กระดานสนทนาวัดบางพระ

หมวด ธรรมะ และ นอกเหตุ เหนือผล => ธรรมะ => ข้อความที่เริ่มโดย: derbyrock ที่ 01 ต.ค. 2552, 01:44:51

หัวข้อ: ทะเลาะ............
เริ่มหัวข้อโดย: derbyrock ที่ 01 ต.ค. 2552, 01:44:51
  สมัยหนึ่งอาตมาไปบริหารพระ ๓-๔ องค์ ไปอยู่ในป่า ไฟไม่ค่อยจะมี เพราะอยู่บ้านป่า องค์หนึ่งก็ได้หนังสือธรรมะมาอ่าน อ่านอยู่ที่หน้าพระประธาน ที่ทำวัตรกัน อ่านอยู่ก็ทิ้งตรงนั้นแล้วก็หนีไป ไฟไมมีมันก็มืด พระองค์มาทีหลังก็มาเหยียบหนังสือ จับหนังสือขึ้นมาก็โวยวายขึ้นว่า "พระองค์ไหนนไม่มีสติ ทำไมไม่รู้จักที่เก็บหนังสือ" สอบสวนถามก็ไปถึงพระองค์นั้น พระองค์นั้นก็รับปากว่า "ผมเอาหนังสือเล่มนี้ไว้ที่นี่" "ทำไมท่านไม่รู้จักที่เก็บหนังสือ ผมเดินมาผมเหยียบหนังสือนี้" "โอ...อันนั้นเป็นเพราะท่านไม่สำรวมต่างหากเล่า" เห็นไหมมันมีเหตุผลอย่างนั้น จึงเถียงกัน องค์นั้นบอกว่า "เพราะท่านไม่เอาไปไว้ในที่เก็บ ท่านไม่รู้จักเก็บหนังสือ ท่านจึงไว้อย่างนี้" องค์นี้บอกว่า "เป็นเพราะท่านไม่สำรวม ถ้าท่านสำรวมแล้ว คงไม่เดินเหยียบหนังสือเล่มนี้" มีเหตุผลว่าอย่างนั้น มันก็เกิดเรื่องทะเลาะกัน ทะเลาะกันไม่จบ ด้วยเรื่องเหตุผล
   เรื่องธรรมะที่แท้จริงนั้น ต้องทิ้งเหตุทิ้งผล คือธรรมะมันสูงกว่านั้น ธรรมะที่พระพุทธองค์ท่านตรัสรู้ ระงับกิเลสทั้งหลายได้นั้นมันอยู่นอกเหตุเหนือผล ไม่อยู่ในเหตุ อยู่เหนือผล ทุกข์มันจึงไม่มีสุขมันจึงไม่มี ธรรมนั้นท่านเรียกว่าระงับ ระงับเหตุ ระงับผล ถ้าพวกใช้เหตุผลอยู่อย่างนี้ เถียงกันตลอดจนตายเหมือนพระสององค์นั้น


ธรรมที่พระพุทธองค์ท่านตรัสรู้
" ต้องอยู่นอกเหตุเหนือผล นอกสุขเหนือทุกข์ นอกเกิดเหนือตาย "


(http://img193.imageshack.us/img193/3548/lpcha5.jpg)

ป.ล บางส่วนบางตอนจากธรรมะเรื่องการปล่อยวาง
หลวงพ่อชา สุภทฺโท
วัดหนองป่าพง ต.โนนผึ้ง อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี
 
หัวข้อ: ตอบ: ทะเลาะ............
เริ่มหัวข้อโดย: gottkung ที่ 01 ต.ค. 2552, 02:43:35
ขอบคุณพี่ตี๋ มากๆครับ สำหรับบทความดีๆ ที่เป็นคติเตือนใจตนเองได้เป็นอย่างดี
หัวข้อ: ตอบ: ทะเลาะ............
เริ่มหัวข้อโดย: cho presley ที่ 01 ต.ค. 2552, 02:49:12
หลากหลายเหตุผลปถุชน.. เลยทะเลาะกันไม่จบ ด้วยยกเหตุผลตนมาอ้างอิง.. อ้างอิง และอ้างอิง
ด้วยทะเลาะกันเพราะเหตุผลน่านแหละ!
แต่ชีวิตปกติเราเจอแต่ ปถุชนด้วยกัน..ไม่มีใครนอกเหนือเหตุผล..หนูก็เคยเป็น!

