ผู้เขียน หัวข้อ: คนเห็นวิญญาณ....  (อ่าน 7205 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ ทรงกลด

  • ผู้อาวุโส
  • *****
  • กระทู้: 2199
  • เพศ: ชาย
  • ศิษย์หลวงโด่ง.....
    • ดูรายละเอียด
คนเห็นวิญญาณ....
« เมื่อ: 12 พ.ค. 2554, 11:22:47 »
คนเห็นวิญญาณ....
 คำสาปนรก

"ซัน" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกเมื่อวิญญาณเรียกหา

สมัยหนุ่มๆ ผมอยู่ยานนาวา มีเพื่อนสนิทคนหนึ่งชื่อโหน่ง เป็นลูกคนรวยเรียนจบพาณิชย์ก็ได้งานทำแถวบางรัก แต่ไม่นานก็เปลี่ยนงานใหม่ไปแถว สี่พระยา ตลาดน้อย หัวลำโพง แต่ก็อยู่ไม่ ยืดซักแห่งเดียว..มันบอกผมว่ามีแต่คนโง่ๆทั้งนั้น!

อาศัยที่พ่อแม่ฐานะดี แถมมีลูกชายคนเดียว เจ้าโหน่งจึงไม่เดือดร้อนเงินทอง มักจะเที่ยว กิน เล่น ไปวันๆ ตามใจชอบ

วันหนึ่งไปมีเรื่องที่บ้านใหม่ (เกือบถึงถนนตก) เขม่นกันในร้านเหล้า เจ้าโหน่งโดนเจ้าถิ่นรุมสกรัม ทั้งประเคนด้วยไม้หน้าสามจนสลบเหมือด ต้องไปนอนโรงพยาบาลสิบกว่าวันถึงจะกลับบ้านได้

ตั้งแต่นั้นมา เจ้าโหน่งก็เปลี่ยนนิสัยเหมือนเป็นคนละคน!

เคยชอบเที่ยวเตร่ สนุกสนานเฮฮาก็กลับนิ่งเงียบ ไม่ค่อยชอบออกจากบ้าน ร่างกายผอมซูบลง นัยน์ตาเลื่อนลอยไม่จับคน บางทีก็พยักหน้าหงึกๆ กับใครไม่ทราบ บางทีก็พูดพึมพำ หัวเราะหัวใคร่อยู่คนเดียว จนชาวบ้านนึกว่าสติไม่ดีเพราะโดนตีหัวคราวนั้น

ผมเป็นเพื่อนสนิทที่ไปมาหาสู่บ่อยๆ ต้องยืนยันว่าเจ้าโหน่งไม่ได้บ้าๆ บอๆ พูดคุยกันรู้เรื่อง ถามไถ่อะไรก็จำได้ พ่อแม่มันก็ชอบให้ผมไปบ้านเขา ลูกชายจะได้พูดคุยยิ้มแย้มแจ่มใส ไม่งั้นมักจะหมกตัวเงียบอยู่ในห้องคนเดียว

ไม่ช้าผมก็ต้องขนหัวลุกเพราะเจ้าโหน่งนี่เอง!

ตอนบ่ายวันนั้นเรานั่งคุยกันที่โต๊ะหินหน้าบ้าน มีต้นมะม่วงกับชมพู่ร่มครึ้ม เจ้าโหน่งมองไปที่รั้วไม้ระแนง แล้วถามว่าเห็นใครไหม? ผมบอกว่าจะเห็นได้ยังไงรั้วมันบัง

"ไม่ใช่นอกบ้าน..ที่ใต้ต้นมะม่วงริมรั้วข้างในต่างหากล่ะ! ผู้ชายตัวดำๆ ล่ำเตี้ยน่ะ มันกำลังมองเราอยู่ด้วย"

ผมส่ายหน้า ยืนยันว่าไม่เห็นใครเลย เจ้าโหน่งก็ถอนใจยาว

"มันชื่อสิงห์ ตามข้ามาจากโรงพยาบาลแน่ะ!"

"คิดไปเองมั้ง? ไม่ก็ตาฝาด.."

"เปล่า ไอ้สิงห์ตามข้ามาจริงๆ มันโดนสิบล้อทับตายคาที่ ก่อนข้าจะกลับบ้าน 2-3 วันเท่านั้น..มันมาขออยู่ด้วย! นั่นไง..มันกำลังยิ้มฟันขาวกับเอ็งแน่ะ"

ผมขนลุกซ่า ทั้งที่เป็นกลางวันแสกๆ ก็เถอะเอ้า! ตอนแรกคิดว่าเพื่อนเป็นบ้าไปแล้ว แต่คำพูดต่อมาของมันทำให้ผมเสียวสันหลังมากกว่าเดิม

"ข้ารู้ว่าเอ็งไม่เห็น ใครๆ ก็ไม่เห็น มีแต่ข้าคนเดียวที่เห็นถนัด" เจ้าโหน่งถอนใจยืดยาวอีกครั้ง นัยน์ตาที่จมลึกอยู่ในเบ้าราวจะขยายใหญ่ยิ่งกว่าเดิม "ไม่ใช่ไอ้สิงห์คนเดียวนะ..นั่น! ตาปลอดกับลุงฉ่ำ ยายเขียวกับป้าแสง! ยืนมองเราอยู่ที่หน้าต่างประตูนั่นไง!"

"ไอ้โหน่ง.." ผมคราง ปากคอแห้งผากไปถนัด "เอ็งจะเห็นได้ยังไงวะ..ก็พวกนั้นตายหมดแล้วนี่หว่า"

"อ้าว? ไอ้เด่นเดินมาอีกคนแล้ว ที่มันตกน้ำตายตอนต้นปีน่ะ"

ผมตัวแข็งลิ้นแข็งไปหมดจนพูดอะไรไม่ออก จ้องมองแทบตาถลนไปยังประตูรั้วก็ไม่เห็นใครที่เจ้าโหน่งเอ่ยชื่อมา..ไอ้เด่นวัยสิบขวบที่ตกน้ำตายก็ไม่เห็น!

