กระดานสนทนาวัดบางพระ

หมวด ธรรมะ และ นอกเหตุ เหนือผล => สนทนาภาษาผู้ประพฤติ, กฎแห่งกรรม และ ประสบการณ์วิญญาณ => สนทนาภาษาผู้ประพฤติ => ข้อความที่เริ่มโดย: รวี สัจจะ... ที่ 21 ส.ค. 2553, 08:39:35

หัวข้อ: รอยทางและรอยธรรม...๒๐ ส.ค..๕๓
เริ่มหัวข้อโดย: รวี สัจจะ... ที่ 21 ส.ค. 2553, 08:39:35
ตถตาอาศรม ริมฝั่งโขง
 ๒๑ สิงหาคม ๒๕๕๓
......รอยทาง.....
                     " ชีวิตคือการทำงานและการทำงานคือการปฏิบัติธรรม " คือคำสอนของหลวงพ่อพุทธทาส
แห่งสวนโมกขพลาราม ไชยา สุราษฏร์ธานี พยายามนำมาเป็นแบบอย่างในการดำเนินชีวิต ปรับใช้ให้เหมาะสม
กับวิถีชีวิตของตัวเรา เพราะชีวิตต้องดำเนินไปทั้งในทางโลกและทางธรรม เพื่อประโยชน์ตนและประโยชน์ท่าน
หลังจากเสร็จจากกิจวัตรของสงฆ์ในภาคเช้าแล้ว ขอแรงหมู่คณะให้มาช่วยกันยกเสาปูน ตั้งเสาเพื่อทำแท็งค์น้ำ
คุมเด็กๆไปตัดไม้มาทำนั่งร้านและไม้ค้ำยัน ผูกเหล็กโครงคาน ตอนบ่ายๆจึงขึ้นมาพักผ่อนฉันกาแฟ อ่านหนังสือ
ตอนเย็นลงไปคุมการฝึกซ้อมพวกฝีพายเรือแข่ง จัดฝีพายแบ่งลงเรือของวัดทั้งสองลำ คือลำที่ทำด้วยไม้ตะเคียน
ชื่อเรือ...นาคาพิทักษ์...และเรือที่ทำด้วยไม้สัก ชื่อเรือ...เจ้าแม่สายวารี...ซึ่งเรือทั้งสองลำนี้มีเทคนิคการพายที่
แตกต่างกัน เพราะน้ำหนักและรูปทรงของเรือที่ต่างกัน จึงต้องลงไปอธิบายให้พวกฝีพายเข้าใจในเทคนิคการพาย
และลงไปดูการนั่งของฝีพาย ซึ่งต้องจัดวางตำแหน่งน้ำหนักให้เหมาะกับสภาพเรือ เพื่อให้เรือลอยตัวและเดินได้ดี
เสร็จจากคุมฝีพายซ้อมเรือแล้ว เตรียมตัวทำกิจวัตรในภาคค่ำต่อไป
.....รอยธรรม....
                    มีสติระลึกรู้อยู่กับกายและจิต พยายามคิดและมองทุกอย่างให้เป็นธรรมะ ระลึกถึงหัวข้อธรรม
ในหมวดต่างๆ นำมาสงเคราะห์ให้เหมาะสมกับสถานการณ์คือสิ่งที่กำลังกระทำอยู่ เพื่อให้เป็นธรรมะสัปปายะ
คือการเลือกเฟ้นธรรมให้เหมาะสม กับจังหวะ เวลา โอกาศ สถานที่และบุคคล ทุกอย่างนั้นไม่มีอะไรดีที่สุด
มีเพียงความเหมาะสมที่สุดตามเหตุและปัจจัย นี่คือความเป็น " อนิจจังและอนัตตาของธรรมทั้งหลายทั้งปวง "
ธรรมะทั้งหลายเป็นสัจจธรรมแต่ที่ไม่เที่ยงและไม่ใช่ตัวตนคือการปรับใช้ที่ต้องแปรเปลี่ยนไป เพื่อให้เหมาะสม
กับเหตุและปัจจัยที่เห็นและเป็นอยู่ ซึ่งถ้าเราไม่รู้จักปรับใช้ให้เหมาะสมมันก็จะกลายเป็น" สีลพรตปรามาส "
คือการยึดถือในข้อวัตรที่เคร่งครัดสุดโต่งจนเกินไป กลายเป็นการยึดถือเพราะอัตตาซึ่งจะนำมา ซึ่งมานะทิฏฐิ
คือการถือตัวถือตนในโอกาศต่อไป พุทธศาสนานั้นเป็นศาสนาของเหตุและผล ซึ่งจะพิสูจน์ได้ด้วยการกระทำ
ไม่ใช่ศาสนาที่เป็นเรื่องของศรัทธา ที่สอนให้เชื่อแต่เพียงอย่างเดียว ซึ่งมีพระสูตรที่พระพุทธองค์ทรงแสดง
ไว้แก่ชาวกาลามะ หมู่บ้านเกสปุตติยนิคม คือ " กาลามสูตร " อันเป็นหลักแห่งความเชื่อ ไม่ให้เชื่ออย่างงมงาย
โดยไม่ใช้ปัญญาพิจารณาให้เห็นจริง ถึงคุณโทษหรือดีไม่ดีก่อนเชื่อ ซ่งมีหลักอยู่ ๑๐ ประการคือ....
