กระดานสนทนาวัดบางพระ

หมวด ธรรมะ และ นอกเหตุ เหนือผล => สนทนาภาษาผู้ประพฤติ, กฎแห่งกรรม และ ประสบการณ์วิญญาณ => สนทนาภาษาผู้ประพฤติ => ข้อความที่เริ่มโดย: รวี สัจจะ... ที่ 12 ก.ย. 2553, 07:02:33

หัวข้อ: รอยทางและรอยธรรม...๑๑ ก.ย.๕๓
เริ่มหัวข้อโดย: รวี สัจจะ... ที่ 12 ก.ย. 2553, 07:02:33
(http://img713.imageshack.us/img713/2268/imgp6422.jpg)

ตถตาอาศรม ริมฝั่งโขง
 ๑๒ กันยายน ๒๕๕๓
.....รอยทาง.....
                    ฝนตกหนักทั้งคืน ตื่นตั้งแต่ตีสามกว่าๆ ไหว้พระสวดมนต์ นั่งสมาธิเจริญสติภาวนา
จนถึงเวลา ๐๕.๓๐ น. ญาติโยมที่มาจากชลบุรีมาลากลับ แจกวัตถุมงคลให้ญาติโยมที่มาและฝาก
ไปให้ญาติโยมที่ร่วมทำบุญมาด้วย ญาติโยมลากลับไปเวลาประมาณ ๐๖.๓๐ น. ลงไปทำกิจของสงฆ์
ตามปกติต่อ ตอนกลางคืนฝนตกหนักพื้นแฉะ ทำให้ทำงานได้ไม่สะดวกเลยบอกให้หยุดพักงานก่อน
รอให้อากาศดีมีแสงแดดจึงค่อยทำงานกันต่อ จึงใช้เวลาเกือบทั้งวันทำวัตถุมงคลเตรียมไว้แจกญาติโยม
ในงานกฐิน เขียนตะกรุด ออกแบบผ้ายันต์ ตอนเย็นลงไปทำวัตรสวดมนต์ตามปกติ เสร็จแล้วกลับขึ้นศาลา
ที่พัก เจริญสติภาวนาต่อ จนได้เวลาจึงจำวัตรพักผ่อน
.....รอยธรรม.....
                    ในการทำงานแต่ละอย่างนั้น เราต้องปลุกจิตปลุกใจให้มีฉันทะ คือความพึงพอใจในงานนั้น
มีความปิติยินดีในสิ่งที่กระทำ มีสติอยู่ทุกขณะจิตในขณะที่ทำงานนั้นๆ งานที่ทำนั้นก็จะสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี
ตามหลักธรรมของอิทธิบาท ๔ คือต้องมี ฉันทะ วิริยะ จิตตะ วิมังสา งานนั้นจึงจะก้าวหน้าและนำไปสู่ความสำเร็จ
การที่จะทำให้จิตเจริญอยู่ในอิทธิบาท ๔ ได้นั้น เกิดได้จากการใช้สติพิจารณา ให้เห็นถึงคุณ ถึงโทษ ถึงประโยชน์
และมิใช่ประโยชน์ในสิ่งที่จะกระทำ คิดถึงประโยชน์ตนและประโยชน์ท่านที่จะได้รับ ถ้าสิ่งที่กระทำนั้นสำเร็จผลแล้ว
จิตจะเกิดศรัทธามีกำลังใจที่จะกระทำในสิ่งนั้น ความปิติยินดีที่ได้กระทำก็จะเกิดขึ้น มีความเพลิดเพลินในการกระทำ
จิตในขณะที่กระทำก็จะเป็นกุศลจิตเพราะมีอารมณ์ธรรมแห่งพรหมวิหารคุ้มครองอยู่ การทำงานนั้นจึงเป็นการปฏิบัติธรรม
 :059:  ถ้ามีศรัทธาความเชื่อมั่นในความดีแล้ว จะทำให้ไม่ลำบากที่จะกระทำในสิ่งที่เป็นบุญกุศล เพราะว่าใจของเรานั้น
มีความพร้อมที่จะกระทำ ทุกอย่างเริ่มที่ใจ
 :059: เมื่อใจของเราสงบลงได้แล้ว เราจะเห็นถึงสิ่งที่เป็นกุศลและอกุศลทั้งหลาย แยกบุญแยกบาปได้อย่างชัดเจน
และมีกำลังที่จะข่มซึ่งอกุศลทั้งหลาย ไม่ให้กำเริบเสิบสานมีกำลังมากขึ้นไป
 :059: ครูบาอาจารย์ท่านกล่าวย้ำเตือนอยู่เสมอว่า ไม่เผลอ ไม่หลง ไม่ส่ง ไม่ส่าย ไม่วุ่น ไม่วาย กับเรื่องทั้งหลาย
ที่ประสพพบเห็น เมื่อใจนิ่งและเย็น ก็จะพบกับความสุขสบาย
 :059: ไม่เก็บ ไม่กำ ไม่กอบ ไม่โกย ไม่โกง ไม่กิน ไม่เอาเปรียบผู้ใด พึงพอใจในสิ่งที่มีและที่เป็น ใจของเราก็จะมี
ความสุขไม่วุ่นวาย แต่ถ้าเราเก็บ กำ กอบ โกย โกง กิน ตัวเราเองก็มีแต่จะเสื่อมลง หมดสง่าราศี วุ่นวายและทุกข์ใจ
 :059: ธรรมะนั้นมีอยู่ทุกที่และทุกเวลา เกิดขึ้นอยู่เสมอ ผู้มีปัญญาย่อมน้อมเข้ามาสู่ตนเอง คือน้อมเข้ามาพิจารณา
ในตัวเอง เมื่อพิจารณามากเข้าก็จะถึงซึ่งความเป็นปัจจัตตัง คือสิ่งที่รู้ได้เฉพาะตน ทำเองเห็นเองและรู้เองในสิ่งที่ทำ
.....รอยกวี.....
                  ใบไม้......
                  ยามเจ้าอยู่บนกิ่งใบ
                  เจ้านั้นช่วยสร้างสีสรรค์
                  และมีประโยชน์อนันต์
                  ต่อพืชพรรณและธรรมชาติ
                  ถึงคราวที่เจ้าร่วงหล่น
                  เจ้ายังมีผลประโยชน์ต่อพื้นดิน
                  ย่อยสะลายเป็นปุ๋ยให้พืชได้ดูดกิน
                  เจ้าไม่เคยสิ้นประโยชน์เลย...ใบไม้เอย
                  คนเอย.....
                  วันเวลาที่ผ่านไป
                  เจ้าได้สร้างประโยชน์อะไรรึยัง
                  ให้คนข้างหลังได้ภาคภูมิใจ
                  เจ้าได้สร้างประโยชน์อะไร
                  ให้กับตนเองและสังคม
                  ให้เขาทั้งหลายได้ชื่นชม
                  หลังจากเจ้านั้นได้ตายไปแล้ว
                  หรือให้เจ้าได้ภาคภูมิใจก่อนตาย
                  คนเอย.....
                  อย่าให้ชีวิตไร้ค่ากว่าใบไม้
                  อย่าให้เวลาที่ผ่านไปนั้นเปล่าประโยชน์
                  สร้างแต่สิ่งที่เป็นโทษอันก่อให้เกิดบาปกรรม
                  เจ้าควรที่จะคิดและควรทำในสิ่งที่เป็นกุศล
                  ให้เป็นมงคลแก่ชีวิตให้เป็นนิมิตที่ดีแกตนเอง
                  จงใคร่ครวญทบทวนในสิ่งที่เจ้านั้นได้ผ่านมา
                  อย่าให้ชีวิตของเจ้านั้นไร้ค่ากว่าใบไม้...คนเอย
                         ......................................
                         ด้วยความปรารถนาดีและไมตรีจิต
                               รวี สัจจะ-สมณะไร้นาม
๑๒ กันยายน ๒๕๕๓ เวลา ๐๗.๐๑ น. ณ ศาลาน้อยริมน้ำโขง ชายขอบประเทศไทย
                 