คุณพระคุณเจ้า! ผมเห็นเจ้าโหน่งยิ้มกว้างขึ้น กวักมืออย่างอารมณ์ดี

"มาซีวะไอ้เด่น อยากคุยกันก็เข้ามา" มันพูดเสียง ดังก่อนจะพยักหน้าช้าๆ "เออ! งั้นก็แล้วไป" แล้วหัน มายิ้มกับผม "ไอ้เด่นมันบอกว่าวันหลัง มันรู้ว่าเอ็งกลัวมัน"

เจ้าโหน่งทั้งเห็นผี ได้ยินเสียงผีด้วยหรือเนี่ย? ตอนแรกคิดว่ามันหยอกล้อผมเล่นตามประสาเพื่อนฝูง แต่วันต่อๆ มามันก็ชี้ให้ดูมะม่วงหน้าบ้านต้นนั้น..บอกว่ามีผู้หญิงที่ไหนไม่รู้นั่งอยู่บนนั้น..ผีผูกคอตาย!

"สงสัยจะตายมานานแล้ว พ่อแม่ก็ไม่ยอมเล่าให้ฟัง ตอนกลางคืนข้าเห็นแกห้อยโตงเตง กวักมือเรียกข้าไป อยู่ด้วย พอตอนกลางวันก็นั่งร้องไห้อยู่บนกิ่งใหญ่นั่นไง"

ถึงจะมองไม่เห็นอะไรเลยแต่ผมก็ขนลุกซ่า..กลับบ้านไปถามพ่อ ได้ความว่าญาติข้างแม่เจ้าโหน่งมาอาศัยอยู่ ไม่นานก็ผูกคอตายมาสิบกว่าปีแล้ว..สาเหตุจากท้องไม่มีพ่อ

ผมแน่ใจว่าเพื่อนไม่ได้บ้า แต่เกิดมีญาณวิเศษหรือพรสวรรค์หลังจากโดนตีจนสลบ..คิดว่าจะห่างๆ ไปสักพักก่อน แต่อีกไม่กี่วันต่อมาเจ้าโหน่งก็ผูกคอตายที่ต้นมะม่วงริมรั้วนั่นเอง..ผีผูกคอเรียกเพื่อนผมไปอยู่ด้วยกันได้สำเร็จแล้ว!

ขอบคุณเรื่องเล่าจากข่าวสด
เรื่องนี้บอกเล่าใน xchange.teenee.comบอร์ดลึกลับ โดยคุณpigkyko
เว ทา สา กุ กุ สา ทา เว....ทา ยะ สา ตะ ตะ สา ยะ ทา...สา สา ทิ กุ กุ ทิ สา สา...กุ ตะ กุ ภู ภู กุ ตะ กุ

ออฟไลน์ ทรงกลด

  • ผู้อาวุโส
  • *****
  • กระทู้: 2199
  • เพศ: ชาย
  • ศิษย์หลวงโด่ง.....
    • ดูรายละเอียด
ตอบ: คนเห็นวิญญาณ....
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: 12 พ.ค. 2554, 11:24:21 »
คนเห็นผี

"ป้าเนย" เล่าประสบการณ์สยองของเด็กตาทิพย์

สมัยเด็กดิฉันอยู่ในซอยสมประสงค์ ใกล้สี่แยกประตูน้ำ ฝั่งตรงข้ามเป็นตลาดโต้รุ่ง ตอนนั้นรถราและผู้คนก็คับคั่งแล้วค่ะ เพราะถือว่าเป็นย่านเจริญแห่งหนึ่ง

กลางวันพ่อแม่ไปทำงาน ดิฉันก็อยู่กับยายและน้าอ้อน ซึ่งเป็นทั้งแม่บ้านและพี่เลี้ยง เราอยู่ตึกแถวห้องริมสุด เลยจากโรงพิมพ์แห่งหนึ่งไปไม่ไกลนัก ดิฉันชอบออกมานั่งหน้าบ้านบนม้าเตี้ยๆ ตัวใหญ่ ถัดไปเป็นโต๊ะรับแขกและตู้โชว์กั้นห้องกินข้าว ถัดไปเป็นร้านเสริมสวยและร้านชำ ขายทั้งเหล้าเบียร์และน้ำชากาแฟพร้อม

บางวันก็ออกทางประตูข้าง มีซอยเล็กๆ และบ้านช่องมากมาย เพื่อนในวัยเด็กของดิฉันส่วนมากก็อยู่ในซอยข้างตึกแถวนั่นแหละค่ะ

เย็นหนึ่ง ดิฉันไปยืนเกาะประตูด้านข้าง คิดว่าจะชวนเพื่อนแถวนั้นเข้ามาเล่นกันในบ้าน ก็พอดีเห็นพี่เปีย-ช่างเรียงเดินเข้าซอยมา ดิฉันก็ทักว่าเลิกงานแล้วหรือคะ? พี่เปียยิ้มเศร้าๆ ถามว่าน้องเนยกินข้าวหรือยัง วันนี้พี่ไม่มีขนมมาฝากเสียด้วย ดิฉันบอกโอ๊ย! ไม่เป็นไรหรอกค่ะ บ้านน้องเนยมีเยอะ พี่เปียแวะก่อนซีคะ

พอดีน้าอ้อนร้องถามว่าคุยกับใคร? ก็ตอบว่าคุยกับพี่เปียที่ทำงานโรงพิมพ์ น้าอ้อนร้องว้าย...เปียกินยาตายแล้วนี่นา! ดิฉันชี้ให้ดูพลางยืนยันว่าพี่เปียยืนอยู่ตรงนี้ไง! น้าอ้อนรีบฉุดแขนดิฉันเข้ามาแล้วปิดประตูโครม คุณยายสงสัยดิฉันก็ยืนยันว่าเห็นจริงๆ

วันหนึ่ง ดิฉันอุ้มตุ๊กตาไปนั่งห้อยขาที่ม้าหน้าบ้าน มองคนเดินผ่านไปมา ที่รู้จักก็ทักทายบ้าง แวะเข้ามาคุยบ้าง คนนั้นก็น้องเนย! คนนี้ก็น้องเนย! จนคุณยายค่อนว่าเราอยู่มาก่อนแท้ๆ ยังไม่รู้จักคนเยอะเหมือนแม่คนนี้!