     ๑. อย่าเชื่อตามที่ฟังๆกันมา
     ๒.อย่าเชื่อตามที่ทำต่อๆกันมา
     ๓.อย่าเชื่อตามคำเล่าลือ
     ๔.อย่าเชื่อโดยอ้างตำรา
     ๕.อย่าเชื่อดดยนึกเอา
     ๖.อย่าเชื่อโดยคาดคะเนเอา
     ๗.อย่าเชื่อโดยนึกคิดตามแนวเหตุผล
     ๘.อย่าเชื่อเพราะถูกกับทฤษฎีของตน
     ๙.อย่าเชื่อเพราะรูปลักษณ์ที่ควรเชื่อได้
    ๑๐.อย่าเชื่อเพราะผู้พูดเป็นครูอาจารย์ของตน
คือหลักการสอนให้ทุกคนคิดและพิจารณา ค้นคว้าและทดลองปฏิบัติ เพื่อความเห็นชัดคือสอนให้คิดเป็น ทำเป็น
เพราะว่า  การเชื่่อทันทีนั้น มันอาจจะนำไปสู่ความงมงายและความโง่ เพราะคิดเองไม่เป็น ต้องให้ผู้อื่นคิดให้
หรือชี้แนะอยู่ตลอดเวลา ซึ่งในชีวิตจริงนั้นเราต้องช่วยเหลือตัวของเราเอง คือต้องทำด้วยตัวของเราเองตลอด
ดังพุทธสุภาษิตที่ว่า " อัตตา หิ อัตตา โน นาโถ...ตนเป็นที่พึ่งของตน " ผู้อื่นเป็นได้เพียงผู้ชี้แนะและนำทาง
แต่การจะก้าวเดินไปข้างหน้าอยู่ที่ตัวเรา ว่าจะก้าวขาเดินตามไปหรือไม่ ซึ่งมันขึ้นอยู่กับตัวเรา ที่จะทำหรือไม่ทำ
......รอยกวี.....
                    ไม่ใช่โชคชะตา
                    ไม่ใช่ฟ้าลิขิต
                    ไม่ใช่นิมิตของสวรรค์
                    ไม่ใช่พรหมนั้นบันดาล
                    แต่สิ่งที่ต้องประสพพบพาน
                    นั้นล้วนแล้วเกิดแต่กรรมที่ทำมา
                    ทั้งในอดีตชาติและปัจจุบันชาติ
                    ล้วนมาเป็นเหตุและปัจจัยให้เกิดขึ้น
                            ในอ้อมกอดของขุนเขา
                            ใต้ร่มเงาของมวลพฤกษา
                            บนเส้นทางแห่งกาลเวลา
                            จงถามตัวเองว่า...แสวงหาสิ่งใด..?
                            ทบทวนสิ่งที่ผ่านมาของตนเองเสียใหม่
                            ว่าความหวังที่ตั้งใจไว้...นั้นก้าวไกลถึงไหนแล้ว
                            เหมือนคำที่กล่าวว่า " ดูหนังดูละคร แล้วจงย้อนมาดูตัว "
                   ให้ดูจิตที่กำลังเคลื่อนไหว
                   เหมือนกับการดูหนังดูละคร
                   ให้ดูจิตที่กำลังเคลื่อนไหว
                   แต่อย่าไปหวั่นไหวตามจิต
                   จิตนั้นไม่มีตัวตนไม่เป็นรูปธรรม
                   แต่สามารถกลิ้งกลอกหยอกล้อเราได้
                   ให้เราหลงคล้อยตามไปในความเคลื่อนไหวนั้น
                   แต่เมื่อเรารู้เท่าทัน จิตนั้นก็ไม่อาจจะหลอกเราได้
                   ใจของเราก็จะสงบและมั่นคงขึ้นไปตามลำดับ....
                         ..........................................
                          เชื่อมั่น-ศรัทธา-ปรารถนาดี-ด้วยไมตรีจิต
                                     รวี สัจจะ-สมณะไร้นาม
๒๑ สิงหาคม ๒๕๕๓ เวลา ๐๘.๓๙ น. ณ ศาลาน้อยริมน้ำโขง ชายขอบประเทศไทย
         
