ผู้เขียน หัวข้อ: รักษาศีล 5 แล้วได้อะไร ?  (อ่าน 2226 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ นายธรรมะ

  • ดีชั่วอยู่ที่ตัวทํา สูงต่ำอยู่ที่ทําตัว
  • สัตตมะ
  • **
  • กระทู้: 615
  • เพศ: ชาย
  • เหนื่อย ได้แต่อย่า ท้อ
    • ดูรายละเอียด
รักษาศีล 5 แล้วได้อะไร ?
« เมื่อ: 18 พ.ย. 2553, 07:36:58 »
รักษาศีล 5 แล้วได้อะไร ?


เรียบเรียงโดย : พระอธิการถวิล จนฺทสโร เจ้าอาวาสวัดถ้ำพระบำเพ็ญบุญ อำเภอพาน จังหวัดเชียงราย

เรื่องของศีลข้อที่ 1 คือเว้นจากการฆ่าสัตว์ เว้น จากการเบียดเบียนชีวิตซึ่งกัน และกัน เนื่องจากชีวิตเป็นสิ่งที่ทุกคนรัก ทุกคนหวงแหน แม้สัตว์ทั้งหลายก็เช่นเดียวกัน รักชีวิต หวงชีวิต กลัวชีวิต จะต้องตายทุก ๆ ชีวิต ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์หรือสัตว์ทั้งหลาย ต่างดิ้นรน ต่อสู้ทุกวิถีทาง เพื่อให้ชีวิตของตนอยู่รอด แคล้วคลาด ปลอดภัย อยู่ดีมีความสุข พระพุทธเจ้าจึงบัญญัติศีลข้อที่ 1 ด้วยเห็นว่าสัตว์ทั้ง หลายรักชีวิตของตนเป็นอันดับ 1


ศีลข้อที่ 1 ปาณาติปาตาเวรมณี


เว้นจากการฆ่าสัตว์ด้วย ตนเองหรือใช้ให้ผู้อื่นฆ่า ...ถ้าไม่เว้นย่อมยังสัตว์ให้ไป เกิดในนรก ในสัตว์เดรัจฉานในเปรตวิสัย... และเมื่อเกิดเป็นมนุษย์อีกจะได้รับผล 9 ประการ คือ

เป็นคนทุพพลภาพ
เป็นคนรูปไม่งาม
มีกำลังกายอ่อนแอ
เป็นคนเฉื่อยชา
เป็นคนขี้ขลาด
เป็นคนผู้อื่นฆ่า, และฆ่าตัวเอง
โรคภัยเบียดเบียน
ความพินาศของบริวาร
อายุสั้น และให้ผลติดต่อกันหลายชาติ

รักษาศีลข้อที่ 1 แล้วได้อะไร?
ได้รับผลปฏิสนธิกาล คือ ได้เกิดเป็นมนุษย์หรือเกิดเป็นเทวดา เรียกว่า กามสุคติภูมิ
ได้รับผลในปวัตติกาล คือ หลังจากเกิดแล้ว เช่น หลังจากเกิดเป็นมนุษย์แล้วได้รับผลอีก 23 ประการ

อานิสงส์แห่งการรักษา ศีลข้อที่ 1 มี 23 ประการ

สมบูรณ์ด้วยอวัยวะน้อยใหญ่
มีร่างกายสมทรง
สมบูรณ์ด้วยกำลังกาย
มีเท้างามประดิษฐานลงด้วยดี
เป็นผู้มีผิวพรรณสดใส
มีรูปโฉมงามสะอาด
เป็นผู้อ่อนโยน
เป็นผู้มีความสุข
เป็นผู้แกล้วกล้า
เป็นผู้มีกำลังมาก
มีถ้อยคำสละสลวยเพราะพริ้ง
มีบริษัทรักใคร่ไม่แตกแยกจาก ตน
เป็นคนไม่สะดุ้งตกใจกลัวต่อ ภัยเวร
ข้าศึกศัตรูทำร้ายไม่ได้
ไม่ตายด้วยความเพียรฆ่าของผู้ อื่น
มีบริวารที่หาที่สุดมิได้
มีรูปร่างสวยงาม
มีทรวดทรงสมส่วน
มีความเจ็บไข้น้อย
ไม่มีเรื่องเสียใจเศร้าโศก
เป็นที่รักของชาวโลก
ไม่พลัดพรากจากสิ่งที่รักและ ชอบใจ
มีอายุยืน

ศีลข้อ ที่2 อทินนาทานาเวรมณีเว้นจากการลักทรัพย์ด้วยตนเอง หรือผู้อื่นลัก
พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า อทินนา อันบุคคลเสพแล้วเจริญ แล้วกระทำให้มากแล้วย่อมยังสัตว์ให้ไปเกิดในนรก ในกำเนิดสัตว์ดิรัจฉานในเปรตวิสัย วิบากแห่งอทินนาทานอย่างเบาที่สุด ย่อมยังความพินาศและโภคะให้เป็นไปแก่ผู้เกิดเป็นมนุษย์มีสมบัติต้องพินาศ เมื่อเกิดเป็นมนุษย์อีกจะได้รับผล 6 ประการ