น้าอ้อนหยิบโน่นทำนี่อยู่ไม่ไกล แต่ก็คอยโผล่ออกมาดูบ่อยๆ เพราะคุณยายเตือนให้ระวัง มีข่าวพวกลักเด็กเอารถตู้มาอุ้มไปขาย เป็นข่าวในหนังสือพิมพ์บ่อยๆ

วันนั้นมีเด็กผู้หญิงตัวโตกว่าดิฉันหน่อย รูปร่างผอมเกร็ง ผิวดำ ไว้ผมม้า เสื้อผ้าเก่าๆ ค่อนข้างสกปรก เดินเข้ามาหยุดมองหน้าดิฉันนิ่งๆ เลยเชื้อเชิญว่า...เข้ามานั่งคุยกันก่อนซิคะ จะรีบไปไหนล่ะ?

เด็กคนนั้นก็เข้ามานั่งคุยด้วยจริงๆ เขาเล่าว่าตัวเองชื่อดำ บ้านอยู่ก้นซอย มารอแม่ตอนเย็นๆ ทุกวัน แต่แล้ววันหนึ่งก็โดนมอเตอร์ไชค์เฉี่ยว หัวฟาดพื้นตายคาที่ แล้วเขาก็เปิดผมที่ท้ายทอยให้ดู...โห! เลือดแห้งกรังเชียว ดิฉันถามว่าเจ็บไหมคะ?

ดำพยักหน้า พอดีน้าอ้อนเข้ามาถามว่าคุยกับตุ๊กตาเหรอ? ดิฉันบอกเปล่าค่ะ น้องเนยคุยกับพี่ดำที่เขาอยู่ก้นซอยไง!

น้าอ้อนทำตาโต ยกมือตบอกถามเร็วปรื๋อว่า...ดำโดนรถชนตายไปเกือบปีแล้ว น้องเนยเอาอะไรมาพูด? ดิฉันเลยชี้มือไปที่ดำผู้นั่งเศร้าอยู่ใกล้ๆ บอกว่านี่ไง! พี่ดำนั่งอยู่ใกล้ๆ น้องเนยแท้ๆ ทำไมน้าอ้อนมองไม่เห็นล่ะคะ?

โอย...น้าอ้อนแกร้องว้ายๆๆ จนคุณยายวิ่งออกมาดู ตอนแรกก็ดุใหญ่ แต่พอได้ยินน้าอ้อนบอกเล่าถึงกับอ้าปากค้าง ปราดเข้าอุ้มดิฉันทันที เสียงสั่นๆ ของคุณยายยังติดหูมาจนถึงป่านนี้ "ดำมันตายไปแล้วนี่นา! โธ่..."

ดิฉันหันขวับไปมอง เห็นดำกำลังลุกขึ้นยืนจ้องมองเศร้าๆ ดิฉันก็โบกมือให้บอกคุณยายกับน้าอ้อนว่า

"นั่นไงคะ...พี่ดำเขายืนอยู่นั่นไง! น่าสงสารออก... เขาบอกว่ามารอแม่จนโดนมอเตอร์ไซค์ชนตายคาที่ เมื่อกี้ยังเปิดแผลให้น้องเนยดูเลยค่ะ"

เสียงร้องอุ๊ยๆ วุ้ยว้ายดังระงมไม่รู้ใครเป็นใคร ไม่รู้ว่ากลัวอะไรค่ะ? ตัวสั่นเสียงสั่นไปตามๆ กัน ยิ่งดิฉันร้องบอกพี่ดำว่า...วันหลังมาคุยกันอีกนะ! คุณยายถึงกับร้องโอย...เป็นลม!

ตั้งแต่นั้น ดิฉันก็ไม่มีโอกาสได้นั่งเล่นคนเดียว ไม่ว่าทางประตูข้างหรือหน้าบ้าน ไม่น้าอ้อนก็คุณยายต้องมาป้วนเปี้ยนอยู่ใกล้ๆ เสมอ

ไม่รู้กลัวอะไรนักหนา ดิฉันเองยังไม่กลัวเลย บางวันร้องทักคนรู้จักกัน ทั้งคุณยายและน้าอ้อนทำท่าสะดุ้งแล้ว พอเห็นหน้าคนที่ดิฉันทักทายจึงได้ถอนใจอย่าง โล่งอก

ขนาดนั่งคุยกับตุ๊กตาตามประสาเด็กยังถูกถามว่าคุยกับใครน่ะ?

เมื่อเติบโตเป็นผู้ใหญ่เต็มตัว ดิฉันก็ไม่เคยพบเห็น ผู้ไม่มีร่างกายอีกแล้ว แต่ถ้ายังตาทิพย์เหมือนตอนเด็กๆ เห็นภาพภูตผีขวักไขว่ มีหวังขนหัวลุกตายแน่ๆ เลยล่ะค่ะ!


