที่ใช้ทาหลังจากสักหรือใช้ทาเวลามีอาการคัน


6
นางนพมาศ หรือ ท้าวศรีจุฬาลักษณ์ ทำกระทงลอย แน่นอน แม้ว่า ไม่มีประวัติศาสตร์เขียนไว้รับรอง
แต่ทุกสิ่ง ทุกอย่าง ก็ล้วน มีเรื่องราวของ พงศาวดาร บันทึกไว้ เป็นคำบอกเล่าสืบต่อกันมา ถ้าต้องการหลักฐานบันทึกตาม
ประวัติศาสตร์ พ่อขุนศรีอินทราทิต พ่อขุนเม็งราย พ่อขุนบางกลางท่าว เป็นโอรสของใคร ?

ของบางอย่าง ไม่ใช่ต้องใช้ประวัติศาสตร์ ระบุเสมอไป ต้องอ้างอิงพงศาวดาร บ้าง
สรุป พระเจ้าตากสินมหาราช ทรงสวรรคต ด้วยท่อนไม้จัน ตามประวัติศาสตร์ หรือไม่?

พงศาวดารก็ต้องดูด้วยว่ามันชำระมากี่ครั้ง กรณีการสวรรคตของพระเจ้าตาก ท่านไม่ได้สวรรคตเพราะ"ท่อนจันทน์"แน่นอน เหมือนเรื่องพระนเรศวรประกาศเอกราช ซึ่งในประวัติศาสตร์เป็นไปไม่ได้ เมื่อหลายร้อยปีก่อนไม่มีคำว่า"เอกราช"หรือ"อิสรภาพ" เพราะสมัยนั้นไม่มีแนวคิดเรื่องเขตแดนใดๆ เรื่องพระนเรศวรประกาศเอกราชไม่มีในประวัติศาสตร์แน่นอน

7
การบูชาพระแม่คงคาก็มีการลอยครับ แต่ไม่ได้มาลอยแบบในปัจจุบัน ในประเทศอินเดียก็ทำกระทงกันง่ายๆ ไม่ได้มานั่งตัดหยวกพับใบตองปักธูปเทียน แค่เอาใบตองมาพับให้ลอยน้ำ ใส่ดอกไม้ และจุดประทีปลอยในแม่น้ำ แต่ในประวัติศาสตร์มันไม่มีคำว่าลอยกระทง เหตุผลการลอยกระทงสมัยสุโขทัยมันคนละอย่างกับปัจจุบัน อย่าลืมว่าสมัยสุโขทัยไม่ได้อุดมสมบูรณ์อย่างที่เข้าใจ ไม่ใช่ในน้ำมีปลาในนามีข้าวเหมือนบ้านเมืองในอุดมคติของคนไทย แต่กลับมีการทำชลประทาน คนปกติคงไม่เอาอะไรไปลอยเล่นในแหล่งน้ำนั้น

ไม่มีนางนพมาศทำกระทงอะไรอย่างที่เข้าใจ นางนพมาศหรือท้าวศรีจุฬาลักษณ์เป็นลักษณะของผู้หญิงในอุดมคติของคนไทย มาจากหนังสือเรื่อง นางนพมาศ หรือ ตำรับท้าวศรีจุฬาลักษณ์ แต่งในสมัยรัชกาลที่3 แล้วคำว่าเผาเทียนเล่นไฟอาจไม่ใช่ลอยกระทง แต่คนรุ่นหลังนำไปโยงกับลอยกระทง แล้วการลอยกระทงแบบที่เห็นในปัจจุบัน มันมาจากงานประณีตศิลป์ในรั้วในวังมากกว่าเป็นงานของชาวบ้านตาสีตาสา แล้วการลอยกระทงแบบในราชสำนักก็คนละอย่างกับลอยกระทงในปัจจุบัน แน่นอนว่ากระทงแบบในวังมันต้องอลังการงานสร้าง เพราะมันเป็นพระราชพิธีครับ

ป.ล.นางนพมาศหรือท้าวศรีจุฬาลักษณ์ไม่เคยทำกระทงลอย เพราะไม่มีประวัติศาสตร์บันทึกไว้ว่าเป็นลูกใครกันแน่

8
ขออนุญาตแสดงความคิดเห็นนะครับ ต่อให้จำกฎและข้อห้ามได้ มันไม่ใช่เครื่องรับประกันว่าสิ่งที่สักจะมีความขลัง รู้รึเปล่าว่าข้อห้ามหลายๆสำนักใช้ข้อห้ามในยุคอยุธยาทำสงครามกับหงสาวดี หรือในยุคที่คนไทยอยู่บ้านใต้ถุนสูงๆ แล้วมีการเชื่อแบบไม่มีเหตุผลรองรับ เช่น ห้ามกินของเหลือเดน บอกสั้นๆ สุดท้ายผู้ปฏิบัติคิดต่อเองว่าของที่พ่อแม่ตนเองกินก่อนตนเองห้ามกินต่อ โดยอ้างว่าของเสื่อม ช่วงเวลาสำคัญของครอบครัวคือการกินข้าวพร้อมกันในครอบครัว ผู้ใหญ่ตักอาหารกลางโต๊ะ ผู้เป็นลูกคงไม่มาสนใจเรื่องข้อห้ามนะครับ เพราะผมมองว่าปัจจุบันผู้ที่กำหนดข้อห้ามไม่ได้อธิบายรายละเอียดและเหตุผลประกอบ

บอกข้อห้าม เช่น ห้ามกินของเหลือเดนแล้วจบ ไม่มีการอธิบายต่อว่าของเหลือเดนจากใคร ตรงนี้ต้องถูกนำมาเชื่อมโยงเข้าสู่กระบวนการคิดแบบวิทยาศาสตร์ เพราะนี่ไม่ใช่ยุคหงสาวดีรบอยุธยา ที่คนอยู่กันด้วยความเชื่อที่ผู้ใหญ่สอนมาแบบไม่คิดอะไรมาก เรื่องของเหลือเดนควรจำกัดแค่ของที่คนไม่รู้จัก หรืออาหารที่ถูกทิ้งไว้นานครึ่งชั่วโมง เหตุผลคืออาจมีผู้ประสงค์ร้ายใส่สิ่งแปลกปลอมในอาหาร เช่น ยาสั่ง ยาพิษ ถ้ามองในแง่ของสภาพแวดล้อมคือเรื่องโรคระบาด โรคติดต่อ แมลงวัน แมลงสาบ ฯลฯ

น้องsodazaja01 จำข้อห้ามอย่างเดียวไม่ได้ครับ ถ้าข้อห้ามบางอย่างมันล้อหลัง น้องต้องรู้จักพิจารณาเอง นี่คือปี2011 คนเป็นไข้หวัดต้องพาไปโรงพยาบาล ไม่ใช่พาไปให้ใครไม่รู้มาราดน้ำมนต์แล้วจับคนป่วยนั่งพนมมือ มันไม่ใช่ครับ พี่มองว่าความเชื่อและข้อห้ามมันต้องมีเหตุผล

บางครั้งข้อห้ามก็มีคำพูดตามมาว่าปฏิบัติกันแต่โบราณ ถามว่าปฏิบัติมาแต่โบราณมีการแก้ไขปรับปรุงหรือไม่? ถ้าเป็นข้อห้ามในยุคขอมครองเมืองคงเป็นเรื่องตลกที่นำมาใช้ในปัจจุบัน ถ้าเชื่อข้อห้ามแบบนั้นคงไม่ต้องทำอะไรกันพอดี แค่ออกจากบ้านก็ผิด ไปห้างสรรพสินค้าก็ผิด บันไดเลื่อนมีสาวนุ่งกระโปรงสั้นและเป็นช่วงมีระดู ผู้ชายไม่กล้าเดินผ่าน คงไม่ทำถึงขนาดไปห้างแล้วต้องกางร่มเพราะเชื่อข้อห้ามนั้น ห้ามลอดบันไดอะไรพวกนี้

พี่คิดว่าน้องไม่ควรจำข้อห้ามอย่างเดียว ต้องศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับรายละเอียดข้อห้ามนั้นๆ พิจารณาว่าข้อห้ามบางข้อมันเหมาะสมกับสภาพสังคมปัจจุบันรึเปล่า เพราะบางข้อมันต้องมีข้อยกเว้นบ้าง เช่น ห้ามลอดราวตากผ้า แทบทุกคนให้เหตุผลว่าลอดแล้วของเสื่อม แต่ไม่มีใครรู้จริงๆว่าที่ห้ามลอดราวตากผ้าเพราะเป็นการไม่เคารพสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เพราะผู้สักยันต์สนใจและให้ความสำคัญกับเรื่องของเสื่อมไม่เสื่อม มากกว่าเหตุผลที่แท้จริงคือเรื่องให้ความเคารพสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ในกายตนเอง

9
พระขุนแผนไม่ใช่แบบนี้ครับ เพราะธรรมเนียมการสร้างพระเครื่องหรือพระพิมพ์ สร้างเป็นรูปพระพุทธรูป จะซุ้มจะทรงเครื่องจะปางอะไรก็แล้วแต่ แต่ผลิตมาแล้วบรรจุไว้ในเจดีย์ พระเครื่องถ้าพบที่กรุในจังหวัดสุพรรณบุรีเรียกพระกรุบ้านกร่างหรือพระขุนแผน จะไม่มีการมาสร้างรูปประหลาดๆ เช่นรูปผู้หยิงมาเกาะคอ เดี๋ยวนี้ทำกันเกร่อมากๆ 

10
เป็นเพราะความประมาทของตนเองครับ คิดเสียว่าที่เกิดเหตุนี้เพราะความประมาทเลินเล่อ อย่าได้เสียใจไปเลย

11
ขออนุญาตแสดงความเห็นนะครับ ผมไม่รู้ว่าเรื่องเล่าแบบนี้ควรเชื่อดีไหม แต่รู้สึกว่าเหมือนภาพยนตร์เปาบุ้นจิ้นตอนท่องยมโลก探陰山 เนื้อเรื่องว่ายมทูตตนนึงชาติก่อนเป็นญาติกับคนที่ถึงคราวตาย แล้วทำการแก้ชื่อนั่น คนทีไม่ถึงคราวตายก็ตายแทน สุดท้ายเปาบุ้นจิ้นลงไปตัดสินคดีในยมโลก และประหารยมทูตตนนั้น

