ผู้เขียน หัวข้อ: พุทธอุทยานธรรมโกศล ตอนปฐมสมภารวัดสาลีโข  (อ่าน 8890 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ romulus

  • ตติยะ
  • ***
  • กระทู้: 33
    • ดูรายละเอียด
    • อีเมล
Posted by ศิษย์กวง

วันนี้(10 ก.พ.  2551ไปทำบุญที่พุทธอุทยานธรรมโกศล จังหวัดปทุมธานีครับ หลวงพ่อสมภพท่านได้เมตตาเล่าประวัติของ ท่านพระครูธรรมโกศล หรือหลวงปู่เผือก ให้ลูกศิษย์ที่มากราบนมัสการท่านฟัง  อาจมีหลายท่านเคยอ่านประวัติของหลวงปู่เผือกผ่านทางสื่อต่างๆ เช่นหนังสือ หรือคำบอกเล่า ครั้งนี้ได้มีโอกาสรับฟังจากหลวงพ่อเลยขอจดบันทึกไว้เพื่อระลึกถึงความมีเมตตาของท่านครับ

หลวงปู่เผือก เกิดเมื่อวันอาทิตย์ ขึ้น 3 ค่ำ เดือนอ้าย (ปีชวด พ.ศ.2299) เป็นชาวกรุงศรีอยุธยา บิดาเป็นชาวจีนที่เดินทางเข้ามาประกอบอาชีพค้าขายในประเทศไทย ส่วนมารดาเป็นคนไทย หลวงปู่เผือกบรรพชาเป็นสามเณรที่วัดพุทไธสวรรย์ สมัยนั้นความเลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนาของคนไทยมีมาก หลวงปู่เผือกท่านจึงได้เล่าเรียนพระปริยัติธรรม ควบคู่ไปกับการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน จนแตกฉานตั้งแต่เป็นสามเณรครับ

ก่อนกรุงศรีอยุธยาจะแตก โยมบิดามารดาของหลวงปู่เผือกได้อพยพหลบภัยสงครามจากรุงศรีอยุธยา หลวงปู่เผือกที่ขณะนั้นยังเป็นสามเณรได้ติดตามมาคอยดูแลโยมบิดามารดาพร้อมกลุ่มผู้อพยพ จนมาถึงบริเวณสุดแนวโค้งของแม่น้ำเจ้าพระยาตรงข้ามกับเกาะเกร็ด กลุ่มผู้อพยพจึงได้ตั้งหลักแหล่งพักอาศัยทำมาหากิน ในบริเวณดังกล่าวมีสำนักสงฆ์เก่าแก่อยู่แห่งหนึ่ง สามเณรเผือกจึงได้จำพรรษาในสำนักสงฆ์นั้น ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นวัดสาลีโข ในปัจจุบันนี้

ต่อมาสมเด็จพระเจ้าตากสินได้ทรงขับไล่พม่าออกไปจากประเทศไทยได้สำเร็จและทรงตั้งกรุงธนบุรีขึ้นเป็นเมืองหลวง สามเณรเผือกจึงได้เดินทางย้อนกลับไปกรุงศรีอยุธยา เพื่อศึกษาวิชาการต่อ พออายุท่านครบบวช ท่านจึงได้เข้าพิธีอุปสมบทที่วัดป่าแก้ว ซึ่งเป็นวัดฝ่ายอรัญวาสี เมื่อวันศุกร์ ขึ้น 7 ค่ำ เดือน 8 ปีมะแม จ.ศ. 1138 (พ.ศ.2319) ได้รับฉายาว่า ธัมมะโกศล เวลาออกพรรษาหลวงปู่เผือกท่านชอบออกธุดงควัตรเสมอ จนทำให้ท่านมีความเชี่ยวชาญด้านกรรมฐานและมีวิชาอาคมแก่กล้าเป็นที่เคารพนับถือของคนทั่วไปถึงแม้ท่านจะมีอายุไม่มากนัก (สหธรรมมิกของท่านที่มีชื่อเสียงคือ สมเด็จพระสังฆราช สุก ไก่เถื่อน)