ขอบคุณเรื่องเล่าจากข่าวสด
 เรื่องนี้บอกเล่าใน xchange.teenee.comบอร์ดลึกลับ โดยคุณpigkyko

ออฟไลน์ ทรงกลด

  • ผู้อาวุโส
  • *****
  • กระทู้: 2199
  • เพศ: ชาย
  • ศิษย์หลวงโด่ง.....
    • ดูรายละเอียด
ตอบ: คนเห็นวิญญาณ....
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: 12 พ.ค. 2554, 11:36:44 »
โรงจำนำผีสิง

"นักสู้" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากโรงจำนำ

พอถึงเดือนพฤษภาคมอากาศยังไม่คลายจากความร้อนอบอ้าว พ่อแม่ที่มีลูกเต้าเรียนหนังสือจะรู้สึกร้อนอกร้อนใจซ้ำซ้อนเข้าไปอีกหลายเท่า เพราะต้องวิ่งวุ่นหาเงินทองมา ส่งลูกเรียนน่ะซีครับ

เรื่องนี้ใครไม่เจอะเจอกับตัวเองน่ะไม่รู้สึกหรอก "อ้อ! รวมทั้งท่านที่มีเงินถุงเงินถังอีกด้วย แต่พวกที่หาเช้ากินค่ำอย่างผมน่ะล้วนแต่ซาบซึ้งเข้าไปถึงหัวอกหัวใจอย่าบอกใครเชียว

โรงรับจำนำซีครับ ธนาคารคนยากของพวกเรา!

ผมเป็นพ่อค้าเร่อยู่แถวอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ปีกลายต้องเคราะห์หามยามซวยเพราะมีการชุมนุม การประท้วงจนถึงปิดถนนตอนสงกรานต์ รัฐบาลใจเย็นปล่อยตามเรื่องตามราว..คราวนี้ปล่อยให้พวกประตูน้ำ ราชประสงค์ ศาลาแดง สีลม ต้องรับเคราะห์แทน

เฮ้อ..คนจนๆ อย่างพวกผมก็พูดไม่ออก ได้แต่กรอกตา ภาวนาว่าปีหน้าฟ้าใหม่ขออย่าให้เกิดเรื่องราวน่าเศร้าสลดขึ้นอีกเลย เจ้าประคุณเอ๋ย..คนไทยด้วยกันแท้ๆ (ฮา)

เวลาเงินทองติดขัดขาดมือ ผมก็ต้องแวะเอาของไปตึ๊งที่ธนาคาร..เอ๊ย! โรงรับจำนำแถวๆ ใกล้บ้านที่สะพานควายเป็นประจำ

ไม่ใช่แหวนเพชร สร้อยทับทิม หรือทองคำหนักหลายบาทอะไรหรอกครับ มันก็แค่สร้อยข้อมือของเมีย แหวนทองเกลี้ยงๆ ของผม หนักสองสลึงทั้งสองอย่าง แต่เรามักจะหมุนเวียนเปลี่ยนกันเข้าไป "ฝากคุณอา" ยกเว้นแต่จำเป็นจริงๆ อย่างตอนเปิดเทอม

คือแหวนทองของผมตึ๊งมาสี่เดือนกว่าแล้ว ตอนนี้ต้องถอดสร้อยเมียไปตึ๊งสำหรับจ่ายค่าเสื้อผ้า ค่าสมุดหนังสือของลูกอีก 3 คน ยังไม่รู้ว่าจะพอหรือเปล่า?

ไหน..รัฐบาลบอกว่าเรียนฟรีไงล่ะ? โธ่! อย่าพูดถึงให้ช้ำใจดีกว่าครับ

วันนั้นผมไปโรงจำนำเอาเย็นมากแล้ว ฟ้าครึ้มฝนพอดี แต่จิตใจน่ะไม่ได้แยแสดินฟ้าอากาศมากไปกว่าการครุ่นคิดว่าจะต่อดอกเบี้ยแค่สี่เดือนครึ่ง หรือจะผัดผ่อนไปก่อน เดี๋ยวเงินที่ได้จะไม่พอค่าใช้จ่าย..คนจนๆ น่ะต้องยอมเสียทั้งขึ้นทั้งล่องอยู่แล้ว!

ทำไมหรือครับ? อ้าว..ถ้าผัดผ่อนออกไปเพราะห่วงเงินก็ต้องไปจ่ายค่าดอกเบี้ยห้าเดือนเต็มน่ะซีคุณ แถมเสียเวลาหากินมาต่อดอกอีกต่างหาก

ทำไงได้ ใครเขาใช้ให้เสือก..เอ๊ย! ดันเกิดมาจนล่ะ?

ตอนที่เอาแหวนไปตึ๊งน่ะได้เจ็ดพันบาท แต่ตอนนี้ทองลงราคาคงจะได้ซักหกพันห้าหรือหกพันก็ยังดี..ถ้าได้หกพันห้าจะตัดใจต่อดอกเบี้ยของเก่าซะเลย!

หลงจู๊ที่ตีราคาคุ้นๆ หน้ากัน คิดว่าคงจะพอพูดจากันได้ละมั้ง? แม้บางทีจะสังเกตว่านัยน์ตาตี่ๆ ของแกมักมองดูลูกค้าที่เข้าไปจำนองของจะฉายแววดูถูก บางทีถึงกับเหยียดหยามก็มี..

ยังไงๆ ก็หนีไม่พ้น "คนร้อนเงิน" วันยังค่ำ ไม่ว่ากันอยู่แล้ว งานนี้น่ะ

ดูๆ ไปแล้วก็ต้องยอมรับละครับ คนที่เข้าโรงจำนำส่วนมากจะดูยากจน มอซอ ไม่มีสง่าราศีใดๆ ล้วนแต่พวกรากหญ้าหาเช้ากินค่ำ หรือไม่ก็ติดยา บ้าหวย..ซวยตลอดศก ดวงตกตลอดชาติก็แล้วกัน

โรงจำนำที่ผมมุ่งหน้ามาติดป้ายโดดเด่นอยู่ตรงหน้า..จู่ๆ ลมกลุ่มใหญ่ก็พัดฮือเข้ามาจนฝุ่นกระจาย เศษกระดาษปลิวว่อน..ผมรีบผลุบเข้าไปในประตูด้านข้างทันที!

