วัสดุอาถรรพ์ที่มีชื่อเป็นที่รู้จักกันมานานก็คือ"เหล็กไหล"เป็นโลหะที่มีความยืดได้เมื่อถูกความร้อนแม้เพียงจากเทียนเล่มเล็กๆเล่มเดียว เหล็กไหลเมื่อยืดออกเเล้ว แม้มีความเล็กสักเท่าใดก็ตาม หากใช้ของมีคม เช่น ขวานหนักๆผ่าหรือตัด ขวานนั้นจะไม่สามารถแยกเหล็กไหลให้ขาดจากกันได้เหล็กไหลจึงมีคุณานุภาพทางคงกระพันทำให้ผิวหนังเหนียว คมหอกคมดาบไม่สามารถระคายผิวของผู้ที่มีเหล็งไหลนั้นได้ เหล็กไหลมีคุณวิเศษทางด้านคงกระพันชาตรีและมหาอุด
เหล็กไหลมีที่อยู่เป็นพิเศษ คือ ในดงดิบล้ำลึก พระคณาจารย์ที่เเก่กล้าทางฌานสมาบัติจริงๆ จึงจะสามารถไปนำเหล็กไหลนั้นมาได้ การเอาเหล็กไหลมาก็คงใช้ความร้อนจากเล่มเทียนเล็กๆนั้นเองลนในเหล็กไหล หยดย้อยลงมาจากเพดานถ้ำดุจก้อนขี้ผึ้ง ครั้นเมื่อเวลาเเยกเหล็กไหลให้หลุดจากกันนั้นต้องตัดด้วยอาคมเเละสมาธิจิตของพระคณาจารย์เจ้าอันแรงกล้า จึงจะสามารถตัดหรือเเยกเหล็กไหลให้ออกจากกันเป็นผลสำเร็จ วรรณคดีขุนช้างขุนเเผน งานวรรณกรรมอมตะของไทยที่ลือเลื่องๆปถึงนอกทวีปได้กล่าวถึงแม่ทัพคนสำคัยของพระเจ้าเชียงใหม่ คือ ท้าวกรุงกาฬ และ ตรีเพชรกล้า ซึ่งท่านทั้งสองมีดีสมเป็นชายชาติโดยเเท้ เพราะตลอดร่างกายของท่านเต็มไปด้วยสิ่งอาถรรพ์ศักดิ์สิทธิ์อันมีเหล็กไหลเป็นวัสดุอาถรรพ์สำคัญอยู่ด้วย
อันเเม่ทัพคนนี้มีศักดาอยู่ยงคงศาสตราวิชาดี เเขนขวาสักเป็นองค์นารายณ์ แขนซ้ายสักชาดเป็นราชสีห์ ขาขวาหมึกสักพยัคฆี ขาซ้ายสักหมีมีกำลัง สักอุระรูปพระโมคคัลลานะ ภควันปิดตานั้นสักหลัง สีข้างสักอักขระนะจังงัง ศรีษะฝังพลอยนิลเม็ดจินดา ฝังเข็มเล่มทองไว้สองไหล ฝังเพชรเม็ดใหญ่ไว้เสกหน้า ฝังก้อนเหล็กไหลไว้อุรา ข้างหลังฝังเทียนคล้ายตาแมว เป็นโปเปาฝนผหยิบทั้งกาย ดูเรี่ยรายรอยร่องเป็นถ่องเเถว แต่เกิดมาอาวุธไม่พ่องแพว ไม่มีแนวหนามขีดสักนิดเดียว
...หากผิดพราดประการใดก็ขออภัยมา ณ โอกาสนี้ด้วยนะขอรับ...