:054:ออกรับบิณฑบาตรในยามเช้าที่แสนจะหนาวเหน็บ ท่ามกลางสายลมที่พัดล่องโขงและไอหมอกที่ปกคลุม
ในยามเช้าที่หนาวเย็น กิเลสก็เกิดขึ้นในจิตใจ มีความห่วงหาอาลัยต่อที่นอน ไม่อยากจะตื่น ไม่อยากจะลุกไปทำกิจ
ภาษาพระเขาว่านิวรณ์มันเกิด คือตัว"ถีนมิทธะ" ความเกียจคร้าน ง่วงเหงา หาวนอน มันมีกำลังต่อเนื่องมาจากก่อนเราตื่น
ต่อสู้กับกิเลสภายในใจของเราอยู่ประมาณ 5 นาที โดยคิดถึงหน้าที่และกิจวัตรข้อปฏิบัติของพระสงฆ์ที่เราต้องกระทำ
คิดถึงญาติโยมที่มานั่งรอใส่บาตรในยามเช้า โยมเขาก็หนาวเหมือนเราแต่เขาก็ยังออกมารอใส่บาตรเพราะเขามีศรัทธา
ถ้าเราไม่ออกไปก็เท่ากับเราทำลายศรัทธาของญาติโยม และในที่สุดเกมส์นี้ฝ่ายกุศลจิตก็เป็นฝ่ายชนะไป
ขณะที่กำลังออกรับบิณฑบาตรนั้น หูพลันไปได้ยินเสียงเพลงที่ญาติโยมเขาเปิดกันฟังในยามเช้า ซึ่งเป็นบทเพลง
ของ"พงษ์เทพ กระโดนชำนาญ" เพลงนั้นคือเพลง"นกเขาไฟ" ท่อนที่ได้ยินคือ"ภูบ่สูงแต่ว่าห้วยมันลึก ภูบ่ลึกแต่ว่าเมืองมันไกล
ภูบ่เล็กแต่ว่าฟ้ามันใหญ่ นกเขาไฟบินไปล่องลม" หลังจากบิณฑบาตรกลับมาถึงวัด ไหว้พระสวดมนต์ ทำวัตรเช้า ฉันเช้าแล้ว
ใจก็หวนนึกถึงบทเพลงที่ได้ยินในยามเช้าและคิดต่อไปถึงสมัยที่เราเดินธุดงค์อยู่ตามบนดอยที่แม่ฮ่องสอนมันเห็นภาพอย่างนั้นเลย
:059:จึงได้เปิดดูสมุดบันทึกที่ได้เคยเขียนไว้เมื่อสมัยไปอยู่บนดอยในปี 2545ที่ได้เขียนบรรยายเส้นทางในการเดินไว้
จึงจะได้นำมาเล่าสู่กันฟัง........