คนน้อยดีแฮะ! นอกจากหญิงชราผอมแห้งผมกระเซิงนั่งหลังงออยู่บนม้ายาว หน้าเคาน์เตอร์ก็มีเพียงชายหนุ่มอีกคนที่ยืนรอ..ไม่รู้ว่าเพิ่งมาถึงหรือรอของรอเงินกันแน่? อ๋อ..รอเงิน! เขาพับตั๋วใส่กระเป๋ากางเกงก่อนจะก้าวออกทางประตูด้านหน้า ผมปราดเข้าไปยื่นสร้อยข้อมือของเมีย อำหน้าตาเฉยว่า..สองสลึง-เจ็ดพันตามเดิม!

หลงจู๊หน้าตายสนิท ไม่แยแสคำพูดผมเลย แต่หยิบแว่นมาส่อง แล้วเอาทองไปฝนหิน..ผมใจระทึก เตรียมควักกระเป๋าเอาตั๋วจำนำใบเก่ามาต่อดอกถ้าได้หกพันห้า..

"หกพันเต็มที่" คำตอบนั้นทำให้ผมกลืนน้ำลาย พยักหน้า ก่อนจะผละไปยิ้มพิมพ์มือก็หันไปมองผู้หญิงคนนั้นก่อนจะถามหลงจู๊ว่าทำไมป้านั่นรอนานจัง คนก็ไม่มีแล้ว เล่นเอาหลงจู๊อ้าปากค้าง มองข้ามหัวผมไปก่อนครางอ๋อย

"มาอีกแล้วเรอะนี่? ตายห่..ผีหลอกบ่อยๆ เดี๋ยวโรงจำนำอั๊วเจ๊งพอดี"

ผมหันขวับไปมองแต่ไม่เห็นป้าคนนั้นแล้ว เล่นเอาม่านตาพร่าพราย ขนลุกซ่า แทบเดินไปพิมพ์มือไม่ไหว..เดาเอาว่าคงจะหัวใจวายระหว่างนั่งรอเงินน่ะเอง! บรื๋อออ...


ขอบคุณเรื่องเล่าจากข่าวสด
 เรื่องนี้บอกเล่าใน xchange.teenee.comบอร์ดลึกลับ โดยคุณpigkyko

ออฟไลน์ ทรงกลด

  • ผู้อาวุโส
  • *****
  • กระทู้: 2199
  • เพศ: ชาย
  • ศิษย์หลวงโด่ง.....
    • ดูรายละเอียด
ตอบ: คนเห็นวิญญาณ....
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: 12 พ.ค. 2554, 11:39:37 »
   
ตุ๊กตาคู่

"ทยิดา" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกเมื่อเห็นยมทูตมารับวิญญาณ

ดิฉันเป็นเด็กกำพร้าพ่อ เราสองแม่ลูกต้องอาศัยอยู่กับญาติชื่อคุณยายสมร..เพราะสาเหตุนี้เองค่ะที่ดิฉันได้พบกับเรื่องน่าขนลุกขนพองที่สุดในชีวิต!

คุณยายสมรเป็นคนอ้วนดำ ตัวใหญ่ ปากร้าย เจ้าระเบียบ เอาแต่ใจตัวเอง ชอบระบายอารมณ์กับเรา ถึงแม้จะมีฐานะร่ำรวย ลูกเต้าหลายคนก็จริง แต่ทุกคนเมื่อแต่งงานแล้วก็แยกบ้านกันไปหมด เพราะทนปากคุณแม่ไม่ไหว

สาเหตุหนึ่งอาจจะมาจากความเป็นคนขี้โรคของคุณยายก็ได้ค่ะ ทั้งเบาหวาน ไตพิการ ความดันสูงและโรคหัวใจ.. ก่อนตายได้เดือนเศษก็เป็นงูสวัดค่ะ ดูๆ ก็น่าสงสารเพราะไข้ขึ้นสูง ปวดและอ่อนเพลียจนลุกไม่ได้เลย จนต้องหอบหิ้วกันไปโรงพยาบาล

ดิฉันเป็นคนอยู่เฝ้าไข้เพราะเป็นช่วงมหาวิทยาลัยปิดเทอมใหญ่..ไม่ได้คิดเลยว่าจะตาย กลับคิดว่าอีกราวอาทิตย์เดียวก็หาย กลับบ้านได้

เมื่อไปอยู่โรงพยาบาลราว 3-4 วัน คุณยายสมรก็ดูค่อยยังชั่วขึ้น พูดได้แม้จะอ่อนระโหยโรยแรง แต่ตอนหลังๆ ชักเพ้อเจ้อพิกล บางทีก็พูดกับใครที่มองไม่เห็น.. ดิฉันก็กลัวซิคะ แหม! อยู่โรงพยาบาลนี่นา เล่นพูดกับอะไรไม่รู้ที่มาอยู่รอบๆ เตียง!

สายตาคุณยายก็มักมองตามสิ่งที่ดิฉันมองไม่เห็น บางครั้งก็ยิ้มหรือหัวเราะเบาๆ เหมือนดูเด็กๆ วิ่งซนอยู่

พลบค่ำวันหนึ่ง ดิฉันอ่านหนังสือให้คุณยายฟัง ขณะอ่าน หางตาก็เห็นเงาแว่บๆ เหมือนใครเดินผ่านไป ดิฉันเงยหน้ามองทันทีแต่ไม่เห็นใครสักคน..เราคงตาฝาด! แต่แล้วเงานั้นก็ปรากฏอยู่เรื่อยๆ ให้เห็นจากหางตาเท่านั้น ถ้าหันไปมองตรงๆ ก็ไม่มีอะไร

สิ่งที่น่ากลัวคือ อยู่ดีๆ คุณยายถามว่าเห็นตุ๊กตา 2 ตัวที่มานั่งปลายเตียงนั่นมั้ย? แหม! ดิฉันแทบจะกลับบ้านทันทีเลยค่ะ คงเข้าใจนะคะว่ามันหลอนน่าดู

คนยิ่งกลัวผี และนี่ก็เป็นโรงพยาบาลด้วยนะ!

