ผู้เขียน หัวข้อ: พระหน้าเปลี่ยน ชาวบ้านโวย ปิดทองกลางดึก  (อ่าน 951 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ suwatchai

  • การนิ่งเงียบต่อคนโง่คนสามหาว เป็นทางยาวสู่เกียรติที่ใฝ่ฝัน ทั้งรักษาในศักดิ์ศรีเป็นเกราะกัน ไม่หุนหันฉันท์หมาวัดที่จัญไร เราจงดูราชสีห์น่าเกรงขาม ทุกผู้นามเกรงกลัวได้ไฉน ไม่เคยเห่าเคยหอนไล่ผู้ใด แล้วไซร้ใยมีเกียรติเป็นราชันต์...
  • สมาชิกที่ถูกแบน
  • **
  • กระทู้: 241
  • เพศ: ชาย
  • Death Is Beautiful & Sweet ....
    • MSN Messenger - suwatchai.com@windowslive.com
    • ดูรายละเอียด
    • อีเมล

ชาวบ้าน จ.น่าน ประท้วงเจ้าอาวาส ขอตรวจสอบ ลงรักปิดทองพระประธานโบสถ์ วัดหัวเมือง อ.ปัว จ.น่าน อายุเกือบ 100  ปี เหตุทำให้หน้าพระเปลี่ยนไป ข้องใจที่ปิดโบสถ์ทำตอนกลางคืน

ชาวบ้านบ้านหัวเมือง หมู่ที่ 5 ตำบลแงง อำเภอปัว จังหวัดน่าน กว่า 100 คน ได้พากันไปที่วัดหัวเมือง ซึ่งเป็นวัดประจำหมู่บ้านขอพบพระปรัชญา คันธศรีโร เจ้าอาวาสวัดเพื่อขอคำอธิบายในการลงรักปิดทององค์พระประธานของวัดที่มีอายุเกือบ 100 ปี เมื่อ 3 วันก่อน โดยชาวบ้านสงสัยว่า การลงรักปิดทองดังกล่าว เป็นการทำที่มีเงื่อนงำซ่อนเร้น เพราะทำกันในเวลากลางคืนโดยปิดประตูโบสถ์ไม่ให้ชาวบ้านเข้าไปร่วมด้วย ที่สำคัญเมื่อทำเสร็จสรีระ และพระพักตร์ขององค์พระผิดไปจากเดิม ซึ่งนายอินผาย ชัญญะ อายุ 61 ปี บ้านเลขที่ 98 หมู่ที่ 5 บ้านหัวเมือง ตำบลแงง อำเภอปัว จังหวัดน่านประธานกลุ่มผู้สูงอายุของหมู่บ้าน ตัวแทนชาวบ้านบอกว่าชาวบ้านรับไม่ได้ที่เห็นองค์พระประธานมีหน้าตาบูดบึ้ง ไม่ยิ้มแย้มแจ่มใส อิ่มเอิบเหมือนองค์เดิม และการดำเนินการของคณะที่ลงรักปิดทอง ก็มีข้อสงสัย เนื่องจากปิดประตูโบสถ์ทำตอนกลางคืน โดยที่ชาวบ้านไม่มีส่วนเข้าไปรู้เห็น และขอให้นำผง เหงื่อไคล ที่ขูดจากองค์พระมาแสดงคืนให้ชาวบ้านด้วย ทั้งนี้ คณะกรรมการหมู่บ้านพร้อมชาวบ้านได้นำรูปภาพองค์พระเดิมที่ยังไม่ได้มีการลงรักปิดทองมาเปรียบเทียบ และขอให้เจ้าอาวาสนำเมาลีบนเศียรพระมาเปรียบเทียบกับรูปภาพด้วย ซึ่งก็ยังไม่สามารถชี้ชัดว่าเป็นของเดิมหรือไม่

ทางด้านพระปรัชญา คันธศรีโร เจ้าอาวาสวัด ได้ชี้แจงกับชาวบ้านและนำคณะที่ทำพิธีลงรักปิดทองมาชี้แจงต่อหน้าชาวบ้าน ซึ่งมีพระคมกฤษณ์ วิชชากโร อ้างว่าเป็นพระลูกวัดของวัดตลุกป่าตาล ตำบลโป่งแดง อำเภอเมือง จังหวัดตาก เป็นช่าง แต่ชาวบ้านของดูใบสุทธิก็ไม่สามารถนำมาแสดงได้ โดยบอกว่าลืมไว้ที่บ้านญาติโยม โดยพระคมกฤษณ์ฯบอกว่า ทำตามพิธีอย่างถูกต้อง ที่ต้องปิดประตูโบสถ์ทำตอนกลางคืนเพื่อให้มีสมาธิและไม่ให้ลมพัดตอนปิดทอง ที่ชาวบ้านเห็นรูปร่างหน้าตาเปลี่ยนไปอาจเป็นเพราะแสงไฟที่ส่ององค์พระสะท้อนเงา จึงทำให้เห็นเป็นอย่างนั้น

ส่วนเจ้าภาพที่จัดทำเป็นเภสัชกรในตัวเมืองปัว บอกว่าหมดเงินไปกว่า 2 แสนบาท เมื่อชาวบ้านไม่พอใจก็แล้วแต่ เป็นเรื่องของชาวบ้าน พวกตนทำบุญไปแล้วก็แล้วไป หากมีการพาดพิงทำให้พวกตนเสียหายก็จะฟ้องร้องตามกฎหมาย

ด้านคณะกรรมการหมู่บ้านพร้อมชาวบ้าน ยืนยันว่าจะให้ตั้งกรรมการมาตรวจสอบ พร้อมทำหนังสือร้องไปยังส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเพื่อมาพิสูจน์ว่า มีการนำของมีค่าในองค์พระไปหรือไม่ และมีการขูดองค์พระหรือไม่ และอาจจะมีการแจ้งความร้องทุกข์ เพื่อความโปร่งใสต่อไป

เจ้าอาวาสวัดฯ กล่าวอีกว่า ไม่มีการขูดหรือเปลี่ยนแปลงองค์พระแต่อย่างใด ของที่อยู่ในองค์พระก็ไม่แตะต้อง ตอนที่คณะลงรักปิดทององค์พระทำ ก็อยู่ด้วยพร้อมเณร เมื่อชาวบ้านไม่พอใจ สงสัยก็ยินดีให้พิสูจน์ แต่ต่อไปคงไม่มีใครกล้ามาทำบุญหรือร่วมพัฒนาวัดอีก


 

***********************************************************
ช่างทำไปได้เนอะ ไม่กลัวบาปกรรมจะกินกบาลกันบ้างเลย....[/b]