เรื่องคาถาต่างๆที่อ้างว่าสรรพคุณครอบจักรวาล ผมมองว่าเป็นการอวดอ้างเกินจริง ถ้าคิดแบบนั้น เท่ากับว่าคาถานี้มันช่วยทุกอย่าง? สมัยก่อนมันไม่มีคาถาอะไรเยอะแยะแบบนี้ ผมก็ไม่รู้ประวัติของคาถานี้ แต่คาถาโบราณส่วนใหญ่เปนเรื่องเวทมนต์คาถาอาคม และการสวดมนต์หลักๆของชาวพุทธ บางบทสวดอยู่ในพระสูตร

ผู้เชี่ยวชาญด้านภาษา รวมถึงนักวิชาการบางท่าน ก็บอกว่าจริงๆมันไม่มีอะไรมาก แค่ถูกนำมาเปลี่ยนชื่อบทสวด
แต่ถามว่าการสวดคาถานี้แล้วชีวิตดีขึ้น ถามกลับว่าชีวิตดีขึ้นเพราะคาถาหรอครับ?
แล้วคาถาที่ใกล้ๆตัว เช่น ไตรสรณาคมน์ บทอิติปิโสฯ บทนโมตัสสะฯ หรือบทแผ่เมตตาก็ได้ ผมก็สวดนโมตัสสะก่อนนอน ชีวิตผมก็ดีขึ้น เพราะหลักจิตวิทยาเบื้องต้นของคนเรา เวลาจิตตกในเรื่องใดรู้สึกย่ำแย่ ใครแนะนำอะไรมาเห็นว่าเป็นเรื่องดีงามหมด ต่อให้มีคนแนะนำว่าไปนอนโลงศพก็คิดว่าทำให้ชีวิตคนดีขึ้น เพราะเมื่อคนเราถึงจุดตกอับ ใครแนะนำอะไรรับหมดโดยไม่ได้พิจารณาอะไรทั้งสิ้น

แล้วยมบาลยมทูตนี่เพี้ยนรึเปล่า ทำงานหนักมากไป ไม่ได้พักผ่อน เลอะเลือนหรืออย่างไร? จับวิญญาณผิดคน แล้วจับวิญญาณผิดคนผิด ไม่โดนลงโทษตามวินัยนรกหรอครับ? ถือว่าบกพร่องในหน้าที่?
แล้วแบบนี้จะถือว่านรกมีความเที่ยงธรรมได้อย่างไร การจับวิญญาณผิดยังเกิดขึ้นมาได้ แสดงว่าผู้พิจารณาคือท้าวจิตรคุปต์ ที่ศาลหลักเมืองในเขตพระนครคือเจ้าเจตคุปต์ เป็นผู้ช่วยของพระยมหรือยมราช มีอีกชื่อคือพระธรรมราช คือเทพที่มีความยุติธรรมองค์หนึ่ง

แล้วการอ่านผิดนี่อย่างไรกัน? ทำงานมากไป ตาพร่ามัว? เรียกชื่อผิดตัว
พญายมท่านเป็นเทวดาผู้ใหญ่องค์หนึ่ง ยมทูตหรือคนที่นำวิญญาณคือบริวารของเทพ ไม่ใช่พวกวิญญาณกระจอกอย่างที่เข้าใจ ในวรรณคดีเรื่องสาวิตรี พระยมท่านมาเอาดวงจิตโดยใช้บ่วงเป็นของประจำกายพระยมมาลากดวงจิตไปเอง และขี่ควายเป็นพาหนะนำดวงจิตของสัตยวานสามีนางสาวิตรีไป

อีกอย่างหนึ่ง คนเราตายเพราะกรรมที่ทำ ไม่ใช่เพราะยมทูตเอาผิดตัว ถ้าเป็นแบบที่หนังสือบอก อย่างนั้นคนที่ตายหลายๆคนคงเกิดจากความผิดพลาดของผู้สั่งการ อีกอย่างหนึ่งคนเราตายไปแล้วดวงจิตไปเกิดทันที นรกเป็นแค่ภพภูมิหนึ่งเท่านั้นครับ ไม่ใช่ว่าไปถึงนรกแล้วนั่งเข้าแถวต่อคิวแล้วยมบาลเรียกชื่อเหมือนอยู่ในศาลบนโลกครับ

ผมแค่อธิบายตามเหตุผลและตรรกะที่ควรเป็นนะครับ

12
เป็นบทมงคลสูตรครับ อันนี้คือมงคลสูตรคำฉันท์ เป็นพระราชนิพนธ์ร.6
ส่วนเรื่องสักยันต์อยากจะบอกแค่ว่าผมไม่ห้าม แต่อยากถามว่ารับประกันได้ไหมว่าตนเองจะไม่ทำเรื่องที่ผิดศีลธรรมอันเป็นเหตุให้พลังอำนาจของยันทร์ที่สักมันเสื่อม สาเหตุที่เสื่อมเพราะผู้สักละเลยที่ปฏิบัติ ดื่มเหล้าเมาตบตีนลูกเมีย หรือผิดลูกเมียคนอื่น ถ้ายังประพฤติตนแบบนี้ การสักยันต์ก็มีค่าแค่การสักสวยงาม มีค่าแค่หมักที่จารึกบนผิวหนักเป็นคาถาต่างๆซึ่งไม่มีอานุภาพอะไร เพราะผู้ปฏิบัติยังไม่เข้าถึงไม่เข้าใจหลักธรรมใดๆ ซึ่งถือเป็น"ด่าน"แรกของการสักยันต์ คือมีความเข้าใจในหลักธรรมพื้นฐาน อันเป็นสิ่งที่ช่วยให้"ยันต์"บนร่างกายมีอานุภาพและมีความขลังโดยไม่ต้องไปปลุกเรื่อยๆ การปลุกให้ขลังแสดงถึงความเสื่อมอย่างหนึ่ง ของมันไม่เที่ยงเป็นธรรมชาติ คนเรามันยังง่วงได้ ประสาอะไรกับยันต์ที่สักมันจะไม่เสื่อม ยันต์เสื่อมต้องมีการปลุกเรื่อยๆ พอไปให้อาจารย์ปลุกก็กำชับถึงข้อห้ามนั่นนู่นนี่นั่น แรกๆก็รับปากรับคำพอนานๆเผลอไปหน่อย ปัญหามันไม่ได้อยู่ที่ยันต์ แต่อยู่ที่ผู้รับการสักยันต์มากกว่า ถ้าเป็นคนดีมีศีลธรรมไม่สร้างความเดือดร้อนให้ผู้อื่น ยันต์และนานาอักขระมันขลังเองโดยไม่ได้ไปเที่ยวตรัเวณปลุกตามสำนักนั้นสำนักนี้ อีกอย่างหนึ่ง พุทธคุณไม่มีคำว่า"เสื่อม"การสักยันต์ที่อาศัยอำนาจ"พุทธคุณ"มีความขลังในตัวเองอยู่แล้ว สิ่งใดที่มีพุทธคุณสิ่งนั้นนำความสุขความเจริญแก่ผู้ประพฤติดี

สมณะชีพราหมณ์ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบตามแนวทาง ย่อมมีความศักดิ์สิทธิ์ควรแก่กราบกราบไหว้ ตรัสสิ่งใดสิ่งนั้นย่อมมีความเจริญเสมอ ความเป็นมงคลไม่ใช่ความเป็นสมณะชีพราหมณ์ แต่อยู่ที่การปฏิบัติตนตามหลักการของสมณะชีพราหมณ์อันพึงมีพึงปฏิบัติ
ลายยันต์อยู่บนร่างผู้ใด หรืออยู่บนร่างสมณะชีพราหมณ์ทุศีล ยันต์ก็ไม่มีความขลังใดๆ พระสงฆ์ถือศีล227ข้อ ถ้าเที่ยวผู้หญิงดื่มเหล้าหรือประพฤติตนผิดวินัยปาราชิกนับร้อยๆข้อ ต่อให้สักยันต์เต็มตัวมันก็เสื่อมครับ ถ้าสมณะชีพราหมณ์ปฏิบัติดีชอบ ต่อให้สักมากแค่ไหนก็มีความขลังอยู่แล้วแม้อักขระตัวเดียวก็ขลังได้

13
สะกดว่า มุนี ครับ

ไม่กำหนดว่าเป็นพ่อแก่องค์ไหนครับ แต่ในการสักยันต์ฤๅษีหรือพ่อแก่ที่กล่าวถึงมากที่สุดคือ ฤๅษีตาไฟ ฤๅษีตาไฟประวัติของไทยตัดออกไปได้ครับ เพราะตำนานมันหาความจริงอะไรไม่ได้ มีตัวตนจริงรึเปล่าก็ไม่รู้ ปรากฎแต่ชื่อในเรื่องเล่าเท่านั้น

ฤๅษีตาไฟสันนิษฐานว่าคือมหาเทพ2องค์
คือ พระศิวะ หรือพระอิศวร ฤๅษีถูกกำหนดให้นุ่งหนังเสือ พระศิวะท่านมี3ตา ตาที่3อยู่บนหน้าผาก เมื่อใดที่ลืมตาที่3สิ่งที่อยู่ตรงหน้าจะถูกทำลายด้วยเพลิง ตรงนี้นักวิชาการเชื่อว่าคือที่มาของฤๅษีตาไฟ ข้อสันนิษฐานอีกองค์คือฤๅษีกบิล อวตารปางหนึ่งของพระวิษณุ ครั้งหนึ่งพระอินทร์นำม้าอุปการของท้าวสคระไปซ่อนใกล้อาศรมของฤๅษีกบิล ลูกชาย60000คนของท้าวสคระตามหาม้าอุปการ แล้วเจอม้าอยู่ที่อาศรมฤๅษีกบิล เลยพากันด่าติเตียนฤๅษีตนนั้นที่บำเพ็ญตบะอยู่ ด้วยความโกรธบวกกับพลังตบะอันแรงกล้า เมื่อฤๅษีลืมตาด้วยความโกรธและจ้องไปที่กุมาร60000องค์ กุมารพวกนั้นกลายเป็นขี้เถ้า ฤๅษีกบิลไม่มีตาที่3เหมือนพระศิวะ มี2ตาปกติแต่ด้วยความโกรธทำให้มองอะไรสิ่งนั้นวอดวายด้วยไฟหมด

ส่วนฤๅษีตนอื่นๆปรากฎในตำนานเมืองต่างๆ ในคัมภีร์ปุราณะ เช่น ฤๅษีนารอด หรือ นารทมุนีผู้เป็นสาวกพระวิษณุ ฤๅษีวยาสผู้เรียบเรียงพระเวท ฤๅษีวัชมฤคีหรือวาลมีกิผู้รจนารามายณะ ฤๅษีโคดมผู้สาปนางอหลยาหรือนางกาลอัจนา ฤๅษีกัศยปะหรือกัสสปะผู้เป็นบิดาแห่งเทพและอสูร ฤๅษีวสิษฐ์ผู้เป็นเจ้าของแม่โคสุรภี ฤๅษีวิศวามิตรอดีตคู่ปรับเก่าของฤๅษีวสิษฐ์ ฤๅษีกไลโกฏผู้ทำพิธีขอบุตรให้ท้าวทศรถ มีนับไม่ถ้วนครับ