คือเรื่องราวเตือนสติที่ดี..ขอบคุณพี่ตี๋นำพามาด้วยจิตใจบริสุทธิ์..
สติเตือนใจว่า อย่าให้ความกันเองกับคนทุกคน มันไร้ค่าในบางสังคม...สิ่งที่เลวร้ายคือ เขาจะหาทางมาแว้งกัดเมื่อเขาไม่ได้สิ่งที่ต้องการจากเรา...
ก็ด้วยเหตุผลต่างๆ นาๆ เท่าที่จะพยายามหามาได้..หาได้จากการที่เราเคยไว้ใจ ให้ความเป็นกันเองนั่นแหละ..  :070:

คนมากมายที่ไม่เคยหรือไม่มีอะไรเป็นแก่นสารชีวิต..และอาจไม่เคยประสบความสำเร็จด้านใดเลยในชีวิต..
แต่ทนงตนคิดว่าตนนั้นแน่..หาแก่นสารให้ตัวเองด้วยการทำร้ายผู้อื่นด้วยวิธีการต่างๆ นาๆ นั่นก็คือเหตุผลของเขา.. เหตุผลอีกแล้ว!  

เขาถึงว่าพระที่เป็นยากที่สุดคือ พระอภัย.. หากวันนี้ยังทำเรื่องยากไม่ได้.. ก็เอากะมันสักตั้ง..ก่อนเริ่มเป็นพระอภัย..หรือไงดี? :009: อิอิ..
หัวข้อ: ตอบ: ทะเลาะ............
เริ่มหัวข้อโดย: suwatchai ที่ 01 ต.ค. 2552, 03:02:44
ในความเห็นส่วนตัวของผมแล้ว การทะเลาะเบาะแว้ง ย่อมเป็นสิ่งที่ไม่ดี ไม่ควรบังเกิดขึ้นกับใครหรือในสังคมใดทั้งสิ้น แต่ก็นั่นแหละ ทุกอย่างย่อมเหมือนกับเหรียญที่มีสองด้าน เหมือนวันในแต่ละวันที่ต้องมีทั้งกลางวันและกลางคืน การทะเลาะเบาะแว้ง แม้อาจจะดูเป็นสิ่งที่ไม่ดีไม่งาม แต่ในอีกด้านหนึ่งของการทะเลาะเบาะแว้งนั้น ก้มีแง่ดีในด้านต่าง ๆ อยู่ไม่น้อย อย่างน้อยที่สุดก็ได้เป็นการระบายสิ่งที่เก็บกด อัดอั้นในใจมานานให้อีกฝ่ายได้รับรู้เสียบ้าง อย่างเช่น การทะเลาะเบาะแว้งของสามีภรรยา เป็นต้น หรือข้อดีอีกอย่างหนึ่งที่หลายคนอาจจะไม่เคยได้คิดถึงมันเลยนั่นก็คือ การทะเลาะเบาะแว้งของใครบางคน อาจช่วยเป็นการเปิดเผยให้เห็นเงื่อนงำ เห้นความเป็นตัวตนที่แท้จริงหรือเห็นความจริงที่ปกปิดมานานให้เราได้รับรู้ ได้เข้าใจว่าสิ่งที่เราเคยคิดว่าสิ่งนั้น ย่อมต้องเป็นไปอย่างโน้นอย่างนี้  แท้ที่จริงแล้วมันอาจจะไม่ใช่ก็ได้ รวมไปถึงการได้เห็นถึงคำโกหก หลอกลวงที่บังตาเรามานาน...
หัวข้อ: ตอบ: ทะเลาะ............
เริ่มหัวข้อโดย: ~เสน่ห์ack01~ ที่ 01 ต.ค. 2552, 03:25:46
ธรรมที่พระพุทธองค์ท่านตรัสรู้
" ต้องอยู่นอกเหตุเหนือผล นอกสุขเหนือทุกข์ นอกเกิดเหนือตาย "


ขอบคุณพี่ตี๋มากครับ สำหรับคำสอนของหลวงพ่อชา ....

....บางครั้งการใช้เหตุผลพูดกัน มันก็มีแต่การเบี่ยงประเด็นเพื่อเข้าข้างตนเองอยุ่เสมอ....


...การมองข้ามผ่านเหตุผลของตนและผู้อื่น และหยุดการโต้แย้งลงคงจะดี...

...สิ่งใดที่ถูกต้องและเหมาะสม สิ่งใดที่ผิดพลั้งก่อกรรม...

....สิ่งนั้นมันจะตามรบกวนความรู้สึกของผู้ที่ผิดไม่ว่าฝ่ายใด ไปตราบนานเท่านาน....
หัวข้อ: ตอบ: ทะเลาะ............
เริ่มหัวข้อโดย: PeAwPeed ที่ 01 ต.ค. 2552, 03:36:50
ขอบคุณพี่ตี่ กับ บทความด้วยนะคะ  :054:

เคยมีคนบอกว่า

เวลา สุนัข กัดกัน อย่าเข้าไปขวาง
เพราะเวลา มันกัด สุนัข อีกตัวไม่ได้
มันจะหันกลับ มากัด คนขวางทันที
มันอาจนึกว่า เราเป็นพวก อีกตัว ก็ได้เนอะ (คิดเอง)

ประสบการ์โดยตรง เคยโดนมาแล้วคะ เลยนำมาเล่าสู่กันฟัง
 
แต่ไม่ทราบ เหตุผลที่มัน ทะเลาะ หรือ กัดกัน หรอกนะคะ
จึงคิดว่าบางครั้ง การทะเลาะกัน  ก็ไม่จำเป็นต้องมีเหตุผลใด ๆ
สุนัข มันก็คง คิดเช่นนั้น
 
หัวข้อ: ตอบ: ทะเลาะ............
เริ่มหัวข้อโดย: ~@เสน่ห์เอ็ม@~ ที่ 01 ต.ค. 2552, 05:49:38
ขอบคุณพี่ตี่ กับ บทความด้วยนะคะ  :054:

เคยมีคนบอกว่า

เวลา สุนัข กัดกัน อย่าเข้าไปขวาง
เพราะเวลา มันกัด สุนัข อีกตัวไม่ได้
มันจะหันกลับ มากัด คนขวางทันที
มันอาจนึกว่า เราเป็นพวก อีกตัว ก็ได้เนอะ (คิดเอง)

ประสบการ์โดยตรง เคยโดนมาแล้วคะ เลยนำมาเล่าสู่กันฟัง
 
แต่ไม่ทราบ เหตุผลที่มัน ทะเลาะ หรือ กัดกัน หรอกนะคะ
จึงคิดว่าบางครั้ง การทะเลาะกัน  ก็ไม่จำเป็นต้องมีเหตุผลใด ๆ
สุนัข มันก็คง คิดเช่นนั้น
 


แต่สุนัขบางตัว เราสงสารมันมีจิตใจเมตตาต่อมัน ก็เลยให้ของกินเพราะมันหิว เราแค่ให้มันกินแค่ครั้งเดียวมันยังรุ้จักบุญคุณ
ดูสุนัขบางตัวที่เจ้าของกำลังจมน้ำตาย มันกลับกระโดดไปช่วย รู้ถึงบุญคุณ

แต่คนบางคนเราไปช่วยเขาแล้ว แทนที่จะรู้จักสำนึกบุญคุณกลับมาแว้งกัดเรา แถมคิดร้ายกลับเราอีก ทั้งที่เราเป็นคนไปช่วยแท้ๆ
คนประเภทนี้ ต่ำยิ่งกว่าสัตว์เดรัจฉานอีกนะครับ  แย่จัง
บางครั้งความหวังดีของเราอาจไม่ทำให้เขาคิดได้เพราะมีสมองใว้กันหูแท้ๆครับ กรรมจริงๆ

คนโบราณน้ำแค่แก้วเดียวยังสำนึกบุญคุณเลย คนสมัยนี้แย่ครับลืมความเป็นไทยไปหมดซะแล้ว
ยุคสมัยเปลี่ยนไปจริงๆครับ  คนสมัยนี้บางคนกลับหน้าด้านทำเนียนแทนที่รู้จักผิด และไปปรับปรุงแก้ไขแต่ป่าวเลย ยิ่งกว่าเก่า
พวกมีสมองใว้กั้นหูครับ
หัวข้อ: ตอบ: ทะเลาะ............
เริ่มหัวข้อโดย: vespa1985 ที่ 01 ต.ค. 2552, 09:09:17

ขอบคุณมากๆ ครับกับบทความดีๆ ...  :052:
หัวข้อ: ตอบ: ทะเลาะ............
เริ่มหัวข้อโดย: ~เสน่ห์ต้นน้ำ~ ที่ 01 ต.ค. 2552, 09:19:44
ขอบคุณพี่ตี๋นะครับ สำหรับบทความดีๆที่มาเตือนใจกันครับ
หัวข้อ: ตอบ: ทะเลาะ............
เริ่มหัวข้อโดย: รวี สัจจะ... ที่ 02 ต.ค. 2552, 10:31:04
ถ้ามีคนยอมรับเป็นฝ่ายผิดสักคนการทะเลาะก็ย่อมจบลง...เพราะมีคนผิด
แต่ด้วยมานะทิฏฐิ การถือตัวถือตน ไม่ยอมกัน จึงทำให้เรื่องมันไม่จบ
การอยู่กับคนหมู่มากย่อมมีปัญหาทะเลาะกันบ้าง เมื่อความคิดเห็นไม่ตรงกัน
ซึ่งบางครั้งเราต้องยอมเสียสละเพื่อส่วนรวม ยอมเป็นผู้ผิดเสียเอง เพื่อยุติปัญหา
เพราะในขณะนั้นอารมณ์ของทุกฝ่ายเริ่มก่อตัวกันแล้ว เราจึงต้องทำให้มันจบยุติโดยเร็ว
โดยเสนอตัวเข้าไปรับในความผิดในปัญหาที่เกิดขึ้น เพื่อให้ใจเขาเย็นสงบลงก่อน
เมื่อใจของพวกเขาสงบเย็นลงและเวลาผ่านไป อะไรๆมันก็จะกระจ่างขึ้นมาเอง
ใครถูกใครผิดได้เห็นกัน เมื่อวันเวลานั้นผ่านไป และเราก็จะให้อภัยแก่ผู้ที่สำนึกในความผิดที่เขาได้ทำ
ไม่เหยียบย่ำและซ้ำเติมเขา เพราะคนเราทุกคนไม่เคยไม่มีใครที่จะผิดพลาดในชีวิต...คนไม่ผิดคือคนที่ไม่เคยทำอะไรมาเลย
นี้คือความหมายของคำว่า"แพ้เป็นพระ"คือการยอมลดละทิฏฐิ ยอมรับผิดในสิ่งที่ตนทำ เป็นแนวทางแก้ปัญหาความขัดแย้ง
ในหมู่คณะและองค์กรที่ได้กระทำมา...ในการปกครองหมู่คณะพระในทีมงานซึ่งรวมกันประมาณเป็นร้อยรูปให้เกิดความสงบ
ซึ่งหลักการนี้ได้เคยกล่าวไว้แล้วในหัวข้อกระทู้.."โง่ไม่เป็น เป็นใหญ่ยาก"บางครั้งเราต้องแกล้งโง่แกล้งบ้า เพื่อยุติปัญหา เพื่อความสงบ
ยอมให้คนเขาว่าโง่ ว่าบ้า ว่าไม่มีปัญญา ยอมรับว่าผิด เพื่อให้ทุกอย่างมันจบ...เพระถ้ามีผู้ยอมรับผิดแล้ว ทุกอย่างมันก็จบ...
และถ้ามันไม่ยอมจบ...แสดงให้รู้ว่าคนที่ไม่ยอมจบนั้นเป็นคนพาลที่ต้องการจะให้มันมีปัญหาต่อไป...ทำให้เรารู้ว่าใครเป็นอย่างไร...
ควรที่จะคบหาสมาคมหรือไม่...คนที่ไม่ยอมให้อภัยนั้นร้ายกว่าคนที่ทำผิดและยอมรับผิดสำนึกโทษเสียอีก....
....ขอฝากไว้เป็นข้อคิดสะกิดเตือนใจท่านทั้งหลายด้วยความปรารถนาดี...
หัวข้อ: ตอบ: ทะเลาะ............
เริ่มหัวข้อโดย: gottkung ที่ 02 ต.ค. 2552, 12:16:39
กราบนมัสการและกราบขอบพระคุณพระอาจารย์ครับ สำหรับคำสอนดีๆที่เตือนใจศิษย์ได้เป็นอย่างดี
หัวข้อ: ตอบ: ทะเลาะ............
เริ่มหัวข้อโดย: TUM ที่ 02 ต.ค. 2552, 12:39:33
สวัสดีครับ

   ผมขอแสดงความคิดเห็นด้วยครับ

มีสุภาษิตที่ว่า คบคนพาล พาลพาไปหาผิด

          คบบัณฑิตพา บัณฑิตไปหาผล

ขอบคุณครับผม ....  :002:
(ขออนุญาตแก้คำที่เขียนผิด)