1.เป็นคน ด้อยทรัพย์
2.เป็นคนยาก จน
3.เป็นคนอด อยาก
4.ไม่ได้ สมบัติที่ตนต้องการ
5.ต้องพินาศ ในการค้า
6.ทรัพย์ พินาศเพราะภัยต่าง ๆ เช่น อัคคีภัย อุทกภัย วาตภัย ราชภัย โจรภัย เป็นต้น

รักษา ศีลข้อที่ 2 แล้วได้อะไร
1.ได้รับผล ในปฏิสนธิกาล คือ ได้เกิดเป็น มนุษย์ หรือ เทวดา เรียกว่า กามสุคติภูมิ
2.ได้รับผล ในปวัตติกาล คือหลังจากเกิดเป็นมนุษย์แล้วจะได้รับผลอีก 11 ประการ
อานิสงส์ของการรักษาศีลข้อที่ 2 มี 11 ประการ

1.จะเป็นผู้ มีทรัพย์มาก
2.มีข้าวของ และอาหารมาก
3.หาโภค ทรัพย์ได้ไม่สิ้นสุด
4.โภคทรัพย์ ที่ยังไม่เกิดก็เกิดขึ้น
5.หาสิ่งที่ ปรารถนาได้รวดเร็ว
6.สมบัติไม่ กระจายด้วยภัยต่าง ๆ
7.หาทรัพย์ ได้โดยไม่ถูกแบ่งแยก
8.ได้โลกุ ตตรทรัพย์คือนิพพาน
9.อยู่ที่ ไหนก็เป็นสุข
10.ไม่รู้ไม่ เคยได้ยินคำว่าไม่มี

ศีลข้อ ที่ 3 กาเมสุมิจฉาจาราเวรมณี...เว้นจากการประพฤติผิดใน กาม
ถ้าไม่เว้นจะเกิดอะไรขึ้น ...พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า บุคคลเสพแล้ว เจริญให้มากแล้ว ย่อมยังสัตว์ให้ตกนรก ในกำเนิดสัตว์ดิรัจฉานในเปรตวิสัย ทำกาเมสุมิจฉาจาร แล้วได้อะไร ทำแล้วหากเกิดเป็นมนุษย์อีกได้รับผล 11 ประการ คือ

1.มีผู้ เกลียดชังมาก
2.มีผู้ปอง ร้ายมาก
3.ขัดสน ทรัพย์
4.ยากจนอด อยาก
5.เป็นหญิง
6.เป็นกระเท ย
7.เป็นชายใน ตระกูลต่ำ
8.ได้รับ ความอับอายเป็นอาจิณ
9.ร่างกาย ไม่สมประกอบ
10.มากไปด้วย ความวิตกห่วงใย
11.พลัดพราก จากผู้ที่ตนรัก

ผลทั้ง 11 ประการนี้ เป็นเศษของกรรมกาเมสุมิจฉาจาร ให้ผลหลังจากไปตกนรกไปเกิดเป็นสัตว์ดิรัจฉาน หรือหลังจากไปเกิดเป็นเปรตมาแล้ว เมื่อมาเกิดเป็นมนุษย์ก็จะได้รับผลของกาเมสุมิฉาจาร ในปวัตติกาลดังกล่าวแล้ว
รักษา ศีลข้อที่ 3 แล้วได้อะไร
การละเว้นจากการประพฤติผิดในกาม เสียได้จะได้รับผล 2 ขั้น คือ
1.ได้รับผล ในปฏิสนธิกาล คือเกิดเป็นมนุษย์หรือเทวดา เรียกว่าได้ปฏิสนธิในกามสุคติภูมิ
2.ได้รับผล ในปวัตติกาล คือ หลังจากเกิดแล้ว เช่น ถ้าเกิดเป็นมนุษย์ จะได้รับผลอีก 20 ประการ

อานิสงส์ ของการรักษาศีลข้อที่ 3 มี 20 ประการ คือ1.ไม่มีข้า ศึกศัตรู
2.เป็นที่ รักของคนทั่วไป
3.นอนเป็น สุข
4.ตื่นก็ เป็นสุข
5.พ้นภัยใน อบายภูมิ
6.ไม่เกิด เป็นหญิงหรือกระเทย
7.ไม่โกรธ ง่าย
8.ทำอะไรก็ ได้โดยเรียบร้อย
9.ทำอะไร เปิดเผยแจ่มแจ้ง
10.มีความ สง่า คอไม่ตก
11.หน้าไม่ ก้ม มีอำนาจ
12.มีแต่ เพื่อนรักทั้งบุรุษและสตรี
13.มี อินทรีย์ 5 บริบูรณ์
14.มีลักษณะ บริบูรณ์
15.ไม่มีใคร รังเกียจ
16.ขวนขวาย น้อยไม่ต้องเหน็ดเหนื่อยมาก
17.อยู่ที่ ไหนก็เป็นสุข
18.ไม่ต้อง กลัวภัยจากใคร ๆ
19.ไม่ค่อย พลัดพรากจากของที่รัก
20.หาข้าว, น้ำ, ที่อยู่, เครื่องนุ่งห่ม ได้ง่าย

ศีลข้อ ที่ 4 คือให้เว้นจากการพูดเท็จ พูดไม่เป็นความจริง พูดโกหกหรือพูดมุสา
ถ้าไม่เว้นจากมุสาวาท หรือพูดเท็จอะไรจะเกิดขึ้น...พระพุทธเจ้าตรัสว่า มุสาวาทอันบุคคลเสพแล้ว เจริญแล้ว กระทำให้มาก แล้วย่อมยังสัตว์ไปในนรก ในกำเนิดดิรัจฉานในเปรตวิสัย ผลจากการกล่าวมุสาวาทอย่างเบาที่สุดย่อมยังกางแตกจากมิตรให้ไปเกิดแก่ผู้ เป็นมนุษย์
การ กล่าวมุสาวาทแล้วจะได้อะไร

การกล่าวมุสาวาท หรือการพูดเท็จปราศจากความจริง เมื่อกล่าวออกไปแล้ว จะได้รับผล 2 ขั้น คือ
1.ได้รับผล ในปฏิสนธิกาล คือเกิดในนรก ดิรัจฉาน, เปรตวิสัย
2.ได้รับผล ในปวัตติกาล คือ หลังจากเกิดแล้วและผลที่จะได้รับในปวัตติกาลนี้ จะครบองค์มุสาวาท หรือไม่ก็ตาม ถ้าได้เกิดมาเป็นมนุษย์จะได้รับ

ผล อีก 8 ประการ คือ
1.พูดไม่ชัด
2.ฟันไม่ เป็นระเบียบ
3.ปากเหม็น มาก
4.ไอตัวร้อน จัด
5.ตาไม่อยู่ ในระดับปกติ
6.กล่าววาจา ด้วยปลายลิ้นและปลายปาก
7.ท่าทางไม่ สง่าผ่าเผย
8.จิตไม่ เที่ยงคล้ายคนวิกลจริต
อานิสงส์แห่งการรักษาศีลข้อที่ 4 มี 14 ประการ
1.มี อินทรีย์ทั้ง 5 ผ่องใส
2.มีวาจา ไพเราะอ่อนหวาน
3.มีฟันเสมอ ชิด สะอาด
4.ไม่อ้วนจน เกินไป
5.ไม่ผอมจน เกินไป
6.ไม่สูงจน เกินไป
7.ไม่เตี้ย จนเกินไป
8.กลิ่นปาก หอมเหมือนดอกบัว
9.ได้สัมผัส แต่ที่เป็นสุข
10.มีบริวาร ล้วนขยันขันแข็ง
11.มีถ้อยคำ ที่บุคคลเชื่อถือได้
12.ลิ้นบาง แดง อ่อนเหมือนกลีบบัว
13.ใจไม่ ฟุ้งซ่าน
14.ไม่เป็นคน ติดอ่าง ไม่เป็นใบ้

ศีลข้อที่ 5 คือ เว้นจากการดื่มสุรา และเมรัย รวมถึงเครื่องดองของเมายาเสพติดให้โทษทุกชนิด
โทษของการดื่มสุรา
ทำให้เกิดความประมาทปราศจากการเคารพบิดา มารดา พี่น้อง น้า อา แม้อุปัชฌาจารย์และสมณะ พราหมณ์ ผู้มีศีลก็ไม่เคารพศีลาจารวัตรในการปฏิบัติกายวาจาให้บริสุทธิ์ จะทำแต่การบาปหยาบช้า มีการหยาบ วาจาหยาบ ใจหยาบ ทำแต่อุกุศลเป็นนิตย์ไม่คิดสงสารสัตว์


นอกจากนี้ โทษของการดื่มสุราเมรัยยังพาให้ตกในอบาย นายนิรยบาลจะกรอกด้วยน้ำทองแดง น้ำถึงปากและคอก็จะทำลายไส้พุงขาดกระจายตาย ตายแล้วก็กลับฟื้นขึ้นมา เสวยทุกขเวทนาต่อ ๆ กันไป เมื่อพ้นจากอบายแล้วมาเกิดเป็นมนุษย์ จะเป็นคนใบ้ เสียจริตผิดจากมนุษย์ทั้งหลาย ซึ่งเป็นภัยของชีวิตที่น่ากลัว

