กระดานสนทนาวัดบางพระ
หมวด ธรรมะ และ นอกเหตุ เหนือผล => สนทนาภาษาผู้ประพฤติ, กฎแห่งกรรม และ ประสบการณ์วิญญาณ => สนทนาภาษาผู้ประพฤติ => ข้อความที่เริ่มโดย: รวี สัจจะ... ที่ 03 ต.ค. 2552, 07:40:40
-
"ภิกษุจงเป็นผู้ไม่ประมาท มีสติ มีศีลอันดี
จงมีความดำริตั้งมั่นตามรักษาจิตของตนเถิด"
"อปฺปมตฺตา สตีมนฺโต สุสีลา โหถ ภิกฺขโว
สุสมาหิตสงฺกปฺปา สจิตฺตมนุรกฺขถ"
พุทธสุภาษิต มหาปรินิพพานสูตร ๑๐/๑๒๐
..........................................
"เมื่อกายสงบ ย่อมพบความสุข
เมื่อมีความสุข จิตย่อมตั้งมั่น"
"ปสฺสทฺธกาโย สุขํ เวทยติ
สุขิโน จิตฺตํ สมาธิยติ"
พุทธสุภาษิต ปาฏลิยสูตร ๑๘/๓๘๑
................................
"จงทำความเพียรเสียแต่ในวันนี้
ใครเล่าจะรู้ว่าความตายจะมีในวันพรุ่งนี้"
"อชฺเชว กิจฺจมาตปฺปํ โก ชญฺญา มรณํ สุเว"
พุทธสุภาษิต ภัทเทกรัตตสูตร ๑๔/๒๙๗
........................................
พายุผ่านพ้นไป...
ท้องฟ้าแจ่มใส ฝนหยุดตกแล้ว
ฟ้าหลังฝนที่คนเขากล่าวกันมันเป็นเป็นเช่นนี้เอง
เมื่อก่อนนั้นเราเพียงมองผ่านไปแต่ไม่ได้พิจารณา
เพราะคิดเสียว่า เกิดขึ้นตั้งอยู่แล้วดับไปเป็นเรื่องธรรมดา
แต่เมื่อเราได้พิจารณาถึงสภาพของฟ้าหลังฝนหยุดตกแล้ว
ได้รู้ได้เห็น ได้เข้าใจอะไรเพิ่มขึ้นอีกมากมายเมื่อเราพิจารณาเป็นธรรมะ
มันเป็นสภาวะแห่งสัจจธรรม ที่เรียบง่าย ถ้าเราได้คิดพิจารณาให้เป็นธรรมะ
ทุกอย่างรอบกายไม่ไร้สาระ ล้วนแล้วแต่เป็นธรรมะ ล้วนแล้วคือสภาวะธรรม
เคยรู้เคยเข้าใจว่าสิ่งรอบกายทั้งหลายล้วนแล้วแต่เป็นธรรมะเป็นสภาวะธรรม
แต่เรามักจะพิจารณาเฉพาะสิ่งที่เราสนใจโดยความชอบความพอใจในสิ่งนั้น
จิตยังปิดกั้นยังมีข้อจำกัดในการคิดและพิจารณาไม่เป็นไปตามธรรมชาติโดยแท้
แต่เมื่อเราเปิดจิตของเราให้กว้างขึ้นมองธรรมชาติรอบกายให้เป็นธรรมะอย่างแท้จริง
เราจึงได้รู้ว่ายังมีหลายสิ่งที่เรายังไม่รู้และเข้าใจ เพียงแต่จำได้แต่ไม่ได้เข้าไปอยู่ในสภาวะธรรม
การปฏิบัติธรรมคือการทำสิ่งที่ไม่มีให้มีขึ้น แล้วรักษาสิ่งที่มีมิให้เสื่อมสลาย ให้ดำรงค์ทรงไว้
และขั้นสุดท้ายคือการสลายทำเหมือนมันไม่มีอะไร...สูงสุดคืนสู่สามัญ..คือเข้าสู่อารมณ์วิปัสสนา
มีสติและสัมปชัญญะ ความระลึกรู้ ความรู้ตัวทั่วพร้อมคุ้มครองกายคุ้มครองจิดอยู่ทุกขณะ
เป็นสภาวะของความเป็นปกติ ไม่มีรูปแบบ ไม่มีกระบวนท่า...กระบี่อยู่ที่ใจ...