หัวข้อ: ตอบ: รอยทางและรอยธรรม...๒๐ ส.ค..๕๓
เริ่มหัวข้อโดย: berm ที่ 21 ส.ค. 2553, 09:29:17
 :054: :054: :054:กราบนมัสการพระอาจารย์ครับ...
หัวข้อ: ตอบ: รอยทางและรอยธรรม...๒๐ ส.ค..๕๓
เริ่มหัวข้อโดย: ~@เสน่ห์เอ็ม@~ ที่ 21 ส.ค. 2553, 09:48:54
กราบมนัสการพระอาจารย์ที่เคารพ     :054:

กราบขอบพระคุณสำหรับเรื่องราว รอยทาง รอยธรรม รอยกวี คำสอน     :054:

จงถามตัวเองว่า...แสวงหาสิ่งใด..?
ทบทวนสิ่งที่ผ่านมาของตนเองเสียใหม่

2 บรรทัดนี้จะจดจำใว้เป็นคำถามเตือนสติศิษย์เพื่อไม่ให้หลงทางในการปฏิบัติและดำริผิดอีกเป็นครั้งที่ 2

ศิษย์ขอนอบน้อมนำคำสอนของพระอาจารย์ทั้งหมดในวันนี้ ใว้เป็นแนวทางในการปฏิบัติต่อไปกราบขอบคุณครับ :054:


หัวข้อ: ตอบ: รอยทางและรอยธรรม...๒๐ ส.ค..๕๓
เริ่มหัวข้อโดย: NONGEAR44 ที่ 21 ส.ค. 2553, 10:51:44
กราบนมัสการพระอาจารย์ครับ ขอบคุณครับ
หัวข้อ: ตอบ: รอยทางและรอยธรรม...๒๐ ส.ค..๕๓
เริ่มหัวข้อโดย: derbyrock ที่ 21 ส.ค. 2553, 12:59:55
                  ไม่ใช่โชคชะตา
                   ไม่ใช่ฟ้าลิขิต
                   ไม่ใช่นิมิตของสวรรค์
                   ไม่ใช่พรหมนั้นบันดาล
                   แต่สิ่งที่ต้องประสพพบพาน
                   นั้นล้วนแล้วเกิดแต่กรรมที่ทำมา
                    ทั้งในอดีตชาติและปัจจุบันชาติ
                    ล้วนมาเป็นเหตุและปัจจัยให้เกิดขึ้น
                   
กราบนมัสการพระอาจารย์ครับ การที่ผมเข้าใจเรื่องกรรมทำให้ผมเข้าใจชีวิตมากขึ้นครับ
หัวข้อ: ตอบ: รอยทางและรอยธรรม...๒๐ ส.ค..๕๓
เริ่มหัวข้อโดย: nsp8428 ที่ 21 ส.ค. 2553, 09:58:49
   ให้ดูจิตที่กำลังเคลื่อนไหว
                   เหมือนกับการดูหนังดูละคร
                   ให้ดูจิตที่กำลังเคลื่อนไหว
                   แต่อย่าไปหวั่นไหวตามจิต
                   จิตนั้นไม่มีตัวตนไม่เป็นรูปธรรม
                   แต่สามารถกลิ้งกลอกหยอกล้อเราได้
                   ให้เราหลงคล้อยตามไปในความเคลื่อนไหวนั้น
                   แต่เมื่อเรารู้เท่าทัน จิตนั้นก็ไม่อาจจะหลอกเราได้
                   ใจของเราก็จะสงบและมั่นคงขึ้นไปตามลำดับ....

กราบนมัสการพระอาจารย์ค่ะ
                                    ขอบพระคุณท่านพระอาจารย์มากนะคะ
                                     ศิษย์กำลังพยายามฝึกทำจิตให้นิ่งและมั่นคง
                                      ตามคำชี้แนะจากท่านพระอาจารย์

                                                                               ขอกราบขอบพระคุณเป็นอย่างสูงค่ะ   
หัวข้อ: ตอบ: รอยทางและรอยธรรม...๒๐ ส.ค..๕๓
เริ่มหัวข้อโดย: ~เสน่ห์ack01~ ที่ 22 ส.ค. 2553, 06:17:48
" อัตตา หิ อัตตา โน นาโถ...ตนเป็นที่พึ่งของตน " ผู้อื่นเป็นได้เพียงผู้ชี้แนะและนำทาง
แต่การจะก้าวเดินไปข้างหน้าอยู่ที่ตัวเรา ว่าจะก้าวขาเดินตามไปหรือไม่ ซึ่งมันขึ้นอยู่กับตัวเรา ที่จะทำหรือไม่ทำ


กราบนมัสการพระอาจารย์ครับ ขอบพระคุณที่ชี้ให้เห็นถึงหลักแห่งความเชื่อครับ