ศีลข้อที่ 5 สุรา เมระยะมัชชะปะมาทัฏฐานา เวรมณี เว้นจากการดื่มสุราเมรัย ของมึนเมา สิ่งเสพติดให้โทษ ถ้าไม่เว้นอะไรจะเกิดขึ้น
พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า "การดื่มน้ำเมา คือสุรา และเมรัย อันบุคคลเสพแล้ว เจริญแล้วกระทำให้มากแล้ว ยังสัตว์ให้เป็นไปในนรกในกำเนิดสัตว์ดิรัจฉาน ในเปรตวิสัย"

ผลแห่งการดื่มน้ำเมา คือสุรา และเมรัยอย่างเบาที่สุดย่อมยังความเป็นบ้าใบ้ให้เป็นไปแก่ผู้มาเกิดเป็น มนุษย์
ถ้าผิด ศีลข้อที่ 5 จะได้อะไร
การดื่มสุรา เมรัย หรือสิ่งเสพติดให้โทษจะได้รับผล 2 ขั้นคือ
1.ได้รับผล ในปฏิสนธิกาล เกิดในนรก, ดิรัจฉาน, เปรตวิสัย
2.ได้รับผล ในปวัตติกาล คือ หลังจากเกิดแล้ว และผลที่จะได้รับในปวัตติกาลนี้จะครบองค์หรือไม่ก็ตามถ้าได้เกิดมาเป็น มนุษย์ จะได้รับผลจากการดื่มสุรา 6 ประการคือ
1.ทรัพย์ถูก ทำลาย
2.เกิดวิวาท บาทหมาง
3.เป็นบ่อ เกิดแห่งโรค
4.เสื่อม เกียรติ
5.หมดยางอาย
6.ปัญญา เสื่อมถอยหรือพิการทางปัญญา

รักษาศีลข้อ 5 จะ ได้อะไร
ถ้าเว้นจากการจากการดื่มสุรา เมรัย หรือเว้นจากส่งเสพติดให้โทษ จะได้ผลดี 2 ประการ
1.ได้รับ ผลดีในปฏิสนธิกาล คือจะเกิดในกามสุคติภูมิ มี มนุษย์หรือสวรรค์เป็นที่เกิด
2.ได้รับผล ในปวัตติกาล คือหลังจากเกิดแล้ว ถ้าได้เกิดเป็นมนุษย์จะได้รับอานิสงส์จากเว้นดื่มน้ำเมา 35 ประการคือ
อานิสงส์แห่งการรักษาศีลข้อ ที่ 5 มี 35 ประการ
1.รู้กิจการ อดีต อนาคต ปัจจุบันได้รวดเร็ว
2.มีสติตั้ง มั่นทุกเมื่อ
3.มีปัญญาดี มีความรู้มาก
4.มีแต่ความ สุข
5.มีแต่คน นับถือยำเกรง
6.มีความขวน ขวายน้อยหากินง่าย
7.มีปัญญา มาก
8.มีปัญญา บันเทิงในธรรม
9.มีความ เห็นถูกต้อง
10.มีศีล บริสุทธิ์
11.มีใจละอาย แก่บาป
12.รู้จัก กลัวบาป
13.เป็น บัณฑิต
14.มีความ กตัญญู
15.มีกตเวที
16.พูดแต่ ความสัตย์
17.รู้จัก เฉลี่ยเจือจาน
18.ซื่อตรง
19.ไม่เป็น บ้า
20.ไม่เป็น ใบ้
21.ไม่มัวเมา
22.ไม่ประมาท
23.ไม่หลงใหล
24.ไม่หวาด สะดุ้งกลัว
25.ไม่บ้า น้ำลาย
26.ไม่งุนงง ไม่เขอะขะ
27.ไม่มีความ แข่งดี
28.ไม่มี ริษยาใคร
29.ไม่ ส่อเสียดใคร
30.ไม่พูด หยาบ
31.ไม่พูดจา เพ้อเจ้อ ไร้ประโยชน์
32.ไม่เกียจ คร้านทุกคืนวัน
33.ไม่ ตระหนี่
34.ไม่โกรธ ง่าย
35.ฉลาดรู้ใน สิ่งที่เป็นประโยชน์และในสิ่งที่เป็นโทษ

นายธรรมะ
ขอขอบคุณข้อมูลดีๆจาก เว็บบอร์ดพลังจิตด้วยครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18 พ.ย. 2553, 07:43:25 โดย นายธรรมะ »
[shake]ศรัทธา ไม่ใช่ ไสยศาสตร์ ศรัทธา เพื่อ ศักดิ์สิทธิ์ เมื่อมีความ ศักดิ์สิทธิ์ ย่อมเกิด ปาฏิหาริย์[/shake]