เก็บงำประกาย รู้อยู่ภายใน ไม่จำเป็นที่จะต้องแสดงออก การปฏิบัติธรรมนั้นคือการทำที่จิต
ไม่ใช่อยู่ที่รูปแบบทางกาย มิได้ทำไปเพื่อให้ผู้อื่นมาชื่นชม ยกย่องสรรเสริญ มิใช้การแสดง
สภาวะธรรมทั้งหลายเป็นของเฉพาะตน รู้ได้ด้วยตน...สภาวะธรรมนั้นเป็นปัจจัตตัง รู้ได้เฉพาะตน...
:059:แด่ธรรมชาติรอบกายที่ทำให้ได้พิจารณาธรรม :059:
เชื่อมั่น-ศรัทธา-ปรารถนาดี-ด้วยไมตรีจิต
รวี สัจจะ-สมณะไร้นาม
๓ ตุลาคม ๒๕๕๒ เวลา ๐๗.๔๑ น. ณ ศาลาน้อยริมน้ำโขง ชายแดนประเทศไทย
-
การปฏิบัติธรรมนั้นคือการทำที่จิต ใช่อยู่ที่รูปแบบทางกาย มิได้ทำไปเพื่อให้ผู้อื่นมาชื่นชม ยกย่องสรรเสริญ มิใช้การแสดง
กราบนมัสการพระอาจารย์ครับ ผมจะนำไปศึกษาต่อให้เข้าใจและนำไปปฏิบัติครับ
-
"จงทำความเพียรเสียแต่ในวันนี้
ใครเล่าจะรู้ว่าความตายจะมีในวันพรุ่งนี้"
"อชฺเชว กิจฺจมาตปฺปํ โก ชญฺญา มรณํ สุเว"
พุทธสุภาษิต ภัทเทกรัตตสูตร ๑๔/๒๙๗
ขอบพระคุณพระอาจารย์ ที่เมตตานำมาสั่งสอน คนเราไม่รู้ว่าต่อไปจะเกิดอะไรขึ้นอย่างไร
ขอเพียงทำสิ่งที่มีในวันนี้ให้ดีที่สุด และวางแผนต่อไปในวันข้างหน้าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น สาธุ ... :054:
-
การปฏิบัติธรรมคือการทำสิ่งที่ไม่มีให้มีขึ้น แล้วรักษาสิ่งที่มีมิให้เสื่อมสลาย ให้ดำรงค์ทรงไว้
และขั้นสุดท้ายคือการสลายทำเหมือนมันไม่มีอะไร...สูงสุดคืนสู่สามัญ
....กราบนมัสการพระอาจารย์ครับ....
....ฟ้าหลังฝนสวยงามจริงๆครับ ถ้าเราอดทนรอให้ผ่านพ้นพายุที่กระหน่ำเข้ามาได้....
-
สูงสุดคืนสู่สามัญ..คือเข้าสู่อารมณ์วิปัสสนา
มีสติและสัมปชัญญะ ความระลึกรู้ ความรู้ตัวทั่วพร้อมคุ้มครองกายคุ้มครองจิดอยู่ทุกขณะ
เป็นสภาวะของความเป็นปกติ ไม่มีรูปแบบ ไม่มีกระบวนท่า
กราบนมัสการ ขอบพระคุณ พระอาจารย์ค่ะ :054:
สติ ทำให้เราพร้อมกับทุกสถานะการณ์
ไม่ยินดีใช้ชีวิต แบบ ง่าย เกินจนดูไร้ราคา
ไม่ตั้งค่าชีวิต ให้ ยาก เกินความเข้าใจ
สติ จะทำให้เราไม่ประมาท ตั้งอยู่ในความดี ที่พอดี :054: