ถาม ? บางทีพอได้ยินว่าแค่ยินดี หรืออนุโมทนากับบุญของคนอื่น ก็เป็นผู้ได้ส่วนของบุญแล้ว อย่างนี้อดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมมันง่ายนัก
ต้องเปรียบเทียบกับฝ่ายตรงข้ามแล้วจะเข้าใจครับ คือมีอยู่มาก ที่เห็นคนอื่นทำบุญแล้วเกิดความหมั่นไส้ หรือเกิดความขบขัน เห็นเป็นเรื่องงมงาย เสียแรง เสียเวลา เสียทรัพย์เปล่า อย่างนี้นอกจากไม่มีจิตอนุโมทนา ยังมีความคิด คำพูด หรือการกระทำในเชิงเบียดเบียนตามมา เช่น
อย่างเบาสุดคือคิดค่อนขอดไปต่างๆนานา
อย่างกลางคือพูดกระทบกระเทียบเหน็บแนมบั่นทอนกำลังใจคนทำบุญ
อย่างหนักสุดคือเข้ากระทำการกีดขวาง หรือหน่วงเหนี่ยวไว้ไม่ให้ผู้อื่นทำบุญสำเร็จ คงมองง่ายขึ้นแล้วนะครับ
คนเราอยู่ดีไม่ว่าดีก็ทำบาปได้สารพัด แต่จะต้องอาศัยความเข้าใจ หรืออาศัยทุนเดิมเป็นกุศลจิตที่หนักแน่นพอ จึงสามารถยินดีตามในกระแสบุญของคนอื่นได้ไหว พูดง่ายๆถ้าทุนเก่าไม่พอก็ต่อบุญใหม่ไม่ได้ ชาตินี้คุณต้องเป็นผู้ทำบุญมาพอสมควร จนเข้าใจได้ว่าบุญน่ายินดีอย่างไร จึงจะสามารถคล้อยตามกระแสความสว่างอบอุ่นของกุศลจิตผู้อื่นไหว
หากไม่เชื่อเรื่องอานิสงส์อันลี้ลับของการอนุโมทนาบุญ ก็ขอให้เชื่อสิ่งที่เห็นประจักษ์ชัดง่ายสุด นั่นคือทันทีที่อนุโมทนา คุณจะเกิดความเบาโล่งสบายหัวอก เหมือนจิตสว่างขึ้น อบอุ่นขึ้น และโน้มน้อมไปสู่การคิดอ่านทำบุญทำกุศลด้วยกาย วาจา ใจด้วยตนเองบ้าง
แต่ถ้าอนุโมทนาแบบแห้ง ๆ อนุโมทนาไปสงสัยไป อย่างนี้คุณจะไม่เห็นผลทันใจ แล้วก็อาจจะถึงขั้นทำกุศลไม่ครบองค์ คือใจขาดโสมนัส ขาดความหนักแน่น ขาดความสว่างเป็นกุศลจิตเต็มดวงครับ
http://dungtrin.com/prepare/archieve/prepare044.htm