กระดานสนทนาวัดบางพระ

หมวด ธรรมะ และ นอกเหตุ เหนือผล => สนทนาภาษาผู้ประพฤติ, กฎแห่งกรรม และ ประสบการณ์วิญญาณ => สนทนาภาษาผู้ประพฤติ => ข้อความที่เริ่มโดย: รวี สัจจะ... ที่ 15 ก.ย. 2553, 06:53:45

หัวข้อ: รอยทางและรอยธรรม...๑๔ ก.ย.๕๓
เริ่มหัวข้อโดย: รวี สัจจะ... ที่ 15 ก.ย. 2553, 06:53:45
(http://img835.imageshack.us/img835/4259/img0107zw.jpg)

ตถตาอาศรม ริมฝั่งโขง
 ๑๕ กันยายน ๒๕๕๓
.....รอยทาง.....
              เช้านี้ตื่นเร็วกว่าปกติ เพราะว่าจำวัตรเร็วประมาณสี่ทุ่ม จะใช้เวลาในการหลับ
ประมาณคืนละไม่เกินสี่ชั่วโมงต่อคืน ซึ่งเป็นอย่างนั้นมานานแล้ว ตั้งแต่สมัยเป็นฆราวาส
เพราะถูกฝึกให้ตื่นเช้าจนเป็นความเคยชินของชีวิตไปแล้ว จึงทำให้มีเวลาทำกิจวัตรใน
ภาคเช้ามากกว่าปกติ ไหว้พระสวดมนต์ นั่งสมาธิเจริญสติภาวนา ซึ่งวันนี้นั่งภาวนาเพลิน
จนเลยเวลาไม่ได้ลงไปทำกิจวัตรของสงฆ์ในภาคเช้า เพราะว่านั่งเพลินไปออกจากอารมณ์
สมาธิเวลาประมาณ เกือบสี่โมงเช้า ใช้เวลาในการนั่งสมาธิภาวนาไปประมาณ ๕ ชั่วโมงกว่าๆ
เมื่อเลยเวลาทำกิจไปแล้ว จึงเก็บตัวอยู่บนศาลาพยายามทรงอารมณ์กรรมฐานต่อไปเรื่อยๆ
ตอนบ่ายๆมีญาติโยมจากในตัวจังหวัดมาถวายสังฆทานและสนทนาธรรมปรึกษาเรื่องการปฏิบัติ
สนทนาธรรมแนะนำญาติโยมเรื่องการปฏิบัติจนเย็นโยมจึงลากลับ ได้เวลาลงไปทำวัตรเย็นพอดี
ทำกิจวัตรของสงฆ์ในภาคค่ำเสร็จแล้วกลับที่พักตอบปัญหาธรรมะในเน็ต เสร็จแล้วเจริญสติภาวนา
ต่อจนได้เวลาจงได้จำวัตรพักผ่อน
....รอยธรรม.....
                   ในขณะที่กล่าวธรรมนั้น เราต้องวางอารมณ์ให้เป็นสมาธิในกรรมฐานกองที่เรานั้น
กำลังกล่าวถึง มันจะเกิดสภาวะธรรมะลื่นใหล อารมณ์ธรรมนั้นจะต่อเนื่องกันไป ทำให้เราบรรยาย
ธรรมได้ไม่ติดขัด เป็นธรรมะที่เกิดจากสภาวะของจิตในขณะนั้น มันจะเป็นธรรมชาติเพราะว่าเรา
ไม่ได้กำหนดไว้ล่วงหน้าว่าจะบรรยายเรื่องอะไร มันจึงเป็นการกล่าวปัจจุบันธรรมที่เกิดขึ้นในขณะนั้น
ซึ่งมันจะสอดคล้องกับจังหวะ เวลา โอกาศ สถานที่และบุคคลในขณะนั้น ซึ่งเป็นอานิสงส์ของการที่
ได้ฝึกปฏิบัติธรรมในกรรมฐานมาทุกกองและทุกแนว ทำให้พอจะมีความรู้และความเข้าใจในอารมณ์
ของกรรมฐานแต่ละกองแต่ละแนวที่มีการปฏิบัติกันอยู่ในปัจจุบัน เพราะว่าแต่ละคนที่มาปรึกษานั้น
ปฏิบัติธรรมแตกต่างกันคนละแนวคนละกรรมฐาน และอินทรีย์แตกต่างกันตามกำลังที่ได้ปฏิบัติกันมา
เราต้องเข้าอารมณ์กรรมฐานในกองเดียวแนวทางเดียวกับเขา และเข้าอารมณ์ไปให้ถึงจุดที่เขาติดขัด
สงสัยและเป็นปัญหาสำหรับเขา มันจะทำให้เราเห็นถึงความผิดพลาดเห็นที่เกิดของปัญหาและสภาวะ
ธรรมข้างหน้าที่เขาจะพบต่อไป เมื่อรู้และเข้าใจจึงจะแก้ปัญหาให้เขาได้
 :059: อานิสงส์แห่งเมตตา ๑๑ ประการ  :059:
๑.สุขัง สุปะติ...หลับอยู่ก็เป็นสุขสบาย
๒.สุขัง ปะฏิพุชฌะติ...ตื่นขึ้นก็เป็นสุขสบาย
๓.นะ ปาปะกัง สุปินัง ปัสสะติ...ไม่ฝันร้าย
๔.มะนุสสานัง ปิโย โหติ...เป็นที่รักของมนุษย์ทั้งหลาย
๕.อะมะนุสสานัง ปิโย โหติ...เป็นที่รักของอมนุษย์ทั้งหลาย
๖.เทวะตารักขันติ...เทวดาย่อมคุ้มครองรักษา
๗.นาสสะ อัคคิ วา วิสัง วา สัตถัง วา กะมะติ...ไฟก็ดี ยาพิษก็ดี ศัตราก็ดี ทำอันตรายไม่ได้
๘.ตุวะตัง จิตตัง สะมาธิยะติ...จิตย่อมเป็นสมาธิได้รวดเร็ว
๙.มุขะวัณโณ วิปปะสีทะติ...ผิวพรรณย่อมผ่องใส