ถึงจะกลัวแค่ไหนก็ต้องทนอยู่ให้ได้ ตอนดึกๆ คุณยายหลับสนิทไปแล้วดิฉันยังไม่กล้าหลับตา เป็นแบบนี้มา 2-3 คืนแล้วค่ะ พอง่วงมากก็ผล็อยหลับไปเอง

คืนนั้น พอเคลิ้มๆ ดิฉันก็เห็นเด็กผมจุก 2 คน ท่าทางเป็นเด็กผู้ชาย นุ่งโจงกระเบนสีแดง มีสังวาลพาดอยู่ช่วงบนของลำตัวเปลือยเปล่า เด็กทั้งสองวิ่งเล่นรอบเตียงที่คุณยายหลับอยู่..ดิฉันผวาสะดุ้งตื่น ยังแว่วเสียงเด็กหัวเราะเต็มหูแล้วจางหายไป

เอ..ท่าจะฝันไปเองละมั้ง? ความกลัวคงออกฤทธิ์ ผสมกับคำว่า "ตุ๊กตา 2 ตัว" ที่คุณยายสมรพูดเลยเก็บไปฝัน

รุ่งขึ้น คุณยายมีไข้ต่ำๆ แต่ตาลอย หน้าเหลืองนวล ดูสวยเชียวทั้งๆ ที่เป็นคนอ้วนดำ ไม่น่าเชื่อเลยค่ะ! ดิฉันชมว่าคุณยายสวย..พอแม่มาเยี่ยม แม่ก็แอบกระซิบว่าเฝ้าคุณยายให้ดีนะ แม่สังหรณ์ใจยังไงไม่รู้!

พอตกกลางคืน แม่ต้องกลับไปดูบ้าน ดิฉันเฝ้าไข้คุณยายตามเดิม

อีกแล้วค่ะ! พอนั่งเพลินๆ ก็จะเห็นอะไรแว่บหนึ่งทางหางตา คราวนี้ดิฉันเห็นสีแดงๆ มันทำให้นึกถึงร่างเล็กๆ ที่นุ่งโจงกระเบนแดง..ทันใดนั้น คุณยายสมรก็พูดขึ้นว่า "มารับแล้วเรอะจ๊ะ..เอาล่ะ! จะไปเดี๋ยวนี้ละนะ" แล้วก็เงียบเสียงไป

ดิฉันเห็นคุณยายเหม่อมองเพดาน นึกว่าท่านเพ้อก็เลยจับแขนเขย่าเบาๆ เสียงแหบแห้งสั่นเครือก็ดังขึ้น..ตุ๊กตา 2 ตัวนั่นมารับยาย! เห็นมั้ย?

"อะไรนะคะ?" ดิฉันได้ยินเสียงตัวเองเหมือนคนใกล้จะร้องไห้เต็มที..มือเท้าเย็นเฉียบไปหมด แต่คุณยายสมรกลับยิ้มละไม

"เด็กหัวจุกโจงกระเบนแดงน่ะ น่ารักมาก..." คำพูดเบาๆ แต่กลับสดใสเหลือเชื่อ มันสั่นประสาทดิฉันสุดขีดจริงๆ ค่ะ

..ราวสองชั่วโมงต่อมา คุณยายก็อาการทรุดไม่รู้สึกตัว หมอและพยาบาลวิ่งกันวุ่น แต่ก็หมดหวัง ชีวิตดิ้นรนที่จะออกจากร่างกายทรุดโทรมบอบช้ำ ใกล้จะหมดสภาพเต็มทีแล้ว..จนสำเร็จ!

ดิฉันต้องรีบโทรศัพท์ตามลูกๆ ของท่านมาดูใจ..

คุณยายสมรสิ้นลมหายใจคืนนั้น..เมื่อดิฉันเล่าเรื่องตุ๊กตา 2 ตัว หรือเด็กหัวจุก 2 คน ที่เราเห็นเหมือนๆ กัน ใครๆ ที่ได้ฟังเรื่องนี้ล้วนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า..นั่นคือยมทูต..น่าขนหัวลุกจังเลยนะคะ!


ขอบคุณเรื่องเล่าจากข่าวสด
 เรื่องนี้บอกเล่าใน xchange.teenee.comบอร์ดลึกลับ โดยคุณpigkyko

ออฟไลน์ ทรงกลด

  • ผู้อาวุโส
  • *****
  • กระทู้: 2199
  • เพศ: ชาย
  • ศิษย์หลวงโด่ง.....
    • ดูรายละเอียด
ตอบ: คนเห็นวิญญาณ....
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: 12 พ.ค. 2554, 11:51:44 »

คุณยายนวล

"ปิ่นทอง" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากเทเวศร์ ซอย 1

ตั้งแต่เด็กๆ มาแล้วที่ดิฉันได้ฟังเรื่องผีมากมายนับไม่ถ้วน บางเรื่องก็ชวนให้ฉุกคิดค่ะ เช่นคนที่ขับรถชนคนตายแล้วบึ่งหนี วันดีคืนดีก็ได้กลิ่นศพในรถ หรือเห็นใครมานั่งตัวแข็งทื่ออยู่ที่เบาะหลัง...วิญญาณอาฆาตติดตามทวงหนี้ชีวิตจนตกใจขับรถพุ่งออกนอกถนนไปเลย

ยิ่งคนที่ฆ่าเขาตายยิ่งน่าขนลุกนะคะ!

ลองนึกดูซิ ถึงจะรอดตัวจากมือกฎหมายไปได้ แต่เขาจะต้องนึกถึงหน้าตาของคนที่ตัวฆ่าอยู่ตลอด นัยน์ตาที่เจ็บปวด โกรธเกรี้ยว ติดตามจ้องมองอย่างไม่ลดละ ไม่ว่าตื่นหรือหลับ...ถ้าเกิดมาโผล่ที่หน้าต่างหรือเคาะประตูเรียก มองเห็นเต็มตาจะตกใจปานใด

วันดีคืนดีอาจจะนอนรออยู่บนเตียงก็ได้...สยองค่ะ!

ดิฉันเองเคยพบผีมาแล้ว แต่ก็ไม่เหมือนกับเรื่องผีที่เคยฟังมาเลย ขอยืนยันว่าเป็นประสบการณ์ที่แปลกประหลาดที่สุดในชีวิตก็แล้วกัน

สมัยเด็กๆ ดิฉันอยู่เทเวศร์ ซอย 1 กับป้าขวัญ พี่สาวของพ่อ ตอนเช้าๆ จะตื่นพร้อมป้าไปใส่บาตรที่หน้าบ้านเป็นประจำ พระจากวัดนรนาถจะเดินอุ้มบาตรช้าๆ เข้าซอยมา ชาวบ้านก็ตั้งโต๊ะวางของ ใส่บาตรบ้าง ถือขันข้าวและถุงแกงหรือผัดบ้าง ถ้าใส่บาตรพระรูปเดียว

ป้าขวัญต้องตั้งโต๊ะเพราะใส่บาตรพระวันละ 3 รูป คุณยายนวลบ้านเยื้องกันจะใส่บาตรพระรูปเดียว ส่วนมากมักจะเป็นหลวงตาชื่น จนคนแถวนั้นพูดกันล้อๆ ว่าเป็นพระขาประจำ

พอหลวงตาชื่นรับบาตรจากคุณยายนวลแล้ว จึงข้ามถนนมาทางบ้านเรา

คุณยายนวลอายุราว 70 ปี รูปร่างแบบบาง ผมสีขาวเกล้ามวยไว้เรียบร้อย สวมเสื้อแพรแขนสั้นสีอ่อน นุ่งซิ่นสีเข้ม หน้าตาผ่องใสใจดี ใช้ชีวิตบั้นปลายอยู่กับลูกหลานอย่างมีความสุข คุณยายจะยิ้มให้ดิฉันทุกเช้า บางวันรอพระก็ทักทายกับป้าขวัญ

วันหนึ่งก็ได้ข่าวร้าย คุณยายนวลเป็นลมหมดสติในบ้าน ลูกหลานรีบนำส่งวชิรพยาบาล แต่พอไปถึงคุณยายก็สิ้นใจอย่างสงบ

"คุณยายนวลเป็นคนดี" ป้าขวัญบอกดิฉันเสียงเศร้าๆ วันไปฟังสวดศพที่วัดมกุฏฯ "ทำแต่บุญกุศลมาตลอดชีวิต ป้าคิดว่าแกต้องไปสู่สุคติแน่นอน"

"ไปสวรรค์ใช่ไหมคะ?" ดิฉันเอียงคอถาม ป้าขวัญก็พยักหน้ายิ้มๆ แทนคำตอบ...ดิฉันมองไปที่รูปถ่ายคุณยายนวลที่ตั้งอยู่หน้าโลง ดูเหมือนนัยน์ตาคู่นั้นจะจ้องมองดิฉันตลอดเวลา ปากบางๆ ติดรอยยิ้มก็ดูจะกว้างขวางขึ้นกว่าเดิม

น่าแปลกที่ดิฉันไม่รู้สึกกลัวแม้แต่นิดเดียว...อาจจะเป็นเพราะเราพบกัน ยิ้มให้กันแทบทุกเช้าก็เป็นได้นะคะ

วันรุ่งขึ้น เราสองคนป้าหลานก็ออกไปใส่บาตรตามเคย!

ดิฉันมองไปที่บ้านคุณยายนวลด้วยความเคยชิน เห็นแต่ประตูปิดเงียบ ไม่มีร่างเล็กบางของคุณยายมายืนอุ้มขันเงินรอใส่บาตร บางทีก็ส่งยิ้มมาให้ดิฉันอีกแล้ว...

หลวงตาชื่นเดินนำหน้าพระรูปอื่นๆ เข้าซอยมา ท่าม กลางแสงแดดอบอุ่นของยามเช้า ป้าขวัญขยับตัว ดิฉันก็ยืนข้างๆ อย่างเตรียมพร้อม...ก่อนจะย่นคิ้วประหลาดใจ

ภาพที่เห็นคือหลวงตาชื่นยืนเปิดฝาบาตร ก้มหน้านิดๆ อยู่หน้าบ้านคุณยายนวลนั่นเอง...ดิฉันสะกดแขนป้าขวัญ แต่โดนดุเสียงแหบเครือว่า...เงียบนะ!

หลวงตาชื่นข้ามถนนมาที่บ้านเราแล้ว...ป้าขวัญตักข้าวใส่บาตรด้วยมือสั่นนิดๆ ดิฉันใส่ถุงผัดพริกขิงและขนมถ้วยฟู เสียงป้าขวัญสั่นเครือถามว่า...หลวงตาแวะรับบาตรที่บ้านคุณยายนวลด้วยหรือคะ?

"เจริญพร ถูกแล้วโยม" :073: หลวงตาตอบเสียงอ่อนโยน "อีกสองวันก็จะเผา คุณโยมนวลแล้วใช่ไหม? เจริญพร..."

หลวงตาชื่นออกเดินโปรดสัตว์ต่อไป ดิฉันได้ยินเสียงป้าขวัญครางเบาๆ อยู่ในคอ มองเห็นร่างแบบบางของคุณยายนวลยืนอยู่ที่นั่น หลิ่วตายิ้มให้ดิฉันนิดๆ คล้ายจะยั่วเย้า ก่อนจะหมุนตัวกลับเดินช้าๆ หายลับไป...:074:

ขอให้ขึ้นสวรรค์เร็วๆ นะคะ คุณยาย! :017:


ขอบคุณเรื่องเล่าจากข่าวสด
 เรื่องนี้บอกเล่าใน xchange.teenee.comบอร์ดลึกลับ โดยคุณpigkyko

ออฟไลน์ saken6009

  • อย่ากลัวคนจะมาตำหนิ แต่จงกลัวว่าตัวเองจะทำผิด อย่ากลัวที่จะรับรู้ความบกพร่องของตน แต่จงกลัวว่าตนจะเป็นคนที่ดีได้ไม่จริง
  • ก้นบาตร
  • *****
  • กระทู้: 893
  • เพศ: ชาย
  • ชีวิตของข้า เชื่อมั่นศรัทธา หลวงพ่อเปิ่น องค์เดียว
    • ดูรายละเอียด
ตอบ: คนเห็นวิญญาณ....
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: 13 พ.ค. 2554, 05:06:57 »
บางช่วงเวลาที่จิตสำผัสกับวิญญาณได้ 11; 11;
                                   
บางช่วงเวลาเห็นผีเห็นวิญญาณ ก็ทำบุญ กรวดน้ำ แผ่ส่วนบุญส่วนกุศลให้เขาไปจะดีมากครับ
                                                                                                                                                     
ขอขอบคุณท่าน ทรงกลด ที่นำเรื่องผี-วิญญาณมาให้พี่น้องศิษย์วัดบางพระได้อ่านครับ :053: :053: 

ติดตามอยู่ครับ อ่านแล้วเพลินดีมากๆครับ และ ได้ความกลัวแถมมาครับผม :016: :053: :015:
     
(ขออนุญาตเข้ามาอ่าน ขอบคุณครับ) :054: :054:
   
                             

กราบขอบารมีหลวงพ่อเปิ่น คุ้มครองศิษย์ทุกๆท่าน ให้แคล้วคลาด ปลอดภัยจากอันตรายทั้งปวง สาธุ สาธุ

ออฟไลน์ ทรงกลด

  • ผู้อาวุโส
  • *****
  • กระทู้: 2199
  • เพศ: ชาย
  • ศิษย์หลวงโด่ง.....
    • ดูรายละเอียด
ตอบ: คนเห็นวิญญาณ....
« ตอบกลับ #6 เมื่อ: 13 พ.ค. 2554, 06:15:55 »
บางช่วงเวลาที่จิตสำผัสกับวิญญาณได้ 11; 11;
                                   
บางช่วงเวลาเห็นผีเห็นวิญญาณ ก็ทำบุญ กรวดน้ำ แผ่ส่วนบุญส่วนกุศลให้เขาไปจะดีมากครับ
                                                                                                                                                     
ขอขอบคุณท่าน ทรงกลด ที่นำเรื่องผี-วิญญาณมาให้พี่น้องศิษย์วัดบางพระได้อ่านครับ :053: :053:  

ติดตามอยู่ครับ อ่านแล้วเพลินดีมากๆครับ และ ได้ความกลัวแถมมาครับผม :016: :053: :015:
   
(ขออนุญาตเข้ามาอ่าน ขอบคุณครับ) :054: :054:
                              

ตอนตี5 ที่ท่านนั่งอยู่คนเดียว ลองหันไปดูรอบๆด้วยนะครับ เผื่อจะได้มีเรื่องใหม่ๆมาเล่าสู่กันฟัง :075:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13 พ.ค. 2554, 06:16:30 โดย ทรงกลด »

ออฟไลน์ โบตั๋นสีขาว

  • ไม้คดใช้ทำขอ เหล็กงอใช้ทำเคียว แต่คนคดเคี้ยวใช้ทำอะไรไม่ได้เลย
  • สัตตมะ
  • **
  • กระทู้: 146
  • เพศ: หญิง
  • จะสูงจะต่ำอยู่ที่เราทำตัวจะดีจะชั่วอยู่ที่ตัวเราทำ
    • ดูรายละเอียด
ตอบ: คนเห็นวิญญาณ....
« ตอบกลับ #7 เมื่อ: 13 พ.ค. 2554, 09:40:50 »
ขอบคุณมากคะ สำหรับเรื่องผีๆ และ วิญญาณ อ่านแล้ว หลอนน่ากลัวมากคะ :090: :075: :090:
เคารพ กตัญญู บูชา หลวงพ่อเปิ่น ฐิตคุโณ ทั้งครอบครัวคะ

ออฟไลน์ jindong59

  • ปัญจมะ
  • *****
  • กระทู้: 60
  • เพศ: ชาย
    • ดูรายละเอียด
ตอบ: คนเห็นวิญญาณ....
« ตอบกลับ #8 เมื่อ: 13 พ.ค. 2554, 10:10:42 »
ขอบคุณมากครับสำหรับเรื่องเล่า ดีน๊ะที่อ่านตอนกลางวัน

ออฟไลน์ sfrien16

  • ปฐมะ
  • *
  • กระทู้: 8
    • ดูรายละเอียด
    • อีเมล
ตอบ: คนเห็นวิญญาณ....
« ตอบกลับ #9 เมื่อ: 26 ส.ค. 2554, 11:43:55 »
อืมเป็นเรื่องจริงๆ
บริษัทบริการทัวร์เชียงรายท่องเที่ยวภาคเหนือ