ส่วนฤๅษีในตำนานไทยภายหลังถูกนำไปโยงกับฮินดู เช่น ฤๅษีหัววัวถูกโยงกับตำนานโคนนทิอันเป็นพาหนะพระศิวะ ฤๅษีหัวเสือถูกโยงกับตำนานท้าวหิมวัตบิดาของพระแม่อุมา และมีฤๅษีอีกหลายองค์ถูกโยงกันมั่วซั่ว บ้างก็นั่งเทียนแต่งเรื่องฤๅษีเอาเอง บ้างก็มาจากจินตนาการของผู้แต่ง บ้างก็จับแพะชนแกะจากตำนานนั้นตำนานนี้ แล้วเอาเรื่องในคัมภีร์ปุราณะไปยัดในประวัติฤๅษีที่ผู้แต่งคิดเอาเอง   

14
ถ้าศึกษาเรื่องการครอบครู จะเข้าใจว่าการสักยันต์ไม่จำเป็นต้องครอบครู ที่มาคนละทาง การครอบครูมาจากวงการนาฏศิลป์ เศียรพ่อแก่คือภรตมุนี ภายหลังสำนัก(ละไว้ในฐานที่เข้าใจ)ต่างๆเอาขนบการครอบครูมาจากวงการนาฏศิลป์ ของเดิมหัวพ่อแก่หมายถึงฤๅษีภรตหรือภรตมุนีเท่านั้น ภายหลังวงการอื่นหมายถึงฤๅษีทุกตน บางตนอยู่ในนิยาย บางตนคนไทยแต่งเรื่องเอาเอง บางตนอยู่ในวรรณคดีที่แต่งไว้เล่นโขน บางตนอยู่ในตำนานเก่าๆซึ่งหาความจริงไม่ได้ แต่ภายหลังจะมีการครอบครัวก็สามารถทำได้ แต่ถ้าไม่ทำก็ไม่มีผลเสียอะไรกับชีวิตครับ

15
ผมมองว่าไม่เกี่ยวครับ ตั้ง2500ปี อีกอย่างหนึ่งพระไตรปิฎกบันทึกโดยการจำและบอกเล่า ดัดแปลงแก้ไขให้เข้ากับจริตคนท้องที่นั้นๆ ใส่วัฒนธรรมท้องที่นั้นๆในพระไตรปิฎก บางพระสูตรบางชาดกก็มีเรื่องปรำปราจากปุราณะ เช่น สุวรรณสามชาดก อลัมพุสาชาดก ชาดก2เรื่องนี้มาจากเรื่องรามายณะ สุวรรณสามเรื่องคล้ายกับเรื่องศฺรวณกุมาร ซึ่งเป็นเรื่องแทรกในรามายณะเล่าถึงเหตุที่ท้าวทศรถต้องพลัดพรากจากลูกชายคือพระรามและพระลักษมณ์และลูกสะใภ้นางสีดา อลัมพุสาชาดกมีตัวละครคือฤๅษีมีหัวเป็นกวางบำเพ็ญตบะจนฝนไม่ตกต้องตามฤดูกาลพระอินทร์ต้องส่งนางฟ้ามาทำลายตบะฤๅษี ตรงนี้ปรากฎในรามายณะอีกเช่นกัน ในเรื่องฆตปัณฑิตชาดก คือเรื่องพระกฤษณะในคัมภีร์ปุราณะนางเทวคัพภาในชาดกคือนางเทวกีแม่ของพระกฤษณะ

บางครั้งอ่านพระไตรปิฎกก็ไม่ควรเชื่อถือมากครับ แค่อาศัยสิ่งดีๆในพระไตรปิฎกเป็นคำสอนโดยไม่สนว่ามันจริงหรือไม่จริง แต่ถ้าถามหาความจริงในพระไตรปิฎกต้องพิจารณาให้ดีครับ ไม่เชื่อพระไตรปิฎกไม่ใช่ไม่เชื่อในพระธรรม แต่เนื้อหาบางครั้งถ้ามีการศึกษาจริงๆจะพบว่ามีการแก้ไขดัดแปลง พระไตรปิฎกไปอยู่ในบ้านเมืองไหนก็ถูกดัดแปลงเนื้อหาให้เข้ากับวัฒนธรรมนั้นๆ กรณีพระเทวทัตถูกธรณีสูบ จะบอกว่าพระเทวทัตลงไปเกิดเกิดเหตุแผ่นดินไหวแล้วแยกตัวออกพระเทวทัตร่วงในรอยแยกแผ่นดินก็เป็นเรื่องเหลือเชื่อ ถ้ามีการพิจารณาในแง่ของวรรณคดีและวรรณกรรม มีการเปรียบเทียบประชาชนคือแผ่นดิน พระเทวทัตโดนประชาชนตามกระทืบตายติดดินแบบนี้พอฟังขึ้นมากกว่าครับ

16
อยากให้ไปศึกษาอะไรให้มากกว่านี้นะครับ เยาวชนสมัยนี้เห็นการสักยันต์ เหมือนการใส่เหล็กดัดฟัน อยากสักเป็นแฟชั่น พูดไม่ออกจริงๆ

ขออนุญาตแสดงความเห็น เพราะเห็นว่าอายุน้องแค่16เท่านั้นนะครับ
อยากให้ศึกษาอะไรให้มากกว่านี้เกี่ยวกับสิ่งที่น้องสนใจ เหมือนคนจะทำงานกับต่างชาติ ต้องเรียนภาษาของชาตินั้นๆ
พี่ขออนุญาตอัญเชิญพระราชนิพนธ์ของล้นเกล้าร.6 คือ มงคลสูตรคำฉันท์ ให้น้องอ่านทำความเข้าใจก่อน

๑. อเสวนา จ พาลานํ      ปณฺฑิตานญฺจ เสวนา
ปูชา จ ปูชนียานํ      เอตมฺมํคลมุตฺตมํ
หนึ่งคือบ่คบพาล      เพราะจะพาประพฤติผิด
หนึ่งคบกะบัณฑิต      เพราะจะพาประสพผล
หนึ่งกราบและบูชา      อภิบูชะนีย์ชน
ข้อนี้แหละมงคล      อดิเรกอุดมดี

๒. ปฏิรูปเทสวาโส จ      ปุพฺเพ จ กตปุญฺญตา
อตฺตสมฺมาปณิธิ จ      เอตมฺมํคลมุตฺตมํ
ความอยู่ประเทศซึ่ง      เหมาะและควรจะสุขี
อีกบุญญะการที่      ณ อดีตะมาดล
อีกหมั่นประพฤติควร      ณ สะภาวะแห่งตน
ข้อนี้แหละมงคล      อดิเรกอุดมดี

๓. พาหุสจฺจญฺะ สิปฺปญฺจ      วินฺโย จ สุสิกฺขิโต
สุภาสิตา จ ยา วาจา      เอตมฺมํคลมุตฺตมํ
ความได้สดับมาก      และกำหนดสุวาที
อีกศิลปะศาสตร์มี      จะประกอบมนุญการ
อีกหนึ่งวินัยอัน      นรเรียนและเชี่ยวชาญ
อีกคำเพราะบรรสาน      ฤดิแห่งประชาชน
ทั้งสี่ประการล้วน      จะประสิทธิ์มนุญผล
ข้อนี้แหละมงคล      อดิเรกอุดมดี

๔. มาตาปิตุอุปฏฺฐานํ      ปุตฺต ทารสฺส สํคโห
อนากุลา จ กมฺมนฺตา      เอตมฺมํคลมุตฺตมํ
บำรุงบิดามา-      ตุระด้วยหทัยปรีย์
หากลูกและเมียมี      ก็ถนอมประหนึ่งตน
การงานกระทำไป      บ่มิยุ่งและสับสน
ข้อนี้แหละมงคล      อดิเรกอุดมดี

๕. ทานญฺจ ธมฺมจริยา จ      ญาตกานญฺจ สํคโห
อนวชฺชานิ กมฺมานิ      เอตมฺมํคลมุตฺตมํ
ให้ทาน ณ กาลควร      และประพฤติสุธรรมศรี
อีกสงเคราะห์ญาติที่      ปฏิบัติบำเรอตน
กอบกรรมะอันไร้      ทุษะกลั้วและมัวมล
ข้อนี้แหละมงคล      อดิเรกอุดมดี

๖. อารตี วิรติ ปาปา      มชฺชปานา จ สํยโม
อปฺปมาโท จ ธมฺเมสุ      เอตมฺมํคลมุตฺตมํ
ความงดประพฤติบาป      อกุศลบ่ให้มี
สำรวมวรินทรีย์      และสุราบ่เมามล
ความไม่ประมาทใน      พหุธรรมะโกศล
ข้อนี้แหละมงคล      อดิเรกอุดมดี

๗. คารโว จ นิวาโต จ      สนฺตุฏฺฐิ จ กตญฺญุตา
กาเลนฺน ธมฺมสฺสวนํ      เอตมฺมํคลมุตฺตมํ
เคารพ ณ ผู้ควร      จะประณตและน้อมศีร์
อีกหนึ่งมิได้มี      จะกระด้างและจองหอง
ยินดี ณ ของตน      บ่มิโลภทยานปอง
อีกรู้คุณาของ      นรผู้ประคองตน
ฟังธรรมะโดยกา-      ละเจริญคุณานนท์
ข้อนี้แหละมงคล      อดิเรกอุดมดี

๘. ขฺนตี จ โสวจสฺสตา      สมณานญฺะ ทสฺสนํ
กาเลนฺน ธมฺมสากจฺฉา      เอตมฺมํคลมุตฺตมํ
มีจิตตะอดทน      และสถิต ณ ขันตี
อีกหนึ่งบ่พึงมี      ฤดิดื้อทนงหาญ
หนึ่งเห็นคณาเลิด      สมณาวราจารย์
กล่าวธรรมะโดยกาล      วรกิจจะโกศล
ทั้งสี่ประการล้วน      จะประสิทธิ์มนุญผล
ข้อนี้แหละมงคล      อดิเรกอุดมดี

๙. ตโป จ พฺรหฺมจริยญฺจ      อริยสจฺจาน ทสฺสนํ
นิพฺพานสจฺฉิกิริยา จ      เอตมฺมํคลมุตฺตมํ
เพียรเผากิเลสล้าง      มละโทษะยายี
อีกประการหนึ่งประพฤติดี      ดุจะพรหมพิสุทธ์สรรพ์
เห็นแจ้ง ณ สี่องค์      พระอะรียะสัจอัน
อาจนำมนุษผัน      ติระข้ามทเลวน
อีกทำพระนิพพา-      นะประจักษะแก่ชน
ข้อนี้แหละมงคล      อดิเรกอุดมดี

๑๐. ผุฏฺฐสฺส โลกธมฺเมหิ      จิตฺตํ ยสฺส น กมฺปติ
อโสกํ วิรชํ เขมํ      เอตมฺมํคลมุตฺตมํ
จิตใครผิได้ต้อง      วรโลกะธรรมศรี
แล้วย่อมบ่พึงมี      จะประหวั่นฤกังวล
ไร้โศกธุลีสูญ      และสบายบ่มั่วมล
ข้อนี้แหละมงคล      อดิเรกอุดมดี

๑๑. เอตาทิสานิ กตฺวาน      สพฺพตฺถมปราชิตา
สพฺพตฺถ โสตฺถึ คจฺฉนฺติ      ตนฺเตสํ มํคลมุตฺตมนฺติ
เทวามนุษทำ      วรมงคะลาฉนี้
เป็นผู้ประเสริฐที่      บ่มิแพ้ ณ แห่งหน
ย่อมถึงสวัสดี      สิริทุกประเทศดล
ข้อนี้แหละมงคล      อดิเรกอุดมดี

ถ้าน้องเข้าใจหมดแล้ว ค่อยสักก็ไม่สายไปครับ เพราะสมัยโบราณผู้ชายผ่านการบวชเรียนศึกษาธรรมมาแล้ว

ความเห็นผมอาจจะซ้ำซากนะครับ แต่เห็นอายุน้อยๆไม่รับประกันว่าจะเกิดอะไรขึ้น เหมือนคนที่ไม่มีความรู้เรื่องอาวุธมาจับอาวุธ สำหรับคนที่สักยันต์ถ้าไม่มีความรู้ความเข้าใจ การสักยันต์ก็เป็นแค่ลวดลายบนหลังไม่มีค่าอะไร เพราะคนที่สักยันต์ต้องทำตามกฎระเบียบอย่างเคร่งครัด น้องลองไปศึกษาหาข้อมูลดูแล้วกันนะครับ

17
อย่าเอาอะไรกับพระไตรปิฎกมากเลยครับ ตั้ง2500กว่าปี ในประวัติเป็นพราหมณ์ในตระกูลภารทวาชโคตร ไม่ใช่ตระกูลพราหมณ์กระจอกเท่าไร แค่ขอทานจนมีเงินมากมาย ในเมื่อขอได้มากมายแต่ทำไมไม่เคยกินอาหารดีๆ? แค่ขอทานแล้วมีเงินจำนวนมากเลยฝากคนรู้จัก ไม่ถึงขั้นเศรษฐีอะไรหรอกครับ ตามหลักคนอินเดียสมัยนั้นมีเรื่องการบริจาคทานหมายความว่าชูชกก็ขอทานตั้งแต่หนุ่มจนแก่ ในรายละเอียดไม่ได้บอกอะไรไว้มากมายเกี่ยวกับชูชก บอกแค่ว่ามีเงินเก็บจากการขอทานซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลก

18
ผมสงสัยครับ ชูชกกลับชาตกมาเกิดเป็นพระเทวทัตและถูกธรณีสูบ ตอนนี้อยู่ในนรกอเวจีจะเอาเวลาที่ไหนมาให้โชคครับ??? ตามประวัติไม่ได้เป็นเศรษฐีด้วยครับ ไม่ได้รวยจากการขออย่างที่หลายคนเข้าใจ สิ่งที่ชูชกขอคือถามทางไปอาศรมพระเวสสันดรและขอสองกุมารของพระเวสสันดรและเอาตัวมาเป็นคนใช้ ภายหลังท้าวสัญชัยขอไถ่ตัวหลานสองคนจากชูชกโดยจ่ายเงินจำนวนมากและเลี้ยงอาหารชาววังอย่างดี แล้วชูชกกินจนท้องแตกตาย(มองตามความจริงคงมีใครบางคนหมั่นไส้วางยาชูชกให้ตายมากกว่า)

19
อยากให้ไปศึกษาอะไรให้มากกว่านี้นะครับ เยาวชนสมัยนี้เห็นการสักยันต์ เหมือนการใส่เหล็กดัดฟัน อยากสักเป็นแฟชั่น พูดไม่ออกจริงๆ

ขออนุญาตแสดงความเห็น เพราะเห็นว่าอายุน้องแค่15เท่านั้นนะครับ
อยากให้ศึกษาอะไรให้มากกว่านี้เกี่ยวกับสิ่งที่น้องสนใจ เหมือนคนจะทำงานกับต่างชาติ ต้องเรียนภาาาของชาตินั้นๆ
พี่ขออนุญาตอัญเชิญพระราชนิพนธ์ของล้นเกล้าร.6 คือ มงคลสูตรคำฉันท์ ให้น้องอ่านทำความเข้าใจก่อน

๑. อเสวนา จ พาลานํ      ปณฺฑิตานญฺจ เสวนา
ปูชา จ ปูชนียานํ      เอตมฺมํคลมุตฺตมํ
หนึ่งคือบ่คบพาล      เพราะจะพาประพฤติผิด
หนึ่งคบกะบัณฑิต      เพราะจะพาประสพผล
หนึ่งกราบและบูชา      อภิบูชะนีย์ชน
ข้อนี้แหละมงคล      อดิเรกอุดมดี

๒. ปฏิรูปเทสวาโส จ      ปุพฺเพ จ กตปุญฺญตา
อตฺตสมฺมาปณิธิ จ      เอตมฺมํคลมุตฺตมํ
ความอยู่ประเทศซึ่ง      เหมาะและควรจะสุขี
อีกบุญญะการที่      ณ อดีตะมาดล
อีกหมั่นประพฤติควร      ณ สะภาวะแห่งตน
ข้อนี้แหละมงคล      อดิเรกอุดมดี

๓. พาหุสจฺจญฺะ สิปฺปญฺจ      วินฺโย จ สุสิกฺขิโต
สุภาสิตา จ ยา วาจา      เอตมฺมํคลมุตฺตมํ
ความได้สดับมาก      และกำหนดสุวาที
อีกศิลปะศาสตร์มี      จะประกอบมนุญการ
อีกหนึ่งวินัยอัน      นรเรียนและเชี่ยวชาญ
อีกคำเพราะบรรสาน      ฤดิแห่งประชาชน
ทั้งสี่ประการล้วน      จะประสิทธิ์มนุญผล
ข้อนี้แหละมงคล      อดิเรกอุดมดี

๔. มาตาปิตุอุปฏฺฐานํ      ปุตฺต ทารสฺส สํคโห
อนากุลา จ กมฺมนฺตา      เอตมฺมํคลมุตฺตมํ
บำรุงบิดามา-      ตุระด้วยหทัยปรีย์
หากลูกและเมียมี      ก็ถนอมประหนึ่งตน
การงานกระทำไป      บ่มิยุ่งและสับสน
ข้อนี้แหละมงคล      อดิเรกอุดมดี

๕. ทานญฺจ ธมฺมจริยา จ      ญาตกานญฺจ สํคโห
อนวชฺชานิ กมฺมานิ      เอตมฺมํคลมุตฺตมํ
ให้ทาน ณ กาลควร      และประพฤติสุธรรมศรี
อีกสงเคราะห์ญาติที่      ปฏิบัติบำเรอตน
กอบกรรมะอันไร้      ทุษะกลั้วและมัวมล
ข้อนี้แหละมงคล      อดิเรกอุดมดี

๖. อารตี วิรติ ปาปา      มชฺชปานา จ สํยโม
อปฺปมาโท จ ธมฺเมสุ      เอตมฺมํคลมุตฺตมํ
ความงดประพฤติบาป      อกุศลบ่ให้มี
สำรวมวรินทรีย์      และสุราบ่เมามล
ความไม่ประมาทใน      พหุธรรมะโกศล
ข้อนี้แหละมงคล      อดิเรกอุดมดี

๗. คารโว จ นิวาโต จ      สนฺตุฏฺฐิ จ กตญฺญุตา
กาเลนฺน ธมฺมสฺสวนํ      เอตมฺมํคลมุตฺตมํ
เคารพ ณ ผู้ควร      จะประณตและน้อมศีร์
อีกหนึ่งมิได้มี      จะกระด้างและจองหอง
ยินดี ณ ของตน      บ่มิโลภทยานปอง
อีกรู้คุณาของ      นรผู้ประคองตน
ฟังธรรมะโดยกา-      ละเจริญคุณานนท์
ข้อนี้แหละมงคล      อดิเรกอุดมดี

๘. ขฺนตี จ โสวจสฺสตา      สมณานญฺะ ทสฺสนํ
กาเลนฺน ธมฺมสากจฺฉา      เอตมฺมํคลมุตฺตมํ
มีจิตตะอดทน      และสถิต ณ ขันตี
อีกหนึ่งบ่พึงมี      ฤดิดื้อทนงหาญ
หนึ่งเห็นคณาเลิด      สมณาวราจารย์
กล่าวธรรมะโดยกาล      วรกิจจะโกศล
ทั้งสี่ประการล้วน      จะประสิทธิ์มนุญผล
ข้อนี้แหละมงคล      อดิเรกอุดมดี

๙. ตโป จ พฺรหฺมจริยญฺจ      อริยสจฺจาน ทสฺสนํ
นิพฺพานสจฺฉิกิริยา จ      เอตมฺมํคลมุตฺตมํ
เพียรเผากิเลสล้าง      มละโทษะยายี
อีกประการหนึ่งประพฤติดี      ดุจะพรหมพิสุทธ์สรรพ์
เห็นแจ้ง ณ สี่องค์      พระอะรียะสัจอัน
อาจนำมนุษผัน      ติระข้ามทเลวน
อีกทำพระนิพพา-      นะประจักษะแก่ชน
ข้อนี้แหละมงคล      อดิเรกอุดมดี

๑๐. ผุฏฺฐสฺส โลกธมฺเมหิ      จิตฺตํ ยสฺส น กมฺปติ
อโสกํ วิรชํ เขมํ      เอตมฺมํคลมุตฺตมํ
จิตใครผิได้ต้อง      วรโลกะธรรมศรี
แล้วย่อมบ่พึงมี      จะประหวั่นฤกังวล
ไร้โศกธุลีสูญ      และสบายบ่มั่วมล
ข้อนี้แหละมงคล      อดิเรกอุดมดี