ธุดงคสถาน"บ่อน้ำทิพย์" ภูเก้ายอด บ้านห้วยกล้วย ต.ห้วยปูลิง อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน
20 กรกฎาคม 2545
เช้าวันที่ 19 กรกฎาคม 2545 ออกบิณฑบาตรในตลาดแม่ฮ่องสอน ได้อาหารมาพอประมาณ ฉันเช้าเสร็จแล้ว
ออกไปซื้อของใช้ที่จำเป็นที่จะใช้สอยบนดอยตลอดพรรษา ซื้อของเสร็จกลับมาจัดสัมภาระสิ่งของเตรียมตัวขึ้นดอย
มีโยมกระเหรี่ยงลงมาจากดอยเพื่อมาช่วยแบกของ 2 คน ชื่อโยมโตกับโยมพะลูที มีพระที่ร่วมเดินทางกับเราอีก 6 รูป
ออกจากวัดจองคำเวลา 12.30 น.เดินผ่านสนามบินแม่ฮ่องสอน ผ่านฝายน้ำถึงหมู่บ้านพะโขโล๊ะ ซึ่งเป็นหมู่บ้านกระเหรี่ยง
ต้องเดินลัดเลาะไปตามลำธารระยะทางประมาณ 3 กิโลเมตร จนถึงจุดกรอกน้ำเพราะต่อไปต้องเดินขึ้นเขาตลอดไม่มีน้ำแล้ว
ตัดขึ้นจากลำธารเดินขึ้นเขาที่มีความสูงชันประมาณ 60 องศา อีกประมาณ 2 กิโลเมตร ถึงจุดพักที่แรกเพื่อนั่งพักคลายเหนื่อย
หลังจากนั้นต้องเดินเลาะไปตามสันเขาที่มีความสูงชันประมาณ 45 องศา ระยะทางอีกประมาณ 3 กิโลเมตร ถึงคอกวัวป่าสน
จุดพักแห่งที่สอง จากคอกวัวป่าสนเดินเลาะสันเขาไหปอีกประมาณ 4 กิโลเมตรจึงถึงหมู่บ้านห้วยเป๊าะซึ่งเป็นหมู่บ้านกระเหรี่ยง
จากบ้านห้วยเป็าะเดินตามสันเขาที่มีความลาดชันประมาณ 40 องศาระยะทางประมาณ 4 กิโลเมตรถึงดอยหัวช้างที่เป็นจุดสูงสุด
ของแม่ฮ่องสอน จากดอยหัวช้างต้องเดินลงเขาที่มีความลาดชันประมาณ 60 องศาอีกประมาณ 6 กิโลเมตร(ลงอย่างเดียว)ก็จะถึง
ลำธารห้วยกล้วย จากลำธารเดินขึ้นดอยที่มีความสูงชันประมาณ 45 องศาอีกประมาณ 3 กิโลเมตร ก็จะถึงที่หมายที่ตั้งใจไว้คือ
ธุดงคสถาน"บ่อน้ำทิพย์เจริญธรรม"....
:059:หมายเหตุ...ท่านที่เคยไปจังหวัดแม่ฮ่องสอน เคยไปเที่ยวพระธาตุกองมู ถ้าท่านมองผ่านไปฝั่งสนามบินแม่ฮ่องสอน
ท่านจะเห็นภูเขาที่สูงที่สุดเป็นรูปหัวช้างตั้งเด่นตระหง่านอยู่ นั่นคือ"ดอยหัวช้าง" ซึ่งการเดินทางนั้นเราต้องเดินขึ้นทางงวงช้าง
และกว่าจะถึงหัวช้า่งนั้นมันจะสูงขนาดไหนท่านลองคิดดู และเมื่อถึงหัวช้างแล้ว เราก็ต้องเดินไปตามหลังช้างจนถึงโคนหางช้าง
และที่เดินยากที่สุดก็คือเดินลงจากหางช้างไปสู่พื้นดินเพราะมันลาดชันมากและระยะทางยาวไกล(ลองนึกถึงลักษณะของช้างดู)
ตอนที่พวกเราอยู่ที่แม่ฮ่องสอนบนพระธาตุกองมู ดูแล้วว่ามันไม่ไกลสักเท่าไหร่ แต่พอเราเดินกันไปมันช่างไกลซะเหลือเกิน
เหมือนดั่งคำที่เขาว่า....ใกล้ตาแต่ไกลตีน...
เรื่องราวความหลังนำมาเล่าสู่กันฟังและยังมีเรื่องราวอีกมากมายที่ได้ประสพพบเจอบนดอยสูงซึ่งจะนำมาเล่าในตอนต่อไป
ด้วยความปรารถนาดีและไมตรีจิตแด่มวลมิตรทุกผู้คน
รวี สัจจะ-วจีพเนจร-สมณะชายขอบ
๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๒ เวลา ๑๐.๒๒ น. ณ ศาลาน้อยริมน้ำโขง ชายขอบประเทศไทย
...โปรดติดตามตอนต่อไป...