ชาญยุทธ หาญคำภา ศรัทธา"พ่อแพ-พ่อเปิ่น"
คอลัมน์ พระเครื่องคนดัง
เชิด ขันตี ณ พล
"ผมเชื่อมั่นในการทำความดีว่า หากทำดีไม่เบียดเบียนใคร ความดีนั้นจะส่งผลให้สิ่งดีๆ ย้อนกลับมาหาเรา ส่วนการแขวนพระเครื่องเพราะมีความเลื่อมใสศรัทธา และไว้คอยเตือนสติตนเองให้ดำรงชีวิตอยู่ด้วยความไม่ประมาท"
นี่คือความเชื่อที่นำมาเป็นหลักปฏิบัติในการดำเนินชีวิตของ "ชาญยุทธ หาญคำภา" ผู้อำนวยการศูนย์การท่องเที่ยว กีฬาและนันทนาการ จังหวัดมหาสารคาม
"ผอ.ชาญยุทธ" เป็นคนขยันมีความรับผิดชอบงานในหน้าที่สูง เห็นได้จากเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงหน่วยงานจากศูนย์พลศึกษา มาเป็นศูนย์การท่องเที่ยวกีฬาและนันทนาการ ระยะเวลาแค่ 2 ปี ปรากฏว่าศูนย์ฯจังหวัดมหาสารคาม ภายใต้การบริหารงานได้รับการคัดเลือกจากกระทรวงต้นสังกัดให้เป็นศูนย์ต้นแบบระดับภาคอีสาน
ในฐานะที่เป็นผู้บริหารสูงสุดของศูนย์การท่องเที่ยว กีฬาและนันทนาการจังหวัดมหาสารคาม การบริหารองค์กรต้องใช้ทั้งศาสตร์และศิลป์เพราะมีผู้ใต้บังคับบัญชาหลายคน จึงต้องสร้างบรรยากาศการทำงานให้มีแต่ความรักใคร่กลมเกลียวส่งผลให้งานในหน้าที่สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี
ถึงแม้จะเป็นคนรุ่นใหม่ไฟแรง ความรู้ระดับปริญญาเอก แต่ "ผอ.ชาญยุทธ" ก็มีใจฝักใฝ่ธรรมะศรัทธาอย่างแรงกล้าต่อพระธรรมคำสอนแห่งพระพุทธศาสนา ยึดหลักธรรมคำสอนมาปฏิบัติใช้ในชีวิตประจำวันคือ ทำดีต้องได้ดีและทำชั่วต้องได้ชั่ว ทำอะไรต้องทำแต่พอดีไม่สุดโต่ง และยึดหลักศีล 5 นำมาเป็นเครื่องดำเนินชีวิตทำให้ครอบครัวพานพบแต่ความสงบสุขรวมทั้งหน้าที่การงานก็เจริญรุ่งเรืองตามลำดับ การประพฤติดีเห็นผลในชาตินี้ไม่ต้องรอถึงชาติหน้า
"ยามว่างจากงานประจำหรือวันสำคัญทางศาสนา ผมมักจะพาครอบครัวไปทำบุญตักบาตรฟังเทศน์ฟังธรรมที่วัดใกล้บ้านและบางครั้งก็ไปทำบุญบริจาคสร้างเสนาสนะให้กับวัดที่อยู่ในชนบทถิ่นกันดาร เมื่อได้ทำบุญทำทานบำรุงพุทธศาสนาแล้วก็เกิดความสบายใจ สำหรับวัตถุมงคลพระเครื่องที่แขวนคอเป็นประจำมาตั้งแต่สมัยเป็นหนุ่มรับราชการใหม่ๆ โดยคุณพ่อมอบให้เพราะต้องห่างบ้านเกิดไปทำงานไกลบ้านคือ หลวงพ่อแพและหลวงพ่อเปิ่น ให้ความศรัทธาพระเกจิทั้ง 2 มากเพราะจากการศึกษาอัตโนประวัติของหลวงพ่อทั้งสองแล้วท่าน เป็นพระที่มีวัตรปฏิบัติดีปฏิบัติชอบเสมอต้นเสมอปลาย พุทธศาสนิกชนให้ความเคารพทั่วประเทศ จึงมีความเลื่อมใสศรัทธามาก"