สมัยรัชการที่ 1 หลวงปู่เผือกท่านมีชื่อเสียงมากและโด่งดังเข้าไปถึงหูของบรรดาขุนนาง เจ้านายในวัง ต่างมากันมาหาท่านเพื่อขอวัตถุมงคลหรือขอให้ท่านลงอักขระ  เพื่อความเป็นมงคลหรือต้องการหนังเหนียว  ว่ากันว่าท่านทำได้ขลังนัก ทำให้มีลูกศิษย์มาขึ้นกับท่านมาก เรียกว่าในช่วงนั้นวัดสาลีโขเจริญรุ่งเรืองสุดขีด

สมัยรัชการที่ 4 หลวงปู่เผือกได้รับพระราชทานพระราชทินนามว่า พระครูธรรมโกศล ตำแหน่งสังฆปาโมกข์ฝ่ายอรัญวาสี แขวงนนทบุรี และเป็นเจ้าคณะเมืองนนทบุรี หลวงปู่เผือกได้รับพระราชทานเรือกันยาหลังคาแดง มีฝีพายเต็มอัตราเป็นเรือประจำตำแหน่งสำหรับออกตรวจคณะสงฆ์ในเขตปกครอง หลวงปู่เผือกละสังขารในสมัยรัชการที่ 4 พ.ศ.2405 สิริอายุรวม 106 ปีครับ

สมัยรัชการที่ 4 หลวงปู่เผือกได้รับพระราชทานพระราชทินนามว่า พระครูธรรมโกศล ตำแหน่งสังฆปาโมกข์ฝ่ายอรัญวาสี แขวงนนทบุรี และเป็นเจ้าคณะเมืองนนทบุรี หลวงปู่เผือกได้รับพระราชทานเรือกันยาหลังคาแดง มีฝีพายเต็มอัตราเป็นเรือประจำตำแหน่งสำหรับออกตรวจคณะสงฆ์ในเขตปกครอง หลวงปู่เผือกละสังขารในสมัยรัชการที่ 4 พ.ศ.2405 สิริอายุรวม 106 ปีครับ
 
ภาพปกหนังสือเล่มนี้ได้มาจากเวปไซด์ ขออภัยจำชื่อไม่ได้
 
ของฝากสำหรับคืนนี้ครับ
 อะระหัง  สุคะโต  ภะคะวา
หลวงพ่อสมภพท่านบอกว่าให้ภาวนาอย่าขาดครับ สามารถคุ้มครองและเป็นสิริมงคลกับตัวครับ
ภาพวัตถุมงคลบางส่วน(ที่จัดสร้างโดยหลวงพ่อสมภพ)

เหรียญรุ่นแรก ปี 2510 (ด้านหน้า)

เหรียญรุ่นแรก ปี 2510 (ด้านหลัง)

เหรียญฉลองอายุ 40 ปี พ.ศ.2522 (พิมพ์ใหญ่ /ด้านหน้า)

เหรียญฉลองอายุ 40 ปี พ.ศ.2522 (พิมพ์ใหญ่ /ด้านหน้า)

เหรียญสีหบรรลือ ปี 2534 (พิมพ์ใหญ่  / ด้านหน้า)

เหรียญสีหบรรลือ ปี 2534 (พิมพ์ใหญ่  / ด้านหน้า)

ออฟไลน์ romulus

  • ตติยะ
  • ***
  • กระทู้: 33
    • ดูรายละเอียด
    • อีเมล
Posted by ศิษย์กวง


ความสงบราบเรียบของสถานปฏิบัติธรรมเล็กๆในเขตชานเมือง  คนขับรถผ่านไปมาบริเวณนั้นเมื่อมองเข้าไป จะเห็นรูปปั้นพระภิกษุสงฆ์รูปหนึ่ง ยืนตระหง่านอยู่ใต้ต้นโพธิ์บนเนินดิน  คนที่ไม่ได้อยู่ในวงการพระเครื่องคงจะไม่ทราบว่าสถานที่แห่งนี้มีความยิ่งใหญ่และสำคัญเพียงใด
แต่สำหรับคนรุ่นเก่าในวงการพระเครื่องจะรู้ว่าสถานที่แห่งนี้คือที่จำพรรษาของพระภิกษุสงฆ์องค์หนึ่ง ที่มีชื่อในเรื่องของการเป็นนักไสยศาสตร์ที่รู้จริง สร้างมงคลวัตถุออกมามีประสบการณ์เป็นที่แสวงหาของคนที่ชื่นชอบในศาสตร์สายนี้
    