๑๑. เอตาทิสานิ กตฺวาน      สพฺพตฺถมปราชิตา
สพฺพตฺถ โสตฺถึ คจฺฉนฺติ      ตนฺเตสํ มํคลมุตฺตมนฺติ
เทวามนุษทำ      วรมงคะลาฉนี้
เป็นผู้ประเสริฐที่      บ่มิแพ้ ณ แห่งหน
ย่อมถึงสวัสดี      สิริทุกประเทศดล
ข้อนี้แหละมงคล      อดิเรกอุดมดี

ถ้าน้องเข้าใจหมดแล้ว ค่อยสักก็ไม่สายไปครับ เพราะสมัยโบราณผู้ชายผ่านการบวชเรียนศึกษาธรรมมาแล้ว

20
ถ้าทำตัวไม่ดี ต่อให้ของแท้อายุ500ปีก็ไม่ช่วยอะไร

21
ผมอยากจะบอกอย่างหนึ่ง ว่าสักยันต์ดีจริงของต้องไม่คุ้มคลั่ง ของขึ้นอย่างดีแค่เกิดอาการขนลุก การสักยันต์มันมีมาหลายร้อยปี ตั้งแต่สุโขทัยอยุธยา แล้วต้องไม่ของขึ้นพร่ำเพรื่อ ชายไทยสมัยก่อนสักยันต์ ผมไม่อยากนึกภาพว่ามีทหารนายหนึ่งยื่นอยู่หน้าพระที่นั่งสรรเพชญ์มหาปราสาท แล้วอยู่ๆเกิดอาการของขึ้น ความเป็นสิงสาราสัตว์มันเข้าไปในตัวคลานรอบพระที่นั่ง คงไม่ใช่เรื่องมงคลเท่าไรครับ ถ้าสักแล้วลงไปคลานประหนึ่งสัตว์เลื้อคลาน หรือลุกขึ้นเต้นคลาน4ขาเป็นเสือเหมือนสัตว์เดรัจฉาจน หรือทำท่าเป็นหนุมานทั้งที่เป็นตัวละครในวรรณคดี แล้วอาการพวกนี้มักเห็นมากในงานพิธีสวดภาณยักษ์ เวลาสวดแล้วเกิดอาการของขึ้น เหมือนสิ่งมันพยายามต้าน แผลงฤทธิ์ออกมาเต็มที่ บางคนสักลิงก็แสดงอาการออกมาเป็นลิง ถามว่าทำไมต้องมาคุ้มคลั่งในงานสวดภาณยักษ์?

เพราะงานสวดภาณยักษ์ มีการอัญเชิญเทพแห่งสวรรค์ทั้ง4ทิศ ผู้ปกครองอมนุษย์ทั้งหลาย เช่น ยักษ์ อสูร คนธรรพ์ นาค ฯลฯ บางคนเขามีของไม่ดีหรือของอัปมงคลอยู่ในร่างอยู่ไม่ได้ เลยต้องอาละวาด เหตุที่เข้ามาอยู่ในร่างอาจเป็นเพราะรู้เท่าไม่ถึงการ เลยเกิดอาการคุ้มคลั่ง สมมติว่าคนเราถ้าเป็นคนดีจิตใจดีงามจริง ตำรวจถือหมายศาลมาค้นบ้านทำไมต้องแสดงท่าทางต่อต้านเจ้าหน้าที่ตำรวจ? ในเมื่อเป็นคนดีจริง ก็ต้องให้ความร่วมมือกับตำรวจ ไม่ใส่แสดงอาการต่อต้านและสู้กับตำรวจ การที่ของขึ้น ทำให้ผู้สักเกิดอาการคลั่ง และคลานทำท่าเหมือนสัตว์เดรัจฉาน คงต้องพิจารณาเองว่าสิ่งที่อยู่ในกายคือพลังอำนาจอย่างไหน? แต่ไม่ใช่พลังของเทพเจ้าผู้ทรงเมตตาแน่นอน
บางคนของมันเสื่อม หลังจากไปร่วมงานพิธีสวดภาณยักษ์ ตรงนี้คงไม่ต้องอธิบายเหตุผลอะไรมากนัก ถ้าของดีจริงคงไม่เสื่อด้วยการสวดภาณยักษ์

ผมอยากแนะนำว่าถ้าจะสักอะไรก็แล้วแต่ ถ้าสักยันต์ดีเวลาปลุกของต้องไม่ลงไปคลานสี่ขาหรือเต้นเหมือนลิงค่างบ่างชะนีในสวนสัตว์ พูดง่ายๆคือเวลาปลุกของต้องนั่งพนมมือปกติ จะไม่มีการกระโดดโลดเต้นใดๆทั้งสิ้น

ด้วยความเคารพ

22
ขออนุญาตนะครับ ผมอาจจะมองในแง่มุมของวิทยาศาสตร์มากเกินไป
ไม่คิดว่าเป็นความพิการบ้างเหรอครับ? เพราะนักวิทยาศาสตร์และนักสัตววิทยาให้ความเห็นว่า"พิการ"

23
ประเทศอินเดียมีวัดแขกเป็นร้อยเป็นพัน ไม่มีใครป่วยตายเพราะเข้าวัด เข้ามันทุกวี่ทุกวัน ปกติคนเข้าวัดเพื่อแสวงหา"สิริมงคล" เข้าวัดแล้วปวดหัวมันไม่ใช่ปวดหัวเพราะเข้าวัด แต่ถ้าบอกว่าในกายมีสิ่งอัปมงคลอยู่แล้วมันพยายามต้านเวลาอยู่ในพื้นที่เทวสถาน ตรงนี้ก็มีเหตุผลอยู่บ้างครับ

24
ถ้าขับรถดีๆ มีวินัยจราจร ต่อให้ทะเบียนเลขแย่ห่วยแตกมันก็ไม่มีผลอะไร ถ้าตัวเลขมันดีเลิศ พ่อแม่หมอนั่งเทียนบอกว่าเลขนั้นเลขนี้ พยัญชนะตัวนั้นตัวนี้คือความปลอดภัย ร่ำรวย แข็งแรง อายุยืน แต่ยังขับรถฝ่าฝืนวินัยจราจร ใช้เงินสุรุ่ยสุร่าย ลุ่มหลงอบายมุข เลขทะเบียนก็ไม่ช่วยให้ชีวิตดีขึ้น ดื่มเหล้าหัวราน้ำกลับบ้านทุกวัน สุขภาพก็เสื่อมโทรม เลขพยัญชนะที่บอกว่าแข็งแรงก็เป็นแค่เรื่องที่พูดลอยๆ ชีวิตคนเรามันจะดีหรือเฮงซวย อยู่ที่การใช้ชีวิต อีกอย่างหนึ่งคือกรรมเก่า สิ่งที่ช่วยได้คือบุญกุศลที่เคยทำไว้ไม่ว่าชาตินี้หรือชาติที่แล้ว ถ้าชาติที่แล้วทำบุญมาดีมาก ต่อให้เลขทะเบียนมันห่วยแตกโคตรอัปมงคล เช่น เลขทะเบียน "จน6666" ถ้าผู้ขับรถเกิดมาร่ำรวยซะอย่าง ชาติก่อนทำบุญมาดี ขยันทำงานมีเงินเก็บจำนวนมาก มันก็มีค่าแค่เลขทะเบียนรถ แต่เลขทะเบียน"จน6666"ก็แค่ทำให้รู้สึกไม่ดีเวลาเห็น เพราะมันอ่านว่า จน แต่ก็ไม่ได้ทำให้เจ้าของรถยากจนลงแต่อย่างใดครับ

25
เข้าใจแค่นี้ ก็ควรศึกษาเพิ่มเติมนะครับ

26
ขออนุญาตแสดงความเห็น เพราะเห็นว่าอายุน้องแค่14เท่านั้นนะครับ
อยากให้ศึกษาอะไรให้มากกว่านี้เกี่ยวกับสิ่งที่น้องสนใจ เหมือนคนจะทำงานกับต่างชาติ ต้องเรียนภาาาของชาตินั้นๆ
พี่ขออนุญาตอัญเชิญพระราชนิพนธ์ของล้นเกล้าร.6 คือ มงคลสูตรคำฉันท์ ให้น้องอ่านทำความเข้าใจก่อน

๑. อเสวนา จ พาลานํ      ปณฺฑิตานญฺจ เสวนา
ปูชา จ ปูชนียานํ      เอตมฺมํคลมุตฺตมํ
หนึ่งคือบ่คบพาล      เพราะจะพาประพฤติผิด
หนึ่งคบกะบัณฑิต      เพราะจะพาประสพผล
หนึ่งกราบและบูชา      อภิบูชะนีย์ชน
ข้อนี้แหละมงคล      อดิเรกอุดมดี

๒. ปฏิรูปเทสวาโส จ      ปุพฺเพ จ กตปุญฺญตา
อตฺตสมฺมาปณิธิ จ      เอตมฺมํคลมุตฺตมํ
ความอยู่ประเทศซึ่ง      เหมาะและควรจะสุขี
อีกบุญญะการที่      ณ อดีตะมาดล
อีกหมั่นประพฤติควร      ณ สะภาวะแห่งตน
ข้อนี้แหละมงคล      อดิเรกอุดมดี

๓. พาหุสจฺจญฺะ สิปฺปญฺจ      วินฺโย จ สุสิกฺขิโต
สุภาสิตา จ ยา วาจา      เอตมฺมํคลมุตฺตมํ
ความได้สดับมาก      และกำหนดสุวาที
อีกศิลปะศาสตร์มี      จะประกอบมนุญการ
อีกหนึ่งวินัยอัน      นรเรียนและเชี่ยวชาญ
อีกคำเพราะบรรสาน      ฤดิแห่งประชาชน
ทั้งสี่ประการล้วน      จะประสิทธิ์มนุญผล
ข้อนี้แหละมงคล      อดิเรกอุดมดี

๔. มาตาปิตุอุปฏฺฐานํ      ปุตฺต ทารสฺส สํคโห
อนากุลา จ กมฺมนฺตา      เอตมฺมํคลมุตฺตมํ
บำรุงบิดามา-      ตุระด้วยหทัยปรีย์
หากลูกและเมียมี      ก็ถนอมประหนึ่งตน
การงานกระทำไป      บ่มิยุ่งและสับสน
ข้อนี้แหละมงคล      อดิเรกอุดมดี

๕. ทานญฺจ ธมฺมจริยา จ      ญาตกานญฺจ สํคโห
อนวชฺชานิ กมฺมานิ      เอตมฺมํคลมุตฺตมํ
ให้ทาน ณ กาลควร      และประพฤติสุธรรมศรี
อีกสงเคราะห์ญาติที่      ปฏิบัติบำเรอตน
กอบกรรมะอันไร้      ทุษะกลั้วและมัวมล
ข้อนี้แหละมงคล      อดิเรกอุดมดี