๑๐.อะสัมมุฬ์์โห กาลัง กะโรติ...เป็นผู้ไม่ลุ่มหลงทำกาลกิริยา
๑๑.อุตตะรัง อัปปะฏิวิชฌันโต พรหมะ โลกูปะโค โหติ...เมื่อยังไม่บรรลุคุณธรรมวิเศษอันยิ่งๆขึ้นไป ย่อมเป็นผู้เข้าถึงพรหมโลก
.....รอยกวี.....
                  สรรพสิ่งไม่หยุดนิ่งเคลื่อนไหว
                  แปรเปลี่ยนไปตามจังหวะและฤดูกาล
                  เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ไม่นานก็ดับสะลายไป
                  สิ่งใหม่ก็เคลื่อนไหวเกิดข้นแทนที่
                  เป็นอย่างนี้ต่อเนื่องสืบต่อเรื่อยมา
                  จนไม่รู้ว่ามีการเกิดขึ้นตั้งอยู่และดับไป
                  เพราะว่าจิตใจนั้นหลงใหลเผลอสติ
                  ลืมกายลืมจิตไม่ได้คิดพิจารณา
                  จึงไม่รู้ว่ามีการเกิดขึ้นตั้งอยู่และดับไปทุกขณะ
                              ธรรมะเป็นเรื่องของการกระทำ
                              ไม่ใช่คำสอนที่อยู่ในคัมภีร์หรือใบลาน
                              ไม่ใช่การอ่านให้จำได้แล้วเอาไปอวดรู้
                              ธรรมะทั้งหลายอยู่ที่กายและที่จิต
                              อยู่ในทุกความคิดและทุกอย่างที่ทำ
                              เพราะว่าธรรมะนั้นคือธรรมชาติของจิต
                              ที่เปลี่ยนแปลงไปตามจังหวะเวลาและโอกาศ
                              สอดคล้องกับความเป็นจริงของธรรมชาติทั้งหลาย
                                              ดูหนังดูละครแล้วจงย้อนมาดูกาย
                                              ให้ใจนั้นมาอยู่กับเนื้อกับตัว
                                              ไม่หลงเมามัวไปตามกิเลสและตัณหา
                                               มีสติสัมปชัญญะระลึกรู้และรู้ตัวทั่วพร้อม
                                               น้อมเข้ามาระลึกรู้ถึงกายและจิตของตัวเอง
                                               ดูกาย ดูจิต ให้รู้ความคิด ให้รู้การกระทำ
                                               มีคุณธรรมคือความละอายและเกรงกลัวต่อบาป
                                               คุ้มครองจิตในการที่จะคิดและในการที่จะกระทำ
                                               ทำได้อย่างนั้นแล้วท่านจะพบกับความสุขในชีวิต...
                                                         .......................................
                                      ด้วยความปรารถนาดีและไมตรีจิต
                                             รวี สัจจะ-สมณะไร้นาม
๑๕ กันยายน ๒๕๕๓ เวลา ๐๖.๕๓ น. ณ ศาลาน้อยริมน้ำโขง ชายขอบประเทศไทย

                 


หัวข้อ: ตอบ: รอยทางและรอยธรรม...๑๔ ก.ย.๕๓
เริ่มหัวข้อโดย: ~เสน่ห์ack01~ ที่ 15 ก.ย. 2553, 07:50:11
                                               ดูกาย ดูจิต ให้รู้ความคิด ให้รู้การกระทำ
                                               มีคุณธรรมคือความละอายและเกรงกลัวต่อบาป
                                               คุ้มครองจิตในการที่จะคิดและในการที่จะกระทำ
                                               ทำได้อย่างนั้นแล้วท่านจะพบกับความสุขในชีวิต...


กราบนมัสการพระอาจารย์ครับ ขอบพระคุณที่เมตตาสอนครับ
หัวข้อ: ตอบ: รอยทางและรอยธรรม...๑๔ ก.ย.๕๓
เริ่มหัวข้อโดย: derbyrock ที่ 15 ก.ย. 2553, 08:33:35
ธรรมะเป็นเรื่องของการกระทำ
กราบนมัสการพระอาจารย์ครับ ธรรมะจากการอ่าน ทำความเข้าใจ ไม่ใช่เรื่องยาก แต่ธรรมะจากการกระทำ ไม่ใช่เป็นเรื่องง่ายก็จริงแต่ถ้ามีความตั้งใจก็สามารถทำได้ การนำธรรมะมาประยุกต์ใช้กับชีวิตประจำวันเป็นเรื่องของแต่ละบุคคล ชีวิตของฆราวาสยากที่จะมีใครมากำหนดให้กระทำตามเป็นรูปแบบชัดเจน เพราะแต่ละคนมีหน้าที่รับผิดชอบไปคนละแบบ โดยส่วนตัวจะพยายามกำหนดให้จิตคิดอะไรที่เป็นกุศลจิตตลอดเวลา เพราะคิดว่าการกระทำแบบนี้จะนำพาชีวิต ไปสู่การเป็นคนดีทั้งทางโลกและทางธรรมได้ครับ สิ่งที่ผมคิดอยู่ถูกทางไหมครับพระอาจารย์
หัวข้อ: ตอบ: รอยทางและรอยธรรม...๑๔ ก.ย.๕๓
เริ่มหัวข้อโดย: NONGEAR44 ที่ 15 ก.ย. 2553, 08:40:45
กราบนมัสการพระอาจารย์ครับ ขอบพระคุณมากครับ

                                ธรรมะเป็นเรื่องของการกระทำ
                              ไม่ใช่คำสอนที่อยู่ในคัมภีร์หรือใบลาน
                              ไม่ใช่การอ่านให้จำได้แล้วเอาไปอวดรู้
                              ธรรมะทั้งหลายอยู่ที่กายและที่จิต
                              อยู่ในทุกความคิดและทุกอย่างที่ทำ
                              เพราะว่าธรรมะนั้นคือธรรมชาติของจิต
                              ที่เปลี่ยนแปลงไปตามจังหวะเวลาและโอกาศ
                              สอดคล้องกับความเป็นจริงของธรรมชาติทั้งหลาย
หัวข้อ: ตอบ: รอยทางและรอยธรรม...๑๔ ก.ย.๕๓
เริ่มหัวข้อโดย: หลังฝน.. ที่ 15 ก.ย. 2553, 09:24:48
กราบนมัสการพระอาจารย์ครับ ตอนเช้าๆ อากาศดีพอสมควร ตื่นมาอ่านบทความดีๆยิ่งทำให้สดใส

กราบขอบพระคุณพระอาจารย์ครับที่เมตตาสอนสั่ง มีประโยชน์มากมายขอบพระคุณครับ
หัวข้อ: ตอบ: รอยทางและรอยธรรม...๑๔ ก.ย.๕๓
เริ่มหัวข้อโดย: ~@เสน่ห์เอ็ม@~ ที่ 15 ก.ย. 2553, 10:06:24
กราบมนัสการพระอาจารย์ที่เคารพ  :054:

กราบขอบพระคุณสำหรับเรื่องราว รอยทาง รอยธรรม รอยกวี คำสอน  :054:

ดูกาย ดูจิต ให้รู้ความคิด ให้รู้การกระทำ มีคุณธรรมคือความละอายและเกรงกลัวต่อบาป

ศิษย์ขอนอบน้อมใว้เป็นแนวทางต่อไป  :054:
หัวข้อ: ตอบ: รอยทางและรอยธรรม...๑๔ ก.ย.๕๓
เริ่มหัวข้อโดย: pepsi ที่ 15 ก.ย. 2553, 08:25:29
กราบนมัสการท่านอาจารย์ครับ..
ผมได้อ่านแล้ว..จะนําแนวทางของท่านอาจารย์ไปปฏิบัติครับ..