พระอาจารย์สมภพ เตชะปัญโญ หรือหลวงพ่อสาลีโข พระผู้มีเมตตา
พระอาจารย์สมภพ เตชะปัญโญ หรือที่คนทั่วไปรู้จักในชื่อหลวงพ่อสาลีโข เป็นเจ้าสำนัก”พุทธอุทยานธรรมโกศล”แห่งนี้ ในวันที่ผมไปกราบนมัสการท่าน ทางสำนักฯกำลังเตรียมงานจัดพิธีสวดพระนพเคราะห์ในวาระขึ้นปีใหม่ซึ่งสำนักฯได้จัดมาทุกปี ปีนี้น่าจะเป็นปีที่สี่สิบแล้ว
                สำหรับท่านที่จะเข้ามากราบนมัสการหลวงพ่อสมภพ นั้น ผมขอบอกกฎระเบียบให้ทราบล่วงหน้าก่อนว่า เวลาที่จะพบท่านควรเป็นช่วงเช้าจนถึงก่อนเพล เพราะหลังจากฉันเพลแล้วหลวงพ่อต้องฉีดยาและพักผ่อน เนื่องจากท่านมีอายุเกือบจะ 70 แล้วและสุขภาพของท่านไม่ค่อยดี ส่วนสิ่งของที่ท่านต้องเตรียมมาคือธูปเทียนและดอกบัว(หากเป็นไปได้ควรจะเป็นดอกบัวสีแดง”สัตตบงกช”) หากไม่มีเครื่องสักการะพวกนี้แล้วหลวงพ่อท่านจะไม่รับแขก เคยมีนายทหารบางคนมากราบท่านโดยไม่ได้เตรียมของมาและนึกว่าท่านจะเกรงใจ ผลหรือครับท่านไล่กลับเอาดื้อๆ
                ซึ่งเรื่องเหล่านี้บางคนอาจจะคิดว่าไม่สำคัญ ไม่เห็นจะต้องเรื่องมาก แต่สำหรับหลวงพ่อแล้วท่านให้ความสำคัญในเรื่องดังกล่าวมาก โดยหลวงพ่อได้เมตตาเล่าให้ฟังถึงเหตุผลว่า บ้านมีกฎบ้าน เมืองมีกฎเมือง  พุทธอุทยานธรรมโกศลแห่งนี้ก็มีกฎของสำนัก หากท่านเข้ามาในสำนักก็ควรให้ความเคารพสถานที่
                “ สถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ บุคคลที่เข้ามาควรให้ความเคารพสถานที่ การนำดอกไม้ธูปเทียนเข้ามาบูชาพระเป็นเรื่องที่ดี สำหรับดอกบัวสีแดงหรือที่เรียกว่าสัตตบงกช เป็นความชอบส่วนตัว เนื่องจากในวันที่พระพุทธเจ้าประสูติ มีสัตตบงกชขึ้นมารองรับเวลาท่านเสด็จเดิน”
                สิ่งหนึ่งที่หลวงพ่อเมตตาทำให้กับบุคคลที่เข้ามากราบนมัสการท่านคือ การลงทองบริเวณหน้าผากและบนฝ่ามือ
                “สิ่งที่อาตมาทำให้นี้ ถือเป็นการให้ทานโดยให้แต่สิ่งที่ดีดี อย่างทองที่ใช้ลงเป็นทอง100% ชนิดเต็มแผ่น ถ้าโยมสังเกตดูจะเห็นว่าก่อนปิดทองให้โยม อาตมาจะนำแผ่นทองมาวางไว้บนตักเป็นเคล็ดว่าทองกองบนตัก ผงที่ใช้ลงคือผงอิทธิเจและผงวิเศษเก่าของฤษี  ซึ่งมีความศักดิ์สิทธิ์ เมื่ออาตมาลงให้แล้วการรักษาให้อยู่กับตัวเป็นเรื่องที่ยาก ขึ้นอยู่กับตัวของโยมเองว่าจะรักษามันได้ไหม หากทำไม่ได้ก็อย่าลงเลย อาตมาจะพรมน้ำมนต์ให้แทนแล้วกัน”
                นี่คือความเมตตาของท่านที่มอบให้กับลูกศิษย์และผู้ที่เคารพนับถือในตัวท่าน  สำหรับข้อห้ามหลังจากได้รับการลงทองจากท่านแล้ว ก็คือการหมั่นรักษาศีล ไม่ถ่มน้ำลายลงในโถส้วมและบนพื้นดิน ห้ามกินหรือลอดต้นมะเฟือง
                “เมื่อพูดถึงข้อห้ามเรื่องการลอดต้นมะเฟือง หรือการห้ามกินผลมะเฟือง คนสมัยนี้มักจะมีคำถามเสมอๆว่าห้ามเพราะอะไร เรื่องนี้อาตมาเคยถามหลวงพ่อจำปา นารโท วัดสาลีโขซึ่งเป็นอาจารย์ ได้อธิบายว่าต้นมะเฟืองจัดอยู่ในพืชตระกูลว่าน มีอาถรรพ์ในตัว ผลหรือยางของมะเฟืองสามารถนำมาทำยาสั่งได้ โบราณจึงได้สั่งห้ามไว้ คนโบราณนี้ฉลาดมากนะโยม สังเกตดูหนังสือหรือตำราโบราณต่างๆ หลังจากบันทึกรายละเอียดของแต่ละเรื่องแต่ละวิชา แล้ว ในตอนท้ายสุดมักจะมีการลงท้ายในลักษณะของการสาปแช่งตัวเองให้ตกนรก  เพื่อเป็นการยืนยันและเป็นหลักประกันว่าสิ่งที่บันทึกไว้นั้นเป็นเรื่องจริง”