หัวข้อ: ตอบ: รอยทางและรอยธรรม...๑๑ ก.ย.๕๓
เริ่มหัวข้อโดย: หลังฝน.. ที่ 12 ก.ย. 2553, 09:37:06
กราบ นมัสการ พระอาจารย์ ครับ

กราบขอบพระคุณอย่างสูงครับ สำหรับบทความดีๆทุดครั้งที่ได้อ่านรู้สึกดีอย่างยิ่ง ครับ

ถ้ามีโอากาสผมคงได้ไปกราบพระอาจารย์ถึงที่วัดและได้ไปเที่ยวชมวัดน่ะครับผมพอดีเรียนอยู่สารคามจะพยายามหาโอากาสไปเที่ยวที่วัดครับ

ผม :054: :054: :054:

หัวข้อ: ตอบ: รอยทางและรอยธรรม...๑๑ ก.ย.๕๓
เริ่มหัวข้อโดย: ~@เสน่ห์เอ็ม@~ ที่ 12 ก.ย. 2553, 10:22:50
กราบมนัสการพระอาจารย์ที่เคารพ  :054:

กราบขอบพระคุณสำหรับเรื่องราว รอยทาง รอยธรรม รอยกวี คำสอน  :054:
ธรรมะนั้นมีอยู่ทุกที่และทุกเวลา เกิดขึ้นอยู่เสมอ ผู้มีปัญญาย่อมน้อมเข้ามาสู่ตนเอง คือน้อมเข้ามาพิจารณา
ในตัวเอง เมื่อพิจารณามากเข้าก็จะถึงซึ่งความเป็นปัจจัตตัง คือสิ่งที่รู้ได้เฉพาะตน ทำเองเห็นเองและรู้เองในสิ่งที่ทำ

