ผู้เขียน หัวข้อ: ความสูญเปล่า ๗ ประการ  (อ่าน 1133 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ ★แดนพระนิพพาน★

  • ◕‿◕★พุทธะสถานบวรพระรัตนะตรัย ชัยยะสถาน ทิพย์พิมาน พระโพธิญาณ อวตารสถิตย์★◕‿◕
  • ทุติยะ
  • **
  • กระทู้: 26
  • เพศ: ชาย
    • ดูรายละเอียด
ความสูญเปล่า ๗ ประการ
« เมื่อ: 05 ก.ค. 2553, 06:54:21 »
ความสูญเปล่า ๗ ประการ โดยหลวงปู่ครูบาชัยยะวงศา

จักขุสุญโญ มีตาอันสูญเปล่า ได้แก่บุคคลที่มีตาเสียเปล่าแต่ไม่มองดูพระพุทธรูป ไม่มองดูพระธรรมอันเป็นโอวาทของพระพุทธเจ้า ไม่มองดูนักปราชญ์บัณฑิต ไม่มองดูบุคคลอื่นผู้ทำบุญทำทาน ไม่มองดูที่ซึ่งเขากระทำบุญ ไม่มองดูตระกูลของพ่อแม่ ไม่มองดูเหล่าพระสงฆ์ยามเที่ยวไปบิณฑบาต ไม่มองดูยาจกขอทานผู้มาขอ ไม่มองดูผู้รักษาศีล ภาวนา คอยเล็งดูแต่กิจการของตน ไม่เอื้อเฟื้อต่อผู้อื่น จึงได้ชื่อว่า คนไม่มีตา

โสตสุญโญ มีหูอันสูญเปล่า ได้แก่ บุคคลที่มีหูเสียเปล่าแต่ไม่ฟังพระธรรมเทศนาอันเป็นคำสอนของพระพุทธเจ้า ไม่ฟังคำสอนของท่าน ไม่ฟังคำประเพณีเก่า ไม่ฟังคำท่านเล่าเรื่องกองบุญ ไม่ฟังคำอันเป็นคุณในชาติหน้า ไม่ฟังคำสั่งสอนของพ่อแม่ ครูบาอาจารย์ ไม่ฟังบทบาทบาลี ผู้อื่นชวนกระทำบุญอันดีทำเป็นดั่งหูหนวกไม่ได้ยิน จึงได้ชื่อว่า คนไม่มีหู

หัตถสุญโญ มีมืออันสูญเปล่า ได้แก่บุคคลที่มีมือเสียแต่ไม่ยกมือไหว้พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ไม่ไหว้สาหมู่พระสงฆ์ ไม่ไหว้พ่อแม่และอุปัชฌาย์ ไม่ขวนขวายกระทำบุญใส่บาตรด้วยมือตน ไม่ถือลูกประคำภาวนาเจริญเมตตา จึงได้ชื่อว่า คนไม่มีมือ

ปาทะสุญโญ
มีเท้าอันสูญเปล่า ได้แก่บุคคลที่เท้าเสียเปล่าแต่ไม่เดินเข้าไปสู่ที่พระพุทธเจ้าเทศนาธรรม ไม่ไปกระทำบุญด้วยเท้าของตน ไม่เข้าไปหานักปราชญ์บัณฑิตผู้มีปัญญา ไม่เข้าไปสถานที่ที่เขาทำบุญเป็นหมู่เป็นคณะ ไม่เข้าไปสู่วัดวาอาราม จึงได้ชื่อว่า คนไม่มีเท้า


มุกขะสุญโญ มีปากอันสูญเปล่า ได้แก่บุคคลที่ปากเสียเปล่า แต่ไม่ร่ำเรียน (ท่องบ่น) พุทธบทคาถา ไม่ร่ำเรียนกัมมัฏฐานภาวนาตามคำสอนของพระพุทธเจ้า ไม่ถามทางเข้าสู่พระนิพพาน ไม่ชักชวนกันไปสู่วิหารเพื่อฟังธรรม ไม่พูดจาประสาธรรม คอยกล่าวแต่วจีทุจริต จึงได้ชื่อว่า คนไม่มีปาก