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24 ธ.ค. 2552, 02:02:01 โดย romulus »

ออฟไลน์ ~เสน่ห์ack01~

  • ผู้คุมกฎ
  • *****
  • กระทู้: 5330
  • เพศ: ชาย
  • " ไม่เมาเหล้าแล้วเรายังเมารัก"
    • ดูรายละเอียด
กราบนมัสการหลวงปู่เผือก หลวงพ่อสมภพ วัดสาลีโข ครับ

....ขอบคุณสำหรับประวัติท่านครับ...

ทำบุญ วันคล้ายวันเกิด หลวงพ่อเปิ่น วัดบางพระ
วันอาทิตย์ ที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๕ 

ออฟไลน์ umpawan

  • ก้นบาตร
  • *****
  • กระทู้: 3112
  • เพศ: ชาย
  • ศิษย์วัดบางพระ
    • ดูรายละเอียด
ขอบคุณมากนะครับ วัดสาลีโขเคยเห็นที่ผ่านไปปากเกร็ด ไม่รู้ว่าใช่วัดเดียวกันรึเปล่า ผ่านวันสะพานสูงด้วย  :005: 


ขอบคุณครับ    

ออฟไลน์ romulus

  • ตติยะ
  • ***
  • กระทู้: 33
    • ดูรายละเอียด
    • อีเมล
ขอบคุณมากนะครับ วัดสาลีโขเคยเห็นที่ผ่านไปปากเกร็ด ไม่รู้ว่าใช่วัดเดียวกันรึเปล่า ผ่านวันสะพานสูงด้วย  :005: 


ขอบคุณครับ    


ใช่ครับ แต่หลวงพ่อสมภพได้ย้ายออกมานานแล้วครับ

ออฟไลน์ gottkung

  • จะหมึกหรือน้ำมันไม่สำคัญ จงตั้งมั่นให้อยู่ในความดี
  • เด็กวัด
  • *****
  • กระทู้: 4088
  • เพศ: ชาย
  • "จะลูกใครนั้นไม่สำคัญ เป็นศิษย์ฉันเท่ากันทุกคนไป "
    • ดูรายละเอียด
    • www.gottkung.multiply.com
กราบนมัสการหลวงปู่เผือกและหลวงพ่อสมภพครับ
ผมขับรถผ่านพุทธอุทยานธรรมโกศลหลายครั้ง
แต่ยังไม่มีโอกาสเข้าไปกราบรูปหล่อหลวงปู่เผือกท่านเสียที
คงต้องหาเวลาว่างเข้าไปกราบท่านบ้างครับ
เราเป็นศิษย์คิดมีครูดูก่อนเถิด อย่าละเมิดคำครูที่พร่ำสอน
ปุถุชนคนธรรมดาพึงสังวรณ์ ครูท่านสอนมอบสิ่งดีแก่เราๆ