กราบขอบพระคุณสำหรับคำสอนในวันนี้ ศิษย์ขอนอบน้อมจดจำใว้เป็นแนวทางในการปฏิบัติต่อไปครับ  :054:
หัวข้อ: ตอบ: รอยทางและรอยธรรม...๑๑ ก.ย.๕๓
เริ่มหัวข้อโดย: PeAwPeed ที่ 12 ก.ย. 2553, 12:46:28
ครูบาอาจารย์ท่านกล่าวย้ำเตือนอยู่เสมอว่า ไม่เผลอ ไม่หลง ไม่ส่ง ไม่ส่าย ไม่วุ่น ไม่วาย กับเรื่องทั้งหลาย
ที่ประสพพบเห็น เมื่อใจนิ่งและเย็น ก็จะพบกับความสุขสบาย

กราบนมัสการพระอาจารย์ค่ะ
กราบขอบพระคุณ กับบทความสอนสั่ง เตือนสติ
ให้ศิษย์ยึดมั่นในความดี และเป็นแนวทางปฏิบัติตน มาโดยตลอดคะ
:054:



หัวข้อ: ตอบ: รอยทางและรอยธรรม...๑๑ ก.ย.๕๓
เริ่มหัวข้อโดย: nsp8428 ที่ 12 ก.ย. 2553, 05:28:56
กราบนมัสการพระอาจารย์และกราบขอบพระคุณเป็นอย่างสูงค่ะ



              ขออนุญาติcopy รูปภาพวิวนะคะ
หัวข้อ: ตอบ: รอยทางและรอยธรรม...๑๑ ก.ย.๕๓
เริ่มหัวข้อโดย: ~เสน่ห์ack01~ ที่ 12 ก.ย. 2553, 08:42:07
ไม่เก็บ ไม่กำ ไม่กอบ ไม่โกย ไม่โกง ไม่กิน ไม่เอาเปรียบผู้ใด พึงพอใจในสิ่งที่มีและที่เป็น ใจของเราก็จะมี
ความสุขไม่วุ่นวาย แต่ถ้าเราเก็บ กำ กอบ โกย โกง กิน ตัวเราเองก็มีแต่จะเสื่อมลง หมดสง่าราศี วุ่นวายและทุกข์ใจ



กราบนมัสการพระอาจารย์ครับ ขอบพระคุณที่เมตตาสอนครับ
หัวข้อ: ตอบ: รอยทางและรอยธรรม...๑๑ ก.ย.๕๓
เริ่มหัวข้อโดย: leaflet ที่ 12 ก.ย. 2553, 08:48:05
                  ใบไม้......
                  ยามเจ้าอยู่บนกิ่งใบ
                  เจ้านั้นช่วยสร้างสีสรรค์
                  และมีประโยชน์อนันต์
                  ต่อพืชพรรณและธรรมชาติ
                  ถึงคราวที่เจ้าร่วงหล่น
                  เจ้ายังมีผลประโยชน์ต่อพื้นดิน
                  ย่อยสะลายเป็นปุ๋ยให้พืชได้ดูดกิน
                  เจ้าไม่เคยสิ้นประโยชน์เลย...ใบไม้เอย

กราบนมัสการพระอาจารย์ครับ
หัวข้อ: ตอบ: รอยทางและรอยธรรม...๑๑ ก.ย.๕๓
เริ่มหัวข้อโดย: NONGEAR44 ที่ 12 ก.ย. 2553, 10:15:11
กราบนมัสการพระอาจารย์ครับ ขอบพระคุณมากครับ
หัวข้อ: ตอบ: รอยทางและรอยธรรม...๑๑ ก.ย.๕๓
เริ่มหัวข้อโดย: derbyrock ที่ 13 ก.ย. 2553, 09:31:53
เมื่อใจของเราสงบลงได้แล้ว เราจะเห็นถึงสิ่งที่เป็นกุศลและอกุศลทั้งหลาย แยกบุญแยกบาปได้อย่างชัดเจน และมีกำลังที่จะข่มซึ่งอกุศลทั้งหลาย ไม่ให้กำเริบเสิบสานมีกำลังมากขึ้นไป
กราบนมัสการพระอาจารย์ครับ เมื่อก่อนถ้าอ่านประโยคนี้ก็คงไม่เข้าใจเพราะใจไม่เคยสงบ มีแต่ความวุ่นวายตั้งแต่ตื่น แต่ตอนนี้จิตใจเริ่มสงบบ้างเป็นบางเวลา เลยได้พิจาราณาทบทวนเรื่องต่างๆในชีวิตประจำวันได้บ้าง เตือนตัวเองตำหนิตัวเองในเรื่องที่เป็นอกุศลทั้งหลาย ทั้งความคิดและการกระทำ แม้วันนี้จำทำได้ไม่ดีเท่าไหร่ แต่ก็โชคดีที่ได้เริ่มครับ