สวัสดีครับ
ขอบคุณข้อมูลดีๆครับ
ขอสอบถามเรื่องหนึ่งครับ เกี่ยวกับการทำสมาธิ
สมาธิมีกี่ระดับ?
ฌานกับญานเหมือนกันไหม?มีกี่ระดับ?
กสินดิน กสินน้ำ กสินลม กสินไฟ สามารถเกิดขึ้นเองโดยธรรมชาติได้หรือไม่?
พอผมอยากฝึกด้านนี้แต่ไม่มีความรู้เลยครับ ตอนนี้แค่อานาปานะสติยังเหนื่อยเลยครับ แต่เริ่มสัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลงคือความเบาของกายหยาบในขณะทำสมาธิ
แล้วแต่ว่าจะนำฐานไหนมาจับในการอธิบาย แต่ภาพโดยรวมแล้วแยกเป็น ๒ คือ สัมมาสมาธิ(สมาธิเป็นไปเพื่อละกิเลส) และ มิจฉาสมาธิ(สมาธิเป็นไปเพื่อเพิ่มพูนกิเลส)
ฌาน คือ "การเพ่ง" ให้ความหมายได้ ๒ ระดับ คือ
๑.อารัมมณูปนิชฌาน ได้แก่ รูปฌาน ๔ อรูปฌาน ๔
๒.ลักขณูปนิชฌาน ได้แก่ มรรค ผล
(ฌาน ๔ ข้างต้น จัดเป็นรูปฌาน คือ ปฐมฌาน ทุติยฌาน ตติยฌาน จตุตถฌาน หากรวมอีก ๔ จะเรียกว่า "สมาบัติ ๘" โดยจะเพิ่ม อากาสานัญจายตนะ วิญญาณัญจายตนะ อากิญจัญญายตนะ เนวสัญญานาสัญญายตนะ)
ส่วน "ญาณ" คือ ความรู้ , ปัญญา ในที่นี้ขอแยกพิจารณาเป็น ๒ ชุดตอน
ชุดที่ ๑ อตีตังสญาณ(ญาณในส่วนอดีต) อนาคตังสญาณ(ญานในส่วนอนาคต) ปัจจุปันนังสญาณ(ญาณในส่วนปัจจุบัน) *ความสมบูรณ์ของญาณทั้ง ๓ นี้ ต้องเป็นความรู้ที่สืบเนื่องมากจากความสมบูรณ์แห่งอริยมรรค ๘ ประการ จนเป็นสัมมาญาณ(ความรู้ในทางที่ชอบ)*
ชุดที่ ๒ สัจจญาณ(ปรีชาหยั่งรู้อริยสัจ) กิจจญาณ(ปรีชาหยั่งรู้กิจอันควรกระทำ) กตญาณ(ปรีชาหยั่งรู้กิจอันได้กระทำแล้ว) *ญาณทั้ง ๓ ประการนี้เกิดขึ้นในอริยสัจ มีวน ๓ อาการ ๑๒ ซึ่งเป็นญาณ(ความรู้ที่ทำให้เป็นพระพุทธเจ้า)*
กสิณ เป็นเพียงแนวทางปฏิบัติสมาธิแนวทางหนึ่ง จำเป็นต้องฝึกจึงเกิดมีได้ แต่ในบางกรณี "สัญญา" ในอดีตก็อาจจะมีส่วนช่วยให้เกิดขึ้นได้อย่างฉับพลัน
...ลองใช้ "โยนิโสมนสิการ"(โดยคิดแบบสอบสวน,คิดตั้งคำถาม) พิจารณาเสียก่อนว่า "ปฏิบัติสมาธิไปเพื่ออะไร?" หรือใช้ "อิทัปปัจจยตา" สืบสาวไปหาเหตุปัจจัย แล้วจะเห็นตามจริงว่า
..."ศีล" เป็นเหตุเบื้องต้นที่จะนำให้เกิด "สมาธิ" สืบเนื่องไปจนถึง "ปัญญา"...
ฉะนั้นแล้วจึงควรจะเริ่มต้นที่ "ศีล" อันเป็นการขัดเกลากิเลสให้เบาบางลง (ข้อควรระวัง "สีลัพพตปรามาส" กล่าวคือ รักษาศีลเพื่อละมิใช่เพื่อเพิ่มพูนกิเลส เช่น รักษาศีลเพื่อให้เกิดความเข้มขลังศักดิ์สิทธิ์ไม่ให้ของเสื่อม ก็จัดอยู่ใน "สีลัพพตปรามาส" เช่นกัน โปรดระวัง!!!) ซึ่งศีลจะเป็นปัจจัยให้เกิด "สมาธิ" อันเป็น "สัมมาสมาธิ" เป็นสมาธิในทางที่ควร และผลที่สุดคือ "ปัญญา" ความรอบรู้ในกองสังขารตามความเป็นจริง ที่ตกลงอยู่ในสามัญลักษณะ เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป เหตุแห่งทุกข์อยู่ที่ "ตัณหา" ละ "อุปาทาน" กำจัด "อวิชชา" ยัง "วิชชา" ให้เกิดขึ้น
ในอริยมรรคองค์ ๘ ก็ได้ย่อลงเข้าในไตรสิกขาได้ดังนี้คือ
"สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ สัมมาอาชีวะ" จัดลงใน "ศีล"
"สัมมาวายามะ สัมมาสติ สัมมาสมาธิ" จัดลงใน "สมาธิ"
"สัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปปะ" จัดลงใน "ปัญญา"
โดยสรุป - ควรเริ่มไปตามขั้นตอนเบื้องต้นคือศีล รักษาศีลให้บริบูรณ์ขัดเกลากิเลสให้เบาบางลง ทั้งนี้ก็พึงระัวังมิให้การรักษาศีลนั้นเข้าข่าย "สีลัพพตปรามาส" ซึ่งจะเป็นเหตุปัจจัยยัง "สัมมาสมาธิ" และ "ปัญญา" ให้มีขึ้นโดยลำดับ ประโยชน์ที่จะได้ก็อยู่ใน ๒ ระดับ คือ โลกียะ , โลกุตระ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับคำตอบตนเองว่า "จะทำสมาธิไปเพื่ออะไร ?"