๖. อารตี วิรติ ปาปา      มชฺชปานา จ สํยโม
อปฺปมาโท จ ธมฺเมสุ      เอตมฺมํคลมุตฺตมํ
ความงดประพฤติบาป      อกุศลบ่ให้มี
สำรวมวรินทรีย์      และสุราบ่เมามล
ความไม่ประมาทใน      พหุธรรมะโกศล
ข้อนี้แหละมงคล      อดิเรกอุดมดี

๗. คารโว จ นิวาโต จ      สนฺตุฏฺฐิ จ กตญฺญุตา
กาเลนฺน ธมฺมสฺสวนํ      เอตมฺมํคลมุตฺตมํ
เคารพ ณ ผู้ควร      จะประณตและน้อมศีร์
อีกหนึ่งมิได้มี      จะกระด้างและจองหอง
ยินดี ณ ของตน      บ่มิโลภทยานปอง
อีกรู้คุณาของ      นรผู้ประคองตน
ฟังธรรมะโดยกา-      ละเจริญคุณานนท์
ข้อนี้แหละมงคล      อดิเรกอุดมดี

๘. ขฺนตี จ โสวจสฺสตา      สมณานญฺะ ทสฺสนํ
กาเลนฺน ธมฺมสากจฺฉา      เอตมฺมํคลมุตฺตมํ
มีจิตตะอดทน      และสถิต ณ ขันตี
อีกหนึ่งบ่พึงมี      ฤดิดื้อทนงหาญ
หนึ่งเห็นคณาเลิด      สมณาวราจารย์
กล่าวธรรมะโดยกาล      วรกิจจะโกศล
ทั้งสี่ประการล้วน      จะประสิทธิ์มนุญผล
ข้อนี้แหละมงคล      อดิเรกอุดมดี

๙. ตโป จ พฺรหฺมจริยญฺจ      อริยสจฺจาน ทสฺสนํ
นิพฺพานสจฺฉิกิริยา จ      เอตมฺมํคลมุตฺตมํ
เพียรเผากิเลสล้าง      มละโทษะยายี
อีกประการหนึ่งประพฤติดี      ดุจะพรหมพิสุทธ์สรรพ์
เห็นแจ้ง ณ สี่องค์      พระอะรียะสัจอัน
อาจนำมนุษผัน      ติระข้ามทเลวน
อีกทำพระนิพพา-      นะประจักษะแก่ชน
ข้อนี้แหละมงคล      อดิเรกอุดมดี

๑๐. ผุฏฺฐสฺส โลกธมฺเมหิ      จิตฺตํ ยสฺส น กมฺปติ
อโสกํ วิรชํ เขมํ      เอตมฺมํคลมุตฺตมํ
จิตใครผิได้ต้อง      วรโลกะธรรมศรี
แล้วย่อมบ่พึงมี      จะประหวั่นฤกังวล
ไร้โศกธุลีสูญ      และสบายบ่มั่วมล
ข้อนี้แหละมงคล      อดิเรกอุดมดี

๑๑. เอตาทิสานิ กตฺวาน      สพฺพตฺถมปราชิตา
สพฺพตฺถ โสตฺถึ คจฺฉนฺติ      ตนฺเตสํ มํคลมุตฺตมนฺติ
เทวามนุษทำ      วรมงคะลาฉนี้
เป็นผู้ประเสริฐที่      บ่มิแพ้ ณ แห่งหน
ย่อมถึงสวัสดี      สิริทุกประเทศดล
ข้อนี้แหละมงคล      อดิเรกอุดมดี

ถ้าน้องเข้าใจหมดแล้ว ค่อยสักก็ไม่สายไปครับ เพราะสมัยโบราณผู้ชายผ่านการบวชเรียนศึกษาธรรมมาแล้ว

27
เวลารู้ตัวว่าโดนของ คนแก้ที่ตนเองก่อนอย่าเพิ่งคิดเรื่องสักยันต์เลยครับ เพราะคุณไสยจะเข้าในร่างเฉพาะบุคคลที่จิตตกและจิตใจอ่อนแอจิตใจเศร้าหมอง
สิ่งแรกที่ต้องทำทำใจให้สงบ ทำสมาธิให้มั่นคง และรักษาศีลให้เคร่งครัด สวดมนต์มากๆ เช่น อิติปิโส... นโม ตัสสะ... ไตรสรณาคมน์ เพราะอำนาจของพุทธคุณย่อมมีชัยเหนือพลังคุณไสยครับ

28
ผู้กำกับบอกว่า"2บรรทัด"
แต่ทำไมประวัติเยอะมากเลยครับ

29
คำว่า เบญจเพส คำนี้เขียนผิดกันเยอะมากๆ เขียนผิดเป็น เบญจเพศ เพราะคำเดิมเป็นภาษาบาลี คือ ปญฺจวีส ภาษาไทยแผลง ว เป็น พ

ไม่เกี่ยวกับคำว่า อาเพศ หรอกครับ

30
ขออนุญาตนะครับ ถ้าผมจะตอบแบบนี้จะว่าอะไรไหมอะครับ? คืออยากให้ทราบโดยชัดเจน ไม่ว่ากันนะครับ

จริงๆมันไม่มีอะไรหรอกครับ บางเรื่องรับอิทธิพลจากวรรณคดี มากกว่าข้อเท็จจริง ซึ่งข้อเท็จจริงและความรู้ที่ถูกต้องมักเป็นสมบัติของคนที่รู้เรื่องจริงๆ ชาวบ้านจะเชื่อคนเฒ่าคนแก่ หรือเชื่อข้อมูลที่เป็นข่าวลือมากกว่าข้อเท็จจริง ชาวบ้านสมัยก่อนอยู่ด้วยความเชื่อของผู้หลักผู้ใหญ่ แต่เหตุผลจริงๆไม่มีใครทราบหรือแทบจะคิดไม่ถึง เช่น ห้ามร้องเพลงขณะกินข้าวจะทำให้ได้สามีแก่ ถ้าอิงตามเหตุผลคือเรื่องสุขอนามัยในเวลากินข้าว หรือไม่ก็ห้ามตัดผมวันพุธ โดยให้เหตุผลเรื่องประหารนักโทษ หรือไม่ก็เป็นวันที่เบื้องสูงตัดผม เหตุผลจริงๆคือเรื่องโหราศาสตร์

อย่างเรื่องวัยเบญจเพส ก็แค่เป็นช่วงเวลาหนึ่ง บางครั้งบรรดาพ่อหมอแม่หมอก็ใช้คำว่า"เบญจเพส"หากิน ถ้าบอกว่าอายุ24 อายุ23 อายุ26 จะดูไม่น่าเชื่อถือ เลยต้องอ้าง"เบญจเพส"มาข่มให้กลัวกัน จนคนที่ไม่ทราบข้อเท็จจริงพากันคิดว่าอายุ25ต้องมีเคราะห์หนัก ต้องรีบสะเดาะเคราะห์ บางรายหนักกว่านั้นโดยแนะนำไปตัดกรรม หรือทำอะไรที่มันไร้สาระโดยบุคคลที่ไม่น่าเชื่อถือแนะนำมา เลยพากันเข้าใจผิด เพื่อนผมคนนึงโดนทักว่าเบญจเพสมีเคราะห์หนัก ต้องไหว้จตุคามรามเทพ เลยซื้อเทวรูปพระอวโลกิเตศวรมา แล้วบอกว่านี่คือจตุคามรามเทพที่ให้มาแก้เคล็ดเบญจเพส(องค์จริงคือเทวรูปพระอวโลกิเตศวร ศิลปะแบบลังกา)
 
ในบางครั้งผมยอมรับว่าวงการโหราศาสตร์มีอิทธิพลต่อสังคมไทยอย่างสุดๆ เกิดวิกฤตินั่นนู่นนี่นั่น บรรดาโหราจารย์ทั้งหลายพากันประโคมข่าว ให้ไหว้เทพองค์นั้นองค์นี้เป็นพิเศษ ไหว้พระราหูก็ไหว้ของดำ ทั้งที่ความจริงการไหว้พระราหูด้วยของดำไม่มีในคัมภีร์เล่มใดทั้งสิ่ง ทั้งนี้ทั้งนั้นเป็นสิ่งที่บรรดาพ่อหมอแม่หมอกุเรื่องให้ดูน่าเชื่อถือแค่นั้น ถ้าบอกให้ไหว้พระราหูอย่างเดียวคงดูไม่น่าเชื่อถือเท่าไรนัก

ย้อนกลับมาเรื่องวัยเบญจเพส ผมอยากให้ฟังหูไว้หูอะครับ ต้องเข้าใจวิธีการทำมาหากินของบรรดาหมอดูทั้งหลาย คำว่า"เบญจเพส"เป็นคำสำคัญ หรือ Keyword ของอาชีพหมอดู เอาไว้ทำมาหากิน คำอื่นๆเช่น ชง มีองค์ โดนของ ฯลฯ อะไรแบบนี้ บางครั้งถามวันเดือนปีเกิด พอเห็นว่าผู้ใช้บริการบอกว่าอยุ24 ใกล้25 จะบอกว่าอายุ25หรือเบญจเพสจะมีเคราะห์หนัก บอกแบบนี้ทุกคนครับ ถ้าเป็นหมอดูจีนก็จะบอกว่าดวง"ชง"

ทุกอายุก็มีเคราะห์หนักได้ ไม่จำเป็นต้องเบญจเพส ถ้าใช้ชีวิตโดยประมาท หรือมัวเมาลุ่มหลงกับอบายมุข ชีวิตก็ตกต่ำหรือมีเคราะห์ได้ โดยไม่ต้องรอให้ถึงวัยเบญจเพสครับ :090: :090: :090:

ในโคลงโลกนิติบทหนึ่งกล่าวว่า

หมอแพทย์ทายว่าไข้.........ลมคุม
โหรว่าเคราะห์แรงรุม.........โทษให้
แม่มดว่าผีกุม...................ทำโทษ
ปราชญ์ว่ากรรมเองไซร้......ก่อสร้างมาเอง

31
ขอบคุณสำหรับความรู้ครับ

เพิ่มเติมนะครับ
ผมว่าไม่น่าเกี่ยวกับพระเอกาทศรถนะครับ และวัดนี้สร้างสมัยอยุธยาตอนปลาย ผมคิดว่าอาจเป็นพระเจ้าเอกทัศน์ก็ได้นะครับ(ตรงนี้ผมคิดเอง)