กายะสุญโญ มีกายอันสูญเปล่า ได้แก่บุคคลที่มีร่างกายเสียเปล่าแต่มัวเมาลุ่มหลงในกายตนซึ่งเป็นของไม่ เที่ยง เฝ้าเลี้ยงดูแต่กายไม่ขวนขวายคุณงามความดีใส่ตัว เพราะมัวเมาอยู่กับโลกสงสารตามอาการวิสัยคนเห็นผิดจากธรรม ทรัพย์สมบัติที่หามาได้มากมายน่าเสียดาย ถึงคราวตายก็เอาไปไม่ได้ซักอย่าง จึงได้ชื่อว่า คนไม่มีกาย


อายุสุญโญ
มีอายุสูญเปล่า ได้แก่ผู้ที่มีอายุเสียเปล่าแม้จะมีอายุยืนยาวซัก ๑๒๐ ปีแต่ไม่สนับสนุนให้ลูกบวชเรียน ประพฤติพรหมจรรย์ ไม่ถวายกุฏีและเจดีย์ธาตุ ไม่ได้ให้อาวาสเป็นทาน ไม่ได้เขียนธรรมค้ำชู้พระพุทธศาสนาให้สืบต่อภายหน้าปล่อยใจตามเวลา จึงได้ชื่อว่า คนไม่มีอายุ
พุทธะสถานบวรพระรัตนะตรัย ชัยยะสถาน ทิพย์พิมาน พระโพธิญาณ อวตารสถิตย์...สมบัติใดในโลกก็ไม่เท่าธรรมะ...ด้วยอานิสงส์ในการเผยแผ่ธรรมทานในครั้งนี้ขอให้ข้าพเจ้าได้เข้าถึงซึ่งพระนิพพานในชาติปัจจุบันนี้เถิด

ออฟไลน์ ★แดนพระนิพพาน★

  • ◕‿◕★พุทธะสถานบวรพระรัตนะตรัย ชัยยะสถาน ทิพย์พิมาน พระโพธิญาณ อวตารสถิตย์★◕‿◕
  • ทุติยะ
  • **
  • กระทู้: 26
  • เพศ: ชาย
    • ดูรายละเอียด
ตอบ: ความสูญเปล่า ๗ ประการ
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: 05 ก.ค. 2553, 06:57:17 »
คนไปวัดมี ๓ ประเภทคือ
๑. ไปขอพึ่งบารมีพระพุทธเจ้าเวลาเจ็บป่วยเดือดร้อนฉิบหาย เวลาดีไม่นึกถึง ถ้าไปก็ต้องเอาของมาล่อจึงไปเช่น มีลิเก รำวง การไปวัดเช่นนี้ได้บุญนิดเดียว
๒. ใจไม่เข้าวัด มีแต่ความสงสัยแต่ไปขอโชคลาภ ไปหาหมอดู คนทรง อย่างนี้ก็ไม่ได้บุญ แต่มาเสียเงิน
๓. คนที่ตั้งใจจะไปทำบุญโดยเฉพาะ ตั้งสัจจะไว้ว่าจะมาก็มาเป็นคนผู้เดียวอย่างแท้จริง


คน ๓ ประเภท คือ
๑. มีเจตนาเอง ศรัทธาเองหาได้ด้วยตนเอง ไปทำบุญเอง ประเคนเอง ได้บุญมากที่สุด
๒. อยากทำบุญ รอให้เขามาบอกก่อน ถ้าไม่มาบอกก็ไม่ไป ถ้าเขามาบอกก็ไป บังคับให้ไปก็ไปเมื่อนั้น ถ้าอย่างนี้คนที่มาบอกบุญครั้งหนึ่ง เจ้าของทานได้บุญครึ่งหนึ่ง
๓. อีกพวกหนึ่งบอกก็ไม่ไป ไม่บอกก็ไม่ไป


    พวกหมู วัว ควาย เกิดมาสร้างอุเบกขาปรมัตถ์บารมี รู้ว่าเขาจะเอาไปฆ่าก็ยอมให้เขาฆ่าเพราะกรรมยึดไว้ไม่ให้หนี ถ้าไม่มีกรรมก็จะหนีได้ อย่างสุนัขที่รักเจ้าของ ถูกตีถูกต่อยก็ไม่หนี หรือสามีภรรยาด่าว่ากัน โกรธครู่เดียวก็หาย เพราะกรรมดึงไว้ ทั้งนี้เนื่องจากในอดีตเคยช่วยกันตกแต่งของทานไปทำบุญ ขณะทำงานก็ด่ากันไปด้วย ฉะนั้นบุญก็ได้ บาปก็ได้ เมื่อเกิดใหม่หาทรัพย์มาด้วยกัน ไปทำบุญด้วยกัน แต่ก็ทะเลาะกันเป็นประจำ