ต่อมาภายหลังย้ายมารับราชการที่มหาสารคาม ก็ได้รับพระสมเด็จพิมพ์ใหญ่วัดสะตือ พระนครศรีอยุธยา ขณะไปทำบุญบริจาคปัจจัยสร้างกุฏิจากวัดแห่งหนึ่งในจังหวัดกาฬสินธุ์ นับแต่นั้นมาจึง ได้นำพระเครื่องทั้ง 3 องค์ขึ้นห้อยคอติดตัวไว้ตลอดเวลาทำให้เกิดความเชื่อมั่นว่าอานุภาพของวัตถุมงคลจะช่วยคุ้มภัย อีกทั้งยังช่วยเสริมสร้างขวัญและกำลังใจต่อการงานในหน้าที่ได้เป็นอย่างดี ส่วนการนำพระขึ้นคอก่อนขับรถออกไปทำงานจะท่องนะโม 3 จบ พร้อมกับรำลึกถึงคำสั่งสอนของคุณพ่อ แม่ ครู อาจารย์ ก็จะช่วยให้เกิดสติยั้งคิดเตือนใจทำแต่สิ่งที่ดีงาม และดำเนินชีวิตด้วยความไม่ประมาท
"ส่วนเรื่องประสบการณ์ด้านแคล้วคลาด รอดชีวิตมาได้หวุดหวิดหลายครั้ง ครั้งที่หนึ่งได้ขับรถยนต์ไปทำธุรกิจส่วนตัวในเขตตำบลกำพี้ อำเภอบรบือ เส้นทางเป็นถนนลูกรังด้วยความไม่ชำนาญทางไม่รู้ว่าข้างหน้าเป็นทางโค้งหักศอกจึงขับรถมาด้วยความเร็วพอสมควร เมื่อเห็นทางโค้งกระชั้นชิดจึงหักพวงลัยทำให้รถเกิดเสียหลักพลิกคว่ำไปตามคันนาหลายตลบรถยนต์ซึ่งซื้อมาได้เพียง 6 เดือนพังเสียหายยับเยินแต่ตนเองไม่เป็นอะไรเลย"
เหตุการณ์ครั้งที่สอง ขณะกลับจากไปราชการจังหวัดร้อยเอ็ด ซึ่งเป็นช่วงกลางคืนรถยนต์วิ่งเข้าเขตรอยต่อจังหวัดมหสารคาม ปรากฏว่าจู่ๆ มีรถยนต์บรรทุกวิ่งตามหลังส่ายไปมา และแซงขึ้นมาแล้วปาดหน้ารถที่ขับอย่างกระชั้นชิด จึงหักรถหลบรถเกิดเสียหลักพุ่งชนต้นไม้ข้างทางส่วนหน้ารถพังยับเยินจ่ายค่าซ่อมถึง 4 แสนบาท แต่ก็ปลอดภัยไม่เป็นไรเจ็บขัดยอกเล็กน้อยเท่านั้น
"ส่วนตัวผมเชื่อว่าเหตุที่รอดมาได้หลายครั้งคงเป็นเพราะดวงยังไม่ถึงฆาต และเพราะความไม่ประมาทเมื่อขับรถยนต์ทุกครั้งจะรัดเข็มขัดนิรภัยทุกครั้ง รวมทั้งพุทธคุณของพระเครื่องที่ห้อยคอช่วยปกป้องคุ้มครอง"
แคล้วคลาดปลอดภัยผ่อนหนักให้เป็นเบา
ref.http://www.matichon.co.th/khaosod/kh...sectionid=0307