32
สุขสันต์วันเกิดนะครับ ขอให้ร่ำรวยๆ

33
ไม่ได้ลบหลู่นะครับ ผมสงสัยว่าทำไมฉายาหลวงปู่ทวด ต้องเหยียบน้ำทะเลจืดอะครับ ขอบคุณสำหรับคำตอบล่วงหน้านะครับ
ไม่ได้มีเจตนาลบหลู่ท่าน แค่สงสัยเฉยๆอะครับ

34
ขออนุญาตถามต่อนะครับ
ฤ ฤๅ ฦ ฦๅ ในการลงยันต์ สักยันต์ มีความหมายว่าอะไรเป็นพิเศษรึเปล่าครับ ขอบคุณล่วงหน้าครับ :114:

36
ฤ ฤๅ ฦ ฦๅ ทำไมใช้ตัวอักษรไทย ในขณะที่ตัวอื่นใช้อักษรขอมไทยครับ ขอบคุณครับ

37
สวัสดีครับทุกท่าน :114: :114: :114:

การกรวดน้ำเป็นวัฒนธรรมที่พบในคัมภีร์ต่างๆของอินเดีย ทั้งฝ่ายพราหมณ์และพุทธ หมายถึงการยืนยันเจตนารมย์นั้นๆ โดยอาศัยน้ำและผืนดินเป็นสื่อ บางครั้งอาจมีเรื่องเทพเจ้ามาเกี่ยวข้อง ในตำนานอินเดีย พระวิษณุอวตารลงมาปราบอสูรพลีโดยอวตารมาเป็นบุตรพ่อแก่กัสสปะ และอวตารปางนี้เรียกว่า"วามนะ"แปลว่า คนแคระ คนเตี้ย องค์วิษณุอวตารเดินทางไปหาอสูรพลี อสูรพลีบอกว่าต้องการสิ่งใดโปรดบอก องค์วิษณุผู้อวตารเป็นบุตรพ่อแก่กัสสปะขอพื้นดิน3ก้าว อสูรพลีรู้ว่าพราหมณ์ผู้นี้คือพระผู้เป็นเข้าอวตารลงมา และต้องการขออะไรบางอย่าง อสูรพลีเลยเอาหม้อน้ำมารดน้ำใส่มือพราหมณ์ผู้นั้นเพื่อยืนยันว่าแผ่นดิน3ก้าวนี้เป็นของพระผู้เป็นเจ้าแน่นอน พ่อแก่ศุกราจารย์ผู้เป็นครูเหล่าอสูรรู้ว่าท้าวพลีต้องเสียดินแดน เลยเนรมิตกายไปอุดรูน้ำไม่ให้รดมือ พราหมณ์เลยเอาหญ้าทิ้งในรู่ทำให้พระศุกร์ตาบอดข้างนึง และออกมาจากหม้อ หลังจากรดน้ำเรียบร้อยแล้ว ท่านก็เนรมิตกายใหญ่ขึ้น ก้าวแรกเหยียบพื้นโลก ก้าว2เหยียบถึงสวรรค์ ก้าวที่3ตรัสถามว่าวางเท้าไว้ที่ใด? อสูรตอบว่าให้บนหัวตน ท่านเลยเหยียบพระบาทกดอสูรพลีไปยังใต้บาดาลที่มีความสวยงามเหมือนแดนสวรรค์ และชาวฮินดูเชื่อว่าอสูรพลีเป็นสาวกองค์หนึ่งของพระวิษณุครับ

ในพระไตรปิฎกพระเจ้าพิมพิสารถวายสวนให้พระพุทธเจ้า ทำการรดน้ำบนฝ่ามือพระพุทธเจ้า ในตอนที่พระเจ้าพิมพิสารเจอผี ก็ทำแบบนี้เช่นกัน ในประวัติศาสตร์ไทยพระนเรศหลั่งน้ำทักษิโณทกเพื่อประกาศเจตนารมย์ว่าต่อไปนี้ตัดขาดกับหงสาวดีครับ

38
ธรรมะ / ตอบ: โอวาทพระจี้กง
« เมื่อ: 25 มิ.ย. 2554, 05:13:20 »
เป็นแผ่นกระดาษที่เขาแจกอะครับ ตอนไปเที่ยวศาลเจ้ากวนอู ที่ฝั่งธนอะครับ(ต้นฉบับมี28ข้อ) แต่ฉบับภาษาไทยมี27ข้อ โดยข้อ27หายไป ฉบับที่แจกมาก็พิมพ์ผิดเยอะอยู่ครับ

39
ธรรมะ / ตอบ: โอวาทพระจี้กง
« เมื่อ: 25 มิ.ย. 2554, 03:46:23 »
ต้นฉบับมันมี 28 ข้อความ
แต่ฉบับภาษาไทยแปลมาแค่ 27 ข้อความ
ข้อความที่27.คือ

壽自護生愛物增——殺什麼
อายุยืนเพราะเมตตาต่อสัตว์โลก...ฆ่าแกงทำไม

คำว่า 尺 อ่านว่า ฉื่อ(หรือ เชียะ) เป็นหน่วยวัดของจีน เท่ากับ 30.3  เซนติเมตร
คำว่า 寸 อ่านว่า ฉุ่น เป็นหน่วยวัดของจีน เท่ากับ 3.03 เซนติเมตร
คำว่า 文 อ่านว่า เหวิน เป็นหน่วยเงินโบราณของจีน
無常 เป็นศัพท์บัญญัติในพระพุทธศาสนา แปลว่า ความไม่เที่ยง

40
ธรรมะ / โอวาทพระจี้กง
« เมื่อ: 25 มิ.ย. 2554, 10:09:51 »
濟公活佛聖訓
โอวาทพระจี้กง

一生都是修來的——求什麼
ชีวิตย่อมเป็นไปตามลิขิต...วอนขออะไร

今日不知明日事——愁什麼
วันนี้ไม่รู้เหตุการณ์ในวันพรุ่งนี้...กลุ้มเรื่องอะไร

不禮爹娘禮世尊——敬什麼
ไม่เคารพพ่อแม่แต่เคารพพระพุทธองค์...เคารพทำไม

兄弟姐妹皆同氣——爭什麼
พี่น้องคือผู้ที่เกิดตามกันมา...ทะเลาะกันทำไม

兒孫自有兒孫福——懮什麼
ลูกหลานทุกคนล้วนมีบุญตามลิขิต...ห่วงใยทำไม

豈可人無得運時——急什麼
ชีวิตย่อมมีโอกาสประสบความสำเร็จ...ร้อนใจทำไม

人世難逢開口笑——苦什麼
ชีวิตใช่จะพบเห็นรอยยิ้มกันได้ง่าย...ทุกข์ใจทำไม

補破遮寒暖即休——擺什麼
ผ้าขาดปะแล้วกันหนาวได้...อวดโก้ทำไม

食過三寸成何物——饞什麼
อาหารผ่านลิ้นแล้วกลายเป็นอะไร...อร่อยไปใย

死後一文帶不去——慳什麼
ตายแล้วบาทเดียวก็เอาไปไม่ได้...ขี้เหนียวทำไม

前人田地後人收——佔什麼
ที่ดินคือสิ่งที่สืบทอดแก่คนรุ่นหลัง...โกงกันทำไม

得便宜處失便宜——貪什麼
โอกาสจะได้กลายเป็นเสีย...โลภมากทำไม

舉頭三尺有神明——欺什麼
สิ่งศักดิ์สิทธิ์อยู่เหนือศีรษะเพียง3ฟุต...ข่มเหงกันทำไม

榮華富貴眼前花——傲什麼
ลาภยศเหมือนดอกไม้ที่บานอยู่ไม่นาน...หยิ่งผยองทำไม

他家富貴前生定——妒什麼
ทุกคนย่อมมีลาภยศตามวาสนาที่ลิขิต...อิจฉากันทำไม

前世不修今受苦——怨什麼
ชีวิตลำเค็ญเพราะชาติก่อนไม่บำเพ็ญ...แค้นใจทำไม

賭博之人無下梢——耍什麼
นักเล่นการพนันล้วนตกต่ำ...เล่นการพนันทำไม

治家勤儉勝求人——奢什麼
ครองเรือนด้วยความประหยัดดีกว่าไปขอพึ่งผู้อื่น...สุรุ่ยสุร่ายทำไม

冤冤相報幾時休——結什麼
จองเวรจองกรรมเมื่อไรจะจบสิ้น...อาฆาตทำไม

世事如同棋一局——算什麼
ชีวิตเหมือนเกมหมากรุก...คิดลึกทำไม

聰明反被聰明誤——巧什麼
ฉลาดมากเกินจึงเสียรู้...รู้มากทำไม

虛言折盡平生福——謊什麼
พูดเท็จทอนบุญจนบุญหมด...โกหกทำไม

是非到底見分明——辯什麼
ดีชั่วย่อมรู้กันทั่วไปในที่สุด...โต้เถียงกันทำไม

誰能保得常無事——誚什麼
ใครจะป้องกันมิให้มีเรื่องเกิดขึ้นได้ตลอด...หัวเราะเยาะกันทำไม

穴在人心不在山——謀什麼
ฮวงซุ้ยที่ดีอยู่ในจิตไม่ใช่อยู่ที่ภูเขา...แสวงหาทำไม

欺人是禍饒人福——卜什麼
ข่มเหงผู้อื่นคือทุกข์ รู้ให้อภัยคือบุญ...ถามโหรเรื่องอะไร

一旦無常萬事休——忙什麼
ทุกสิ่งจบสิ้นลงด้วยความตาย...วุ่นวายทำไม

41
เห็นด้วยครับ แต่บางครั้งอยากให้แบ่งปันข้อมูลเกี่ยวกับภาษาไทย วิธีการใช้ให้ถูกต้องครับ หรือลงข้อมูลเกี่ยวกับคำต่างๆที่คนมักเขียน/พิมพ์ ผิดโดยไม่ได้ตั้งใจ ซึ่งเป็นการอนุรักษ์ภาษาไทยไปในตัว
ป.ล.ความจริงภาษาไทยวิบัติมาตั้งแต่สมัยอยุธยาแล้ว และบางครั้งการวิบัติของภาษาก็มองในอีกแง่มุมหนึ่งเป็นความหลากหลายทางภาษา อย่างภาษาแชท ก็ควรเอาไว้คุยในเวลาแชทครับ

ท้าวเวสสุวัณ คนสะกดผิดเป็น เวสสุวรรณ
สันสกฤตใช้ว่า ไวศฺรวณ แปลว่า เกิดแต่วิศรวะ วิศรวะ เป็นบิดาของท้าวเวสสุวัณหรือท้าวกุเวร และทศกัณฐ์ ท้าวเวสสุวัณเป็นพี่ชายทศกัณฐ์ ท้าวเวสสุวัณในรามเกียรติ์เรียก"กุเปรัน(สะกดตามอักษรทมิฬ)"

