ผู้เขียน หัวข้อ: ขันธ์ 5 เป็นภาระหนัก  (อ่าน 1201 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ กระเบนท้องน้ำ

  • สัตตมะ
  • **
  • กระทู้: 275
  • เพศ: ชาย
  • การให้ธรรมะ ชนะการให้ทั้งปวง
    • MSN Messenger - krabentongnam2511@hotmail.com
    • ดูรายละเอียด
    • บ้านกระเบนท้องน้ำ
ขันธ์ 5 เป็นภาระหนัก
« เมื่อ: 24 พ.ย. 2552, 12:51:31 »
"การปฏิบัติในทาง จิตเป็นการขุดโค่นเอารากเง่าของกิเลสทั้งหลาย ด้วยปัญญาวิปัสสนาค้นคิดติดตามลงไป
เพราะเราทุกข์มาแล้วกี่ภพกี่ชาติ เวียนว่ายตายเกิดอยู่ในวัฏฏสงสารนี้ เกิดแล้ว เกิดอีก แล้วก็หลงเพลิดเพลินอีก
ก่อกรรมทำเวรแก่ตัวของเราอยู่อย่างนั้น ไม่มีทางสิ้นสุด เกิดมาแล้วก็ยังสงสัยในภพในชาติ ก็อย่างโลกเขาสงสัยกันอยู่
ค้นอย่างนั้น ค้นอย่างนี้ ตลอดค้นไปถึงดวงดาวอยู่บนท้องฟ้า ก็เพราะสงสัยอยู่นั้นเอง ทั้งที่ท่านผู้รู้ทั้งหลายรู้มาก่อนแล้ว
แต่พวกเกิดมาที่ยังมีกิเลสอยู่ก็มาสงสัยอีก ตายแล้วเกิด ตายแล้วสูญ ก็มาคิดสงสัยกันอยู่อย่างนี้แหละ เลยไม่มีทางสิ้นสุด
เมื่อจิตนี้ยังมีกิเลสอยู่ทำให้มีความเวียนว่ายตายเกิด เกิดแล้วก็มีความสงสัย สงสัยในภพชาติของตน
ฉะนั้นพระพุทธเจ้าจึงสอนว่า ท่านทั้งหลายจงมาดูโลกนี้อันวิจิตรตระการตา ซึ่งพวกคนเขลาหมกอยู่
แต่ท่านผู้รู้หาข้องไม่ที่เราติดข้องอยู่ก็คือเป็นคนเขลา เป็นคนที่ไม่เฉลียวฉลาดนั้นเอง ไปหลงไหลสิ่งที่ไม่ควรหลง
หาสุขแต่ก็ไปยึดเอาความทุกข์ อยากได้สุขแต่ไปสร้างกรรมที่ให้เกิดความทุกข์แก่ตัวของเราเอง
เราแสวงหาแต่สิ่งที่เป็นทุกข์แก่ตัวของเรา หาแต่สิ่งที่เป็นกังวลแก่จิตใจของเรา หาแต่สิ่งที่เดือดร้อนจิตใจของเรา
เราจึงเป็นผู้ที่เดือดร้อน เดี๋ยวก็เดือดร้อนอย่างนี้ ร้อยแปดพันอย่างที่เราจะต้องเดือดร้อน
เดือดร้อนเพราะอำนาจของกิเลสแผดเผาจิตใจของเรา เดือดร้อนเพราะกองทุกข์ที่มีอยู่ในรูปกายของเราแผดเผา
เราก็เลยมีความทุกข์ความร้อนอยู่อย่างนั้น แต่ละวันแต่ละคืนเราก็ทุกข์ เย็นมาเราก็ทุกข์ ร้อนมาเราก็ทุกข์
มีความทุกข์เป็นประจำอยู่ ทั้งที่เรามีความทุกข์ เราก็ยังหลงอยู่ในความทุกข์
สำคัญทุกข์ว่าเป็นสุข สำคัญชั่วว่าเป็นดี ก็เนื่องจากเราเป็นผู้ที่หลง

ฉะนั้นให้เรามาพิจารณาใคร่ครวญโดยปัญญาที่รอบคอบหาเหตุผล ค้นคิดติดตาม
เพื่อจะได้แก้ความหลงความเมาในภพในชาติของเรานี้ เพราะเราเมามาแล้วไม่ทราบว่ากี่ภพกี่ชาติ
หลงมาแล้วเวียนว่ายตายเกิดอยู่อย่างนั้น ตัณหาจึงได้ชื่อว่าเป็นต้นเหตุที่ให้ก่อภพก่อชาติ
ท่านจึงว่า ยายัง ตณฺหา โปโนพฺกวิกา จิตใดที่ยังมีตัณหาอยู่จะต้องให้เกิดในภพในชาติ
ต่อๆ ไป เพราะอำนาจของตัณหานี้เอง เป็นผู้สร้างภพสร้างชาติให้แก่เรา จึงว่าเป็นตัวการที่สำคัญ
เราจะต้องกำจัดตัณหานี้ เพราะตัณหาเป็นตัวร้ายที่ทำลายความสุขของสัตว์ทั้งหลายอยู่"

จากพระธรรมเทศนาตอนหนึ่งซึ่งพระอาจารย์วัน อุตตโม
ได้แสดงแก่พระเณร เมื่อวันที่ 6 กันยายน 2521