42
คาถาอาคม / ตอบ: การสวดภาณยักษ์
« เมื่อ: 24 มิ.ย. 2554, 01:16:08 »
ถ้าพิจารณาตามเหตุผล บางคนเกิดอาการคลั่ง เหมือนมีอะไรมาควบคุม เต้นแร้งเต้นกาบ้าง เลื้อยกับพื้นบ้าง แสดงว่าสิ่งที่อยู่ในกายเป็นพลังชั่วร้าย ถ้าเป็นพลังดีอยู่แล้ว เหตุใดต้องมีอาการกำเริบ???
ตรงนี้ผมไม่ได้ลบหลู่อาจารย์นะครับ เพียงแต่ผมคิดอีกแง่หนึ่ง เพราะเพื่อนผมบางคนที่สักยันต์ ร่วมพิธีสวดอาฏานาฏิยปริตร ก็ไม่เคยมีอาการอะไรแบบนั้น แสดงว่าของดีจริง พลังเทพและพุทธคุณไม่จำเป็นต้องสำแดงพลังเวลาเจอมนต์ของท้าวเวสสุวัณ

ที่ผมบอก แค่อยากให้ลองคิดในอีกแง่มุมหนึ่งครับ

43
ขอให้ไปสู่สุคตินะครับ

44
สวยมากเลยครับ

45
ผมอ่านอักษรพม่า อักษรธรรมล้านนา อักษรเขมร(ตัวมูล) เพราะเคยเรียนตอนปี3....เรียนเฉพาะตัวสระที่มันมีในภาษาไทย และบาลีสันสกฤตเท่านั้น
ถ้าอักษรอื่นที่พออ่านได้ก็ เทวนาครี ทมิฬ ฮันกึล จีน ญี่ปุ่น
อย่างตัว ถ ในอักษรไทย
อักษรพม่าเป็นรูปเครื่องหมายอินฟินิตี้อ้วนๆแนวนอน แต่อักษีล้านนามันลากเส้นโค้งมาเกือบเป็นอักษรไทย
ตัว ท ในอักษรไทย
อักษรพม่าพม่าเป็นรูป 3 แต่ล้านนาเขียนเป็น ๒(แนวนอน หางชี้ไปทางขวา)
อย่างตัวข้างบนสุด คือตัว ม

ตัวอักษรธรรมมันมีหัวคล้ายตัวเขมรและตัวไทย แต่พม่ามอญมันมะมีหัว

ตอนนี้มะได้เรียนมานาน เลยหลงๆลืมๆบ้างครับ

46
ทำไมเป็นอักษรพม่าอะครับ?

47
เพราะปัจจุบันสังคมเปลี่ยนไปครับ ผมไม่ได้แอนตี้ แต่มีคนบางกลุ่ม โดยเฉพาะบางชนชั้น มองการสักยันต์ในลักษณะ ล้าหลัง ป่าเถื่อน คนป่า คนดอย อะไรพวกนี้อะ ทั้งที่ความเป็นจริงการสักยันต์เป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่ง จะบอกว่าเป็นมรดกและภูมิปัญญาของบรรพบุรุษก็ได้ แต่ในบางครั้ง งานราชการบางอย่างห้ามการสัก หน่วยงานเอกชนก็มี เพราะผู้ใหญ่ที่อยู่สบายๆมองว่าคนกลุ่มนี้ทำงานไม่เป็น ไม่มีความรู้ หนักกว่าก็คิดว่าเป็นพวกบ้านนอก(ไม่ได้ตั้งใจเหยียดนะครับ แต่ขอให้คำพูดชัดเจน เพื่อให้เข้าใจมากขึ้น) บางอาชีพ เช่น พนักงานธนาคาร โดยเฉพาะพวกที่นั่นหน้าเคาท์เตอร์ ลักษณะท่าทางต้องอ่อนโยน หรือไม่ก็อาชีพพนักงานขายหรือเซลแมน และส่วนใหญ่เป็นความคิดของคนกรุงเทพ ซึ่งกรุงเทพก็ไม่ได้เก่าแก่อะไร และเป็นเมืองที่มีความหลากหลายทางเชื้อชาติและวัฒนธรรม จนภายหลังมีการเปลี่ยนแปลงทางด้านวัฒนธรรม อะไรที่แสดงถึงความ"โบราณ"จะถูกมองว่าล้าหลัง หรือไร้อารยะ ในสายตา"ท่านผู้นำสมัยนั้น" และบางครั้งคนรุ่นหลังควรเข้าใจความคิดของผู้ใหญ่ อย่าไปมองว่าผู้ใหญ่ใจคับใจแคบ เพียงแต่บางครั้งในบางอาชีพต้องการความน่าเชื่อถือ และยิ่งมีกระแสโรคบางอย่างที่ติดต่อทางเข็มสัก ทำให้การสักถูกคนรุ่นหลังมองในแง่ลบ

บางทีคนรุ่นหลังๆควรเข้าใจความคิดผู้ใหญ่บ้าง อย่าคิดว่าผู้ใหญ่แอนตี้ เพียงแต่ผู้ใหญ่อาจเจอเหตุการณ์ที่ไม่ปลื้ม แล้วมันเกี่ยวเนื่องกับการสักครับ

48
ยาสั่ง คือการใช้ภูมิปัญญาเรื่องสมุนไพร กับการใช้วิชาอาคม และเรื่องผีสางมารวมกัน ในประเทศจีนมีการทำยาสั่ง แต่เป็นในชุมชนของชนกลุ่มน้อย เช่น แม้ว เย้า ซึ่งเผ่านี้รู้จักการทำยาสั่ง มีหมอผีประจำหมู่บ้าน และสันนิษฐานว่าอาจแพร่หลายมาจากวัฒนธรรมชนกลุ่มน้อย ที่มีภูมิประเทศเป็นป่าเขา อุดมไปด้วยพืชพรรณนานาชนิด บางบางชนิดเป็นสมุนไพร แต่บางครั้งเอามาผสมกับตัวอื่น ก็กลายเป็นยาสั่งได้เช่นกัน
และชนกลุ่มน้อยทางมลายู อินโดนีเซีย ก็มีการใช้วิชานี้เช่นกัน

49
ขอชี้แจงข้อเท็จจริงเรื่องกวนอูนะครับ

ก่อนบอกก่อนว่าการที่กวนกลายเป็นเทพอย่างแพร่หลาย เกิดในสมัยราชวงศ์ชิง ได้รับอิทธิพลจากวรรณคดีสามก๊กที่แต่งสมัยราชวงศ์หมิง三國演義(หลังเหตุกาณณ์สามก๊กพันปี) เป็นสามก๊กฉบับนิยาย บางตอนเขียนไว้เล่นงิ้ว บางเรื่องก็ไม่มีจริงในประวัติศาสตร์ และการแต่งตั้งกวนอูเป็นเทพเริ่มสมัยราชวงศ์ซ่ง(ราชวงศ์นี้นับถือขงจื๊อ และเต๋าเป็นหลัก) พุทธก็มีบ้าง แต่ไม่เท่าลัทธิขงจื๊อ

ฝ่ายพุทธก๋แต่งตั้งกวนอูเป็น สังฆารามโพธิสัตว์ เป็นพระโพธิสัตว์รักษาวัดวาอาราม และมีการกล่าวถึงในสมัยราชวงศ์สุย และสถานที่คือวัดตีนก๊กซือที่เขาจวนหยกสัน
ลัทธิขงจื๊อและลัทธิเต๋า ก็แต่งตั้งเป็นเทพเช่นกัน........แต่ไม่ได้รับการนับถือแพร่หลาย
และหลายครั้งการแต่งตั้งเป็นเทพมีเหตุผลด้านการเมืองการปกครองแอบแฝง และสมัยราชวงศ์ชิงมีการเผยแพร่การนับถือกวนอู ยกย่องสรรเสริญกวนอู อาศัยเรื่องความซื่อสัตว์จงรักภักดีต่อเล่าปี่.........นี่คือข้อดีข้อเดียวของกวนอู
ถ้าข้อดีอื่นๆจะเป็นเรื่องในบทประพันธ์ซะส่วนใหญ่

50
นำ มอ ไต่ ชื้อ ไต่ ปุย ฮก หมอ ไต่ ตี่ เต็ก เต็ก เสี่ย จี๋ เสียง โก้ว ฮุก เง็ก อ้วง ไต่ เทียน จุน ฯ
南無大慈大悲伏魔大帝,德德社至上古佛玉皇大天尊。

51
ชี้แจงเรื่องกวนอูครับ

กวนอูเริ่มเฮี้ยนครั้งแรกที่วัดตีนก๊กซือ鎮國寺 เป็นพระอารามหลวงบนเขาจวนหยกสัน玉泉山 เป็นผีเร่ร่อนทวงคืนศีรษะ จนมีพระภิกษุเภาเจ้ง普净和尚 แสดงธรรมกับให้วิญญาณกวนอู

และกวนอูเริ่มนับถือเป็นเทพแบบจริงๆจังๆในสมัยราชวงศ์ชิง อิทธิพลวรรณคดีสามก๊กที่แต่งสมัยราชวงศ์หมิง เป็นวรรณคดีอิงประวัติศาสตร์ เรื่องจริงมีนิดเดียว บางอย่างก็ไม่มีจริงในประวัติศาสตร์ และหมอฮัวโต๋ก็ไม่เคยทำการผ่าตัดแขนให้กวนอูมาก่อนครับ และกวนอูได้รับการแต่งตั้งเป็นเทพโดยฮ่องเต้ราชวงศ์ซ่งนามว่า ซ่งฮุ่ยจง宋徽宗 ฮ่องเต้องค์นี้โปรดการไหว้เจ้า และแต่งตั้งเทพหลายๆองขึ้นมา

52
ชี้แจงบางข้อครับ

พระยูไล ก็คือพระพุทธเจ้าองคืไหนก็ได้ เพราะ ยูไล如來 มาจากคำว่า ตถาคต
เจ้าแม่เทียนโหว เจ้าแม่ทับทิม องค์เดียวกัน
แล้วเทพ ตั่วเหล้าเอี้ย ท่านไม่ได้เป็นเสือครับ
แต่เป็นเทพองค์สำคัญของลัทธิเต๋า ศาลเจ้าท่านใหญ่ที่สุดคืออาราม"บู๊ตึ๊ง"

แล้วข้อความแก้ชงตรงนี้ มีความน่าเชื่อไม่ถึง50%

หน้า: [1]